บทเรียน (รัก) นอกตำรา
นพมัลลี นักศึกษาฝึกสอนที่จบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน

นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก

แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้

มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่

Tags: นพมัลลี ตุนท์ คมิก พิชญ์ปรีชา

ตอน: บทที่ 17 : ทางเลือก

บทที่ 17

ทั้งที่ยังอุ้มนวมลลิ์อยู่ โทรศัพท์ที่เธอไม่ได้ปิดตามคำเตือนของทวิชก็ดังขึ้น นพมัลลีนึกไม่อยากจะรับ แต่ก็ทนสายตาอยากรู้ของเด็กหญิงในอ้อมกอดไม่ไหว เป็นนวมลลิ์ที่หยิบเครื่องมือสื่อสารของเธอออกมาจากอกเสื้อ กดปุ่มรับให้ แล้วนำมาแนบแก้มของหญิงสาว ปากจิ้มลิ้มสีแดงยิ้มอย่างเอาใจ

ท่าทีของเด็กน้อยทำให้นพมัลลีไม่ทันมองเบอร์บนหน้าจอโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะ”

“ฉันเอง...วากูร”

สีหน้ายิ้มแย้มชะงักไป เจ้าของเสียงคุ้นหูที่เธอนึกเกลียดจับใจดังขึ้น นพมัลลีเงยหน้ามองลูกสาวตัวน้อย พลางกอดเด็กหญิงไว้แน่นขึ้น

“มีอะไร”

“ตอนนี้อยู่ที่ไหน ฉันไปหาเธอที่โรงเรียนไม่พบ”

“มีธุระอะไรสำคัญหรือเปล่า ฉันไม่ว่างหรอกนะ” นพมัลลีพยายามยิ้มออกมาให้นวมลลิ์ ทั้งที่น้ำเสียงสนทนาของเธอที่ใช้กับวากูรมีแต่ความเย็นเยียบจับขั้วหัวใจ เธอเสแสร้งแกล้งเริงร่าต่อหน้าวากูรไม่ออกจริงๆ

“ฉันอยากเจอเธอกับลูก”

“ไม่” เสียงที่เปล่งออกไปถูกกดไว้ไม่ให้ตะคอกอย่างเหลืออด นพมัลลีกำลังภูมิอกภูมิใจกับตัวเองที่เธอไม่จำเป็นต้องอ่อนข้อให้กับคำขู่ใดๆ ของวากูรอีก อยู่ไกลกันขนาดนี้ และลูกก็อยู่ในมือของเธอ วากูรขู่จะเอาที่อยู่อย่างไรนั้น เธอไม่จำเป็นต้องกลัวอีก

แต่โชคดีอาจอยู่เคียงข้างเธอได้ไม่นานนัก

“หัวหินสวยจังเลยค่ะน้าลี น้าลีอย่าลืมพาหนูมลมาอีกนะคะ”

นพมัลลีกึ่งยิ้มกึ่งร้องไห้ให้กับเด็กหญิงที่ทำหน้าซื่อตาใสมองตอบเธอ ความขุ่นเคืองที่มีจึงบังเกิดลงใส่กับวากูรที่กำลังหัวเราะฮ่าๆ กลับมาใส่เธอ

“เดี๋ยวฉันไปหาเธอกับลูกนะ อย่าเพิ่งรีบกลับล่ะ เพิ่งจะสิบโมงเช้าเอง”

วากูรวางสายไป แต่อารมณ์คนรับยังไม่วางตาม นพมัลลีมองค้อนเด็กตัวน้อยที่เธอโกรธไม่ลง เพราะนวมลลิ์คงไม่รู้เรื่องราวอะไร และพูดโพล่งขึ้นมาอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ จึงได้แต่จำใจยอมรับการปรากฏตัวของวากูรในเวลาอันใกล้นี้ แอบนึกภาวนาให้วากูรตามหาพวกเธอไม่เจอ

นพมัลลีวางร่างของเด็กหญิงลงกับพื้นทราย จับหมวกผ้าปีกกว้างให้เข้าที่เข้าทาง ไม่ให้ผิวขาวโดนแดดจนเข้มขึ้น นึกถึงอนาคตอันใกล้ในตอนที่มัลลิยาจะพานวมลลิ์ไปไกลจากเธอ หัวใจคนเป็นแม่ก็เจ็บหนัก เธอไม่อยากยอมรับ และไม่มีวันยอมให้นวมลลิ์ไปไกลตัวขนาดนั้น แต่จะทำอย่างไรให้กระทบกระเทือนจิตใจเด็กหญิงน้อยที่สุด หรือทำอย่างไรให้นวมลลิ์เต็มใจที่จะอยู่กับเธอด้วยตัวเอง

