บทเรียน (รัก) นอกตำรา
นพมัลลี นักศึกษาฝึกสอนที่จบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน

นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก

แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้

มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่

Tags: นพมัลลี ตุนท์ คมิก พิชญ์ปรีชา

ตอน: บทที่ 16 : ตุลาไปด้วย

บทที่ 16

เวลาตีสี่ นพมัลลีกับทุกคนในบ้านตื่นขึ้นมาตามเวลานัดที่ทวิชว่ามา ตอนกลางคืนก่อนนอนทวิชจ้องหน้าตุนท์แล้วบอกว่ายังไม่มีรถ ก็มีรถแวนมาจอดรอพวกเขาพร้อมที่หน้าบ้าน พร้อมกับแขกอีกคนที่เดินกรีดกรายออกมาจากรถ ใช้พัดโบกลมเข้าหน้าแก้ร้อน เหลือบมองคณะเดินทางกลุ่มย่อมอย่างไม่ใคร่จะพอใจนัก

“แม่จะไปด้วยเหรอครับ” ตุนท์นึกรู้ว่างานนี้คนขับรถต้องเล่าความเคลื่อนไหวของเขาให้มารดาฟังแน่นอน เพราะพอเขาหันไปจ้องเอาเรื่อง ลุงคนขับก็หลบตาเขาทันที

“แน่นอนสิ ตั้งแต่ลูกกลับมาจากต่างประเทศ เรายังไม่เคยเที่ยวกันเลย แม่สิที่ต้องโกรธ ลูกมีแพลนไปเที่ยวทั้งทีดันลืมแม่เสียได้” ตุลาเก็บอาการไม่ให้เผลอแสดงกิริยาดูแคลนนพมัลลีต่อหน้าลูกชาย ทำทีเป็นแซวเล่นขำขัน “แม่ถึงอยากมาดูว่าลูกไปกับใครบ้าง ถ้าแม่มีเวลาเตรียมตัวจะเชิญหนูเกล หนู...”

ก่อนจะมีชื่อหญิงสาวคนอื่นมาทำให้ที่ยืนของตุนท์ร้อนผ่าว ชายหนุ่มรีบยุติเรื่องทีมารดาคิดจะกดหัวนพมัลลีด้วยการประคองแม่ขึ้นรถ

“แม่ช่วยไว้หน้าผมหน่อยสิครับ แม่ไปด้วยกันผมไม่ว่าหรอก แต่ผมอยากให้แม่เปิดใจ ครูลีเขาเป็นคนดี เขาน่ารัก ผมอยากให้แม่เห็นในมุมนั้นที่ผมเป็นเขาเป็นทุกวันบ้าง” ตุนท์กระซิบยาว หน้าตาจริงจัง ไม่ปล่อยให้แม่ฉวยโอกาสพูดแทรกได้ “ผมรักแม่มากนะครับ”

“แม่ควรเชื่อตุนท์ไหม” คนสูงวัยกว่ากล่าวอย่างน้อยใจ นางเจอลูกน้อยกว่าที่ลูกเจอนพมัลลีเสียอีก

“ผมอยากให้แม่เชื่อนะครับ” รอยยิ้มมั่นใจของตุนท์ไม่สะเทือนกับการคาดคั้นอยากรู้คำตอบของมารดา ผายมือเชิญแขกอีกสี่ชีวิตมาขึ้นรถ ขณะที่นพมัลลีคิดจะไปนั่งเบาะแถวสามกับนิลุบล ตุลาซึ่งนั่งคนเดียวอยู่แถวสองก็เรียกรั้งไว้ก่อน

“มานั่งกับฉันสิ”

“ค่ะ” นพมัลลีสบตากับตุนท์แวบหนึ่งด้วยความไม่เข้าใจ เธอรู้ว่าตัวเองในสายตาของตุลาไร้ค่า ไม่เหมาะสมกับลูกชายท่านขนาดไหน แต่เธอจะไม่มีวันถอดใจจากตุนท์ เขาเปรียบเสมือนแสงสว่างในชีวิตของเธอ ต่อให้ตุลาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัว แต่เธอเชื่อว่าเธอจะทำตัวเองให้ควรคู่กับตุนท์ได้ เธอทำได้

