บทเรียน (รัก) นอกตำรา
นพมัลลี นักศึกษาฝึกสอนที่จบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน

นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก

แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้

มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่

Tags: นพมัลลี ตุนท์ คมิก พิชญ์ปรีชา

ตอน: บทที่ 15 : อ่อย

บทที่ 15

กลางคืนฟ้ามืดสนิท กลิ่นควันจางลอยมาพร้อมเสียงไอโขลกของคนที่ใช้บุหรี่แบบใหม่ที่เธอส่งไปให้ นพมัลลีไม่มีเวลามาพินิจเรื่องที่มารดาโยนใส่หน้าเธอว่าจริงแท้แค่ไหน คนในบ้านนี้ และบ้านติดกันก็ลุกมาทำโน่นนี่ให้ได้ไม่ขาด เริ่มแรกจากการที่ตุนท์และนิลุบลลงครัว จัดอาหารชุดใหญ่ จานโปรดที่เธอจะชอบ คมิกที่วันๆ ไม่ค่อยชอบทำอะไรนักก็ลุกมาชวนเธอวิ่งออกกำลังกาย ชวนคุยสัพเพเหระซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการตะล่อมถามเรื่องของเธอเสียมากกว่า เมื่อเดินจวนจะถึงบ้าน นพมัลลีก็เห็นเด็กหนุ่มหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบด้วยความเคยชิน ก่อนจะไอโขลก หน้าตาย่ำแย่ไม่น้อยในตอนนี้

“ครู นี่มันอะไร”

“บุหรี่ไง”

“ผมรู้ว่าครูรู้ ครูใส่อะไรในนี้” คมิกยกมือป้องปากไอ โยนมวนบุหรี่ทิ้งพื้น ใช้เท้าขยี้อย่างไม่สบอารมณ์

“เอามันไปทิ้งในถังขยะด้วย จิตสำนึกของคนต้องเริ่มปลูกที่ตัวเรานะนักเรียน”

ระยะเวลาหลายเดือนที่อยู่ที่นี่ เธอเจอความกวนประสาท รบกับครูบางท่าน ไหนจะสายตาไม่เป็นมิตรจากท่านผู้อำนวยการมาก็ไม่น้อย แต่น่าแปลกที่เมื่อถึงวันใกล้จะเป็นวันสุดท้ายที่เธออยู่ในโรงเรียนนี้ เธอกลับรู้สึกอาลัย ยังไม่อยากจะจากไป ในสายตาของเธอพวกนักเรียนแสบห้องห้าไม่ต่างจากเพื่อน หรือน้องชาย น้องสาวที่เธอต้องมาคอยหาวิธีขัดเกลา

อย่างการเห็นคมิกทำหน้าคว่ำ ก้มลงหยิบเศษบุหรี่ที่ตัวเองสูบไปทิ้งลงถังอย่างว่าง่ายก็ค่อนข้างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีมากแล้ว เมื่อคิดเปรียบกับเมื่อวันแรกที่เธอเคยคุยกับเขาบนดาดฟ้าของโรงเรียน

วันนั้นเด็กหนุ่มไม่สนใจกฎระเบียบใดๆ ทั้งสิ้น

“ลูกครูอายุเท่าไหร่เหรอครับ”

คำถามที่โพล่งขึ้นมาในความเงียบทำนพมัลลีเกือบสะดุดเท้าตัวเองหน้าทิ่ม หญิงสาวมั่นใจว่าเรื่องเธอมีลูกจะมีแค่คนในครอบครัว ตุนท์ และวากูรเท่านั้นที่รู้ แล้วคมิกรู้ได้อย่างไร

คมิกหัวเราะหึ เขาอ่านสายตาของคุณครูออกว่ากำลังงงสุดชีวิต

“เรียบเรียงเอาจากเรื่องเล่าความลับของท้องฟ้าที่ครูเคยเล่า ปะติดปะต่อกับเรื่องของนิลุบล แล้วก็นยฎา สองเรื่องนี้ครูจะมีปฏิกิริยาที่ค่อนข้างรุนแรง ผมคิดว่าถ้าครูไม่เคยเจอมาก่อนกับตัว ก็ต้องมีปมในใจในครอบครัว”

