ซีรีย์ บุปผาสันนิวาส +*+พิสูจน์รักทานตะวัน+*+

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 4 : คุณต้องอยู่กับผมตลอดเวลา



สองทุ่มตรงตามเวลานัดหมาย ณ ร้านอาหารไทยที่ดัดแปลงตึกแถว 3 คูหามารองรับลูกค้า ตกแต่งอย่างเรียบง่ายให้ความรู้สึกคล้ายไปกินข้าวที่บ้านเพื่อนสนิท หญิงสาวที่นั่งใกล้ประตูโดยมีน้ำแตงโมปั่นครึ่งแก้ววางอยู่บนโต๊ะระบายยิ้มออกมาเป็นครั้งที่เท่าไรก็จำไม่ได้ เพียงแค่คิดว่าจะได้รับประทานอาหารค่ำร่วมกับชายหนุ่มอันเป็นที่รักในร้านโปรดของเขา ผลัดกันป้อน ผลัดกันตักอาหารให้อย่างเอาใจใส่ หัวใจของเธอก็พองฟู อิ่มเอมเปรมปรีดิ์จนไม่ต้องกินอะไรไปอีกสิบวัน

มันเหมือนความฝัน แต่ในที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว

สาวลูกครึ่งหยิบกระจกบานใหญ่ ในกระเป๋าสะพายรูปพระอาทิตย์มาสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้ง หลังเมื่อคืนรื้อเสื้อผ้าที่มีอยู่มาทาบมาลองจนหมดตู้ หญิงสาวก็ยังไม่พอใจ เธอจึงนำเครื่องแต่งกายเก่าๆ มาปรับปรุงใหม่...เสื้อกล้ามและกางเกงหนังสีดำถูกใส่ไว้ด้านใน ส่วนตัวนอกที่สวมทับ คือโค้ทตัวยาวที่เธอใช้เวลาทั้งคืนปักเลื่อมไล่เหลือมสีเหลือง ส้ม แดง ลายพระอาทิตย์ดวงโตที่กลางหลัง โดยมีแฉกร้อนแรงแผ่รังสีจนถึงด้านหน้า แน่นอนว่าเมื่อพี่ซันเห็นต้องถูกใจจนอยากถอดเก็บไว้ ทั้งเสื้อ...ทั้งคนใส่

จมอยู่กับจินตนาการที่ล่องลอยไปไกล แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อสัมผัสว่ามีเงาดำพาดผ่าน บังแสงโคมไฟที่อยู่เหนือหัว รู้ว่าที่ก้าวเข้ามาไม่ใช่พี่ซัน เพราะกลิ่นน้ำหอมมันไม่ใช่ ด้วยความสงสัยเธอจึงเงยหน้าขึ้นมองทันที แล้วเงาทะมึนของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่พร้อมด้วยผู้ชายอีกสองคนที่ขนาบข้างก็ทำให้เธอขมวดคิ้ว พวกเขายืนค้ำหัวแล้วจ้องมาที่เธอ

เกือบร้องถามไปว่าใคร แต่แล้วเธอก็จดจำได้

“คุณระเบิดแอนเดอะแก๊งค์!!”

เท่านั้น ชายแปลกหน้าตัวยักษ์ที่ยืนอยู่อีกฝั่งของโต๊ะก็หลุดขำ ท่าทีคุกคามราวกับเจ้าพ่อในหนัง แปรเปลี่ยนเป็นมิตรคล้ายเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนาน

“ขอบคุณที่ตั้งชื่อให้นะครับ”

จอมทัพเอ่ยพลางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ส่วนผู้ติดตามทั้งสองคนเลี่ยงไปยืนหน้าขรึมอยู่ข้างๆ โต๊ะอย่างรู้ตำแหน่ง ทานตะวันมองอย่างแปลกใจ เธอจำไม่ได้ว่าเชิญเขาร่วมโต๊ะตั้งแต่เมื่อไร แต่กระนั้น...ด้วยความมีมารยาทของเธอ เธอจึงไม่เอ่ยถามออกไปอย่างที่คิด

