บทเรียน (รัก) นอกตำรา
นพมัลลี นักศึกษาฝึกสอนที่จบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน

นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก

แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้

มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่

Tags: นพมัลลี ตุนท์ คมิก พิชญ์ปรีชา

ตอน: บทที่ 4 : ติดตาม

บทที่ 4

แม้ว่านิลุบลจะบอกแก่เธอว่าอยู่ได้ และไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ในใจของครูสาวกลับไม่สบายใจ เคยมีคนบอกไว้ว่าดวงตาเป็นประตูของทุกความรู้สึก ถึงปากนิลุบลจะแย้มยิ้ม แต่เธอยังเห็นร่องรอยของลูกนกบาดเจ็บในดวงตาคู่นั้น

เสียงถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้มดังอยู่หลายเฮือก รถยนต์ที่กำลังมุ่งออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า รังแต่จะสร้างความอึดอัดใจแก่หญิงสาว การช่วยเหลือลูกศิษย์ไม่ได้เลย ไม่ใช่ความสุขของคนเป็นครู เธอไม่อยากจะหันหลังกลับไปทั้งๆ อย่างนี้

อย่างน้อยๆ เธอก็ปรารถนาให้จิตใจของนิลุบลปล่อยวางปัญหาลงได้บ้าง แต่ผลที่เห็น นิลุบลมีแต่จะจมลงไปในใจกลางปัญหา ถูกมันกดไว้บนบ่าสองข้างมากขึ้น

“เดี๋ยวก่อนค่ะ”

ตุนท์หยุดรถตามคำขอ ชายหนุ่มยิ้มมาให้ เขารอคอยตั้งนานว่านพมัลลีจะหยุดเขาเมื่อไหร่ “คุณตัดสินใจว่าอย่างไรครับ”

“ฉันอยากช่วยนิลุบล ชีวิตของเขาไม่ควรจบลงแบบนี้”

“ช่วยยังไงครับ”

อาการแสร้งถามของตุนท์ต้องหยุดลงเมื่อใบหน้าครูสาวกำลังครุ่นคิดจนหัวคิ้วกำลังผูกเป็นโบ ที่จริงเขามีทางออกของเรื่องนี้ไว้แล้วตั้งแต่คิดช่วยเหลือนพมัลลี เพียงแต่เธอจะยอมเชื่อฟังเขามากน้อยเพียงใด

“คุณช่วยฉันคิดได้ไหม”

“ก็พอมีทางนะครับ”

“คุณไปรู้อะไรที่ฉันไม่รู้อีกใช่ไหม”

ตุนท์หัวเราะ ถูกใจที่ในที่สุดนพมัลลีก็เริ่มสนใจในตัวเขาขึ้นมา มีที่ไหนที่เธอจะคาดคั้น อยากรู้ในสิ่งที่เขารู้ ไม่มีเสียล่ะ

“ผมรู้ในสิ่งที่คุณไม่รู้เยอะนะครับ ให้เจรจาพาทีกันแค่วันเดียวคุณก็คงไม่รู้ในสิ่งที่ผมรู้มา แต่ผมยินดีเสนอตัวนั่งฟังเรื่องราวที่คุณรู้แต่ผมไม่รู้นะครับ เรามาแลกเปลี่ยนทัศนะกัน”

หน้าตาคนฟังบูดบึ้ง และรับไม่ได้อย่างแรง สายตาที่เฉยชาส่องประกายแหลมคมฟาดฟันคนหยอดไม่รู้เวลา หากเธอสนิทกับเขากว่านี้ล่ะก็ มือของเธอจะบิดเนื้อเขาจนลาย จนเขียวช้ำทีเดียว แต่เพราะเธอยังอยากจะเว้นระยะห่างจากเขาสักหลายๆ โยชน์ ไม่ให้เขาคิดรู้สึกเข้าข้างตัวเองได้ เธอจึงได้แต่บีบมือตัวเองไว้แน่นอย่างอดทน นับหนึ่งถึงสิบในใจวนเวียน กว่าจะเค้นเสียงออกมา แต่ฟังแล้วราวกับเธอกำลังกัดฟันพูดเสียมากกว่า

“คุณตุนท์ หน้าฉันดูเป็นเพื่อนที่คุณจะพูดเล่นใส่ได้เหรอคะ”

