เงามาร (กำลังรีไรท์ค่ะ)
'วาลาดา' ตื่นขึ้นมาพร้อมกับการรับรู้ว่าตัวเองมีสามีมีลูกแล้ว
ที่สำคัญ สามีของเธอคือเพื่อนในวัยเยาว์ที่ห่างเหินกันไป
หลายปีแล้ว เธอไม่ได้มีใจให้เขา เขาเองก็เกลียดเธอ
เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือสามีของเพื่อนรักของเธอ
คำว่า "แย่งสามีเพื่อน"
กู่ก้องอยู่ในหัวและทำให้หัวใจของหญิงสาวแหลกสลาย...
เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปมีอะไรกับเขาตอนไหนจนมีลูก
กับเขาได้...แต่ลูกที่มีหน้าตาผสมผสานระหว่างเธอกับเขา
อย่างลงตัวทำให้เธอดื้นไม่หลุดกับหลักฐานการกระทำ
ของตัวเอง...
ความจริงดังกล่าว...ส่งให้ดาวดวงใหม่ที่ควรจรัสแสงแรงกล้า
อยู่บนฟากฟ้ากลับถูกกระชากลงมาให้แปดเปื้อนกลิ่นคาวคละคลุ้ง
ด้วยน้ำมือของใครบางคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเงาดำนั้น
หญิงสาวก็สุดจะคาดเดาได้...
หญิงสาวที่ควรมีความสุขไปบนหนทางอันดีงาม เส้นทางของดาว
กลับถูกดึงรั้งเข้ามาสู่เส้นทางของมาร...เมื่อถูกความมืดมน
ดุจเมฆดำเข้าครอบงำฝังจิตใจ...เปลี่ยนผู้หญิงที่เคยแสนดี
กลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจ...นั่นคือเธอที่กำลังถูกใครๆ
กล่าวขานอย่างไม่มีจบสิ้น...
ทางเดียวที่จะรอดพ้นไปได้ นั่นก็คือ เธอต้องต่อสู้กับมันให้ชนะ ต่อสู้กับเงามารที่คอยตามรังควานชีวิตเธอทั้งชีวิตให้ย่อยยับ
โดยไม่รู้เลยสักนิดว่า...เงามารที่เธอเห็นนั้นมีใครซ่อนอยู่
หลังเงานั่น...รอ...รอวัน...เพื่ออะไรบางอย่าง...
รอคอยและเฝ้าดูอยู่ข้างหลังอย่างอดทน...
ชักใยซึ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างพิถึพิถัน...และล้ำลึก...
วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบและรัดกุม
ช่างเป็นการรอคอยอันแสนยาวนาน รอให้เธอมีความสุขที่สุด
ประสบความสำเร็จที่สุด พอได้จังหวะเหมาะจึงเข้าโจมตี...
จนวาลาดาคาดไม่ถึงว่าจะมีใครอดทนรอคอยเพื่อจองเวรเธอ
ได้นานถึงเพียงนี้...ช่างเป็นการทุ่มเทที่น่ากลัวเหลือเกิน...
เธอรู้...รู้ว่าสิ่งที่สำคัญ...คือเธอจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือ
หลังจากโดนโจมตีจนย่อยยับอับปางนี้ต่อไปอย่างไร...
นั่นคือ...สิ่งที่เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่...
และอีกอย่างที่เธอจะต้องทำคือ...หาคนที่ซ่อนอยู่หลังเงานั้น
ให้เจอ! และถามให้รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร
และ...
หวังเพียงว่า...เธอจะไม่ถูกมันครอบงำได้อีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...เธอจะได้พบกับแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...ผู้ที่เธอได้ทำร้ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวจะให้อภัย
หวังเพียงว่า...เขาจะเข้าใจ เชื่อใจ อภัย และรักเธอ
หวังเพียงว่า...ยอดดวงใจซึ่งคือลูกน้อยจะปลอดภัย ไร้มลทิน
...ขอเพียงได้อยู่ดูแลคุ้มภายคุ้มใจคนที่รักตลอดไป...
...ขอเพียงคนที่เธอรักปลอดภัย เข้าใจ ให้อภัย
และรักเธอเท่านั้น....
ที่สำคัญ สามีของเธอคือเพื่อนในวัยเยาว์ที่ห่างเหินกันไป
หลายปีแล้ว เธอไม่ได้มีใจให้เขา เขาเองก็เกลียดเธอ
เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือสามีของเพื่อนรักของเธอ
คำว่า "แย่งสามีเพื่อน"
กู่ก้องอยู่ในหัวและทำให้หัวใจของหญิงสาวแหลกสลาย...
เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปมีอะไรกับเขาตอนไหนจนมีลูก
กับเขาได้...แต่ลูกที่มีหน้าตาผสมผสานระหว่างเธอกับเขา
อย่างลงตัวทำให้เธอดื้นไม่หลุดกับหลักฐานการกระทำ
ของตัวเอง...
ความจริงดังกล่าว...ส่งให้ดาวดวงใหม่ที่ควรจรัสแสงแรงกล้า
อยู่บนฟากฟ้ากลับถูกกระชากลงมาให้แปดเปื้อนกลิ่นคาวคละคลุ้ง
ด้วยน้ำมือของใครบางคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเงาดำนั้น
หญิงสาวก็สุดจะคาดเดาได้...
หญิงสาวที่ควรมีความสุขไปบนหนทางอันดีงาม เส้นทางของดาว
กลับถูกดึงรั้งเข้ามาสู่เส้นทางของมาร...เมื่อถูกความมืดมน
ดุจเมฆดำเข้าครอบงำฝังจิตใจ...เปลี่ยนผู้หญิงที่เคยแสนดี
กลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจ...นั่นคือเธอที่กำลังถูกใครๆ
กล่าวขานอย่างไม่มีจบสิ้น...
ทางเดียวที่จะรอดพ้นไปได้ นั่นก็คือ เธอต้องต่อสู้กับมันให้ชนะ ต่อสู้กับเงามารที่คอยตามรังควานชีวิตเธอทั้งชีวิตให้ย่อยยับ
โดยไม่รู้เลยสักนิดว่า...เงามารที่เธอเห็นนั้นมีใครซ่อนอยู่
หลังเงานั่น...รอ...รอวัน...เพื่ออะไรบางอย่าง...
รอคอยและเฝ้าดูอยู่ข้างหลังอย่างอดทน...
ชักใยซึ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างพิถึพิถัน...และล้ำลึก...
วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบและรัดกุม
ช่างเป็นการรอคอยอันแสนยาวนาน รอให้เธอมีความสุขที่สุด
ประสบความสำเร็จที่สุด พอได้จังหวะเหมาะจึงเข้าโจมตี...
จนวาลาดาคาดไม่ถึงว่าจะมีใครอดทนรอคอยเพื่อจองเวรเธอ
ได้นานถึงเพียงนี้...ช่างเป็นการทุ่มเทที่น่ากลัวเหลือเกิน...
เธอรู้...รู้ว่าสิ่งที่สำคัญ...คือเธอจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือ
หลังจากโดนโจมตีจนย่อยยับอับปางนี้ต่อไปอย่างไร...
