สิเน่หา...ยอดดวงใจ
260 ปี มันช่างนานแสนนานเหลือเกินกับการต้องรอคอยพบเจอะเจอหญิงสาวอันเป็นนิมิตรหมายในห้วงอันคลั่งแค้นแสนสะสมมานานเป็นร้อยๆ ปีคริสต์ศักราช

แนะนำตัวละคร

ดานิล วาดิติน อเล็กซานดรูว์ บุรุษมหาเศรษฐีเก่าแก่ลึกลับตระกูลหนึ่งของรัสเซีย ทรัพย์สินที่มีไว้ครอบครองมีค่ามากกว่าเมืองหนึ่งๆ ของรัสเซียเลยทีเดียว

ในอดีตชื่อ Anna Mikhailov

ปัจจุบันชื่อ อันนา วรเวช สาวน้อยวัยยี่สิบสองปี ที่ต้องมาจมปลักทนทุกข์ เมื่อกำลังเดินทางมายังเมืองมอสโกแห่งรัสเซียแล่นสู่คฤหาสน์วาติดิน ใน ฐานะ ภรรยาของดานิล วาดิตินวัยหกสิบปี อันนาเข้าใจว่า ดานิลคือชายชรา ก้าวแรกที่เข้ามาได้พบเขา อันนาก็ต้องตกใจ ไหนจากบ้านของเธอบอกว่า ดานิล วาดิติน อายุหกสิบปีแล้ว คนที่เธอเห็นตรงหน้ากลับเป็นชายหนุ่มเรือนร่างกำยำหล่อเหลาไร้ที่ติ แต่ดวงตาคู่คมกริบที่จ้องมองเธอนั้นกลับน่ากลัวเหลือเกิน คำแรกที่ดานิลเอ่ยกับอันนา คือ คำสั่ง เป็นคำสั่งที่อันนาแทบมึนงุนงง ไม่เข้าใจเสียจริงๆ เขาต้องการให้เธอค้นหาหัวใจของเขาที่หายไป...

Tags: รักโรแมนติกพาฝัน,ซึ้งกินใจ,สิเน่หา...ยอดดวงใจ

ตอน: บทที่ 13 วันที่ต้องสูญเสีย

บทที่ 13 วันที่ต้องสูญเสีย

“กรี๊ดดด เรเวน!...” อันนาหวีดร้องสุดเสียง เมื่อเห็นแมวตัวโปรดของดานิล กำลังสิ้นใจ ด้วยฝีมือของกลุ่มนายทหารพรานโหดเหี้ยม พวกมันพากันบุกรุกเข้าคฤหาสน์วาดิติน และฆ่าบอดี้การ์ดทิ้งจนหมดสิ้น ก่อนจะมาจับตัวของเธอ และเจ้าแมวลายเสือเรเวน มันพยายามปกป้องอันนา ทว่ามันกลับต้องมาถูกยิงตาย...

“ง่ายว่ะ...นี่นะเหรอ ป้อมปราการอันแข็งแกร่งของตระกูลวาดิติน อเล็กซานดรูว์ ฮ่าๆ” นายทหารรับจ้างหน้าโหดคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างสะใจ พวกมันรู้ว่าอิทธิพลของดานิล กว้างไกลแค่ไหน แต่ก็อยากท้าทาย...การบุกรุกเข้าคฤหาสน์วาดิตินสุดแข็งแกร่ง คือ สิ่งที่พวกเขาเอ่ยรับข้อเสนอนี้

“รีบกันเถอะ นายจ้างพวกเรา...รออยู่...” เสียงนายทหารหนึ่งร้องเตือน พวกมันลากตัวหญิงสาว มาอุ้มใส่บ่าทหารร่างยักษ์คนหนึ่ง อันนาดิ้นสู้อย่างสุดกำลังชีวิต แต่ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่กำลังของมดตัวจี๊ดเดียวเท่านั้น เนื่องจากนายทหารพรานคนนั้น ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย อันนาส่งเสียงลั่น...ร้องขอความช่วยเหลือไปทั่วสารทิศ...ทว่าหนทางดูจะมืดมัวนัก จนทำหัวใจของเธอสั่นสะเทือนและขวัญเสียอย่างรุนแรงนัก น้ำตาไหลอาบแก้ม เพราะเสียใจที่ได้เห็นเจ้าแมวเรเวนถูกยิงตายต่อหน้าต่อตา



“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...ดานิล...ช่วยด้วย!”

