บทเรียน (รัก) นอกตำรา
นพมัลลี นักศึกษาฝึกสอนที่จบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน

นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก

แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้

มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่

Tags: นพมัลลี ตุนท์ คมิก พิชญ์ปรีชา

ตอน: บทที่ 10 : ความจริงที่ไม่เคยลืม

บทที่ 10

เรื่องเหลือเชื่อมักเกิดขึ้นปุบปับโดยที่มนุษย์ไม่ค่อยจะทันตั้งตัวนัก และเรื่องปุบปับนั้นก็ช่างถูกอกถูกใจตุนท์เป็นอย่างยิ่ง เขารู้ว่านพมัลลีใช้เขาเป็นเครื่องมือเพื่อ ‘กัน’ เพื่อนเก่า ที่บังอาจมาแนะนำตัวกับเขาว่าเป็นแฟนเก่าของนพมัลลี

กับผู้ชายคนอื่นอาจไม่พอใจที่จู่ๆ ตัวเองก็กลายเป็นตัวหลอก แต่สำหรับเขานั้นไม่เลย เขายิ่งกว่าเต็มใจ แค่นพมัลลีเลือกเขาแทนที่จะเลือกคนอื่น ก็ดีถมเถแล้ว

ผู้ชายคนนั้นอึ้งไปทันทีที่ได้ยินนพมัลลีแนะนำเขาให้รู้จัก ตุนท์ยิ้มรับใบหน้าแข็งๆ ของอีกฝ่ายอย่างยินดีปรีดายิ่งยวด

“เขาดูไม่เหมาะกับเธอเท่าไหร่นะ”

“หรือต้องแบบคุณเหรอ” นพมัลลีตอกกลับด้วยรอยยิ้มอาบยาพิษ เธอเกลียดผู้ชายอย่างวากูรยิ่งกว่าเศษอุจจาระของสุนัข หรือกิ้งกือ ไส้เดือนที่ถูกเหยียบใต้ฝ่าเท้า คนอย่างวากูร ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องคบหาอีก ช่วงเวลานั้นคือเวลาแห่งความโง่เขลา เธอไม่เคยเสียหัวใจของตัวเองให้ใคร ไม่เคย!

“ฉันไม่เคยลืมเธอเลยนะ”

“ฉันก็ไม่เคยลืมคุณเหมือนกัน” นพมัลลียิ้มเยื้อนเบาบาง มือที่เคยเกี่ยวแขนตุนท์ถูกมือของตุนท์ดึงไปจับไว้ นพมัลลีสูดหายใจ ก่อนจะพูดชัดเจนทุกคำให้วากูรรู้สึก ไม่ใช่ทำหน้ายิ้มดีใจ ดวงตามีความหวัง เธอเกลียดความหวังของคนๆ นี้ “นั่นก็เพราะคุณเป็นความทรงจำที่โสโครกที่สุดเท่าที่ฉันเคยมีมาในชีวิตนี้”

“ลี!” วากูรเรียกอย่างผิดหวังรุนแรง

นพมัลลีไม่อยากรั้งรอที่จะอยู่ฟังคนในอดีตพร่ำพรรณนาคำน่าสะอิดสะเอียน เธอจึงหันมาทำเสียงหวานใส่ตุนท์ “ไปกันเถอะค่ะ มีคนที่เราต้องไปหา”

“อย่าเพิ่งไปได้ไหมลี”

ร่างบอบบาง ไหล่ลู่สง่าไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ ตุนท์อดไม่ได้ที่จะหันไปยิ้มเย้ยใส่คนที่ถูกเมิน เขาไม่ได้เกิดมาเป็นคนดีนักหรอก ในเมื่อนพมัลลีแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบอีกฝ่าย ก็แสดงว่าในอดีตระหว่างทั้งสองต้องมีเรื่องขุ่นข้องระหว่างกันไม่น้อย

