พิมพ์ลภัส
พิมพ์ลภัสเด็กสาวร่างอ้วนแก้มยุ้ยด้วยน้ำหนักตัวเกือบร้อยกิโลกรัมแอบรักพี่ชายขัางบ้านที่โตมาด้วยกัน ทว่าภีรมัตเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น..เธอรู้
ระหว่างเธอกับภีรมัตแตกต่างกันราวผีเน่ากับเทพบุตร ใครจะไปสวยเท่าแฟนสาวสิตาภาที่ครั้งหนึ่งเขาเคยประกาศต่อหน้าเธอว่าใช่สเป็ก นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ และการกลับมาพบกันอีกครั้งระหว่างเธอกับภีรมัตเรื่องยุ่งๆของหัวใจจึงเริ่มต้นขึ้น

Tags: พิมพ์ลภัส ภีรมัต รักหวานซึ้งปนเศรา้้

ตอน: บทที่ 24 ความลับไม่มีในโลก


จากวันที่เธอประสบพิษรักจนแทบจะยืนไม่ไหว จุลกานต์ก็ไม่เคยปล่อยให้เธอเดียวดายอีกเลย ช่างน่าขันเสียเหลือเกิน ความเจ็บปวดทั้งหลายแหล่เกิดจากจิตใจของเธอผู้เดียวทั้งสิ้น ถ้าภีรมัตจะมีส่วนผิดก็ตรงที่เขาจูบเธอนั่นแหล่ะ หัวใจที่เคยสงบนิ่ง เต้นผิดจังหวะบ้างเวลาที่เธอแอบมองเขาไกลๆ ไม่ใช่ไม่เหลือความเป็นตัวเองเช่นทุกวันนี้

หลายวันที่ผ่านมา จุลกานต์มักจะพาเธอไปโน่นมานี่เสมอถ้าเขาว่าง เธอเข้าใจความห่วงใยที่เขามีต่อเธอจึงไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจ ทำให้มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่เนืองๆ บางข่าวก็เขียนว่าเธอควงกันหวานแข่งกับคู่ภีรมัต มีภาพยืนยันบ้าง แรกๆก็อึดอัดเพราะนอกจากแทนไทแล้ว เธอก็ไม่เคยให้ความสนิทสนมกับเพื่อนชายคนไหนมากเท่าจุลกานต์มาก่อน แต่คำพูดจากจุลกานต์ก็ทำให้เธอไม่ต้องคิดมาก

“คุณอย่าเก็บเอาความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณ มาครุ่นคิดให้ลำบากใจเลยนะพิม ปล่อยให้มิตรภาพของเรามันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ ไม่รักก็ไม่รัก ผมไม่ได้ว่าอะไรคุณสักหน่อย” เขายังพูดติดตลกด้วยซ้ำ จากนั้นเธอก็ไม่เคยเก็บเอามาคิดให้หนักใจเท่าเรื่องนี้เลย

พิมพ์ลภัสปิดหนังสือบันเทิงแล้ววางลงบนโต๊ะโครมใหญ่ ก้อนเนื้อในอกเจ็บจี๊ดเหมือนมีใครเอาเข็มปักลงไป ภาพคู่ระหว่างภีรมัตกับสิตาภาควงกันดูบ้านแถบชาญเมือง ราคาสิบล้านขึ้น เนื้อข่าวเขียนไว้ว่าทั้งคูกำลังมองหาเรือนหอซึ่งอาจะมีข่าวดีในอีกไม่ช้าไม่นานนี้แน่ มันทำให้เธอ..เซ็ง

รู้ว่ายังไงซะ มันต้องมีวันนั้นเข้าสักวัน ทั้งที่เฝ้าบอกกับใจตัวเองเป็นร้อยครั้งแล้ว แต่หัวใจกลับดื้อแพ่ง ถอนออกมาไม่ได้เสียที สาวน้อยมองเหม่อไปไกล ปล่อยความคิดลอยวนไปถึงเขา กระทั่งประตูบานใหญ่เบื้องหน้าถูกผลักเข้ามา เธอก็ยังไม่รู้สึกตัว
หุ่นสมาร์ทอย่างนายแบบหยุดยืนตรงหน้าเธอ มองพิมพ์ลภัสนิ่งๆ เขายิ้มให้เธอตั้งแต่ผลักประตูเข้ามา เธอเห็นมองมาเขาพอดีนึกว่าจะเห็นแล้วซะอีก แต่เปล่าเลยพิมพ์ลภัสจมดิ่งสู่ห้วงภวังค์อีกแล้ว เขาสะกิดมือบางเบาๆ