นั่นคือ...สิ่งที่เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่...
และอีกอย่างที่เธอจะต้องทำคือ...หาคนที่ซ่อนอยู่หลังเงานั้น
ให้เจอ! และถามให้รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร
และ...
หวังเพียงว่า...เธอจะไม่ถูกมันครอบงำได้อีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...เธอจะได้พบกับแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...ผู้ที่เธอได้ทำร้ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวจะให้อภัย
หวังเพียงว่า...เขาจะเข้าใจ เชื่อใจ อภัย และรักเธอ
หวังเพียงว่า...ยอดดวงใจซึ่งคือลูกน้อยจะปลอดภัย ไร้มลทิน
...ขอเพียงได้อยู่ดูแลคุ้มภายคุ้มใจคนที่รักตลอดไป...
...ขอเพียงคนที่เธอรักปลอดภัย เข้าใจ ให้อภัย
และรักเธอเท่านั้น....
Tags: ดราม่า ซุลก๊อตไนท์ วาลาดา นาดีม มาร มารร้าย ไสยศาสตร์ ญิน นุฮา อะสุเซน่า วารินทร์ อานิต้า
ตอน: บทที่ 26 เรือรักกระดาษ (100%)
ณ บ้านสวน ยามค่ำคืนดึกสงัด ดาวลอยสูงดูสวยเด่น
วาลาดาแอบมองมาจากหน้าต่างของห้องส่วนตัวของน้องสาว
ที่พี่สาวคนโตเพิ่งขอแยกตัวออกไปนอนห้องตัวเอง…
นานๆเธอจะได้มองดาวกระจ่างฟ้าเคียงคู่กับแสงจันทร์นวลตา แลดูอ่อนหวาน…
“ยิ้มแบบนี้…คิดถึงใครอยู่ใช่มั้ยล่ะ…” เสียงน้องสาวเย้าแหย่คนเป็นพี่
ที่นั่งเหม่อมองท้องฟ้าตรงขอบหน้าต่างห้องนอน
วาลาดาหันมายิ้มให้น้องสาว เป็นยิ้มที่กระจ่างใสกว่าหลายๆครั้ง
หลังจากผ่านมรสุมหนักมา…
การกลับมาอยู่บ้านเกิดอีกครั้งทำให้คืนวันเก่าก่อนหวนกลับมา…
ก่อเกิดเป็นภาพความสุขใจ…แม้วันนี้จะเหนื่อยล้า แต่อย่างน้อยอดีตที่ผ่านมา
ก็ยังสามารถทำให้ยิ้มได้เมื่อนึกหวนกลับไป
“คิดถึงวันเก่าก่อนน่ะ…นึกถึงตอนที่พวกเราช่วยพ่อปลูกกล้ามะละกอ
ปลูกต้นกล้วยด้วยกัน พอไม่นานพ่อก็ต้องไปทำงานต่างจังหวัด
บอกว่าจะไปยาวนาน…กว่าจะกลับมาก็อีกนาน แล้วบอกพวกเราว่า
จะซื้อของมาฝาก…ซื้อของเล่นมาให้…เธอกับบีดีนกระโดดเกาะหน้าเกาะหลังพ่อ
ไม่ยอมให้ไป…บอกว่าไม่เอาของฝาก ไม่เอารถ ไม่เอาของเล่น
จะเอาพ่อคนเดียว…พี่เองก็อยากเข้าไปกระโดดเกาะพ่อเหมือนกันนะ แต่ไม่กล้าทำแล้ว…
อายคนอื่นน่ะ…มันโตเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้แล้ว…”
คนเป็นน้องยิ้มบางเมื่อโดนเท้าความหลังตอนที่ตัวเองยังไร้เดียงสา…
“พอคิดถึงพ่อมากๆพวกเราก็จะหันไปเอาใจต้นมะละกอของพ่อแทน
ราวกับว่ามันเป็นตัวแทนของพ่อ…ต้นกล้วยก็ยังมีคนแถวนี้รดน้ำให้ทุกวัน
แบกบัวรถน้ำก็ไม่รอดก็ยังจะแบก…พี่ยังจำภาพเธอกับบีดีนช่วยกันแบกบัวรดน้ำได้เลย…
กว่าพ่อจะกลับ มะละกอก็ออกลูกแล้ว เราเลยเอามะละกอมาปอกเปลือก
มีการแกะสลักซะสวยงาม ทำกันอย่างสุดฝีมือ เพื่อต้อนรับการกลับมาของพ่อ…”
“แหม…ว่าแล้วก็ให้นึกถึงจริงๆนะเนี่ย…ตอนนั้นพ่อหอบข้าวของมาเยอะแยะเลย
แต่เราไม่สนใจอะไรสักอย่าง นอกจากจะวิ่งไปรุมทึ้งพ่อกันใหญ่…
ส่วนแม่ก็ยืนน้ำตาไหล…ว่าแล้วก็คิดถึงแม่เหมือนกันเนอะพี่วาเนอะ…”
วาลาดาพยักหน้าให้น้องสาว น้ำตาเอ่อนองนิดๆเมื่อคิดถึงมารดา
เป็นน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจมากกว่าจะเป็นความเศร้าหมอง…
“ว่าแต่พ่อซุลฟาล่ะ…” เสียงที่ใช้เรียกชื่อหลานฟังดูอ่อนหวานปนเอ็นดู
“พี่ไม่คิดถึงหรือ…” วาลาดาหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อน้องสาวพูดถึง 'ซุลก๊อตไนท์'
คนที่เธอมารอเขาอยู่ที่นี่เกือบสามสัปดาห์แล้วก็ยังไม่มีโผล่หน้ามาให้เห็นเลยสักครั้งเดียว…
คงจะรอให้ดอกทานตะวันของลูกชายของเธอบานแล้วก็เห่ียวถึงจะโผล่มาหรือไงก็ไม่รู้…
เพชรบุรีกับกรุงเทพมหานครคงไกลกันสุดหล้าฟ้าเขียว
จึงต้องใช้เวลาในการเดินทางเนิ่นนานเช่นนี้…
“เรือกระดาษน่ะ…ไหลลอยล่องไปได้ไม่นานก็เปียกและล่มสลาย…”
ใกล้กันบอกว่ารักเรา พอห่างกันก็แปรผันบอกรักคนอื่น
ดอกไม้กลิ่นแรงคงล่อแมลงตัวผู้มาดมจนติดใจไปไหนไม่รอด…
“บางที่พี่ก๊อตอาจมีความจำเป็นบางอย่างก็ได้นะพี่วา…”
วาลาดาส่ายหน้า ไม่อยากปลอบตัวเองให้พยายามเข้าข้างเขาอีก
เธอพยายามหาเหตุผลมาเข้าข้างเขาตลอด พร่ำบอกตัวเองว่าเขารักเธอ
สายตาที่เขาจ้องมองเธอนั้นมันคือสายตาแห่งความรัก…คนไม่รักจะใช้
สายตามองเธอแบบนั้นได้หรือ…
หากพอมองความจริงตรงหน้าที่ปรากฏกลับไม่พบเขาอยู่ตรงนี้…
กี่คืนแล้วที่เธอต้องหลับไปทั้งน้ำตา เห็นแต่ภาพและน้ำคำที่เขาบอกว่าจะไม่ไปรักใคร…
ในใจเขามีเพียงเธอ…มันโกหกทั้งเพ!