‘ความทรงจำที่โสโครก’ เขาไม่ขอรับเกียรตินั้น และยินดีที่คนอื่นมารับล่วงหน้าไปแล้ว

“ยิ่งคุณเดินหนี เขาก็จะยิ่งตาม” ตุนท์กระซิบบอกอย่างไม่ใคร่จะพอใจนักเมื่อเหลียวหลังกลับไปก็ยังพบทั้งคนทั้งสุนัขตามมา

“อย่าไปสนใจเขาเลยค่ะ ฉันยังไม่สนเลย” นพมัลลีปากบอกไม่สน แต่ดวงตากลับทอความอึดอัดและเจ็บปวดได้ชัดเจนยิ่งกว่าคำพูด ตุนท์กัดฟันกรอด เขาพอจะเรียบเรียงเรื่องราวในครั้งนี้ได้อย่างเงียบๆ บ้างแล้วล่ะ ในเมื่อตัวปัญหาในชีวิตของนพมัลลีโผล่มาตั้งคนหนึ่งแล้ว

“ผมยินดีเป็นไม้กันหมาให้คุณเสมอนะ” ตุนท์บอกเสียงมั่นคง เมื่อทั้งสองเข้ามานั่งเรียบร้อยในรถ

นพมัลลีนิ่งอึ้ง เธอแทบจะลืมเลือนความโกรธในเรื่องที่ตุนท์เคยโกหกเธอไปทันทีที่วากูรปรากฏกายในชีวิตเธออีกครั้ง ทำไมตุนท์ถึงเต็มใจช่วยเหลือเธอทุกอย่าง คนอย่างเธอสมควรที่จะได้รับสิ่งดีๆ อย่างนี้จากตุนท์จริงเหรอ

“คุณทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากเลยนะคะ”

“สำหรับผมคุณคือดอกไม้ที่งดงามนะครับ” ตุนท์ควบคุมพวงมาลัย และบังคับรถด้วยความเร็วไม่น้อย หวังสลัดรถที่ตามอยู่ข้างหลังหลุดไปให้ได้

“ฉันไม่สวยงามอย่างนั้นหรอกค่ะ”

“ไม่จริงหรอกครับ” ชายหนุ่มปฏิเสธด้วยรอยยิ้มละมุนหวาน “คุณอาจอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี แต่คุณเติบโตเป็นดอกไม้ที่ดีได้นะครับ ยิ่งมีอุปสรรคมากเท่าไหร่ ดอกไม้ที่เติบโตในสภาพแวดล้อมอันย่ำแย่แล้วยังงอกงามอย่างสง่าอยู่ได้ นั่นเรียกว่าความแข็งแกร่ง คุณคือดอกไม้ที่แข็งแกร่ง แล้วก็หาไม่ได้ตามทั่วไปนะครับ”

“ชอบของแปลก”

“ผมไม่ได้ชอบ...ผมว่าผมกำลังรักนะ”

ความเงียบเข้าครอบคลุมทั่วทั้งรถ นพมัลลีไม่รู้ว่ามันคือความอึดอัดไหม เพราะเธอก็ยังหายใจออกอยู่ปกติ แต่กับอาการคล้ายมีไข้มาอออยู่ตรงสองข้ามแก้มนี้ เธอชักไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองนัก

ทำไมตุนท์ถึงได้ชอบหว่านคำหวานใส่เธออยู่เรื่อยนะ บ้านเขาอยู่ข้างไร่อ้อยหรือไง นพมัลลีนึกอย่างพาลๆ ที่มีความรู้สึกขัดเขินแฝงอยู่ในนั้นด้วย

“ฉันยังไม่หายเคืองคุณหรอกนะคะ”

“ผมขอโทษครับ” คนปากหวานทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมสำนึกผิด อยู่ดีๆ ก็เจอสาวเจ้าขุดมาพูดอย่างนี้

นพมัลลีลอบขัน เธอไม่รู้ว่าความขุ่นเคืองมันค่อยๆ จางไปจากใจเมื่อไหร่ คงเพราะรอยยิ้ม ความอ่อนโยน หรือการที่เขามองเธอด้วยสายตาที่มีค่า ทั้งหมดทั้งมวลที่เขาแสดงออกคล้ายสถานที่น่าสบายใจ ที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ที่เธอเพิ่งค้นพบว่ามีอยู่บนโลกนี้

