บทเรียน (รัก) นอกตำรา
นพมัลลี นักศึกษาฝึกสอนที่จบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน
นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก
แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้
มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน
นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก
แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้
มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่
Tags: นพมัลลี ตุนท์ คมิก พิชญ์ปรีชา
ตอน: บทที่ 19 : ความลับของตัวเล็ก
บทที่ 19
ตุนท์เชื่อว่าการที่นพมัลลีจะได้ลูกสาวคืนมาจำต้องพึ่งด้วยกฎหมาย เขาจึงส่งให้ทวีคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวภายในบ้านที่นวมลลิ์อยู่มาได้สองอาทิตย์ นับจากที่เด็กหญิงกลับบ้านไป วันนี้ความเคลื่อนไหวที่ทวีโทรมารายงานไม่ค่อยจะดีนัก และอาการของนพมัลลีที่นั่งทานข้าวหน้าบ้านพักครูกับนักเรียนห้องหกทับห้าอย่างครื้นเครงอยู่นั้นทำให้เขาไม่อยากนำเรื่องทุกข์นี้ไปเพิ่มให้
“คุณทวีทำยังไงก็ได้นะครับ ขอแค่เอาตัวเล็กออกมาจากบ้านนั้นก่อน”
“ให้ผมบุกบ้านเขาเหรอครับ” ทวีส่งเสียงหวาดๆ กลับมา เขาซุ่มอยู่หน้าบ้านจนรู้ความวุ่นวายพอควร ทั้งหัวชายกลางคนโชกเลือดที่นั่งรถออกไป หรือจะเสียงโหยหวนอย่างคนเสียสติที่อาละวาดดังออกมาจากบ้านว่าจะตามมาซ้ำคนเจ็บ ทั้งเสียงร้องไห้เล็กของเด็กหญิงที่เป็นเป้าหมายตามที่ตุนท์สั่งมา เพื่อนบ้านทำได้แค่ชะเง้อคอมอง แต่ไม่มีใครสักคนกล้ายื่นมือมายุ่ง
ภาพครอบครัวที่เบาบาง คล้ายพร้อมแตกสลายลงไปต่อหน้าเป็นที่น่าหดหู่ใจแก่ทวีมาก และคนที่น่าสงสารที่สุดคือเด็กตัวน้อยที่ต้องมารับรู้ความรู้สึกเหล่านี้
“ครับ พาตัวเล็กออกมาได้ ผมให้ค่าจ้างเพิ่มจากเดิมสามเท่าเลย”
ทวีเลิกตาขึ้นคำนวณเงิน ถึงจะรู้สึกกลัวแม่ของนวมลลิ์ที่คลั่งอยู่ในบ้าน แต่มันก็คุ้มหากคิดช่วยเด็กหญิง เขาเองก็มีลูกเล็กๆ พอเข้าใจว่าจิตใจเด็กเปราะบางขนาดไหน
เลขาหนุ่มรู้สึกว่ามีสายตามองมาจากเพื่อนบ้านของนวมลลิ์ สายตาอยากรู้ของเขาทำให้ทวีรู้สึกมีความคิดบางอย่างสว่างโร่ในหัว
“ผมจะลองดูนะครับ จะทำให้สำเร็จให้ได้”
“มีอะไรรีบโทรมารายงานผมเลยนะครับ”
กว่าจะส่งเด็กนักเรียนกลับไปหมด ก็หัวค่ำเข้าไปแล้ว นพมัลลีหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะกดหานวมลลิ์อย่างที่ต้องทำทุกวันเป็นกิจวัตร แต่ตุนท์ไม่ยอมให้เธอได้ใช้ตามต้องการ สีหน้าเคร่งเครียดของเขายามเดินเข้ามาหามีแต่ความไม่สบายใจ เพราะเธอเอาหัวใจไปอยู่กับความร่าเริงของนักเรียนจนลืมสังเกตอาการคนใกล้ตัวอย่างนั้นเหรอ หรือเขาแสร้งทำให้เธอเห็นว่าเขาปกติดี เพื่อรอให้งานเลิก
นพมัลลีวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว เอื้อมมือไปดึงฝ่ามือใหญ่ของตุนท์ให้เดินมานั่งยังเก้าอี้ใกล้กัน “เกิดอะไรขึ้นคะ”
“คุณกำลังจะได้ลูกคืนนะลี” ตุนท์ยิ้มละมุนมาให้ ปกปิดปัญหาหนักอกที่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านของหญิงสาวบ้าง
“ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นคะ” ดวงตาวูบไหวแปรเป็นเศร้า ยิ่งเวลาแห่งการจากลากระชั้นเข้ามา ใจเธอก็พร้อมจะตายลงช้าๆ เท่านั้น เธอไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้กับมัลลิยา
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด วันนี้ตัวเล็กจะออกมาจากบ้านหลังนั้น”
“คะ?”
ตุนท์สูดหายใจเข้าลึก เตือนให้ตัวเองใจเย็น ไม่หวั่นเกรงปฏิกิริยาของนพมัลลีที่จะเกิดขึ้นหลังรับรู้เรื่องราวที่ทวีพบเจอมา เรื่องเล่าเริ่มตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อน ทุกอย่างไม่ขาดตกบกพร่องไปสักเรื่อง สีหน้าของนพมัลลีสงบขึ้นหลังจากที่เขาเล่าจนจบ ตุนท์ลุ้นตุ้มๆ ต่อมๆ ช่วงนาทีเงียบอันน่าอึดอัดเดาไม่ถูกว่านพมัลลีจะแสดงออกหัวหรือก้อย
“คือผม...”