“ใจลอยถึงใครครับ ใช่ผมรึเปล่า” เอ่ยเย้าไม่จริงจังกับคำตอบทันเห็นแววไหววูบในดวงตา พิมพ์ลภัสยิ้มจืดชืดให้เขา

“มาได้ไงคะ ไหนว่าวันนี้มีงานทั้งวันไง” นึกแปลกใจนิดหน่อย เมื่อเช้าเขาโทร.มาบอกเธออย่างนั้น

“ครับ ความจริงผมคิวแน่นทั้งวัน แต่วันนี้เป็นวันสำคัญ..” เขาเงียบไปนิด พิมพ์ลภัสทำหน้างงๆ เขาจึงเฉลย “วันเกิดผมน่ะ เลยขอใช้สิทธิ์ความฮอตเร่งให้เขาถ่ายเร็วขึ้น จะได้มีเวลาไปดินเนอร์กับคุณ” สายตาทอประกายแวววาวจนเธอชักเขิน

“ตายจริง ฉันลืมสนิทเลย ขอโทษนะคะ” พิมพ์ลภัสยิ้มจืดๆอีกครั้ง สามวันก่อน เขาบอกเธอแล้ว แต่ดันลืมซะนี่

จุลกานต์นึกขำกับใบหน้าเจื่อนจืดของพิมพ์ลภัส เขาไม่ได้คาดหวังตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าจะได้รับของขวัญจากเธอ ดังนั้นเรื่องที่พิมพ์ลภัสจะลืมวันเกิดเขาจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แค่ได้เห็นเธอยิ้ม ไม่ทำหน้าอมทุกข์เหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้ นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา

จุลกานต์หลุบตามองนิตยสารบันเทิงเล่มหนึ่งบนโต๊ะที่วางกองรวมอยู่กับแฟ้มเอกสารอื่นๆ ภาพพระเอกอันดับหนึ่งกับนางแบบแถวหน้าเด่นหราบนปก โดยที่ภาพใบหน้าของภีรมัตมีรอยปากกาวาดเส้นเติมหนวดคล้ายแมว นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้พิมพ์ลภัสเหม่อลอยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสินะ

พิมพ์ลภัสหลุบสายตาลงตามเขาบ้าง ถึงเข้าใจว่าเขากำลังมองอะไร เธอหยิบนิตยสารเล่มนั้นลงลิ้นชัก
“ให้ฉันเป็นเจ้าภาพนะคะ แทนของขวัญวันเกิด” หนนี้เขาไม่ปฏิเสธ ยิ้มรับเพียงนิดเท่านั้น

------------------------------------------------------**********---------------------------------------------------------------------------

ร้านอาหารอิตาเลี่ยนย่านสุขวิท เป็นตัวเลือกที่จุลกานต์เสนอเพราะเธอให้สิทธิ์เขาตัดสินใจ บรรยากาศโรแมนติกแบบนี้ ทำให้เธอลำบากใจเล็กน้อย แต่พอคิดว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดเขา เธอจึงไม่อยากขัด

ชิ้นสเต็กในจานพิมพ์ลภัสแหว่งเพียงนิด จุลกานต์พยายามชวนเธอคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา เพราะเมื่อไหร่ที่เขาเงียบ เธอก็จะจมดิ่งหายเข้าไปในโลกส่วนตัวซึ่งเขาเข้าไม่ถึง...อย่างเช่นตอนนี้ พิมพ์ลภัสหั่นชิ้นสเต็กเข้าปากเงียบๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยตามแต่สมองจะพาไป จนเผลอถอนหายใจอย่างลืมตัว

