บทเรียน (รัก) นอกตำรา
นพมัลลี นักศึกษาฝึกสอนที่จบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน
นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก
แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้
มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน
นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก
แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้
มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่
Tags: นพมัลลี ตุนท์ คมิก พิชญ์ปรีชา
ตอน: บทที่ 13 : พ่อแม่
บทที่ 13
“ทำไมนายไม่ห้ามมัลลิยา” ทวิชถามเสียงเย็น เขาอยากจะฆ่าคนบ้านนี้ให้ตายตกไปให้หมด ความลำเอียงที่นพมัลลีได้รับมันรุนแรง หนักข้อมากขึ้นทุกวัน และร้ายแรงถึงกับจะพรากลูกไปจากอกแม่ของเขา
“ยาน่าสงสาร ถ้ายาเสียหนูมลไป...”
นพยาไม่ทันอธิบายจนจบประโยค ทวิชก็โพล่งขึ้นอย่างเหลืออด “นพมัลลีก็ลูกของนาย เขาเป็นลูกของนาย”
เสียงหรีดหริ่งเรไรดังเซ็งแซ่ในบรรยากาศมืด และเงียบสงัด คนส่วนใหญ่ล้วนหลับกันไปหมด ยกเว้นนพยา และทวิชที่ยังมีเรื่องเครียดเจรจากันไม่หยุด ทวิชคัดค้านหัวชนฝาเรื่องที่มัลลิยาคิดจะพานวมลลิ์จากไป ไม่ให้โอกาสแก่แม่แท้ๆ ของลูกได้ทำหน้าที่ของแม่ เขาอยากจะด่ากราดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่าเลือดเย็นเหลือเกิน
และอดจะตกใจไม่ได้ว่ายี่สิบกว่าปีนี้มา นพมัลลีต้องพบเจอความโหดร้ายอะไรบ้าง ในวันนั้นถ้าเขาตัดสินใจนำนพมัลลีไปเลี้ยงเอง ชีวิตของหญิงสาวคงไม่ผิดรูปผิดรอย ไม่มีเรื่องเจ็บปวดในชีวิตอย่างเช่นทุกวันนี้
“ทุกคนที่นี่รู้ว่านพมัลลีไม่ใช่ลูกฉัน”
“แกเป็นน้องชายของฉันได้ยังไง” ทวิชกำกำปั้นไว้แน่น อยากต่อยปากคนที่อายุไม่น้อยแล้วสักหมัดแรงๆ “แกมันเลวเกินคนไปแล้ว”
“วันนั้นถ้าพี่ไม่พานพมัลลีมาให้บ้านนี้ฝากเลี้ยง พี่คิดเหรอว่าฉันจะรับ หน้าเขาก็คล้ายกันกับพี่ ทุกวันนี้ที่ฉันเห็นหน้าเขา ฉันก็เจ็บปวด”
“แล้วฉันกับนายไม่ได้มีพ่อแม่เดียวกันหรือไงไอ้นพ” ทวิชกระชากคอเสื้อน้องชายมากุมไว้แน่น หน้าตาโกรธจัดจนบิดเบี้ยว “แกไม่เคยยอมรับ ไม่เคยเชื่อใจใคร ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ แม้กระทั่งแฟนพี่ชาย ที่แกบอกว่าหลงรักมานานนม ขนาดแกแต่งงานมีลูกไปแล้ว แกก็ยังนอกใจเมีย มายุ่งกับแฟนฉันอย่างนั้นน่ะเหรอ แกอาจไม่ได้ฆ่าใคร แต่แกทำลายหัวใจ ทำลายความรักของคนที่ฉันรัก แล้วแกยังจะทำลายหัวใจลูกสาวของแกอีก แกมันเลวร้ายยิ่งกว่าฆาตกร”
ทวิชทนอยู่ประเทศไทยได้ไม่นานเพราะมักจะมีความจริงเรื่องที่เขาสูญเสียคนรักไปให้กับน้องชาย ตอนที่เขารู้ว่าลวิณตราท้อง โลกของเขาก็ล่มสลายลงไปทั้งใบ ทั้งที่เขากับลวิณตรากำลังตัดสินใจแต่งงาน และไปใช้ชีวิตที่ออสเตรียด้วยกัน เริ่มต้นชีวิตของศิลปิน แต่ทุกอย่างกลับพังราบคาบ เขาไม่เคยทำให้ร่างกายของลวิณตราด่างพร้อย จึงมั่นใจว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกเขา แต่เขาไม่บอกความจริงนี้ให้ลวิณตรารู้ว่าคนที่เธอนอนด้วยนั้นไม่ใช่เขา
กระทั่งเขาลอบสังเกต เก็บข้อมูล และการพูดหลายๆ อย่างที่นพยาเข้ามาพูดด้วยใบหน้าของผู้ชนะ เขาจึงรู้ และอยากปรี่ไปฆ่าเจ้านพยาคนสารเลวคนนั้น
ลวิณตราเป็นเด็กผู้หญิงข้างบ้านที่เติบโตมาพร้อมพวกเขาสองพี่น้อง เด็กหญิงสดใส ที่ชอบร้องเพลงเป็นบทกลอน มือว่างเป็นจับพู่กันวาดรูป ดวงตาของลวิณตรากลมโตสุกใส และยิ้มได้อยู่เสมอ ในวัยเด็กพวกเขาเล่นกันแบบถึงไหนถึงกัน เตะต่อยลวิณตราก็ไม่ยิ่งหย่อนใคร เห็นจะมีเรื่องงานบ้านงานเรือนที่อาจไม่ใช่ทางของเด็กหญิง โตขึ้นมาเธอก็กลายเป็นเด็กสาวห้าวสุดเซอร์ เด็กสาวที่เริ่มสวยงามพริ้มเพราไม่เคยรู้เลยว่าภายในใจของเพื่อนในวัยเด็กทั้งสองกำลังเปลี่ยนไป และใช้แววตาแปลกใหม่มองเธอ เมื่อลวิณตราโตพอจะรู้ตัว รู้จักความรัก หัวใจของเธอจึงเลือกมอบให้กับเพื่อนคู่คิด ศิลปินคู่กายที่อยู่ข้างกันเสมออย่างทวิช
นพยาถูกปฏิเสธ ด้วยความที่เขาปากแข็ง และใจหนักเกินไป ทระนงตนว่าอย่างไรลวิณตราก็ยังไม่เลือก หลังจากนั้นจึงตัดสินใจไปแต่งงานประชดชีวิต ไม่กี่ปีเมื่อทวิชตัดสินใจที่จะแต่งงานกับลวิณตรา นพยาก็มาพรากลวิณตราไปจากเขา สวมรอยเป็นเขาเข้าหาหญิงสาว และครอบครองเธอ ให้เธอเข้าใจผิด
“พี่ต่างหากมาแย่งลวิณไปจากฉันก่อน การที่ฉันสวมรอยเป็นพี่ได้ นั่นก็เพราะพี่มันชักช้า รู้ไว้ด้วยว่าคืนนั้นลวิณมีความสุขมาก”
“ไอ้นพ!” ทวิชง้างกำปั้นเตรียมปล่อยออกไปปะทะปากนพยา
ก่อนที่จะมีคนวางมวยกันไปมากกว่านี้ คนที่ยืนอยู่ตรงประตูหน้าบ้านก็ทำให้ทวิชยืนตัวแข็ง เขาลดแขนลงจากคอเสื้อนพยา อารมณ์เย็นขึ้นมากแล้ว