เสียงหวีดร้องของหญิงสาว แทรกกระทบประสาทอันรับรู้ของดานิล ณ ห้วงนิทรา จนเขาต้องสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาอย่างรุนแรง เขาหอบอย่างกระหืดกระหายๆ ราวกับเพิ่งจะรับอากาศลมหายใจเข้าไปสู่เต็มปอด พร้อมทั้งยังได้ยินเสียงนี้...ตึก...ตึก...ตึกตัก...อุ้มมือหนาข้างหนึ่งแทบยกขึ้นมาทาบบริเวณหน้าอกแกร่งตนเอง

“เสียงหัวใจของข้า...” ดานิลพึมพำออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อเลย...เขาออกตามหามันตั้งเกือบสองร้อยกว่าปี และในที่สุด...มันก็ได้กลับมาหาเขาแล้ว...ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างดีใจเหลือล้น ก่อนเหลือบเห็นอีกร่างหนึ่ง ที่ได้นอนอยู่เคียงข้างกาย พลันดวงตาของชายหนุ่มถึงกับต้องกระตุกตาอย่างตื่นๆ...

“ทะ...ท่านดานิลครับ!” วอนก้าบอดี้การ์ดคนเก่งของดานิล วิ่งหน้าตาหน้าตั้ง เข้ามาหา หลังจากที่ไปเก็บกวาดล้างพวกหมาลอบกัดอีกกลุ่มหนึ่ง และรีบขับรถกันกระสูนแล่นมาให้ทันคนเจ้านาย...ซึ่งได้ออกเดินด้วยฝีเท้ามาถึงสุสาน...เพียงลำพังกลางหิมะอันยะเยือก

“นั่นมันชุดของทาติน่า...ใช่ไหมครับ นางตายแล้วหรือ...” วอนก้าเห็นชุดเมดวัยชราสีดำเปรอะเปื้อนเลือด...แล้วเพ่งมองไปยังผู้หญิงที่นอนบนลานหินสุสาน ข้างกายเจ้านายหนุ่มใหญ่ของเขา เธอเป็นใครกันละเนี่ย...

ดานิล...ไม่ได้สนใจคำถามของวอนก้า เขาลงมือถอดชุดที่เปื้อนเลือดของเมดวัยชราออกจากหญิงสาวผู้นั้น วอนก้ามองดู ก็ไม่เข้าใจนัก ว่าท่านดานิลกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

“ถอดเสื้อสูทนายออกมา วอนก้า...” ดานิลเอ่ยสั่ง

“ครับๆ” วอนก้าขานรับอย่างมึนงง แล้วรีบถอดเสื้อสูทตัวนอกให้เจ้านายหนุ่มใหญ่ เพื่อเอาไปห่อหุ้มตัวหญิงสาวคนนั้น

“งานศพของนาง ข้าจะจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ” ดานิลบอกให้วอนก้ารับรู้แค่นั้น และจึงอุ้มร่างหญิงสาวปริศนาขึ้น

“งานกวาดล้างยังไม่จบนะ วอนก้า...ตอนนี้อันนา...โดยพวกมันลากตัวไปแล้ว!” ดานิลเอ่ยบอกอย่างกัดกรามแน่นอน มันกล้าบุกรุกคฤหาสน์ของเขา ดานิลเชื่อภาพนิมิตอันสุดท้ายที่เห็น ก่อนจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

“อะไรนะครับ เป็นไปไม่ได้!” วอนก้าไม่เชื่อคำบอกกล่าวของเจ้านาย จึงรีบคว้าหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสูทกางเกง ติดต่อไปยังลูกน้องที่คอยคุ้มกัน นายหญิงอันนา อยู่ ณ คฤหาสน์ วาดิติน

“เปล่าประโยชน์น่า วอนก้า โทรไปก็ไม่มีคนรับสายหรอก...” ดานิลบอกทิ้งท้าย ก่อนจะเดินดิ่งไปยังรถยนต์คันโตกันกระสูนของวอนก้า พร้อมอุ้มแม่หญิงสาวปริศนาติดรถไปด้วยกัน