“เห็นคุณน้าเล่าให้ผมฟังว่าคุณกำลังจะไปเรียนต่อ” เขาหมายถึงคุณแม่ของพิมพ์ลภัส เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาได้พบท่านโดยบังเอิญที่ห้างสรรพสินค้าซึ่งคุณแม่ของพิมพ์ลภัสไปเป็นประธานเปิดงานมูลนิธิมีชื่อและเขาเป็นพรีเซ็นเตอร์รนณรงค์อยู่พอดีจึงไดคุยกับท่านสองสามประโยค

“ค่ะ ฉันคิดมานานแล้วล่ะว่าจะไปเรียนต่อ เพียงแต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกเรียนอะไรดี ระหว่างความฝันกับธุรกิจของครอบครัว”

“แล้วตอนนี้ตัดสินใจเลือกได้รึยังครับ”

“ค่ะ ฉันเลือกเดินตามความฝัน อยากมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองมานานแล้วล่ะ ถึงเวลาที่จะทำฝันให้เป็นจริงเสียที ฉันเสียเวลากับเรื่องไร้สาระมามากพอแล้ว” ประโยคสุดท้ายพิมพ์ลภัสหลบตาเขา แต่ก็ไม่อาจข่มซ่อนความรู้สึกได้ เขาทันได้เห็นแววตางามหม่นแสงลง

“ผมกำลังคิดเรื่องจะไปเรียนต่ออยู่เหมือนกัน ถ้าจะให้ดีเราน่าจะไปพร้อมกัน”

พิมพ์ลภัสวางช้อนซ้อมกับมีดลง ยิ้มละไมให้เขา ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าจุลกานต์เพียงแค่ห่วงเธอเท่านั้น ไม่ได้คิดอยากจะไปเรียนจริงๆหรอก เขาจบมาตั้งสองสามปี ถ้าคิดจะเรียนต่อน่าจะทำไปตั้งนานแล้ว คงไม่ปล่อยเวลาทิ้งไปเฉยๆหรอก

“คุณไม่ได้คิดอยากจะเรียนจริงๆหรอกคุณจุ๊น ขอบคุณนะคะที่คุณเป็นห่วงฉัน ฉันดูแลตัวเองได้”

“นี่คุณกำลังปฏิเสธผมอยู่ใช่มั้ยพิม” จุลกานต์เอ่ยด้วยท่าทีสบายๆไม่แสดงอาการโศกเศร้าให้เห็น นี่แหล่ะ...ที่ทำให้เธอไม่ลำบากใจเวลาอยู่กับเขา

อาการนิ่งเงียบจากใบหน้าหวาน สายตาเสมองไปทางอื่นไม่ยอมสบตาเขา ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเขาพูดถูก นับครั้งไม่ถ้วนที่พิมพ์ลภัสพยายามบอกเขาทางอ้อมว่าเป็นได้แค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น แต่เขากลับไม่ยอมรับมัน เห็นทีวันนี้คงต้องถอยจริงๆซะที จุลกานต์ยิ้มขันในลำคอ

“คุณขำอะไร” เธองง

“ขำคุณน่ะสิ คุณรู้มั้ย...ไม่เคยมีใครทนเสน่ห์ผมได้เกินอาทิตย์สักรายเดียว คุณเป็นคนแรกนะพิม ที่สอนให้ผมรู้จักกับความผิดหวัง” จุลกานต์เอ่ยติดตลก

นี่เธอควรดีใจหรือเสียใจกันแน่ ก่อนที่พิมพ์ลภัสจะเป็นฝ่ายหัวเราะออกมาบ้าง จนเขางงไปเช่นกันว่าเธอขำอะไร

“คุณจะได้รู้ไงล่ะว่าผู้หญิงไม่ได้มีแค่แบบที่คุณเคยเจออย่างเดียว” จุลกานต์ถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะพรืด

ภาพที่ทั้งคู่หัวเราะร่าตกอยู่ในสายตาภีรมัตและสิตาภา เขาเพิ่งเห็นตอนที่ทั้งคู่เริ่มทานอาหารแล้ว สำหรับสิตาภา เห็นตั้งแต่ทั้งสองเริ่มก้าวเท้าเข้ามาในร้าน ความที่ตนกับภีรมัตนั่งอยู่ในมุมที่เป็นส่วนตัว ทั้งสองจึงไม่สังเกต เหลือบตามองแฟนหนุ่มเห็นเพียงสันกรามขบกันแน่น มันทำให้เธอโกรธ ภีรมัตเบนสายตาหนีภาพนั้น จึงไม่ทันเห็นว่าพิมพ์ลภัสลุกไปจากเก้าอี้แล้ว สิตาภารีบขยับลุกตาม