คืนที่เขามีคนอื่นอยู่เคียงข้างกาย เป็นคืนที่เธอต้องกอดตัวเองด้วยความปวดร้าว
แล้วหลับไปทั้งน้ำตา…ตื่นขึ้นมาก็หวังว่าจะลืมๆทุกอย่าง…
แต่ไม่ว่าจะตื่นขึ้นกี่ครั้งเงาของเขาก็ยังไม่ไปไหน…ยังก่อกวนเธอทั้งยามหลับและยามตื่น
“เขาไม่สนใจ แม้แต่จะโทรมาด้วยซ้ำไปฮานี…”
เหมือนเขายังอยู่ เหมือนว่ายังเหมือนมี ‘เรา’ อยู่เดิมที่เก่า…
หากเมื่อมองดูดีๆ กลับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น คนที่มองหาไม่รู้ว่าหายไปไหน…
ใช่ เขายังอยู่ เขายังอยู่เพียงแค่ในความรู้สึกเท่านั้น…
หัวใจเธอเลยรอนแรมไปมา หลบไปตรงโน้น ขยับไปตรงนั้น ซานซมกลับมาตรงนี้…
ถูกลมรักพัดพา แต่ไม่ว่าจะอย่างไร…เขาก็ยังเหมือนเดิม เป็นคนเดิมที่แตกต่าง!
“เอาไงกับซุลฟาดี…” ฮานียาเปลี่ยนเรื่องเสียเมื่อเห็นว่าการพูดถึง
บุคคลที่สามทำให้อีกคนเป็นทุกข์
“ให้นอนห้องนี้ดีกว่า…พี่วาแค่กลับไปเอาข้าวของจำเป็นในห้องมาไว้ในห้องฮานี
แล้วมานอนด้วยกันก็แล้วกันนะ…ฮานีจะได้นอนกอดซุลฟาด้วย…”
น้องสาวของเธอเสนอแนะพร้อมกับยิ้มให้อย่างเข้าใจ
“ได้…งั้นเดี๋ยวพี่กลับมานอนด้วยนะ…” พูดจบก็รีบลุกขึ้นกลับไปยังห้องส่วนตัวทันที…
เมื่อหันหลังปิดประตูห้องด้วยความเคยชิน กลับรู้สึกเหมือนมีเงาอะไรทาทับตัวเอง
เป็นเงาสูงใหญ่ทีเดียว พอหันกลับไปก็ถูกเงานั่นจู่โจมเข้าใส่
วาลาดายกมือผลักใส ดึงดัน
“ปล่อยนะ…”
“อย่าส่งเสียงดังซี…เดี๋ยวคนอื่นก็ตื่นกันหมดบ้านหรอก…”
เสียงนั้นส่งผลให้วาลาดาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของกรงขังที่กักตัวเธอเอาไว้
“ก๊อต!” เขาส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยน
“ก็ฉันน่ะสิ…คิดถึงวาจัง…” พูดจบก็ก้มลงจุมพิตริมฝีปากเธอหนักๆแล้วผละออกมา
ก่อนจะจุมพิตตรงปลายคางเธอแล้วสบตาเธอนิ่ง
วาลาดาผลักเขาออกด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนคนร่างใหญ่ถึงกับเซไปทางด้านหลัง
“มาทำไมเอาป่านนี้…กลับไปเลยนะ กลับไปที่ที่คุณจากมา…”
วาลาดาเปิดปากไล่เขาโดยทันที สรรพนามที่ใช่เรียกเขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม…
“วา!” ซุลก๊อตไนท์ตกใจ มองวาลาดาอย่างงุนงง
“นี่เธอจำฉันไม่ได้รึไง…” วาลาดาส่ายหน้า
“จำได้…เพราะใบหน้าคุณคือซุลก๊อตไนท์คนเดิม…แต่ฉันแค่เพียง
ไม่ค่อยแน่ใจว่านี่ใช่พ่อของลูกชายฉันรึเปล่า…ใครปล่อยให้คุณเข้ามา”
ซุลก๊อตไนท์ถึงกับอึ้งไปหลายนาทีกว่าจะพูดได้
“พ่อ…พ่อเป็นคนเปิดประตูให้ฉันเข้ามา…” วาลาดาพยักหน้าหงึกๆ
ก่อนจะแค่นยิ้มออกมา
“คงจะมีเพียงฉันเท่านั้นที่รู้สึกว่าคุณไม่ใช่พ่อของลูกฉัน…ไม่ใช่…”
สายตาที่วาลาดาใช้มองเขานั้นดูประหลาด จากคนที่เกินกว่าคนคุ้นเคย
กลับทำให้เขาเริ่มหวาดหวั่นขึ้นมา
“นี่ฉันไงวา…ฉันก็คือคนเดิม คนที่…เธอรักและไว้ใจไงล่ะ…”
วาลาดาส่ายหน้า
“คนที่ฉันรักและไว้ใจ…เขาตายไปนานหลายเดือนแล้ว…
ฉันยังอยู่ในช่วงไว้อาลัยให้เขาอยู่…คงรักใครอื่นตอนนี้ไม่ได้หรอก…
ถ้าคุณคิดจะมาจีบฉันล่ะก็…กรุณากลับไปเถอะ…ที่นี่มีแต่แม่ม่ายสามีตาย…
อย่ามาจีบให้เสียเวลาเลย”
หญิงสาวอยากรู้ว่าเมื่อไหร่ความรักจะหยุดทำลายหัวใจเธอเสียที…
เมื่อไหร่เธอจะหยุดรักเขาได้เสียที…
ขอได้ไหม แค่สักคนที่จะไม่ทำร้ายเธอเจ็บปวดใจแบบนี้
ขอแค่คนเดียวที่รักเธอจริงสักที ไม่ต้องจบแบบเดิมๆซ้ำๆซากๆ
ลงเอยด้วยหยาดน้ำตาแบบนี้…
“พอหรือยังกับการใช้หนี้คุณด้วยความเจ็บ…หรือว่ายังไม่พอ
ถึงได้มาทวงถึงที่นี่เอาป่านนี้อีก…บอกมาเลยว่าต้องเจ็บอีกเท่าไหร่
ถึงจะปิดบัญชีหนี้ที่ฉันติดคุณไว้หมดสักที…”
วาลาดากลั้นน้ำตา มองคนที่อยู่ๆก็มา อยากจะไปก็ไป…ปล่อยให้เธอรอแล้วก็รอ…
เหมือนทานตะวันที่ปลูกไว้รอ บานแล้วก็เหี่ยว แล้วค่อยๆตายลงอย่างช้าๆ
“สามีฉันเขาท้ิงฉันไว้ให้กอดคำว่ารักของเขาเอาไว้เท่านั้นเอง…”
ซุลก๊อตไนท์ยืนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็งกับหลายๆประโยคจากวาลาดา
“ขอโทษ…” นั่นคือถ้อยคำที่เขาพอจะเอ่ยออกมาได้
หลังจากที่ลิ้นโดนแช่แข็งเอาไว้นานหลายนาที
“คุณจะขอโทษฉันแทนสามีที่ตายไปแล้วของฉันน่ะหรือ…ไม่ต้องหรอก
เพราะเราจากกันด้วยความเข้าใจ…”
