รักแท้...เคียงใจ
รักแท้...เคียงใจ
โดย ต้นเรื่อง(ภูเพชร)
อารัมภบท
ณหทัย ‘ฉันจะเชื่อเขาได้ไหม ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างเขา จะมาสนใจใยดีอะไรกับฉัน ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ไม่มีค่าพอให้ใครต้องจดจำ ขนาดแฟนหนุ่มที่คิดว่าดี คบกันมา กว่า 4 ปี ยังใช้เวลาแค่สิบนาที มาบอกเลิกได้อย่างไม่สะทกสะท้านอะไรเลย’
นราภพ ‘อย่าถามผมได้ไหม ว่ารักคุณเพราะอะไร ผมรู้แค่ว่าอยากมีคุณอยู่ใกล้ ๆ อยากมีคุณอยู่เคียงข้างใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีผมก็สามารถบอกกับคุณได้อย่างมั่นใจ ว่าผู้ชายอย่างผมคนนี้ จะรักคุณคนเดียวตลอดไป’
มาพิสูจน์ รักแท้ ที่ไม่จำกัดนิยาม ของ ผู้ชายที่ชีวิตนี้มีเพียง หนึ่งใจ
-------------------------------------------------------------
ข้อความเล็ก ๆ ของคนต้นเรื่อง/ภูเพชร/ปีบเพชร
ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านเป็นอย่างสูงเลยนะคะ ที่หายไปนานแสนนานมาก
ตอนนี้พร้อมแล้วสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ให้จบ ไม่พูดพร่ำทำเพลงจ้า ไปอ่านตอนที่หนึ่งกันเลยเนอะ
อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร ติชมวิพากษ์วิจารณ์กันได้นะคะ หรือจะต่อว่าต้นเรื่อง(ภูเพชร)ที่หายไปก็จัดมาได้เลยจ้า จังหวะนี้ยอมทู้กอย่าง :)
--------------------------------------------------
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนเป็นสำคัญ ทั้งพล็อตเรื่อง ชื่อตัวละครและคาแร็คเตอร์ตัวละครล้วนแล้วแต่ดำเนินไปตามเนื้อเรื่อง มิได้มีเจตนาจะกล่าวอ้างถึงบุคคลหนึ่งบุคคลใด และเนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิต หากมีจุดบกพร่อมประการใด ต้นเรื่องใคร่ขอคำชี้แนะจากทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ :)
โดย ต้นเรื่อง(ภูเพชร)
อารัมภบท
ณหทัย ‘ฉันจะเชื่อเขาได้ไหม ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างเขา จะมาสนใจใยดีอะไรกับฉัน ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ไม่มีค่าพอให้ใครต้องจดจำ ขนาดแฟนหนุ่มที่คิดว่าดี คบกันมา กว่า 4 ปี ยังใช้เวลาแค่สิบนาที มาบอกเลิกได้อย่างไม่สะทกสะท้านอะไรเลย’
นราภพ ‘อย่าถามผมได้ไหม ว่ารักคุณเพราะอะไร ผมรู้แค่ว่าอยากมีคุณอยู่ใกล้ ๆ อยากมีคุณอยู่เคียงข้างใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีผมก็สามารถบอกกับคุณได้อย่างมั่นใจ ว่าผู้ชายอย่างผมคนนี้ จะรักคุณคนเดียวตลอดไป’
มาพิสูจน์ รักแท้ ที่ไม่จำกัดนิยาม ของ ผู้ชายที่ชีวิตนี้มีเพียง หนึ่งใจ
-------------------------------------------------------------
ข้อความเล็ก ๆ ของคนต้นเรื่อง/ภูเพชร/ปีบเพชร
ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านเป็นอย่างสูงเลยนะคะ ที่หายไปนานแสนนานมาก
ตอนนี้พร้อมแล้วสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ให้จบ ไม่พูดพร่ำทำเพลงจ้า ไปอ่านตอนที่หนึ่งกันเลยเนอะ
อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร ติชมวิพากษ์วิจารณ์กันได้นะคะ หรือจะต่อว่าต้นเรื่อง(ภูเพชร)ที่หายไปก็จัดมาได้เลยจ้า จังหวะนี้ยอมทู้กอย่าง :)
--------------------------------------------------
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนเป็นสำคัญ ทั้งพล็อตเรื่อง ชื่อตัวละครและคาแร็คเตอร์ตัวละครล้วนแล้วแต่ดำเนินไปตามเนื้อเรื่อง มิได้มีเจตนาจะกล่าวอ้างถึงบุคคลหนึ่งบุคคลใด และเนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิต หากมีจุดบกพร่อมประการใด ต้นเรื่องใคร่ขอคำชี้แนะจากทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ :)
Tags: หวานซึ้ง อบอุ่นใจ
ตอน: ตอนที่ 12 เรื่องของความรู้สึกในใจ
รักแท้...เคียงใจ ตอนที่ 12 เรื่องของความรู้สึกในใจ โดยต้นเรื่อง
นราภพเดินฮัมเพลงเข้าที่พักตัวเองอย่างมีความสุข มือหนารับเครื่องดื่มที่คนสนิทยื่นให้ตรงหน้ามาจิบเบา ๆ พลางทอดสายตาผ่านกลุ่มควันบางเบาหอมฉุยที่ลอยขึ้นมาเหนือแก้วกาแฟในมือ นัยน์ตาสีเข้มที่เคยราบเรียบอยู่เสมอ บัดนี้เต็มไปด้วยประกายตาอบอุ่นอ่อนหวาน เหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ ก่อนหน้านี้ผ่านเข้ามาในห้วงความคิดคำนึงอีกครา
“นี่คุณภพ เมื่อไหร่จะกลับบ้านกลับช่องซักทีคะ ตรีจะปิดบ้านนอนแล้วนะ”
“อะไรกันคุณ พึ่งจะสองทุ่มครึ่งเองนะ” คนตัวโตหน้ามุ่ย
“ไม่ต้องมาทำคิ้วผูกโบว์ ตรีจะปิดบ้านนอนแล้ว พรุ่งนี้ตรีต้องไปหางานทำแต่เช้านะคะ ได้เวลาที่คุณภพต้องกลับแล้วค่ะ” ณหทัยเอ่ยขึ้นน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ยาก” คนไม่อยากกลับรีบเสนอความคิดเห็น “ณหทัยก็เข้าห้องนอนไปเลย ประตูบ้านเดี๋ยวผมปิดให้ คุณจะได้นอนหลับไปด้วยความสบายใจ โดยมีผมคอยดูแลความปลอดภัยให้ เป็นไงความคิดผมเข้าท่าไหม” นราภพแสดงความบริสุทธิ์ใจออกไปสุดฤทธิ์ จนณหทัยต้องชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เป็นชายหนุ่มที่ผิดหวังเมื่อหญิงสาวไม่คล้อยตาม
“ไม่เข้าท่าเลยค่ะ” ณหทัยส่ายหน้า ‘ขืนให้คุณอยู่ด้วยน่ะสิจะอันตรายสุด ๆ ’ ร่างบางสาวเท้าเข้าไปดึงคนตัวโตให้ลุกจากโซฟาที่อีกฝ่ายนอนเอกเขนกอยู่
“ลุกค่ะ กลับได้แล้ว”
“โอยคุณ...ให้ผมอยู่ก่อนนะ ที่นู่นไม่มีโทรทัศน์ ผมชอบละครเรื่องนี้มากเลย ให้ผมอยู่ดูก่อนนะ นะ นะ”
นราภพส่งเสียงออดอ้อน มือหนาถือโอกาสกุมมือบอบบางไว้แน่น พลางขืนตัวไม่ให้ไปตามแรงดึงของหญิงสาวเต็มที่ ณหทัยดึงจนเหนื่อยร่างสูงก็ยังไม่ขยับไปไหน เธอจึงคิดจะละมือแล้วไปหาวิธีอื่น แต่เพียงแค่เธอคลายมือคนที่ขืนตัวอยู่เมื่อครู่นี้ก็ฉวยโอกาสนั้นกระตุกมือบางให้ร่างของเธอเสียหลักล้มลงมาบนตักแกร่งแทน