“ความจริงฉันก็จำชื่อคุณได้นะคะคุณจอมทัพ... ส่วนนั่นก็คุณภาม วันนั้นขอโทษด้วยนะคะที่ผลักซะแรง แต่อีกคนฉันไม่เคยได้ยินชื่อ เลยไม่รู้จัก”

“นั่นเดชครับ แต่คุณไม่ต้องจำคนอื่นก็ได้ แค่ผมคนเดียว ผมก็พอใจแล้ว”

“ฉันจำคุณได้เพราะคุณเป็นเพื่อนพี่ซัน”

“งั้นก็ต้องขอบคุณซัน ที่ทำให้เราได้เจอกันอีกครั้ง”

ประโยคนั้น ทำให้คิ้วสีน้ำตาลอ่อนขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ “เดี๋ยวนะคะ นี่เราไม่ได้บังเอิญเจอกันเหรอ”

จอมทัพหัวเราะ คล้ายเยาะในความไร้เดียงสาของเธอ “ไอ้ซันมันไม่ได้บอกคุณเหรอว่าผมเป็นคนอยากเจอคุณ หรือว่า...” เขาเว้นจังหวะไป ก่อนฉีกยิ้มกว้างเหมือนเจอเรื่องสนุกเรื่องใหญ่เข้าให้ “ไอ้ซันมันหลอกคุณมา”

ทานตะวันไม่รู้ตัวหรอกว่าทำหน้าอย่างไรออกไป แต่สำหรับชายหนุ่มที่เฝ้าดูอยู่ เขาเหมือนเห็นลูกโป่งกลมๆ ถูกเจาะลมออกกะทันหัน มันฟีบแฟบลงฉับพลัน ใบหน้ากลมเกลี้ยงของเธอแสดงความผิดหวังอย่างชัดเจน

แต่แทนที่จะหยุด จอมทัพกลับยิ่งสนุก

“ไอ้ซันมันหลอกคุณว่าอะไร แค่ชวนมากินข้าว หรือพิเศษกว่านั้น”

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ อาจเพราะครั้งก่อนที่เจอกัน เธอแสดงความเชื่อมั่นคล้ายไม่มีสิ่งใดสั่นคลอนความคิดของเธอได้ เขาเลยอยากเอาชนะ เป็นความไร้เหตุผลที่เขาก็ตลกตัวเองเหมือนกัน ตั้งใจมาผูกมิตรกับเธอแท้ๆ แต่กลับเย้าแหย่แบบไม่กลัวเธอโกรธ

“เสียใจมากไหม แทนที่จะเป็นไอ้ซัน กลับเป็นผมมาแทน พี่ชายสุดที่รักของคุณไม่น่าหลอกคุณเลยเนอะ”

เขาว่าเหมือนเห็นใจ แต่ดวงตาคู่คมกลับเฝ้ามอง รอคอยปฏิกิริยาของเธอ ผู้หญิงส่วนมากอาจกรี๊ดกร๊าดไม่พอใจเมื่อโดนแหย่ แต่เพราะเธอไม่เหมือนใคร คราวก่อนแต่งตัวเป็นหมีกริสลี่ คราวนี้สวมโค้ทตัวยาวราวกับประเทศไทยเป็นเมืองหนาว จอมทัพจึงคาดหวังการตอบสนองที่ตลกและแปลกกว่าคนอื่น แต่จนแล้วจนรอด หญิงสาวตรงหน้ากลับนิ่งเงียบ หรือเธอจะเสียใจจนสติหลุดไปแล้ว

“เฮ้ คุณหนูวัน ช็อคไปแล้วหรือไงครับ” เขาถาม แต่ทันใดนั้น ทานตะวันกลับยกแขนข้างซ้ายขึ้นมาแล้วดีดนิ้วดังเปาะ พร้อมพูดว่า “Pause ค่ะ”