คำพูดทั้งหมดหยุดลงเมื่อนพมัลลีโถมตัวไปกอดเขาไว้แน่น ไม่มีเสียงสะอื้นไห้ ไม่มีอาการสั่นเทิ้ม นอกจากคำพูดแผ่วเบาที่เอ่ยซ้ำไปมาข้างหูของตุนท์ ประโยคที่นพมัลลีนึกออกเพียงคำเดียว
“ขอบคุณที่ลำบากเพื่อฉันนะคะ ขอบคุณมาก”
“คุณเหนื่อยมามากแล้ว ผมอยากแบ่งเบามันมาจากลีบ้าง”
“ขอบคุณที่เราเจอกันนะคะ” นพมัลลีกระเถิบตัวออกมาเพื่อยิ้ม ดวงตาเป็นประกายน้ำตาคลอหน่วย ในเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดที่นวมลลิ์จำเป็นต้องรับรู้ความจริง แทนที่จะมาตีโพยตีพาย เธอต้องมีสติ และยื่นมือไปหาลูกให้ไวที่สุด
พี่สาวของเธอหมดคุณสมบัติในการเป็นแม่ ขืนพี่ยังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ วันดีวันพรุ่ง นวมลลิ์จะเป็นอย่างไรบ้าง เธอจะไปหลับตาลงได้อย่างไร สิ่งที่ทวิชเจอนั้นก็รุนแรงเกินพอแล้ว
“ทุกคนจะปลอดภัย คนดีๆ อาจลำบากใจตอนต้น แต่พวกเขาจะสบายในตอนปลาย”
“ทฤษฎีอะไรของคุณ”
ตุนท์ยืดอกก่อนตอบ “เพราะผมรู้จักคุณ ผมเลยอยากพิสูจน์ว่าทฤษฎีที่ผมตั้งขึ้นมาเป็นจริงไหม”
โทรศัพท์ของตุนท์ดังขึ้น ชายหนุ่มกดรับ คุยสองสามคำก่อนจะส่งให้แก่นพมัลลี “ของคุณ”
นพมัลลีรับโทรศัพท์มาคุยอย่างงงๆ ก่อนจะได้ยินเสียงของเพื่อนบ้านสมัยที่อยู่บ้านพ่อแม่ดังมา “ใช่หนูลีจริงหรือเปล่าลูก น้ารุจีเองนะ”
“ค่ะน้า หนูเองค่ะ”
“ผู้ชายที่มาให้น้าช่วยพาตัวเล็กออกจากบ้านไว้ใจได้ใช่ไหมลูก”
“เชื่อใจได้ค่ะ” หญิงสาวไม่เสียเวลาคิด
“เพราะเห็นว่าหนูเป็นเด็กดีมาตลอด น้าเลยอยากช่วย ยาเองก็คงจะไม่พร้อมดูแลหนูมลแล้ว หนูลีดูแลหนูมลดีๆ นะลูก”
“ด้วยชีวิตค่ะ” นพมัลลีคืนโทรศัพท์ให้กับตุนท์ มือเริ่มเย็นเฉียบ ในใจภาวนาให้คนทางนั้นช่วยนวมลลิ์ออกมาได้สำเร็จ
“เป็นไงบ้าง”
“ทฤษฎีของคุณ มีความน่าเชื่อถือนะคะ”
“เพราะผมวัดจากความเชื่อของตัวเองไงครับ” ตุนท์อยากจะโอ่ตัวเองให้มากกว่านี้ ก็เกรงใจสถานการณ์ที่ยังเครียดไม่หาย ได้แต่ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับทวี ขืนทำไม่สำเร็จ เขาก็เสียราคาคุยหมด
“วันนี้ลูกดื้อมากนะหนูมล ลูกไปสำนึกตัวในห้องเงียบๆ ไม่ต้องออกมา” มัลลิยาจัดการหากุญแจมาคล้องล็อกประตูห้องนอนของเด็กหญิง หน้าตาขุ่นข้องไม่หาย ไม่มีสิ่งใดเลยที่เธอจะพอใจ ทุกสิ่งล้วนขัดหูขัดตา อยากจะกวาดทำลายลงพื้นมาให้หมด
การเกิดเรื่องเมื่อครู่นั้นจะเสียงดังไปแปดบ้านสิบบ้านอย่างไรเธอไม่สนใจ เรื่องของคนในครอบครัว คนอื่นไม่เกี่ยวทั้งนั้น นวมลลิ์คือลูกของเธอ ใครจะห้ามสิทธิ์ของเธอไม่ได้
การกระทำของมัลลิยาสะท้อนใจคนมองในบ้านได้ดียิ่งกว่าคนภายนอก มัลลิยาเดินกลับไปห้องของตัวเองอย่างหงุดหงิด ได้ยินบทสนทนาของพ่อตัวเองกับสามีเธอเข้าก็อยากโร่ไปโรงพยาบาล นอกจากหัวแตกทวิชปกติดีทุกอย่าง
เสียงโครมครามของวัตถุที่ถูกกวาดลงพื้นทำให้นวมลลิ์ที่นั่งกอดเข่าอยู่ในห้องตัวสั่นเทา เด็กหญิงเพิ่งพบเจอพฤติกรรมไม่มีสติเต็มขั้นของมารดาก็วันนี้เอง หลายครั้งที่มารดาห่วงเธอเกินเหตุ และห้ามเธออยู่ใกล้น้าลีจนกลายเป็นความหวาดระแวง
นวมลลิ์พลิกแขนที่มีร่องรอยของรอยเล็บจิกเข้ามาบนเนื้อใต้ท้องแขนขึ้นดู หน้าตาซีดเผือดฉายร่องรอยความกลัวเพิ่มขึ้น ความทรงจำของเธอไม่เคยลืมเสียงของคนที่มักจะเรียกเธอว่าลูกก่อนนอน ทั้งที่ในยามปกติเขาจะไม่แทนตัวว่าแม่เลยก็ตาม
‘ฝันดีนะคะ ตัวเล็ก แม่เป็นแม่ของหนูได้แค่ในยามที่หนูหลับไปแล้ว แม่รักตัวเล็กที่สุดในชีวิตแม่นะคะ ในฝันหนูจำแม่ได้บ้างก็ยังดี’
ประโยคนั้นอยู่กับเธอเสมอมา ในยามเธอหลับตาเสียงของนพมัลลีคือเสียงที่ทำให้เธอหลับได้ผ่อนคลายที่สุด และหลายครั้งที่เธอจะชอบแอบมานอนหลับกับนพมัลลี อ้อนให้น้าลีกอด กระทั่งครั้งหนึ่งที่เธอแกล้งหลับตาเล่นๆ ประโยคยาวเหยียดของน้าลีกระซิบข้างหู และตบท้ายด้วยรอยจูบแผ่วเบาบนหน้าผาก เด็กหญิงไม่เคยบอกใครว่าเธออยู่กับนพมัลลีแล้วมีความสุขแค่ไหน แต่เธอก็ค่อยๆ ห่างจากน้าสาวออกมาทีละนิด เมื่อตอนเธอห้าขวบ น้าลีของเธอถูกต่อว่าจากมารดาอย่างรุนแรง
หลังจากที่น้าลีบอกให้เธอหลับฝันดีด้วยการแทนตัวเองว่าแม่อย่างที่ชอบแอบทำลับหลังมัลลิยามาเสมอ วันหนึ่งก็ถูกแม่ของเธอจับได้จนได้ เด็กหญิงทำได้แค่หลับตา ทำไม่รู้ไม่ตื่น พอผู้ใหญ่คล้อยหลังออกไป นิสัยอยากรู้ก็ผลักดันให้เธอลุกขึ้นมา เดินไปเอาหูแนบกับประตูฟังสิ่งที่พวกผู้ใหญ่ปิดบังเธอมานาน
