สิเน่หา...ยอดดวงใจ
260 ปี มันช่างนานแสนนานเหลือเกินกับการต้องรอคอยพบเจอะเจอหญิงสาวอันเป็นนิมิตรหมายในห้วงอันคลั่งแค้นแสนสะสมมานานเป็นร้อยๆ ปีคริสต์ศักราช

แนะนำตัวละคร

ดานิล วาดิติน อเล็กซานดรูว์ บุรุษมหาเศรษฐีเก่าแก่ลึกลับตระกูลหนึ่งของรัสเซีย ทรัพย์สินที่มีไว้ครอบครองมีค่ามากกว่าเมืองหนึ่งๆ ของรัสเซียเลยทีเดียว

ในอดีตชื่อ Anna Mikhailov

ปัจจุบันชื่อ อันนา วรเวช สาวน้อยวัยยี่สิบสองปี ที่ต้องมาจมปลักทนทุกข์ เมื่อกำลังเดินทางมายังเมืองมอสโกแห่งรัสเซียแล่นสู่คฤหาสน์วาติดิน ใน ฐานะ ภรรยาของดานิล วาดิตินวัยหกสิบปี อันนาเข้าใจว่า ดานิลคือชายชรา ก้าวแรกที่เข้ามาได้พบเขา อันนาก็ต้องตกใจ ไหนจากบ้านของเธอบอกว่า ดานิล วาดิติน อายุหกสิบปีแล้ว คนที่เธอเห็นตรงหน้ากลับเป็นชายหนุ่มเรือนร่างกำยำหล่อเหลาไร้ที่ติ แต่ดวงตาคู่คมกริบที่จ้องมองเธอนั้นกลับน่ากลัวเหลือเกิน คำแรกที่ดานิลเอ่ยกับอันนา คือ คำสั่ง เป็นคำสั่งที่อันนาแทบมึนงุนงง ไม่เข้าใจเสียจริงๆ เขาต้องการให้เธอค้นหาหัวใจของเขาที่หายไป...

Tags: รักโรแมนติกพาฝัน,ซึ้งกินใจ,สิเน่หา...ยอดดวงใจ

ตอน: บทที่ 14 โอบกอดไว้ด้วยหัวใจปรารถนา...



บทที่ 14 โอบกอดไว้ด้วยหัวใจปรารถนา

อันนาออกแรงดิ้น...เมื่อได้รับรู้จุดประสงค์อันแน่วแน่ของดานิล ที่แอบเข้าห้องนอนของเธอ ยามกลางดึกดื่น เพียงแค่เขาจูบพรมลงไปที่ซอกคอระหงของเธอ ร่างกายก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จู่ๆ มันก็ร้อนขึ้น...ร้อนขึ้นราวกับจะเป็นไข้ และอาการแบบนี้ ช่างเหมือนในวันแรกที่อันนาได้พบเจอกับดานิล อย่างไม่มีผิดเพี้ยน

“แฮ่ก...แดเนียล...ทะ...ทำอะไรกับร่างกายของอัล...” อันนาร้องถามอย่างหืดหอบ หายใจขัดๆ...เพราะอยู่ๆ ร่างกายของเธอ กำลังจะมีอารมณ์อันพิศวาสได้เยี่ยงไร

“ข้าจะปลดปล่อยรอยตราอัคคี...มันไม่ควรอยู่กับพวกเราแล้ว...” ดานิลบอก...ทว่าแท้จริงแล้วหัวใจของเขาต่างหาก ที่เป็นฝ่ายร้องเรียก...เขาต้องการ...อันนา

“อัล...ไม่เข้าใจ...อึก...ร้อน...” อันนาพูดถาม..และก็ต้องสะดุ้งตัวโหยง...พร้อมสำลักลมหายใจของตนเอง เมื่อร่างกายมันร้อนระอุอย่างรุนแรงราวกับลูกระเบิด...