นพมัลลีไม่เคยรู้สึกประหม่ากับการอยู่ต่อหน้าตุลามาก่อน แต่เพราะทั้งในใจเธอ และความสัมพันธ์กับลูกชายของเขาแตกต่างไปจากเดิม รวมทั้งเธอรู้แล้วว่าตุนท์ไม่ใช่แค่ครูดีกรีนอกธรรมดา ตอนนี้ใจเธอจึงเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ คิดแค่ว่าควรทำอย่างไรไม่ให้ตัวเธอในสายตาของตุลาเสียคะแนนไปมากกว่านี้

ตุนท์นั่งที่นั่งข้างคนขับ เขามองนพมัลลีผ่านทางกระจกมองหลัง ยิ้มให้กำลังใจ

“ฉันได้ยินมาว่าลุงเธอเป็นศิลปินวาดภาพ เขาเป็นศิลปินระดับไหน กิ๊กก๊อกข้างถนนหรือเปล่า”

คนที่ขึ้นมาทีหลังสุดหันขวับมองคนถามที่ไม่รู้ตัวว่าคนในบทสนทนาก็มาอยู่ในรถคันนี้ด้วย นพมัลลียิ้มจืดเจื่อนให้ทวิช รู้ดีว่าตุลามองจำนวนเม็ดเงิน และชื่อเสียงที่จะห้อยต่อท้ายตัวเธอ มากกว่าเหนืออื่นใด หากผู้หญิงคนนั้นจะมายืนเคียงข้างลูกชายท่าน เธอจึงไม่แปลกใจเลยที่ตุลาจะรู้ทุกเรื่องของเธอ

“ก็พอมีชื่อเสียงนะคะ” นพมัลลีไม่กล้าตอบตามจริง

“แล้วเธอล่ะ ทำงานด้านศิลปะ มีผลงานอะไรดังๆ บ้างไหม”

“ฉันยังไม่เก่งเท่าลุงของฉันหรอกค่ะ แต่ก็พอมีผลงานอยู่บ้าง ถ้าท่านผอ.ไม่รังเกียจ เดี๋ยวฉันจะวาดให้ท่านฟรีๆ เลยก็ได้นะคะ”

คนชอบงานศิลปะเป็นทุนเดิมรู้สึกถูกใจขึ้นมา สมัยที่พ่อของตุนท์ยังอยู่ การท่องเที่ยวของพวกเขาไม่ได้หวือหวา ก็แค่ใช้อารมณ์ชื่นชมงานศิลปะ ที่บ้านจึงมีงานศิลปะที่ได้มาจากการประมูลบ้าง หรือจ้างคนจัดหามาไม่น้อย

“บ้านฉันไม่เก็บผลงานกระจอกๆ ไว้ให้รกบ้านหรอกนะ”

นพมัลลีสะอึกในใจ งานที่ดีที่สุดของเธอในตอนนี้ราคาอยู่ที่หลักแสน ยังเทียบไม่ติดหากวัดผลงานกับของลุงเธอที่อยู่ในหลักล้าน

“ผมขอถามหน่อยว่าที่บ้านคุณมีรูปของ ‘เหินเวหา’ ไหมครับ” ทวิชถามเสียงดังมาจากแถวหลังสุดที่เขาครองคนเดียว หน้าตาอยากรู้เต็มประดา ทั้งที่ใจจริงกำลังกรุ่นเคืองตุลาที่บังอาจมาดูถูกฝีมือหลานสาวเขา นพมัลลียังก้าวไปในสายทางศิลปะได้อีกยาวไกล

“มีแค่รูปเดียว ผลงานเหินเวหาเป็นรูปที่หายาก เงินไม่ถึง ไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ”