“เก่งขนาดนี้น่าจะไปเป็นจิตแพทย์นะ” นพมัลลียิ้มยอมรับในความสามารถของคมิก เด็กชายเองก็มีปมในใจ เขาเรียนเก่ง แต่ติดลบมนุษยสัมพันธ์ยิ่งยวด คมิกไม่ต่างอะไรจากกระจกสะท้อนเงาของเธอ แต่คมิกโชคดีกว่าเธอหน่อยตรงที่เขาไม่มีช่วงเวลาโง่เง่าที่ไปเฉียดกรายในเรื่องความรักความหลง

“ปีนี้เจ็ดขวบ”

ทั้งสองเดินเข้ามาถึงเขตของบ้าน โต๊ะสี่ที่นั่งจัดเตรียมระหว่างหน้าบ้านพักสองหลัง กลิ่นอาหารลอยยั่วน้ำลายตั้งแต่เธอยังเดินมาไม่ถึงเงาบ้าน

“ผมจองลูกครูได้ไหม รอให้โตก่อน” คมิกพูดทีเล่นทีจริง “ยังไงครูก็คงไม่มองผม สู้ผมไปจองลูกครูเลยไม่ดีกว่าเหรอ คงจะโตขึ้นมาน่ารัก ว่านอนสอนง่าย”

“คิดอะไรเกินวัยไปไหมนายคมิก เธอควรตั้งใจเรียน” นพมัลลีอยากจะบอกเพิ่มว่าเธอยังไม่ได้มีสิทธิ์ในตัวลูกสาว จะไปเจรจาอะไรในเรื่องทำนองนี้ได้ ถึงเธอจะมั่นใจว่านวมลลิ์จะเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กดีน่ารักก็ตาม

“ผมอุตส่าห์อ่อยครู”

“อ่อย?” นพมัลลีหัวเราะลั่น นานทีคมิกจะพูดอะไรที่ตรงข้ามกับความเป็นตัวเอง อย่างการพูดหน้าตายไร้อารมณ์ร่วม แต่ปากกลับสื่ออีกทาง

“ไปอ่อยหมาแมวนกกาปลากระเบนก่อนนะครับคุณคมิก” ตุนท์เท้าสะเอว เอาร่างมายืนหน้านพมัลลี บดบังสายตาเด็กช่างอ่อยจากคนที่เด็กหนุ่มบอกว่า ‘อ่อย’ พวกเขารู้ว่าคมิกก็แค่ไม่อยากให้นพมัลลีจมอยู่กับตัวเอง หลังกลับมาถึงเขาจะร่วมมือกับเด็กสองคนนี้ช่วยกันทำให้นพมัลลีเครียดน้อยที่สุด อาหาร เดินวิ่งสูดอากาศรับลมเย็น คุยกันผ่อนคลาย แต่ไม่รู้ว่ามันจะปัดเป่าอารมณ์หมองเศร้าของนพมัลลีไปได้มากน้อยแค่ไหน

“ครูจะให้ผมสูบบุหรี่สอดไส้บอระเพ็ดแน่เหรอ” คมิกชูซองบุหรี่ที่มีลายการ์ตูนผู้หญิงผมยาวหน้าตาจิ้มลิ้ม กับสัตว์น้อยใหญ่ ภายในซองบรรจุยาเส้นชนิดทำเองที่เขารู้ฤทธิ์แล้วว่ามันขมถึงทรวงแค่ไหน

“เธอจะเลิกบุหรี่นะ เธออยากสูบก็เอามันขึ้นมาสูบ เธอจะได้จดจำรสชาติของมันได้ ว่ามันขมแค่ไหน”

คมิกเบ้หน้า หยิบหมากฝรั่งขึ้นมาเคี้ยวล้างปาก เดินไป ลอยหน้าลอยตาพูดไปเรื่อย “ผมอ่อยครูสู้ครูตุนท์ไม่ได้หรอก ครูตุนท์อ่อยระดับตัวพ่อเลย”