“มันจะร้อน...อีกไม่นานหรอก อันนาที่รัก...ช่วยอดทนหน่อยเถอะ” ดานิลพยายามปลอบใจหญิงอันเป็นที่รัก...แน่นอนว่าดานิลนั้น...เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้ง และไม่คิดจะถามฝ่ายหญิงก่อน...เพราะอะไรน่ะหรือ...เพราะดานิลเอ่ยปากขอร้องใครไม่เป็นอย่างไงล่ะ

“ร้อนๆ...หยุดมันเถอะ...แดเนียล...” อันนาบอกแทบน้ำตาเล็ด เพราะความร้อนในร่างกายมันสูงขึ้นเป็นเท่าทวีนัก...ยิ่งดานิลโอบสวมกอดจากด้านหลังเอาไว้แบบนี้ อันนาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าอุณหภูมิในร่างกาย มันแผ่ซ่านอบอวลไปทั่ว เพราะผู้ชายที่ชื่อว่าดานิล...

“ใจเย็นๆ น่า ที่รัก...สักพักมันก็จะดีขึ้นเองนะ” ดานิลเองก็บอกไป ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่รู้ว่าจะหยุดมันได้หรือไม่ ยอมรับว่ารอยตราอัคคีมันโหยหานัก เพราะว่าถูกปิดกั้นมานานแสนนาน เวลานี้ เป็นเวลาที่มันจะสำแดงฤทธิ์เดชา

“มะ...ไม่จริงหรอก...” อันนาเอ่ยบอก อย่างไม่เชื่อ...ความรู้สึกนี้เธอจดจำมันได้เป็นอย่างดี...แน่นอน รวมทั้งวิธีการหยุด...มันลงได้จริงๆ คือ อะไร ดานิลเคยทำให้เธอมาแล้ว อันนาน้ำตาร่วง...ตัวสั่นระริกๆ เพราะต้องอดทนต่อสู้กับอุณหภูมิอันร้อนแรงดั่งไฟในกาย...และชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดจะหยุดมันเลย...แต่เขากำลังปลุกให้มันตื่นขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก...

“อื้อๆ” อันนาเผลอร้องคราง...อย่างลืมตัว...เพียงฝ่ามือหนาของดานิล วนเวียนอยู่บริเวณหน้าอกอวบอิ่มของเธอ แค่สัมผัสกับเนื้อผ้าเฉยๆ อันนาถึงกับสะท้าน...จนสูดลมหายใจระรัวยิบ...

“หึๆ แค่เริ่มเองนะ...ที่รักของข้า” ดานิลเอ่ยเยาะหยัน ที่ได้ยินเสียงอันนาเผลอคราง เหมือนกับว่าจะเรียกร้อง...อารมณ์ปรารถนา

“ชะ...ช่วยหยุดมันที...ได้โปรด...แดเนียล...” อันนาร้องบอกอย่างไม่อาย เพราะร่างกายมันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ...เธออยากให้มันจบเร็วๆ ได้ยิ่งดี

ดานิลขบขำให้เสียงเบาๆ ในลำคอ...แม้ว่าเขาจะตั้งใจเป็นฝ่ายจุดชนวน...ปรารถนานี้เอง

“ได้สิ ที่รัก...” อันนาได้ยินเสียงชายหนุ่มกระซิบบอก ก็แทบขนลุกซู่ไปทั่วกาย ใบหน้าของเธอแดงก่ำราวกับลูกผลไม้สีแดงที่สุกจัด...

เมื่อร่างกายหญิงสาวอ่อนระรวยอย่างแทบยื่นไม่อยู่แล้ว...ดานิลจึงอุ้มเธอ และพาก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึงเตียงนอนอันนุ่มนิ่มได้สำเร็จ เป็นช่วงเวลาที่สายตาของทั้งคู่ได้สบมองซึ้งกันและกัน...อยู่เนิ่นนาน...สุดท้ายฝ่ายหญิงดันเป็นฝ่ายเผินหน้าหนีก่อน...อันนายอมรับว่า เกือบจะหลอมละลาย เพราะถูกสายตาคู่คมที่หื่นกระหายของดานิลจับจ้อง...แถมมันแฝงไปด้วยแรงปรารถนาที่สะสมมายาวนานอีกด้วย...