“ขอบคุณนะคะ”

ตุนท์ยิ้มรับ เขาไม่อยากถามว่านพมัลลีขอบคุณเขาด้วยเหตุผลอะไร ขอแค่เขาไม่ใช่จุดบอด จุดดำที่กลายเป็นอุปสรรคหรือปัญหาในชีวิตของเธอ เขาก็พอใจมากแล้ว

“มีเรื่องอะไร นึกถึงผมได้เสมอนะครับ”

“คุณจะกลายร่างเป็นร้านสะดวกซื้อยี่สิบสี่ชั่วโมงเหรอคะ”

เมื่อได้ฟัง ตุนท์ถึงกับหัวเราะลั่น พยักหน้ารับ “ตุนท์ยี่สิบสี่ชั่วโมง ยินดีให้บริการครับ”



โรงเรียนพิชญ์ปรีชา...สามวันที่แล้วที่วากูรจอดรถอยู่ห่างๆ มองจุดหมายที่นพมัลลีหายลับเข้าไปภายในนั้น เขามั่นใจว่านพมัลลีเป็นครูฝึกสอนอยู่ที่นั่น หลังจากสืบหาจากครูบาอาจารย์ในโรงเรียนนั้น การได้พบนพมัลลีอีกครั้งสำหรับเขาถือได้ว่าเหนือความคาดหมายที่สุด เขารอเธอมาตลอด รอจนคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีกแล้ว

วากูรหยุดยืนตรงริมกระจกในห้องคอนโดติดแม่น้ำสายใหญ่ ความเวิ้งว้างในกลางคืนที่เขาสัมผัสตลอดมา สามวันมานี้มีความตื่นเต้นมาเพิ่มในความรู้สึกของเขา

เขารู้จักกับนพมัลลีสมัยขึ้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ ผู้หญิงเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่ก็ไม่ทำตัวเป็นตัวปัญหาประจำห้อง คล้ายไม่มีอะไรโดดเด่น แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งเทอม เขาไม่กล้าดูถูกนพมัลลีอีก นอกจากวิชาพละ การบ้านการเรือนแล้ว นพมัลลีไม่มีข้อบกพร่องใดอีก ไม่ว่าจะคณิตศาสตร์ ภาษา วิทยาศาสตร์ หรือแม้แต่ศิลปะที่นพมัลลีมีรางวัลติดตัวตั้งแต่สมัยประถม เวลาที่นพมัลลีไปชนะกลับมา เธอกลับเลือกไม่ประกาศหน้าเสาธง แต่เป็นครูศิลปะเองที่หยิบยกผลงานของนพมัลลีขึ้นมาพูด

เสียงเห่าของโกลเด้นตัวโตปลุกเขาจากภวังค์ วากูรหันไปมองพลางเลิกคิ้วมอง ตุ๊กตาถักแม่มดสีดำตลอดตัวขนาดเท่าฝ่ามือไปอยู่ในริมฝีปากของลีลี่เสียแล้ว

“ลีลี่!” เสียงดุห้วนหยุดการงับตุ๊กตาถักได้ชะงักงัน ชายหนุ่มเดินไปแย่งตุ๊กตาเปียกน้ำลายจากในปากเจ้าตัวร้ายมาวางลงบนชั้น ความทรงจำของเขาหวนทำงานอีกครั้ง คนที่ไม่เคยคิดจะจริงจัง เพียงแค่สนใจในตัวตนอันลึกลับของนพมัลลี ที่ค่อยๆ ดึงดูดเขาเข้าหาทีละนิด เขาคงจะไม่รู้สึกตัวว่ารู้สึกอย่างไรต่อนพมัลลี ถ้าจู่ๆ ในวันหนึ่งที่เขาไปโรงเรียน จะไม่มีโอกาสได้พบเธออีก เขาไปตามหานพมัลลีที่บ้านของหญิงสาวก็ไม่มีใครให้เบาะแสใดๆ สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นบนใบหน้าพวกเขาหลังจากเขาเอ่ยปากหาลูกสาวคนเล็กของพวกเขาคือความเกลียดชัง โกรธเคือง พวกนั้นไล่เขาออกมาไม่ต่างจากหมูหมา