วอนก้ารีบกลับมาทำหน้าที่เป็นพลขับ...เขาโทรติดต่อสั่งงานลูกน้องที่เหลือ...อยู่ในเมืองทั้งหมด...โดยที่ดานิลไม่ได้เอ่ยปากบอกอะไรเลยสักคำ งานนี้วอนก้าต้องรับผิดชอบด้วยตนเอง เพราะเขาทำงานพลาด...วอนก้าทำให้ท่านดานิลต้องสูญเสียคนที่ท่านรักและมีความสำคัญอย่างยิ่งจากไปเสีย วอนก้าขอสัญญาว่าจะล้างผลาญเอาคืนจากพวกมัน...ให้สิ้นซาก!



“ปะ...ปล่อยนะ...ปล่อยนะ” อันนาส่งเสียงร้องห้ามอย่างแผ่วเบา...ลงเรื่อยๆ

“หมดฤทธิ์แล้วสิท่า...หญิงเอเชียนี่ตัวเล็กชะมัดเลย มิน่า ไอ้ดานิลถึงได้หลงนักหนา...” นายทหารพรานรับจ้างคนที่อุ้มร่างของอันนา เอ่ยขึ้น ในขณะ ที่วิ่งรัดเลาะป่าหิมะอันมืดมิด เพื่อไปยังจุดปลายทางนัดพบของบรรดานายจ้าง...

“ไอ้กักขฬะ! อย่างคิดเช่นนั้นนะ ...นี่มันสินค้าของนายจ้าง...พวกเรา” นายทหารพรานคนหนึ่งเอ่ยร้องเตือน...

“เนื้อก็นุ่มนิ่ม...”ทว่านายทหารร่างยักษ์ยังพูดต่อ พร้อมทั้งเอามือหนาหยาบๆ ลูบไปตามเนื้อตัวของอันนาด้วย...ร่างกายของหญิงสาวถึงกับแข็งทื่อ...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย

“อย่านะ...ฮือๆ” อันนาร้องวิงวอนเพราะหมดแรงดิ้นรนต่อสู้...ยิ่งเมื่อเจอมือหนายักษ์ เข้ามาบีบลูบคลำเรือนร่างไปทั่ว...เธอก็แทบสะอื้นร้องไห้...

“ไอ้ยักษ์กักขฬะ หยุดแตะต้องสินค้าได้แล้ว...รีบวิ่งไปสิ รีบเร็วๆ เข้าเว้ย...มีกลิ่นตุๆ ตามมาแล้ว”

“ไอ้ระยำ! พวกมันตามกลิ่นมาไวอย่างหมา...” นายทหารร่างยักษ์สบถดังลั่น และก่อนจะเร่งสาวเท้าออกวิ่งสุดกำลัง เนื่องจากได้ยินเสียงกระหึ่มหนึ่งดังมาจากท้องนภาราตรี...

“ช่วยด้วย...ฮือๆ ช่วยด้วย...ดานิล...” เสียงอันนาร้องเรียกหา...ชายหนุ่มที่เธอคิดว่าเขา คือ ปีศาจร้ายกาจ แต่ทว่า ณ บัดนี้ เหล่าทหารพรานที่จับตัวเธอแบกใส่บ่าเอาไว้นั้น ช่างน่าสะพรึงกลัวกว่ายิ่งนัก

เปรี้ยง!

ร่างทหารที่คอยระวังหลังให้นั้น อยู่ๆ ก็ได้ล้มคะมำล้มลมไปกองกับถนนหิมะสีชาว...เพราะถูกมือสังหารสไนเปอร์เด็ดหัวอย่างแม่นยำบนฮอริคอปเตอร์ ลูกน้องของวอนก้า กำลังสำแดงฤทธิ์เข้าให้แล้ว ก่อนจะล่อนร่างหล่นออกจากฮอริคอปเตอร์ลงมายังจุดพื้นที่ปะทะ

“ไอ้บัดซบ! มันตามมาไวฉิบหาย แยกกัน!” กลุ่มทหารพรานที่เหลือเพียงสี่ชีวิต ก็พากันกระโดดโยกย้ายแยกตัวหลบหนีไปคนละทิศคนละทาง