“ผมพูดจริง” ตุนท์กลั้นหัวเราะให้กับหน้าตาพองลมเจียนระเบิดของครูสาว เขาก็แค่อยากทำให้เธอยิ้มได้บ้างในตอนนี้ เพราะตั้งแต่เขาพานพมัลลีไปหานิลุบลมา หญิงสาวก็เอาแต่ครุ่นคิด หน้าตาเศร้าสร้อย ถึงตอนนี้เธอจะไม่มีความสุข แต่การดึงนพมัลลีไปวางไว้ที่ความรู้สึกอื่นได้ชั่วคราว เพื่อไม่ต้องคิดถึงปัญหากองเลากาที่จะรอพวกเขานับจากนี้ได้บ้าง...ก็นับว่าดีไม่น้อย

“ผมล้อเล่น”

“ล้อเล่น!” นพมัลลีกรีดเสียงลั่นอย่างยัวะจัด

“จุ๊ๆ หูผมจะดับเอานะครับครูลี อยากให้ผมจีบจริงจังหรือไงครับ ทำท่าตกใจซะขนาดนี้เลย”

“ดร.ผีทะเล”

คนถูกว่านอกจากไม่สำนึกยังหัวเราะลั่น นพมัลลีรู้สึกว่าท่าทีอบอุ่น สุภาพที่เขาสร้างไว้ต่อหน้าคนอื่น แท้ที่จริงก็ยังมีมุมกวนประสาทซุกซ่อนไว้ไม่น้อย และเธอก็คิดว่าตัวเองจะเริ่มเห็นมุมนี้จากที่ปรึกษาร่วมของเธอ

ผู้ชายคนนี้ควรเรียนรู้ความย่อท้อ หรือ น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังไม่ยอมกร่อนจากเธอบ้างนะ

“เอาเป็นว่าเราไปกินข้าวไหว้พระรอเวลากันดีกว่านะครับ”

“ไม่!”

ตุนท์กลับรถออกจากเป้าหมายเดิม และมุ่งหน้าสู่ท้องถนนอีกครั้ง ใบหน้ายิ้มพรายไม่สะทกสะท้านต่อคำปฏิเสธของนพมัลลี

“ขอบคุณนะครับที่ไม่ปฏิเสธ”

คนฟังนั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เลือกหุบปากเพื่อความปลอดภัยที่จะไม่ถูกตุนท์โมเมเรื่องเข้าข้างตัวเองอีก


รอเวลา? นพมัลลีนึกสงสัยมาตลอดเวลาที่ตุนท์พาเธอทานข้าว ไหว้พระ สายตาของเธอเต็มไปด้วยคำถามว่าเขากำลังทำอะไร ตุนท์กลับเลือกที่จะมองไม่เห็น กระทั่งเวลาเย็นหัวค่ำ ที่รถของตุนท์ขับมาจอดแอบอยู่ติดรั้วบ้านที่ติดกันกับบ้านของนิลุบล ลูกศิษย์ของเธอออกจากบ้านอีกครั้งในชุดหนังรัดรูปสีดำ ถึงจะอำพรางรูปร่างไว้ด้วยชุดคลุมยาวแล้วก็ตาม แต่ก็แทบไม่ปลอดภัยอะไรนัก หากนิลุบลจะออกจากบ้านในสภาพอย่างนี้ในยามวิกาล

“เขาจะไปไหนคะ”

“ตามไปก็จะรู้เองครับ” ตุนท์ไม่ตอบคำถามที่ตัวเองรู้คำตอบดี เลือกที่จะขับตามนิลุบลไป เหมือนอย่างที่ทำเมื่อเช้านี้

นพมัลลีกัดปากด้วยความรู้สึกเคร่งเครียด ในหัวจินตนาการไปไกลว่าเด็กสาวคนหนึ่งจะใช้ชีวิตแบบดิ่งลงเหวหลังจากชีวิตที่ผ่านมาหกคะเมนไม่เป็นท่าหรือเปล่า เธอไม่อยากให้นิลุบลเป็นอย่างนั้น หากเป็นไปได้เธอก็จะพยายามฉุดนิลุบลขึ้นมา ต่อให้มือที่เธอฉุดดึงรั้งนิลุบลไว้จะสั่น และเต็มไปด้วยแผลที่เกิดจากการแบ่งเบาความรู้สึกที่ลูกศิษย์กำลังได้รับ