ก่อนที่ตุนท์จะวิ่งไล่เตะก้นคมิก นพมัลลีรีบรั้งแขนเสื้อตุนท์ไว้ได้ทัน ทั้งที่ร่างสั่นเทิ้มจากการกลั้นขำ ปากบูดบึ้งของตุนท์ มีสายตาอ่อนโยนจดจ้องมองมาอย่างพอใจ นพมัลลีไม่รู้ว่าดาวบนฟ้า กับประกายตาของตุนท์อะไรที่กำลังส่องแสงสว่างกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ แสงในดวงตาของตุนท์โยกคลอนจิตใจของเธอได้มากกว่าทุกสรรพสิ่ง เพียงแค่เขาจ้องมา เธอก็รู้สึกวางไม้วางมือไม่ถูก ได้แต่ปล่อยมือออกจากแขนเสื้อเขามาเก็บมือไพล่หลังไว้

“คมิกเขาชมคุณนะคะ”

“เท่ากับผมต้องยอมรับว่าอ่อยคุณนะ”

“หรือไม่จริง คุณน่ะอ่อยฉันตั้งแต่วันแรกเลย ทำมาเป็นคุยด้วย แต่ดวงตาคุณบอกว่าสนใจฉัน สอดส่องฉันตลอด ตามกันอย่างกับเงาที่สอง”

แทนจะโกรธ ตุนท์กลับยิ้มรับหน้าบาน แปลว่าที่ผ่านมาถึงนพมัลลีจะเคยสังเกตอย่างรำคาญในพฤติกรรมเขา แต่นั่นก็แปลว่าเขาเองก็อยู่ในสายตาของเธอมาตลอด

“อันนั้นเขาเรียกจีบ เรียกว่าสนใจ ไม่ใช่อ่อยนะครับ”

“ต่างกันตรงไหน”

“ก็...” ตุนท์ยื่นหน้ามาใกล้ ลมหายใจรินรดผิวแก้มของนพมัลลีให้ปั่นป่วน แต่ไม่บุ่มบ่ามเข้ามาสัมผัสทั้งที่ห่างเพียงลมหายใจถึงกัน รอยยิ้มดูดีกระชากใจคนมองให้เต้นจังหวะเร็ว จนต้องหลับตา และก่อนที่ตุนท์จะอดใจไม่ไหวต่อภาพเย้ายวนน่ามองยิ่งกว่าภาพศิลปะไหนๆ ตรงหน้านี้ เสียงกระแอมไออย่างเสลดติดคอราวกับจะอาเจียนออกมาทำให้ทั้งสองได้สติ และหันหลังไปมอง

“ลุง!”

“ลุงเอง ลุงไม่ได้มาขัดอะไรใช่ไหม” ทวิชเหลือบมองหน้าตุนท์ที่กำลังยิ้มปะแล่มส่งมาให้เขาอย่างไม่ชอบขี้หน้าเท่าไหร่

หน็อย มาทำเหมือนนพมัลลีไม่มีพ่อมีแม่มีลุงไปได้ ทวิชเลือกไม่ด่าออกไปให้เสียบรรยากาศ เขาแบกเป้ใบหนึ่งมาวางตรงหน้าตุนท์ ใช้สายตาสั่งกรายๆ

“มีบ้านว่างไหมไอ้ลูกชายเจ้าของโรงเรียน”

นพมัลลีอ้าปากค้างกับการจู่โจมของทวิช เธออยากไกล่เกลี่ยสถานการณ์อึดอัดนี้ กลัวใจของตุนท์จะถือสาหาความกับทวิช แต่ยังดีที่ใบหน้าของตุนท์ยังประดับยิ้มแย้มได้อย่างลื่นไหล ไม่ขาดจังหวะด้วยคำว่า ‘ไอ้ลูกชายเจ้าของโรงเรียน’ แต่อย่างใด