“น้ามีคำถามอยากจะถามตัวเล็กข้อหนึ่งค่ะ”

“อะไรคะ”

มือบางจับมือเล็ก แล้วบีบไว้เบาๆ อยากส่งกำลังใจให้ลูกสาวได้รับรู้ “ถ้ามีทางสองทางให้ตัวเล็กเลือก ทางหนึ่งมีแม่ของหนู แต่จะไม่มีน้า กับอีกทางมีน้า แต่จะไม่มีแม่ของหนู ตัวเล็กจะเลือกอย่างไหนคะ”

นวมลลิ์จ้องหน้าคนถามด้วยสายตาที่โตเกินเด็ก เด็กหญิงนิ่งคิดก่อนตอบออกมาอย่างคนที่มั่นใจเต็มเปี่ยม

“หนูมลเลือกแม่ค่ะ”

คนไม่ถูกเลือกราวกับหัวใจถูกกระชากอย่างไรออกจากช่องอก หญิงสาวสะอึกในใจ แต่ก็ยังฝืนยิ้มออกมาทั้งที่ดูไปแล้วล้วนเป็นรอยยิ้มปั้นแต่ง ฝืนเฝือเหลือเกิน

“น้าเข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วงนะตัวเล็ก น้าจะไม่แย่งหนูไปจากแม่ของหนู น้าจะทำอย่างนั้นได้ยังไง” ถึงจะพยายามยิ้ม แต่น้ำตาก็ยังไหลเป็นทางออกจากตาทั้งสองข้าง นพมัลลีโกรธที่ตัวเองไร้ความสามารถในการห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้

มือเล็กยื่นมาเช็ดน้ำตาให้นพมัลลี หน้าตาทุกข์ร้อนกระวนกระวายใจ “อย่าร้องนะคะน้าลี หนูมลเลือกน้าลีก็ได้”

“เด็กโง่” นพมัลลีดึงร่างเล็กมากอดแนบอก หัวใจเธออ่อนยวบ บางทีการเป็นน้าลีไปตลอดชีวิตของนวมลลิ์อาจถือเป็นการทำร้ายจิตใจของเด็กหญิงน้อยที่สุด...เธอไม่ควรเห็นแก่ตัว

ในเมื่อยามนี้ทุกอย่างกำลังจะสายไปหมด เธอจะไปกั้นทางเดินชีวิตของนวมลลิ์ให้พลิกกลับมาอยู่ในทางเดินของเธอ ดูท่าจะไม่ทันแล้ว

“น้าไม่เป็นไร แค่ใจหายที่ตัวเล็กจะไปไกลจากน้า”

“หนูมลไม่อยากไปนะคะ”

ไม่มีประโยชน์ นพมัลลีรู้ว่าเสียงเล็กๆ ของนวมลลิ์คงเดินทางฝ่าความหวาดระแวงของมัลลิยาไปไม่ได้ “ถ้าอยู่กับแม่ก็ต้องไปกับแม่นะตัวเล็ก จะอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

จู่ๆ มือเล็กก็โอบรอบตัวเธอไว้ เสียงเล็กดังขึ้น และคล้ายจะโยกคลอนจิตใจเธออย่างแรง นพมัลลีอยากย้ำเตือนตัวเองให้เธอยังฝัน และคิดจินตนาการไปว่าสิ่งที่นวมลลิ์พูดอยู่นั้นกำลังพูดถึงเธอ ไม่ใช่มัลลิยา

“หนูมลอยากอยู่กับแม่...ที่นี่นะคะ”



สิ่งที่ทวิชมองเห็น คือสิ่งเดียวกับที่ตุนท์กำลังจ้องมอง เขาอยากเข้าไปกอดปลอบร่างของนพมัลลีที่กำลังร้องไห้ แต่เพราะไม่อยากเข้าไปขัดช่วงเวลาของสองแม่ลูกที่นานๆ ครั้งจะได้อยู่ด้วยกันให้เสียช่วงเวลาดีๆ ไป บางครั้งการปกป้องของเขาก็ไม่ใช่จะกระทำโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ

อีกอย่างการจับจ้องปฏิกิริยาของทวิชก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน ตุนท์ใช้มือยันกับต้นสนริมหาดต้นหนึ่ง ทอดถอนใจเบาๆ

“ผมอยากให้ลีได้อยู่กับตัวเล็ก ไม่ต้องแยกกันอีก”

“อยู่ทั้งๆ ที่ลูกไม่รู้ว่าอยู่กับแม่น่ะเหรอ” ทวิชพูดเสียงขมขื่น เขาเคยทำพลาดกับนพมัลลีมาครั้งหนึ่ง และยังไม่อยากทำพลาดกับนวมลลิ์อีก “ถ้าจะได้อยู่ด้วยกัน ตัวเล็กจำเป็นต้องรู้ความจริงของเรื่องนี้ก่อน ลีห่วงจิตใจของตัวเล็กเกินไป จนฉันกลัวว่าเขาอาจใจอ่อนจนยอมปล่อยลูก”

“เหมือนที่คุณปล่อยให้ลีอยู่กับความไม่รู้มาตลอดชีวิตใช่ไหมครับ”

ทวิชหันขวับมามองตุนท์อย่างสงสัย เกิดอาการไม่ไว้วางใจเจ้าหนุ่มดีกรีดร.นี่ขึ้นมาติดหมัด ตุนท์ไปรู้ความลับอะไรที่เขาเก็บซ่อนไว้อยู่

“นายไปรู้อะไรมา”

“แม่ของลี ประกาศต่อหน้าลีว่าเขาไม่ใช่แม่ของลีครับ”

“ว่าไงนะ!”

ท่าทีตกใจจนตาเหลือกแทบถลน ก่อนที่หน้ามีสีเลือดจึงเริ่มเผือดของทวิช บอกสิ่งที่ตุนท์สงสัยมาแต่เริ่มได้อย่างดี สิ่งที่มะลิพูดคือความจริง

“คุณไม่คิดบอกความจริงให้ลีรู้บ้างเหรอครับ”

“ความจริงอะไร” ท่าทีหลุกหลิก ไม่สบตาของทวิชกลายเป็นภาพตลกร้ายสำหรับตุนท์ไปเสียได้

“ก็ความจริงเรื่องที่ว่าคุณเป็นพ่อเขาไงครับ”

“อะไรนะ!” อีกครั้งที่ทวิชต้องตกใจหนัก ไม่ใช่เพราะความจริงที่ตุนท์พูดถูกเพียงครึ่ง แต่เพราะความไม่จริงอีกครึ่งที่ตุนท์โยนมาให้ต่างหาก เขายังไม่ทันนึกแก้ต่างเจ้าเด็กหนุ่มคราวลูกก็รีบตีขลุมคิดว่าตัวเองถูกต้องไปแล้ว

“คุณ กับคุณลวิณตราเป็นพ่อแม่ของลีใช่ไหมครับ”

“...”

อาการอ้าปากค้างของทวิช อึ้ง และไร้เสียงพูดทำให้ตุนท์มั่นใจยิ่งกว่าเอาเลือดของทวิชมาเจาะตรวจดีเอ็นเอเสียอีก

“รูปในกระเป๋าเงินคุณพวกเราเห็นแล้วนะครับ” คมิกเดินขึ้นมา เช็ดผมที่เพิ่งหมาดจากการเข้าห้องน้ำล้างตัว หน้าตายียวนกับบทสนทนาที่เขาปล่อยให้ครูหนุ่มลุยเดี่ยว “คุณจะไม่คิดบอกความจริงให้ครูลีรู้จริงเหรอครับ บางทีครูลีอาจจะดีใจก็ได้” เด็กหนุ่มมองภาพสองแม่ลูกที่เดินเล่นอยู่ตรงชายหาด บางครั้งก็จู่เด็กตัวเล็กที่ทำเป็นกรี๊ดวี้ดว้ายเมื่อโดนอุ้มให้เท้าสัมผัสกับน้ำทะเล

เหอะ เด็กแสบเอ๊ย ว่ายน้ำ ดำน้ำได้อย่างกับปลาพะยูน คงไม่กลัวกับการมีน้ำมาสะกิดปลายเท้าหรอก