รถจอดลงหน้าสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่ง นพมัลลีไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงเรียบร้อยอย่างนิลุบลจะมาที่นี่

“เขานัดกับเพื่อนหรือเปล่าคะ”

“เราลงไปดูกันเถอะ”

“นั่นคมิกไม่ใช่เหรอคะ” นพมัลลีที่คิดจะเปิดประตูออกไปรีบยั้งมือไว้ได้ทัน ดวงตามองตามร่างของเด็กในห้องเรียนของเธอเดินผ่านเข้าไปในสถานบันเทิงอย่างสบาย พวกอยู่หน้าร้านออกจะนอบน้อมให้กับเด็กหนุ่ม เป็นที่น่าตื่นตะลึงสำหรับหญิงสาวไม่น้อย

“คุณจะไปทั้งอย่างนี้เหรอ” ตุนท์ถามเสียงกลั้วหัวเราะ สภาพของสาวเรียบร้อยชุดสีไม่ฉูดฉาด หน้าตาแต่งเพียงเบาบาง ผมก็รวบเป็นหางม้าอย่างง่าย ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ เขาหยิบโทรศัพท์กดหาเลขาส่วนตัว และไม่นานอีกฝ่ายรีบวิ่งมาปรากฏตัว ในมือถือถุงพะรุงพะรัง

ตุนท์เปิดประตูยื่นมือออกไปรับถุง แล้วนำมาส่งให้กับนพมัลลี “ผมไม่อยากให้เด็กนักเรียนจำคุณได้ ผมไม่อยากให้มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณออกไป คุณเชื่อผมเถอะครูลี ว่าขืนคุณเข้าไปในร้านด้วยสภาพแบบนี้ คุณจะโดดเด่นเกินใคร”

“จืดๆ อย่างนี้น่ะเหรอคะ”

“ก็คนอื่นเขาเผ็ดๆ เปรี้ยวๆ เหมือนๆ กันหมด คุณที่เป็นรสจืดหนึ่งเดียวในร้านจะไม่เด่นได้ยังไง”

“นี่คุณ!”

“กระจกรถคันนี้ฟิล์มดำ ผมให้คุณจัดการตัวเองสิบนาที ผมจะรออยู่ข้างล่างนะครับ ถ้าช้ามากๆ ผมขึ้นมาตามไม่รู้ด้วยนะ”

ตุนท์รีบลงไปก่อนที่จะถูกนพมัลลีที่กำลังอ้าปากออกเสียงด่าได้ทัน หน้าตายิ้มกลายเป็นจริงจังหลังชายหนุ่มหันหลังให้กับยานพาหนะ

ใบหน้าของทวีที่ทำคอยืดยาวอยากเห็นหน้าคนในรถจำต้องสงบเสงี่ยม ยืนรอรับคำสั่งผู้เป็นนาย ตลอดสัปดาห์มานี้เขาต้องวิ่งวุ่นเรื่องอดีตนักเรียนหญิงต่างโรงเรียนคนหนึ่ง เมื่อสายของวันตุนท์ก็สั่งให้เขาหาชุดผู้หญิงสำหรับใส่เที่ยวไม่ต้องโป๊มาให้ ไม่รู้ว่าที่เขาเลือกมาจะถูกใจเจ้านายหรือเปล่า

“ฝากดูแลครูลีให้ดีด้วยนะครับ เผื่อผมไม่ได้อยู่ตรงนั้น แล้วครูลีเกิดเรื่อง คุณทวีจะได้เข้าไปช่วยเหลือได้ทัน”

“ได้ครับ”

ทวีถูกตุนท์สั่งห้ามแพร่งพรายเรื่องที่สนิทกับนพมัลลีให้แม่ของเขารู้เด็ดขาด และเพราะนพมัลลีสาเหตุหนึ่งกระมังที่ทำให้ตุนท์ใช้ข้ออ้าง ‘อยากสังเกตการณ์โรงเรียนอย่างใกล้ชิด’ จึงย้ายจากที่บ้านมาอยู่ยังบ้านพักในโรงเรียน