“ภีมคะ สิตาขอตัวเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ” ความที่เขาเอาแต่หัวเสีย จึงไม่ทันจับพิรุธในน้ำเสียงเย็นยะเยือกของสิตาภา ซึ่งลุกจากไปแล้ว

--------------------------------------------------------------**********---------------------------------------------------------------------
ประตูห้องน้ำถูกผลักเข้ามาเงียบๆ สายตาวาวเรืองมองจิกพิมพ์ลภัสด้วยความเคืองขุ่น เสียงลงกลอนดังกริ๊ก ทว่าพิมพ์ลภัสกลับไม่ได้สนใจผู้มาใหม่

“สวัสดี แม่คุณหนูไฮโซ” คำทักทายแกมประชดประชันดังจากด้านหลัง มือบางที่กำลังกดน้ำยาอนามัยล้างมือชะงักนิด ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าใคร จึงถามเรียบๆแล้วล้างมือต่อ เบื่อหน่ายมากกว่าที่จะอยากรู้จุดประสงค์แท้จริงของนางแบบสาว

“ต้องการอะไร”

“ก็...ไม่มีอะไรมาก” สิตาภาทำท่ายักไหล่ ”แค่อยากจะบอกข่าวดีระหว่างฉันกับภีมให้เธอรับรู้...ก็เท่านั้น คิดว่าเธอน่าจะเห็นข่าวแล้วนะ” สิตาภาจีบปากจีบคอพูด

พิมพ์ลภัสล้างมือเสร็จก็ซับมือกับกระดาษทิชชูเรียบร้อย จึงหันมาเผชิญหน้ากับสิตาภา เธอนิ่งฟังในสิ่งที่สิตาภาต้องการให้เธอรับรู้เงียบๆ ไม่ได้อยากจะฟังหรอกนะ แต่เธอเบื่อหน่ายผู้หญิงคนนี้มากกว่าจึงไม่คิดจะตอบโต้อะไร เรื่องที่สิตา-ภาพูดก็เป็นเรื่องที่เธอรู้แล้วทั้งนั้นจากหน้าหนังสือพิมพ์ สิตาภาครั้นเห็นว่าพิมพ์ลภัสเงียบไปก็ยิ่งได้ใจ อ้าปากพูดต่อ

“คงจะอึ้งจนพูดไม่ออกล่ะสิ เห็นอะไรนี่มั้ยจ้ะ” สิตาภาชูมือข้างที่มีแหวนสวมอยู่ที่นิ้วนางขึ้นอวดเธอ ”ถ้าเป็นแหวนหมั้นคงใหญ่กว่านี้ เธอคงได้อ่านสัมภาษณ์แล้วสินะ” สิตาภายังคงจีบปากจีบคอพูด

พิมพ์ลภัสนึกถึงบทความให้สัมภาษณ์ของภีรมัต ที่นักข่าวถามว่าแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของสิตาภาใช่แหวนหมั้นรึเปล่า แล้วเขาก็ตอบว่า ถ้าเป็นแหวนหมั้นต้องใหญ่กว่านี้ครับ นี่เป็นเพียงของขวัญในวันเกิดที่ผ่านมาเท่านั้น หัวใจเจ็บหนึบ เป็นเรื่องปกติ เจ็บจนชินซะแล้วสำหรับเธอ

“แล้วคุณมาบอกฉันทำไม..” เธอถามกลับเอื่อยๆ

“เพื่อเตือนความจำให้เธอรู้ถึงฐานะตัวเองไง จะได้เลิกคิดฟุ้งซ่าน ฝันล้มๆแล้งๆเสียที” สิตาภาระเบิดเสียงกราดเกรี้ยวเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่