ชายหนุ่มวัยใหญ่ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกก่อน...เผยให้เห็นเรือนกายกำยำอันงดงามและแข็งแกร่ง...บริเวณหน้าอกของดานิลนั้น เกิดมีรอยอักขระสีแดงแห่งอัคคีไล่ลามทั่วเต็มไปหมด...และยังเรียกให้รอยตราอัคคี ที่ชายหนุ่มเคยสร้างเอาไว้ บริเวณเรียวคอระหงของฝ่ายหญิงได้แผ่อักขระร้อนผุดตามขึ้นมาด้วย...

“รอยตราอัคคี...มาแล้ว...อันนา...อีกนานมันก็จะจบ...” ดานิลเอ่ยบอก ก่อนจะโน้นตัวเข้ามาทับหาร่างบาง ที่เนื้อตัวสั่นเร้าๆ และร้อนจนเม็ดเหงื่อไหลอาบเต็มใบหน้า...เพียงริมฝีปากหนาแตะสัมผัสร่องรอยตราแห่งอัคคี บนซอคอระหงของอันนา...ดวงตาของหญิงสาวแทบเบิกกว้างโต...ร่างกายสะดุ้งกระตุก...สั่นอย่างหวั่นไหว

“อะ...ออกไปนะ...มันร้อน...” อันนาเปล่งเสียงร้องห้ามด้วยความสั่นระริก...มือไม้ของเธอพยายามผลักไสร่างโตให้ไปพ้นๆ พลางคิดทำไมดานิลต้องทรมานให้เธอ จมปลักไปด้วยแรงอารมณ์อันเชือดหัวใจเยี่ยงนี้

ดานิลหยุดมือไม้อันเรียวเล็กของหญิงสาว ด้วยอุ้งมือหนาที่ใหญ่กว้าง เขารวบรัดจับมือและแขนของอันนาเอาไว้ ขึ้นเหนือศีรษะของเธอเอง

“แดเนียล...” อันนาพึมพำชื่อชายหนุ่มอย่างลืมรู้ตัว...ยิ่งเขาสัมผัสร่างกายของเธอ ก็ยิ่งรัญจวนหนักหนา...แม้ปากจะเอ่ยบอกว่าไม่ต้องการ...แต่ทว่าหัวใจของเธอกลับเรียกร้อง...เขาเหลือเกิน....

ดานิลซุกไซ้ซอกคอระหงอันหอมกรุ่นอย่างอดใจไม่ไหว...แม้ว่าวิธีที่เขาทำจะให้รอยตราอัคคีหยุดจบลงได้ว่องไว...แต่เสียงแรงเต้นหัวใจของเขามันดังกึ่งก้อง...อย่างปรารถนานัก...

อันนาดิ้นพร่า...เหมือนกับว่าร่างกายจะถูกเพลิงเผาผลาญ...เพราะริมฝีปากหนาของเขาละเลงลากลิ้นหนาช่วงชิม และใช้จมูกโด่งเป็นสันสูดดมตามคอระหงของเธออย่างดื่มด่ำ แทบไม่คิดจะหยุดพักหายใจ...

“หยุดเถอะ...พอได้แล้ว...แดเนียล....ฮือๆ” อันนามีอาการสับสนไปหมด เธอไม่เข้าใจว่างร่างกายของตนเองเป็นอะไร มันดูเหมือนกับว่าเธอกำลังถูกวางยาปลุกอารมณ์อยู่เช่นนั้นนัก

“การที่จะหยุดไฟสิเน่หานี้ได้ เจ้ารู้ใช่ไหมว่าจะต้องหยุดมันเช่นไร” ดานิลถาม เพื่อต้องการให้อันนาพร้อมมากกว่านี้

“ไม่รู้...อัลไม่รู้...” อันนาเอ่ยปฏิเสธ

“เจ้ารู้...ข้ารู้ว่าเจ้ารู้ ที่รักของข้า...นี่ไม่ใช่การบังคับหรือข่มเหงแต่อย่างใด...แต่พวกเราต้องร่วมมือกันต่างหาก” ดานิลเอ่ยชี้แจง ทั้งๆ หัวใจของเขานั้น เต้นแรงไปไกลแล้ว