“แล้วทำไมผมถึงมีผลงานของเหินเวหาเป็นร้อยล่ะครับ” ทวิชตอบหน้าตาย

คนที่ขู่คนอื่นไม่ลงยังพยายามเชิดหน้า ทั้งที่เสียหน้าไปแล้วกว่าครึ่ง “ฉันไม่เชื่อ นอกจากเศรษฐีเท่านั้นถึงจะมีรูปของเหินเวหา แต่จาก...” ตุลาชายตามองสภาพการแต่งกายของทวิชที่สวมชุดเก่า ถึงไม่ได้มีรอยปะขาด แต่เนื้อผ้าสีซีดก็บ่งว่าผ่านการใช้งานมานานหลายปี “ไหนล่ะหลักฐาน”

ทวิชตั้งใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอวดรูปถ่ายตัวเองคู่กับผลงานรูปภาพทุกชิ้น แต่ถูกปรามไว้ก่อน “ลุงคะ อย่าพูดเล่นสิ” ทวิชเก็บโทรศัพท์เข้าที่อย่างงงๆ ก่อนจะเข้าใจในนาทีต่อมา “ลุงของฉันเขาเป็นคนตลกน่ะค่ะ ชอบคุยโวกับคนอื่นว่าตัวเองรู้จักกับเหินเวหา”

“ก็ว่าอยู่” ตุลาส่งเสียงเหอะ ไม่อยากนำมาใส่ใจอีก



นพมัลลีส่งสายตาขอโทษให้กับทวิชที่จู่ๆ ไปลดคุณค่าศิลปินอย่างเขา แต่เธอไม่อยากได้คะแนนพิศวาสจากตุลาเพียงเพราะมีลุงเป็นศิลปินระดับโลก เธออยากมีคุณค่าในตัวเองโดยไม่ใช้ชื่อเสียงของญาติมาเกื้อหนุน

“แล้วนี่รับใครอีกล่ะ” ตุลาถามขึ้นในเวลาพักใหญ่ต่อมา รถแวนแล่นเข้ามาในอาณาบริเวณของโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่ง หน้าโรงแรมมีคนอุ้มเด็กน้อยสวมชุดกระโปรงสีชมพู บนหัวมีหมวกผ้านิ่มติดลูกสตรอว์เบอร์รี่กำลังทำหน้างัวเงียอยู่ในอ้อมแขนของมะลิ

หญิงสาวยิ้มไม่เต็มปาก ด้วยไม่รู้จะตอบคำถามของตุลาอย่างไรดี คนกว่าค่อนรถต่างรู้ว่าเธอกับนวมลลิ์เป็นอะไรกัน

“หลานของลีเขาน่ะครับ” ตุนท์ช่วยกู้สถานการณ์อึดอัดให้

นั่นคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ นพมัลลีคิดว่าเธอไม่มีเวลามาอธิบายให้ตุลาฟังว่าทำไมนวมลลิ์จึงเป็นลูก และท่านผอ.ไม่ควรทำให้ลูกสาวเธอรู้ว่าที่จริงเธอไม่ใช่น้าของเขาด้วย

หญิงสาวลงจากรถไปเผชิญหน้ากับมะลิที่อย่างไรก็มีเพียงความว่างเปล่าในแววตามอบให้แก่เธอ นพมัลลีเจ็บที่ใจ แต่พูดอะไรออกไปไม่ได้ จากวันนั้นที่เธอคิดว่ามะลิพูดเล่น เมื่อมาคิดทบทวนจนถึง ณ ขณะนี้ เธอเชื่อแล้วว่ามะลิพูดจริง เธอคงไม่ใช่ลูกของท่านจริงๆ

“ถ้ายาตื่นมารู้เรื่องชีวิตเธอคงปั่นป่วนนะลี”