“ดานิล...” อันนาพึมพำชื่อของชายหนุ่ม...เธอไม่รู้หรอกว่าเขาตามมาถึงอย่างว่องไวขนาดนี้ได้เยี่ยงไร แต่หัวใจของเธอก็รู้สึกได้ถึงความโล่งใจนัก

“วอนก้า เก็บที่เหลือด้วย ส่วนไอ้ยักษ์นั่น ฉันจะจัดการเอง” ดานิลเอ่ยสั่ง พร้อมอยู่ในชุดเตรียมสังหาร

“ครับนาย...” วอนก้า...เองก็เครื่องร้อนเต็มที่เช่นกัน งานนี้เขาขอจัดการอย่างไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น

หลังจากกลุ่มของวอนก้า หายลับเข้าไปในดงมืดกลางป่าหิมะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...ดานิลก็ขยับเท้าและกระโดดลอยตัวขึ้นท้องฟ้า...วิวมุมสูงจากต้นไม้ใหญ่ทำให้ดานิลเห็นร่างเป้าหมาย...และแล้วเพียงแค่กระโดดขึ้นลงไปเกาะต้นไม้อีกสามสี่แห่ง เขาก็มาถึงตัวไอ้ทหารร่างยักษ์ ดวงตาของมันตื่นโตมาก เมื่อเห็นเงาดำแทรกลอยจากอากาศมาหยุดดักทางอยู่ที่ด้านหน้าของมัน...

“ปล่อย...เธอลงซะ...แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า...” ดานิลเอ่ยบอกเสียงคำรามไปทั่วสารทิศ

“หึๆ ไม่มีทาง...อ๊ากกก” ว่องไวเหลือเกิน...ราวกับไม่ใช่มนุษย์...ไอ้ทหารร่างยักษ์ลงชักดิ้นชักง้อ...และปล่อยร่างของหญิงสาวอย่างฉับพลัน...หลุดสู่พื้นนุ่มเย็นหิมะ...

อันนามึนกับภาพตรงหน้า...มันเร็วจนเธอมองไม่เห็นว่านายทหารร่างยักษ์คนนั้น กรีดร้องเพราะอะไร

“ข้าเตือนเจ้าแล้ว...หึๆ” ดานิลเอ่ยน้ำเสียงอย่างโหดเหี้ยม...และเริ่มลงมือจัดการกับทหารพรานร่างยักษ์จนสิ้นใจ...ถ้าไม่จำเป็น...เขาจะไม่ทำเช่นนี้หรอก...ยิ่งต่อหน้าอันนา...แล้วด้วย...ยิ่งทำให้เธอเห็นว่าเขา...คือ ปีศาจ...มากแค่ไหน

อันนาหลับตาปี๋...ฟังเสียงกรีดร้องนายทหารพรานร่างยักษ์...จนหัวใจของเธอแทบเกิดความสะเทือนเสียขวัญ...เนื้อตัวสั่นเทิ้มอย่างหวาดกลัว...

“ปลอดภัยแล้วนะ...อันนา” ดานิลเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง...และเขาก็เดินมาหาหญิงสาวที่ละก้าว...ดานิลรู้สึกเหนื่อยนัก ที่จัดการกับไอ้ร่างยักษ์...ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเขาไม่มีความรู้สึกแบบนี้เลย เสียงหอบหายใจของดานิลดังซอแซได้ยินอย่างชัดเจน ขนาดที่ก้าวเดินมารวบตัวอันนาลุกขึ้น และสวมกอดอย่างเนื่องแน่น แม้จะเจอหญิงสาวร้องอู้อี้เล็กน้อย และอันนาถึงกับเบิกตาโตอยู่ในอ้อมกอดของเขา เมื่อเธอได้ยินเสียงหัวใจของดานิล...มันเต้นแรงเร็วตามแรงหอบเหนื่อยของเขา...ลมหายใจร้อนๆ และเสียงทุ้มๆ ก็รดลงมาเอ่ยกระซิบที่ข้างหูหญิงสาว

“หัวใจข้า...กลับมาแล้ว ได้ยินมันเต้นไหมอันนา...” ดานิลพยายามบอกหญิงสาว เขารู้สึกเหนื่อยล้านัก...เพราะร่างกายมันหนักอึ้ง...และความเป็นอมตะ กำลังค่อยๆ เจือจางหายห่างออกไป...ออกไป

