บทเรียน (รัก) นอกตำรา
นพมัลลี นักศึกษาฝึกสอนที่จบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน
นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก
แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้
มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน
นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก
แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้
มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่
Tags: นพมัลลี ตุนท์ คมิก พิชญ์ปรีชา
ตอน: บทที่ 20 : ลูกไม่ปลื้ม
บทที่ 20
นพมัลลีถือรูปวาดสเก็ตซ์ในมือสั่นไปหมด เธอได้รับมาจากทวีหลังจากที่พานวมลลิ์มาส่งยังบ้านพักของเธอ ทวีเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกว่าจะพานวมลลิ์ออกมาจากบ้านได้ รวมถึงอาการจิตไม่ปกติของพี่สาวเธอที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน
“ลี” ตุนท์แตะหลังมือที่กำลังสั่นของนพมัลลีอย่างแผ่วเบา กลัวกระทบจิตใจอ่อนแอของหญิงสาวไปมากกว่านี้ เขาเคยคิดว่าเรื่องราวกำลังจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ไม่ทันคิดมาก่อนว่าชีวิตแม่ลูกคู่นี้จะยังพบปัญหาเข้าจนได้
“ฉันเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ ถ้าฉันเฉลียวใจมากกว่านี้ น่าจะพาลูกออกมาได้เร็ว” นพมัลลีโทรไปหาดิศ เพื่อคาดคั้นเรื่องภาพวาดนี้แล้ว จึงรู้ว่าฝ่ายนั้นนำความลับเรื่องเธอไปบอกกับนวมลลิ์เป็นปีแล้ว “ฉันไม่รู้ว่าตัวเล็กตีความรูปนี้ไม่ออก หรือจงใจปิดบังความจริงไว้ก็ไม่รู้”
“ตัวเล็กฟื้น ลีก็ถามเขาได้”
“ฉันแอบคิดมาตลอดว่าตัวเล็กจะรับไม่ได้”
ตุนท์วางฝ่ามือไปบนแก้มนุ่ม อยากทะนุถนอมนพมัลลีให้มากที่สุด “คุณเป็นน้าที่ดีมาตลอด แล้วทำไมจะเป็นแม่ที่ดีไม่ได้ ในเมื่อในใจของคุณตัวเล็กคือลูก ผมเชื่อนะว่าลึกๆ ตัวเล็กเขาเองก็รู้ ไม่อย่างนั้นเขาไม่หนีออกมาหรอกลี” เขาอยากรู้อีกเรื่อง “คุณโกรธพี่สาวของคุณไหมลี”
นพมัลลีส่ายหน้า น่าแปลกเมื่อถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับความจริงจิตใจของเธอกลับสงบมากขึ้นได้ “เราทุกคนมีความผิดเท่ากันทุกๆ คนแหละค่ะ” เมื่อเห็นตุนท์จะเอ่ยค้านไม่เห็นด้วย หญิงสาวรีบอธิบายเหตุผลต่อ “ฉันผิดที่ฉันไม่แกร่งพอ มีเวลามาตั้งเจ็ดปี ฉันกลับปล่อยให้ตัวเล็กเข้าใจว่าฉันเป็นน้าอยู่ได้ตั้งนาน นั่นคือความผิดของฉัน”
“ทุกอย่างกำลังจะผ่านไปแล้วนะ”