‘ฉันไม่อนุญาตให้เธออยู่กับหนูมลอีก จะกระซิบฝันดีก็ไม่ได้’
‘แค่บอกฝันดีลูก พี่ก็ยังคิดห้ามเหรอคะ ทำไมคะ กลัวฉันบอกว่าฉันเป็นแม่ของแก แล้วพี่เป็นแค่ป้าใช่ไหมคะ’
‘นพมัลลี!’ เสียงเพียะของเนื้อกระทบเนื้อในวันนั้นดังอยู่ในความนึกคิดของนวมลลิ์มาตลอด แล้วต่อมาสิ่งที่เธอได้ยินคือเสียงร้องตกใจของยายที่ร้องเรียกชื่อน้าลีของเธอเสียดังลั่น เสียงโครมครามตกบันไดทำให้เด็กหญิงตัวแข็ง เย็นเฉียบ ถึงวันรุ่งขึ้นจะรู้ว่าน้าลีเกาะขอบบันไดไว้ได้ทันจึงแค่เคล็ด และเกิดรอยถลอกตามตัว แต่ไม่มีใครสักคนพูดถึงว่าเกิดอะไรขึ้น แม้แต่หลังจากนั้นน้าลีก็ไม่เคยที่จะเรียกแทนว่าแม่ให้เธอได้ยินก่อนนอนอีก
นวมลลิ์อยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น อยากรู้ว่าความจริงคืออะไร ชีวิตในวัยเด็กของเธอเหมือนหายไป เมื่อถูกปลุกด้วยความจริงบางอย่างที่เธอไม่เคยแน่ชัดกระจ่าง คล้ายว่าเธอเองก็ปรารถนาลึกๆ ให้ไออุ่นที่เธอต้องการมาเสมอแต่เกิด ให้ตัวเองเกิดมาจากน้า ไม่ใช่จากคนที่เธอเรียกว่าแม่ ถึงเธอจะรักมัลลิยา แต่ก็มีความเกรงกลัวมากกว่า แตกต่างจากเวลาที่อยู่กับน้าลี เธอเป็นตัวของตัวเองได้ เล่นสนุกได้เต็มที่ แต่เธอขลาดกลัวเกินไป ลึกๆ เด็กหญิงเชื่อว่าหากเธอสอดปากถามไปกลางโต๊ะอาหาร นพมัลลีจะเจ็บหนัก
กว่าเธอจะมั่นใจในทุกๆ เรื่อง ก็ตอนหกขวบไปแล้ว
เสียงเคาะหน้าต่างเรียกความสนใจเด็กหญิงให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ ผู้ชายแปลกหน้าตัวเล็กสวมชุดลำลองเกาะบันไดขึ้นมาสีหน้าเหน็ดเหนื่อย พยายามโบกมือทักทายเธอ
เด็กหญิงลุกขึ้นจากที่นอนไปเปิดบานหน้าต่างที่ไม่ได้ล็อก คนๆ นั้นถึงกับถอนหายใจโล่งอก “ไปกับลุงนะตัวเล็ก น้าลีรอหนูอยู่”
“น้าลีเหรอคะ” ชื่อของนพมัลลีจุดประกายตื่นเต้นในแววตาเด็กหญิง
“ใช่ รีบไปกับลุง ก่อนไม่มีโอกาส”
“แต่ฉันจะเชื่อได้เหรอคะ น้าลีเคยสอนไว้ไม่ให้ไว้ใจคนแปลกหน้า” เด็กหญิงที่มีความฉลาดอยู่ในตัวถามอย่างระวัง
“น้าลีของตัวเล็กบอกมาว่ามีรูปภาพรูปหนึ่งที่เคยวาดกับตัวเล็กตอนหนูเด็กมากๆ แปะไว้อยู่ตรงประตูหน้าห้อง ทุกๆ เช้าเวลาที่น้าลีต้องไปเตรียมตัวไปเรียน ตัวเล็กจะเป็นคนมาปลุก มากอด กระโดดขึ้นเตียง เวลาตัวเล็กปวดห้องน้ำจะชอบอั้น จิกเล็บ เงียบผิดปกติ”
“น้าลีอะ” เด็กหญิงร้องขึ้นอย่างจำนน เรื่องสุดท้ายนั้นน้าไม่น่าเอามาพูดเลย
“รีบไปกันเถอะครับ”
เสียงไขกุญแจหน้าห้องทำให้นวมลลิ์ตกใจ เด็กหญิงรีบปิดหน้าต่างห้องลง ทวีเองก็รู้รีบมุดหัวก้มร่างอยู่ตรงระเบียงห้อง เธอกระโดดขึ้นเตียงนอน กอดผ้าห่ม ข่มให้ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ มันทุเลาลง
“หนูมล” น้ำเสียงมั่นคง ไม่ใช่อ่อนไหวตามแรงอารมณ์คือเสียงของนพยา ไม่ใช่มัลลิยา เด็กหญิงลดผ้าห่มลง หน้าตาคลายความกังวลขึ้นมาก “กลัวใช่ไหม”
“ค่ะ แม่น่ากลัว” เด็กหญิงสารภาพตามตรง
“อย่าอยู่ที่นี่เลยนะหนูมล ตาห่วงหนู”
“แล้วแม่...”
นพยาถอนหายใจหนัก เขาเห็นอาการของมัลลิยาวันนี้ก็รู้แล้วว่าลูกสาวคนโตป่วยทางจิตหนัก หากจะนึกว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนผิด เขาก็ขอโทษตัวเอง เขารู้ว่าการที่เขาจะแก้ตัวเอาตอนนี้ แทบไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องราวอะไร แต่มันก็อาจลดความผิดบาปในใจเขาที่มีต่อนพมัลลีให้น้อยลง ถึงจะกลายเป็นว่าเขาทำบาปกับมัลลิยามากขึ้นก็ตาม
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะหนูมล เดี๋ยวตาจะไปส่งหนูที่บ้านน้าลี”
“ตาไม่หลอกหนูมลใช่ไหมคะ” เด็กหญิงถามอย่างหวาดๆ เธอเคยพบเห็นการกระทำของตาต่อน้าลีไม่น้อย ใช่ว่าเธอจะไม่กลัว แต่ต้องแกล้งว่าไม่เป็นอะไร
“ตาทำผิดกับแม่ของหนูมามาก อย่าให้ตาทำผิดเพิ่มเลย” น้ำเสียงเหนื่อยล้าของนพยาบอกว่าเขาเหนื่อยมากแล้วจริงๆ
“หนูมลไม่ใช่เด็กเล็กที่ไม่รู้ความแล้วนะคะตา ทำไมทุกคนถึงไม่บอกหนูมลสักที” นวมลลิ์ถามเสียงเครือ
“หนูมลพูดอะไรลูก”
นพยาพยายามถามร่างเล็กที่เดินกึ่งวิ่งไปแกะกรอบรูปงานศิลปะฝีมือเธอและนพมัลลีตรงประตูมากอดแนบอก สายตาปะทะเข้ากับร่างของมัลลิยาที่เพิ่งขึ้นมาจากการโดนเพื่อนบ้านคุยถ่วงเวลาไว้ไม่เลิกราเสียที
“หนูมล!”