วาลาดาพยายามสะกัดกลั้นน้ำตาด้วยความปวดร้าว…
ยิ่งเห็นแววตาที่แสดงออกถึงความทุกข์ของเขา
มันเหมือนเข็มหมุดที่สาดเข้าทิ่มแทงใจเธอให้เจ็บปวดทุกข์ทนไม่แตกต่าง…
แต่ไม่ว่าจะรักเขาหนักหนา แต่เธอก็ไม่เคยไขว่คว้าตัวตนที่แท้จริงของเขาได้เลย…
เขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหมือนคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน…
พฤติกรรมในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาของเขามันเหมือนไม่ใช่เขาเลย…
เขาเปลี่ยนไปเพราะนาดีม…หรือเพราะว่าเขากำลังเตรียมที่จะทำลายหัวใจเธอ
ครั้งสำคัญกันแน่…
“ขอโทษที่ปล่อยให้รอ…” เขาบอกและกำลังจะอ้าปากเพื่ออธิบาย
ทว่าหญิงสาวเจ้าของห้องกลับยกมือห้าม
“ฉันไม่ได้รอคุณ…เพราะคุณไม่ใช่สามีฉัน…คุณก็แค่คนแปลกหน้า
ที่บุกรุกห้องของฉันในยามวิกาล…ถ้าไม่รีบออกไป ฉันจะเรียกตำรวจ
มาจับคุณโยนออกไป…” ว่าอย่างไม่ยี่หระพร้อมบ่ายหน้าหนี
แล้วเดินเลี่ยงไปหยิบหมอนและผ้าห่มในตู้มากอดเอาไว้ เดินไปยังประตูห้อง…
ทว่ากลับถูกเขากระชากกลับด้วยแรงมหาศาลจนตัวเธอลอยสูงจากพื้นไม้
ก่อนจะตกลงบนที่นอนนุ่มๆ ปากของเธอถูกมือของเขาที่กำลังคร่อมร่างของเธอ
เอาไว้ด้านบนปิดเอาไว้ไม่ให้พูดหรือส่งเสียงใดๆ
“เธอก็รู้ว่าฉันคือสามีเธอนะวาลาดา…ทำไมต้องให้ตอกย้ำ…
หรือว่าไม่นอนด้วยกันนานเลยแกล้งทำเป็นลืม…”
เสียงอู้อี้ของคนที่อยู่ใต้ร่างใหญ่ดังออกมาไม่ขาดสาย…
“ฉันเสียใจ…เธอได้ยินมั้ยว่าฉันเสียใจ…” ประโยคน้ันช่างเรียกน้ำตาของเธอ
ให้ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด…มือที่ปิดปากเธอเอาไว้
จึงขยับขึ้นซับน้ำตานั้นให้อย่างอ่อนโยน…
“ฉันเสียใจ…” เขาพูดได้แค่นี้ แค่นี้เองหรือ…บอกซ้ำๆว่าเสียใจ
“เพราะวามีน้อยเกินไปใช่มั้ยก๊อต…มีไม่เท่าเขาใช่มั้ย…
ที่วามีมันยังไม่ยิ่งใหญ่เท่าที่ก๊อตฝันใช่มั้ย…ก๊อตถึงต้องหาเพิ่ม”
แววตาของหญิงสาวมีแต่ความคลางแคลงใจและสับสน
หน้าหนังสือพิมพ์ นิตยสารหลายฉบับมีเรื่องราวของเขากับนาดีม
อ่านเนื้อหาในนั้นทีไรแล้วต้องหันมามองตัวเองทุกที…
“แค่ก๊อตบอกว่าวามีไม่พอ วาก็พร้อมจะเข้าใจ…
แต่ก๊อตมาบอกว่า เสียใจ…วาไม่เข้าใจ…
ว่าที่ก๊อตไม่เหลียวแลวามันทำให้ก๊อตเสียใจยังไง”
วาลาดาใช้แววตาคาดคั้นเอาคำตอบจากเขาไปด้วยตัดพ้อต่อว่าเขาไปด้วย…
ซึ่งส่งผลให้คนที่คร่อมร่างเธอถึงกับผละออกมานั่งตรงขอบเตียงแทน…
และเพียงไม่นาน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ซุลก๊อตไนท์จึงลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู ฮานียาตกใจเมื่อเห็นว่าใคร
เป็นคนมาเปิดประตูห้องพี่สาวของตน
“เอ่อ…ฮานีมาดูพี่วาค่ะ…เห็นพี่วาหายมานาน…” วาลาดาลุกขึ้นปาดน้ำตา
และเมื่อคนเป็นน้องมองเข้าไปเลยพอจะเข้าใจ
จึงบอกพี่สาวที่นั่งตรงขอบเตียงให้ได้ยินว่า
“คืนนี้ให้ซุลฟานอนกับฮานีนะคะ…ถ้ามีอะไรฮานีค่อยมาเคาะเรียกน้า”
บอกแล้วก็หันไปแค่นยิ้มให้พี่เขยที่ยืนหน้านิ่งอยู่หน้าประตู
อย่างไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน ราวกับจะใช้ร่างอันใหญ่โตของตน
ปิดทางไม่ให้เธอได้เข้าไปหาพี่สาว หรือไม่แน่ว่าอาจจะไม่อยากเปิดทาง
ให้พี่สาวออกมาจากในนั้น…
“จ๊ะ…เดี๋ยวพี่จะไปเคาะห้องนอนด้วย…” วาลาดาบอกเอ่ยเช่นนั้น
ก็เพื่อหมายจะบอกกับอีกฝ่ายว่าเธอประสงค์จะนอนกับน้องสาว
“แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน งั้นฮานีไปนอนก่อนนะ…” ว่าแล้วก็รีบเผ่นทันที
เพราะจากที่ดูๆแล้วสถานการณ์ภายในช่างคุกรุ่นใช่ย่อย…
สามีภรรยาเวลาผิดใจกัน คนนอกอย่างเธอควรอยู่ให้ห่างๆไว้ก่อนเป็นดีที่สุด…
ซุลก๊อตไนท์ปิดประตูลงกลอนแน่นหนาก่อนจะหันกลับมายังเจ้าของห้อง
ที่หันไปหยิบหมอนและผ้าห่มที่หล่นอยู่บนพื้นมากอดเอาไว้
แล้วตั้งใจจะเดินไปนอนห้องน้องสาว
แต่กลับถูกแขนข้างขวาของซุลก๊อตไนท์ตวัดรวบเอวเอาไว้กักกันไม่ให้ออกไปได้…
ก่อนจะผลักร่างอวบอิ่มยันผนังห้อง…เบียดร่างเข้าแนบชิด…
วาลาดาบ่ายหน้าหลบหนีใบหน้าเขาที่ก้มลงมาหา จมูกโด่งปลายแหลม
จึงพุ่งเป้าไปที่แก้มนวล ฝังลงไปแล้วค่อยๆลากไล้ไปยังซอกคอหอมกรุ่น