“ได้ครับคุณลุง มาที่บ้านพักของผมได้เลยครับ ผมจะยกห้องใหญ่ให้คุณลุงนอนนะครับ”

ท่าทีสุภาพนอบน้อมเกินเหตุของตุนท์ แม้เขาจะถือกระเป๋าสัมภาระของทวิช แต่ก็เดินขนาบข้างเจ้าของกระเป๋า ค้อมตัวเล็กน้อยบอกกล่าวอธิบายรายละเอียดที่พัก ให้คนที่กร้าวใส่ก่อนหน้าหน้าม้านด้วยไม่คิดว่านอกจากจะยั่วไม่ขึ้น ความสุภาพของไอ้หนุ่มดร.จะทำให้เขาละอายใจที่ไปแสดงออกรุนแรงอย่างนั้น

คล้อยหลังทวิชเข้าบ้าน และนิลุบลจัดการเพิ่มจานข้าวอีกหนึ่งที่ ตุนท์ก็หันมากระซิบกระซาบด้วยใบหน้าอารมณ์ดี แต่ก็น่าหมั่นไส้ขึ้นมาครามครัน

“อย่างผม อ่อย จีบ รุกเป็น แล้วยังฉลาดเข้าหาคนนะครับ”

เสียงขากถุยดังมาจากกรอบประตู ตุนท์รีบถอยห่างนพมัลลีตามการกระแอมไอที่หยุดลงเมื่อพอใจในจุดที่ห่างสามก้าวของหนุ่มสาว ทวิชส่งเสียงหึ เขายังจำได้ว่าหมอนี่ทำให้นพมัลลีน้อยอกน้อยใจไม่น้อยตอนรู้ความจริงเรื่องเป็นลูกชายเจ้าของโรงเรียน เวลาผ่านไปไม่เท่าไหร่ไม่รู้ทำไมถึงมีความหวานมารายล้อมคนคู่นี้ไปได้ก็ไม่รู้

ทวิชแสร้งแสดงออกถึงความไม่พอใจ ทั้งที่ในใจกำลังพอใจลึกๆ กับการเห็นนพมัลลีเปิดใจให้ใคร เขาอยากชดเชยที่ในวันนั้นตัดสินใจหนีไปใช้ชีวิตคนเดียวที่ต่างประเทศ และทิ้งนพมัลลีในวัยแบเบาะให้กับครอบครัวใจร้ายนั้น เขาหวังคิดว่าน้องชายจะมีความเป็นคนมากกว่านี้ ไม่คาดว่าตัวเองจะคิดพลาดไป ไหนจะลูกสาวที่กำเนิดมาก่อนนพมัลลี ที่คอยแต่จะแย่งยื้อเด็กที่ไม่ใช่ลูกตัวไปจากอกแม่ตลอดเวลาโดยไม่เลือกมองเห็นในความละอาย

“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันนะ” ทวิชมาที่นี่ก็เพราะมีเป้าหมาย

“แต่ว่า...” นพมัลลีไม่อยากเสียโอกาสที่จะได้อยู่กับนวมลลิ์ไปอีก

“ตัวเล็กก็จะไปด้วย และลุงเชื่อว่าตัวเล็กจะไปได้”

นพมัลลีนั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะอาหารในตำแหน่งข้างทวิช สีหน้าลังเลไม่มั่นใจ ความฝันของเธอคือการได้ออกท่องเที่ยวกับนวมลลิ์ แต่ที่ผ่านมาเธอมักถูกกีดกันจากมัลลิยาเสมอ

“มะลิบอกว่าจะช่วย พรุ่งนี้เราไปรับนวมลลิ์ไปเที่ยวกัน ไปเช้าเย็นกลับ วันจันทร์ลีก็กลับมาสอนได้หายห่วง”