“คุณแน่ใจเหรอที่จะให้ฉันเข้าไปด้วยชุดนี้” นพมัลลีเดินลงจากรถมาอย่างเงียบเชียบ เธอคิดว่าเจ้าชุดกระโปรงสีชมพูยาวเท่าเข่าตอนนี้ดูอย่างไรก็เหมาะกับเด็กอายุไม่เกินมัธยมต้นมากกว่า ไหนจะที่คาดผมติดสตรอว์เบอร์รี่พลาสติกสีหวาน

ตุนท์อ้าปากค้างมองชุดบนร่างนพมัลลีอย่างเหลือเชื่อ เขาใช้สายตาหันไปถามเลขาหนุ่มที่กำลังหัวเราะแหะมาให้

“ก็ชุดไปเที่ยวไงครับ คุณตุนท์สั่งผมว่าห้ามโป๊ ผมก็เลยคิดถึงชุดที่จะให้ลูกสาวใส่”

“เที่ยวที่ไหนล่ะครับ”

ทวีหัวเราะลูกเดียวไม่ยอมตอบ รู้สึกว่าการหัวเราะมันพอจะแก้อาการหวาดหวั่นกับสายตาของผู้เป็นนายที่กำลังด่าเขากรายๆ ว่า ‘ไม่ได้เรื่อง!’ ได้อยู่บ้าง

“คุณจะกลับไปเปลี่ยนชุดเดิมก็ได้นะครับ”

นพมัลลีทำหน้าบอกบุญไม่รับ ไม่รั้งรอที่จะอยู่เจรจาเรื่องชุดอีก อย่างไรสภาพอย่างเธอที่จืดๆ ก็ดูไม่เข้าทีกับที่ที่เต็มไปด้วยความเผ็ดเปรี้ยวอย่างที่เขาว่ามาหรอก แต่บางทีเขาควรจะเรียนรู้ความเป็น ‘เธอ’ ให้มากกว่านี้อีกสักนิด คนจืดๆ ใช่ว่าจะไม่มีประวัติเคยเผ็ดเคยเปรี้ยว

ตอนนี้เรื่องที่เธออยากรู้มากกว่าเหนืออื่นใดคือ นิลุบลมาทำอะไรที่นี่ ไหนจะคมิกอีก


คมิกกลืนไปกับฝูงชน มือของเขาปรับกล้องกระดุมที่เขาผลิตขึ้นมา ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติของเขาด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มใช้ใบหน้าของตัวเองที่เป็นลูกชายของเจ้าของที่เปิดทางเดินไปได้เรื่อย สะดวกโยธิน เขาเฝ้าเก็บหลักฐานความโสมมของที่นี่มาวันแล้ววันเล่า เหลือเพียงความกล้าที่จะนำมันมาประหัตประหารพ่อของตัวเอง

ทุกครั้งที่เขากลับบ้านสิ่งแรกที่เจอคือเสียงร้องไห้ของมารดาปริ่มจะขาดใจ พ่อไม่เคยให้เกียรติแม่ ท่านกล้าหิ้วผู้หญิงไม่ซ้ำหน้ามานอนครวญครางใต้ร่างท่านในห้องที่แม่เขาเคยนอน หลายต่อหลายครั้งที่เวลาพ่อไม่พอใจแม่ ท่านจะลงไม้ลงมือกับแม่โดยไม่เคยนึกถึงความรู้สึก นานวันเข้าความโกรธแค้นที่ต้องทนเห็นสภาพบ้านแบบนั้นทุกวัน กัดกร่อนจิตใจเด็กหนุ่มจนไม่เหลือคำว่า ‘รัก’ ให้กับคนเป็นพ่ออีก

เขาไม่เคยน้อยใจที่พ่อไม่เคยจำวันเกิดเขาได้ ไม่เคยรู้สึกผิดหวังกับการที่ไม่มีพ่อมานั่งชื่นชมผลการเรียนที่หนึ่งที่เขาคว้ามาหลายปีติด ตรงกันข้ามเขาค่อยๆ คุ้นเคยกับชีวิตที่ไม่มีพ่อมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต สิ่งที่เขาเสียดายมากที่สุด คือครั้งหนึ่งในชีวิตเขาเคยเฝ้ารอพ่อให้มาร่วมงานวันเกิด เคยอ้อนวอนให้พ่อมีแม่เพียงแค่คนเดียว ช่วงหนึ่งนั้นในชีวิตกลายเป็นนาทีที่เขาเกลียดที่สุดในการนึกถึง