ยังไม่ทันถามว่าพูดกับเขาหรือเปล่า สาวลูกครึ่งกับหลับตา พึมพำบางอย่างกับตัวเอง

“พี่ซันไม่ได้หลอก ตั้งแต่เกิดมา เธอเคยเห็นพี่ซันหลอกลวงใครเหรอ ไม่เคยใช่ไหม นั่นไง พี่ซันเขาต้องมีเหตุผลแน่ๆ หรือไม่...เขาก็คงอยากเซอร์ไพรส์ เธอต้องเข้าใจเขานะ ต้องเข้าใจ โอเค...เข้าใจแล้วใช่ไหม” แล้วเธอก็ดีดนิ้วอีกครั้ง “Play ค่ะ” จากนั้นหญิงสาวก็ลืมตา พร้อมจ้องตาเขาที่ยังคงอึ้งอยู่ “คุณต้องมีเรื่องสำคัญมากใช่ไหมคะถึงได้อยากเจอฉัน ว่ามาเลยค่ะ ฉันให้เวลาคุณ...สิบนาทีนะคะ เริ่มค่ะ”

เธอก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองเพื่อจับเวลา จอมทัพยอมรับตามตรงเลยว่าเขาไปต่อไม่ถูกจริงๆ วิธีการปลอบใจตัวเองก็ดี บทสนทนาที่เหมือนอยู่ในเกมโชว์ก็ดี เกิดมาเขาเพิ่งเคยเจอ

แต่แบบนี้แหละ... ที่เขาหามานาน

“ผมว่าผมชอบคุณแล้วล่ะ”

“คะ!?!” เธอเงยหน้าขึ้นทันที มองเขาอย่างประหลาดใจ “นี่คุณจะจีบฉัน?”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ผมประทับคุณจริงๆ อยากร่วมงานกับคุณ”

“อ๋อ จีบไปร่วมงาน” เธอลากเสียงยาวเหมือนโล่งอก แต่แล้วกลับไปขมวดคิ้วใหม่ คงกำลังคิดถึงธุรกิจกลางคืนของเขา “เดี๋ยวนะคะ ร่วมงานแบบไหนคะ คือฉันไม่ถนัดเรียกแขก แล้วก็ไม่ชอบเชียร์ให้ใครดื่มของมึนเมาด้วย คิดว่าไม่ใช่แนว ขอผ่านดีกว่าค่ะ”

“คุณไม่เหมาะกับที่คลับหรอก... งานที่ผมจะเสนอให้คุณ คือคุณต้องอยู่กับผมตลอดเวลา”

“หา?” คราวนี้เธอย่นคอพร้อมมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “อันนี้พูดแบบคิดแล้วใช่ไหมคะ”

เขาหัวเราะเบาๆ ดูอาการของเธอสิ... มีผู้หญิงไม่ต่ำกว่าสิบอยากได้ยินข้อเสนอแบบนี้ แต่เธอกลับทำเหมือนรังเกียจ “ไอ้ซันบอกว่าคุณเพิ่งเรียนจบ ยังไม่ได้ทำงาน แล้วก็ไม่มีแผนจะเรียนต่อด้วย ยังไงว่างๆ คุณก็มาทำงานกับผมก่อนสิ ผมให้คุณเรียกเงินเดือนได้ตามสบายเลยนะ หรือถ้าคุณไม่ได้มายด์เรื่องนั้นเพราะรวยอยู่แล้ว ก็คิดซะว่าทำขำๆ หาตังค์กินหนมก็ได้”

แรกๆ ที่ฟัง เธอก็ขยับจะเถียงอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายเธอก็รอจนเขาเอ่ยจบ

“คุณต้องการอะไรจากฉัน” น้ำเสียงเหมือนหาเรื่อง แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลับจ้องมองมาอย่างพิจารณา เขายิ้มเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องสงสัย เลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แล้วตอบเสียงจริงจัง

“ความสามารถพิเศษของคุณ”