“อือๆ” อันนาถึงครางขานรับ...เพราะดานิลกำลังทรมานเธอให้ตายทั้งเป็นนัก...แค่ได้ยินเสียงตอบจากหญิงสาว ดานิลก็ไม่รอชักช้าอีกต่อไป ริมฝีปากหนาเปลี่ยนมาพรมจูบริมฝีปากเล็กอันนุ่มนิ่ม...อย่างห้ามใจไม่ไหว...อันนารับแรงปะทะจากร้อนระอุเพิ่มเป็นสองเท่าตัว...ก่อนที่รับรู้ถึงได้ว่า ณ ตอนนี้ร่างกายเธอไม่อาจจะปฏิเสธชายหนุ่มปีศาจคนนี้ได้เลย...

เนื้อผ้าชุดนอนตัวยาวของอันนา ค่อยๆ หลุดล่วงหล่นออกร่างกายที่ละชิ้น ที่ละชิ้น ตามแรงอันเร้าร้อนระอุของดานิล...เพียงชายหนุ่มปล่อยริมฝีปากบางเป็นอิสระแล้ว ก็มาต่อที่ปทุมถันคู่งาม แค่ลากลิ้นหนาร้อนแตะดูดเม้มสัมผัส อันนาถึงกับต้องสะดุ้งเฮือกอย่างสุดหัวใจ และมันก็เต้นแรงราวกับอัดฉีดกระตุนหนักๆ...ทำให้ความร้อนในร่างกายทั้งคู่เกือบจะพากันลืมไปถึงความหนาวเย็นยะเยือกแห่งแดนหิมะสีขาวโพลง...

“แดเนียล...แดเนียล” อันนาครางชื่อของเขา อย่างไม่ขาดสาย...เหมือนจะห้าม แต่ทว่าก็เต็มใจ เพราะต้องการให้รอยตราแห่งอัคคีจบโดยเร็วที่สุด...เสียงหอบหายใจของทั้งคู่พ่นสูดเข้าออกอย่างแรงปะทะกัน ในที่สุดดานิลก็ปล่อยให้มือและแขนของหญิงสาวเป็นอิสระ เขาขอปล่อยให้เธอเป็นไปตามธรรมชาติ พร้อมกับอารมณ์ราคะสิเน่หาแห่งนี้ แน่นอนว่าทุกจุมพิตของชายหนุ่ม คือการจองจำ...หญิงสาว

“อันนาของข้า...” ดานิลพึมพำอย่างเพ้อๆ...และหลงละเมอไปว่าไฟสิเน่หาที่ตัวเองจุดขึ้นนั้น สามารถหยุดหรือดับไฟแห่งกามรมย์นี้ลงได้...จะต้องทำเช่นไร

“ใกล้จบแล้ว อันนาที่รัก...ช่วยอดทนอีกหน่อยเถอะ” ดานิลปลอบใจ หญิงสาว เพราะได้ยินเสียงสะอื้นไห้ ยิ่งถูกรอยตราอัคคีครอบงำ อันนายิ่งหักห้ามหัวใจตนเองไม่อยู่...ดวงตาเล็กเบิกกว้างโตที่สุดเท่าจะรับรู้ได้...เมื่อเจอสิ่งแปลกอันแข็งแกร่งของเขา เข้าสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของเธอ

“จะ...เจ็บ....แดเนียล...อัล...เจ็บ”

“ อย่างเกร็งสิที่รัก เดี๋ยวสักพักมันจะไม่เจ็บแล้วนะ” ดานิลปลอบขวัญได้นิดเดียว ก็ต้องกัดกรามแน่น...แรงปรารถนาที่สะสมมานาน พร้อมกับเสียงเต้นหัวใจของเขา ที่มันร้องบอกว่าต้องการอันนาอย่างมากแค่ไหน