“เพราะคืนนั้น นพมัลลีถึงเกิด แกจำไว้ว่าเพราะวันนั้น วันที่แกสวมรอยเป็นฉันเข้าหาลวิณ มันเกิดจากฝีมือของแกทั้งหมด”
ระเบิดลูกนั้นถูกทิ้งกลางลานบ้านอย่างไร้ความเมตตา ทวิชหมดความอดทนกับนพยา ถึงแม้ลวิณตราจะไม่เคยล่วงรู้ความจริงที่ว่าเขาไม่ใช่พ่อของนพมัลลี แต่หลังจากที่เธอคลอดลูกได้ไม่นาน สภาพร่างกายที่ไม่ได้แข็งแรงนักก็ทำให้เธอจากไปทั้งที่นพมัลลีอายุได้ไม่ถึงหนึ่งขวบดี เขาบังคับให้นพยาดูแลลูกต่อ เพราะคิดว่านั่นคือสิ่งที่นพยาต้องรับผิดชอบ และเขาเองก็ยังเจ็บปวดกับความจริงทั้งหมด ถึงจะรักนพมัลลีเหมือนลูกแท้ๆ เพราะเธอเป็นลูกสาวของคนที่เขารักสุดหัวใจ แต่ใจเขาก็ยังปวดหนึบเมื่อรู้ว่าเลือดในกายนพมัลลีไม่มีเลือดของเขาอยู่ ทีแรกนพยาตั้งใจปฏิเสธแต่เมื่อเจอเขาขู่ว่าจะบอกความจริงที่นพยาทำไว้กับลวิณตราให้มะลิรู้ นพยาจึงจำใจต้องรับเลี้ยงนพมัลลีไปอย่างไม่เต็มใจ และให้อยู่ในฐานะลูกสาวอย่างที่ทวิชต้องการ
ถึงวันนี้ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องปกปิดความจริงเหล่านี้อีกแล้ว นพยาสมควรได้รับผลของการกระทำของตัวเองคืนบ้าง
“ที่พี่ทวิชพูดมาจริงหรือเปล่าคะ”
นพยาเพิ่งรู้ตัวว่ามีใครอยู่เบื้องหลังก็ตอนได้ยินเสียง รอยยิ้มของคนคายความจริงเลือนหายลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้เขาเผชิญหน้ากับภรรยา
“มะลิ คือว่า...”
“ตอบมาแค่จริง ไม่จริง ฉันอยากรู้ว่าคุณจะตอบอะไร”
“ไม่จริง” นพยาตะบึงตอบไปสวนทางกับความจริงที่เขารู้อยู่แก่ใจ
ดวงตาคนฟังรวดร้าวเมื่อรู้ว่าท้ายที่สุด คู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมาเกินครึ่งชีวิต ไม่เคยเชื่อใจ และที่น่ากลัวกว่านั้น นพยาอาจไม่เคยรักหล่อนเลย
“ฉันจะหย่า” เสียงที่พูดออกมาแผ่วเบาแต่มั่นคง กระตุกใจคนฟังให้รู้สึกถึงความสูญเสีย มืออยากจะยื่นออกไปรั้งร่างของมะลิไว้ แต่ก็ไม่กล้าเผชิญหน้าความจริง
ที่ผ่านมานพยาไม่เคยเชื่อว่านพมัลลีเป็นลูก ไม่เคยเชื่อเพราะสุดท้ายทวิชก็ยังแต่งงานกับลวิณตรา ตอนที่เขาถูกบังคับให้เลี้ยงนพมัลลี เธอไม่ต่างอะไรจากยาขมปี๋ที่เขากล้ำกลืนต้องทน เขาจึงเทความใส่ใจ และทุกสิ่งอย่างให้มะลิ และมัลลิยา มอบความระแวง ไม่ไว้ใจ ห่างเหิน หมางเมินแก่นพมัลลี จนถึงตอนนี้เขาเริ่มกลัว หากว่านพมัลลีเป็นลูกเขาขึ้นมาจริงๆ
ที่ผ่านมาเท่ากับว่าเขาทำร้ายลูกอย่างนั้นเหรอ ไม่ เขาไม่เคยพลาด นพมัลลีไม่มีทางเป็นลูกเขา ตอนที่รับมาทุกคนในบ้านต่างรู้ว่าเด็กหญิงหนึ่งขวบครึ่งกำพร้าแม่ และเป็นลูกสาวของทวิชกับลวิณตรา หากจะมีคนที่ไม่รู้ก็คือนพมัลลีคนเดียว
นพมัลลีคนเดียวที่โง่...ไม่ใช่เขา นพยายังคงยึดมั่นในความคิดตนเอง
ดิศรู้หลีกด้วยการเลี่ยงไปจัดผลงานศิลปะที่เพิ่งมาใหม่ทางด้านบน เขาหย่อนระเบิดไป แล้วก็เหมือนจะมีระเบิดมาซ้ำนพมัลลีทางโทรศัพท์อีกสาย ทางที่ดีเขาควรอย่าเพิ่งไปยุ่งเลยจะดีกว่า
หญิงสาวเดินไปทรุดตัวนั่งกับพื้น หน้าตาอ่อนระโหย เมื่อตุนท์นั่งอยู่ข้างๆ ไหล่ที่ว่างของเขาจึงเป็นทำเลเหมาะที่เธอจะเอนศีรษะซบลงไป และโชคดีเหลือเกินที่ตุนท์ไม่ได้แสดงออกถึงอาการรังเกียจ
“คุณอยากรู้เรื่องอะไรไหมคะ”
“เรื่องอะไรก็ได้ครับ วันนี้ฝนไม่ตก พรุ่งนี้พระอาทิตย์จะไม่ขึ้น อะไรก็ได้ ผมฟังทั้งนั้น”
คนมีอดีตเหม่อมองกรอบรูปมากมายที่อยู่ล้อมตัวด้วยสายตาว่างเปล่า ไร้สุนทรียภาพ หากไม่มีศิลปะ ชีวิตของเธอคงจมลึกไร้ทางออก
“ฉันท้องตอนเรียนอยู่มอหกค่ะ แต่พ่อของเด็กไม่เคยรู้ว่าเขามีลูก ลูกสาวของฉันก็ไม่รู้ว่าฉันคือแม่ ซับซ้อนดีไหมคะ ตอนนี้พี่สาวฉันที่รับตัวเล็กไปเลี้ยงก็กำลังจะพรากเขาไปจากฉัน ให้ไกลออกไปอีก”
เรื่องมากมายเริ่มพรั่งพรูออกมา นพมัลลีไม่รู้สึกถึงประโยชน์ที่จะเก็บความลับเหล่านั้นไว้อีก อย่างไรตุนท์ก็เริ่มรู้ เธอจะปิดบังเขาไปเพื่ออะไร ตอนนี้เธออยากจะเปิดใจอีกครั้ง เวลาไม่ถึงสิบนาทีความลับของเธอก็ถูกเล่าออกมาจนครบ คนเล่าเรื่องหลับตาลง เธอสัมผัสได้ตั้งแต่ไหล่ตุนท์มีอาการเกร็ง เธอไม่นึกอยากพบใบหน้าของเขาในยามนี้เลย เขาจะโมโห โกรธ หรือรังเกียจเธอ
“พ่อของเด็ก คือเขาที่พวกเราเจอที่สวนสาธารณะใช่ไหมครับ” ตุนท์กัดฟันถาม สมองเรียบเรียงเรื่องราวได้อย่างรวดเร็ว
“ค่ะ แต่ฉันก็โง่เองจริงๆ”
“ไม่เป็นไรนะ ที่ผ่านมาก็ปล่อยไป ผมดีกว่าเขาเยอะ”
นพมัลลีเงยหน้าพรวดขึ้นมาสบตาประกายล้ำของตุนท์ ในดวงตาคู่นี้ทอความรัก ความอบอุ่น ราวกับโอบกอดเธอไว้ได้ ทั้งที่มือของเขาไม่ได้สัมผัสเธอ ความโล่งอกไปเปลาะหนึ่งทำให้เธอน้ำตารื้น ความมั่นใจที่กลัวเขาจะรับไม่ได้หายเป็นปลิดทิ้ง
“คุณไม่รังเกียจฉันเหรอคะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก บุหรี่ เหล้าก็เคยยุ่ง เป็นเด็กมีปัญหา ทะเลาะกับครอบครัวตลอด...”