เท่านั้น หญิงสาวก็แทบจะตบเข่าฉาดเลยทีเดียว

“นั่นไง ฉันว่าแล้ว คุณสนใจพรสวรรค์ของฉัน คุณอยากให้ฉันคอยเตือนว่าคุณจะตายเมื่อไรใช่ไหม คุณจอมทัพคะ คุณไม่ใช่คนแรกที่ทาบทามฉันอย่างนี้ แต่ประเด็นคือ ฉันไม่ใช่หมอดู ไม่ได้หยั่งรู้อนาคตของทุกคนตลอดเวลา ไอ้ที่ฉันเห็น มันก็มาเป็นพักๆ ควบคุมไม่ได้ อย่างตอนนี้....”

โดยไม่ส่งสัญญาณล่วงหน้า หญิงสาวก็ยื่นมือนุ่มมาแตะใบหน้าของเขาทันที ทำเอาผู้ชายที่ผ่านสตรีมามากมายถึงกับนิ่งค้างเพราะคาดไม่ถึง ส่วนบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนอยู่รีบปราดเข้ามาใกล้เพราะเกรงว่าเธอจะทำร้ายเขาเหมือนครั้งก่อน แต่ดูเหมือนสาวเจ้าจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับสัมผัสนี้ แค่หน้าอยู่ใกล้มือที่สุด ก็เลยใช้มันสาธิตความสามารถ

“นี่ไง ฉันไม่เห็นอะไรเลย... ไม่มีระเบิด ไม่มีเลือด แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายกับคุณนะ แค่ฉันมองไม่เห็น ไม่สามารถเตือนคุณได้ทุกครั้ง คุณเข้าใจที่ฉันพูดไหม ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษไง ถ้าคุณกลัวตาย ฉันขอเสนอให้คุณเลิกทำธุรกิจนี้ ถึงมันจะถูกกฎหมายแต่มันก็ผิดศีลนะ อย่างน้อยคุณก็ขายเหล้าใช่ไหมล่ะ แล้วไหนจะเรื่องคนที่อยากแก้แค้นคุณอีก อุ๊ย...มากมาย เพื่อความปลอดภัย คุณหันไปทำสวนทำไร่ดีกว่า อยู่ในป่าในดอย ฉันว่าไม่มีใครคิดฆ่าคุณหรอก ฉันช่วยคุณได้แค่นี้แหละ ถือว่าเคลียร์นะคะ อ้อ ฝากคุณจ่ายค่าน้ำแตงโมปั่นให้ด้วยละ สวัสดีค่ะ”

เธอไหว้ลา คว้ากระเป๋าสะพาย แล้วลุกขึ้น ฉวยจังหวะที่เขากำลังมึนกับประโยคยาวเหยียดที่เธอร่ายออกมาแบบไม่พักหายใจ สาวเท้าฉับๆ จากเขาไป กว่าจอมทัพจะรู้ตัว เขาก็เห็นแค่ประกายวิบวับจากดวงตะวันบนหลังเสื้อโค้ทของเธอเท่านั้น

“ให้ผมตามกลับมาไหมครับ” เดช...ชายหนุ่มหน้าดุรูปร่างสันทัดที่ยืนกล้ามโตอยู่ใกล้ๆ ถามเสียงต่ำ แต่เมื่อผู้เป็นเจ้านายส่ายหน้า ภาม...บอดี้การ์ดอีกคนที่ตัวสูงและพูดเก่งกว่าก็เอ่ยขึ้นบ้าง

“วิ่งตามไปตอนนี้ยังทันนะครับ แต่อาจต้องใช้สองคนช่วยจับ เพราะแรงเธอค่อนข้างเยอะ”

“เอาไว้ก่อนเถอะ...” จอมทัพเอ่ยเบาๆ สีหน้าเคร่งเครียดจริงจังอย่างน้อยครั้งนักจะได้เห็น “เมื่อกี้ได้ยินกันใช่ไหม เธอพูดว่า คนที่อยากแก้แค้น...”