ซึ่งเป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวของวาลาดาที่ทำให้เขาติดอกติดใจ
มันไม่ใช่กลิ่นของน้ำหอม แต่เป็นกลิ่นกายของเธอ กลิ่นหอมหวาน ชวนให้ซุกซบ…
และฝันถึงอยู่ทุกค่ำคืน…
พอได้สูดดมก็ยิ่งจุดไฟปรารถนาให้ลุกโชน…
หากคราวนี้กลับถูกเธอปฏิเสธและต่อต้านสัมผัสของเขาอย่างแข็งขืน
“ปล่อย…” วาลาดาใช้สองมือผลักใสเขา ชายหนุ่มจึงยกสองมือ
ไปรวบเอาไว้เหนือศีรษะของเธอก่อนจะก้มลงสูดดมกลิ่นกายอันพึงใจนั่น
เพียงไม่นานก็ยกร่างนั้นขึ้นอย่างง่ายดาย
“สามีเธอยังไม่ได้ตายหรอกวา…ฉันขอยืนยัน…”
เขาเอ่ยขึ้นเมื่อยามวางเธอลงบนเตียงนุ่มเรียบร้อยแล้ว
วาลาดารีบผุดลุกทันที ทว่ากลับถูกเขาผลักให้ล้มลงไปนอนพร้อมกับทิ้งตัวตามลงมา…
มอบจุมพิตแสนหวาน ละมุนละไมให้เธอ มอบความอ่อนโยน
ไม่มีการเอาแต่ใจอย่างที่มักเรียกร้องจากเธออยู่เสมอ
คราวนี้เขากลับมาพร้อมความหวานฉ่ำ อ่อนโยนโอนอ่อนต่อเธอ
ปรนเปรอความสุขให้เธออย่างเอาอกเอาใจ…
จากแรกเริ่มที่ตั้งเป้าจะปฏิเสธก็พลันใจอ่อนจนเผลอล่องนาวาไปกับเขา
ล่องไปกับเรือรักกระดาษที่่คลื่นซัดสาด พาให้ใจอ่อนไหว
ยอมตรมเพื่อให้ได้มาเพื่อความสุขชั่วข้ามคืน
แล้วไปรอเอาความทุกข์ทรมานหลังจากนี้…
ในวันที่เขาจะลงดาบเพื่อผ่าอกควักหัวใจเธอไปย่ำยีและเหยียบย่ำอีกครั้ง
ดั่งที่เคยทำมานับครั้งไม่ถ้วน
…เขาทำร้ายเธอหรือ…เปล่าเลย…ถ้าเธอไม่ยอมให้เขาเข้ามาสู่หัวใจ
เขาหรือจะทำร้ายหัวใจเธอได้…
เป็นเธอเองที่ทำร้ายหัวใจตัวเอง…
วาลาดาหลับตานอนตะแคงข้างหันไปอีกทางโดยมีลำแขนของเขา
โอบเอวเธอกอดเธอเอาไว้แนบชิดกับแผงอกของเขา
เสียงหัวใจของเขาที่เธอไม่ได้ยินมาเป็นเดือนๆไม่เคยเลือนไปจากความรู้สึก
มันดูมีชีวิต เต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับเธอ…
“ถ้าฉันไม่อยู่ เธอดูแลตัวเอง ดูแลลูกได้มั้ยวา…”
เขาถามเธอเสียงเบาหวิว ทว่าหนักแน่นยิ่งนัก
ทำเอาหัวใจคนฟังถึงกับสะดุด หันมาทางเขาทันทีทันใด ตาสบตา
จ้องกันอยู่ในท่านั้นอยู่นานทีเดียว
ซุลก๊อตไนท์จึงจุมพิตหน้าผากเกลี้ยงเกลานั้นหนักๆ…ก่อนจะจับคางของเธอ
แล้วจุมพิตริมฝีปากนั้นอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะผละออกมา
ทว่ามือนั้นยังคงจับคางวาลาดาเอาไว้อยู่ ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนยิ่งนัก
“เธอต้องเข้มแข็งไม่ว่าจะเผชิญกับอะไร…เธอต้องผ่านมันไปให้ได้
พาลูกผ่านมันไปให้ได้นะวา…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…เธอต้องปกป้อง
รักษามรดกล้ำค่าของเราเอาไว้ให้ได้…ต้องหยัดยืน…ต้องอดทน…เข้าใจมั้ย…”
วาลาดารู้สึกราวกับเสียงหัวใจของเขาที่ยังดังอยู่ในหัวเธอกลายเป็นเสียงของนาฬิกา…
รู้สึกใจหายอย่างไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรถึงได้รู้สึกเช่นนี้
แล้วเขาก็ลุุกขึ้น หยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่
ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าของเธอที่เขาถอดโยนไปกองอยู่บนพื้นกลับมาสวมใส่ให้เธอ
ปฏิิบัติกับเธอราวกับเธอเป็นเด็กน้อยที่ต้องมีเขาคอยเอาใจใส่…
หลังจากนั้นก็พาเธอไปนั่งตรงหน้าต่างห้อง
ฉุดรั้งให้เธอนั่งลงบนตักของเขาพร้อมกับกอดเธอเอาไว้แน่น…
“ฉันต้องเดินทางไกล…” วาลาดาเหลียวหันมามองใบหน้าเขา
หากเขากลับยิ้มให้ทั้งปากทั้งตา…
“เป็นการเดินทางไกลอยู่ใต้แสงจันทร์…แต่ฉันจะคิดถึงเธอทุกวันทุกคืน
โดยเฉพาะคืนที่มีแสงจันทร์อ่อนหวานเหมือนเช่นค่ำคืนนี้…”
ว่าพลางมองไปยังดวงจันทร์ที่ทอแสงนวลผ่องกระจ่างอยู่บนฟ้าที่มืดมิด
“ฉันจะฝากใจไว้ในแสงดาวเดือน…รอตะวันรุ่งนะวา…
เมื่อตะวันขับไล่ความมืดไปได้เมื่อไหร่…ฉันจะกลับมาหาเธอ กลับมาหาลูก…
เราจะมาปลูกต้นทานตะวันด้วยกัน…จะไม่มีใครต้องรอใครอีกต่อไป…”
วาลาดาไม่แน่ใจว่าอะไรทำให้เธอหันมาหาเขาก่อนจะสวมกอดเขาเอาไว้แน่น
ซุกหน้าลงตรงบ่าของเขา สูดดมกลิ่นกายของเขาที่เธอชอบและคิดถึงอยู่ทุกคืนวัน…
ซุลก๊อตไนท์ลูบผมและแผ่นหลังของวาลาดา
“ก๊อตจะไปไหน…” เสียงวาลาดาปนสะอื้น…วินาทีนี้เธอพอจะรู้แล้วว่า
เขามีบางอย่างที่ไม่ต้องการบอกเธอ และจะไม่มีวันบอกเธอแน่…
“วาอยากรู้ อยากรู้ว่าก๊อตกำลังคิดอะไร บอกวาได้ไหม