เด็กน้อยตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ศีรษะเล็กพิงไหล่อันคุ้นเคย หลับตาพริ้มอย่างสบาย ไม่ทำหน้าง่วงงุนใส่เหมือนก่อนหน้าที่เธอจะมาถึงอีก มะลิมองภาพนั้นอย่างเงียบๆ

“ขอบคุณมากนะคะ...แม่”

มะลิไม่ปรามคำเรียกของนพมัลลี สายตาของนางหยุดอยู่บนใบหน้าเล็กที่มีแววว่าโตขึ้นมาจะสวยน่ารักไม่น้อย

“ดูแลตัวเล็กให้ดี อย่าพาเขากลับมาที่นี่อีก”

ถึงแม้ร่างบอบบางจะอุ้มเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบกลับมาขึ้นรถ ความคลางใจก็ยังไม่เลือน ปกติพ่อ แม่ พี่สาว และพี่เขยจะเรียกนวมลลิ์ว่าหนูมลเสมอมา ครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่แม่เรียกนวมลลิ์ด้วยชื่อเล่นจริงๆ ที่เธอตั้งให้เด็กหญิงมาตั้งแต่เกิด

แล้วเธอจะไม่ให้นวมลลิ์กลับมาที่นี่ได้อย่างไร นพมัลลีวางลูกไปบนเบาะว่างข้างตัว มือลูบผมที่ปรกหน้าเด็กหญิงเหน็บไปไว้ที่ข้างหูให้อย่างอ่อนโยน เธออยากทำตามที่มะลิว่ามา คือการไม่คืนลูกให้กับมัลลิยาอีก แต่เมื่อนวมลลิ์ตื่นขึ้นมาทุกวัน แทนที่จะเจอหน้ามัลลิยา แต่เจอหน้าเธอแทน นวมลลิ์จะว่า จะรู้สึกอย่างไร

“เขาหน้าคล้ายเธอนะ” ตุลาเอี้ยวร่างมาดูเด็กหญิงตัวน้อย ประกายตาสนใจ ความฝันลึกๆ ของนางที่ผ่านมาคือการมีเด็กหญิงมาวิ่งเล่นในบ้าน แต่น่าเสียดายที่นอกจากตุนท์แล้วนางก็ไม่มีลูกสาว ซ้ำร้ายลูกชายยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ถึงจะมีก็คบประเดี๋ยวด๋าว แหม่มหัวทองทั้งหลายไม่ผ่านนางสักราย นพมัลลีเป็นคนแรกที่ไม่ยอมปล่อยมือจากลูกชายของนางเหมือนรายก่อนๆ

“เราเป็นญาติกันนี่คะ” นพมัลลีหลบตาตอบ โอบร่างเล็กของเด็กหญิงให้มาพิงตักเธอ เพื่อจะได้สบายขึ้น

ทุกการกระทำของนพมัลลีล้วนอยู่ในสายตาของคนทั้งรถ แต่ต่างความคิด ต่างมุมมอง ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเห็นใจแม่ที่ไม่สามารถดูแลลูกได้ในฐานะแม่

เว้นเพียงแต่หนึ่งนาง ที่กำลังพินิจว่าคนอย่างนพมัลลีมีข้อดีอะไรอยู่ในตัว



“หนูมลหายไปไหน!”

สามีที่บกพร่องในการดูแลลูก หลับอุตุตั้งแต่หัวค่ำเงียบเสียงไม่ตอบ ธริทเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปกติของมัลลิยาขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวที่เคยใจเย็น และอ่อนหวานในบางเวลาเริ่มเปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันที่พวกเขาสูญเสียลูกไปทั้งที่เด็กน้อยอายุครรภ์ไม่กี่เดือน ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เป็นสองครั้งที่พวกเขาต้องทนรับการสูญเสีย มัลลิยาร่างกายไม่แข็งแรงพอ นักเขียนสาวเริ่มเก็บตัว เหม่อลอย และมักแอบร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง

กระทั่งพวกเขารับรู้โดยเหนือความคาดหมายจากครูสอนศิลปะคนหนึ่งของนพมัลลีว่า หญิงสาวมีลูกเล็กคลอดออกมา มัลลิยาแทบไม่ใส่ใจในเรื่องที่เกิดขึ้นนัก เขาทนเห็นภรรยาเศร้าหมองไปมากกว่านี้ไม่ได้ จึงเสนอความคิดขึ้นมาบนโต๊ะอาหารในเช้าวันหนึ่ง ที่คนทั้งบ้านรู้เรื่องสำคัญกับลูกสาวคนเล็กแล้ว แต่ไม่ได้ตื่นตัวกันเท่าไหร่เลย

‘พวกเรารับเลี้ยงลูกของลีกันดีไหมครับ ลีเขาก็คงต้องกลับไปเรียนต่อ ยาเองก็จะได้...’

‘ฉันไม่เลี้ยงลูกของมันหรอก’ น้ำเสียงคั่งแค้น แววตากรุ่นโกรธที่มัลลิยาแสดงออกทำให้ธริทใจหายวาบ นานมาแล้วที่เขาสงสัยในความสัมพันธ์ของครอบครัวนี้ระหว่างนพมัลลีกับคนทั้งบ้าน แต่ปากเขายังไม่กล้าถามไถ่ใคร โดยเฉพาะภรรยาที่จะโกรธทุกครั้งที่เขาพูดถึงนพมัลลี ภรรยาของเขาทำเหมือนนพมัลลีไม่ใช่น้องนุ่ง เด็กที่เกิดมาไม่ใช่หลาน

‘ยา นั่นหลานของคุณนะ’

‘เผื่อลูกจะดีขึ้นบ้าง’ เป็นนพยาที่ตัดสินใจพาคนทั้งบ้านออกไปดูหน้าหลานกันในวันนั้น เขายังจดจำสายตาไม่แน่ใจของมัลลิยาได้ดี แต่ทุกอย่างก็พังทลาย เหลือเพียงน้ำตาคลอเบ้ายามที่ลูกของน้องสาวมาอยู่ในอ้อมกอด นับจากวันนั้นมัลลิยาก็ไม่เคยคิดปล่อยลูกออกจากอ้อมแขนอีก สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาลำอายใจกับนพมัลลีอยู่ลึกๆ มาเสมอ

แค่จะมองหน้ายังไม่รู้สึกว่าจะมองอีกฝ่ายได้เต็มตา แต่เรื่องความรัก ความใส่ใจที่ทั้งเขาและมัลลิยามีให้กับนวมลลิ์ทุกสิ่งล้วนคือของจริง

เพราะว่าทุกวันนพมัลลียังคอยวนเวียนชีวิตอยู่ไม่ห่างจากนวมลลิ์ในฐานะ ‘น้าลี’ มาตลอดเจ็ดปี จนกลายเป็นน้ารักของหลานตัวน้อยที่ติดน้าแจทุกครั้งที่กลับบ้าน สิ่งนั้นกลายเป็นหอกแหลมที่ทิ่มใจมัลลิยาเสมอมา ภรรยาของเขามักปรับทุกข์ถึงความกังวลใจ หวาดกลัวว่านพมัลลีจะมาทวงคืนลูกสาวไปทุกเมื่อ จนตัดสินใจที่จะย้ายทั้งครอบครัวไปอเมริกา ซึ่งเขาไม่เคยเห็นด้วยเท่าไหร่ แค่แย่งลูกเขามาเลี้ยง ก็ทำให้เขาบาปในใจพอแล้ว ยังจะพรากลูกแม่ออกจากกันอีก

แต่เขาก็ไม่โง่พอจะพูดความนึกคิดของตัวเองออกไป มัลลิยาเป็นคนโกรธแรง เกลียดแรง จนเขาเกือบจะลืมไปแล้วว่ามัลลิยาที่เขาเคยรู้จักมาในอดีตนั้นเป็นคนอย่างไร