“อุ้ย คุณภพปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้” มือหนารวบร่างบางเข้ามาในอ้อมแขนแทบจะทันที กลายเป็นณหทัยที่ต้องคอยขืนตัวไว้
“ไม่ปล่อย ไล่กลับดีนัก อย่างนี้ต้องสอนให้หลาบจำว่าถ้าไล่ผมอีกจะต้องเจอแบบนี้”
นราภพได้โอกาสที่รอคอยมานานจึงหอมแก้มทั้งข้างซ้ายและข้างขวาของณหทัยแรง ๆ อย่างมันเขี้ยว
“จะไล่อีกไหม จะไล่ผมอีกไหม”
“ว้าย คุณภพ ไม่เอา อย่าเล่นแบบนี้ คุณภพอย่า” ณหทัยพยายามบ่ายหน้าหนี แต่ไม่ว่าจะหนียังไงริมฝีปากได้รูปก็ตามไปประทับจนทั่วทุกส่วนตั้งแต่ขมับ เปลือกตา พวงแก้มนุ่ม เรียวปากบาง คางมน ตลอดจนลำคอขาวผ่อง ส่งผลให้สาวน้อยถึงกับสั่นสะท้าน ทำยังไงก็ไม่อาจหลุดพ้นจากวงแขนแข็งแรงที่รัดรึงราวปลอกเหล็กนี้ได้ จึงได้แต่นั่งก้มหน้างุดชิดไปกับอกกว้างให้อีกฝ่ายหาเศษหาเลยได้น้อยที่สุด
เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไป นราภพก็กระชับวงแขนให้แน่นขึ้นพลางสูดความหอมจากเรือนผมนุ่มอีกฟอดใหญ่เป็นการปิดท้าย
“ฮ้า...ชื่นใจจัง” นราภพอมยิ้มอย่างมีความสุข อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเย้าแหย่
น้ำเสียงล้อเลียนที่มาพร้อมกับประกายตาวิบวับในดวงตาคู่คมช่วยเรียกสติที่กระเจิดกระเจิงของณหทัยให้กลับคืนมา หญิงสาวค่อย ๆ ขยับตัวออกห่างจากคนฉวยโอกาส ก่อนที่ฝ่ามือบางจะฟาดลงบนใบหน้าคมคร้ามของคนตรงหน้าอย่างไม่ยั้งมือ
นราภพรู้สึกเจ็บขึ้นมาทันทีเมื่อนึกมาถึงตรงนี้ มือหนาลูบไล้ใบหน้าตัวเองเบา ๆ รอยแดงเป็นปื้นน่าจะยังประทับอยู่บนใบหน้าของเขา เพราะเขายังสัมผัสได้ถึงรอยเห่อนูนขึ้นมาเล็กน้อยบนใบหน้า อีกประการที่ทำให้เขามั่นใจว่าหน้าเขายังมีรอยเพราะคนสนิทของเขายังพยายามเพ่งพิศใบหน้าเขาอย่างเอาเป็นเอาตายมาครู่ใหญ่แล้วนี่เอง
“หน้าฉันมันมีอะไรหรอ พวกนายถึงได้จ้องกันอย่างเอาเป็นเอาตาย”
“ก็ไม่มีอะไรครับ แค่ขึ้นชัด ๆ ห้านิ้วเลยครับ” ภัคค์อีกเช่นเคยที่เป็นหน่วยกล้าตายกล้าตอบ
“ก็...ไม่มีอะไรอย่างที่นายว่านั่นแหละ” นราภพเฉไฉไปแก้เก้อ โหนกแก้มออกสีระเรื่อขึ้นมานิด ๆ ซึ่งทั้งสองคนสนิทก็สังเกตเห็น
“อ้อ ครับ” เพชรและภัคค์หันมาส่งยิ้มให้กันอย่างรู้ทัน
“คุณตรีเธอมือหนักน่าดูเลยนะครับ” ภัคค์อดกระแซะเจ้านายขึ้นมาไม่ได้ แซวเสร็จก็รีบหลบไปหลังเพชรทันควัน ให้เพชรเป็นโล่ให้ นราภพได้แต่ชี้หน้าคาดโทษ
“อย่าให้ถึงตาแกมั่งละกันภัคค์”
“โอ้ยยย ท่าจะนานล่ะครับ เพราะเนื้อคู่ผมยังไม่เกิด ฮ่า ๆ ๆ จริงไหมเพชร” ภัคค์หันมาหาพวก เพชรก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยพลางส่งยิ้มบาง ๆ ให้เจ้านาย
“โอเค ๆ เรื่องนี้ฉันฝากไว้ก่อน แต่เชื่อเถอะว่าฉันตามเอาคืนพวกนายได้แน่ เข้าเรื่องเลยดีกว่า เพชร”
“ครับ”
“สำนักงานใหญ่ แผนกบัญชีมีตำแหน่งว่างไหม” นราภพเอ่ยปากถามเป็นงานเป็นการ
“ไม่มีครับนาย” เพชรตอบตามตรง
“งั้นไปทำให้มีซะ”
“หะ...เอ่อ ครับ” เพชรรับคำสั่งอย่างงง ๆ พลางหันไปมองหน้าภัคค์ ภัคค์ก็ส่ายหน้าอย่างไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่เป็นฝ่ายหันมาถามเจ้านายแทน
“คุณตรีเธอจบการตลาดไม่ใช่หรอครับนาย”
“แต่ฉันอยากให้ณหทัยมาดูแลบัญชีให้ฉัน พวกนายมีปัญหาอะไรกันรึเปล่า”
“ไม่มีครับผ้ม” สองหนุ่มประสานเสียง
“ทำยังไงก็ได้ให้เธอตอบตกลงเข้าทำงานในแผนกบัญชีของเครืออัศวเดชา แล้วให้คุณวรรณดีสอนงานเธอเองโดยตรง” นราภพแจ้งความประสงค์ของตนเสียงดังฟังชัด ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้เพชรและภัคค์ยืนเกาหัวแกรก ๆ กับโจทย์ใหม่ที่หนักหนายิ่งกว่างานไหน ๆ กับการเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ภารกิจพิชิตใจนายหญิง’ ที่ดู ๆ แล้ว ต้องสำเร็จเท่านั้น !
----------------------------------
“นายครับ หมอกรายงานมาว่าตอนนี้คุณณหทัยเข้าไปสมัครงานกับบริษัทในเครืออมรพิสุทธิ์ครับ” ข่าวสารจากเพชรทำเอานราภพแทบสำลักกาแฟที่พึ่งดื่มเข้าไปอึกแรก
“ว่าไงนะ”
นราภพที่รอฟังรายงานของลูกน้องอย่างใจจดใจจ่อตั้งแต่เช้าอยู่ ณ สำนักงานใหญ่เครืออัศวเดชาแห่งนี้ ถามเพชรกลับเสียงเรียบสนิท เรียบจนน่ากลัว อมรพิสุทธิ์คู่แข่งทางธุรกิจตัวฉกาจของอัศวเดชา เขาจะยอมให้เธอเข้าไปทำงานที่นั่นไม่ได้
“ไม่เป็นไร” น้ำเสียงราบเรียบของเจ้านายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง แม้เสียงที่ดังจะบ่งบอกอารมณ์ แต่เพชรกับภัคค์รู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่นี้แน่
“ณหทัยอยู่ไหน ฉันอยากไปหาเธอ...เดี๋ยวนี้” คำสั่งรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด ทำให้เพชรกับภัคค์ต้องลงมือทำหน้าที่ของตนทันที
“เชิญครับนาย”
‘ทำไมมันร้อนอย่างนี้นะ นี่ขนาดเพิ่งบริษัทแรกของวันแท้ ๆ เวลาก็ยังไม่เที่ยงซักกะหน่อย แดดอย่างกับจะเผาให้ไหม้ภายในพริบตา’ ณหทัยบ่นกับตัวเองในใจเมื่อก้าวเท้าออกมาจากบริษัทที่ตนยื่นใบสมัครไว้แห่งแรก หลังจากเข้าไปรอรับการสัมภาษณ์อยู่ร่วม ๆ สองชั่วโมง
ขาเรียวเล็กยังคงก้าวต่อไปตามทางเท้าหน้าบริษัท จุดมุ่งหมายคือสมัครงานในบริษัทต่อไป ‘สู้เขายัยตรี ให้มันรู้กันไปว่าชีวิตนี้จะซวยตลอดชาติ’ หญิงสาวบอกกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น ร่างเล็ก ๆ ก้าวห่างจากบริษัทแห่งแรกที่ตนสมัครงานไปเรื่อย ๆ
ปริ๊น ปริ๊น ปริ๊น
‘เสียงรถที่ไหนกันนะ มาบีบแตรอยู่ใกล้ ๆ เราก็ไม่ได้ลงไปยืนขวางถนนซะหน่อย’ ณหทัยคิดในใจพลางเดินต่อไป ไม่ได้ให้ความสนใจกับเสียงที่ได้ยินเท่าใดนัก