ชื่อของมะลิสร้างรอยร้าวในดวงตาของนพมัลลี เธอบังคับให้ตัวเองนึกถึงมารดาให้น้อยที่สุด แต่ทุกครั้งที่เผลอนึกถึง สิ่งที่แม่พูดตอกหน้าบอกว่าเธอไม่ใช่ลูกของท่านเจ็บลึกยิ่งกว่าสิ่งใด ถึงเธอจะคิดว่าครอบครัวนี้ไม่ใช่ครอบครัวในฝันที่สวยงาม แต่ก็ไม่คิดว่าเยื่อใยที่มีต่อกันจะเบาบางขนาดแท้จริงเป็นเพียงภาพลวงตา เยื่อใยเหล่านั้นไม่เคยมีมาแต่ต้น เป็นเธอที่ไม่เคยรู้อะไรมาก่อน

ความจริงเหล่านั้นทำให้เธอกลัว หากเธอไม่ใช่ลูกสาวของแม่มะลิ แล้วเธอจะเป็นลูกใครได้อีก จะเป็นแม่ที่ไม่ต้องการเธอยิ่งกว่ามะลิหรือเปล่า

“เป็นอะไรหรือเปล่าลี” ทวิชถามอย่างไม่มั่นใจ จู่ๆ หลานสาวที่คุยกันดีๆ ก็เหม่อลอยไป

หญิงสาวกะพริบตาปรับเรียกสติที่ลอยหายกลับคืน เธอปั้นยิ้มให้เป็นธรรมชาติที่สุดเพื่อให้ทวิชเบาใจ “กำลังคิดว่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันดีค่ะลุง ฉันไม่ได้เที่ยวมานานแล้ว”

“ไปด้วยนะครู” คมิกควงช้อนบนมือเล่น หน้าตายียวนซ่อนรอยพยศร้ายของเด็กหนุ่มที่มีปมไว้ เขาเองก็อยากไปเปิดหูเปิดตาเหมือนกัน

“ได้สิ แต่อย่าไปอ่อยลูกสาวครูนะ เธอก็ไปด้วยกันนะบล” นพมัลลีพูดด้วยรอยยิ้มพราย ที่พูดแซวคมิกไปก็แค่ล้อเล่นไม่จริงจัง

นิลุบลทำจานกระเบื้องหลุดมือหล่นเพล้ง ตาแทบถลน ทวิชเองก็ร้องเสียงหลง ไม่คิดว่านพมัลลีจะประกาศเรื่องสำคัญออกมาต่อหน้าคนแปลกหน้าเหล่านี้ได้อย่างปกติ เห็นจะมีแค่ตุนท์ที่เดินมานั่งข้างนพมัลลี และหันไปชี้หน้าคมิก สั่งไม่ต่างจากพ่อหวงลูกสาว

“อย่าอ่อยตัวเล็ก”

ทวิชลอบเบะปาก เขาไม่รู้ว่าตุนท์เคยเจอนวมลลิ์ไปกี่ครั้ง แต่กันตีขรมผสมตัวเองเข้าเป็นหนึ่งในครอบครัวกับนพมัลลีออกจะ...ขี้ตู่จริงๆ



สุดท้ายหนึ่งครูหนุ่ม หนึ่งลูกศิษย์ก็ต้องออกมากางผ้านอนกันตรงห้องโถงกลางบ้าน และยกห้องนอนให้กับทวิชไปครอบครอง ในความมืดมิดที่มีเพียงแสงจากดวงดาวบนท้องฟ้าระยิบให้เห็น พวกเขาต่างก็จมอยู่ในความมืด ตุนท์ใช้แขนหนุนศีรษะ ขาเหยียดยาวจนชนขาเก้าอี้ แต่ไม่ได้นำพาจะเปลี่ยนมาขดร่างหดขาให้สั้นลง เขาครุ่นคิดถึงปัญหาที่นพมัลลีกำลังเจอจึงไม่ได้สนใจรอบกาย

คมิกผุดลุกอย่างเงียบเชียบ ด้วยสายตาที่ชินในความมืด และพอจดจำตำแหน่งข้าวของในบ้านได้เดินกลับมานั่งยังผ้าปูผืนบาง หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางบนหมอนขึ้นมากดให้แสงสว่าง และแสงนั้นก็ได้เรียกความสนใจของตุนท์เช่นกัน