บอกความจริงวาให้เข้าใจได้ไหมก๊อต…วาพร้อมจะรับฟังและเข้าใจ”
ซุลก๊อตไนท์เงียบกริบ หากก็ยังคงลูกไล้สัมผัสเส้นผมนุ่มนิ่มที่สั้นลอยคออยู่เช่นเดิม
“ได้โปรดเถอะก๊อต บอกวา อย่ากลัวเลยว่าวาจะเสียใจ…”
วาลาดาถามในขณะที่ยังคงกอดเขาเอาไว้แน่น เริ่มกลัวขึ้นมาจับจิต
กลัวว่าเขาจะจากเธอไปจริงๆอย่างที่เขาเอ่ยเป็นนัยๆนั่น
“ฉันรักเธอคนเดียวนะวา…รักแค่เธอ…”
นั่นคือคำตอบของเขาน่ะหรือ ไม่…เธอไม่ได้ต้องการคำตอบนี้…
เธอแค่อยากรู้ว่าเขาจะไปไหน ไปทำไม…แล้วเมื่อไหร่จะกลับ
มันจะนานแค่ไหนที่เธอต้องรอให้เขากลับมาหา…เธอต้องทนอ้างว้างไปถึงเมื่อไหร่
นี่คือสิ่งที่เธออยากรู้…
“ก๊อตอย่าปล่อยให้วารอนานนะก๊อต…” เสียงนั้นเปลี่ยนเป็นเว้าวอน
จนคนถูกอ้อนถึงกับยิ้มกว้าง ดันเธอออกมาเพื่อมองใบหน้านั้นให้ชัดๆ…
ซุลก๊อตไนท์ยกมือขวาไล้นิ้วไปบนพวงแก้มที่มีน้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย…
ก่อนจะจูบซับน้ำตานั้นจนมันเหือดหายไปหมดจากดวงหน้าของเธอ
เขาจึงผละออกมา ประคองใบหน้านั้นด้วยมือขวา…ยิ้มอย่างอ่อนโยนส่งมาให้
เสียงทุ้มหวานเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า
“เราเคยจากกันแปดปีด้วยเหตุและผลมากมาย…แต่สุดท้ายเราก็ได้กลับมาพบกัน
อยู่ด้วยกัน มีลูกด้วยกัน…เธอจำได้มั้ย…” วาลาดาพยักหน้า…
“ดังนั้น…ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ไม่ว่าจะไกลเท่าไหร่ ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหน
เมื่อใดที่เธอต้องการ…ฉันจะมาหา…" เขาสบตาเธอนิ่งราวกับแทนคำมั่นสัญญา
"เธอยังคงมีฉันอยู่ที่ตรงนี้…และฉันก็ยังมีเธออยู่ที่ตรงนี้…”
เขาชี้ไปยังตำแหน่งที่ตั้งหัวใจของเธอก่อนจะทาบฝ่ามือ
ลงไปบนหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง…
“เมื่อความมืดหมดไป…ฉันสัญญาว่าเธอจะเห็นฉันยืนอยู่ตรงหน้าเธอ”
วาลาดาหอมแก้มเขาทั้งสองข้างก่อนจะฉีกยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา
“วาจะรอก๊อตนะ” ซุลก๊อตไนท์ยิ้มตอบก่อนจะรั้งร่างในตักเข้าสู่อ้อมกอด
.........โปรดติดตามตอนต่อไป..............
ไม่รู้ใครเผาเต่าอ่ะ...ครึ่งหลังตาช้ำเลย...เสริฟมาม่ารสผัดขี้เมากันในยามดึก อิอิ
แล้วมีการแจ้งข่าวว่า วันจันทร์ที่จะถึงนี้ เต่าติดธุระ ต้องไปแม่สอด
(มันเป็นชื่ออำเภอนะจ๊ะ ไม่ได้ไปสอดแนมใครเลย...อิอิอิ)
กว่าจะกลับก็น่าจะปลายๆสัปดาห์ ซึ่งยังไม่แน่นอนนัก เสร็จธุระจะกลับมาปั่นต่อจ๊ะ
ส่งใบลาล่วงหน้าหนึ่งวันเลยนะจ๊ะ...^O^
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตาม ขอบคุณทุกไลค์ที่จิ้มให้กันน้า
ขอบคุณกำลังใจดีๆ และขอบคุณนักอ่านเงาจ๊ะ
ก๊อตจะมาไม้ไหน ต้องมาดูกันต่อนะจ๊ะ...ใครสนใจเรื่องห้องสมุด
คราวหน้าน่าจะหายคันยิกๆค่ะ...เพราะโยจะกลับมาเกาให้กัน
หลังจากกลับมาจากสอดแนม เย้ย แม่สอดแล้ว ฮ่าาาาาา
....ตอบเม้นท์จ๊ะ.......
1.คุณRdoubleC...เปล่าน้า...โยแค่จริงใจ...อิอิ
เหมือนรินทร์ไง พูดตรงแต่จริงใจ ฮ่าาาาาา
เรื่องของนาดีมมีปูมหลัง...ใกล้จะมีคนสาวออกมาแล้วน้า...รอแป๊บ
แน่นอนว่าคราวนี้ เรื่องผลประโยชน์มันค่อนข้างทับซ้อนกับความรู้สึก อิิอิ
คนในชุดดำจะเป็นหญิงหรือชาย จะเป็นนาดีมหรือใครอื่น
หลังเสริฟมาม่าครั้งใหญ่ มีเฉลยค่ะ...ฮ่าาาาาาาา
วารินทร์ย่อมต้องได้เจอนาดีมบ่อยๆค่ะ...เพราะว่าเขามันพวกสังคมสงเคราะห์
ส่วนนาดีมก็เดินเฉิดฉายออกงานสังคมบ่อยๆ ไม่เจอกันคงเป็นเรื่องยาก
เพียงแต่เต่ายังไม่เคยเล่าหรือฉายภาพน้ันออกมา แต่ใกล้ละ...
บางคนก็เห็นกงจักรเป็นดอกบัว บางคนเห็นดอกบัวเป็นกงจักร
เรือรักกระดาษ สำหรับบทนี้ จึงลอยคว้างรอวันล่ม
เพราะไม่แข็งแรง ถ้าลองเอากระดาษมาทำเรือซะแล้วล่ะก็
น้ำย่อมเซาะเรือกระดาษพังเมื่อเรือนั้นมีโอกาสได้ล่องลงสู่นาวา
ส่วนเรื่องทำเสน่ห์...สำหรับโยน้า...โยว่าผู้หญิงทุกคนมีเสน่ห์และมีของ
โดยธรรมชาติกันทั้งนั้นนา...ไม่เห็นต้องทำเลย มันมีอยู่แล้วแต่เดิม...ฮ่าาาาา
คนที่ทำเพราะว่าไม่มั่นใจในส่ิงที่มีมาแต่เดิมอ่ะซี...เนอะ...อิอิอิ
อย่างวาไม่เห็นต้องทำเสน่ห์หรือเล่นของ ก๊อตก็รีบมาหาทันทีที่ไฟเขียวเลย...