มือบางวางซ้อนทับมือหนาที่สัมผัสผิวแก้มตัวเองอยู่ หัวใจของเธอไม่เจ็บปวดอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว เวลานี้มีใครอีกคนพร้อมจะพาตัวเองมาในเส้นทางชีวิตอันขรุขระไม่สวยงามของเธอ ในสายตาของตุนท์บอกว่าเขารับได้ในทุกสิ่งที่เธอผ่านมา
“ถ้าไม่เจอตุนท์ ฉันไม่รู้เลยว่าชีวิตของฉันจะเป็นยังไง”
“จะไปคิดอย่างนั้นทำไม หืม” ตุนท์ชะโงกหน้ามาใกล้ จูบเบาๆ ลงบนหน้าผากเนียนอย่างนุ่มนวล แผ่วเบาแต่มั่นคง “ผมอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว และผมก็ดีใจที่คุณให้ที่ตรงนี้แก่ผมนะลี”
“ฉันมีอยู่กับตัวตอนนี้อยู่หนึ่งพัน” นพมัลลีหยิบแบงค์พันออกมาส่งให้กับตุนท์ ยืนสบายในอ้อมกอดหลวมๆ ของเขา
ตุนท์ไม่ยอมยื่นมือออกมารับ กลับถามทีเล่นทีจริง “ค่าอะไรครับ”
“ค่าจ้างให้คุณอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต เป็นพ่อของลูกฉันไงคะ”
ตุนท์ยื่นหน้ามาจูบปากรูปกระจับอย่างหมั่นเขี้ยว “ผมแถมโรงเรียนนี้ให้คุณล่วงหน้ายังได้”
“ฉันไม่เคยมองสมบัติของคุณนะคะ” นพมัลลีจริงจังขึ้นมา กลัวตุนท์จะเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นหญิงหน้าเงิน
“คิดมาก ผมรู้จักคุณดีพอ อีกอย่างสมบัติของผมก็มีแม่เฝ้าไว้ให้ ถ้าลูกสะใภ้ของท่านไม่ดีพอ แม่ผมก็ไม่ปล่อยผ่านง่ายๆ หรอก”
นพมัลลียิ้มเซียว บุคคลที่เธอหวั่นเกรง และประหม่ายามอยู่ต่อหน้าคือตุลา ท่าทีราวนางพญาของท่าน คือสิ่งที่เธอไม่เคยจะอ่านออก ถึงเมื่อวานตุลาจะเอ่ยชมว่าเธอเก่ง ก็ไมได้หมายความว่าจะปลื้มเธอในฐานะอื่นนอกจากครู
นิลุบลเปิดประตูห้องพักที่มีนวมลลิ์พักอยู่ออกมา หน้าตาซีดเผือดเป็นกระดาษขาว สายตาสงสารครูที่เธอเคารพรักมากสุดในชีวิตสุดสลดใจ
“ครูคะ น้องเขาตื่นแล้วค่ะ”
“จริงเหรอคะ” นพมัลลีเครียดมานานหลายชั่วโมง กลัวว่าจิตใจของตัวเล็กจะหวาดกลัวหลังได้สติขึ้นมา ทวีบอกว่าเขาพานวมลลิ์ไปหาหมอเบื้องต้นเพื่อตรวจอาการศีรษะที่ถูกกระแทกพื้นแล้ว แต่ไม่พบอะไรผิดปกตินอกจากหัวนูนเท่าไข่ปูด จึงพากลับมากรงเทพฯ ก่อน
นพมัลลีเดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง บนเตียงขนาดพอให้สองคนนอนมีร่างเล็กนั่งทำหน้าเบ้น้ำตาเล็ด ยกมือคลำศีรษะอย่างน่าสงสารอยู่
“ตัวเล็กคะ” นพมัลลีเรียกอย่างระวัง นั่งลงบนฟูกนุ่ม เว้นที่พอให้เด็กหญิงรู้สึกปลอดภัย
เด็กหญิงใช้ดวงตางงงันมองตอบ หัวคิ้วเข้มขมวดมุ่นไม่เข้าใจ “น้าเป็นใคร”