ครูหนุ่มพลิกกายมาตามแสง และการเคลื่อนไหวอันสงบของคมิก เขาพบว่ามือข้างหนึ่งของคมิกจับวัตถุสี่เหลี่ยมที่พับเปิดปิดได้ เขาจ้องจนมั่นใจว่าของในมือคมิกคือกระเป๋าเงิน แต่ไม่ใช่ของเขา ตุนท์ล้วงมือเข้าไปใต้หมอนเพื่อพบว่ากระเป๋าเงินของเขายังอยู่ดี

แล้วกระเป๋าเงินใบนั้นของใคร?

ปากของตุนท์ยังไม่ทันอ้าถาม คมิกที่นิ่งงันจากการยกกระเป๋าเงินที่เปิดแสดงบัตรขึ้นทาบหน้า ใช้ไฟจากอีกมือส่องสว่าง เมื่อมองจนพอใจคมิกจึงส่งของในมือมาให้ครูที่ผุดลุกขึ้นมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“นี่ของใคร เธอขโมยมาเหรอ”

“ผมก็ชอบอยากรู้อยากเห็นตามประสาล่ะครู” คมิกไหวไหล่ไม่จริงจัง เขาอยากรู้เรื่องนพมัลลีที่มีเบื้องลึกเบื้องหลังดู ก็เลยเลือกจากญาติของนพมัลลี เด็กหนุ่มแอบย่องไปหยิบกระเป๋าเงินมาเปิดดูของด้านในอย่างง่ายดาย ฝีเท้าที่หนีหลังจากแอบรวบรวมเก็บหลักฐานสีเทาของพ่ออยู่บ่อยครั้ง จึงไม่ทำให้คนในบ้านสังเกต หรือตื่นขึ้นมาจับได้

ตุนท์เปิดกระเป๋า และส่องไฟด้วยโทรศัพท์อย่างที่คมิกทำ ภาพในช่องกรอบรูปด้านซ้ายมีรูปขนาดเล็กสองใบวางซ้อนทับกันอยู่ ถึงสองภาพจะมีองค์ประกอบภาพที่คล้ายกันอย่างคนสามคน ที่มีผู้ชายที่เป็นทวิชซึ่งเขาจดจำหน้าได้ดี ในรูปด้านขวาคือรูปของนพมัลลีที่อุ้มเด็กน้อย ซึ่งน่าจะเป็นนวมลลิ์ รูปด้านซ้ายคือภาพเด็กน้อยในอ้อมกอดผู้หญิงแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก ความสวยเย็นตา รอยยิ้มอบอุ่น ใบหน้าพริ้มเพราที่มีเสน่ห์มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อนี้ทำให้เขาคิดถึงนพมัลลี แต่คนในภาพไม่ใช่นพมัลลี หากให้เขาคาดเดานพมัลลีคือเด็กหญิงตัวน้อยในรูปด้านซ้าย

และคนที่อุ้มอยู่ ก็คือประเด็นที่มะลิพูดขึ้นมาในวันนี้ มะลิไม่ใช่แม่ แต่หากเป็นคนอื่น ซึ่งเขาก็วางผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ไว้ในตำแหน่งผู้น่าสงสัยไว้หนึ่ง ตุนท์หยิบรูปเก่าใบนี้ออกมาสำรวจอย่างถี่ถ้วน เพียงแค่พลิกรูปไปด้านหลังก็ต้องฉงนอีกรอบกับรายมือที่เขียนระบุไว้

‘พ่อ แม่ ลูก : ทวิช ลวิณตรา นพมัลลี’

“เรื่องนี้มีเงื่อนงำนะครับ” คมิกยื่นหน้ามามองอย่างสงสัย อ่านข้อความในกระดาษครบถ้วน มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้มอย่างสนุกสนาน

“อย่าบอกเรื่องนี้กับครูลี จนกว่าเราจะรู้ว่าเรื่องมันจริงแท้แค่ไหน”