“ณหทัยครับ ณหทัย...” เสียงแว่ว ๆ ที่ดังมาจากด้านหลัง ช่วยดึงความสนใจของณหทัยให้หันกลับไปมองยังต้นเสียง แล้วเธอก็ได้พบกับร่างสูงใหญ่ของคนที่เธอฝากรอยนิ้วไว้บนใบหน้าถึงห้านิ้วเมื่อวันก่อน หญิงสาวสะบัดหน้าหนีทันทีแล้วก้าวเท้าต่อไปเรื่อย ๆ ไม่สนใจรถยนต์ที่กำลังขับตามเลยแม้แต่น้อย นราภพเห็นหญิงสาวไม่สนใจตัวเองเลยจึงสะกิดให้เพชรแสดงฝีมือ
“คุณตรีครับ หยุดก่อนเถอะครับ ถ้าไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่เดี๋ยวผมจะบอกให้เค้าสงบปากสงบคำ แต่คุณตรีช่วยหยุดคุยกับผมก่อนนะครับ” ประโยคแรกจากเพชรทำเอานราภพหน้าตึง
แต่ข้อเสนอของเพชรน่าจะทำให้ณหทัยสนใจได้ไม่มากก็น้อย เพราะเธอยอมหยุดเดินแล้วหันมาทางทั้งสองหนุ่ม
“คุณเพชรต้องห้ามไม่ให้เค้าพูดอะไรเลยนะคะ”
“โอเคเลยครับ” เพชรตามน้ำได้อย่างไหลรื่น นราภพมองทั้งคู่อย่างหมันไส้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านั้น
“คุณตรีกำลังจะไปไหนครับ เห็นเดินจ้ำอ้าวกลางแดดร้อน ๆ ไม่กลัวเป็นลมเป็นแล้งไปเหรอครับ”
“เอ่อ ตรีกำลังหางานทำน่ะค่ะคุณเพชร” ณหทัยยิ้มแหย ๆ
“อ้าว หรอครับ งั้นลองไปสมัครงานบริษัทที่ผมทำงานอยู่ดูหน่อยไหมครับ เค้ากำลังเปิดรับอยู่พอดี บริษัทใหญ่มั่นคง อนาคตไกลแน่นอนครับถ้าคุณตรีได้ผ่านเข้าไปทำ”
“จริงหรอคะ” ณหทัยตาเป็นประกาย ก่อนที่จะหม่นแสงลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าบริษัทใหญ่และมั่นคงแบบนี้คงมีแต่คนแห่ไปสมัคร แล้วโอกาสของเธอก็จะน้อยลงไปอีก “คงมีการคัดเลือกที่หินน่าดูเลยนะคะ คนน่าจะแห่ไปสมัครกันหลายอยู่”
“ของพวกนั้นมันเรื่องธรรมดาครับ แต่คุณตรีน่าจะไปลองดูสักตั้งนะครับ” การแสดงออกถึงความไม่มั่นใจของอีกฝ่ายทำให้เพชรต้องส่งยิ้มเพื่อให้กำลังใจ เพราะคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอจะตอบตกลง ภารกิจที่หนักอึ้งของตนจะได้เสร็จลุล่วงเสียที
“ก็ได้ค่ะ” ณหทัยชั่งใจอยู่นานก่อนจะตอบตกลง เล่นเอาคนที่รอลุ้นถึงกับลอบถอนหายใจ
เพชรและณหทัยส่งยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร
“งั้นเชิญที่รถเลยครับ ผมไปส่ง”
“ขอบคุณค่ะ” ณหทัยหันมาส่งยิ้มให้เพชรอีกรอบ ก่อนจะเดินนำสองหนุ่มไปที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกล เพชรเองก็อดยิ้มตอบไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คิดอะไรไปไกลแต่กิริยาของเพชรก็ยังไปขวางหูขวางตาใครบางคนเข้าจนได้
“น้อย ๆ หน่อยเพชร”
“ผมว่าวินาทีนี้เจ้านายต้องขอบคุณผมถึงจะถูก” เพชรหันมาย้อนเข้าให้ ก่อนจะรีบตามณหทัยไป เพราะขืนอยู่ต่อ อาจจะศพไม่สวย นราภพมองตามหลังคนสนิทไปอย่างหมันไส้เหลือกำลัง
“ฮึ่มมม ฝากไว้ก่อนเถอะ”
----------------------------------------
การยื่นเรื่องสมัครงานของณหทัยเป็นไปได้ด้วยดี จากการช่วยเหลืออย่างตั้งใจของสองหนุ่ม เหลือแต่การรอเข้ารับการสัมภาษณ์และการทดสอบจากทางบริษัทเท่านั้น แต่กว่าจะผ่านพ้นไปได้ก็ทำเอานราภพและเพชรต้องสะดุ้งกับสายตาช่างสงสัยของสาวน้อยขี้ระแวงอยู่หลายครั้งหลายคราเหมือนกัน
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจเพชรก็ปลีกตัวแยกออกมาอย่างรู้งาน
“ผมต้องขอตัวไปธุระก่อนนะครับคุณตรี”
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยแนะนำให้ตรีมาสมัครที่นี่” ณหทัยกระพุ่มมือไหว้พลางกล่าวขอบคุณด้วยใจจริง
“ด้วยความยินดีครับผม” เพชรยิ้มตอบกลับ ก่อนจะหันไปหาเจ้านายพลางกล่าวลาเสียงทะเล้น
“เฮ้ยไปก่อนนะเว้ย”
“เออ” ‘น่าจะไปตั้งนานแล้ว’ คนตัวโตแอบค่อนขอดในใจ
“ณหทัยจะไปไหนต่อครับ ให้ผมไปส่งนะครับ” คล้อยหลังคนสนิท นราภพก็ขันอาสาเป็นสารถีขับรถให้ณหทัยนั่งโดยทันที
“ไม่ดีกว่าค่ะ กลับเองได้ อย่าให้เป็นการรบกวนเลยนะคะ แยกกันตรงนี้ดีกว่า” ณหทัยปฏิเสธอีกฝ่ายทันทีเช่นกัน
“ไม่ครับ...ให้ผมไปส่งนะ ถ้าไม่ให้ไปส่งก็ยืนกันอยู่ตรงนี้แหละ ผมไม่ให้คุณไปไหนแน่”
เมื่อเห็นว่าลูกอ้อนจะใช้ไม่ได้ผล ชายหนุ่มก็บังคับกลาย ๆ ตามวิสัยของผู้ที่เคยแต่ออกคำสั่ง
“คุณภพ ! ! ตรีเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณเป็นพวกเผด็จการ ชอบออกคำสั่ง แต่เสียใจด้วยนะคะที่ดิฉันไม่สามารถทำตามได้จริง ๆ” คนเผด็จการถึงกับอึ้ง ณหทัยสะบัดหน้าใส่อีกฝ่ายแล้วเดินหนีไป ร้อนถึงอีกคนที่ต้องตามไปฉวยข้อมือบาง
“เดี๋ยวครับ...ยังไม่หายโกรธผมอีกหรอ อุตส่าห์ให้ตบหน้าฉาดใหญ่ แก้มผมช้ำไปหลายวันเลยนะ ยังไม่หายโกรธกันอีกหรอ”
คนตัวโตส่งสายตาขอความเห็นใจ แต่หญิงสาวกลับคิดว่าช่างไม่เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้เอาเสียเลย ณหทัยหันซ้ายหันขวาเลิ่กลั่กพยายามบิดข้อมือออกจากมือแกร่ง ตอนนี้ทั้งเธอและเขากลายเป็นจุดสนใจของคนในบริษัทที่กำลังเลิกงานลงมาเรื่อย ๆ เสียแล้ว
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะคุณภพ ทำไมต้องทำอะไรประเจิดประเจ้อ คนมองกันใหญ่แล้ว”
“ไม่ปล่อย ถ้าไม่ยอมให้ผมไปส่งก็ยืนกุมมือกันอยู่นี่นี่แหละ” นราภพยักคิ้วหลิ่วตาให้อย่างเป็นต่อ
ณหทัยมองอีกฝ่ายด้วยความหมันไส้ อยากจะเอานิ้วจิ้มดวงตาวิบวับคู่นั้นยิ่งนัก แต่ตอนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก จะดื้อแพ่งก็กลัวจะได้อายมากไปกว่านี้จึงต้องยอมให้คนเอาแต่ใจไปส่งจนได้
“ก็ได้ค่ะ จะไปส่งใช่ไหม งั้นรีบไปเลยค่ะ”
นราภพยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจก่อนจะเป็นฝ่ายพาณหทัยเดินออกไป