“นี่น้า...” หญิงสาวชะงัก ดวงตาค่อยๆ เบิกโตขึ้นเท่าไข่ห่าน น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ อาบสองแก้ม ขณะที่เธอดึงร่างเล็กเข้าสู่อ้อมกอดของเธอ “สวรรค์ หนูรู้ไหมว่าตัวเองเป็นใคร”
“หนูเป็นใครคะ” เสียงอู้อี้ตอบกลับมา
ในใจของนพมัลลีที่เคยไม่มั่นคง หวาดหวั่น และเสียใจกับการเป็นน้ามาตลอดรู้สึกราวกับเธอกำลังได้รับโอกาสครั้งใหม่อีกครั้ง โอกาสในการสร้างความทรงจำแก่ลูกสาว ไม่ใช่หลาน คนอื่นอาจจะมองว่ามันเป็นการโหดร้ายที่ฉวยโอกาสตอนที่นวมลลิ์กำลังจำเรื่องราวไม่ได้ แต่เธอคิดว่ายังดีกว่าการโยนความจริงใส่หน้าเด็กหญิงตัวน้อยในตอนที่ความจำเดิมยังมีอยู่
เธอกำลังกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวสินะ นพมัลลีปฏิเสธที่จะเป็นคนดีอีกต่อไป และขอยึดสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไว้อย่างกอบโกย
“แม่เป็นแม่ของหนูไงตัวเล็ก แม่ลีของตัวเล็ก”
“ตัวเล็กกลัว” เด็กหญิงแทนชื่อตัวเองได้อย่างคล่องปาก กอดกระชับร่างที่เธอกอดแล้วอุ่นใจไว้แน่น
นพมัลลีจูบผมของลูกสาวไว้ด้วยความรักสุดหัวใจ พรุ่งนี้เธอจะพาลูกไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล ต่อให้ในอนาคตอันใกล้นี้นวมลลิ์จะค่อยๆ จำเรื่องในอดีตได้ก็ไม่เป็นไร เธอยังมีเวลานำความทรงจำใหม่ไปวางซ้อนทับกับความเข้าใจของเด็กหญิงอยู่ โอกาสนี้เธอไม่ได้จะหากันง่ายๆ เลย
“แม่ลีอยู่นี่นะตัวเล็ก จะไม่มีใครทำอะไรหนูได้อีก”
“ตัวเล็กเจ็บหัว”
“ไปหาหมอไหม” นพมัลลีสางผมดูรอยนูนบนหัวเด็กหญิงอย่างสงสาร เธอไม่รู้จริงๆ ว่าการลืมของนวมลลิ์เกิดจากศีรษะกระแทก หรือการอยากลืมเรื่องเลวร้ายที่มัลลิยาทำไว้ให้ได้ สมองเลยต่อต้านไม่อยากจำ
“ไม่เอาค่ะ ไม่ชอบหมอ”
นิสัยของนวมลลิ์ก็ยังเหมือนเดิม หญิงสาวพยายามยิ้มออกมาให้สดใสที่สุด เธอเองก็ใช่ว่าจะไม่กังวลใดๆ เลย “ประคบศีรษะหน่อยนะตัวเล็ก จะได้เจ็บน้อยลง”
เด็กหญิงพยักหน้ารับ แต่การกระทำตรงกันข้ามคือกอดเอวนพมัลลีไว้แน่นไม่ปล่อย นิลุบลต้องไปเตรียมน้ำเย็นกับผ้ามาให้ ตุนท์ถือโอกาสมานั่งตรงตำแหน่งปลายเท้าของนวมลลิ์ ตีขลุมตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวในครั้งนี้ด้วย
“พ่อตุนท์ก็เป็นพ่อของตัวเล็กนะครับ เรียกพ่อตุนท์บ้างสิ”
คนเป็นลูกสาวส่งเสียงหึ เบือนหน้าหนี “แม่ลี ตัวเล็กไม่คุ้นหน้าพ่อตุนท์เลย”
ท่าทางต่อต้านของนวมลลิ์ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองเอะใจ นพมัลลีมองหน้าตุนท์ที่ดูจะคิดคล้ายกันกับเธอเช่นกัน