นักธุรกิจฐานะพอมั่งมีถอนหายใจเฮือกเบาๆ เขาพอเดาได้บ้างว่า ‘ใคร’ กันจะมาพาลูกหนีไปอย่างนี้

“ลีมันต้องมาพาลูกเราไปแน่ๆ”

“ใจเย็นๆ ก่อนยา” ธริทอยากจะบอกว่าสิ่งที่มัลลิยาเชื่อ และคิดอย่างมุ่งตรงนั้นออกจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่ เขารักนวมลลิ์ก็จริง แต่ไม่เคยลืมว่านวมลลิ์เกิดมาจากใคร

คนถูกปรามจ้องถลึงใส่สามีอย่างดุร้าย “คุณก็เอาแต่หลับอุตุ ลูกหายไปทั้งคนยังทำเป็นไม่เดือดไม่ร้อน”

“ก็ถ้าเรามั่นใจว่าลูกอยู่กับลี มีอะไรที่เราต้องกังวลล่ะ คุณก็รู้ว่าลี...”

“หุบปากนะ!” มัลลิยากรีดเสียงร้องรับไม่ได้ “อย่ามาพูดเรื่องนี้กับฉัน”

ธริททอดถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน “เย็นนี้เดี๋ยวลูกก็กลับมา”

“อยู่กับลี มันคงจะโง่ส่งหนูมลกลับมาหรอก คุณโง่ หรือมองไม่เห็น ลีจ้องจะทวงหนูมลไปจากฉันตลอดเวลา”

“เลิกบ้าสักทีเถอะยา!” ธริทตะคอกอย่างเหลืออด ดวงตาเลื่อนลอย คล้ายไร้สติกะพริบตาปริบ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งร้องไห้โฮไม่อายใคร คนเป็นสามีสะเทือนใจกับภาพนั้น ยอบตัวลงนั่งกอดภรรยาไว้เพื่อกอดปลอบ เขาตัดสินใจตั้งแต่วันแรกที่ขอมัลลิยาแต่งงานแล้วว่าจะดูแลหญิงสาวไปทั้งชีวิต มีสุขร่วมสุข มีทุกข์ก็จะไม่ทิ้งกันไปไหน

การที่มัลลิยากับเขายังไม่มีลูกเป็นของตัวเองจริงๆ นั่นก็ถือเป็นความผิดเขาด้วยเช่นกัน ผลที่เกิดขึ้นจากนี้เขาก็จำต้องรับผิดชอบร่วม

มะลิหยุดยืนมองตรงกรอบประตู เสียงร้องไห้ของบุตรสาวระงมทั่วห้องพัก นางกลั้นใจที่จะหันหลังจากมา และทรุดลงนั่งบนเบาะนวมนั่งในห้องโถงกลาง น้ำตาหยดลงเงียบๆ ด้วยความชอกช้ำใจที่แหลกละเอียดไม่ต่างกับคนเป็นลูก

เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้มันเริ่มมาจากคนเพียงคนเดียว สามีที่หลอกลวงนาง สามีที่ไม่เคยรัก มะลิหัวเราะหึให้กับความโง่สามสิบปีของตัวเอง

จากนี้จะไม่มีคนโง่อย่างในอดีตอีก



เด็กเสแสร้ง

คมิกนึกเข่นเขี้ยวกับเด็กวัยย่างเจ็ดขวบที่ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ทำตัวอ่อนหวาน ยิ้มแย้มน่ารัก ขนาดผอ.ตุลาที่ตอนแรกวางเชิงทำตัวห่างเหินใส่ ก็พ่ายให้กับเด็กน้ำใจงามที่เอ่ยชวนให้มาร่วมวงทานอาหารด้วยกัน กลายเป็นว่าคนอาวุโสกว่ามานั่งแกะกุ้งเอาใจเด็กน้อย ตรงกันข้ามกับคนที่ต้องทำหน้าที่เป็นเพื่อนเล่นให้นวมลลิ์อย่างเขาและนิลุบล