“นี่พวกเธอ...” ทวิชหาคำมาต่อไม่ถูก รู้แค่ว่าเขาไว้ใจเจ้าผู้ชายสองคนนี้ไม่ได้เลย อยากจะด่าน้ำก็ท่วมปาก อย่างไรลวิณตราเป็นแม่ของนพมัลลีเป็นเรื่องจริง ก็ยังหนีไม่พ้นอยู่ดี

“ผมไม่อยากรู้ว่าในอดีตมีเรื่องอะไรหรอกนะครับ” ปัญหาในครอบครัวที่ผ่านมาของพ่อแม่นพมัลลี พวกผู้ใหญ่ก็ควรจัดการสะสางให้เสร็จสิ้นกันเอง เพียงแต่เขาได้แต่หวังว่านพมัลลีจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรอีก เขาสงสารหญิงสาวที่หลายครั้งนัยน์ตาคู่นั้นจะเศร้าหมองเสมอเมื่อนึกถึงครอบครัว ยิ่งช่วงหลัง นับจากที่พบมะลิ นพมัลลีจะมีเรื่องว้าวุ่นให้คิดไม่ตกเสมอ

แค่เรื่องของนวมลลิ์ ก็น่าจะหนักพอแล้ว

“มันไม่สำคัญหรอก”

“คุณจะปล่อยให้เรื่องนี้คาใจลีเขาทำไมครับ ลีมีสิทธิ์รู้ทุกเรื่อง เขาเป็นลูกคุณ ผมเห็นการใส่ใจ ความเป็นห่วงที่คุณมีให้เขา ผมก็เชื่อว่าคุณเป็นพ่อเขานะครับ คุณเป็นพ่อที่ดีได้”

ทวิชยืนอึ้งงันอยู่ตรงที่เดิม แม้ทั้งตุนท์และคมิกจะจากไปแล้วก็ตามที คำพูดของตุนท์คล้ายสิ่งที่เขาทำหลุดหายมานานนับยี่สิบปีกลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง เขาไม่เคยมั่นใจว่าตัวเองจะเลี้ยงนพมัลลีได้ ไม่เคยเชื่อว่าตาสองตาของเขาจะมองนพมัลลีให้เป็นลูกได้จริงๆ ช่วงเวลาตอนนั้นที่เขาตัดสินใจส่งลูกให้กับพ่อที่แท้จริงของเด็กหญิงตัวน้อยผู้ไม่รู้ความ เขาคิดมาตลอดว่านั่นคือทางออกที่ดีที่สุด ถึงสิ่งที่เขาทำจะคือการบีบบังคับให้รพยาเลี้ยงลูก และเขาทำถูกแล้ว แต่ใครเลยจะรู้ว่าหลังจากนั้นเขาจะไม่เคยรู้สึกดีต่อการกระทำของตัวเอง โดยเฉพาะความรู้สึกผิดต่อลวิณตรา

เขาจะพยายามพบหน้านพมัลลีให้น้อย ปีหนึ่งไม่กี่ครั้ง เพื่อที่ใจเขาจะรู้สึกผิดให้น้อยลง แต่น่าแปลกที่ทุกครั้งที่เขารับรู้เรื่องราวเดือดร้อนของนพมัลลี เขาจะลืมความคลางแคลงใจในตัวเอง และช่วยเหลือนพมัลลีอย่างสุดความสามารถ เวลาเจอของอะไรดีๆ เขาก็จะนึกถึงนพมัลลีก่อน และซื้อส่งมาให้จากแดนไกล หรือจะในพินัยกรรมที่เขาระบุไว้ว่าทรัพย์สินทุกอย่างที่เขามี เขายกให้เจ้าหล่อน ตอนที่เขียนลงไปอย่างนั้น เขาไม่เสียเวลาคิดสักเสี้ยววินาที

หนุ่มใหญ่วัยกลางคนจมูกแดง ตาแดง เขาเพิ่งรู้ตัวว่าสิ่งที่เคยเป็นอคติในใจตัวลบหายไปนานมากแล้ว เขามองนพมัลลีเป็นลูกสาวอย่างสนิทใจ โดยไม่ตะขิดตะขวงสักนิด ตอนที่เขารู้ว่านพมัลลีมีนวมลลิ์ เขายอมวางงาน ไม่กลับไปออสเตรียเป็นปีเพื่อที่จะอยู่เลี้ยงหลาน และอยู่เป็นเพื่อนนพมัลลี คอยให้กำลังใจหลานให้กลับมาดีไวๆ หลังถูกมัลลิยานำลูกไปเลี้ยง