“ขอบคุณคุณภพมาก ๆ นะคะ ที่บังคับพาดิฉันมาส่งจนได้” ณหทัยหันมากล่าวขอบคุณด้วยความประชดประชันเมื่อชายหนุ่มขับรถมาจอดยังหน้าบ้านหลังน้อยของตน กล่าวจบณหทัยก็จะเปิดประตูลงรถไป กะจะไปแบบไม่เหลียวหลังแต่ก็มิอาจทำได้เมื่อนราภพเอื้อมมือมารั้งข้อมือบางไว้ พลางท้วงติงเจ้าของบ้านสาวตาละห้อย
“เดี๋ยวสิครับ...ใจคอ จะไม่ชวนผมเข้าไปดื่มน้ำเย็น ๆ สักแก้วเลยหรอ”
“อย่าเลยค่ะ มันคงไม่เหมาะสำหรับคุณ”
“โธ่...อย่าทำน้ำเสียงห่างเหินอย่างนั้นสิครับ”
“คุณภพกำลังทำให้ตรีรู้สึกอย่างนั้นนี่คะ เหมือนตรีไม่เคยรู้จักคุณเลย คุณเอาแต่ใจ คุณไม่ให้เกียรติกัน นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่เหมือนคุณภพคนก่อนที่ตรีเคยรู้จักที่บ้านสวนจำปีเลยแม้แต่น้อย คุณภพที่อบอุ่นและสุภาพคนนั้นหายไปไหนแล้วคะ”
เจอคำถามและคำเปรียบเทียบชนิดที่ว่าตรงเผงไม่มีอ้อมค้อมแบบนี้เล่นเอานราภพถึงกับไปไม่เป็น ชายหนุ่มรู้อยู่เต็มอกแต่ไม่รู้จะอธิบายกับเธอยังไง จะให้บอกยังไงว่าความรู้สึกตอนนี้นั้นเขาทั้งรักทั้งหลง พอได้อยู่ใกล้เธอ ความยับยั้งชั่งใจที่เคยมีมันลดน้อยถอยลงโดยอัตโนมัติ เขาอยากกอด อยากจูบ อยากอิงแอบแนบซบกับร่างบางอยู่ตลอดเวลา
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ไม่ว่าจะกับใคร ตั้งแต่อายุขึ้นยี่สิบปีเขาก็ไม่เคยยุ่งกับใครเลยด้วยซ้ำ เขาทำตัวราวกับฤษีที่กำลังบำเพ็ญเพียรภาวนา เก็บตัวเองอยู่กับงานรอเวลาที่จะได้พบกับใครสักคนที่เป็นของเขา ซึ่งตอนนี้เขารู้ว่าเขาเจอเธอแล้ว แต่มันคงเร็วไปถ้าเขาจะต้องบอกอะไรอย่างนั้น
นราภพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้สึกหนักอึ้งกับความรู้สึกที่ไม่อาจพูดบรรยายออกมาได้ มือหนาค่อย ๆ คลายจากข้อมือบาง เหลือเพียงสายตาที่ยังคงทอดมองอย่างแน่วนิ่งเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกบางอย่างที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจให้เธอได้รับรู้
“ผมขอโทษ”
ณหทัยเบือนหน้าหลบสายตานราภพ ตอนคบกับวัชพลก็ใช่ว่าจะไม่เคยเจอสายตาหวาน ๆ ที่เขาส่งมาให้ แต่แปลกที่เธอกลับรู้สึกเฉย ๆ กับสายตาแบบนั้นของวัชพล ผิดกับสายตาของผู้ชายคนนี้ ดวงตาคมกล้าที่ชอบแฝงไว้ด้วยความหมายที่เธอเองก็แปลไม่ออก
“ตรีขอตัวก่อนนะคะ” ณหทัยเป็นฝ่ายตัดบทก่อนที่จิตใจเธอจะสับสนกับดวงตาคู่นั้นของเขาไปมากกว่านี้ เธอจะต้องไม่หวั่นไหว เธอจะต้องไม่เปิดโอกาสให้ใครทั้งนั้น
นราภพมองตามประตูรั้วของบ้านหลังน้อยที่ปิดลงพร้อมกับความรู้สึกที่ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าเธอเข้าสู่โหมดการปิดกั้นตัวเองอีกแล้ว ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนรถออกไป
------------------------------------------
ณหทัยหันกลับมามองรถที่แล่นออกไปจนลับสายตาอย่างสับสนในความรู้สึก
“มันสับสนใช่ไหมสาวน้อย”
ร่างผอมบางของหญิงสูงวัยปรากฏขึ้นหน้าประตูบ้าน
“คุณยาย เอ่อ คุณย่า”
“ขอโทษที ที่ฉันถือวิสาสะเข้ามาโดยไม่บอกไม่กล่าว ฉันแค่คิดถึงที่นี่ก็เลยมาเยี่ยมเยียนมันเสียหน่อย ลืมไปว่าปล่อยให้เธอเช่าแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า คุณย่ามาที่นี่ได้ตามสบายเลยนะคะ” รอยยิ้มสดใสถูกส่งให้หญิงสูงวัย
“งั้นฉันไม่เกรงใจละนะ ฉันเองก็อยากมีหลานผู้หญิงกับเขาบ้าง เธอมาเป็นหลานอีกคนของฉันได้ไหม”
ณหทัยยิ้มกว้าง เธอไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไหนอยู่แล้วตอนนี้ จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าจะมีคุณย่าให้คอยเป็นห่วงเป็นใย และเธอก็ไม่อาจใจร้ายปฏิเสธความต้องการของหญิงชราตรงหน้าได้จริง ๆ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ...เข้าบ้านกันดีกว่านะคะ มาค่ะหนูช่วยประคองนะคะ”
สาวน้อยตรงเข้าประคองหญิงชราด้วยความทะนุถนอม กริยาอันอ่อนหวานที่เธอแสดงออกทำให้คุณย่าเจ้าของบ้านอดชื่นชมในใจไม่ได้
“คุณย่าทานอะไรมาหรือยังคะ” ณหทัยถามขึ้นหลังจากพาคุณย่ามานั่งที่โต๊ะรับแขก
“ย่าเรียบร้อยมาแล้วลูก ทานก่อนที่จะมาที่นี่ หนูมานั่งนี่ดีกว่าย่าอยากจะพูดคุยกับหนูมากกว่าในฐานะที่เรากลายมาเป็นย่าเป็นหลานกันแล้ว” หญิงชรายิ้มบาง ๆ พลางตบเบาะข้างตัวชวนให้หญิงสาวนั่งลงตรงนี้ ณหทัยเองก็เดินค้อมตัวไปนั่งอย่างว่าง่าย
“ได้ข่าวว่าไปหาสมัครงาน เป็นไงบ้างล่ะลูกเล่าให้ย่าฟังหน่อย”
ณหทัยส่งเสียงเจื้อยแจ้วถ่ายทอดประสบการณ์การออกสมัครงานวันแรกให้หญิงชราฟังอย่างออกรสตั้งแต่บริษัทแรกจนกระทั่งที่สุดท้ายที่มีโอกาสได้ไปแบบฟลุค ๆ
คุณย่าที่พึ่งได้หลานสาวเพิ่มมาอย่างสด ๆ ร้อน ๆ อีกหนึ่งคนจึงฟังไปหัวเราะไป หายากแล้วหนุ่มสาวสมัยนี้ที่จะมานั่งพูดนั่งคุยกับคนเฒ่าคนแก่แบบนี้ เค้าบอกว่าน่าเบื่อ คุยกันไม่รู้เรื่อง แต่แม่หนูคนนี้กลับทำได้ แถมเป็นธรรมชาติเสียด้วยมองไม่ออกเลยว่าฝืนใจ
“คนไหนที่ว่าพาหนูไปสมัครงานที่สุดท้ายนะ”
“อ๋อ คุณเพชรกับคุณภพค่ะ แต่คุณเพชรเขามีธุระต้องแยกไปก่อน คุณภพเลยอาสามาส่งที่บ้านน่ะค่ะ”
“พ่อหนุ่มคนที่พึ่งขับรถออกไปน่ะหรือ”
“ค่ะคุณย่า”
“ทำไมน้ำเสียงหนูแปล่ง ๆ ไปตอนพูดถึงเจ้าคนชื่อภพล่ะลูก เขาทำอะไรให้หลานย่าไม่สบายใจหรือเปล่า”
“เอ่อ...” ณหทัยไม่รู้จะอธิบายให้ผู้สูงวัยฟังยังไง
“เอ ถ้าย่าจำไม่ผิด เจ้าภพคนนี้ใช่ไหมที่พาหนูมาเช่าบ้านย่าน่ะ”
“คะ คะใช่ค่ะ”
“เท่าที่ได้พูดคุยกันก็ถือว่าเป็นคนหนุ่มที่ใช้ได้พอสมควร แล้วเค้าทำไรให้หนูอึดอัดหรือลูก”
“เขา...เอ่อ...หนู”
คนเป็นย่าลูบหัวหลานสาวคนใหม่เบา ๆ
“ไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บไว้ ถ้ามันทำให้หนูไม่สบายใจนะลูก”