“เธอก็คงเดามั้งครับ” ภามตอบทันที ขณะที่เดชก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่จอมทัพกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างสะกิดใจ บางอย่าง...อาจจะในคำพูด หรือในแววตาของเธอ

“ฉันว่าไม่... บางทีนะ เธออาจจะไม่ได้แค่เห็นว่าฉันกำลังจะตาย แต่เห็น...ว่าเป็นฝีมือใคร”

เอ่ยจบ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็เหยียดยิ้มมุมปากเหมือนชอบใจ ดวงตาคู่คมกลับไปพริบพราวราวเห็นเรื่องสนุกอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง

“แบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน... ว่าไหม”



ไม่ เธอไม่คิดว่ามันสนุกสักนิด

ทานตะวันที่เดินพ้นประตูออกมา ก้มมองมือตัวเองที่สัมผัสใบหน้ารกหนวดของชายหนุ่มที่ยังคงอยู่ในร้าน รู้สึกไม่สบายใจที่โกหก แต่เธอก็ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะบอกเขาอย่างไร

ใช่...เมื่อครู่เธอเห็น แต่มันเป็นภาพที่แวบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่ปะติดปะต่อ เธอเห็นแสงไฟสีแดงสดสาดเข้าตา ใครบางคนยืนอยู่ในกลุ่มควันหนา และกระบอกปืนเงาวับในมือของใครคนหนึ่งที่กำลังเล็งเป้าไปที่บางอย่าง

เธอควรกลับไปเตือนเขาหรือเปล่า แต่จะเริ่มต้นอธิบายภาพในหัวที่เกิดขึ้นชั่ววินาทีนั้นอย่างไร เฮ้...คุณจอมทัพ ระวังปืนหน่อยนะ แล้วเขาควรระวังกระบอกไหนล่ะ แน่นอนว่าทั้งเขาและบอดี้การ์ดหน้าดุสองคนนั่นต้องพกปืนติดตัวตลอดเวลาแน่ๆ หรือจะบอกให้อยู่ห่างๆ แสงสีแดง แต่ไฟในคลับ 65 ก็เป็นสีแดงทั้งนั้นเลยนะ ส่วนเรื่องแก้แค้นอะไรนั่น เธอไม่น่าหลุดปากออกไปเลย เพราะมันเป็นแค่...แค่บางคำที่ผุดขึ้นมาในความรู้สึก น้ำหนักอาจจะน้อยกว่าลางสังหรณ์เสียด้วยซ้ำ... ไม่เอาดีกว่า เธออย่าไปยุ่งอีกเลย ดีไม่ดีเขาจะใช้ความคลุมเครือนี้เป็นข้ออ้างในการตามตื้อเธอทำงานให้เขาก็ได้ หยุดพะวงเรื่องของเขา แล้วกังวลเรื่องตัวเองดีกว่า

อุตส่าห์วางแผนเสียดิบดี ให้กรรณิการ์มาส่ง เพื่อขากลับจะได้ออดอ้อนขอติดรถกลับกับพี่ซัน แต่ทุกอย่างกลับพังเมื่อพี่ซันไม่มา แต่เอาจริงๆ เธอก็ไม่โกรธเขาหรอกนะ มันแค่...โหวงๆ แปลกๆ พักเดียวก็คงหาย ที่น่าห่วงคือเธอจะกลับบ้านอย่างไร ถ้าเรียกให้ลูกพี่ลูกน้องมารับ คงได้โดนหัวเราะเยาะโทษฐานที่เตือนแล้วไม่ฟังแน่

ครุ่นคิดอยู่ครู่เดียวก็ตัดสินใจได้ ทานตะวันก้าวไปยืนริมทางเท้า ตั้งใจจะโบกแท็กซี่ที่แล่นผ่าน แต่อยู่ๆ เรื่องของผู้ชายอีกคนก็หวนกลับมาอีกครั้ง พร้อมคำถามที่จู่โจมอย่างกะทันหัน