ตุนท์ยื่นนิ้วแตะกับริมฝีปากฉ่ำ ดวงตาละมุนกว่าเดิม “คุณคิดว่าผมรักคุณที่เปลือกเหรอลี อดีตคุณอาจจะเป็นอย่างที่ว่ามา แต่ลีที่ผมรู้จักในตอนนี้ อยู่ข้างในนี้ เธอเข้มแข็ง และแกร่งมากนะครับ” ชื่อเล่นปราศจากคุณอย่างที่แล้วมาของตุนท์เพื่อเพิ่มย่างก้าวที่ตัวเขาจะเข้าใกล้เธอได้มากขึ้น ปลายนิ้วชี้จิ้มไปยังเหนืออกซ้ายอย่างแผ่วเบา
“คุณน่าจะเจอฉันก่อนหน้านี้นะคะ” นึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้ว นพมัลลีรู้สึกถึงความโหยหาลึกๆ ในใจของตัวเอง เธอต้องการพบคนแบบตุนท์ในชีวิต คนที่พร้อมเข้าใจ...เธอรอเขามาตลอด “คุณจะรักตัวเล็กไหมคะ”
“ผมจะทำมากกว่ารัก” ตุนท์ยื่นหน้ามาใกล้ ให้ลมหายใจของทั้งสองสัมผัสกัน ก่อนที่เขาจะโฉบริมฝีปากลงมาปิดริมฝีปากนุ่ม บดเคล้าเบาๆ แล้วผละจาก ทิ้งรอยอุ่นวาบให้นพมัลลีรู้สึกสั่นไหวไปทั้งหัวใจ
“เราจะเอาเขากลับมา ผมจะช่วยคุณนะลี”
“ขอบคุณค่ะตุนท์ ฉันดีใจที่ได้พบคุณนะคะ”
จมูกปลายรั้นถูกมือหนาบีบอย่างหมั่นเขี้ยว “มีอะไรก็ให้นึกถึงผม ตุนท์ยี่สิบสี่ชั่วโมงยินดีให้บริการนะครับ” ตุนท์หรี่ตาอย่างไม่ไว้ใจ “คุณหายคลื่นไส้เวลาอยู่กับผมแล้วใช่ไหมครับ”
“เรื่องนั้น...” นพมัลลีนึกถึงอีกเรื่องที่เธอเคยโดนวางยาก่อนจะไหวไหล่ เริ่มเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟัง แล้วทำไมทุกครั้งที่เธอเล่าเรื่องของตัวเองจบ เขาต้องเอาปากตัวเองมาปิดปากเธออยู่เรื่อย แล้วก็โอบเธอไว้แนบกาย บางครั้งเขาถึงกับสบถด่าคนในเรื่องที่เธอเล่าอย่างหยาบคาย เป็นมุมมองใหม่ของตุนท์ที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน
นพมัลลีปฏิเสธไมได้เลยว่าความรู้สึกดีอบอุ่นในตอนนี้ถูกใจเธอมากขนาดไหน เขาคือคนที่เข้ามาในช่วงเวลาที่เธอก้าวผ่านเรื่องราวในอดีตมาแล้ว แต่เขาก็ยังยอมรับได้
ตุนท์คือความโชคดีของเธอ
มะลิพินิจใบหน้าของนวมลลิ์ที่มีเค้าหน้าไม่ต่างจากนพมัลลีสมัยที่หญิงสาวอายุเจ็ดขวบด้วยความเจ็บปวดลึกๆ ความจริงที่ได้รับรู้เมื่อคืนนี้กัดกร่อนจิตใจนางจนแม้แต่หลับตาก็ยังหลับได้ไม่ลง
สามีนอกใจ...นางเชื่อว่าไม่มีใครอยากจะมี แต่นพยาไม่เพียงแค่นอกใจ ยังหลอกลวงลวิณตรา ทำร้ายจิตใจทวิช และหลอกภรรยาหน้าโง่ของเขามาได้นานนมขนาดนี้ มะลิคิดอย่างขมขื่น ถึงจะรู้ว่านวมลลิ์ไม่ได้ผิดอะไร แต่นางก็มองหน้าหลานอย่างเต็มตา และเปี่ยมรักอย่างที่เคยเป็นไม่ได้อีก
“แม่จะไปด้วยแน่ใช่ไหมคะ ยาดีใจมากค่ะที่แม่จะไปช่วยดูหนูมลช่วงที่พวกเรายุ่งๆ กับการปรับตัวที่โน่น” มัลลิยาถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมเพื่อไปนอนค้างที่กรุงเทพฯ สามคืนลงมาจากชั้นบน หน้าตาอิ่มเอิบที่รู้ว่าอีกไม่นานนี้เธอไม่ต้องหวั่นเกรงกับการคุกคามจะเอาลูกคืนของนพมัลลีอีก
“ไปหาน้าลีด้วยนะคะ” นวมลลิ์ทำลายบรรยากาศอันดีที่ผู้เป็นแม่รู้สึกให้พังไปชั่วพริบตา ร่างเล็กยังยิ้มแย้มไม่รู้สึกรู้สาบนเก้าอี้หน้าโต๊ะอาหาร
“แม่บอกแล้วไงว่าเราไม่ได้ไปหาน้าลีของหนูมล”
“ตาทวิชบอกว่าไปได้นี่คะ” นวมลลิ์เริ่มสนิทกับทวิชมากขึ้น ลุงแก่ๆ ที่บังคับให้เธอเรียกเขาว่าตา หลายครั้งที่ทวิชได้ยินเธอเรียกว่าตาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ขออะไรเขาก็จะให้เสมอ
มัลลิยาชักสีหน้าไม่พอใจใส่ทวิชที่นั่งเปิดหนังสือพิมพ์อ่านอยู่ตรงข้ามอย่างไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ที่จริงเขาใช้หนังสือพิมพ์ปิดหน้าเพื่อพรางรอยยิ้มสะใจที่เห็นคนแย่งลูกคนอื่นหน้าเปลี่ยนสี
“ลุงอย่ามาจุ้นจ้านเรื่องนี้มากได้ไหม”
“แล้วเธอเคารพสิทธิ์ในตัวเล็กมากแค่ไหน” ทวิชลดหนังสือพิมพ์ลง ถามเสียงเย็นกับมัลลิยา สายตาใสซื่อของนวมลลิ์ที่มองผู้ใหญ่คนโน้นทีคนนี้ทีอย่างอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาลดท่าทีไม่เป็นมิตรลง หันไปทำหน้ายิ้มตลกใส่นวมลลิ์ แต่คงจะเป็นตลกร้ายสำหรับมัลลิยา
“เดี๋ยวตาพาไปหาน้าลี ตัวเล็กต้องห้ามดื้อนะ”
“สัญญาค่ะ”
“เกิดเป็นคนต้องรักษาสัญญานะตัวเล็ก” ทวิชย้ำอีกครั้ง เพื่อเป็นการสาดน้ำกรดราดใจผู้ร่วมโต๊ะคนอื่นอย่างไม่ปรานีอีกต่อไป
คนพวกนี้ทำร้ายนพมัลลีมามากเกินพอแล้ว
มัลลิยาถลึงตาจ้องทวิชอย่างไม่พอใจ ความเคารพที่มีน้อยนิดไม่มีเหลือ เธอรู้จากมารดาแค่ว่าทวิชนำนพมัลลีมาให้บ้านเธอเลี้ยง โดยขอให้คนบ้านนี้เลี้ยงดูเขาเป็นลูก เป็นน้องสาวจริงๆ แต่เธอจะมองนพมัลลีเป็นน้องแท้ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ใช่ แต่ก็จำต้องรักษาสัญญากับพ่อไว้เรื่องไม่แพร่งพรายความจริงนี้
และเพราะความจริงนี้ที่เธอรู้ ทวิชจึงเป็นตาแท้ๆ ของนวมลลิ์ คนอย่างทวิชต้องหาทางมาชิงหลานกลับคืนไปให้ลูกตัวเองแน่ ใครจะยอม!