โดยเฉพาะฝ่ายหลังที่ตอนแรกก็ยังทำหน้าเศร้า คิดถึงเด็กในท้องที่ไม่อยู่ให้เธอดูแล เมื่อเจอฤทธิ์เด็กแสบแกล้งทำทีเป็นจมน้ำให้พี่เลี้ยงเด็กจำเป็นทั้งสองใจหายใจคว่ำ กระโดดลงทะเลไม่คิดชีวิต และเป็นเขาที่โดนเด็กบ้าคนหนึ่งกระโดดเกาะหลังเขาหมับ หลังดำน้ำมาโผล่ แล้วส่งเสียงหัวเราะลั่นให้เขาอยากจะฆ่าเด็กบ้าคนหนึ่งขึ้นมาติดหมัด

“พี่ชายชื่ออะไร” นวมลลิ์เพิ่งรู้ตัวว่าควรถามชื่อเด็กหนุ่มที่น้าสาวไหว้วานให้มาเล่นในทะเลด้วยกัน

นิลุบลโกรธ แต่ไม่กล้าส่งเสียงดุใส่ ด้วยยังมีความเกรงใจที่นวมลลิ์เป็นลูกสาวของครูผู้มีคุณของเธอ “พี่ชายเขาชื่อคมิก”

เด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มทำปากพองลม ไม่ได้ใส่ใจชื่อของคมิกนัก สายตามองขึ้นฝั่งจ้องผู้ชายตัวโตที่ทำตัวเป็นมิตรกับเธอเสียเหลือเกินนับตั้งแต่ตื่น ทั้งหาขนม พูดจาดี สายตาก็คอยยิ้มให้กับน้าของเธอตลอด เด็กหญิงนึกมาถึงตรงนี้หัวคิ้วยิ่งขมวดเป็นปม หน้าตาคร่ำเคร่งเกินวัย

“ลุงตุนท์ เป็นคนยังไงเหรอ”

คมิกเหลือบตามองเด็กที่เกาะหลังเขาไม่ต่างจากกระดองบนหลังเต่า เลือกตอบคำตอบที่น่าจะถูกใจเขาที่สุด

“ไม่เสแสร้งเป็นเด็กพันหน้าเหมือนเธอหรอกน่า”

หลังจากนั้นนิลุบลก็หัวเราะกับภาพเด็กหญิงยีหัวเด็กหนุ่มอย่างกับขยำไหมพรมเล่น ร่างสูงกว่าคอยตั้งท่าจะเหวี่ยงทิ้งร่างบนหลัง แต่วงแขนเหนียวของนวมลลิ์เป็นฝ่ายชนะ ตราบจนคมิกขึ้นฝั่งมานอนแผ่หลาบนผืนทรายอย่างหมดแรง เด็กหนุ่มก็ยกมือพูดปนเสียงหอบ ยอมแพ้ให้นพมัลลีรับรู้

“ผมยอมแพ้ ไม่ไหว เด็กคนนี้ผมหมดอารมณ์อ่อยแล้วครู”

นวมลลิ์ทำหน้าเศร้า ปากเบะก่อนจะร้องไห้จ้า เธอกำลังถูกต่อว่าว่าเป็นเด็กนิสัยเสียอยู่ใช่ไหม

นพมัลลีรีบเข้ามาอุ้มปลอบ ไม่คิดต่อว่าคมิก โดยไม่รู้เลยว่าลับหลังที่เธออุ้มนวมลลิ์จากไป เด็กหญิงที่หันหน้ามาเหลียวหลังมองนั้นกำลังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คมิกอย่างร้ายกาจ

..................................................................