ตอนที่แม่จากไปความทุกข์โศกในบ้านอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน พ่อก็จัดงานเลี้ยงใหญ่โตฉลองวันเกิดให้อีหนูไฮโซสักคนที่พ่อกำลังจ้องเขมือบ

สิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ หากไม่นับร่างกายที่เขามีเลือดของพ่อไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่ง ความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่ก็เบาบางจนแทบไม่สื่อความรู้สึกใดๆ ต่อกันแล้ว

เด็กหนุ่มพิงหลังกับระเบียงชั้นสองของร้าน วันนี้เขาเก็บภาพใบหน้าพวกมียาเสพติดในครอบครองไปได้สองสามราย แต่ก็เท่านั้น ถึงเล่นงานมดปลวกพวกนี้ไปก็ไม่ได้ทำให้พ่อเขาระคายผิวได้หรอก

แต่เขาก็หวังว่าสักวันสิ่งที่เขามีจะเป็นประโยชน์บ้าง...

“อายุคุณถึงเกณฑ์เหรอคุณคมิก”

คมิกทำหน้าหน่ายใส่ครูที่ปรึกษา ที่ไม่ได้ปรึกษาว่าจะมาร้านในวันนี้ เด็กหนุ่มหันกลับมาสนใจลานด้านล่างของร้าน ไม่อยากเสียอารมณ์เพราะตุนท์

“แล้วครูล่ะครับ มาเที่ยว หรือมาหาของ” ‘ของ’ เป็นคำที่คมิกตั้งใจสื่อถึงของไม่ดี

“มาตรวจความประพฤตินักเรียนมากกว่า” ตุนท์ตอบทีเล่นทีจริง เขาไม่ได้ประหลาดใจนักกับการพบคมิกที่นี่ หลายวันที่เขาเฝ้าหาข้อมูลของนิลุบล ก็มีโอกาสที่ได้พบเห็นคมิกวนเวียนอยู่ในร้านนี้

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นพนักงานของที่นี่ใช่ไหม เป็นมานานหรือยัง”

เด็กหนุ่มมองตามมือของตุนท์ที่ชี้ออกไปยังมุมของบาร์เครื่องดื่ม ผู้หญิงชุดดำรัดรูปคนหนึ่งกำลังนั่งเอียงซบเกยตักผู้ชายที่อายุไม่น่าถึงเกณฑ์เข้าร้านอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรมที่ไหน

“ผมไม่สนใจความเป็นไปในร้านนี้” คมิกหยิบมวนบุหรี่ออกมาจุดสูบ ปล่อยควันไปทีหนึ่งแล้วพูดต่อ “แต่ก็เห็นว่าทำงานในร้านนี้มาได้สองสามเดือนแล้ว” ก็แค่ในฐานะที่เขาต้องมาเก็บหลักฐานความโสมมในร้านของพ่อ

ตุนท์ดึงบุหรี่ออกมาจากปากสีเข้มของคมิกโดยไม่ขอคำปรึกษา และโยนทั้งมวนลงพื้นใช้เท้าขยี้ดับด้วยใบหน้านิ่งเฉย ไม่มีการต่อว่าใดๆ ขณะที่วกกลับเรื่องเดิม

“ผู้ชายคนนั้นล่ะ เขามาที่นี่บ่อยไหม”

คมิกกัดฟันกรอด เขาไม่โง่พอจะหยิบมวนบุหรี่ออกมาให้ตุนท์ขยี้เล่นอีก จึงหยิบหมากฝรั่งมาแกะเคี้ยวก่อนตอบ สายตามองผู้ชายหน้ายาวที่กำลังทำหน้าตาเคลิบเคลิ้มใส่พนักงานในร้านคนนั้น มือก็หนึบหนับไปด้วย

“ขาประจำของร้านนี้ครับ แต่มีหายไปสามสี่เดือน ได้ข่าวว่าหนีไปพักที่ต่างประเทศมา นี่ก็เพิ่งจะกลับมาได้ไม่ถึงอาทิตย์ดี...” คมิกหยุดคำพูดนั้นไปกลางคัน ดวงตาเบิกกว้างขึ้น จ้องผู้หญิงใสชุดสีชมพูอย่างไม่เชื่อสายตา ในที่ที่แสงไฟส่องสว่างไม่มากนี้เขากลับรู้สึกว่าครูนพมัลลีโดดเด่นขึ้นมา...เขาจำได้

“อยากลงไปดูเหตุการณ์ใกล้กว่านี้ไหม”

“ครูมากับครูลี?”