“พ่อตุนท์ก็ห่วงและรักตัวเล็กมากนะคะ”
เด็กหญิงหน้างอเป็นจวัก ล้มตัวลงนอน หันหลังให้กับนพมัลลีท่าทีแสนงอน คนเป็นแม่ลอบส่ายหน้ายิ้มขันกับตุนท์ เธอโล่งใจที่ในที่สุดอาการของนวมลลิ์ก็ไม่ได้น่าห่วงอะไรเลย อีกทั้งยังเลือกที่จะมาอยู่ตรงนี้กับเธอ
นพมัลลีก้มตัวไปกระซิบข้างหูเด็กหญิงที่ลมหายใจเริ่มเป็นจังหวะเดียวอย่างตื้นตัน “ขอบคุณที่ตัวเล็กเลือกแม่ลีนะ ขอบคุณที่ให้โอกาสแม่ลีได้ทำหน้าที่ของแม่”
ตุนท์ขับรถมาส่งนพมัลลีที่มหาวิทยาลัยเพื่อทำเรื่องเรียนจบ หญิงสาวคลายกังวลไปได้มากหลังจากการตรวจร่างกายนวมลลิ์เมื่อเช้านี้ปลอดภัยดีที่ทุกอย่าง ไม่มีส่วนไหนกระทบกระเทือนจนถึงขั้นเป็นอันตราย แต่หน้าดีใจของเธอคงไม่ค่อยเข้ากับหน้าม่อยของตุนท์นัก
“ทำหน้าจิตตกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะคะตุนท์”
“ขนาดตัวเล็กแกล้งความจำเสื่อม ก็ยังไม่แกล้งปลื้มผมเลย”
ท่าทางของผู้ใหญ่น้อยใจทำให้นพมัลลีหลุดขำคิก เรื่องน่ายินดีของเธอ กลายเป็นเรื่องน่าเศร้าน่าตอกย้ำที่ตุนท์ต้องรับรู้ ไม่ว่าอย่างไรนวมลลิ์ก็ยังไม่ปลื้มเขา อีกทั้งยังเกิดอาการ ‘หวงแม่’ ไม่ค่อยปล่อยให้เธอกับตุนท์ได้อยู่กันสองต่อสองในละแวกบ้านพักนักหรอก
“ไม่ตลกเลยนะลี” ตุนท์หรี่ตาถามเสียงดุ แต่ความน่ากลัวเขาคงไปกระตุ้นต่อมหัวเราะของนพมัลลีเข้ามากกว่า เธอจึงยังระรื่น เข้าไปจัดการธุระในศูนย์บริการของทางมหาวิทยาลัยจนเสร็จออกมา
ตุนท์ตั้งใจจะวางแผนใช้เวลาที่เหลือก่อนนพมัลลีจะกลับบ้านไปเลี้ยงฉลองให้กับใบทรานสคริปต์จบที่นพมัลลีได้มาสดๆ ร้อนๆ แต่ไม่คิดว่าตัวอุปสรรคตัวเบ้อเริ่มจะมาเยือนถึงมหาวิทยาลัย
“มาทำไม” ตุนท์ไม่ค่อยพอใจกับหน้าตาอ้อนวอนของวากูรที่ชอบใช้มองนพมัลลี หลายครั้งที่เขาเห็นวากูรตามติดนพมัลลีราวกับคนไร้การไร้งานทำ ทำให้เขาขำขันสิ้นดี
“ไม่ได้มาหาคุณแล้วกัน” วากูรเมินหน้าตุนท์ และหันไปมองนพมัลลีที่กำลังเกี่ยวแขนตุนท์ให้เขาเห็นตำตา หยิบการ์ดแต่งงานที่ดีไซด์เรียบหรูออกมายื่นให้ “ลี ฉันเอานี่มาให้เธอ เธอจะพาตัวเล็กไปด้วยได้ไหม”
การ์ดแต่งงานที่มีกำหนดในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของนพมัลลีไม่น้อย หญิงสาวไม่ได้รู้สึกถึงเยื่อใยใดๆ ที่สมัยเธอเป็นเด็กสาวเคยรู้สึกอีกต่อไปแล้ว วันนี้ความรู้สึกของเธอมั่นคง ไม่โกรธเกลียดใครง่ายๆ ในความน่ารังเกียจของวากูรที่เคยทำไว้ เขาได้ทิ้งสิ่งมีค่าในชีวิตให้กับเธอ นวมลลิ์คือของขวัญที่เธอไม่เคยมีมาในชีวิตของลูกชังคนหนึ่ง เธอเริ่มรู้จักรักใครจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่มีลูก