ความอบอุ่นอ่อนโยนของหญิงชราทำให้ณหทัยน้ำตาซึม ตั้งแต่ผู้เป็นพ่อเสียไปก็ทำให้เธอเองรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง ถึงจะบอกตัวเองว่าให้เข้มแข็งหรือแสดงออกอกมาว่าเข้มแข็งแต่ลึก ๆ แล้วในใจเธอก็ยังเป็นเด็กน้อย ๆ ที่ต้องการคนคอยดูแลคอยรับฟังบางอย่างบางเรื่องอยู่ดี
“เขาทำให้หนูกลัวค่ะ” ณหทัยยอมเปิดเผยความรู้สึกในใจออกมาทีละนิด หญิงชรามองอย่างไม่เข้าใจ
“กลัวอะไรลูก”
“เขาเปลี่ยนไป ถึงเนื้อถึงตัวหนูมากขึ้น เมื่อก่อนคุณภพไม่เป็นแบบนี้ คุณภพเหมือนพี่ชายที่แสนดี แต่ตั้งแต่กลับจากทะเลคราวนั้น คุณภพเขาก็เปลี่ยนไป เขาทำให้หนูรู้สึกกลัว กลัวว่าเค้าจะเป็นเหมือนพี่พล ที่มาดูแลเอาใจใส่ทำให้หนูรักแล้วก็ทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดี”
“โถ แม่คุณ นิ่งเสียคนดี” คุณย่าดึงณหทัยที่กำลังสะอึกสะอื้นเข้ามากอดแน่น หญิงสาวเปิดเปลือยความรู้สึกด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ
“ใจหนึ่งอยากจะไว้ใจและวางใจเขา แต่พอภาพที่ชายหาดวันนั้นมันแว่บเข้ามาหัว ภาพที่หนูถูกคนที่เรียกว่ารักกันสลัดทิ้ง มันก็ทำให้หนูไปต่อไม่ได้ หนูไม่กล้าที่จะวางใจ หนูสับสน สุดท้ายก็ต้องกันความรู้สึกตัวเองออกมา”
“ไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไร ย่าเข้าใจหนูแล้ว เงียบซะลูก เงียบซะน้า”
“หนูควรจะทำยังไงดีคะคุณย่า หนูควรทำไงดี” สาวน้อยพึมพำอย่างมืดมน
“ตั้งสตินะลูก อย่าให้อดีตที่ผิดพลาดจากผู้ชายที่ไม่เห็นค่าหนูจริงมามีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของหนู หนูมีค่ามากกว่านั้น หลานย่าต้องมั่นใจในตัวเองว่าหนูดีพอ ดีพอที่จะให้ผู้ชายอีกคนมารักได้อย่างไม่อายใคร เชื่อย่าสิ"
----------------------------------------
แล้วพบกันใหม่ตอน 13 จ่ะ
นราภพเดินฮัมเพลงเข้าที่พักตัวเองอย่างมีความสุข มือหนารับเครื่องดื่มที่คนสนิทยื่นให้ตรงหน้ามาจิบเบา ๆ พลางทอดสายตาผ่านกลุ่มควันบางเบาหอมฉุยที่ลอยขึ้นมาเหนือแก้วกาแฟในมือ นัยน์ตาสีเข้มที่เคยราบเรียบอยู่เสมอ บัดนี้เต็มไปด้วยประกายตาอบอุ่นอ่อนหวาน เหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ ก่อนหน้านี้ผ่านเข้ามาในห้วงความคิดคำนึงอีกครา
“นี่คุณภพ เมื่อไหร่จะกลับบ้านกลับช่องซักทีคะ ตรีจะปิดบ้านนอนแล้วนะ”
“อะไรกันคุณ พึ่งจะสองทุ่มครึ่งเองนะ” คนตัวโตหน้ามุ่ย
“ไม่ต้องมาทำคิ้วผูกโบว์ ตรีจะปิดบ้านนอนแล้ว พรุ่งนี้ตรีต้องไปหางานทำแต่เช้านะคะ ได้เวลาที่คุณภพต้องกลับแล้วค่ะ” ณหทัยเอ่ยขึ้นน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ยาก” คนไม่อยากกลับรีบเสนอความคิดเห็น “ณหทัยก็เข้าห้องนอนไปเลย ประตูบ้านเดี๋ยวผมปิดให้ คุณจะได้นอนหลับไปด้วยความสบายใจ โดยมีผมคอยดูแลความปลอดภัยให้ เป็นไงความคิดผมเข้าท่าไหม” นราภพแสดงความบริสุทธิ์ใจออกไปสุดฤทธิ์ จนณหทัยต้องชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เป็นชายหนุ่มที่ผิดหวังเมื่อหญิงสาวไม่คล้อยตาม
“ไม่เข้าท่าเลยค่ะ” ณหทัยส่ายหน้า ‘ขืนให้คุณอยู่ด้วยน่ะสิจะอันตรายสุด ๆ ’ ร่างบางสาวเท้าเข้าไปดึงคนตัวโตให้ลุกจากโซฟาที่อีกฝ่ายนอนเอกเขนกอยู่
“ลุกค่ะ กลับได้แล้ว”
“โอยคุณ...ให้ผมอยู่ก่อนนะ ที่นู่นไม่มีโทรทัศน์ ผมชอบละครเรื่องนี้มากเลย ให้ผมอยู่ดูก่อนนะ นะ นะ”
นราภพส่งเสียงออดอ้อน มือหนาถือโอกาสกุมมือบอบบางไว้แน่น พลางขืนตัวไม่ให้ไปตามแรงดึงของหญิงสาวเต็มที่ ณหทัยดึงจนเหนื่อยร่างสูงก็ยังไม่ขยับไปไหน เธอจึงคิดจะละมือแล้วไปหาวิธีอื่น แต่เพียงแค่เธอคลายมือคนที่ขืนตัวอยู่เมื่อครู่นี้ก็ฉวยโอกาสนั้นกระตุกมือบางให้ร่างของเธอเสียหลักล้มลงมาบนตักแกร่งแทน
“อุ้ย คุณภพปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้” มือหนารวบร่างบางเข้ามาในอ้อมแขนแทบจะทันที กลายเป็นณหทัยที่ต้องคอยขืนตัวไว้
“ไม่ปล่อย ไล่กลับดีนัก อย่างนี้ต้องสอนให้หลาบจำว่าถ้าไล่ผมอีกจะต้องเจอแบบนี้”
นราภพได้โอกาสที่รอคอยมานานจึงหอมแก้มทั้งข้างซ้ายและข้างขวาของณหทัยแรง ๆ อย่างมันเขี้ยว
“จะไล่อีกไหม จะไล่ผมอีกไหม”
“ว้าย คุณภพ ไม่เอา อย่าเล่นแบบนี้ คุณภพอย่า” ณหทัยพยายามบ่ายหน้าหนี แต่ไม่ว่าจะหนียังไงริมฝีปากได้รูปก็ตามไปประทับจนทั่วทุกส่วนตั้งแต่ขมับ เปลือกตา พวงแก้มนุ่ม เรียวปากบาง คางมน ตลอดจนลำคอขาวผ่อง ส่งผลให้สาวน้อยถึงกับสั่นสะท้าน ทำยังไงก็ไม่อาจหลุดพ้นจากวงแขนแข็งแรงที่รัดรึงราวปลอกเหล็กนี้ได้ จึงได้แต่นั่งก้มหน้างุดชิดไปกับอกกว้างให้อีกฝ่ายหาเศษหาเลยได้น้อยที่สุด
เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไป นราภพก็กระชับวงแขนให้แน่นขึ้นพลางสูดความหอมจากเรือนผมนุ่มอีกฟอดใหญ่เป็นการปิดท้าย
“ฮ้า...ชื่นใจจัง” นราภพอมยิ้มอย่างมีความสุข อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเย้าแหย่
น้ำเสียงล้อเลียนที่มาพร้อมกับประกายตาวิบวับในดวงตาคู่คมช่วยเรียกสติที่กระเจิดกระเจิงของณหทัยให้กลับคืนมา หญิงสาวค่อย ๆ ขยับตัวออกห่างจากคนฉวยโอกาส ก่อนที่ฝ่ามือบางจะฟาดลงบนใบหน้าคมคร้ามของคนตรงหน้าอย่างไม่ยั้งมือ
นราภพรู้สึกเจ็บขึ้นมาทันทีเมื่อนึกมาถึงตรงนี้ มือหนาลูบไล้ใบหน้าตัวเองเบา ๆ รอยแดงเป็นปื้นน่าจะยังประทับอยู่บนใบหน้าของเขา เพราะเขายังสัมผัสได้ถึงรอยเห่อนูนขึ้นมาเล็กน้อยบนใบหน้า อีกประการที่ทำให้เขามั่นใจว่าหน้าเขายังมีรอยเพราะคนสนิทของเขายังพยายามเพ่งพิศใบหน้าเขาอย่างเอาเป็นเอาตายมาครู่ใหญ่แล้วนี่เอง
“หน้าฉันมันมีอะไรหรอ พวกนายถึงได้จ้องกันอย่างเอาเป็นเอาตาย”
“ก็ไม่มีอะไรครับ แค่ขึ้นชัด ๆ ห้านิ้วเลยครับ” ภัคค์อีกเช่นเคยที่เป็นหน่วยกล้าตายกล้าตอบ