“ผมไม่ปล่อยให้เขาลุยเดี่ยวหรอกน่า” ตุนท์บอกอย่างมั่นใจ

“ครูชอบครูลีใช่ไหม” คมิกมองไปยังร่างของนพมัลลี “ผมเองก็สนใจครูเขานะ ครูลีไม่เหมือนใครดี”

ตุนท์รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเขาต้องมารับรู้ว่ามีคน ‘สนใจ’ นพมัลลีเพิ่ม ที่สำคัญหมอนั่นยังเป็นแค่เด็กนักเรียน


เสียงเพลงดังอื้ออึงที่เธอไม่ได้ยินมานานเกือบสิบปีทำให้นพมัลลีต้องนิ่วหน้าตั้งแต่ย่างแรกเข้ามาในร้าน มือยกขึ้นอุดจมูกเพื่อลดกลิ่นบุหรี่ที่มีคนจำนวนไม่น้อยหลบมุมสูบอยู่ บ้างก็เริ่มเมาอ้อแอ้นอนพังพาบคลอเคลียกับสาวบนโซฟา

นพมัลลียืนนิ่งอึ้ง รู้สึกอยากอาเจียนเอาอาหารออกมา เธอรู้ว่าสถานที่แบบนี้เป็นสถานที่ที่เธอเกลียดที่สุด แต่เธอก็ยังไม่ลังเลสักเสี้ยววินาทีที่จะเข้ามา เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยนิลุบล เธอก็ซ่อนความรู้สึกนี้ไว้ให้ลึกที่สุด แต่มันยังคงลึกไม่พอ

ร่างบางวิ่งสวนกับฝูงชนเข้าไปในห้องน้ำแล้วเริ่มโก่งคออาเจียน บางทีเรื่องที่เธอเคยเปรี้ยวแสบในอดีตคงจะตายจากเธอไปนานแล้ว หญิงสาวเปิดก๊อก วักน้ำมาบ้วนปากล้างหน้า มองเงาตัวเองในกระจกที่ดูแตกต่างจากเมื่อก่อนมากมาย ตอนนี้เธอเป็นครู เป็นคนสอนคน ไม่ใช่เด็กนักเรียนที่ก่อแต่ความวุ่นวายอีกแล้ว

เงาของเด็กนักเรียนที่เธอกำลังตามหาออกมาจากห้องน้ำริมสุด นพมัลลีใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ คิดเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าวิ่งออกไปจากห้องน้ำ แต่หยุดรั้งรอตรงกรอบประตู อาศัยเงามืดของร้านบดบังตัวเองไว้

อย่างน้อยเธอก็อยากจะแน่ใจว่านิลุบลเพียงแค่มาเที่ยวเล่น ไม่ได้มามั่วเล่นยา หรือร้ายแรงกว่านั้นอย่างการขายตัว

“มาได้แล้ว ฉันรออยู่ในห้องน้ำ” นพมัลลีรีบเดินหลบฉากห่างจากห้องน้ำมาอีกนิด เห็นผู้หญิงผมหยิกผิวเข้มคนหนึ่งเดินสวนเข้าไป เธอเห็นคนๆ นั้นปิดประตูห้องน้ำล็อกจากด้านในด้วย นพมัลลีวิ่งกลับมาส่องตรงกระจกของประตู ทันเห็นนิลุบลใช้เงินแลกกับซองยาสีขาว นพมัลลีมองด้วยความรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี

ครูสาวได้แต่เดินตามศิษย์เก่ามาห่างๆ เธอถึงกับยืนอึ้งตาโตเมื่อเห็นเป้าหมายของนิลุบลเต็มสองตา อชิระ ลูกชายผอ.โรงเรียนเก่าที่เธอเคยฝึกสอน และยังเป็นสาเหตุของเรื่องเลวร้ายในชีวิตของนิลุบลทั้งหมด