เขาเก็บของทุกอย่างที่นพมัลลีเคยให้ หนังสือทุกเล่มที่นพมัลลีไม่เคยเอากลับไป เขาควรจะดีใจใช่ไหมที่ตุ๊กตาตัวโปรดของเจ้าลีลี่คือของขวัญชิ้นแรก และชิ้นเดียวที่นพมัลลีมีให้เขา

ออดหน้าห้องดังขึ้นครั้งหนึ่ง ก่อนที่แขกจะถือโอกาสเปิดเข้ามา ใบหน้าสวยพริ้มเดินเฉิดฉายเข้ามาอย่างมาดมั่น มือลากกระเป๋าเดินทางใบโต และวางไว้ตรงทางเดิน ถอดรองเท้าส้นสูงอย่างไม่ใส่ใจ แล้วกางแขน คล้องคอวากูร ปากสีแดงจูบปลายคางของชายหนุ่มอย่างแสนคิดถึง

“ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน คิดถึงกูรจังค่ะ”

วากูรกอดรัดรอบเอวแน่งน้อย จมูกสูดดมกลิ่นน้ำหอมมีระดับที่ฐานิษใช้ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นอย่างที่ชอบทำ เขาคิดถึงกลิ่นกายสะอาด ปราศจากกลิ่นน้ำหอมกลิ่นแรงมากกว่า...เหมือนนพมัลลี



สายฝนโปรยปรายเรื่อยมา ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด นพมัลลีออกมาจากรถแท็กซี่ เธอยังช็อกกับเรื่องที่เจอไม่หาย หญิงสาวอยากเรียกร้องหาความยุติธรรม แต่เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ตรงไหน และเลือก ‘ใคร’ มาช่วยเหลือ

บ้านสองชั้นที่เธออยู่มาแต่เกิดเงียบเชียบ ไม่เคยมีใครรอเธอกลับมา นพมัลลีป้องมือเหนือศีรษะ อีกข้างไขกุญแจเข้าบ้าน ร่างทั้งร่างชา ไม่รู้สึกรู้สาใดๆ นอกจากความหนาวเหน็บ

นพมัลลีกระชับเสื้อคลุมที่วากูรนำมาให้แนบกายไว้ เสื้อผ้าภายในของเธอยับย่น และมีรอยปริขาดหลายจุด ผมเผ้าของเธอไร้ทรง และริมฝีปากยังมีคราบเลือดที่เธอไปกัดลิ้นคนชั่วพวกนั้นมา

‘แกมาทำอะไรตรงนี้!’

เงาสูงใหญ่ทะมึนเหนือกรอบประตูบ้านใช้เสียงอันดังตะคอก หากนพมัลลีขวัญอ่อน หญิงสาวคงไม่หยัดยืนอยู่และยังก้าวขาต่อไป

‘ยาเข้าโรงพยาบาล คนอย่างแกเคยรู้อะไรบ้างไหม’

นพมัลลีได้สติจริงจัง ‘พี่ยาเป็นอะไรคะ’ พี่สาวของเธอเพิ่งจะแต่งงานได้ไม่ถึงหนึ่งปี กำลังท้องอ่อนๆ หวังว่าเรื่องคงจะไม่...

‘เพราะแกมันตัวอัปมงคล ต้องเป็นเพราะแกแน่ๆ’ นพยาเสียงสั่นเครือ มือกระชากแขนนพมัลลีอย่างแรงเข้ามาในบ้าน แสงฟ้าแลบทำให้มองเห็นว่าในความมืดนั้น แท้ที่จริงยังมีแสงสลัวของโคมไฟ และเสียงสะอื้นไห้ของมะลิมารดาของเธอ ปากพร่ำร้องอย่างสงสารว่า ‘โถ่หลานยาย ทำไมหนูไม่แข็งแรงกว่านี้’