ลวิณตราจะโกรธไหมถ้าเขาอยากรับนพมัลลีเป็นลูกจริงๆ ก็ตอนที่ลูกของนพมัลลีปาเข้าไปเจ็ดขวบแล้ว ที่เขากลับมาไทยคราวนี้ ก็เพราะอยากให้นพมัลลีไปอยู่ด้วยกัน เขาพอรู้มาบ้างว่าที่ผ่านมานพมัลลีประสบพบเจอปัญหาในชีวิตไม่น้อย เขาอยากให้หญิงสาวได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่คงอีกพักใหญ่กว่าเขาจะเกลี้ยกล่อมนพมัลลีสำเร็จ ไหนจะเรื่องนวมลลิ์ที่ยังคาราคาซัง เรื่องความจริงที่นพยาเพียรปฏิเสธว่าตัวเองเป็นพ่อของนพมัลลี รวมทั้งเจ้าหนุ่มดร.ที่กลายเป็นคนสำคัญอีกคนในชีวิตของหลานสาวเขา

มีเรื่องอีกมากมายที่นพมัลลีต้องก้าวผ่านไปให้ได้ ตราบใดที่นพมัลลียังไม่ถามว่าใครเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงกับเขา เขาก็ควรเก็บปากให้เงียบสนิทที่สุดก่อน ตอนนี้ใจเขาคล้ายปลดห่วงที่มองไม่เห็นไปหนึ่ง

ลวิณตราคุณเชื่อเถอะว่าผมรักลูกของคุณเหมือนลูกตัวเองได้จริงๆ...



ฐานิษเพียรโทรหาวากูรเพื่อที่จะให้เขาพาไปดูชุดแต่งงานด้วยกัน แต่นอกจากครั้งแรกที่เขากดรับแล้วบอกว่าติดธุระ ไม่ว่าง หลังจากนั้นวากูรก็ไม่รับโทรศัพท์อีกเลย หญิงสาวเอะใจมาพักใหญ่เรื่องที่แฟนหนุ่มมีท่าทีที่แปลกไป เขาวางตัวกับเธอห่างขึ้น

วากูรคงไม่รู้ว่าตอนที่เธอโทรเอ่ยชวนเขานั้น เธอขับรถมาถึงหน้าที่พักเขาแล้ว จึงทันได้เห็นว่าวากูรกำลังขับรถไปที่อื่น และเธอก็ตามเขามาห่างๆ จนถึงหัวหิน อดนึกประหลาดใจว่าเขาจะมาทำอะไรที่นี่ และในลางสังหรณ์ของผู้หญิงก็ไม่ไว้ใจตามสัญชาตญาณ หรือวากูรจะนอกใจเธอ

รถของวากูรขับช้าๆ เลียบหาด ราวกับมองหาใคร กระทั่งมีลูกบอลลมลอยมาหน้ารถของวากูร ชายหนุ่มหยุดรถ พร้อมกับเปิดประตูลงมาหน้าตายิ้มแย้มยินดี เก็บลูกบอลส่งให้เด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่มาพร้อมผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง บทสนทนาที่เธอไม่ได้ยิน แต่จากท่าทางของพวกเขาทำให้ไฟในอกเธอเริ่มร้อนรุ่ม ฐานิษรู้ได้ว่าพวกเขารู้จักกัน

และไม่แน่ บางทีวากูรอาจมาที่นี่เพื่อมาหาสองคนนี้

ฐานิษจอดรถเข้าข้างทาง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสติของเธอหายไปไหน จึงเดินเหม่อออกมาหยุดยืนยังเบื้องหลังของวากูร หูได้ยินบทสนทนาชัดเจนในท่อนหนึ่ง จิตใจของเธอหล่นวูบ

“ตัวเล็กหน้าคล้ายผมตอนเด็กเลยนะ”

“งั้นเหรอคะ” น้ำเสียงเย็นชาดังขัดขึ้น วากูรหันกลับมาด้วยอารามตกใจ และทำอะไรไม่ถูก ฝ่ามือหนักๆ ของฐานิษก็ฟาดหน้าเขาเต็มแรง “ฉันอยากรู้ว่าคุณยังอยากแต่งงานกับฉันอยู่ไหม”