“ฉันดีใจที่เธอเลิกโกรธฉันแล้วนะ เธอควรจะขอบคุณฉัน ที่ตอนนั้นฉันทำให้เธอไม่ต้องมีภาระ”

ภาพสองคนที่กำลังเกาะเกี่ยวกันไม่ได้อยู่ในสายตาของนพมัลลีอีก หญิงสาวกำลังรู้สึกตกตะลึงกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินไปมากกว่า...ฉันทำให้เธอไม่ต้องมีภาระ หมายความว่าอชิระก็มีส่วนในการฆ่าลูกในท้องของนิลุบลอย่างนั้นเหรอ

จู่ๆ นพมัลลีก็รู้สึกหนาวยะเยือก ความเย็นเฉียบในสถานบันเทิงเทียบไม่ได้เลยกับความลึกมืดดำในจิตใจของคน เด็กหนุ่มคนนี้อายุยังไม่มาก แต่กลับคิดเรื่องราวได้เลวร้าย ไร้ซึ่งหัวใจ เธอไม่กล้านึกเลยหากวันใดเขาเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ คงจะโตเพียงกาย แต่ใจยังเลือกเป็นสัตว์หรือเปล่า

นิลุบลไม่รู้ตัวเลยว่าตอนที่เธอฉวยโอกาสใส่สารหนูลงไปในเครื่องดื่มสีอำพันของอชิระนั้นจะอยู่ในสายตาของคนอื่น นิลุบลส่งแก้วทรงสูงให้กับอชิระ ดวงตายั่วเย้า

“อย่าพูดถึงเรื่องเก่าเลยค่ะ”

“นั่นสินะ” อชิระหัวเราะอารมณ์ดี เขากำลังจะจรดน้ำนั้นกับริมฝีปากอยู่แล้ว แก้วก็ถูกแย่งไปจากมือ

“นี่มันอะไรวะ! อ้าว ครู” จากอารมณ์เสีย คนที่เคยผลักครูคนหนึ่งให้พ่ายมาก่อนยิ้มกริ่ม “จะมาคิดบัญชีกับผมเหรอครับ”

“ฉันไม่ใช่ครูของเธอ อย่ามาเรียกฉันว่าครู ถ้าเธอไม่เคยเคารพฉัน”

“โอ้ว เย็นชาซะด้วย คิดว่ากูง้อเหรอวะ ให้ตายเหอะ”

นพมัลลีไม่แยแสคนที่ไม่ใช่ลูกศิษย์ของเธอ ชูแก้วถามนิลุบลอย่างจงใจ “แก้วนี้ครูดื่มได้ไหม”

นิลุบลเงียบไม่ตอบ เธอหันมองอชิระ ดวงตาสาดประกายผิดหวังที่แผนการของเธอกำลังล่ม

“ทำไม เรียนไม่จบไม่มีเงินเดือนเรอะ เดี๋ยวกูสงเคราะห์ให้เอาไหม” อชิระไม่ยำเกรงใดๆ

“ถ้าเธอไม่ขัด ครูจะดื่ม”

ครูสาวรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างยามที่เห็นนิลุบลปิดปากเงียบ เธอยกแก้วทรงสูงจรดริมฝีปาก อาศัยความมืดให้ช่วยบดบังว่าที่จริงเธอเม้มปากไว้แน่น ไม่ยอมให้แอลกอฮอล์รสขมนี้ไหลเข้าปากได้ แต่ก็มีบ้างที่ลิ้นของเธอสัมผัสกับของเหลวที่หลุดรอดเข้ามา แต่ในปริมาณที่น้อยมาก อย่างไรเธอก็ไม่โง่เอาชีวิตตัวเองมาทิ้งเพราะไอ้แอลกอฮอล์เส็งเคร็ง...ซึ่งครั้งหนึ่งมันเคยทำลายชีวิตของเธอ

ไหนจะยาอะไรก็ไม่รู้นี้อีก เธอไม่ยอมตายอย่างคนหน้าโง่เด็ดขาด

“พอเถอะครู!”