เรื่องน่ากลัวที่หญิงสาวเพิ่งพบเจอมาถูกกลืนลงคอ นพมัลลีไม่คิดว่าในที่นี้จะมีใครที่พอรับฟังปัญหาของเธอ ตรงกันข้าม พวกเขาจมอยู่กับปัญหาใหม่ ซึ่งเธอเองก็เสียใจเป็นอย่างมากแล้ว พวกเขายังพร้อมใจโยนสิ่งที่เธอไม่ได้เป็นคนก่อมาโทษกันได้

‘ตัวอัปมงคล’ นพมัลลีกัดฟันกับอาการทางร่างกายที่เธอต้องอดกลั้นไว้ตลอดเวลาจากฤทธิ์ยาที่โดนมา แต่นพยาไม่ยินยอมให้เธอได้ทำตามใจปรารถนา เขาจับเธอยัดเข้าไปในห้องเก็บของกุโรโกโสที่มีฝุ่นขลั่ก ประตูห้องปิดใส่อย่างแรง ก่อนที่เสียงห้วน และโกรธเคืองจะลอดเข้ามา

‘เพราะแกมันตัวซวย’

นพมัลลีกัดปากตัวเองจนเจ็บ ค่อยๆ ทรุดตัวนั่งพิงหลังกับบานประตู ชันเข่าขึ้นมา และกอดไว้แน่น นั่งคุดคู้ เธอจะไม่ปริปากแก้ไขความเข้าใจใดๆ พวกเขาตัดสินให้เธอเป็นในสิ่งที่พวกเขาต้องการไปแล้ว และหากเธอโวยวาย เถียง นั่นไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก การถูกขังโดยไม่ถูกตี ย่อมดีกว่า

ดวงตาเศร้าข่มตาให้หลับลง ร่างกายยังวูบวาบคล้ายเป็นไข้ มือที่ถูกแก้วบาดเริ่มสำแดงอาการเจ็บลึก น้ำตาที่ควรไหล มันเลิกไหลมานานแล้ว เพราะหัวใจของเธอชินชา เคยถึงกับสาบานตนว่าเธอจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้กับคนในบ้านนี้อีก



นพมัลลีลืมตาตื่นขึ้นมาในกลางดึก ดวงตาเหม่อลอยมองเพดานสะอาดในห้องพักด้วยไม่รู้ว่าจะมีสิ่งใดดีไปกว่านี้อีก พักนี้ฝันร้าย ฝันเก่าๆ ในอดีตเริ่มตามหลอกหลอนเธออีกครั้ง ทุกอย่างคงเพราะเหตุการณ์หลายๆ อย่างคล้ายประจวบเหมาะตรงกับชีวิตของเธอกระมัง

“ครูนอนไม่หลับเหรอคะ หรือเป็นห่วงบลินด์” นิลุบลได้ยินเสียงนพมัลลีขยับตัวไปมาอยู่พักใหญ่ เมื่อเธอมองจึงพบว่าครูสาวกำลังมองเพดานห้องนิ่ง

“บลินด์ปลอดภัยแล้ว ครูไม่ห่วงเขาแล้วล่ะ” หลังจากเกิดเรื่อง บลินด์ดูเข็ดขยาด ร่างกายบอบช้ำดูจะไม่เท่ากับที่เด็กหนุ่มต้องเห็นน้ำตาของแม่ไหลออกมาอย่างเสียใจ เขาเพิ่งจะออกจากบ้านตอนเมื่อวานนี้เอง

“ถ้าอย่างนั้นมีเรื่องอะไรคะ ครูระบายกับฉันได้นะ”

ความห่วงใยจากนิลุบลทดแทนฝันร้ายอันโดดเดี่ยวของนพมัลลีได้ เมื่อพิจารณาดูแล้ว ชีวิตของเธอยังมีคนหลายคนที่พร้อมรับฟังปัญหาของเธอ ในความมืดมิด ก็ไม่ได้ไร้ซึ่งแสง อย่างที่ตุนท์ว่าไว้จริงๆ