นพมัลลีเกลียดความบังเอิญนี้ ไม่คิดฝันว่าลูกบอลที่นวมลลิ์กำลังเล่นอยู่จะลอยออกมากลางถนน เธอรีบวิ่งตามมาดูด้วยความเป็นห่วง กลายเป็นว่าดันเจอกันกับวากูรเข้าพอดี และไม่ใช่แค่วากูรยังมีผู้หญิงแปลกหน้าที่คงจะมีฐานะพิเศษกับเขามาอยู่ที่นี่ด้วย

หญิงสาวมองสถานการณ์ตรงหน้าแล้วลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ในใจ เธอรอคอยหาทางเล่นงานคืนวากูรมาตลอด แต่อีกใจก็อยากจะเมินเฉยต่อเขา ทำเหมือนในโลกนี้ปราศจากเขาไป ในเมื่อเขาตั้งใจกลับเข้ามาในโลกของเธอ เธอก็ยินดีที่จะขับไล่ไสส่งเขาไปให้ไกล

“ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันกับเขาก็แค่เพื่อนเก่ากัน เขาก็แค่มาบอกข่าวดีกับฉันว่าเขากำลังจะแต่งงานค่ะ เขามาที่นี่ก็เพื่อหาสถานที่จัดงาน”

“จริงเหรอคะ” ฐานิษเกิดอาการไม่มั่นใจ

นพมัลลียิ้มอ่อนอกอ่อนใจ ก้มหน้าพูดกับนวมลลิ์ที่เงยหน้าขึ้นมาพอดี เธอขยิบตาให้เด็กน้อยไปข้างหนึ่ง

“ตัวเล็กว่าน้าลีโกหกเหรอคะ”

นวมลลิ์รับมุกทันที แค่ตอบไปสั้นๆ ว่า “ไม่ค่ะ”

วากูรยืนนิ่ง ปากเขาอยากปฏิเสธ แต่ก็ไม่กล้าหักหน้านพมัลลีกับนวมลลิ์ ทั้งยังไม่อยากจะเสียฐานิษไป ด้วยทั้งคู่ถือเป็นคู่รักคู่ธุรกิจที่ทางครอบครัววาดหวังไว้ไม่น้อย

“ขอโทษนะคะ ที่ฉันใช้อารมณ์ไม่เข้าเรื่อง” ฐานิษยื่นมือมาสัมผัสซีกแก้มของวากูร ดวงตาฉายร่องรอยรู้สึกผิดออกมาจากใจจริง ชายหนุ่มมองหน้าคนรักที่ดูแลเขาด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้มในอก เขาเองก็ไม่กล้าหักความรักความปรารถนาดีที่ฐานิษมีให้เช่นกัน เธอดีกับเขามาเสมอ ไม่เคยทำอะไรผิด เป็นเขาที่ทำทุกอย่างผิดมาตลอด และหากว่าเขาจะทำผิดอีก ชาตินี้เขาคงไม่หลงเหลือความดีอะไรในชีวิตอีก

วากูรมองหน้านพมัลลีที่เดินห่างออกไป ลอบถอนใจกับตัวเองเบาบาง ลึกๆ เขาไม่นึกอยากปล่อยนพมัลลีกับนวมลลิ์ไปจากเขาเลย เขาอุตส่าห์พบหญิงสาว และรับรู้ว่าเขามีลูกอยู่หนึ่งคนแล้วแท้ๆ



“เขาเป็นใครเหรอคะ” เด็กหญิงถามเสียงใส

“เพื่อนเก่าของน้าค่ะ”

“แล้วทำไมเขาบอกว่าหนูมลหน้าคล้ายเขาคะ”

“เพราะเด็กๆ ที่ไหนก็หน้าคล้ายกันทั้งนั้นไงครับ” ตุนท์เดินมาอุ้มเด็กน้อยขึ้นขี่คอ นวมลลิ์ที่ไม่ทันตั้งตัวร้องกรี๊ดเบาๆ ใช้มือวางแปะไปบนผมบนหนังศีรษะของตุนท์ จงใจลงน้ำหนักมือให้แรง

“แล้วหนูมลหน้าคล้ายลุงไหมคะ”