“คุณพูดเรื่องอะไร” พิมพ์ลภัสตวัดสายตามองคนพูดอย่างไม่เข้าใจ

“ก็เรื่องที่เธอแอบรักภีมยังไงล่ะ คิดไม่ถึงล่ะสิว่าฉันจะรู้ จะบอกให้เอาบุญนะพิมพ์ลภัส ว่าภีมเค้ารักฉัน ยังไงซะเราก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี เลิกคิดเลิกฝันได้แล้ว...พิมพ์ลภัส” เธอเกลียดเวลาที่พิมพ์ลภัสตีหน้าใสซื่อซะจริง

พิมพ์ลภัสผงะถอยหลังนิด ใบหน้าซีดสลดชาทั้งหน้าไปหมด ไม่ได้ตกใจเรื่องที่สิตาภาบอกจะแต่งงานกับภีรมัตแต่ตกใจที่สิตาภารู้ว่าเธอคิดยังไงกับพี่ชายข้างบ้าน เถียงไม่ออกแก้ต่างก็ไม่ได้ ในเมื่อสิ่งที่สิตาภาพูดคือความจริง มันเหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่ในคอพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติข่มน้ำเสียงสั่นๆเอ่ยตอบโต้ไปในที่สุด

“คุณกลัวฉันหรือคะ” พิมพ์ลภัสเอ่ยเสียงเย็น เธอไม่ได้เป็นนางเอกแสนดีที่ต้องยอมให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้ซึ่งไม่ได้มีความหมายใดๆต่อการดำเนินชีวิตของเธอมายืนว่าฉอดๆ

“ทำไมฉันต้องกลัวเธอด้วย” สิตาภาถามกลับเร็วเริ่มวิตก

”ก็ที่คุณมาประกาศบอกฉันปาวๆอยู่เนี่ย ถ้าไม่เรียกว่ากลัวแล้วจะเรียกว่าอะไร..คุณสิตาภา” พิมพ์ลภัสยิ้มเย็นกลับไปบ้าง
สิตาภาหน้าม้านไปทันทีที่โดนตอกกลับมา

มันเป็นเรื่องจริง ที่ลึกๆแล้วเธอกลัวพิมพ์ลภัส กลัวว่าพิมพ์ลภัสจะแย่งภีรมัตไปจากเธอ กลัวว่าภีรมัตจะเปลี่ยนสถานะของ
พิมพ์ลภัสจากน้องสาวกลายเป็นคนรัก สายตาที่ภีรมัตมองเด็กสาวตรงหน้าคราวนั้นที่หัวหิน มันเป็นสายตาในแบบที่เธอไม่เคยเห็นและได้รับจากเขา หงุดหงิดง่ายทุกครั้งเวลาที่เห็นพิมพ์ลภัสอยู่กับคนอื่น ยิ่งหลังๆมานี่ เขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธอเลย พอบอกว่าจะไปหาก็หนีไปค้างบ้านแม่ประจำ

สิตาภามัวแต่นิ่งอึ้ง รู้สึกอีกทีก็ตอนที่เสียงประตูห้องน้ำกระแทกปิด พิมพ์ลภัสออกไปแล้ว ทว่าคนอย่างเธอรึจะยอมให้ใครเดินจากไปง่ายๆ หล่อนตามมากระชากแขนพิมพ์ลภัสยื้อยุดฉุดรั้งให้หยุด ก่อนจะระเบิดเสียงดังอย่างไม่แคร์สายตาใคร

“เอาสิ! ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าภีมเค้ารู้ว่าน้องสาวข้างบ้านแอบคิดไม่ซื่อ...จะเป็นยังไง” สายตาวาวเรืองจากโทสะเพราะความอยากเป็นผู้ขนะ

พิมพ์ลภัสหน้าซีด แต่คนอย่างเธอหรือจะยอมตกเป็นรองได้นาน ทั้งที่ใจก็หวั่นๆกับคำขู่ของสิตาภาเหมือนกัน แต่ไม่มีทางยอมให้สิตาภารู้หรอกว่าเธอกำลังกลัว รอยยิ้มหวานๆผุดขึ้นเต็มวงหน้าเนียน ทว่ามันแฝงไปด้วยยาพิษ ถ้าอยากจะหาเรื่อง เธอก็จะลองดูสักตั้งเป็นไร