นวมลลิ์ได้สติ รีบปิดประตูใส่หน้ามัลลิยา พร้อมกับล็อกห้อง สีหน้างุนงงของนพยาประจักษ์เมื่อหลานสาวเปิดหน้าต่างห้อง แล้วเกาะขอบวงกบ ดันตัวเองออกไปยืนตรงระเบียง มีชายแปลกหน้าที่เริ่มปีนนำลงไป
มัลลิยาไขกุญแจประตูห้องนอนลูกสาวเข้ามาได้เป็นผลสำเร็จ แต่นวมลลิ์ปีนลงไปได้ครึ่งบันไดแล้ว ร่างเล็กรีบไต่ เธอเห็นร่างของมารดาที่ปีนออกมาตรงระเบียง มือจับบันไดไว้จนข้อนิ้วเกร็ง ใจของเด็กหญิงแทบหลุดจากร่างเมื่อได้ยินประโยคทั้งหมด พร้อมกับมือของมารดาที่ผลักบันไดที่ตั้งพิงกับระเบียงห้องให้ล้มลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก
“ลูกต้องอยู่กับแม่ จะไปไหนไม่ได้เด็ดขาด”
“กรี๊ดดด” ร่างเล็กที่ใช้มือจับบันไดเพียงมือเดียวร่างหลุดกระเด็นจากบันไดไปข้างหลัง เด็กหญฺงหลับตาปี๋ น้ำตาร่วงพรูออกมา เธอคิดถึงน้าลี คิดถึงแม่ลีที่สุด ตอนนั้นเมื่อปีที่แล้ว เธอเพิ่งมั่นใจว่าน้าลีเป็นแม่ เวลาแค่หนึ่งปีที่ได้รู้สั้นเกินไปสำหรับเธอ
ครูดิศครูสอนศิลปะของน้าลีมาหาเธอที่โรงเรียนในช่วงพักกลางวัน ครูดิศส่งกระดาษม้วน ผูกโบมาให้เธอหนึ่งแผ่นพร้อมกับบอกด้วยรอยยิ้ม
‘ของขวัญวันเกิดหกขวบค่ะ’
นวมลลิ์ตื่นเต้น เธอรีบคลี่กระดาษออกดูตรงนั้น ภาพวาดสเก็ตซ์ดินสอเป็นเด็กทารกในกระเป๋าหน้าที่ผู้หญิงประพิมพ์คล้ายน้าลีของเธอกำลังโอบอุ้ม สายตาเปี่ยมรักแม้ผิวหน้าจะมีหยาดเหงื่อ ภาพๆ นี้กำลังทำให้เด็กหญิงตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่ามีคนนำของขวัญมาให้เสียอีก
‘น้าลีใช่ไหมคะ’
‘ฉันวาดรูปนี้มาจากภาพในความคิด เป็นภาพที่กัดกินใจ และย้ำเตือนว่าครั้งหนึ่งฉันทำผิดมหันต์กับเด็กนักเรียนของฉัน และลูกของนักเรียนคนนั้น’ ดิศย่อตัวลงเสมอหน้ากับเด็กหญิง ลูบศีรษะเล็กที่กำลังเอาแต่จ้องภาพในมือราวกับรู้ทุกความหมายที่เขาสื่อออกไป ‘คุ้นๆ เด็กคนนั้นไหมตัวเล็ก’
‘เหมือนหนูเลยค่ะ’
‘อย่าบอกลีนะว่าฉันเอาเรื่องสำคัญมาบอกหนู’
นวมลลิ์พยักหน้ารับถี่ ทำท่ามือรูดซิปปิดปาก ‘สัญญาค่ะ’
ร่างที่ปลิวร่วงกอดกรอบรูปไว้แน่น ช่วงวินาทีนั้นทวีพยายามยื่นมือออกไปรับร่างเบาที่ตกลงมาเร็วยิ่งกว่าใบไม้ร่วง แต่ถึงจะย่อตัวคว้าเอวเล็กได้ ศีรษะของเด็กหญิงก็ยังกระแทกพื้นดินไปจนสลบเหมือด มัลลิยาที่ดูอยู่ชั้นสองของบ้านกรีดร้องเสียงดังอย่างรับไม่ได้ และกำลังจะวิ่งลงมา ทวีไม่เสียเวลาคิดรีบช้อนร่างเล็กขึ้นอุ้ม ส่งให้กับเพื่อนบ้านซึ่งเป็นสามีของรุจีที่ยืนต่อขาบนเก้าอี้รอรับก่อนแล้ว ส่วนตัวเขาใช้ทักษะการปีนอีกรอบข้ามรั้วไป และตรงไปยังรถที่สตาร์ทรออยู่หน้าบ้าน ลูกชายของบ้านนี้จะทำหน้าที่สารถีให้จนกว่าจะมั่นใจว่าพวกเขาปลอดภัยจากมัลลิยาเลยทีเดียว
เขาเข้ามาในรถ และออกมาจากบ้านของมัลลิยา ภาพผู้หญิงกระเซิงผมเผ้าถูกทึ้งพยายามแหกปากร้องวิ่งตามมาจนสะดุดหกล้มทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนี ทวีมองร่างเล็กที่เขาพิงไว้กับเบาะหลังอย่างสงสารจับใจ เด็กตัวเล็กแค่นี้โตขึ้นมาในบ้านหลังนั้นได้อย่างไร เขาดึงกรอบรูปที่นวมลลิ์กอดไว้แน่นออกมา รูปที่สอดไว้หลังรูปร่วงหล่น ทวีหยิบขึ้นมาพลิกดูอย่างสนใจ ก่อนจะชาวาบไปถึงโคนผม
ผู้หญิงในรูปนี้ไม่ใช่แฟนของเจ้านายเขาหรอกเหรอ หรือว่าเด็กคนนี้ ทวีอ้าปากค้าง เริ่มเครียดขึ้นมา ขืนเจ้านายรู้ว่างานนี้เขาทำสำเร็จเพียงครึ่ง แต่สวัสดิภาพของนวมลลิ์ไม่ครบร้อย เขาจะโดนฆ่าไหม เรื่องสำคัญที่ว่าคุณนพมัลลีมีลูก มีหรือที่เจ้านายจะไม่รู้
…………………………………………………..
คุณ ร้อยวจี ทวิชไม่เป็นอะไรมาก แต่ตัวเล็กนี่ท่าจะไม่เบานะคะ มัลลิยาโรคจิตขนาดนี้ อาการเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยแท้งลูกไปสองครั้งแล้วค่ะ พอได้เลี้ยงนวมลลิ์ก็คิดว่าเป็นลูกตัวเอง ไม่อยากเสียตัวเล็กไป
คุณ konhin ปราสาททรายพังไม่เหลือชิ้นดีค่ะ แล้วก็คงสร้างขึ้นมาใหม่ไม่ได้แล้วด้วย T^T
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ตอนนี้มาม่าหนักกว่าตอนที่แล้วอีกไซส์เลยค่ะ ตัวเล็กโดนหนักแบบหลอนๆ
คุณ กาซะลองพลัดถิ่น ขนาดนพยายังรับไม่ได้เลยค่ะ แต่ตุนท์มาไวกว่าก้าวหนึ่ง ทวีรับร่างตัวเล็กไม่ดี ลีกำลังจะมีความสุขอยู่แล้ว เดี๋ยวมารู้เรื่องตัวเล็กอีกนะคะ T^T
คุณ OhLaLa ทุกคนคิดว่าการให้ยาเลี้ยงตัวเล็กจะดี ที่จริงมันทำให้เรื่องแย่ขึ้น กลายเป็นว่ายาเป็นคนไม่ยอมรับความจริงไป คราวนี้ตัวเล็กก็ลำบากด้วยเลยค่ะ นพยามาเอะใจตอนนี้ก็เกือบสายไปแล้วนะคะ
คุณ violette เกิดเรื่องแรงขึ้น ธริทไปส่งทวิชเข้าโรงพยาบาลอยู่เลยพลาด ไม่ได้อยู่ห้ามยานะคะ เรื่องของตัวเล็กกับคมิกต้องมีแน่ค่ะ เขียนเรื่องนี้เครียดมาก ชีวิตตัวเล็กควรจะเฮฮาสักทีค่ะ ฮา
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็น ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และกดถูกใจนะคะ ขอให้อ่านอย่างสนุกค่ะ ตอนนี้แอบเครียดนิดหน่อย T^T
ตุนท์เชื่อว่าการที่นพมัลลีจะได้ลูกสาวคืนมาจำต้องพึ่งด้วยกฎหมาย เขาจึงส่งให้ทวีคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวภายในบ้านที่นวมลลิ์อยู่มาได้สองอาทิตย์ นับจากที่เด็กหญิงกลับบ้านไป วันนี้ความเคลื่อนไหวที่ทวีโทรมารายงานไม่ค่อยจะดีนัก และอาการของนพมัลลีที่นั่งทานข้าวหน้าบ้านพักครูกับนักเรียนห้องหกทับห้าอย่างครื้นเครงอยู่นั้นทำให้เขาไม่อยากนำเรื่องทุกข์นี้ไปเพิ่มให้