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

เสียงปะทะต่อสู้ดังกระหึ่มไปทั่วสารทิศกลางความนาวเย็นสีขาวโพล่ง...ดานิลพยายามเอาอุ้มมือปิดหูเล็กของอันนา เขาไม่อยากให้เธอได้ยิน...การสังหารกลุ่มทหารรับจ้าง...ด้วยฝีมือของนายวอนก้าผู้เป็นบอดี้การ์ดอันยอดเยี่ยมของดานิล

“อดทนอีกนิดนะ อันนา...เจ้าจะกลับคฤหาสน์แล้ว” ดานิลพยายามปลอบขวัญหญิงสาว...เพราะเธอคงหวาดกลัวอย่างยิ่ง ที่ต้องมาอยู่ในดงดินแดนสังเวยให้มัจจุราช...แม้อันนาจะได้ยินเสียงปืนยิงกันอย่างดุเดือด...แต่ก็รู้สึกปลอดภัย...เพราะเขา...ผู้เป็นนายใหญ่ของมัจจุราช...ทั้งปวง...

อันนาหลับตาพริ้มหมดสติ...ในอ้อมกอดของดานิล...เขาช้อนอุ้มหญิงสาวค่อยๆ พาก้าวออกจากแดนสังหาร...ดวงตาดุดันคมแกร่งของดานิลยังคงแดงฉานราวปีศาจ และมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะเผยเห็น...

“วอนก้า...อย่าลืมไปจัดการนายจ้างของพวกมันด้วย...” ดานิลสั่งในเครื่องคลื่นส่งสัญญาณที่แนบไว้บริเวณคอเสื้อ...

“ครับนาย...” วอนก้ารับคำสั่ง...แน่นอนว่าทุกอย่างจะต้องจบลงเรียบร้อย ภายใจคืนนี้ มันคือสิ่งที่วอนก้า เคยทำให้ท่านดานิลได้เสมอๆ



เสียงอันเงียบสงบ...และพื้นผิวอันนุ่มนิ่ม ทำให้หลับอย่างสบายๆ ทว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา อันนาเหมือนตกอยู่ในความฝันร้าย...มันเป็นฝันที่น่าสะพรึงมากที่สุดในชีวิตของเธอ

“ไม่นะ อย่าฆ่าเรเวน!” เสียงอันนากรีดร้อง ก่อนจะสะดุ้งตื่นนอน...เธอหอบหายใจอย่างรุนแรง...และทำให้ชายหนุ่มที่นอนสวมกอดอยู่ข้างกายของเธอ ได้ตื่นนอนขึ้นมาด้วย

“ชู่ว์...โปรดตั้งสติหน่อย...อันนา...เจ้าควรยอมรับความจริงเสียเถอะ” ดานิลสวมกอดหญิงสาว เพื่อปลอบขวัญ อันนาสะอื้นไห้ไม่ยอมหยุด...เพราะความฝันดังกล่าว...แน่นอนว่ามันเป็นฝันที่เกิดขึ้นจริงๆ ด้วย เมื่อวานนี้เอง...

“เรเวนตายแล้ว...มันทำหน้าที่ของมันจบแล้ว...สาวน้อย...”

“ฮือๆ มันตาย เพราะอัล ต่างหาก มันปกป้องอัล...จากทหารพรานพวกนั้น” อันนาพึมพำบอก...เธอเสียใจอย่างหนัก...ภาพของแมวลายเสือที่พยายามปกป้องเธอ

ดานิลจูบซับน้ำตาของหญิงอันเป็นที่รัก...จนเธอต้องสะดุ้ง...และภาพเหตุการณ์อันเลวร้าย เมื่อคืนก็ย้อนฉายให้เธอได้เห็นอีก...ในที่สุดเธอก็ลำดับต้นชนปลายได้...ก่อนจะผลักไสร่างชายหนุ่มให้ออกห่าง...

“ปล่อยนะ...นายปีศาจ...” เจอคำแสร้งหูตั้งแต่เช้าวันใหม่...ดานิลก็ยิ่งกอดอันนาให้แน่นขึ้น...