รอยยิ้มในความมืดที่เผยฟันขาวออกมาทำให้นิลุบลมองอย่างสนใจ “หรือว่าครูคิดถึงครูตุนท์จนนอนไม่หลับเหรอคะ”

“ไม่ใช่สักหน่อย” นพมัลลีรีบพูดแก้อย่างร้อนตัว

นิลุบลขำคิก ทุกวันนี้ที่เธอมีโอกาสได้เรียนกศน. ช่วงกลางวันก็ยังรับจ้างทำงานเป็นแม่บ้านของโรงเรียนนี้ ไหนจะที่อยู่อาศัยที่ไม่ต้องเสียเงินสักบาท เหมือนสมัยก่อนที่ต้องเช่าเขาอยู่ เธอรู้สึกโชคดีมากจริงๆ ที่ได้มารู้จักนพมัลลี หากครูจะมีใครสักคนในชีวิต เธอก็พร้อมสนับสนุน และยินดีด้วยเต็มที่

“เรื่องที่ครูเคยให้ฉันสังเกต ฉันได้ความคืบหน้ามาค่ะครู” นิลุบลจงใจเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากไปกระตุ้นต่อมเขินครู “แฟนของนยฎาเจ้าชู้ใช่เล่นค่ะ แอบหว่านเสน่ห์ใส่เด็กมอสี่ มอห้า แต่มีคนหนึ่งที่ถึงขั้นลึกซึ้งเลยนะครู เป็นเด็กมอหกห้องเจ็ด” เป็นข้อดีที่เธอทำงานในโรงอาหาร แหล่งข่าวดีๆ จากที่นั่นหาได้ไม่ยากเลย และยิ่งคนๆ นั้นเป็นหนุ่มฮอตที่สาวๆ ในโรงอาหารต่างจ้องตาเป็นมัน ข้อมูลพวกนี้แลกกับเงินไม่กี่บาทก็ได้มาครบถ้วน

“ครูอยากปกป้องนยฎา หวังว่าเขาจะยังไม่ถลำลึก”

“ฉันว่านยฎาเป็นคนฉลาด และหมอนั่นก็เลวได้ไม่ถึงครึ่งที่อชิระเป็น ครูวางใจเถอะนะคะ ฉันเองก็จะช่วยครูเต็มที่ ไม่ให้ปรวัติศาสตร์ซ้ำรอยเด็ดขาด”

น่าตลกที่ในวันนี้พ่อของอชิระกำลังรวนเรทางหน้าที่อย่างหนัก นอกจากการทำงานที่มีเข้านอกออกใน เรื่องเมียลับเมียน้อยของท่านก็ถูกเปิดโปง แฉจนลดความน่าเชื่อถือท่าน ไปๆ มาๆ เรื่องของนิลุบลไม่จำเป็นต้องแถลงออกสื่อเลย เพราะอชิระเองก็สร้างเรื่องให้ตัวเองเหมือนกัน เขาไปกร่างใส่นักเลงโตในผับ เล่นพนันแล้วเชิดเงินหนี สุดท้ายก็ต้องหนีไปอยู่ที่ไกลๆ

เกรงว่าหากพวกเธอแบไพ่ตายเรื่องความเลวของพ่อลูกคู่นี้ไปอีกเรื่อง จะกลายเป็นการล้มทับคนตายเสียเปล่า สู้เก็บไว้ทิ่มแทงใจสองคนนั้นดีกว่า หากวันใดพวกนั้นเกิดอยากก่อเลวขึ้นอีก ดาบเล่มใหม่จะได้ทิ่มแผลใหม่ได้โดยไม่ซ้ำรอยเดิม

“เธอเองก็ฉลาดนะนิลุบล แค่โชคร้ายเจอคนเลวๆ”

“แต่ชีวิตก็เริ่มใหม่ได้เสมอ” สองเสียงพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะหัวเราะให้กัน นพมัลลีภูมิใจที่นิลุบลจดจำสิ่งที่เธอเคยบอก เคยสอนได้

“ครูเชื่อว่าสักวันเธอจะเจอคนที่ดี คนที่พร้อมรักทุกสิ่งที่เธอเป็น”