เธอต้องกำจัดเขาออกไปให้ได้ มัลลิยาซุกซ่อนความคิดชั่วร้ายของตัวเองด้วยใบหน้าราบเรียบไร้อารมณ์
นวมลลิ์จะมาพักอยู่ในกรุงเทพฯ สามวัน นพมัลลีไม่ได้รู้สึกดีใจเท่าไหร่ที่จะพบนวมลลิ์ ด้วยเหตุผลอย่างมัลลิยาจะพานวมลลิ์มาทำวีซ่า แล้วหอบหิ้วลูกของเธอหนีไป
ตั้งแต่ผ่านเรื่องเมื่อวานมา นพมัลลีมีความคิดอย่างเดียวอยู่ในหัวคือเธอจะต้องนำลูกกลับมาอยู่ขางกายให้ได้ โดยไม่ใส่ใจต่อคำขอร้องใดๆ อีก เพราะพวกเขาผิดสัญญากับเธอก่อน
นพมัลลีตื่นเต้นจนยืนไม่ติดที่ ตุนท์เป็นฝ่ายคว้ามือของเธอไปกุมไว้ ถ่ายทอดกำลังใจออกมาเพื่อให้เธอใจเย็นขึ้น
“มือเย็นเฉียบเลยนะครับ”
“ตั้งหลายเดือนที่ฉันไม่เจอตัวเล็กนะคะ”
ที่จริงตุนท์เองก็ตื่นเต้นไม่น้อย เขาอยากรู้ว่าลูกสาวของนพมัลลีจะน่ารักเหมือนกับแม่ของเขาหรือเปล่า หรือจะซุกซนแตกต่างจากนพมัลลีออกไป
ร่างของคนสามคนที่เดินออกมาจากล็อบบี้โรงแรมจุดประกายตาตื่นเต้นของนพมัลลี หญิงสาวพุ่งตรงไปอย่างพุ่งหลาว แล้วหยุดนิ่งยังร่างเล็กที่พุ่งมากอดอย่างรู้จังหวะที่พอดีต่อกัน
“น้าลี หนูมลคิดถึงน้าลีจังเลยค่ะ”
มัลลิยากวาดตามองรอบๆ ว่าใครกันที่แพร่งพรายที่อยู่ที่นี่ เธออุตส่าห์หลอกทวิชให้คิดไปว่าเธอพักอยู่ที่โรงแรมอื่นไปแล้วแท้ๆ โดยไม่ทันสังเกตว่ามะลิเงียบขรึมกว่าปกติ มือสอดไว้ในกระเป๋าถือ ในมือถือนั้นมีข้อความหนึ่งที่นางกดพิมพ์ส่งออกไปให้นพมัลลีเองกับมือ
‘พวกเราพักอยู่ที่โรงแรม... มาหาแม่หน่อยนะลี’
…………………………………..
คุณ ร้อยวจี ตอนนี้ไม่เศร้าเท่าตอนที่แล้ว (มั้ง) นะคะ สามารถมารับผ้าเช็ดหน้าได้ค่ะ เตรียมไว้เยอะ ฮา
คุณ kaelek เรื่องในอดีตแทบจะหมดแล้วนะคะ ตอนนี้จะเป็นไลน์ปัจจุบัน จะพยายามแทรกหวานๆ มาให้นะคะ อิอิ
คุณ konhin พ่อแม่แบบนพยากับมะลิไงคะ >_< บทนี้เฉลยปมพ่อแม่ไปแล้ว ต้องรอดูผลหลังจากนี้ค่ะ
คุณ violette ขอบคุณที่ตามอ่านจนถึงตอนปัจจุบันนะคะ ตอนนี้เฉลยปมตัวละครเพิ่มไปแล้ว รอดูว่าตัวเล็กจะเป็นยังไงนะคะ
คุณ OhLaLa คดีพลิกเล็กน้อยถึงปานกลางค่ะ ฮา สรุปเรื่องนี้ตัวละครแต่ละตัวมีความเข้าใจที่ไม่เหมือนกันเลยสักตัวละคร ตรงความเข้าใจตรงนั้นทำให้ตัวละครแสดงออกมาอย่างนั้นน่ะค่ะ
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ ช่วงนี้หย่อนระเบิดลงทุกตอน จากนี้เรื่องจะค่อยๆ คลายลง (เหรอ) ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มากดถูกใจด้วยค่า ขอให้อ่านกันอย่างสนุกนะคะ ^^
“ทำไมนายไม่ห้ามมัลลิยา” ทวิชถามเสียงเย็น เขาอยากจะฆ่าคนบ้านนี้ให้ตายตกไปให้หมด ความลำเอียงที่นพมัลลีได้รับมันรุนแรง หนักข้อมากขึ้นทุกวัน และร้ายแรงถึงกับจะพรากลูกไปจากอกแม่ของเขา
“ยาน่าสงสาร ถ้ายาเสียหนูมลไป...”