“คุณทวีทำยังไงก็ได้นะครับ ขอแค่เอาตัวเล็กออกมาจากบ้านนั้นก่อน”
“ให้ผมบุกบ้านเขาเหรอครับ” ทวีส่งเสียงหวาดๆ กลับมา เขาซุ่มอยู่หน้าบ้านจนรู้ความวุ่นวายพอควร ทั้งหัวชายกลางคนโชกเลือดที่นั่งรถออกไป หรือจะเสียงโหยหวนอย่างคนเสียสติที่อาละวาดดังออกมาจากบ้านว่าจะตามมาซ้ำคนเจ็บ ทั้งเสียงร้องไห้เล็กของเด็กหญิงที่เป็นเป้าหมายตามที่ตุนท์สั่งมา เพื่อนบ้านทำได้แค่ชะเง้อคอมอง แต่ไม่มีใครสักคนกล้ายื่นมือมายุ่ง
ภาพครอบครัวที่เบาบาง คล้ายพร้อมแตกสลายลงไปต่อหน้าเป็นที่น่าหดหู่ใจแก่ทวีมาก และคนที่น่าสงสารที่สุดคือเด็กตัวน้อยที่ต้องมารับรู้ความรู้สึกเหล่านี้
“ครับ พาตัวเล็กออกมาได้ ผมให้ค่าจ้างเพิ่มจากเดิมสามเท่าเลย”
ทวีเลิกตาขึ้นคำนวณเงิน ถึงจะรู้สึกกลัวแม่ของนวมลลิ์ที่คลั่งอยู่ในบ้าน แต่มันก็คุ้มหากคิดช่วยเด็กหญิง เขาเองก็มีลูกเล็กๆ พอเข้าใจว่าจิตใจเด็กเปราะบางขนาดไหน
เลขาหนุ่มรู้สึกว่ามีสายตามองมาจากเพื่อนบ้านของนวมลลิ์ สายตาอยากรู้ของเขาทำให้ทวีรู้สึกมีความคิดบางอย่างสว่างโร่ในหัว
“ผมจะลองดูนะครับ จะทำให้สำเร็จให้ได้”
“มีอะไรรีบโทรมารายงานผมเลยนะครับ”
กว่าจะส่งเด็กนักเรียนกลับไปหมด ก็หัวค่ำเข้าไปแล้ว นพมัลลีหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะกดหานวมลลิ์อย่างที่ต้องทำทุกวันเป็นกิจวัตร แต่ตุนท์ไม่ยอมให้เธอได้ใช้ตามต้องการ สีหน้าเคร่งเครียดของเขายามเดินเข้ามาหามีแต่ความไม่สบายใจ เพราะเธอเอาหัวใจไปอยู่กับความร่าเริงของนักเรียนจนลืมสังเกตอาการคนใกล้ตัวอย่างนั้นเหรอ หรือเขาแสร้งทำให้เธอเห็นว่าเขาปกติดี เพื่อรอให้งานเลิก
นพมัลลีวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว เอื้อมมือไปดึงฝ่ามือใหญ่ของตุนท์ให้เดินมานั่งยังเก้าอี้ใกล้กัน “เกิดอะไรขึ้นคะ”
“คุณกำลังจะได้ลูกคืนนะลี” ตุนท์ยิ้มละมุนมาให้ ปกปิดปัญหาหนักอกที่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านของหญิงสาวบ้าง
“ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นคะ” ดวงตาวูบไหวแปรเป็นเศร้า ยิ่งเวลาแห่งการจากลากระชั้นเข้ามา ใจเธอก็พร้อมจะตายลงช้าๆ เท่านั้น เธอไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้กับมัลลิยา
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด วันนี้ตัวเล็กจะออกมาจากบ้านหลังนั้น”
“คะ?”
ตุนท์สูดหายใจเข้าลึก เตือนให้ตัวเองใจเย็น ไม่หวั่นเกรงปฏิกิริยาของนพมัลลีที่จะเกิดขึ้นหลังรับรู้เรื่องราวที่ทวีพบเจอมา เรื่องเล่าเริ่มตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อน ทุกอย่างไม่ขาดตกบกพร่องไปสักเรื่อง สีหน้าของนพมัลลีสงบขึ้นหลังจากที่เขาเล่าจนจบ ตุนท์ลุ้นตุ้มๆ ต่อมๆ ช่วงนาทีเงียบอันน่าอึดอัดเดาไม่ถูกว่านพมัลลีจะแสดงออกหัวหรือก้อย
“คือผม...”
คำพูดทั้งหมดหยุดลงเมื่อนพมัลลีโถมตัวไปกอดเขาไว้แน่น ไม่มีเสียงสะอื้นไห้ ไม่มีอาการสั่นเทิ้ม นอกจากคำพูดแผ่วเบาที่เอ่ยซ้ำไปมาข้างหูของตุนท์ ประโยคที่นพมัลลีนึกออกเพียงคำเดียว
“ขอบคุณที่ลำบากเพื่อฉันนะคะ ขอบคุณมาก”
“คุณเหนื่อยมามากแล้ว ผมอยากแบ่งเบามันมาจากลีบ้าง”
“ขอบคุณที่เราเจอกันนะคะ” นพมัลลีกระเถิบตัวออกมาเพื่อยิ้ม ดวงตาเป็นประกายน้ำตาคลอหน่วย ในเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดที่นวมลลิ์จำเป็นต้องรับรู้ความจริง แทนที่จะมาตีโพยตีพาย เธอต้องมีสติ และยื่นมือไปหาลูกให้ไวที่สุด
พี่สาวของเธอหมดคุณสมบัติในการเป็นแม่ ขืนพี่ยังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ วันดีวันพรุ่ง นวมลลิ์จะเป็นอย่างไรบ้าง เธอจะไปหลับตาลงได้อย่างไร สิ่งที่ทวิชเจอนั้นก็รุนแรงเกินพอแล้ว
“ทุกคนจะปลอดภัย คนดีๆ อาจลำบากใจตอนต้น แต่พวกเขาจะสบายในตอนปลาย”
“ทฤษฎีอะไรของคุณ”
ตุนท์ยืดอกก่อนตอบ “เพราะผมรู้จักคุณ ผมเลยอยากพิสูจน์ว่าทฤษฎีที่ผมตั้งขึ้นมาเป็นจริงไหม”
โทรศัพท์ของตุนท์ดังขึ้น ชายหนุ่มกดรับ คุยสองสามคำก่อนจะส่งให้แก่นพมัลลี “ของคุณ”
นพมัลลีรับโทรศัพท์มาคุยอย่างงงๆ ก่อนจะได้ยินเสียงของเพื่อนบ้านสมัยที่อยู่บ้านพ่อแม่ดังมา “ใช่หนูลีจริงหรือเปล่าลูก น้ารุจีเองนะ”
“ค่ะน้า หนูเองค่ะ”
“ผู้ชายที่มาให้น้าช่วยพาตัวเล็กออกจากบ้านไว้ใจได้ใช่ไหมลูก”
“เชื่อใจได้ค่ะ” หญิงสาวไม่เสียเวลาคิด
“เพราะเห็นว่าหนูเป็นเด็กดีมาตลอด น้าเลยอยากช่วย ยาเองก็คงจะไม่พร้อมดูแลหนูมลแล้ว หนูลีดูแลหนูมลดีๆ นะลูก”
“ด้วยชีวิตค่ะ” นพมัลลีคืนโทรศัพท์ให้กับตุนท์ มือเริ่มเย็นเฉียบ ในใจภาวนาให้คนทางนั้นช่วยนวมลลิ์ออกมาได้สำเร็จ
“เป็นไงบ้าง”
“ทฤษฎีของคุณ มีความน่าเชื่อถือนะคะ”
“เพราะผมวัดจากความเชื่อของตัวเองไงครับ” ตุนท์อยากจะโอ่ตัวเองให้มากกว่านี้ ก็เกรงใจสถานการณ์ที่ยังเครียดไม่หาย ได้แต่ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับทวี ขืนทำไม่สำเร็จ เขาก็เสียราคาคุยหมด