หากไม่เตือน ไม่บอก แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนพี่ซัน เธอจะรับมือกับความรู้สึกผิดไหวหรือ

ไม่...ไม่ไหว

คำตอบที่ได้ทำให้หญิงสาวถอนหายใจ ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นคนยังไง หรือภาพที่เห็นจะเลือนรางแค่ไหน แต่เธอก็ควรบอกเขาตามตรง ไม่เช่นนั้น เธอคงเสียใจเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา

ตัดสินใจอย่างนั้นร่างอวบอัดก็หมุนตัวกลับ แต่ทันใดนั้น รถคันหนึ่งก็แล่นมาจอดใกล้ๆ

เดี๋ยวนะ เธอยังไม่ได้โบกเรียกเลยไม่ใช่เหรอ มาจอดรับทำไม

หญิงสาวหันไปมองแล้วก็ต้องตกใจ รถสีขาวคุ้นตา ไม่ต้องเห็นป้ายทะเบียนก็จำได้

“พะ...พี่ซัน?!”

เธออุทานด้วยเสียงที่ค่อนข้างสั่น ขณะที่กระจกข้างคนขับถูกเลื่อนลง คนที่นั่งหลังพวงมาลัยยื่นหน้านิ่งๆ ออกมาเพียงเสี้ยว พลันนั้น หัวใจของเธอก็กระตุกไหวอย่างรุนแรง

“ขึ้นรถสิ”

ประโยคเดียวสั้นๆ ทานตะวันก็ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง ลืมว่าคนๆ นี้ได้ผิดนัด และลืมเรื่องผู้ชายที่ชื่อจอมทัพเสียสนิท





----มาช้าหน่อยนะคะ งานยุ่งมากเลย อย่าเพิ่งลืมกันน้าาา ----







ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.พ. 2558, 19:24:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.พ. 2558, 19:24:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1511





<< บทที่ 3 : ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร   บทที่่ 5 : ไม่หวง แค่ห่วง >>
แว่นใส 16 ก.พ. 2558, 21:50:27 น.
แล้วพี่ซันก็มา


พันธุ์แตงกวา 16 ก.พ. 2558, 22:11:28 น.
โถๆๆๆๆๆ กำลังจะว่ามาซบอกกรรณแทนก่อนละกัน สุดท้ายพี่ซันก็มาาาาาาาา ร้ายกาจน่าหยิกนักนะ จอมทัพก็น่าสนใจน่ากลั่นแกล้ง เลือกยากแฮะ


ปรางขวัญ 17 ก.พ. 2558, 11:27:51 น.
พี่ซันนนน พี่เป็นพระเอกรึเปล่า เดี๋ยวตาจอมทัพจะงาบหนูวันไปนะ อิอิ


ChaCha 17 ก.พ. 2558, 22:56:05 น.
เริ่มอบากให้อีตาจอมทัพเป็นพระเอกแทนแล้ววอ่ะค่ะ


Zephyr 18 ก.พ. 2558, 16:59:03 น.
อ่าว เจอพี่ซันแล้วลืมหมดยังงี้
ตาจอมทัพก็แย่สิ หนูวัน


นักอ่านเหนียวหนึบ 20 ก.พ. 2558, 00:57:46 น.
หนูวั๊นนนนนนนน นางเพี้ยนจนมีแววเหรอออ
นางมีหนุ่มถึงสองเลยอ้ะ กรี้ดๆๆๆ สาวๆ เรื่องนี้จิงๆ


tik 1 พ.ค. 2558, 12:58:24 น.
เอ๊ะ ยังไงกัน ที่จริงอ่ะ เขาอยากเชียร์คุณจอมทัพนะ หนูวัน จะไปรักทำไมผู้ชายแบบพี่ซันเนี๊ยะ มีอะไรดีมั่ง แค่สูง ขาว จมูกโด่ง หน้าตาหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา ขยันทำงาน สุขุม รอบคอบ....แค่นั้นเอง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account