นพยาไม่ทันอธิบายจนจบประโยค ทวิชก็โพล่งขึ้นอย่างเหลืออด “นพมัลลีก็ลูกของนาย เขาเป็นลูกของนาย”
เสียงหรีดหริ่งเรไรดังเซ็งแซ่ในบรรยากาศมืด และเงียบสงัด คนส่วนใหญ่ล้วนหลับกันไปหมด ยกเว้นนพยา และทวิชที่ยังมีเรื่องเครียดเจรจากันไม่หยุด ทวิชคัดค้านหัวชนฝาเรื่องที่มัลลิยาคิดจะพานวมลลิ์จากไป ไม่ให้โอกาสแก่แม่แท้ๆ ของลูกได้ทำหน้าที่ของแม่ เขาอยากจะด่ากราดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่าเลือดเย็นเหลือเกิน
และอดจะตกใจไม่ได้ว่ายี่สิบกว่าปีนี้มา นพมัลลีต้องพบเจอความโหดร้ายอะไรบ้าง ในวันนั้นถ้าเขาตัดสินใจนำนพมัลลีไปเลี้ยงเอง ชีวิตของหญิงสาวคงไม่ผิดรูปผิดรอย ไม่มีเรื่องเจ็บปวดในชีวิตอย่างเช่นทุกวันนี้
“ทุกคนที่นี่รู้ว่านพมัลลีไม่ใช่ลูกฉัน”
“แกเป็นน้องชายของฉันได้ยังไง” ทวิชกำกำปั้นไว้แน่น อยากต่อยปากคนที่อายุไม่น้อยแล้วสักหมัดแรงๆ “แกมันเลวเกินคนไปแล้ว”
“วันนั้นถ้าพี่ไม่พานพมัลลีมาให้บ้านนี้ฝากเลี้ยง พี่คิดเหรอว่าฉันจะรับ หน้าเขาก็คล้ายกันกับพี่ ทุกวันนี้ที่ฉันเห็นหน้าเขา ฉันก็เจ็บปวด”
“แล้วฉันกับนายไม่ได้มีพ่อแม่เดียวกันหรือไงไอ้นพ” ทวิชกระชากคอเสื้อน้องชายมากุมไว้แน่น หน้าตาโกรธจัดจนบิดเบี้ยว “แกไม่เคยยอมรับ ไม่เคยเชื่อใจใคร ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ แม้กระทั่งแฟนพี่ชาย ที่แกบอกว่าหลงรักมานานนม ขนาดแกแต่งงานมีลูกไปแล้ว แกก็ยังนอกใจเมีย มายุ่งกับแฟนฉันอย่างนั้นน่ะเหรอ แกอาจไม่ได้ฆ่าใคร แต่แกทำลายหัวใจ ทำลายความรักของคนที่ฉันรัก แล้วแกยังจะทำลายหัวใจลูกสาวของแกอีก แกมันเลวร้ายยิ่งกว่าฆาตกร”
ทวิชทนอยู่ประเทศไทยได้ไม่นานเพราะมักจะมีความจริงเรื่องที่เขาสูญเสียคนรักไปให้กับน้องชาย ตอนที่เขารู้ว่าลวิณตราท้อง โลกของเขาก็ล่มสลายลงไปทั้งใบ ทั้งที่เขากับลวิณตรากำลังตัดสินใจแต่งงาน และไปใช้ชีวิตที่ออสเตรียด้วยกัน เริ่มต้นชีวิตของศิลปิน แต่ทุกอย่างกลับพังราบคาบ เขาไม่เคยทำให้ร่างกายของลวิณตราด่างพร้อย จึงมั่นใจว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกเขา แต่เขาไม่บอกความจริงนี้ให้ลวิณตรารู้ว่าคนที่เธอนอนด้วยนั้นไม่ใช่เขา
กระทั่งเขาลอบสังเกต เก็บข้อมูล และการพูดหลายๆ อย่างที่นพยาเข้ามาพูดด้วยใบหน้าของผู้ชนะ เขาจึงรู้ และอยากปรี่ไปฆ่าเจ้านพยาคนสารเลวคนนั้น
ลวิณตราเป็นเด็กผู้หญิงข้างบ้านที่เติบโตมาพร้อมพวกเขาสองพี่น้อง เด็กหญิงสดใส ที่ชอบร้องเพลงเป็นบทกลอน มือว่างเป็นจับพู่กันวาดรูป ดวงตาของลวิณตรากลมโตสุกใส และยิ้มได้อยู่เสมอ ในวัยเด็กพวกเขาเล่นกันแบบถึงไหนถึงกัน เตะต่อยลวิณตราก็ไม่ยิ่งหย่อนใคร เห็นจะมีเรื่องงานบ้านงานเรือนที่อาจไม่ใช่ทางของเด็กหญิง โตขึ้นมาเธอก็กลายเป็นเด็กสาวห้าวสุดเซอร์ เด็กสาวที่เริ่มสวยงามพริ้มเพราไม่เคยรู้เลยว่าภายในใจของเพื่อนในวัยเด็กทั้งสองกำลังเปลี่ยนไป และใช้แววตาแปลกใหม่มองเธอ เมื่อลวิณตราโตพอจะรู้ตัว รู้จักความรัก หัวใจของเธอจึงเลือกมอบให้กับเพื่อนคู่คิด ศิลปินคู่กายที่อยู่ข้างกันเสมออย่างทวิช
นพยาถูกปฏิเสธ ด้วยความที่เขาปากแข็ง และใจหนักเกินไป ทระนงตนว่าอย่างไรลวิณตราก็ยังไม่เลือก หลังจากนั้นจึงตัดสินใจไปแต่งงานประชดชีวิต ไม่กี่ปีเมื่อทวิชตัดสินใจที่จะแต่งงานกับลวิณตรา นพยาก็มาพรากลวิณตราไปจากเขา สวมรอยเป็นเขาเข้าหาหญิงสาว และครอบครองเธอ ให้เธอเข้าใจผิด
“พี่ต่างหากมาแย่งลวิณไปจากฉันก่อน การที่ฉันสวมรอยเป็นพี่ได้ นั่นก็เพราะพี่มันชักช้า รู้ไว้ด้วยว่าคืนนั้นลวิณมีความสุขมาก”
“ไอ้นพ!” ทวิชง้างกำปั้นเตรียมปล่อยออกไปปะทะปากนพยา
ก่อนที่จะมีคนวางมวยกันไปมากกว่านี้ คนที่ยืนอยู่ตรงประตูหน้าบ้านก็ทำให้ทวิชยืนตัวแข็ง เขาลดแขนลงจากคอเสื้อนพยา อารมณ์เย็นขึ้นมากแล้ว
“เพราะคืนนั้น นพมัลลีถึงเกิด แกจำไว้ว่าเพราะวันนั้น วันที่แกสวมรอยเป็นฉันเข้าหาลวิณ มันเกิดจากฝีมือของแกทั้งหมด”
ระเบิดลูกนั้นถูกทิ้งกลางลานบ้านอย่างไร้ความเมตตา ทวิชหมดความอดทนกับนพยา ถึงแม้ลวิณตราจะไม่เคยล่วงรู้ความจริงที่ว่าเขาไม่ใช่พ่อของนพมัลลี แต่หลังจากที่เธอคลอดลูกได้ไม่นาน สภาพร่างกายที่ไม่ได้แข็งแรงนักก็ทำให้เธอจากไปทั้งที่นพมัลลีอายุได้ไม่ถึงหนึ่งขวบดี เขาบังคับให้นพยาดูแลลูกต่อ เพราะคิดว่านั่นคือสิ่งที่นพยาต้องรับผิดชอบ และเขาเองก็ยังเจ็บปวดกับความจริงทั้งหมด ถึงจะรักนพมัลลีเหมือนลูกแท้ๆ เพราะเธอเป็นลูกสาวของคนที่เขารักสุดหัวใจ แต่ใจเขาก็ยังปวดหนึบเมื่อรู้ว่าเลือดในกายนพมัลลีไม่มีเลือดของเขาอยู่ ทีแรกนพยาตั้งใจปฏิเสธแต่เมื่อเจอเขาขู่ว่าจะบอกความจริงที่นพยาทำไว้กับลวิณตราให้มะลิรู้ นพยาจึงจำใจต้องรับเลี้ยงนพมัลลีไปอย่างไม่เต็มใจ และให้อยู่ในฐานะลูกสาวอย่างที่ทวิชต้องการ
ถึงวันนี้ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องปกปิดความจริงเหล่านี้อีกแล้ว นพยาสมควรได้รับผลของการกระทำของตัวเองคืนบ้าง
“ที่พี่ทวิชพูดมาจริงหรือเปล่าคะ”
นพยาเพิ่งรู้ตัวว่ามีใครอยู่เบื้องหลังก็ตอนได้ยินเสียง รอยยิ้มของคนคายความจริงเลือนหายลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้เขาเผชิญหน้ากับภรรยา
“มะลิ คือว่า...”