“วันนี้ลูกดื้อมากนะหนูมล ลูกไปสำนึกตัวในห้องเงียบๆ ไม่ต้องออกมา” มัลลิยาจัดการหากุญแจมาคล้องล็อกประตูห้องนอนของเด็กหญิง หน้าตาขุ่นข้องไม่หาย ไม่มีสิ่งใดเลยที่เธอจะพอใจ ทุกสิ่งล้วนขัดหูขัดตา อยากจะกวาดทำลายลงพื้นมาให้หมด
การเกิดเรื่องเมื่อครู่นั้นจะเสียงดังไปแปดบ้านสิบบ้านอย่างไรเธอไม่สนใจ เรื่องของคนในครอบครัว คนอื่นไม่เกี่ยวทั้งนั้น นวมลลิ์คือลูกของเธอ ใครจะห้ามสิทธิ์ของเธอไม่ได้
การกระทำของมัลลิยาสะท้อนใจคนมองในบ้านได้ดียิ่งกว่าคนภายนอก มัลลิยาเดินกลับไปห้องของตัวเองอย่างหงุดหงิด ได้ยินบทสนทนาของพ่อตัวเองกับสามีเธอเข้าก็อยากโร่ไปโรงพยาบาล นอกจากหัวแตกทวิชปกติดีทุกอย่าง
เสียงโครมครามของวัตถุที่ถูกกวาดลงพื้นทำให้นวมลลิ์ที่นั่งกอดเข่าอยู่ในห้องตัวสั่นเทา เด็กหญิงเพิ่งพบเจอพฤติกรรมไม่มีสติเต็มขั้นของมารดาก็วันนี้เอง หลายครั้งที่มารดาห่วงเธอเกินเหตุ และห้ามเธออยู่ใกล้น้าลีจนกลายเป็นความหวาดระแวง
นวมลลิ์พลิกแขนที่มีร่องรอยของรอยเล็บจิกเข้ามาบนเนื้อใต้ท้องแขนขึ้นดู หน้าตาซีดเผือดฉายร่องรอยความกลัวเพิ่มขึ้น ความทรงจำของเธอไม่เคยลืมเสียงของคนที่มักจะเรียกเธอว่าลูกก่อนนอน ทั้งที่ในยามปกติเขาจะไม่แทนตัวว่าแม่เลยก็ตาม
‘ฝันดีนะคะ ตัวเล็ก แม่เป็นแม่ของหนูได้แค่ในยามที่หนูหลับไปแล้ว แม่รักตัวเล็กที่สุดในชีวิตแม่นะคะ ในฝันหนูจำแม่ได้บ้างก็ยังดี’
ประโยคนั้นอยู่กับเธอเสมอมา ในยามเธอหลับตาเสียงของนพมัลลีคือเสียงที่ทำให้เธอหลับได้ผ่อนคลายที่สุด และหลายครั้งที่เธอจะชอบแอบมานอนหลับกับนพมัลลี อ้อนให้น้าลีกอด กระทั่งครั้งหนึ่งที่เธอแกล้งหลับตาเล่นๆ ประโยคยาวเหยียดของน้าลีกระซิบข้างหู และตบท้ายด้วยรอยจูบแผ่วเบาบนหน้าผาก เด็กหญิงไม่เคยบอกใครว่าเธออยู่กับนพมัลลีแล้วมีความสุขแค่ไหน แต่เธอก็ค่อยๆ ห่างจากน้าสาวออกมาทีละนิด เมื่อตอนเธอห้าขวบ น้าลีของเธอถูกต่อว่าจากมารดาอย่างรุนแรง
หลังจากที่น้าลีบอกให้เธอหลับฝันดีด้วยการแทนตัวเองว่าแม่อย่างที่ชอบแอบทำลับหลังมัลลิยามาเสมอ วันหนึ่งก็ถูกแม่ของเธอจับได้จนได้ เด็กหญิงทำได้แค่หลับตา ทำไม่รู้ไม่ตื่น พอผู้ใหญ่คล้อยหลังออกไป นิสัยอยากรู้ก็ผลักดันให้เธอลุกขึ้นมา เดินไปเอาหูแนบกับประตูฟังสิ่งที่พวกผู้ใหญ่ปิดบังเธอมานาน
‘ฉันไม่อนุญาตให้เธออยู่กับหนูมลอีก จะกระซิบฝันดีก็ไม่ได้’
‘แค่บอกฝันดีลูก พี่ก็ยังคิดห้ามเหรอคะ ทำไมคะ กลัวฉันบอกว่าฉันเป็นแม่ของแก แล้วพี่เป็นแค่ป้าใช่ไหมคะ’
‘นพมัลลี!’ เสียงเพียะของเนื้อกระทบเนื้อในวันนั้นดังอยู่ในความนึกคิดของนวมลลิ์มาตลอด แล้วต่อมาสิ่งที่เธอได้ยินคือเสียงร้องตกใจของยายที่ร้องเรียกชื่อน้าลีของเธอเสียดังลั่น เสียงโครมครามตกบันไดทำให้เด็กหญิงตัวแข็ง เย็นเฉียบ ถึงวันรุ่งขึ้นจะรู้ว่าน้าลีเกาะขอบบันไดไว้ได้ทันจึงแค่เคล็ด และเกิดรอยถลอกตามตัว แต่ไม่มีใครสักคนพูดถึงว่าเกิดอะไรขึ้น แม้แต่หลังจากนั้นน้าลีก็ไม่เคยที่จะเรียกแทนว่าแม่ให้เธอได้ยินก่อนนอนอีก
นวมลลิ์อยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น อยากรู้ว่าความจริงคืออะไร ชีวิตในวัยเด็กของเธอเหมือนหายไป เมื่อถูกปลุกด้วยความจริงบางอย่างที่เธอไม่เคยแน่ชัดกระจ่าง คล้ายว่าเธอเองก็ปรารถนาลึกๆ ให้ไออุ่นที่เธอต้องการมาเสมอแต่เกิด ให้ตัวเองเกิดมาจากน้า ไม่ใช่จากคนที่เธอเรียกว่าแม่ ถึงเธอจะรักมัลลิยา แต่ก็มีความเกรงกลัวมากกว่า แตกต่างจากเวลาที่อยู่กับน้าลี เธอเป็นตัวของตัวเองได้ เล่นสนุกได้เต็มที่ แต่เธอขลาดกลัวเกินไป ลึกๆ เด็กหญิงเชื่อว่าหากเธอสอดปากถามไปกลางโต๊ะอาหาร นพมัลลีจะเจ็บหนัก
กว่าเธอจะมั่นใจในทุกๆ เรื่อง ก็ตอนหกขวบไปแล้ว
เสียงเคาะหน้าต่างเรียกความสนใจเด็กหญิงให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ ผู้ชายแปลกหน้าตัวเล็กสวมชุดลำลองเกาะบันไดขึ้นมาสีหน้าเหน็ดเหนื่อย พยายามโบกมือทักทายเธอ
เด็กหญิงลุกขึ้นจากที่นอนไปเปิดบานหน้าต่างที่ไม่ได้ล็อก คนๆ นั้นถึงกับถอนหายใจโล่งอก “ไปกับลุงนะตัวเล็ก น้าลีรอหนูอยู่”
“น้าลีเหรอคะ” ชื่อของนพมัลลีจุดประกายตื่นเต้นในแววตาเด็กหญิง
“ใช่ รีบไปกับลุง ก่อนไม่มีโอกาส”
“แต่ฉันจะเชื่อได้เหรอคะ น้าลีเคยสอนไว้ไม่ให้ไว้ใจคนแปลกหน้า” เด็กหญิงที่มีความฉลาดอยู่ในตัวถามอย่างระวัง
“น้าลีของตัวเล็กบอกมาว่ามีรูปภาพรูปหนึ่งที่เคยวาดกับตัวเล็กตอนหนูเด็กมากๆ แปะไว้อยู่ตรงประตูหน้าห้อง ทุกๆ เช้าเวลาที่น้าลีต้องไปเตรียมตัวไปเรียน ตัวเล็กจะเป็นคนมาปลุก มากอด กระโดดขึ้นเตียง เวลาตัวเล็กปวดห้องน้ำจะชอบอั้น จิกเล็บ เงียบผิดปกติ”
“น้าลีอะ” เด็กหญิงร้องขึ้นอย่างจำนน เรื่องสุดท้ายนั้นน้าไม่น่าเอามาพูดเลย
“รีบไปกันเถอะครับ”
เสียงไขกุญแจหน้าห้องทำให้นวมลลิ์ตกใจ เด็กหญิงรีบปิดหน้าต่างห้องลง ทวีเองก็รู้รีบมุดหัวก้มร่างอยู่ตรงระเบียงห้อง เธอกระโดดขึ้นเตียงนอน กอดผ้าห่ม ข่มให้ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ มันทุเลาลง
“หนูมล” น้ำเสียงมั่นคง ไม่ใช่อ่อนไหวตามแรงอารมณ์คือเสียงของนพยา ไม่ใช่มัลลิยา เด็กหญิงลดผ้าห่มลง หน้าตาคลายความกังวลขึ้นมาก “กลัวใช่ไหม”
“ค่ะ แม่น่ากลัว” เด็กหญิงสารภาพตามตรง
“อย่าอยู่ที่นี่เลยนะหนูมล ตาห่วงหนู”
“แล้วแม่...”