ดานิลร้องบอกตัวเองในใจว่าจะพยายามนุ่มนวลให้มากที่สุด...เพราะความโหดร้ายที่เขาแกล้งทำเพื่อปกปิดความปรารถนา มันได้จบลงไปแล้ว ตั้งแต่ดานิลได้รับรู้ว่า อันนาไม่มีสวนเกี่ยวข้องกับการที่เอาหัวใจของเขาไปซ่อน...ร่างหนาค่อยๆ ขยับเสียดสีไปมาเบาๆ กับช่องทางอันคับแคบ...และช่างเป็นการอคอยนานแสนนานเหลือเกิน กว่าจะได้ครอบครองหญิงอันเป็นที่รักอย่างสมบรูณ์แบบ และไม่ได้อยู่ในร่างกายอันเป็นความอมตะ เพราะดานิลต้องการครอบครองอันนา ด้วยร่างกายที่เป็นมนุษย์และมีก้อนหัวใจ

“อะ...” อันนาครางครวญอย่างลืมตัว เพราะดานิลปรนเปรออย่างแสนละมุนละไมอ่อนไหวนัก และอาการที่เจ็บในช่วงเริ่ม มันก็หายไปแล้ว เหลือแต่เพียงความรัญจวนที่สะท้านถึงหัวใจ อันนามองใบหน้าของชายหนุ่ม ที่ดูราวกับได้เสพความสุขอย่างมากล้น ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่า...ที่แล้วๆ มานั้น เธอได้เปลื้องตัวจนเสื้อผ้าหลุดลุยไปอีกคราว...แสดงว่ามันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลยอย่างงั้นหรอกหรือ? เธอยังไม่เคยตกเป็นของเขา ตั้งแต่ตอนแรกเหรอนี่ ทว่า...ณ...เวลานี้ต่างหาก คือ ข้อพิสูจน์อันแท้จริง

“ข้ารู้นะว่าเจ้าคิดอะไร ที่รัก” ดานิลบอก...แม้พลังแห่งมนตร์นิรันดร์ หลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังสามารถอ่านใจหญิงสาวอันเป็นที่รักได้เช่นเดิม...

“อื้อๆ” ดานิลรีบโน้นตัวลงมากัดชิมริมฝีบางที่คิดจะเอ่ยโต้งแย้ง...เสียงหวานที่อยากประท้วง ก็ค่อยๆ หายลับไป...แม้อุ้มมือบางจะทุบตีแผ่นไหลของชายหนุ่มเป็นว่าเล่น ทว่าสักพักกลับถูกวงแขนแกร่งรั้งห้ามและจับขึงกางออกให้แนบไปกับที่นอนอันกว้างใหญ่

ดานิลสอดมือหนาประสานกับมือของอันนา พยายามควบคุมเกมสิเน่หานี้จนจบ ลิ้นร้อนหนาช่วงชิมโพรงปากเล็กอย่างหอมหวาน และกว่าปล่อยให้เป็นอิสระได้ เล่นทำเอาริมฝีปากบางนั้นบวมเจ่อ...อันนามีสีหน้าแดงก่ำ ทั้งปากก็บวมเปล่ง...ดานิลก็ยังไม่ได้หยุดแค่นั้น อันนาถึงสูดลมหายลึกที่สุด เพื่อรับแรงร่างกายของเขา ซึ่งกำลังขยับระรัว...ระหว่างหล่อหลอมเป็นเนื้อเดียวกับหญิงสาวแห่งรัก...

อันนาแผ่ความเสียวซานกระสันไปทั่วร่างกาย...มันเป็นครั้งแรกที่เธอเปล่งเสียงร้อง...จนไม่รู้ว่ามันคือภาษาใดๆ ร่างกายของเธอยังคงทำตามแรงปรารถนาของชายหนุ่ม เนิ่นนานจนลืมห้วงเวลาราตรีของวันนี้ และคงจะเป็นวันที่เธอ ต้องจดจำไปตลอดชีวิต กับการได้เห็นสีหน้าอันมีความสุขของชายหนุ่มวัยอมตะอันร้ายกาจ

“อ้า...” เสียงทุ้มคำรามกึงก้อง เมื่อพายุสิเน่หาได้จบลงอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งนัก สมกับที่ได้รอคอย...วันเวลาอันครอบครอง...อันนา หญิงอันเป็นที่รัก...