“ตอบมาแค่จริง ไม่จริง ฉันอยากรู้ว่าคุณจะตอบอะไร”
“ไม่จริง” นพยาตะบึงตอบไปสวนทางกับความจริงที่เขารู้อยู่แก่ใจ
ดวงตาคนฟังรวดร้าวเมื่อรู้ว่าท้ายที่สุด คู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมาเกินครึ่งชีวิต ไม่เคยเชื่อใจ และที่น่ากลัวกว่านั้น นพยาอาจไม่เคยรักหล่อนเลย
“ฉันจะหย่า” เสียงที่พูดออกมาแผ่วเบาแต่มั่นคง กระตุกใจคนฟังให้รู้สึกถึงความสูญเสีย มืออยากจะยื่นออกไปรั้งร่างของมะลิไว้ แต่ก็ไม่กล้าเผชิญหน้าความจริง
ที่ผ่านมานพยาไม่เคยเชื่อว่านพมัลลีเป็นลูก ไม่เคยเชื่อเพราะสุดท้ายทวิชก็ยังแต่งงานกับลวิณตรา ตอนที่เขาถูกบังคับให้เลี้ยงนพมัลลี เธอไม่ต่างอะไรจากยาขมปี๋ที่เขากล้ำกลืนต้องทน เขาจึงเทความใส่ใจ และทุกสิ่งอย่างให้มะลิ และมัลลิยา มอบความระแวง ไม่ไว้ใจ ห่างเหิน หมางเมินแก่นพมัลลี จนถึงตอนนี้เขาเริ่มกลัว หากว่านพมัลลีเป็นลูกเขาขึ้นมาจริงๆ
ที่ผ่านมาเท่ากับว่าเขาทำร้ายลูกอย่างนั้นเหรอ ไม่ เขาไม่เคยพลาด นพมัลลีไม่มีทางเป็นลูกเขา ตอนที่รับมาทุกคนในบ้านต่างรู้ว่าเด็กหญิงหนึ่งขวบครึ่งกำพร้าแม่ และเป็นลูกสาวของทวิชกับลวิณตรา หากจะมีคนที่ไม่รู้ก็คือนพมัลลีคนเดียว
นพมัลลีคนเดียวที่โง่...ไม่ใช่เขา นพยายังคงยึดมั่นในความคิดตนเอง
ดิศรู้หลีกด้วยการเลี่ยงไปจัดผลงานศิลปะที่เพิ่งมาใหม่ทางด้านบน เขาหย่อนระเบิดไป แล้วก็เหมือนจะมีระเบิดมาซ้ำนพมัลลีทางโทรศัพท์อีกสาย ทางที่ดีเขาควรอย่าเพิ่งไปยุ่งเลยจะดีกว่า
หญิงสาวเดินไปทรุดตัวนั่งกับพื้น หน้าตาอ่อนระโหย เมื่อตุนท์นั่งอยู่ข้างๆ ไหล่ที่ว่างของเขาจึงเป็นทำเลเหมาะที่เธอจะเอนศีรษะซบลงไป และโชคดีเหลือเกินที่ตุนท์ไม่ได้แสดงออกถึงอาการรังเกียจ
“คุณอยากรู้เรื่องอะไรไหมคะ”
“เรื่องอะไรก็ได้ครับ วันนี้ฝนไม่ตก พรุ่งนี้พระอาทิตย์จะไม่ขึ้น อะไรก็ได้ ผมฟังทั้งนั้น”
คนมีอดีตเหม่อมองกรอบรูปมากมายที่อยู่ล้อมตัวด้วยสายตาว่างเปล่า ไร้สุนทรียภาพ หากไม่มีศิลปะ ชีวิตของเธอคงจมลึกไร้ทางออก
“ฉันท้องตอนเรียนอยู่มอหกค่ะ แต่พ่อของเด็กไม่เคยรู้ว่าเขามีลูก ลูกสาวของฉันก็ไม่รู้ว่าฉันคือแม่ ซับซ้อนดีไหมคะ ตอนนี้พี่สาวฉันที่รับตัวเล็กไปเลี้ยงก็กำลังจะพรากเขาไปจากฉัน ให้ไกลออกไปอีก”
เรื่องมากมายเริ่มพรั่งพรูออกมา นพมัลลีไม่รู้สึกถึงประโยชน์ที่จะเก็บความลับเหล่านั้นไว้อีก อย่างไรตุนท์ก็เริ่มรู้ เธอจะปิดบังเขาไปเพื่ออะไร ตอนนี้เธออยากจะเปิดใจอีกครั้ง เวลาไม่ถึงสิบนาทีความลับของเธอก็ถูกเล่าออกมาจนครบ คนเล่าเรื่องหลับตาลง เธอสัมผัสได้ตั้งแต่ไหล่ตุนท์มีอาการเกร็ง เธอไม่นึกอยากพบใบหน้าของเขาในยามนี้เลย เขาจะโมโห โกรธ หรือรังเกียจเธอ
“พ่อของเด็ก คือเขาที่พวกเราเจอที่สวนสาธารณะใช่ไหมครับ” ตุนท์กัดฟันถาม สมองเรียบเรียงเรื่องราวได้อย่างรวดเร็ว
“ค่ะ แต่ฉันก็โง่เองจริงๆ”
“ไม่เป็นไรนะ ที่ผ่านมาก็ปล่อยไป ผมดีกว่าเขาเยอะ”
นพมัลลีเงยหน้าพรวดขึ้นมาสบตาประกายล้ำของตุนท์ ในดวงตาคู่นี้ทอความรัก ความอบอุ่น ราวกับโอบกอดเธอไว้ได้ ทั้งที่มือของเขาไม่ได้สัมผัสเธอ ความโล่งอกไปเปลาะหนึ่งทำให้เธอน้ำตารื้น ความมั่นใจที่กลัวเขาจะรับไม่ได้หายเป็นปลิดทิ้ง
“คุณไม่รังเกียจฉันเหรอคะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก บุหรี่ เหล้าก็เคยยุ่ง เป็นเด็กมีปัญหา ทะเลาะกับครอบครัวตลอด...”