นพยาถอนหายใจหนัก เขาเห็นอาการของมัลลิยาวันนี้ก็รู้แล้วว่าลูกสาวคนโตป่วยทางจิตหนัก หากจะนึกว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนผิด เขาก็ขอโทษตัวเอง เขารู้ว่าการที่เขาจะแก้ตัวเอาตอนนี้ แทบไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องราวอะไร แต่มันก็อาจลดความผิดบาปในใจเขาที่มีต่อนพมัลลีให้น้อยลง ถึงจะกลายเป็นว่าเขาทำบาปกับมัลลิยามากขึ้นก็ตาม
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะหนูมล เดี๋ยวตาจะไปส่งหนูที่บ้านน้าลี”
“ตาไม่หลอกหนูมลใช่ไหมคะ” เด็กหญิงถามอย่างหวาดๆ เธอเคยพบเห็นการกระทำของตาต่อน้าลีไม่น้อย ใช่ว่าเธอจะไม่กลัว แต่ต้องแกล้งว่าไม่เป็นอะไร
“ตาทำผิดกับแม่ของหนูมามาก อย่าให้ตาทำผิดเพิ่มเลย” น้ำเสียงเหนื่อยล้าของนพยาบอกว่าเขาเหนื่อยมากแล้วจริงๆ
“หนูมลไม่ใช่เด็กเล็กที่ไม่รู้ความแล้วนะคะตา ทำไมทุกคนถึงไม่บอกหนูมลสักที” นวมลลิ์ถามเสียงเครือ
“หนูมลพูดอะไรลูก”
นพยาพยายามถามร่างเล็กที่เดินกึ่งวิ่งไปแกะกรอบรูปงานศิลปะฝีมือเธอและนพมัลลีตรงประตูมากอดแนบอก สายตาปะทะเข้ากับร่างของมัลลิยาที่เพิ่งขึ้นมาจากการโดนเพื่อนบ้านคุยถ่วงเวลาไว้ไม่เลิกราเสียที
“หนูมล!”
นวมลลิ์ได้สติ รีบปิดประตูใส่หน้ามัลลิยา พร้อมกับล็อกห้อง สีหน้างุนงงของนพยาประจักษ์เมื่อหลานสาวเปิดหน้าต่างห้อง แล้วเกาะขอบวงกบ ดันตัวเองออกไปยืนตรงระเบียง มีชายแปลกหน้าที่เริ่มปีนนำลงไป
มัลลิยาไขกุญแจประตูห้องนอนลูกสาวเข้ามาได้เป็นผลสำเร็จ แต่นวมลลิ์ปีนลงไปได้ครึ่งบันไดแล้ว ร่างเล็กรีบไต่ เธอเห็นร่างของมารดาที่ปีนออกมาตรงระเบียง มือจับบันไดไว้จนข้อนิ้วเกร็ง ใจของเด็กหญิงแทบหลุดจากร่างเมื่อได้ยินประโยคทั้งหมด พร้อมกับมือของมารดาที่ผลักบันไดที่ตั้งพิงกับระเบียงห้องให้ล้มลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก
“ลูกต้องอยู่กับแม่ จะไปไหนไม่ได้เด็ดขาด”
“กรี๊ดดด” ร่างเล็กที่ใช้มือจับบันไดเพียงมือเดียวร่างหลุดกระเด็นจากบันไดไปข้างหลัง เด็กหญฺงหลับตาปี๋ น้ำตาร่วงพรูออกมา เธอคิดถึงน้าลี คิดถึงแม่ลีที่สุด ตอนนั้นเมื่อปีที่แล้ว เธอเพิ่งมั่นใจว่าน้าลีเป็นแม่ เวลาแค่หนึ่งปีที่ได้รู้สั้นเกินไปสำหรับเธอ
ครูดิศครูสอนศิลปะของน้าลีมาหาเธอที่โรงเรียนในช่วงพักกลางวัน ครูดิศส่งกระดาษม้วน ผูกโบมาให้เธอหนึ่งแผ่นพร้อมกับบอกด้วยรอยยิ้ม
‘ของขวัญวันเกิดหกขวบค่ะ’
นวมลลิ์ตื่นเต้น เธอรีบคลี่กระดาษออกดูตรงนั้น ภาพวาดสเก็ตซ์ดินสอเป็นเด็กทารกในกระเป๋าหน้าที่ผู้หญิงประพิมพ์คล้ายน้าลีของเธอกำลังโอบอุ้ม สายตาเปี่ยมรักแม้ผิวหน้าจะมีหยาดเหงื่อ ภาพๆ นี้กำลังทำให้เด็กหญิงตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่ามีคนนำของขวัญมาให้เสียอีก
‘น้าลีใช่ไหมคะ’
‘ฉันวาดรูปนี้มาจากภาพในความคิด เป็นภาพที่กัดกินใจ และย้ำเตือนว่าครั้งหนึ่งฉันทำผิดมหันต์กับเด็กนักเรียนของฉัน และลูกของนักเรียนคนนั้น’ ดิศย่อตัวลงเสมอหน้ากับเด็กหญิง ลูบศีรษะเล็กที่กำลังเอาแต่จ้องภาพในมือราวกับรู้ทุกความหมายที่เขาสื่อออกไป ‘คุ้นๆ เด็กคนนั้นไหมตัวเล็ก’
‘เหมือนหนูเลยค่ะ’
‘อย่าบอกลีนะว่าฉันเอาเรื่องสำคัญมาบอกหนู’
นวมลลิ์พยักหน้ารับถี่ ทำท่ามือรูดซิปปิดปาก ‘สัญญาค่ะ’
ร่างที่ปลิวร่วงกอดกรอบรูปไว้แน่น ช่วงวินาทีนั้นทวีพยายามยื่นมือออกไปรับร่างเบาที่ตกลงมาเร็วยิ่งกว่าใบไม้ร่วง แต่ถึงจะย่อตัวคว้าเอวเล็กได้ ศีรษะของเด็กหญิงก็ยังกระแทกพื้นดินไปจนสลบเหมือด มัลลิยาที่ดูอยู่ชั้นสองของบ้านกรีดร้องเสียงดังอย่างรับไม่ได้ และกำลังจะวิ่งลงมา ทวีไม่เสียเวลาคิดรีบช้อนร่างเล็กขึ้นอุ้ม ส่งให้กับเพื่อนบ้านซึ่งเป็นสามีของรุจีที่ยืนต่อขาบนเก้าอี้รอรับก่อนแล้ว ส่วนตัวเขาใช้ทักษะการปีนอีกรอบข้ามรั้วไป และตรงไปยังรถที่สตาร์ทรออยู่หน้าบ้าน ลูกชายของบ้านนี้จะทำหน้าที่สารถีให้จนกว่าจะมั่นใจว่าพวกเขาปลอดภัยจากมัลลิยาเลยทีเดียว