คุณ kaelek มาม่าต้องมีสลับความผ่อนคลายบ้างค่ะ เห็นเครียดกันมานานค่ะ ฮา ตอนนี้ให้เห็นความแสบของนวมลลิ์กันเล็กๆ ไม่รู้ไปเอาความแสบความร้ายมาจากใคร ^^

คุณ konhin ตอนนี้ให้เห็นผลกระทบที่สมาชิกในครอบครัวได้รับบ้างค่ะ ส่วนนวมลลิ์นี่เพิ่งจะเริ่มมีบทขึ้นมาบ้างหลังถูกพูดถึงมาตลอด อิอิ แล้วก็จริงมากค่ะที่คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกเป็นได้ เหตุผลหนึ่งที่นพมัลลีเกิดมาไม่เหมือนคนในบ้าน เพราะไม่ได้รับความรัก ไม่ผูกพันกับครอบครัวมาแต่เริ่มด้วยค่ะ

คุณ violette คมิกอาจจะขอถอนตัวในการเอาใจนวมลลิ์ก่อนตุนท์นะคะ ฮา ยังไม่ได้ให้ตุนท์ทำหน้าที่หาความจริงเลย นวมลลิ์ผูกพันกับนพมัลลีค่ะ ตั้งแต่บทนำเปิดมาก็ตั้งใจให้เรื่องเป็นอย่างนี้แล้วค่ะ ตัวเล็กยังรักมัลลิยามากด้วย ต้องมารอดูว่าจะเป็นยังไงต่อไปนะคะ ^_^

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ มีแน่ค่ะ หลังจากจบเรื่องเครียดๆ คนเขียนก็อยากจะผ่อนคลายเขียนเฮฮาปาจิงโกะบ้าง เหลือบมองคมิกกับยัยตัวแสบ อิอิ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาคอมเมนต์ มากดถูกใจนะคะ ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ ^_^




ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มี.ค. 2558, 00:49:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มี.ค. 2558, 00:49:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1395





<< บทที่ 15 : อ่อย   บทที่ 17 : ทางเลือก >>
ร้อยวจี 11 มี.ค. 2558, 01:04:18 น.
555 ตอนนี้สนุกค่ะ แต่สงสัยพฤติกรรมเด็กนิดๆ กลัวติดมาจากมัลลิกา


konhin 11 มี.ค. 2558, 11:02:32 น.
โอ๊ะ คุณสามีพี่สาวก็เนอะ ทำตัวเป็นเต่า หลบความผิดในกระดอง

ฝ่ายคนโดนกระทำ วันนี้อย่างน้อยก็ยิ้มได้


OhLaLa 11 มี.ค. 2558, 23:49:31 น.
คุณแม่ตุนท์กันท่าสุดฤทธิ์ตามติดมาด้วย จะว่าไปก็น่าสงสารครอบครัวนพยานะคะ อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแต่หาความสุขไม่ได้ ทุกอย่างก็มาจากการกระทำของนพยาทั้งนั้น ฮา คมิกกับตัวเล็ก 55 ตัวเล็กแสบใช่เล่น


violette 11 มี.ค. 2558, 23:59:43 น.
จริงๆ ถ้าแค่พี่สาวเปิดใจให้น้อง เรื่องมันจะง่ายขึ้นเยอะเลยนะคะ
สงสารตัวเล็กเหมือนกันตอนแรกที่คงเลือกยาก แต่ดูอาการแสบขนาดนี้แล้วเนี่ย ชักปวดหัวแทนแม่จริงและแม่ไม่จริง 55


นักอ่านเหนียวหนึบ 12 มี.ค. 2558, 12:56:02 น.
อร๊ายยยยยย น่ารักน่าหยิกกก


ภัทรภิญญ์ 25 มี.ค. 2558, 15:27:35 น.
ตรง "เลิกบ้าสักทีเถอะยา" ธริทตะคอก... ดวงตาเลื่อนลอย .... นี่พี่อ่านวูบแรกคือธริทดวงตาเลื่อนลอยเลยนะ ก่อนจะไปเจอว่าเขามองยาอยู่ แอบแบบกว่าจะรู้ธริทก็ตะคอกแล้วทรุด ว่างั้นอะ ฮาาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account