“ทีเมื่อคืน เจ้ายังร้องเรียกให้ข้าไปช่วย...ไหง๋เช้ามา...ดันเอ่ยเรียกข้าว่าปีศาจ...ล่ะ” จริงสิ อันนาเพิ่งนึกได้...เมื่อคืนเธอวิงวอนภาวยาขอให้ดานิลมาช่วยเหลือเธอจากพวกทหารพรานจอมโหดนี่นา...

“เจ้าควรจะพูดว่า...ขอบคุณ...มากกว่านะ...ข้าอุตส่าห์วิ่งย้ำหิมะไปช่วย จนหมดแรง..” ดานิลไม่ได้ว่าเปล่าๆ เขาเอามือหนาจับคางมนของหญิงให้หันมาเผชิญหน้ากับตนเอง

อันนาหลับตาปี๋ เพราะพยายามหลบหนีสายตาอันดุดันแสนร้ายของดานิล...ก่อนจะเจอชายหนุ่มรังเกเข้าให้อีกเช่นเดิม...อันนารับรู้ได้ว่าริมฝีปากบางของเธอกำลังปะทะกับริมฝีปากหนาของเขา...ดานิลพรมจูบไล่ริมฝีปากบางอย่างไม่หยุด...ยิ่งเธอหนีเขาก็ยิ่งชอบใจ...ก่อนจะเจอแรงของอุ้มมือเล็กๆ ทุบหน้าอกแกร่งรั่วๆ ดานิลจึงปล่อยริมฝีปากบางอันหอมหวานเป็นอิสระ

“โอ๊ยๆ อันนา...เจ้าช่วยตีข้าเบาๆ กว่านี้หน่อยได้ไหม...ข้าเพิ่งจะได้หัวใจกลับคืนมานะ” เจอเขาพูดถึงก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจ...อันนาจึงหยุดทุบหน้าอกแกร่งของดานิล...อย่างดื้อๆ พร้อมนำพาสายมาเพ่งบริเวณหน้าอกแกร่งของชายหนุ่ม ที่เสื้อนอนถอดกระดุมหลุดลุย

“หัวใจ...นายมีหัวใจแล้วหรือนี่...” อันนาถามกลับ...เธอจำได้ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นแรงตึกตัก เหมือนมนุษย์ทั่วไป

“ใช่...เจ้าลองแตะมันดูสิ” ดานิลบอก...แล้วเข้าไปคว้าจับมือของอันนาข้างหนึ่ง มาทาบที่หน้าอกแกร่งตนเอง...หญิงสาวหลับตาสัมผัสแรงกระทบน้อยๆ บนฝ่ามือมือของเธอ...ทำให้ดานิลเผลอผุดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และพยายามขยับมาสวมกอดหญิงสาวอีกครั้ง...

“อยากรู้ไหมว่ามันกลับมาได้อย่างไร” ดานิลเอ่ยถาม และก็เจอแรงดิ้นของฝ่ายหญิง

“ปล่อยนะ...ฉันไม่อยากรู้” อันนาพยายามดิ้นให้ตนเองหลุดออกจากอ้อมกอดของดานิล แต่ดูเหมือนมันจะไร้ผลอย่างเช่นเคย

“แทนตัวเองว่า...อัล...เหมือนตอนตื่น เมื่อสักครู่สิอันนา...ข้าไม่ชอบให้เจ้าแทนการเรียก ฉันๆ กับข้านัก” และมันดูห่างเหินอีกด้วย ทั้งๆ ที่เธอเป็นภรรยาของเขา

“ปล่อยอัลเถอะค่ะ” อันนาทำเสียงอ่อนๆ ลง...เธอยอมทำตามที่เขาบอกทุกอย่าง เพราะกลัวว่าดานิลอาจจะมีอารมณ์รังเกเธอมากกว่านี้...ดานิลยอมปล่อยหญิงสาวแห่งหัวใจออกจากอ้อมกอด...แม้จะรู้ว่ากิริยาท่าทีของเธอ ยังคงสั่นดั่งเสมือนลูกแมวตัวหนึ่งนัก เพราะการจูโจมของเขา...แม้ว่าอันนาอยากจะลุกหนีออกจากเตียงนอนอันกว้างใหญ่นี้...แต่ทว่าก็กลัวฝ่ายชายจะหงุดหงิดใส่...เธอจึงนั่งอย่างตัวสั่นๆ ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเธอก็ปล่อยให้เขากอดปลอบขวัญ...จากดงวิถีกระสูนปืนมัจจุราช

“ฟังข้านะ...อันนา...การที่ข้าได้หัวใจกลับคืนมาได้นั้น...ข้าจะต้องเสีย...เจ้าแมวเรเวนและทาติน่าไป...”