ตุนท์ยื่นนิ้วแตะกับริมฝีปากฉ่ำ ดวงตาละมุนกว่าเดิม “คุณคิดว่าผมรักคุณที่เปลือกเหรอลี อดีตคุณอาจจะเป็นอย่างที่ว่ามา แต่ลีที่ผมรู้จักในตอนนี้ อยู่ข้างในนี้ เธอเข้มแข็ง และแกร่งมากนะครับ” ชื่อเล่นปราศจากคุณอย่างที่แล้วมาของตุนท์เพื่อเพิ่มย่างก้าวที่ตัวเขาจะเข้าใกล้เธอได้มากขึ้น ปลายนิ้วชี้จิ้มไปยังเหนืออกซ้ายอย่างแผ่วเบา
“คุณน่าจะเจอฉันก่อนหน้านี้นะคะ” นึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้ว นพมัลลีรู้สึกถึงความโหยหาลึกๆ ในใจของตัวเอง เธอต้องการพบคนแบบตุนท์ในชีวิต คนที่พร้อมเข้าใจ...เธอรอเขามาตลอด “คุณจะรักตัวเล็กไหมคะ”
“ผมจะทำมากกว่ารัก” ตุนท์ยื่นหน้ามาใกล้ ให้ลมหายใจของทั้งสองสัมผัสกัน ก่อนที่เขาจะโฉบริมฝีปากลงมาปิดริมฝีปากนุ่ม บดเคล้าเบาๆ แล้วผละจาก ทิ้งรอยอุ่นวาบให้นพมัลลีรู้สึกสั่นไหวไปทั้งหัวใจ
“เราจะเอาเขากลับมา ผมจะช่วยคุณนะลี”
“ขอบคุณค่ะตุนท์ ฉันดีใจที่ได้พบคุณนะคะ”
จมูกปลายรั้นถูกมือหนาบีบอย่างหมั่นเขี้ยว “มีอะไรก็ให้นึกถึงผม ตุนท์ยี่สิบสี่ชั่วโมงยินดีให้บริการนะครับ” ตุนท์หรี่ตาอย่างไม่ไว้ใจ “คุณหายคลื่นไส้เวลาอยู่กับผมแล้วใช่ไหมครับ”
“เรื่องนั้น...” นพมัลลีนึกถึงอีกเรื่องที่เธอเคยโดนวางยาก่อนจะไหวไหล่ เริ่มเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟัง แล้วทำไมทุกครั้งที่เธอเล่าเรื่องของตัวเองจบ เขาต้องเอาปากตัวเองมาปิดปากเธออยู่เรื่อย แล้วก็โอบเธอไว้แนบกาย บางครั้งเขาถึงกับสบถด่าคนในเรื่องที่เธอเล่าอย่างหยาบคาย เป็นมุมมองใหม่ของตุนท์ที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน
นพมัลลีปฏิเสธไมได้เลยว่าความรู้สึกดีอบอุ่นในตอนนี้ถูกใจเธอมากขนาดไหน เขาคือคนที่เข้ามาในช่วงเวลาที่เธอก้าวผ่านเรื่องราวในอดีตมาแล้ว แต่เขาก็ยังยอมรับได้
ตุนท์คือความโชคดีของเธอ
มะลิพินิจใบหน้าของนวมลลิ์ที่มีเค้าหน้าไม่ต่างจากนพมัลลีสมัยที่หญิงสาวอายุเจ็ดขวบด้วยความเจ็บปวดลึกๆ ความจริงที่ได้รับรู้เมื่อคืนนี้กัดกร่อนจิตใจนางจนแม้แต่หลับตาก็ยังหลับได้ไม่ลง
สามีนอกใจ...นางเชื่อว่าไม่มีใครอยากจะมี แต่นพยาไม่เพียงแค่นอกใจ ยังหลอกลวงลวิณตรา ทำร้ายจิตใจทวิช และหลอกภรรยาหน้าโง่ของเขามาได้นานนมขนาดนี้ มะลิคิดอย่างขมขื่น ถึงจะรู้ว่านวมลลิ์ไม่ได้ผิดอะไร แต่นางก็มองหน้าหลานอย่างเต็มตา และเปี่ยมรักอย่างที่เคยเป็นไม่ได้อีก
“แม่จะไปด้วยแน่ใช่ไหมคะ ยาดีใจมากค่ะที่แม่จะไปช่วยดูหนูมลช่วงที่พวกเรายุ่งๆ กับการปรับตัวที่โน่น” มัลลิยาถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมเพื่อไปนอนค้างที่กรุงเทพฯ สามคืนลงมาจากชั้นบน หน้าตาอิ่มเอิบที่รู้ว่าอีกไม่นานนี้เธอไม่ต้องหวั่นเกรงกับการคุกคามจะเอาลูกคืนของนพมัลลีอีก
“ไปหาน้าลีด้วยนะคะ” นวมลลิ์ทำลายบรรยากาศอันดีที่ผู้เป็นแม่รู้สึกให้พังไปชั่วพริบตา ร่างเล็กยังยิ้มแย้มไม่รู้สึกรู้สาบนเก้าอี้หน้าโต๊ะอาหาร
“แม่บอกแล้วไงว่าเราไม่ได้ไปหาน้าลีของหนูมล”
“ตาทวิชบอกว่าไปได้นี่คะ” นวมลลิ์เริ่มสนิทกับทวิชมากขึ้น ลุงแก่ๆ ที่บังคับให้เธอเรียกเขาว่าตา หลายครั้งที่ทวิชได้ยินเธอเรียกว่าตาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ขออะไรเขาก็จะให้เสมอ
มัลลิยาชักสีหน้าไม่พอใจใส่ทวิชที่นั่งเปิดหนังสือพิมพ์อ่านอยู่ตรงข้ามอย่างไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ที่จริงเขาใช้หนังสือพิมพ์ปิดหน้าเพื่อพรางรอยยิ้มสะใจที่เห็นคนแย่งลูกคนอื่นหน้าเปลี่ยนสี
“ลุงอย่ามาจุ้นจ้านเรื่องนี้มากได้ไหม”
“แล้วเธอเคารพสิทธิ์ในตัวเล็กมากแค่ไหน” ทวิชลดหนังสือพิมพ์ลง ถามเสียงเย็นกับมัลลิยา สายตาใสซื่อของนวมลลิ์ที่มองผู้ใหญ่คนโน้นทีคนนี้ทีอย่างอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาลดท่าทีไม่เป็นมิตรลง หันไปทำหน้ายิ้มตลกใส่นวมลลิ์ แต่คงจะเป็นตลกร้ายสำหรับมัลลิยา
“เดี๋ยวตาพาไปหาน้าลี ตัวเล็กต้องห้ามดื้อนะ”
“สัญญาค่ะ”
“เกิดเป็นคนต้องรักษาสัญญานะตัวเล็ก” ทวิชย้ำอีกครั้ง เพื่อเป็นการสาดน้ำกรดราดใจผู้ร่วมโต๊ะคนอื่นอย่างไม่ปรานีอีกต่อไป
คนพวกนี้ทำร้ายนพมัลลีมามากเกินพอแล้ว
มัลลิยาถลึงตาจ้องทวิชอย่างไม่พอใจ ความเคารพที่มีน้อยนิดไม่มีเหลือ เธอรู้จากมารดาแค่ว่าทวิชนำนพมัลลีมาให้บ้านเธอเลี้ยง โดยขอให้คนบ้านนี้เลี้ยงดูเขาเป็นลูก เป็นน้องสาวจริงๆ แต่เธอจะมองนพมัลลีเป็นน้องแท้ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ใช่ แต่ก็จำต้องรักษาสัญญากับพ่อไว้เรื่องไม่แพร่งพรายความจริงนี้
และเพราะความจริงนี้ที่เธอรู้ ทวิชจึงเป็นตาแท้ๆ ของนวมลลิ์ คนอย่างทวิชต้องหาทางมาชิงหลานกลับคืนไปให้ลูกตัวเองแน่ ใครจะยอม!