ร่างบางก็เผลอหวีดร้องไม่ต่างจากเขานัก...คราบน้ำตาที่ไหลอาบแก้มบ่งบอกถึงอารมณ์อันเปี่ยมสุขที่ได้รับจากเขาเช่นกัน...

“นอนเถอะ อันนาที่รัก...” ดานิลจูบขมับของอันนาด้วยแรงรัก...ทั้งๆ ที่ร่างกายยังหลอมกันเป็นหนึ่งเดียวอยู่...หญิงสาวส่ายหน้าไปมา...อย่างเอียงอายที่สุดในชีวิต...เพราะเขายังไม่ได้ปล่อยให้เธอเป็นอิสระจริงๆ ดานิลเพิ่งรู้ตัว...จึงยิ้มเหยเกก่อนจะค่อยๆ ถอดกายออกอย่างช้าๆ แม้อยากจะสานไฟปรารถนานี้อีกครั้ง แต่กลัวหญิงสาวแห่งหัวใจจะรับมันไม่ไหว...แน่นอนว่าความทรมานที่รอคอยเธอถึงสองร้อยหกสิบปี มันพรั่งพรูมากจนล้นทะลักเกินไปจริงๆ

ในที่สุดอันนาก็ได้นอนหลับตาพริ้มอย่างสบายใจเสียสักที เมื่อชายหนุ่มมาก่อกวนหัวใจของเธออีกแล้วด้วย ดานิลมองดูหญิงสาวข้างกาย ที่ค่อยๆ หลับลึกลงเรื่อยๆ ยอมรับว่าเธอหวานนัก จนเขาหักห้ามใจไม่ไหว...แต่ทว่าดันทำได้เพียงแค่โอบกอดเธอเอาไว้ ด้วยหัวใจที่เขายังคงปรารถนาอย่างยิ่ง...ดานิลปล่อยให้อันนานอนหลับอย่างอิ่มเอม...จนลืมไปว่า...รอยตราอัคคีบนเรือนร่างกายของทั้งคู่ มันก็กำลังค่อยๆ จางหายไปที่ละน้อย...ที่ละน้อย...เช่นกัน

เมื่อเสียงหวานพ่อลมหายใจสม่ำเสมอ...เป็นที่เรียบร้อย ดานิลก็เริ่มหลับตาลงอย่างสนิทๆ ไปพร้อมกันด้วย...และเผลอนอนยิ้มอย่างสุขใจนักหนา...ในห้องนอนที่กำลังจะมีความอบอุ่นและมีชีวิตชีวา อันเต็มไปด้วยมนต์ของรอยตราแห่งอัคคี

ด้านรอยตราอัคคีนั้น ก็ค่อยๆ เริ่มเคลื่อนไหว และเสาะหาแหล่งใหม่ ในเวลาอันไม่ช้านี้อย่างเช่นกัน

ควันไอร้อนลอยกระจัดกระจายฟุ้งอยู่ในอากาศแห่งเมืองหนาว...สายลมที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน ก็ได้โบกโชยพัดผ่าน...เพื่อเปลี่ยนไปยังทิศแห่งใหม่...มาที่หน้าต่างบานเล็ก ณ ชั้นล่างของคฤหาสน์หลังโตอันเก่าแก่...ไอร้อนดังกว่าง...หมุนพัดเป็นวงกลมเนิ่นนาน...ก่อนจะแล่นมาหยุดแทรกประทะเข้าที่ขอมือหญิงสาวร่างหนึ่ง ซึ่งได้นอนนิ่งเป็นหินรูปปั้น มาเกือบหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ แล้ว หลังจากถูกนำตัวออกมาจากสุสานประจำตระกูลวาดิติน อเล็กซานดรูว์

ร่างสาวปริศนาสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นอย่างฉับพลัน...ราวกับหลุดออกมาจากอีกโลกหนึ่งได้เป็นผลสำเร็จ...เธอถึงกับคอแห้งผาก เหมือนขาดน้ำอย่างหนัก...มือบางพยายามคว้าหาอะไรที่ข้างๆ เตียงนอน และก็เจอขวดน้ำที่ต้องการ...ก่อนจะรีบเปิดมันดื่มกินอย่างสั่นๆ จนหมดเกลี้ยง