“ว่าไงนะคะ...คุณยายตายแล้ว...เป็นไปไม่ได้ อัลไม่เชื่อหรอก” อันนาตื่นตกใจกับคำบอกกล่าวของดานิล

“เชื่อหรือไม่เชื่อ...พิธีงานศพ ข้าก็จะเริ่มจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า...” ดานิลบอกอย่างยืนยันด้วยใบหน้าอันเรียบเฉย..และทอดมองอันนา ที่กำลังตัวสั่นเทิ้มสะอื้นไห้...อย่างเสียใจ เมื่อได้รับรู้ว่าเมดวัยชราจากไปอย่างไม่วันกลับมา...เธออีกแล้ว

“คุณยาย...ฮือๆ”

“ที่นางต้องจากไป เพราะว่า...ดันยอมตกลงแลกตัวประกัน...กับลูกสาวของร็อกโค...ร็อกโคถูกพวกนั้นให้มาลักพาตัว...เจ้า...แต่ร็อกโคกลับเลือกลักพาตัวทาติน่าไปแทน และจึงกลายเหยื่อสังเวยของพวกมัน...”

“คุณยายทาติน่า...ต้องมาตายเพราะอัล เหมือนเรเวน...ฮือๆ” อันนายิ่งเสียใจมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อรู้ว่าเธอเป็นต้นเหตุให้เมดวัยชราต้องสิ้นใจ...ดานิลทนมองดูแม่สายน้อยร้องห่มร้องไห้ไม่ไหว...จึงคว้าร่างบางมากอดไว้ในอ้อมอกแกร่งอีกครั้ง...เพื่อเป็นที่พึงพาให้เธอได้เอ่ยเสียงร้องไห้อย่างหมดหัวใจ...และยอมรับความจริง...บนโลกที่มีการเวียนว่ายตายเกิด...

พิธีงานศพถูกจัดขึ้นในสุสานประจำตระกูลวาดิติน อเล็กซานดรูว์ สีหน้าของอันนา หม่องคล้ำระทมแสนโศกเศร้า...ด้านดานิลนั้นก็ออกตามล่า...สองพ่อลูกตระกูลสเปโร่ อย่างไม่หยุดพัก...และดวงรอดของพวกมันช่างแข็งนัก เมื่อเหล่ามัจจุราชมือปืนของวอนก้า ยังทำงานไม่เป็นผลสำเร็จสักที...

“ตามล่า พวกมันต่อไปวอนก้า...ฉันไม่ยอมให้ทาติน่าต้องมาตายฟรีๆ โดยเด็ดขาด” วอนก้า เข้ามารายงานความคืบหน้า หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์แล้ว...ก็ยังไม่พบสองพ่อลูกจากตระกูลสเปโร่นั้นอีกเลย...

“ครับ นายท่าน...”

ดานิลถอนหายใจเฮือกโตออกมารอบที่เท่าไหร่แล้วก็นับไม่ได้ เพราะการล้างแค้นมันยังไม่จบสิ้นไปเสียที...ดานิลรู้สึกเหนื่อยล้า...มันอาจจะเพราะเขาได้หัวใจกลับคืนมาแล้ว...ดารับรู้ว่าร่างกายอ่อนแอลง...และอำนาจแห่งความลับที่เขาครอบครองมันก็ค่อยๆ จางหายไปด้วยเช่นกัน...

“ได้กลับมาเป็นมนุษย์แล้ว ทำไมข้าถึงทำอะไรไม่ค่อยสะดวกเอาเสียเลย...”

ดานิลบ่นพึมพำให้ตัวเอง เพราะร่างกายเหมือนแต่ก่อน เขาไม่สามารถอดนอนเป็นเดือนๆ ได้เหมือนแต่ก่อน...อยู่ๆ ร่างกายของเขาก็มีขีดจำกัดขึ้น...ดานิลหลับตาลง...ต่อไปทำคงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง...ให้เคยชินเหมือนมนุษย์ทั่วไปให้จงได้...