“เหมือนครูไงคะ ที่พบครูตุนท์แล้ว”

นพมัลลีแสร้งถอนหายใจเฮ้อทีหนึ่งกลบเกลื่อนอาการเขินในอก เธอตัดบทด้วยการพลิกตัวนอนอีกด้าน หัวใจของเธอเต้นรัวเร็วเพียงแค่ได้ยินชื่อของเขา ตุนท์ยี่สิบสี่ชั่วโมง...หมายถึงป่วนหัวใจของเธอตลอดเวลา ไม่เว้นแม้เพียงแค่กำลังคิดถึง

และในคืนนั้น ภาพฝันร้ายของเธอก็ไม่มาเยือนอีก มันถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น และฝ่ามือที่พร้อมจับจูงเธอไปในทุกๆ ที่

...จากผู้ชายที่ชื่อตุนท์



ทวิชแบกเป้บนหลังอย่างเกียจคร้านเดินบนถนนลาดยางที่ทอดยาวเข้ามาในซอยหมู่บ้าน ภาพชีวิตคล้ายเงียบสงบของคนที่นี่ แต่ที่จริงก็เป็นดังหน้าฉากที่ทุกคนสร้างว่าตนสงบสุขกับชีวิตดี เบื้องหลังของแต่ละคนจะพรุนขขนาดไหน ไหนเลยจะมีใครหันหลังแข่งกันอวดเล่า

ห้าปีที่เขาไม่ได้กลับประเทศไทย รวมทั้งไม่ได้มาเหยียบย่างบ้านของน้องชายเลย ทวิชยิ้มหยัน เขาหยุดยืนล้วงกระเป๋ากางเกง มองกลุ่มเด็กหญิงเด็กชายที่กำลังวิ่งไล่กวดกันด้วยรอยยิ้มอย่างถูกใจ เขาสำรวจใบหน้าของเด็กแต่ละคน ก่อนจะหยุดยังใบหน้าจิ้มลิ้ม แก้มยุ้ย ผมเส้นเล็กหยักศกล้อมกรอบหน้า ปล่อยยาวเลยบ่า สวมชุดนักเรียนประถมหนึ่งของโรงเรียนรัฐบาลชื่อดังในจังหวัด ร่างสูงก้าวไปหาด้วยความเปี่ยมมั่นใจ เขาจงใจไปยืนขวางทางเด็กหญิงที่วิ่งไม่มองมาข้างหน้าจนเด็กหญิงชนอย่างจัง ทวิชจับแขนเด็กตัวน้อยไว้กันไม่ให้ล้ม พร้อมย่อตัวไปอยู่ระดับเดียวกับใบหน้าของเด็กน้อย

“ตัวเล็กของน้าลีใช่ไหม”

ปากแดงจิ้มลิ้มยิ้มหวานส่งมาให้ “รู้จักน้าลีด้วยเหรอคะ”

“ลุงชื่อทวิช น้าลีเคยพูดถึงลุงบ้างไหม”

นวมลลิ์แหงนหน้า กลอกตาขึ้น นิ้วชี้แตะปลายคาง ปากบู้ขึ้นทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะร้องเสียงดังเมื่อนึกออก “เคยค่ะ น้าลีเล่าว่าเป็นตาแก่รักอิสระ ใจดี หนูมลเคยกินขนมที่ลุงส่งมาด้วยนะคะ”

คนแก่วัยกว่ายิ้มเป็นปลื้ม หยิกแก้มยุ้ยอย่างหมั่นเขี้ยว “ลุงเคยถ่ายกับหนูตอนหนูเล็กๆ ด้วยนะ”

“เหรอคะ” นวมลลิ์โบกมือลาเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง วิ่งตามร่างสูงใหญ่ที่เดินไปนั่งยังม้านั่งยาวในสวนออกกำลังกายขนาดย่อมของหมู่บ้าน เสียงเล็กเจื้อยแจ้วตามร่างที่ปีนขึ้นมานั่งบนเก้าอี้จนสำเร็จ “หนูมลอยากเห็น”