เขาเข้ามาในรถ และออกมาจากบ้านของมัลลิยา ภาพผู้หญิงกระเซิงผมเผ้าถูกทึ้งพยายามแหกปากร้องวิ่งตามมาจนสะดุดหกล้มทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนี ทวีมองร่างเล็กที่เขาพิงไว้กับเบาะหลังอย่างสงสารจับใจ เด็กตัวเล็กแค่นี้โตขึ้นมาในบ้านหลังนั้นได้อย่างไร เขาดึงกรอบรูปที่นวมลลิ์กอดไว้แน่นออกมา รูปที่สอดไว้หลังรูปร่วงหล่น ทวีหยิบขึ้นมาพลิกดูอย่างสนใจ ก่อนจะชาวาบไปถึงโคนผม
ผู้หญิงในรูปนี้ไม่ใช่แฟนของเจ้านายเขาหรอกเหรอ หรือว่าเด็กคนนี้ ทวีอ้าปากค้าง เริ่มเครียดขึ้นมา ขืนเจ้านายรู้ว่างานนี้เขาทำสำเร็จเพียงครึ่ง แต่สวัสดิภาพของนวมลลิ์ไม่ครบร้อย เขาจะโดนฆ่าไหม เรื่องสำคัญที่ว่าคุณนพมัลลีมีลูก มีหรือที่เจ้านายจะไม่รู้
…………………………………………………..
คุณ ร้อยวจี ทวิชไม่เป็นอะไรมาก แต่ตัวเล็กนี่ท่าจะไม่เบานะคะ มัลลิยาโรคจิตขนาดนี้ อาการเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยแท้งลูกไปสองครั้งแล้วค่ะ พอได้เลี้ยงนวมลลิ์ก็คิดว่าเป็นลูกตัวเอง ไม่อยากเสียตัวเล็กไป
คุณ konhin ปราสาททรายพังไม่เหลือชิ้นดีค่ะ แล้วก็คงสร้างขึ้นมาใหม่ไม่ได้แล้วด้วย T^T
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ตอนนี้มาม่าหนักกว่าตอนที่แล้วอีกไซส์เลยค่ะ ตัวเล็กโดนหนักแบบหลอนๆ
คุณ กาซะลองพลัดถิ่น ขนาดนพยายังรับไม่ได้เลยค่ะ แต่ตุนท์มาไวกว่าก้าวหนึ่ง ทวีรับร่างตัวเล็กไม่ดี ลีกำลังจะมีความสุขอยู่แล้ว เดี๋ยวมารู้เรื่องตัวเล็กอีกนะคะ T^T
คุณ OhLaLa ทุกคนคิดว่าการให้ยาเลี้ยงตัวเล็กจะดี ที่จริงมันทำให้เรื่องแย่ขึ้น กลายเป็นว่ายาเป็นคนไม่ยอมรับความจริงไป คราวนี้ตัวเล็กก็ลำบากด้วยเลยค่ะ นพยามาเอะใจตอนนี้ก็เกือบสายไปแล้วนะคะ
คุณ violette เกิดเรื่องแรงขึ้น ธริทไปส่งทวิชเข้าโรงพยาบาลอยู่เลยพลาด ไม่ได้อยู่ห้ามยานะคะ เรื่องของตัวเล็กกับคมิกต้องมีแน่ค่ะ เขียนเรื่องนี้เครียดมาก ชีวิตตัวเล็กควรจะเฮฮาสักทีค่ะ ฮา
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็น ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และกดถูกใจนะคะ ขอให้อ่านอย่างสนุกค่ะ ตอนนี้แอบเครียดนิดหน่อย T^T
ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มี.ค. 2558, 01:35:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มี.ค. 2558, 01:35:45 น.
จำนวนการเข้าชม : 1628
<< บทที่ 18 : พ่อลูก | บทที่ 20 : ลูกไม่ปลื้ม >> |
coonX3 15 มี.ค. 2558, 02:18:59 น.
ตัวเล็กต้องปลอดภัยนะ จะได้อยู่กับแม่แท้ๆแล้ว
ตัวเล็กต้องปลอดภัยนะ จะได้อยู่กับแม่แท้ๆแล้ว
ร้อยวจี 15 มี.ค. 2558, 05:28:57 น.
ขอให้ตัวเล็กปลอดภัยนะคะ
ขอให้ตัวเล็กปลอดภัยนะคะ
OhLaLa 15 มี.ค. 2558, 09:04:18 น.
ในที่สุดยาก็ทำร้ายตัวเล็ก เรื่องนี้บาดเจ็บแทบทุกคนเลย
ในที่สุดยาก็ทำร้ายตัวเล็ก เรื่องนี้บาดเจ็บแทบทุกคนเลย
นักอ่านเหนียวหนึบ 15 มี.ค. 2558, 15:40:05 น.
ตัวเล็กกกกก เรื่องของหนูเรื่องหน้านะลูก เก็บซีนอารมณ์ไว้ให้แม่เค้าเถอะลูก 5555
ตัวเล็กกกกก เรื่องของหนูเรื่องหน้านะลูก เก็บซีนอารมณ์ไว้ให้แม่เค้าเถอะลูก 5555
konhin 15 มี.ค. 2558, 22:27:49 น.
ตัวเล็ก จะเจ็บแค่ไหนเนี่ยยย
ตัวเล็ก จะเจ็บแค่ไหนเนี่ยยย
violette 15 มี.ค. 2558, 23:34:50 น.
โอ๊ยย ตัวเล็ก ไม่เป็นไรน้าๆ
โอ๊ยย ตัวเล็ก ไม่เป็นไรน้าๆ
ร้อยวจี 16 มี.ค. 2558, 12:25:13 น.
หวังว่าเปิดฉากออกมาตัวเล็กคงไม่เป็นโรคความจำเสื่อมนะค แบบนี้ออหจะโหดร้ายไปหน่อยแล้วกับนพมัลลี
หวังว่าเปิดฉากออกมาตัวเล็กคงไม่เป็นโรคความจำเสื่อมนะค แบบนี้ออหจะโหดร้ายไปหน่อยแล้วกับนพมัลลี