“แฮ่กๆ” และทำให้มีอาการหอบหายใจ สะดวกขึ้นอย่างมากโข...พลันดวงตาสีเทาคู่งาม ก็ต้องเบิกกว้างโตที่นึกขึ้นได้ว่า ตัวเองกำลังตื่นสายอยู่แน่ๆ

“โอ้...ไม่...นายท่านไม่โปรดที่ตื่นสาย...” เธอพึมพำก่อนจะรีบลุกเดินอย่างกับคนจะเซล้ม...ทำไมร่างกาย...เคลื่อนไหวช้านัก...เหมือนกับไม่ได้ถูกใช้งานมานานอย่างงั้นแหละ...เธอคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำได้ก็ดิ่งไปชำระร่างกายเลย...

“นี่เราอยากอาบน้ำ...เหรอ...” เธอพึมพำอย่างงุนงง...เพราะเมืองหนาวเยี่ยงนี้ การอาบน้ำคือสิ่งลำบากนัก ก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องน้ำ...และบอกว่ามันก็ห้องของตัวเองนี่นา...ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกับมีอะไรเปลี่ยนไป...

“ใช่สิ...เราถูกยิงนี่นา” เธอพึมพำกับตัวเองอีก...และพยายามนึกถึงความจำล่าสุด ว่าตอนนั้นตัวเองอยู่ที่ใด ทว่าดันกลับมานอนในห้องนอนอย่างปกติได้เยี่ยงไรกันหนอ...

มือเรียวบางรีบจวกน้ำในอ่างมาล้างหน้า...เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันใหม่นี้ แถมยังเป็นเวลาที่สายจนตะวันโด่งมากแล้วด้วย...งานนี้ท่านดานิลบ่นเอาตายแน่ๆ เธอพลางคิดในใจ

“อะไรกันนี่?” ก่อนจะเผลออุทานเสียงดังลั่น เมื่อเห็นใบหน้าของตนเองในกระจกห้องน้ำ...ซึ่งมันเป็นใบหน้าที่ไม่ใช่วัยปัจจุบันของเธอ...ใบหน้านี้เธอจำได้ว่ามันคือสมัยที่เธอยังสาวๆ อยู่ต่างหาก ดวงตาเล็กสีเทาค่อยๆ สำรวจตัวเองรอบๆ ทั้งมือ ทั้งแขน...พลิกข้อมือมาดูก็พบเจอกับรอยสักอักขระที่เหมือนของนายหญิงอันนา...

“รอยตราอัคคีนี่นา มะ...มันมาอยู่บนตัวของเราได้อย่างไงกัน!” เธอร้องตกใจ...งานนี้เธอต้องถามใครสักคนให้รู้เรื่อง...และคนที่จะตอบคำถามเธอได้นั้น ก็คือ เจ้านายของเธอ...เพียงคนเดียว...เธอรีบออกจากห้องนอน...และก้าววิ่งขึ้นชั้นสองอย่างด่วน...แม้ร่างกายจะไม่ค่อยเอื้ออำนวยนัก...เป้าหมายของเธอ...ไม่ใช่ประตูหน้าห้องของเจ้านายเหนือชีวิต แต่เป็นประตูหน้าห้องที่เธอคาดเดาได้ว่าเจ้านายหนุ่มวัยใหญ่ของเธอ จะต้องนอนอยู่ในห้องไหน

ปังๆ

เสียงเคาะประตูดังระรัวลั่นไม่หยุด...และจนไม่เป็นอันนอนหลับ...แน่นอนว่าชายหนุ่มดานิล ที่เพิ่งจะงีบหลับไปเพียงนิดเดียวเอง ถึงกับออกอาการหัวเสียดื้อๆ ใครกันหนอ กล้ามาก่อกวนเวลานอนของเขา...

“นายท่าน...นายท่าน...เปิดประตูให้ทาติน่า...เดี๋ยวนะ”



โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 15 หญิงปริศนา...




Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.พ. 2558, 11:51:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.พ. 2558, 11:51:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1330





<< บทที่ 13 วันที่ต้องสูญเสีย   บทที่ 15 หญิงปริศนา... >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account