“ลองดูก็ได้นี่ ถ้าคุณอยากจะเสี่ยง บางทีผลลัพธ์อาจจะเป็นอย่างที่ฉันคาดหวังก็ได้ ก็ดีนะ...เรื่องจะได้จบง่ายขึ้น” จากที่กำลังยิ้มเย็นให้สิตาภา กลับกลายเป็นหน้าเสียและซีดเจื่อน เพราะเสียงทุ้มของภีรมัตดังขึ้นด้านหลังเธอ

“หมายความว่ายังไง..” เขาเอ่ยหน้ายุ่ง

พิมพ์ลภัสหันกลับไปยังต้นเสียงด้านหลังเธอ อึ้งจนพูดไม่ออกได้แต่ยืนอ้าปากค้าง ใบหน้าที่ซีดเผือดอยู่แล้วขาวซีดลงกว่าเดิม สีหน้าเขาก็ไม่ต่างกัน ดูอึ้งๆงุนงงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกระด้างกระเดื่องมึนตึง เขาคงโกรธเรื่องที่ได้ยินเข้า แต่เปล่าเขาไม่ได้โกรธพิมพ์ลภัส ทว่ากำลังไม่พอใจที่จุลกานต์ก้าวมายืนข้างสาวน้อยซะจนชิด ซ้ำยังโอบไหล่มนอย่างสนิทชิดเชื้อ

“คุณก็ได้ยินชัดแล้วนี่ ว่าน้องสาวข้างบ้านมันแอบรักคุณ” สิตาภาไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆเผลอพลั้งปากพูดออกไปด้วยความโมโห แต่พอได้สติก็นึกได้ว่าเธอไม่ควรพูดออกไปแบบนั้น หวั่นใจกลัวว่าผลลัพธ์อาจจะเป็นอย่างที่พิมพ์ลภัสพูดขู่เมื่อกี้ก็ได้
ภีรมัตได้ยินตั้งแต่สิตาภาพูดครั้งแรก เพียงแต่ไม่ค่อยแน่ใจ เขาจ้องพิมพ์ลภัสนิ่งอย่างรอคอยคำตอบ

สิตาภาสวมกอดแขนแฟนหนุ่มแนบชิดแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้หัวใจพิมพ์ลภัสแตกเป็นเสี่ยงๆ

“อีกอย่าง ที่ฉันจะบอกเธอให้รู้ ฉันกับภีม เรากำลังจะแต่งงาน เชิญตรงนี้เลยแล้วกัน” สิตาภาแสยะยิ้มสะใจที่เห็นใบหน้าสวยๆของพิมพ์ลภัสซีดสลดจนไร้สีเลือด เธออยากเห็นมารชีวิตเจ็บปวด

ตั้งแต่เจอพิมพ์ลภัสชีวิตก็ดิ่งลง พิมพ์ลภัสแย่งทุกอย่างไปจากเธอ งานเด่นๆสำคัญหลายงาน สื่อทุกแขนงซึ่งเคยให้ความสนใจต่อเธอ มักจะไปรุมล้อมรอบกายถ้าพิมพ์ลภัสปรากฏตัวเสมอ มันทำให้เธอเสียหน้า พิมพ์ลภัสเหลือบสายมองคนตัวสูงเห็นว่าเขานิ่งไม่ปฏิเสธ นั่นแปลว่าสิ่งที่สิตาภาพูดคือเรื่องจริง

ที่ภีรมัตไม่ทันได้อธิบายเรื่องที่สิตาเพิ่งประกาศไป เพราะเขากำลังสับสน สิ่งที่สิตาภาบอกว่าพิมพ์ลภัสคิดไม่ซื่อกับเขามันยังดังก้องอยู่ในหัวจึงไม่ทันได้ฟังเรื่องอื่น

“เกิดอะไรขึ้นครับพิม..” จุลกานต์เขย่าแขนเธอพยายามช่วยเรียกสติ เพราะเห็นพิมพ์ลภัสหน้าซีดไร้สีเลือดสนิท เกรงว่าจะล้มลงไปกองกับพื้น