ทวิชหยิบกระเป๋าเงินเตรียมเปิดรูปให้ดู แต่ยังไม่ทันเปิดกระเป๋าเต็มใบ เสียงแหลมตวาดก็ห้ามมาก่อน

“ลุงจะทำอะไร!” มัลลิยาเดินเร็วรี่มาช้อนร่างนวมลลิ์ขึ้นอุ้ม สายตาระแวงบุคคลที่หายไปนานหลายปี

“ให้เงินขนมตัวเล็ก” ทวิชขยิบตาส่งสัญญาณให้นวมลลิ์ตามความเคยชินที่เคยปฏิบัติต่อนพมัลลีสมัยเด็กๆ ไม่คาดว่านวมลลิ์จะอ่านสัญญาณเขาออก หลังรับเงินที่เขาหยิบยื่นให้ และมีมัลลิยาอุ้มพาจากไป เจ้าตัวเล็กจะหันร่างมา ยกมือทำท่ารูดซิปปิดปาก เป็นอันรับรู้สัญญาณห้ามแพร่งพรายนี้โดยสมบูรณ์

ทวิชหัวเราะในลำคอ ส่ายหน้าให้กับหลานตัวเล็ก ทวิชเปิดกระเป๋าเงินดูรูปคนสำคัญที่เขาพูดถึงอีกครั้ง รูปสองใบที่มีลักษณะคล้ายกัน คือคนในรูปที่มีเขายืนยิ้มแป้นอยู่ข้างเด็กหญิงวัยไม่ถึงหนึ่งขวบดี ลักษณะของเด็กหญิงตัวน้อยในภาพแรกที่กระดาษรูปเริ่มเป็นสีเหลือง เก่าไปตามกาลเวลา อยู่ในอ้อมกอดของผู้หญิงที่มีใบหน้างดงาม ยิ้มสวย กับเด็กน้อยหน้าตาพิมพ์เดียวกับพ่อ

และอีกรูปด้านขวาที่กระดาษยังขาวสะอาด ด้วยระยะเวลาที่เพิ่งถ่ายมาไม่กี่ปี มีเด็กน้อยหน้าตาอย่างกับฝาแฝดของเด็กรูปแรกอยู่ในอ้อมกอดของ...นพมัลลี

……………………………………..

คุณ ร้อยวจี ตอนนี้เศร้าน้อยกว่าตอนที่แล้วนะคะ แหะๆ ชีวิตนพมัลลีดราม่าตัวแม่ค่ะ

คุณ konhin เริ่มส่งอมยิ้มเล็กๆ มาคืนคนอ่านนะคะ เรื่องนี้ขาดตุนท์ไปสักคน คงลงทะเลน้ำตาลูกเดียวค่ะ >_<

ปมของนางเอกจะเฉลยเยอะขึ้นเรื่อยๆ นะคะ คาดว่าหลายคนเดาออกแล้ว ฮา เดาไม่ยาก แต่เดาทางว่าเรื่องนี้จะจบยังไง น่าลุ้นกว่า ^^ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มี.ค. 2558, 02:14:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มี.ค. 2558, 11:22:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1430





<< บทที่ 9 : เพื่อนเก่า   บทที่ 11 : อดีตฝังใจ >>
konhin 2 มี.ค. 2558, 03:02:47 น.
ชอบตอนที่ตอกกลับอ่ะ "ต้องแบบคุณเหรอ" ได้ใจ


kaelek 2 มี.ค. 2558, 14:19:41 น.
ยังมีดราม่ากว่านี้อีกใช่มั้ย?? จะได้เตรียมใจไว้


OhLaLa 2 มี.ค. 2558, 22:56:31 น.
ถ้าชีวิตของลีเปรียบเหมือนรสขม ตุนท์นี่ก็น้ำตาลดีๆ นี่เอง ลีนี่เป็นลูกชัง หรือเด็กเก็บมาเลี้ยงคะ ทำไมพ่อแม่จงเกลียดจงชังจัง พึ่งผ่านเรื่องร้ายๆ มายังโดนลงโทษอีก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account