วาเขาใช้ของท่ีได้มาแต่เดิมไร้การศัลยกรรมปรุงแต่งล้วนๆ...
(อย่าคิดให้ติดเรทน้า เพราะอุตส่าห์หาคำที่มันไม่ติดเรทแล้ว) 555
เพราะอธิบายยากอ่ะ เรื่องนี้...แฮะๆ
2.คุณkonhin...ตอนนี้น้ำตาไม่ไหล...แต่มีอะไรให้สงสัย
แล้วจะพยายามปั่นมาให้กันเรื่อยๆจ๊ะ วันจันทร์ต้องไปแม่สอด
ไม่แน่ใจจะกลับวันไหนซะด้วยซี คงไม่สะดวกปั่นนิยายและอัพเดตแน่ๆ
คงต้องส่งจดหมายลากิจค่ะ...เฮะๆ
3.คุณแว่นใส...มาแล้วจ้า มาแว้ว...แล้วก็ขอลากิจด้วยอ่ะจ๊ะ...อิอิอิ
4.คุณคิมหันตุ์...นั่นซี...พูดกล่อมใครก็ไม่สำเร็จเลย
กับต้ายิ่งหนัก เพราะว่าจะไล่จับหนูไม่ได้เลยจนบัดนี้ เอาไว้โยจะเล่าเท้าความ
ให้กันเรื่องสองหนุ่ม ตา-รินทร์ค่ะ...
ว่าแต่รู้ได้ไงอ่ะว่าครึ่งหลังเป็นของคู่พระ-นางอ่ะ...ฮ่าาาาา
5.คุณPampam...คนในชุดดำน่าสงสัยที่สุดค่ะงานนี้
แต่จะเป็นใครนั้น รอเสริฟมาม่าล๊อตใหญ่ก่อนน้า...ฮ่าาาาา
ว่าแต่จะกินไหวมั้ยไม่รู้ แต่อยากให้กิน...เฮะๆ
ส่วนว่าน้าเล็กเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวอย่างไร หลังพญามารอาละวาดจ๊ะ
มีเฉลยชัวร์
6.คุณลิลลี่...น้าเล็กเกี่ยวด้วยอะไรอย่างไรตรงไหน แล้วสำคัญสำหรับเรื่องนี้แค่ไหน
ต้องมาดูกันต่อค่ะ...ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนาดีมกับวารินทร์นั้น
ไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ค่ะ เพราะสองคนนี้ก็รู้จักมาตั้งแต่อยู่อนุบาลหนึ่งเหมือนๆกับวาค่ะ
คือ วารินทร์ วาลาดา และนาดีม เขารู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาลหนึ่งและมีบ้านเกิด
ที่เดียวกัน คือ เพชรบุรี...และเรียนร่วมสถาบันกันมาตลอดจนจบม.ปลาย...
ส่วนกับก๊อต ซึ่งเป็นเด็กกรุงนั้น พวกเขาทั้งสามมารู้จักตอนเรียนมัธยม...
ความสัมพันธ์ไม่ซับซ้อน แต่ความคิดและความรู้สึกนั้นไม่แน่ค่ะ...^^
7.คุณOhLaLa...นาดีมเองมีแผนอะไรถึงได้แต่งงานกับก๊อตด้วย น่าคิดนา
ปมที่ยังไม่ได้แก้นั้น จะได้รับการสะสางให้หมดสิ้นเร็วๆนี้เลยค่ะ
(หากว่าเต่าติดสปีดเทอร์โบได้อ่ะ) เฮะๆ และรอบนี้ก็มาพร้อมใบลาจ๊ะ...
เข้ามาส่งกำลังใจให้เต่าโยเรื่อยๆนะคะ...อย่าเพิ่งจากฉันไป(อารมณ์วาตอน
อ้อนก๊อตเลยว่ามั้ยคะ) ฮ่าาาาาาา
8.คุณcoonX3....รินทร์ถูกตัดออกจากกองมรดกแล้ว เย้ย
ถูกตัดออกจากผู้ต้องสงสัยเสียที...เฮ้อ (เต่าโล่งอกไป)
ที่เงาะป่าได้รับการปลดปล่อยตัวแล้ว...อิอิอิ
งั้นโยใบ้ให้นิดนึงเลย...คือเวลาเราหาอะไรสักอย่างในความมืด
เราต้องมีแสงสว่างอยู่ในมือ เช่น ตะเกียง ไฟฉาย สปอร์ตไลท์
หรือถ้าโบราณหน่อยหรือไม่มีอะไรที่ว่าในมือเลยก็ อาศัยแสงจันทร์นำทางเอา
แต่ว่ามันเสี่ยงมาก เพราะในความมืดนั้นมีอะไรซ่อนอยู่บ้างเราไม่เห็นเลย...
ดังนั้น...รอตะวันรุ่งค่ะ...รับรองเห็นตอแน่...ฮาาาาา
ส่วนเรื่องนี้...เล่นจริงเจ็บจริง ไม่ใช่สลิง ไม่ใช้สแตนอินค่ะ อิอิ
เรื่องความลับของห้องสมุดน่าจะได้รู้ก่อนเรื่องอื่นๆค่ะ...เพราะห้องสมุด
คือประตูสู่เงามาร...และแล้วก็พาให้นึกถึงแฮรี่พอตเตอร์เลย...ฮ่าาาาาา
9.คุณRightHand...เรื่องน้าเล็กของรินทร์นั้น ไม่ช้าไม่นานก็สาวไส้กันแบบ
ทะลุทะลวงทีเดียวค่ะ...ทุกชีวิตเหมือนถูกชักใยเข้าสู่พญามารค่ะ
ปัญหาคือ คนที่มีอำนาจสั่งการนั้นคือใคร
นาดีมหวังบางอย่างเลยมีพฤติกรรมแบบนั้นแน่ๆค่ะ
แต่จะเป็นอะไรบ้าง ต้องมาดูกัน เพราะไม่ใช่แค่โลภอย่างเดียว
ที่ชักพาให้คนๆหนึ่งเลือกเดินบนเส้นทางสายอเวจี...
ปล.เรื่องวาฟื้น หมายถึงรู้สึกตัวนั้น ไม่ได้อยู่ในแผนของมารค่ะ
และน่ันคือที่มาที่ทำให้มารต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ..ฮ่าาาาา
.......ขอให้สุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้านะคะ.......
"เต่าโย"
yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มี.ค. 2558, 00:28:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มี.ค. 2558, 01:10:01 น.
จำนวนการเข้าชม : 2846
<< บทนำ | บทที่ 29 ซ่อนหา ซ่อนเงา >> |
coonX3 15 มี.ค. 2558, 00:43:40 น.