ตุนท์หันมาเหลียวคอมองนพมัลลีที่กอดลูกบอลลมกำลังกลั้นหัวเราะหน้าดำหน้าแดงกับการเห็นผู้ใหญ่โดนเด็กย้อนใส่ ชายหนุ่มคลอนศีรษะ เบ้หน้านิดๆ เพราะมือไม้เล็กกำลังดึงทึ้งผมเขาเล่น

“คล้ายสิ แต่หน้าตัวเล็กคล้ายน้าลีมากกว่า” ตุนท์บุ้ยปากส่งเรื่องร้อนๆ คืนแก่นพมัลลี

หญิงสาวซัดเผียะที่ต้นแขนผู้ชายร้ายกาจ โชคยังดีที่นวมลลิ์ทำหน้าอยากรู้แต่ไม่เอ่ยปากด้วเยรื่องเดิมอีก ตรงกันข้ามเรื่องใหม่นี้ดูจะเป็นปัญหากว่าเดิม

“ลุงชอบน้าลีใช่ไหมคะ”

“ใช่” ตุนท์ตอบเสียงนุ่ม มั่นคง สายตาจ้องคนถูกชอบให้รู้สึกร้อนผ่าวในใจ

คนถูกชอบหน้าตาแดงก่ำ ชักอยากแยกคนโตคนเล็กให้ห่างออกจากกัน จะได้เลิกสนทนาด้วยเรื่องนี้อีก

“ลุงมีอะไรดี ถึงกล้ามาชอบน้าลีของหนูมล”

“หืม?” ตุนท์หยุดกึก แหงนหน้ามองเด็กหญิงที่เขาให้วางขาบนไหล่ สายตาไม่ชอบขี้หน้าเขาฉายชัดจนตุนท์ต้องกู่ร้องในอกเงียบๆ

ซวยแล้วไง ลูกไม่ปลื้ม

………………………………………………
คุณ ร้อยวจี ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเล็กแอบติดนิสัยร้ายๆ ของมัลลิยา หรือนพมัลลีมานะคะ ฮา

คุณ konhin อ่านแล้วเวรกรรมของเรื่องค่อยๆ ย้อนกลับค่ะ ใครทำอะไรไว้ก็ค่อยๆ รับไป ไม่ปุบปับ อย่างตอนนี้ตัวละครหลายตัวก็ไม่มีความสุขกันเลย

คุณ OhLaLa จะว่าไปคนที่มีความสุขที่สุดในเรื่องนี้น่าจะเป็นตัวเล็กนะคะ ฮา ทุกคนต้องเอาใจนาง ไม่กล้าทำนางเสียใจ ส่วนคนรอบข้างนี่ทุกข์ระทมกันถ้วนหน้า

คุณ violette ตอนนี้เพิ่มตุนท์มาปวดหัวให้กับความไม่ปลื้มของตัวเล็กอีกคนค่ะ ฮา จริงค่ะ ถ้าตอนแรกมัลลิยาเปิดใจ มองตัวเล็กเป็นลูกบุญธรรม ไม่ไปแย่งลูกเขามาปัญหาก็คงไม่เกิด ตอนนี้ต้องมาอยู่อย่างหวาดระแวงแทน

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ไว้รอให้ตัวเล็กโตกว่านี้จะแยกเรื่องให้คมิกเลยค่ะ ฮา ตอนนี้จิบยาขมๆ ของเรื่องนี้กันไปก่อนนะคะ ^^

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกความคิดเห็น แล้วก็ทุกคนที่กดถูกใจนะคะ ขอให้อ่านกันให้สนุกค่า



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 มี.ค. 2558, 15:01:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 มี.ค. 2558, 15:01:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1438





<< บทที่ 16 : ตุลาไปด้วย   บทที่ 18 : พ่อลูก >>
ร้อยวจี 12 มี.ค. 2558, 15:10:27 น.
เอาล่ะสิ เป็นเรื่องแล้วไหมล่ะ นายตุลย์


konhin 12 มี.ค. 2558, 23:00:33 น.
ตัวเล็กตอบถูกนะ เพราะในความทรงจำของเค้า แม่ไม่ใช่น้า


violette 13 มี.ค. 2558, 01:37:52 น.
โอย ตัวเล็กตอบได้ฉลาดมากค่ะ 555
อาจจะแอบได้ความร้ายมาจากพ่อก็ได้นะนี่
พ่อแท้ๆของลี นี่ตัวเริ่มต้นความเลวร้ายเลย เฮ่อ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account