“ฉันจะพาเขาไปแน่นอน”
“เธอจะไม่ให้เขารู้เรื่องฉันเป็นพ่อเขาจริงๆ เหรอ”
“ไม่” นพมัลลีตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ที่ผ่านมาฉันดีใจที่ตัวเล็กมาเกิด แต่อนาคตของฉันอาจจะดีไปอีกทาง ฉันอาจกลายเป็นศิลปินที่มีชื่อ มีงานการทำดีไปแล้วถ้าไม่ต้องมาเจอนาย นายคือความอัปยศของความโง่ที่ฉันไม่มีวันลืม และสิ่งเดียวที่จะทำให้ฉันจดจำได้นายได้น้อยที่สุด คือการให้นายไม่ได้เป็นพ่อของตัวเล็ก”
“เธอแค้นฉันมากเลยใช่ไหม”
หญิงสาวส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับข้อหาร้ายกาจ “ฉันคิดว่ามนุษย์เราจำเป็นต้องได้รับบทเรียน นายเองกำลังมีชีวิตใหม่ ก็ควรทุ่มเทให้กับคนที่นายรัก ส่วนฉัน...” นพมัลลีวางมือไปบนแขนของตุนท์ที่เธอเกี่ยวไว้อยู่ “ฉันพบพ่อที่ดีที่สุดของตัวเล็กแล้ว เขาจะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูกของฉันได้”
“เธอใช้อะไรมามั่นใจลี ผู้ชายหน้าไหนก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น”
“อย่าตัวเองมาเป็นมาตรฐานตัดสินคนทั้งโลกสิ ตุนท์เขาไม่เหมือนนาย”
“เธอกำลังหลงหมอนี่อย่างหน้ามืดตามัวรู้ไหม” วากูรยังทำใจรับไม่ได้ ที่ตัวเองไม่ได้มีค่าอะไรในสายตานพมัลลีสักนิด เขาเคยคิดว่าเธอจะแสดงออกว่าเสียดาย หรือเสียใจไม่อยากให้เขาแต่งงานบ้าง แต่นี่นพมัลลีกลับสบายๆ แล้วขับไล่ไสส่งเขาออกให้พ้นตัว
ที่เขายังคิดถึงเธออยู่ตลอดเวลาหลังรู้ตัวว่าทำพลาดไปในวันนั้น ก็เกิดขึ้นพียงฝ่ายเดียวสิ
“ตุนท์คะ หน้าฉันนี่มีคำว่าโง่แปะอยู่เหรอ หรือว่าฉันตาบอด” นพมัลลีทำออเซาะ ถามคนรักเสียงหวานจ๋อย
“ถ้าอย่างคุณเรียกว่าหลงผมหน้ามืดตามัว อย่างผมก็เรียกว่าหลงคุณขั้นสูงสุดแล้วล่ะ คุณอยากได้ท้องฟ้า ผมก็จะยกทางช้างเผือกมาให้คุณ”
วากูรทำหน้าปูเลี่ยน อยากจะอาเจียนให้คู่รักที่ไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของเขา อยากรู้นักว่านวมลลิ์รับพ่อใหม่ได้จริงเหรอ
“น่ารักจัง แฟนใครเนี่ย” นพมัลลีหยิกแก้มคนช่างเอาใจ รอจนวากูรทนฤทธิ์หวานน้ำตาลหกของพวกเธอไม่ได้จนเดินหน้าหงุดหงิดจากไป นพมัลลีจึงหลุดหัวเราะอย่างสนุกสนาน ขัดกับหน้าตาของตุนท์ที่ตีบึ้งหนักกว่าวากูรเสียอีก
“สงสัยลูกสาวจะได้เชื้อไม่ชอบหน้าผมมาจากพ่อเขา”
“แค่นี้จะยอมแพ้แล้วเหรอคะ”