ไม่อนุมัติใบลากิจได้มั้ยคะ 555 แต่คงไม่ได้ จะต้องตารอกลับมานะค่ะ ส่วนก๊อตมาพูดทิ้งท้ายอย่างนี้หมายความว่าจะไปนานๆๆๆไม่กลับมาหรอ เหมือนตอนที่แล้วบอกว่าจะไปญี่ปุ่น แค่ไปญี่ปุ่นนี่นานขนาดนั้นหรอ หรือว่าจะไปไหน ทำอะไรอีก มารนี่เค้าแฝงตัวมาแอบฟังได้ป่าวค่ะ คนที่จะคลายปมเลยไม่มีใครพูดอะไรซักคน ถ้างั้นเขียนแทนดีกว่ามั้ยอะ
ไม่อนุมัติใบลากิจได้มั้ยคะ 555 แต่คงไม่ได้ จะต้องตารอกลับมานะค่ะ ส่วนก๊อตมาพูดทิ้งท้ายอย่างนี้หมายความว่าจะไปนานๆๆๆไม่กลับมาหรอ เหมือนตอนที่แล้วบอกว่าจะไปญี่ปุ่น แค่ไปญี่ปุ่นนี่นานขนาดนั้นหรอ หรือว่าจะไปไหน ทำอะไรอีก มารนี่เค้าแฝงตัวมาแอบฟังได้ป่าวค่ะ คนที่จะคลายปมเลยไม่มีใครพูดอะไรซักคน ถ้างั้นเขียนแทนดีกว่ามั้ยอะ
ร้อยวจี 15 มี.ค. 2558, 00:46:48 น.
น้ำตาซึมเลย รีบกลับมาอัพนะคะ
น้ำตาซึมเลย รีบกลับมาอัพนะคะ
RightHand 15 มี.ค. 2558, 01:04:15 น.
ก๊อตจะไปไหนอ่ะ ฮือ เศร้าแทนวาเลยค่ะ
ปล. ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ
ก๊อตจะไปไหนอ่ะ ฮือ เศร้าแทนวาเลยค่ะ
ปล. ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ
RdoubleC 15 มี.ค. 2558, 01:11:16 น.
ค่ะ. เรื่องห้องสมุด คือประตูสู่เงามาร เหมือนในแฮจี่ พอตเตอร์
ไปดูแฮรี่ดีกว่า. เย้ย ไม่ใช่ละ
คือไม่มีอะไรมาก แค่จะบอกว่าฉากเลิฟซีนของตอนนี้ หนูไม่รู้จะเซดอารายยยย555
ว่าแต่ก๊อตคุงแอบหนีมาหาวาลาดาจังแบบนี้. ...นาดีมไม่ว่าเร้อออ
ค่ะ. เรื่องห้องสมุด คือประตูสู่เงามาร เหมือนในแฮจี่ พอตเตอร์
ไปดูแฮรี่ดีกว่า. เย้ย ไม่ใช่ละ
คือไม่มีอะไรมาก แค่จะบอกว่าฉากเลิฟซีนของตอนนี้ หนูไม่รู้จะเซดอารายยยย555
ว่าแต่ก๊อตคุงแอบหนีมาหาวาลาดาจังแบบนี้. ...นาดีมไม่ว่าเร้อออ
Pampam 15 มี.ค. 2558, 04:09:22 น.
ก๊อตคงพบข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับนาดีมและต้องเสี่ยงทำอะไรแน่ๆถึงได้พูดเป็นลางแบบนี้
เดินทางปลอดภัยนะคะ
ก๊อตคงพบข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับนาดีมและต้องเสี่ยงทำอะไรแน่ๆถึงได้พูดเป็นลางแบบนี้
เดินทางปลอดภัยนะคะ
OhLaLa 15 มี.ค. 2558, 08:53:44 น.
ก๊อตไปพร้อมกับคุณโยใช่มั้ย 55 ก๊อตพูดเหมือนจะไปนานเลย
ขอให้คุณโยเดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ
ก๊อตไปพร้อมกับคุณโยใช่มั้ย 55 ก๊อตพูดเหมือนจะไปนานเลย
ขอให้คุณโยเดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ
konhin 15 มี.ค. 2558, 09:16:25 น.
ก๊อตเลือกที่จะกันวากับลูกออกจากศูนย์กลางของปัญหา แต่แน่ใจเหรอ ว่าจะแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง
สองสามบทหลัง วาค่อยเหมือนมนุษย์ผู้หญิงธรรมดาหน่อย(ไร้เหตุผลเป็นบางครั้ง น้อยใจเป็น ยอกย้อนเป็น)
เดินทางปลอดภัยนะคะ
ก๊อตเลือกที่จะกันวากับลูกออกจากศูนย์กลางของปัญหา แต่แน่ใจเหรอ ว่าจะแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง
สองสามบทหลัง วาค่อยเหมือนมนุษย์ผู้หญิงธรรมดาหน่อย(ไร้เหตุผลเป็นบางครั้ง น้อยใจเป็น ยอกย้อนเป็น)
เดินทางปลอดภัยนะคะ
pretty 15 มี.ค. 2558, 12:24:01 น.
เหมือนจะขอเลิกกับวาเลยตาะ
เหมือนจะขอเลิกกับวาเลยตาะ
Pat 15 มี.ค. 2558, 14:39:52 น.
ก๊อตกำลังจะทำอะไรอีกล่ะนี่ ถึงกับทุ่มสุดตัวเพื่อสืบเลยเหรอ สงสารคนคอยข้างหลังจัง. คุณโย ไปไวมาไวนะคะ ตอนนี้รู้สึกชินที่ได้อ่านทุกวันอ่ะค่ะ
ก๊อตกำลังจะทำอะไรอีกล่ะนี่ ถึงกับทุ่มสุดตัวเพื่อสืบเลยเหรอ สงสารคนคอยข้างหลังจัง. คุณโย ไปไวมาไวนะคะ ตอนนี้รู้สึกชินที่ได้อ่านทุกวันอ่ะค่ะ
รจนาไฉน 15 มี.ค. 2558, 15:39:32 น.
ตุ๊งแช่ 16 มี.ค. 2558, 08:44:44 น.
ใกล้ความจริง เข้าไปทุกทีใช่ไหม ..
เดินทางปลอดภัยนะคะ เอ๊ะ หนีบก๊อตไปด้วยป่าวนี่
ใกล้ความจริง เข้าไปทุกทีใช่ไหม ..
เดินทางปลอดภัยนะคะ เอ๊ะ หนีบก๊อตไปด้วยป่าวนี่
yasta 16 มี.ค. 2558, 10:08:22 น.
คุณโย เดินทางปลอดภัยนะคะ
อ่านแล้วเหมือนกับก๊อตจะมาสั่งลาเลย...หรือว่าก็อตจะเข้าโหมดแกล้งโดน "เงา" ครอบงำ
เฮ้อ.........สงสารวาจะต้องเผชิญกับอะไรอีกตั้งมากมายก็ไม่รู้
คุณโย เดินทางปลอดภัยนะคะ
อ่านแล้วเหมือนกับก๊อตจะมาสั่งลาเลย...หรือว่าก็อตจะเข้าโหมดแกล้งโดน "เงา" ครอบงำ
เฮ้อ.........สงสารวาจะต้องเผชิญกับอะไรอีกตั้งมากมายก็ไม่รู้