เธอต้องกำจัดเขาออกไปให้ได้ มัลลิยาซุกซ่อนความคิดชั่วร้ายของตัวเองด้วยใบหน้าราบเรียบไร้อารมณ์
นวมลลิ์จะมาพักอยู่ในกรุงเทพฯ สามวัน นพมัลลีไม่ได้รู้สึกดีใจเท่าไหร่ที่จะพบนวมลลิ์ ด้วยเหตุผลอย่างมัลลิยาจะพานวมลลิ์มาทำวีซ่า แล้วหอบหิ้วลูกของเธอหนีไป
ตั้งแต่ผ่านเรื่องเมื่อวานมา นพมัลลีมีความคิดอย่างเดียวอยู่ในหัวคือเธอจะต้องนำลูกกลับมาอยู่ขางกายให้ได้ โดยไม่ใส่ใจต่อคำขอร้องใดๆ อีก เพราะพวกเขาผิดสัญญากับเธอก่อน
นพมัลลีตื่นเต้นจนยืนไม่ติดที่ ตุนท์เป็นฝ่ายคว้ามือของเธอไปกุมไว้ ถ่ายทอดกำลังใจออกมาเพื่อให้เธอใจเย็นขึ้น
“มือเย็นเฉียบเลยนะครับ”
“ตั้งหลายเดือนที่ฉันไม่เจอตัวเล็กนะคะ”
ที่จริงตุนท์เองก็ตื่นเต้นไม่น้อย เขาอยากรู้ว่าลูกสาวของนพมัลลีจะน่ารักเหมือนกับแม่ของเขาหรือเปล่า หรือจะซุกซนแตกต่างจากนพมัลลีออกไป
ร่างของคนสามคนที่เดินออกมาจากล็อบบี้โรงแรมจุดประกายตาตื่นเต้นของนพมัลลี หญิงสาวพุ่งตรงไปอย่างพุ่งหลาว แล้วหยุดนิ่งยังร่างเล็กที่พุ่งมากอดอย่างรู้จังหวะที่พอดีต่อกัน
“น้าลี หนูมลคิดถึงน้าลีจังเลยค่ะ”
มัลลิยากวาดตามองรอบๆ ว่าใครกันที่แพร่งพรายที่อยู่ที่นี่ เธออุตส่าห์หลอกทวิชให้คิดไปว่าเธอพักอยู่ที่โรงแรมอื่นไปแล้วแท้ๆ โดยไม่ทันสังเกตว่ามะลิเงียบขรึมกว่าปกติ มือสอดไว้ในกระเป๋าถือ ในมือถือนั้นมีข้อความหนึ่งที่นางกดพิมพ์ส่งออกไปให้นพมัลลีเองกับมือ
‘พวกเราพักอยู่ที่โรงแรม... มาหาแม่หน่อยนะลี’
…………………………………..
คุณ ร้อยวจี ตอนนี้ไม่เศร้าเท่าตอนที่แล้ว (มั้ง) นะคะ สามารถมารับผ้าเช็ดหน้าได้ค่ะ เตรียมไว้เยอะ ฮา
คุณ kaelek เรื่องในอดีตแทบจะหมดแล้วนะคะ ตอนนี้จะเป็นไลน์ปัจจุบัน จะพยายามแทรกหวานๆ มาให้นะคะ อิอิ
คุณ konhin พ่อแม่แบบนพยากับมะลิไงคะ >_< บทนี้เฉลยปมพ่อแม่ไปแล้ว ต้องรอดูผลหลังจากนี้ค่ะ
คุณ violette ขอบคุณที่ตามอ่านจนถึงตอนปัจจุบันนะคะ ตอนนี้เฉลยปมตัวละครเพิ่มไปแล้ว รอดูว่าตัวเล็กจะเป็นยังไงนะคะ
คุณ OhLaLa คดีพลิกเล็กน้อยถึงปานกลางค่ะ ฮา สรุปเรื่องนี้ตัวละครแต่ละตัวมีความเข้าใจที่ไม่เหมือนกันเลยสักตัวละคร ตรงความเข้าใจตรงนั้นทำให้ตัวละครแสดงออกมาอย่างนั้นน่ะค่ะ
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ ช่วงนี้หย่อนระเบิดลงทุกตอน จากนี้เรื่องจะค่อยๆ คลายลง (เหรอ) ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มากดถูกใจด้วยค่า ขอให้อ่านกันอย่างสนุกนะคะ ^^
ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 มี.ค. 2558, 09:04:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 มี.ค. 2558, 09:04:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 1524
<< บทที่ 12 : พราก | บทที่ 14 : นวมลลิ์ >> |
ร้อยวจี 6 มี.ค. 2558, 09:55:22 น.
ไม่เศร้าเท่าตอนที่แล้ว แต่เริ่มกลัวว่ามัลลิยาจะทำอะไรทวิช หวังว่าคงไม่ถึงกับเลทอยดตกยางออกนะคะ สงสารนวมลล์ แค่นี้ก็เกินรับแล้ว
ไม่เศร้าเท่าตอนที่แล้ว แต่เริ่มกลัวว่ามัลลิยาจะทำอะไรทวิช หวังว่าคงไม่ถึงกับเลทอยดตกยางออกนะคะ สงสารนวมลล์ แค่นี้ก็เกินรับแล้ว
konhin 6 มี.ค. 2558, 11:59:42 น.
อ๊าก เชื่อเลย กล้าเขียนมาก คือไม่นึกไม่ฝันว่าจะผูกปมไว้ลึกขนาดนี้
ทั้งบ้านเลย
พ่อก็ เ ี้ย แบบ ด่าว่าชั่วยังน้อยไป
ลูกคนโตก็ ถอดแบบกันมาเด๊ะๆ
มัลลิยาโรคจิตเกินไปแล้ว
อ๊าก เชื่อเลย กล้าเขียนมาก คือไม่นึกไม่ฝันว่าจะผูกปมไว้ลึกขนาดนี้
ทั้งบ้านเลย
พ่อก็ เ ี้ย แบบ ด่าว่าชั่วยังน้อยไป
ลูกคนโตก็ ถอดแบบกันมาเด๊ะๆ
มัลลิยาโรคจิตเกินไปแล้ว
ร้อยวจี 6 มี.ค. 2558, 12:17:37 น.
สงสารนพมัลลี คิดว่ามะลิคงเริ่มสำนึกได้
สงสารนพมัลลี คิดว่ามะลิคงเริ่มสำนึกได้
กาซะลองพลัดถิ่น 6 มี.ค. 2558, 15:25:01 น.
สุดยอดคะไรเตอร์..... เรื่องผูกปมกันไปมา เลวที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องของน้องชายทำเลวกับพี่ชายของตัวเองได้
ผลกรรมไปตกที่เด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย .....ชีวิตจริงบนโลกใบนี้เลย
สุดยอดคะไรเตอร์..... เรื่องผูกปมกันไปมา เลวที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องของน้องชายทำเลวกับพี่ชายของตัวเองได้
ผลกรรมไปตกที่เด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย .....ชีวิตจริงบนโลกใบนี้เลย
kaelek 6 มี.ค. 2558, 20:42:05 น.
ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีสินะครูลี ว่าแต่ ..ตุนท์ 24 ชั่วโมงนี่เปิดแถวไหนหนอออ ..จะไปใช้บริการ
ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีสินะครูลี ว่าแต่ ..ตุนท์ 24 ชั่วโมงนี่เปิดแถวไหนหนอออ ..จะไปใช้บริการ
OhLaLa 6 มี.ค. 2558, 21:17:28 น.
เยี่ยมค่ะ เรื่องมันซับซ้อนปมซ้อนปม ลีเลยเป็นคนรับผลจากการกระทำของผู้ใหญ่ทั้งหมดเลยค่ะ นพยานี่ไม่เหมาะจะเป็นสามีและพ่อใครๆ เลย ตรรกะความคิดผิดเพี้ยน หลงรักตุนท์ คนนี้น่ารักตลอดค่ะ
เยี่ยมค่ะ เรื่องมันซับซ้อนปมซ้อนปม ลีเลยเป็นคนรับผลจากการกระทำของผู้ใหญ่ทั้งหมดเลยค่ะ นพยานี่ไม่เหมาะจะเป็นสามีและพ่อใครๆ เลย ตรรกะความคิดผิดเพี้ยน หลงรักตุนท์ คนนี้น่ารักตลอดค่ะ