“ก็...ไม่มีอะไรอย่างที่นายว่านั่นแหละ” นราภพเฉไฉไปแก้เก้อ โหนกแก้มออกสีระเรื่อขึ้นมานิด ๆ ซึ่งทั้งสองคนสนิทก็สังเกตเห็น
“อ้อ ครับ” เพชรและภัคค์หันมาส่งยิ้มให้กันอย่างรู้ทัน
“คุณตรีเธอมือหนักน่าดูเลยนะครับ” ภัคค์อดกระแซะเจ้านายขึ้นมาไม่ได้ แซวเสร็จก็รีบหลบไปหลังเพชรทันควัน ให้เพชรเป็นโล่ให้ นราภพได้แต่ชี้หน้าคาดโทษ
“อย่าให้ถึงตาแกมั่งละกันภัคค์”
“โอ้ยยย ท่าจะนานล่ะครับ เพราะเนื้อคู่ผมยังไม่เกิด ฮ่า ๆ ๆ จริงไหมเพชร” ภัคค์หันมาหาพวก เพชรก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยพลางส่งยิ้มบาง ๆ ให้เจ้านาย
“โอเค ๆ เรื่องนี้ฉันฝากไว้ก่อน แต่เชื่อเถอะว่าฉันตามเอาคืนพวกนายได้แน่ เข้าเรื่องเลยดีกว่า เพชร”
“ครับ”
“สำนักงานใหญ่ แผนกบัญชีมีตำแหน่งว่างไหม” นราภพเอ่ยปากถามเป็นงานเป็นการ
“ไม่มีครับนาย” เพชรตอบตามตรง
“งั้นไปทำให้มีซะ”
“หะ...เอ่อ ครับ” เพชรรับคำสั่งอย่างงง ๆ พลางหันไปมองหน้าภัคค์ ภัคค์ก็ส่ายหน้าอย่างไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่เป็นฝ่ายหันมาถามเจ้านายแทน
“คุณตรีเธอจบการตลาดไม่ใช่หรอครับนาย”
“แต่ฉันอยากให้ณหทัยมาดูแลบัญชีให้ฉัน พวกนายมีปัญหาอะไรกันรึเปล่า”
“ไม่มีครับผ้ม” สองหนุ่มประสานเสียง
“ทำยังไงก็ได้ให้เธอตอบตกลงเข้าทำงานในแผนกบัญชีของเครืออัศวเดชา แล้วให้คุณวรรณดีสอนงานเธอเองโดยตรง” นราภพแจ้งความประสงค์ของตนเสียงดังฟังชัด ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้เพชรและภัคค์ยืนเกาหัวแกรก ๆ กับโจทย์ใหม่ที่หนักหนายิ่งกว่างานไหน ๆ กับการเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ภารกิจพิชิตใจนายหญิง’ ที่ดู ๆ แล้ว ต้องสำเร็จเท่านั้น !
----------------------------------
“นายครับ หมอกรายงานมาว่าตอนนี้คุณณหทัยเข้าไปสมัครงานกับบริษัทในเครืออมรพิสุทธิ์ครับ” ข่าวสารจากเพชรทำเอานราภพแทบสำลักกาแฟที่พึ่งดื่มเข้าไปอึกแรก
“ว่าไงนะ”
นราภพที่รอฟังรายงานของลูกน้องอย่างใจจดใจจ่อตั้งแต่เช้าอยู่ ณ สำนักงานใหญ่เครืออัศวเดชาแห่งนี้ ถามเพชรกลับเสียงเรียบสนิท เรียบจนน่ากลัว อมรพิสุทธิ์คู่แข่งทางธุรกิจตัวฉกาจของอัศวเดชา เขาจะยอมให้เธอเข้าไปทำงานที่นั่นไม่ได้
“ไม่เป็นไร” น้ำเสียงราบเรียบของเจ้านายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง แม้เสียงที่ดังจะบ่งบอกอารมณ์ แต่เพชรกับภัคค์รู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่นี้แน่
“ณหทัยอยู่ไหน ฉันอยากไปหาเธอ...เดี๋ยวนี้” คำสั่งรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด ทำให้เพชรกับภัคค์ต้องลงมือทำหน้าที่ของตนทันที
“เชิญครับนาย”
‘ทำไมมันร้อนอย่างนี้นะ นี่ขนาดเพิ่งบริษัทแรกของวันแท้ ๆ เวลาก็ยังไม่เที่ยงซักกะหน่อย แดดอย่างกับจะเผาให้ไหม้ภายในพริบตา’ ณหทัยบ่นกับตัวเองในใจเมื่อก้าวเท้าออกมาจากบริษัทที่ตนยื่นใบสมัครไว้แห่งแรก หลังจากเข้าไปรอรับการสัมภาษณ์อยู่ร่วม ๆ สองชั่วโมง
ขาเรียวเล็กยังคงก้าวต่อไปตามทางเท้าหน้าบริษัท จุดมุ่งหมายคือสมัครงานในบริษัทต่อไป ‘สู้เขายัยตรี ให้มันรู้กันไปว่าชีวิตนี้จะซวยตลอดชาติ’ หญิงสาวบอกกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น ร่างเล็ก ๆ ก้าวห่างจากบริษัทแห่งแรกที่ตนสมัครงานไปเรื่อย ๆ
ปริ๊น ปริ๊น ปริ๊น
‘เสียงรถที่ไหนกันนะ มาบีบแตรอยู่ใกล้ ๆ เราก็ไม่ได้ลงไปยืนขวางถนนซะหน่อย’ ณหทัยคิดในใจพลางเดินต่อไป ไม่ได้ให้ความสนใจกับเสียงที่ได้ยินเท่าใดนัก
“ณหทัยครับ ณหทัย...” เสียงแว่ว ๆ ที่ดังมาจากด้านหลัง ช่วยดึงความสนใจของณหทัยให้หันกลับไปมองยังต้นเสียง แล้วเธอก็ได้พบกับร่างสูงใหญ่ของคนที่เธอฝากรอยนิ้วไว้บนใบหน้าถึงห้านิ้วเมื่อวันก่อน หญิงสาวสะบัดหน้าหนีทันทีแล้วก้าวเท้าต่อไปเรื่อย ๆ ไม่สนใจรถยนต์ที่กำลังขับตามเลยแม้แต่น้อย นราภพเห็นหญิงสาวไม่สนใจตัวเองเลยจึงสะกิดให้เพชรแสดงฝีมือ
“คุณตรีครับ หยุดก่อนเถอะครับ ถ้าไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่เดี๋ยวผมจะบอกให้เค้าสงบปากสงบคำ แต่คุณตรีช่วยหยุดคุยกับผมก่อนนะครับ” ประโยคแรกจากเพชรทำเอานราภพหน้าตึง
แต่ข้อเสนอของเพชรน่าจะทำให้ณหทัยสนใจได้ไม่มากก็น้อย เพราะเธอยอมหยุดเดินแล้วหันมาทางทั้งสองหนุ่ม
“คุณเพชรต้องห้ามไม่ให้เค้าพูดอะไรเลยนะคะ”
“โอเคเลยครับ” เพชรตามน้ำได้อย่างไหลรื่น นราภพมองทั้งคู่อย่างหมันไส้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านั้น
“คุณตรีกำลังจะไปไหนครับ เห็นเดินจ้ำอ้าวกลางแดดร้อน ๆ ไม่กลัวเป็นลมเป็นแล้งไปเหรอครับ”
“เอ่อ ตรีกำลังหางานทำน่ะค่ะคุณเพชร” ณหทัยยิ้มแหย ๆ
“อ้าว หรอครับ งั้นลองไปสมัครงานบริษัทที่ผมทำงานอยู่ดูหน่อยไหมครับ เค้ากำลังเปิดรับอยู่พอดี บริษัทใหญ่มั่นคง อนาคตไกลแน่นอนครับถ้าคุณตรีได้ผ่านเข้าไปทำ”
“จริงหรอคะ” ณหทัยตาเป็นประกาย ก่อนที่จะหม่นแสงลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าบริษัทใหญ่และมั่นคงแบบนี้คงมีแต่คนแห่ไปสมัคร แล้วโอกาสของเธอก็จะน้อยลงไปอีก “คงมีการคัดเลือกที่หินน่าดูเลยนะคะ คนน่าจะแห่ไปสมัครกันหลายอยู่”
“ของพวกนั้นมันเรื่องธรรมดาครับ แต่คุณตรีน่าจะไปลองดูสักตั้งนะครับ” การแสดงออกถึงความไม่มั่นใจของอีกฝ่ายทำให้เพชรต้องส่งยิ้มเพื่อให้กำลังใจ เพราะคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอจะตอบตกลง ภารกิจที่หนักอึ้งของตนจะได้เสร็จลุล่วงเสียที
“ก็ได้ค่ะ” ณหทัยชั่งใจอยู่นานก่อนจะตอบตกลง เล่นเอาคนที่รอลุ้นถึงกับลอบถอนหายใจ
เพชรและณหทัยส่งยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร
“งั้นเชิญที่รถเลยครับ ผมไปส่ง”
“ขอบคุณค่ะ” ณหทัยหันมาส่งยิ้มให้เพชรอีกรอบ ก่อนจะเดินนำสองหนุ่มไปที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกล เพชรเองก็อดยิ้มตอบไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คิดอะไรไปไกลแต่กิริยาของเพชรก็ยังไปขวางหูขวางตาใครบางคนเข้าจนได้
“น้อย ๆ หน่อยเพชร”
“ผมว่าวินาทีนี้เจ้านายต้องขอบคุณผมถึงจะถูก” เพชรหันมาย้อนเข้าให้ ก่อนจะรีบตามณหทัยไป เพราะขืนอยู่ต่อ อาจจะศพไม่สวย นราภพมองตามหลังคนสนิทไปอย่างหมันไส้เหลือกำลัง
“ฮึ่มมม ฝากไว้ก่อนเถอะ”
----------------------------------------
การยื่นเรื่องสมัครงานของณหทัยเป็นไปได้ด้วยดี จากการช่วยเหลืออย่างตั้งใจของสองหนุ่ม เหลือแต่การรอเข้ารับการสัมภาษณ์และการทดสอบจากทางบริษัทเท่านั้น แต่กว่าจะผ่านพ้นไปได้ก็ทำเอานราภพและเพชรต้องสะดุ้งกับสายตาช่างสงสัยของสาวน้อยขี้ระแวงอยู่หลายครั้งหลายคราเหมือนกัน
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจเพชรก็ปลีกตัวแยกออกมาอย่างรู้งาน
“ผมต้องขอตัวไปธุระก่อนนะครับคุณตรี”
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยแนะนำให้ตรีมาสมัครที่นี่” ณหทัยกระพุ่มมือไหว้พลางกล่าวขอบคุณด้วยใจจริง
“ด้วยความยินดีครับผม” เพชรยิ้มตอบกลับ ก่อนจะหันไปหาเจ้านายพลางกล่าวลาเสียงทะเล้น
“เฮ้ยไปก่อนนะเว้ย”
“เออ” ‘น่าจะไปตั้งนานแล้ว’ คนตัวโตแอบค่อนขอดในใจ
“ณหทัยจะไปไหนต่อครับ ให้ผมไปส่งนะครับ” คล้อยหลังคนสนิท นราภพก็ขันอาสาเป็นสารถีขับรถให้ณหทัยนั่งโดยทันที
“ไม่ดีกว่าค่ะ กลับเองได้ อย่าให้เป็นการรบกวนเลยนะคะ แยกกันตรงนี้ดีกว่า” ณหทัยปฏิเสธอีกฝ่ายทันทีเช่นกัน
“ไม่ครับ...ให้ผมไปส่งนะ ถ้าไม่ให้ไปส่งก็ยืนกันอยู่ตรงนี้แหละ ผมไม่ให้คุณไปไหนแน่”
เมื่อเห็นว่าลูกอ้อนจะใช้ไม่ได้ผล ชายหนุ่มก็บังคับกลาย ๆ ตามวิสัยของผู้ที่เคยแต่ออกคำสั่ง
“คุณภพ ! ! ตรีเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณเป็นพวกเผด็จการ ชอบออกคำสั่ง แต่เสียใจด้วยนะคะที่ดิฉันไม่สามารถทำตามได้จริง ๆ” คนเผด็จการถึงกับอึ้ง ณหทัยสะบัดหน้าใส่อีกฝ่ายแล้วเดินหนีไป ร้อนถึงอีกคนที่ต้องตามไปฉวยข้อมือบาง
“เดี๋ยวครับ...ยังไม่หายโกรธผมอีกหรอ อุตส่าห์ให้ตบหน้าฉาดใหญ่ แก้มผมช้ำไปหลายวันเลยนะ ยังไม่หายโกรธกันอีกหรอ”
คนตัวโตส่งสายตาขอความเห็นใจ แต่หญิงสาวกลับคิดว่าช่างไม่เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้เอาเสียเลย ณหทัยหันซ้ายหันขวาเลิ่กลั่กพยายามบิดข้อมือออกจากมือแกร่ง ตอนนี้ทั้งเธอและเขากลายเป็นจุดสนใจของคนในบริษัทที่กำลังเลิกงานลงมาเรื่อย ๆ เสียแล้ว
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะคุณภพ ทำไมต้องทำอะไรประเจิดประเจ้อ คนมองกันใหญ่แล้ว”
“ไม่ปล่อย ถ้าไม่ยอมให้ผมไปส่งก็ยืนกุมมือกันอยู่นี่นี่แหละ” นราภพยักคิ้วหลิ่วตาให้อย่างเป็นต่อ
ณหทัยมองอีกฝ่ายด้วยความหมันไส้ อยากจะเอานิ้วจิ้มดวงตาวิบวับคู่นั้นยิ่งนัก แต่ตอนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก จะดื้อแพ่งก็กลัวจะได้อายมากไปกว่านี้จึงต้องยอมให้คนเอาแต่ใจไปส่งจนได้
“ก็ได้ค่ะ จะไปส่งใช่ไหม งั้นรีบไปเลยค่ะ”
นราภพยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจก่อนจะเป็นฝ่ายพาณหทัยเดินออกไป
“ขอบคุณคุณภพมาก ๆ นะคะ ที่บังคับพาดิฉันมาส่งจนได้” ณหทัยหันมากล่าวขอบคุณด้วยความประชดประชันเมื่อชายหนุ่มขับรถมาจอดยังหน้าบ้านหลังน้อยของตน กล่าวจบณหทัยก็จะเปิดประตูลงรถไป กะจะไปแบบไม่เหลียวหลังแต่ก็มิอาจทำได้เมื่อนราภพเอื้อมมือมารั้งข้อมือบางไว้ พลางท้วงติงเจ้าของบ้านสาวตาละห้อย
“เดี๋ยวสิครับ...ใจคอ จะไม่ชวนผมเข้าไปดื่มน้ำเย็น ๆ สักแก้วเลยหรอ”
“อย่าเลยค่ะ มันคงไม่เหมาะสำหรับคุณ”
“โธ่...อย่าทำน้ำเสียงห่างเหินอย่างนั้นสิครับ”
“คุณภพกำลังทำให้ตรีรู้สึกอย่างนั้นนี่คะ เหมือนตรีไม่เคยรู้จักคุณเลย คุณเอาแต่ใจ คุณไม่ให้เกียรติกัน นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่เหมือนคุณภพคนก่อนที่ตรีเคยรู้จักที่บ้านสวนจำปีเลยแม้แต่น้อย คุณภพที่อบอุ่นและสุภาพคนนั้นหายไปไหนแล้วคะ”
เจอคำถามและคำเปรียบเทียบชนิดที่ว่าตรงเผงไม่มีอ้อมค้อมแบบนี้เล่นเอานราภพถึงกับไปไม่เป็น ชายหนุ่มรู้อยู่เต็มอกแต่ไม่รู้จะอธิบายกับเธอยังไง จะให้บอกยังไงว่าความรู้สึกตอนนี้นั้นเขาทั้งรักทั้งหลง พอได้อยู่ใกล้เธอ ความยับยั้งชั่งใจที่เคยมีมันลดน้อยถอยลงโดยอัตโนมัติ เขาอยากกอด อยากจูบ อยากอิงแอบแนบซบกับร่างบางอยู่ตลอดเวลา
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ไม่ว่าจะกับใคร ตั้งแต่อายุขึ้นยี่สิบปีเขาก็ไม่เคยยุ่งกับใครเลยด้วยซ้ำ เขาทำตัวราวกับฤษีที่กำลังบำเพ็ญเพียรภาวนา เก็บตัวเองอยู่กับงานรอเวลาที่จะได้พบกับใครสักคนที่เป็นของเขา ซึ่งตอนนี้เขารู้ว่าเขาเจอเธอแล้ว แต่มันคงเร็วไปถ้าเขาจะต้องบอกอะไรอย่างนั้น
นราภพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้สึกหนักอึ้งกับความรู้สึกที่ไม่อาจพูดบรรยายออกมาได้ มือหนาค่อย ๆ คลายจากข้อมือบาง เหลือเพียงสายตาที่ยังคงทอดมองอย่างแน่วนิ่งเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกบางอย่างที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจให้เธอได้รับรู้
“ผมขอโทษ”
ณหทัยเบือนหน้าหลบสายตานราภพ ตอนคบกับวัชพลก็ใช่ว่าจะไม่เคยเจอสายตาหวาน ๆ ที่เขาส่งมาให้ แต่แปลกที่เธอกลับรู้สึกเฉย ๆ กับสายตาแบบนั้นของวัชพล ผิดกับสายตาของผู้ชายคนนี้ ดวงตาคมกล้าที่ชอบแฝงไว้ด้วยความหมายที่เธอเองก็แปลไม่ออก