“พาฉันกลับบ้านเถอะค่ะ” เธอเอ่ยเสียงแผ่วไม่ตอบคำถามใด หลบสายตาภีรมัตวูบ จุลกานต์โอบประคองร่างบางซึ่งตัวเย็นเฉียบเตรียมจะออกตรงนั้น แต่ภีรมัตกลับไม่ยอมให้ทั้งคู่จากไปง่ายๆความข้องใจยังมีอยู่แน่นอก พิมพ์ลภัสยังไม่ตอบคำถามเขา ร่างสูงตามมารั้งข้อมือบางไว้ไม่ยอมให้จากไปโดยง่าย

“เดี๋ยวสิพิม ยังไม่ได้ตอบพี่เลย ตกลงยังไง...เรื่องจริงหรือล้อเล่น” ท้ายประโยคเขาหลุดยิ้มขัน นั่นทำให้เธอโกรธ คงเห็นความรู้สึกเธอเป็นแค่เรื่องน่าขำสินะ น้ำตาที่ฝืนกลั้นไว้ในตอนแรกหยดแหมะลงมา

“ค่ะ แค่เรื่องล้อเล่น มันจะเป็นจริงได้ยังไงในเมื่อพิมกับคุณจุ๊น เรากำลังจะหมั้นกันเร็วๆนี้” พูดจบ เธอก็เป็นฝ่ายจูงมือจุลกานต์ออกจากที่นั่นโดยหารู้ไม่ว่าสิตาภาได้แอบจ้างพนักงานคนหนึ่งในร้านถ่ายคลิปทั้งหมดเอาไว้ ตอนนี้เธอยังคิดแผนที่จะกำจัดศัตรูหัวใจไม่ออก แต่เชื่อสิ!ว่ามันต้องมีสักทาง

ภีรมัตหน้าชากับประโยคที่ได้ยิน หัวใจเจ็บลึกร้าวราน ขาชาจนแทบก้าวไม่ออก คล้ายโดนของหนักหล่นใส่หัวอย่างจัง พิมพ์ลภัสเองพอหนีพ้นจากทั้งคู่มาได้ เธอก็ถึงกับปล่อยโฮอย่างไม่อายสายตาใครเพราะความอึดอัดขับข้องใจ จุลกานต์ปล่อยให้เธอร้องไห้จนพอแล้วจึงพามาส่งที่บ้าน

-------------------------------------------------------------------*******---------------------------------------------------------------
ระหว่างทางพิมพ์ลภัสเอาแต่นั่งเงียบ มือบางขยับประตูเตรียมจะลง แต่ต้องชะงักซะก่อนเพราะเสียงทุ้ม

“ผมจะคิดว่าที่คุณพูดไปแบบนั้น เพราะกำลังโกรธ” พิมพ์ลภัสอึ้งไปนิด เธอลืมคิดไปเลย มัวแต่นึกถึงคนที่ทำให้เจ็บใจจนลืมคิดถึงความรู้สึกจุลกานต์

“ฉันขอโทษที่ดึงคุณมาวุ่นวายด้วย”

“ถ้าเกี่ยวกับคุณ...ผมเต็มใจเสมอ” แววตาที่มองเธอบอกว่าเขาหมายความตามนั้นจริงๆ พิมพ์ลภัสซึ้งใจกับความรู้สึกที่จุลกานต์มีต่อเธอ แต่ความรู้สึกของเธอต่างหากเล่า...ที่เป็นปัญหา

ช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่าน เขาแสดงออกว่าจริงใจต่อเธอมากแค่ไหน เธอก็อยากที่จะรักเขาให้ได้เหมือนกับที่เขารักเธอ แต่เรื่องของหัวใจใครล่ะที่เป็นคนกำหนด แม้แต่ตัวเธอเองที่เป็นเจ้าของมัน ยังชี้เป็นชี้ตายไม่ได้เลย

“ขอบคุณมากนะคะ คุณเป็นคนดีนะคุณจุ๊น” เธอสบตาเขาแน่วนิ่งแบบมิตรคนหนึ่ง

“เป็นคนดีที่คุณไม่ได้รัก บางทีผมก็ไม่อยากเป็นนะพิม” เขาตอบกลับหน้าเศร้า เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นแววเจ็บปวดลึกๆบนนัยน์ตาสีเข้ม