“เชอร์ล็อค โฮล์มส์ กับหมอวัตสัน ออกทำงาน”

ตุนท์เก็บรูปเข้ากระเป๋า ทั้งที่ใจจริงอยากนึกเก็บรูปภาพทั้งสองรูปนี้ไว้กับตัว แต่เขายังไม่อยากให้ทวิชรู้ตัวเร็วจนเขาไม่ทันสืบเสาะหาอะไรก่อน

หลังจากให้คมิกนำกระเป๋าเงินของทวิชไปคืนที่ หัวเขาหนุนหมอนเตรียมนอน ในใจเขาก็ยังรู้สึกหนักอึ้งแทนสิ่งที่นพมัลลีพบเจอมา บางครั้งเขาก็อยากปกปิดปัญหาทุกเรื่องของหญิงสาวแล้วรวมใส่กล่องแพนโดราทิ้งลงในก้นบึ้งของมหาสมุทร ไม่ให้ความลับในอดีตเหล่านั้นวกกลับมาทำร้ายปัจจุบันได้อีก

แต่เขาเองก็รู้ว่ากล่องแพนโดราไม่มีอยู่จริง และสิ่งที่เขาทำได้ คือให้หนึ่งสมองสองมือของตัวเองประคับประคองนพมัลลีจากทุกปัญหาที่ต้องถาโถมใส่เธอในเวลาอันใกล้นี้ให้ผ่านไปได้อย่างดีที่สุด

……………………………………………….

คุณ ร้อยวจี เรื่องหน้าจะไม่ดราม่าต่อเนื่องแน่นอนค่ะ เรื่องนี้ดราม่าหนักจริง เทียบกับ Sweet Magic เรื่องนี้ขมปี๋เลยนะคะ จะชดเชยให้ตอนหลัง ให้อ่านไปแล้วอิ่มตามแน่นอนค่ะ ^^

คุณ konhin แต่ละคนจะมีจุดจบยังไงต้องติดตามค่ะ แต่ยังอีกพักใหญ่ๆ แน่ะค่ะ ต้องคอยดูว่าใครจะทำอะไรขึ้นมาอีกบ้าง

คุณ kaelek เรื่องตัวเล็กนี่ต้องเชียร์กันยาวๆ เลยค่ะ ว่าจะสำเร็จไหม

ตอนนี้ไม่มีใครมาซ้ำเติมเพิ่มดราม่านะคะ ฮา นานๆ จะให้ตุนท์ปิดตอนสักที แฮร่ ขอบคุณทุกความคิดเห็น ทุกคนที่เข้ามาอ่านและกดถูกใจนะคะ ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่า (ตอนนี้สุขกว่าตอนอื่นๆ แล้วนะคะ ฮา)



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มี.ค. 2558, 00:52:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มี.ค. 2558, 01:42:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1454





<< บทที่ 14 : นวมลลิ์   บทที่ 16 : ตุลาไปด้วย >>
kaelek 9 มี.ค. 2558, 06:58:22 น.
ในชามมาม่า ก็ยังมีความฮาจากนายคมิกนะนี่ อ่อยแม้กระทั่งเด็ก 7 ขวบ


konhin 9 มี.ค. 2558, 08:55:15 น.
นายคมิก ช่างกล้าเนอะ ขอลูกสาวครูล่วงหน้า

บางทีชีวิตมันก็ต้องโตตามสภาพแวดล้อม เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกเป็นได้


violette 9 มี.ค. 2558, 20:48:43 น.
ตุนท์กับคมิกนี่ กลายเป็นคู่หูกันเลย 555
สงสารตัวเล็กไม่ได้อยุ่กับแม่แท้ๆแต่ก็รักแม่มากเลยเนอะ
เหมือนยังมีแม่ตุนเป็นอีกอุปสรรคสำคัญนะคะนี่


นักอ่านเหนียวหนึบ 9 มี.ค. 2558, 22:27:34 น.
โอ้ยยยย อยากเห็นภาคต่อของนายมิกกะตัวเล็กจังเลยยย 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account