นิลุบลปัดแก้วในมือของนพมัลลีจนกระเด็นออกไป รวมเข้ากับความจงใจของนพมัลลีที่ส่งแรงโยนให้มันกระแทกกับผนังจนแตกละเอียด

เด็กสาวน้ำตาร่วงเต็มสองแก้ม พนมมือไหว้อย่างลนลาน “ครู ฉันขอโทษ”

นพมัลลีลอบยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ อชิระกำลังงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เสียงใครคนหนึ่งก็ดังลั่น

“จับเขาไว้ครับ ผมเห็นเขาเอายาใส่ไปในแก้วนั้น” คมิกเดินโผล่มาจากหลังบาร์พร้อมตุนท์ หน้าตากำชัย

ทวีโผล่มารวบตัวอชิระไว้อย่างรวดเร็ว พร้อมคนจากสถานบันเทิง นพมัลลียืนดูเหตุการณ์พลิกผันไปมาด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่อาการปวดท้องจะเริ่มมาทักทาย เสียงร้องโอ๊ยของนพมัลลีเรียกความสนใจจากทั้งตุนท์และคมิกได้

ตุนท์มาถึงตัวของนพมัลลีก่อน แล้วนพมัลลีก็เริ่มโก่งคออาเจียนกับพื้น

“รีบพาครูไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ ในน้ำที่ครูดื่มไปมีสารหนู”

“นี่เธอ!” ตุนท์โมโหจนพูดไม่ออก เขาช้อนร่างที่อ่อนแรงขึ้นอุ้ม กระซิบเสียงเข้มย้ำเรียกสติคนที่อาการกำลังน่าเป็นห่วง

“ห้ามเป็นอะไรเข้าใจไหม คนที่ดื่มสารหนูเข้าไปสามารถอาเจียนได้” เมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่กรดหรือด่างที่จะทำลายตั้งแต่ปากคอ เขาก็ทบทวนความทรงจำในหัว ว่าคนถูกพิษสารหนูต้องทำอย่างไร

“ที่จริงฉันดื่มไปนิดเดียว” นพมัลลีพูดเสียงเบาข้างหูตุนท์ “แต่ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงแอลกอฮอล์ ฉันจะอาเจียน ครั้งนี้ดื่มเข้าไปด้วยนิดหน่อย มันอาจจะ...”

“อย่ามาพูดให้ผมสบายใจ ยังไงคุณก็ต้องไปโรงพยาบาล ชวนผมคุยไปเรื่อยๆ อยากอ้วกก็อ้วกไปเลย ไม่ต้องเกรงใจรถผม”

ท่าทีเป็นห่วงเป็นใยอย่างจริงใจของตุนท์กำลังทำให้จิตใจนพมัลลีอุ่นขึ้นอย่างประหลาด ที่ผ่านมาแสงอาทิตย์อ่อนในฤดูเหมันต์แห่งชีวิตของเธอนั้นมาจากเด็กหญิงตัวน้อยนวมลลิ์เพียงคนเดียว น้อยนักที่จะมีใครห่วงใยความเป็นอยู่หรือชีวิตของเธอ แต่ตอนนี้ชีวิตของเธอจู่ๆ ก็มีคนมาห่วงเธอเพิ่มอีกหนึ่ง

ทำไมตุนท์ต้องมาห่วงผู้หญิงแปลกหน้าที่ดีแต่พกภาระมาให้เขาด้วยก็ไม่รู้ หรือว่าเขาจะชอบเธอจริงๆ

นพมัลลีนึกถึงความรู้สึกชอบที่ตุนท์มีต่อเธอ อาการคลื่นไส้ก็เริ่มเล่นงาน

สิ่งต้องห้ามคิดของเธอ แอลกอฮอล์ และผู้ชาย ไม่ว่าอย่างไรการหยุดคิด น่าจะเป็นสิ่งที่เธอทำได้ง่ายกว่า

..................................

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ^_^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.พ. 2558, 15:44:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.พ. 2558, 23:43:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1467





<< บทที่ 3 : เรื่องเล่า   บทที่ 5 : การเปลี่ยนแปลง >>
OhLaLa 21 ก.พ. 2558, 18:17:22 น.
ตุนท์น่ารักกกกกก ตามมาอ่านจนทันตอนล่าสุดแล้วค่ะ มีฝากคอมเม้นท์ตอนที่ผ่านๆมาด้วยค่ะ ลีกับหนูมลเป็นมากกว่าน้าหลานหรือเปล่าคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account