เพียงหลับตานานหน่อย...ดานิลก็ได้ยินเสียงอันสะอื้นไห้ของใครบ้างคน...ที่เขาไปพบเธอเกือบทั้งสัปดาห์...เท้าแกร่งของเขาก็เริ่มทำงานอย่างไม่รู้ตัว...สักพักใหญ่ก็เดินมาถึงหน้าห้องของอันนา...มือหนาของเขาผลักเข้าไปโดยที่เจ้าของห้องยังไม่อนุญาตใดๆ และดูเหมือนว่าเจ้าของห้องจะยังไม่รู้ตัว เธอหันหลังยืนร้องไห้กับหน้าต่างที่ถูกแสงจันทร์สาดส่องเข้ามา...ดานิล...เดินก้าวช้าๆ เข้ามาหาเธออย่างเคยชิน...และสวมกอดจากด้านหลัง...

อันนาถึงกลับสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆ ก็มีคนมากอด...และดวงตาคู่เล็กก็เบิกกว้างโตขึ้น เมื่อได้รู้ว่าเป็นผู้ใด...ดานิลกลับมาแล้วหรือนี่...

“ยังร้องไห้อีกอยู่เหรอ...อันนา...เมื่อไหร่ เจ้าจะทำใจได้สักที หือ...” ดานิลกอดหญิงสาวอย่างเคยตัว

“อะ...อัลไม่ได้มีจิตใจเยือกเย็น เหมือนแดเนียลนี่...” และหลังจากที่เธอทำข้อตกลงกับดานิลใหม่ จริงๆ แล้วถูกบังคับมากกว่า และการได้เอ่ยเรียกสรรพนามชื่อของเขาใหม่...ดูเหมือนว่า...ดานิลจะมีความพอใจขึ้นมาเยอะ

“ประชดเก่งขึ้นหรือเปล่า อันนาที่รัก...” ว่าจบ ดานิลก็พรมจูบเข้าที่ซอกคอระหง ของหญิงสาวแห่งหัวใจ อย่างคนเอาแต่ใจ ร่างกายของอันนารู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างกะทันหัน...

“อย่าทำค่ะ...อัลขอร้อง...อย่าทำแบบนี้เลย...” อันนาเอ่ยบอกและออกแรงขัดขืนชายหนุ่ม เนื่องจากดานิลแทบไม่ได้แตะต้องหรือสัมผัสหญิงสาวตลอดสองสัปดาห์แล้ว ตั้งแต่จัดพิธีกรรมให้ทาติน่าและเจ้าแมวเรเวน วันต่อมาก็ออกตามล่า สองพ่อลูกตระกูลทันที...ทว่าวันนี้ เป็นวันแรกที่ดานิลได้กลับอยู่คฤหาสน์อย่างเต็มคืน...

“อย่าห้ามข้าเลย อันนา...ข้ารอเวลานี้มานานนับหลายร้อยปีแล้วนะ” สิ้นเสียงทุ้มบอก และดานิลคิดว่ามันควรถึงเวลาแล้ว ที่เขาจะต้องปลดพันธนาการของรอยอัคคีออก เพื่อให้ตัวเองได้กลายเป็นมนุษย์อย่างถาวรตลอดชั่วกาล

ด้านอันนาแทบตั้งตัวไม่ทัน...แม้ว่าจะพยายามแกะมือหนาทั้งสองข้างของชายหนุ่มวัยใหญ่ออกจากเอวคดบางของตัวเอง...อันนาหวังว่าจะหนีพ้นจากแรงปรารถนาของเขา...ณ ห้วงเวลานี้ให้จงได้



โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 14 โอบกอดไว้ด้วยหัวใจปรารถนา...+++


คนอ่านน้อยจัง ฝากเม้นกันด้วยนะ >__<

ฝากอีกอันค่ะ อีบุค จ้า
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=21339







Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.พ. 2558, 09:50:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.พ. 2558, 09:50:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1286





<< บทที่ 12 พบดวงใจที่หายไป...   บทที่ 14 โอบกอดไว้ด้วยหัวใจปรารถนา... >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account