“คุณกำลังทำให้ฉันลำบากใจอยู่นะคะ” เธอเอ่ยขันๆ สีหน้าตึงเครียดก่อนนั้นหายไป

“แค่ลำบากใจ แต่ไม่ได้เห็นใจ” จุลกานต์เอ่ยเย้า และอีกครั้งที่เธอพูดอะไรไม่ออก "อย่าคิดมากเลยครับ ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ เพื่อนก็เพื่อนจะเป็นไรไปล่ะ” ท่าทางสบายๆของเขามันทำให้เธอโล่งอก ก่อนจะก้าวลงจากรถ

ทว่าไม่เข้าบ้านทันที กลับยืนนิ่งมองตามไฟท้ายรถจุลกานต์จวบจนพ้นประตูรั้วบ้านด้วยความคิดหลากหลาย เห็นใจเขา แต่ก็นั่นแหล่ะ...เธอไม่สามารถรักเขาได้ ถ้าคนที่เธอรักเป็นจุลกานต์ ตอนนี้เธอคงมีความสุขไม่น้อย

“นี่ฉันไม่ได้กำลังทำบาปอยู่ใช่มั้ย” ร่างบางเอ่ยถามตัวเองลำพัง เรื่องของหัวใจมันเป็นอะไรที่ซับซ้อนซ่อนปมยิ่งกว่าแผนปล้นธนาคารซะอีก ต่อจากนี้จะจัดการกับมันยังไงดี

----------------------------------------------------------------**********--------------------------------------------------------------
มาให้เจ็บอีกแล้วค่า

ตอบเมนต์จ้า..

คุณร้อยวจี...ใจเย็นค่ะ..รับรองว่าพี่ภีมจะต้องเจ็บเจียนบ้า(ทำอะไรบ้าๆค่ะ)

คุณZia...ทนรออีกนิดค่ะ..ใกล้แล้ว

คุณกาสะลองพลัดถิ่น...คิดอยู่เหมือนกันค่ะ..เปลี่ยนพระเอกตอนนี้ทันมั้ยอ่ะ(อิอิ)

คุณโอชิน...ผู้เขียนก็สงสารพิมจับใจเรยย

คุณChacha...ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักร..รจนาไฉนค่าา

ท้ายสุด..ขอบคุณทุกท่านที่กดไลน์กดแชร์..ขอบคุณทุกเมนต์และนักอ่านที่แวะเวียนมาเพิ่มยอดค่ะทำให้กล้าฝันต่อ..
ซึ้งอ่ะ..

By.รจนาไฉน



รจนาไฉน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.พ. 2558, 21:28:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.พ. 2558, 21:29:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1356





<< บทที่ 22 พรีเวดดิ้ง   บทที่ 25 ความวัวไม่ทันหายความ(ซวย)ก็ตามมา >>
Zia 17 ก.พ. 2558, 22:18:25 น.
อ้ากกกก ฉุนพี่ภีม ซื่อ...ไปนะคะ จะปล่อยพิมพหลุดมือจริงๆหรอ


โอชิน 17 ก.พ. 2558, 22:53:39 น.
พี่ภีมคะ รู้ใจตัวเองสักทีนะคะ นู๋พิมจะประชดไปหมั้นกะคนอื่นละ พี่ภีมต้องทำอะไรสักอย่างแล้วค่าาา


ChaCha 17 ก.พ. 2558, 23:03:44 น.
โอ้ยยยยเศร้าอ่ะ สงสารจุ๊น


กาซะลองพลัดถิ่น 18 ก.พ. 2558, 01:08:22 น.
เอิ่ม... เริ่มจะรำคาญนางเอกนิด ๆ แล้ว ถ้าจะสู้ก็ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องถอยลองดูสักตั้งหนึ่งเป็นไง
ส่วนนายภีมก็มาดเยอะเกิน สิตาภาถ้าเป็นชีวิตจริงนี่คงไม่ไหวจะเคลียร์เนอะ......
ตกลงสงสารนายจุ๊น


lookpud 18 ก.พ. 2558, 20:28:14 น.
เซ็งนายภีม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account