“ตรีขอตัวก่อนนะคะ” ณหทัยเป็นฝ่ายตัดบทก่อนที่จิตใจเธอจะสับสนกับดวงตาคู่นั้นของเขาไปมากกว่านี้ เธอจะต้องไม่หวั่นไหว เธอจะต้องไม่เปิดโอกาสให้ใครทั้งนั้น
นราภพมองตามประตูรั้วของบ้านหลังน้อยที่ปิดลงพร้อมกับความรู้สึกที่ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าเธอเข้าสู่โหมดการปิดกั้นตัวเองอีกแล้ว ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนรถออกไป
------------------------------------------
ณหทัยหันกลับมามองรถที่แล่นออกไปจนลับสายตาอย่างสับสนในความรู้สึก
“มันสับสนใช่ไหมสาวน้อย”
ร่างผอมบางของหญิงสูงวัยปรากฏขึ้นหน้าประตูบ้าน
“คุณยาย เอ่อ คุณย่า”
“ขอโทษที ที่ฉันถือวิสาสะเข้ามาโดยไม่บอกไม่กล่าว ฉันแค่คิดถึงที่นี่ก็เลยมาเยี่ยมเยียนมันเสียหน่อย ลืมไปว่าปล่อยให้เธอเช่าแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า คุณย่ามาที่นี่ได้ตามสบายเลยนะคะ” รอยยิ้มสดใสถูกส่งให้หญิงสูงวัย
“งั้นฉันไม่เกรงใจละนะ ฉันเองก็อยากมีหลานผู้หญิงกับเขาบ้าง เธอมาเป็นหลานอีกคนของฉันได้ไหม”
ณหทัยยิ้มกว้าง เธอไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไหนอยู่แล้วตอนนี้ จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าจะมีคุณย่าให้คอยเป็นห่วงเป็นใย และเธอก็ไม่อาจใจร้ายปฏิเสธความต้องการของหญิงชราตรงหน้าได้จริง ๆ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ...เข้าบ้านกันดีกว่านะคะ มาค่ะหนูช่วยประคองนะคะ”
สาวน้อยตรงเข้าประคองหญิงชราด้วยความทะนุถนอม กริยาอันอ่อนหวานที่เธอแสดงออกทำให้คุณย่าเจ้าของบ้านอดชื่นชมในใจไม่ได้
“คุณย่าทานอะไรมาหรือยังคะ” ณหทัยถามขึ้นหลังจากพาคุณย่ามานั่งที่โต๊ะรับแขก
“ย่าเรียบร้อยมาแล้วลูก ทานก่อนที่จะมาที่นี่ หนูมานั่งนี่ดีกว่าย่าอยากจะพูดคุยกับหนูมากกว่าในฐานะที่เรากลายมาเป็นย่าเป็นหลานกันแล้ว” หญิงชรายิ้มบาง ๆ พลางตบเบาะข้างตัวชวนให้หญิงสาวนั่งลงตรงนี้ ณหทัยเองก็เดินค้อมตัวไปนั่งอย่างว่าง่าย
“ได้ข่าวว่าไปหาสมัครงาน เป็นไงบ้างล่ะลูกเล่าให้ย่าฟังหน่อย”
ณหทัยส่งเสียงเจื้อยแจ้วถ่ายทอดประสบการณ์การออกสมัครงานวันแรกให้หญิงชราฟังอย่างออกรสตั้งแต่บริษัทแรกจนกระทั่งที่สุดท้ายที่มีโอกาสได้ไปแบบฟลุค ๆ
คุณย่าที่พึ่งได้หลานสาวเพิ่มมาอย่างสด ๆ ร้อน ๆ อีกหนึ่งคนจึงฟังไปหัวเราะไป หายากแล้วหนุ่มสาวสมัยนี้ที่จะมานั่งพูดนั่งคุยกับคนเฒ่าคนแก่แบบนี้ เค้าบอกว่าน่าเบื่อ คุยกันไม่รู้เรื่อง แต่แม่หนูคนนี้กลับทำได้ แถมเป็นธรรมชาติเสียด้วยมองไม่ออกเลยว่าฝืนใจ
“คนไหนที่ว่าพาหนูไปสมัครงานที่สุดท้ายนะ”
“อ๋อ คุณเพชรกับคุณภพค่ะ แต่คุณเพชรเขามีธุระต้องแยกไปก่อน คุณภพเลยอาสามาส่งที่บ้านน่ะค่ะ”
“พ่อหนุ่มคนที่พึ่งขับรถออกไปน่ะหรือ”
“ค่ะคุณย่า”
“ทำไมน้ำเสียงหนูแปล่ง ๆ ไปตอนพูดถึงเจ้าคนชื่อภพล่ะลูก เขาทำอะไรให้หลานย่าไม่สบายใจหรือเปล่า”
“เอ่อ...” ณหทัยไม่รู้จะอธิบายให้ผู้สูงวัยฟังยังไง
“เอ ถ้าย่าจำไม่ผิด เจ้าภพคนนี้ใช่ไหมที่พาหนูมาเช่าบ้านย่าน่ะ”
“คะ คะใช่ค่ะ”
“เท่าที่ได้พูดคุยกันก็ถือว่าเป็นคนหนุ่มที่ใช้ได้พอสมควร แล้วเค้าทำไรให้หนูอึดอัดหรือลูก”
“เขา...เอ่อ...หนู”
คนเป็นย่าลูบหัวหลานสาวคนใหม่เบา ๆ
“ไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บไว้ ถ้ามันทำให้หนูไม่สบายใจนะลูก”
ความอบอุ่นอ่อนโยนของหญิงชราทำให้ณหทัยน้ำตาซึม ตั้งแต่ผู้เป็นพ่อเสียไปก็ทำให้เธอเองรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง ถึงจะบอกตัวเองว่าให้เข้มแข็งหรือแสดงออกอกมาว่าเข้มแข็งแต่ลึก ๆ แล้วในใจเธอก็ยังเป็นเด็กน้อย ๆ ที่ต้องการคนคอยดูแลคอยรับฟังบางอย่างบางเรื่องอยู่ดี
“เขาทำให้หนูกลัวค่ะ” ณหทัยยอมเปิดเผยความรู้สึกในใจออกมาทีละนิด หญิงชรามองอย่างไม่เข้าใจ
“กลัวอะไรลูก”
“เขาเปลี่ยนไป ถึงเนื้อถึงตัวหนูมากขึ้น เมื่อก่อนคุณภพไม่เป็นแบบนี้ คุณภพเหมือนพี่ชายที่แสนดี แต่ตั้งแต่กลับจากทะเลคราวนั้น คุณภพเขาก็เปลี่ยนไป เขาทำให้หนูรู้สึกกลัว กลัวว่าเค้าจะเป็นเหมือนพี่พล ที่มาดูแลเอาใจใส่ทำให้หนูรักแล้วก็ทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดี”
“โถ แม่คุณ นิ่งเสียคนดี” คุณย่าดึงณหทัยที่กำลังสะอึกสะอื้นเข้ามากอดแน่น หญิงสาวเปิดเปลือยความรู้สึกด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ
“ใจหนึ่งอยากจะไว้ใจและวางใจเขา แต่พอภาพที่ชายหาดวันนั้นมันแว่บเข้ามาหัว ภาพที่หนูถูกคนที่เรียกว่ารักกันสลัดทิ้ง มันก็ทำให้หนูไปต่อไม่ได้ หนูไม่กล้าที่จะวางใจ หนูสับสน สุดท้ายก็ต้องกันความรู้สึกตัวเองออกมา”
“ไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไร ย่าเข้าใจหนูแล้ว เงียบซะลูก เงียบซะน้า”
“หนูควรจะทำยังไงดีคะคุณย่า หนูควรทำไงดี” สาวน้อยพึมพำอย่างมืดมน
“ตั้งสตินะลูก อย่าให้อดีตที่ผิดพลาดจากผู้ชายที่ไม่เห็นค่าหนูจริงมามีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของหนู หนูมีค่ามากกว่านั้น หลานย่าต้องมั่นใจในตัวเองว่าหนูดีพอ ดีพอที่จะให้ผู้ชายอีกคนมารักได้อย่างไม่อายใคร เชื่อย่าสิ"
----------------------------------------
แล้วพบกันใหม่ตอน 13 จ่ะ
ปีบเพชร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มี.ค. 2558, 14:02:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มี.ค. 2558, 14:02:48 น.
จำนวนการเข้าชม : 1424
<< ตอนที่ 11 ผมห่วงคุณมากนะ | ตอนที่ 13 เรื่องที่ต้องตามต่อ >> |
konhin 16 มี.ค. 2558, 06:06:50 น.
กลายเป็นเจ้าสาวกลัวฝนไปแล้ว
กลายเป็นเจ้าสาวกลัวฝนไปแล้ว