นพมัลลีตามมาขึ้นรถ อยากง้อคนโตที่เริ่มกลับสู่สภาวะคนจิตตกอีกรอบ เห็นเก่งไปเสียทุกเรื่อง พอเจอฤทธิ์เด็กเจ็ดขวบไม่ชอบหน้า ดร.ตุนท์ก็มีหงอยกับเขาเหมือนกัน แต่ท่าทางจริงจัง และตั้งใจจริงของตุนท์ในการอยากเอาชนะใจนวมลลิ์กลายเป็นความภูมิใจลึกๆ ของนพมัลลี เธอรักในความพยายามของเขา และรักมากกว่าที่เขาพยายามรักในสิ่งที่เธอรักเช่นกัน
“ไม่หรอก ผมยอมแพ้ผมก็เสียคะแนนกับแม่เขาสิ”
“คุณแค่อยากจะเอาชนะใจฉันเหรอ” นพมัลลีแกล้งถามเสียงเรียบ
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะลี” ตุนท์แก้ตัวอย่างรวดเร็ว กลัวนพมัลลีเข้าใจผิด “ผมอยากเป็นพ่อของตัวเล็กจริงๆ อยากให้เขายอมรับผม ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับคุณ”
“แต่งงาน?” แก้วนวลแดงก่ำ เธอไม่เคยนึกไปถึงวันที่เขาว่ามาเลย อย่างน้อยก็ในระยะเวลาใกล้ๆ นี้ ดีใจที่เขาพูดออกมา แต่อีกใจเธอก็รู้สึกผิด
“หรือคุณจะไม่แต่ง” สถานการณ์พลิกผัน เมื่อตุนท์ได้โอกาสรุกไล่เอาความจริงจากนพมัลลีคืน ท่าทางลังเล กัดปากครุ่นคิด ไม่ตอบตกลงในทันทีทำให้ตุนท์เริ่มกังวล จนต้องถามเสียงน้อยใจ “นี่ลีไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยใช่ไหม”
“ตุนท์คะ ฉันอยากใช้เวลากับตัวเล็กให้มากกว่านี้อีกสักนิดหนึ่งจะได้ไหมคะ ไหนจะเรื่องแม่ของคุณ เรื่องของคุณกับตัวเล็ก เรื่องพี่ยาอีก ฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปคิดเรื่องนั้น”
สองหนุ่มสาวถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ตุนท์ยื่นมือมาบีบมืออุ่นของนพมัลลีไว้ พูดในสิ่งที่เขาคิดว่าตัวเองต้องยอมรับเพิ่มขึ้น เขาเลือกรักผู้หญิงไม่ธรรมดาคนนี้เอง เขาก็ต้องพาเธอผ่านปัญหานี้ไปให้ได้ก่อน
“ผมเข้าใจ อย่าเอาเรื่องแต่งงานมาคิดมากเลยนะลี”
นพมัลลีเม้มปากไว้ น้ำเสียงของตุนท์ที่กำลังบอกให้เธอคลายใจ กลับทำให้ใจเธอหนักอึ้งกว่าเดิม หญิงสาวไม่อยากทำให้ตุนท์ผิดหวัง จึงได้แต่บอกให้เขามั่นใจ
“ฉันแต่งงานกับตุนท์แน่ค่ะ ไม่แต่งกับใครอื่นแน่นอน”
“แต่งกับคนอื่น ผมก็คงไม่ยอมง่ายๆ หรอกนะ” ตุนท์พูดติดตลก ดวงตาระยับด้วยความรัก ก่อนจะกลับมาครุ่นคิดว่าวันนี้เขาจะเจาะกำแพงหนาของลูกสาวคนรักอย่างไรดี
เขายังจำคมิกที่ต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กแอบมาเล่าให้ฟังถึงนิสัยนวมลลิ์ว่า
‘เด็กคนนี้ร้ายมากครับครู แสบแต่เด็ก นี่ยังมาโกหกว่าความจำเสื่อมอีก โกหกไม่เนียนแต่ก็รู้ๆ ว่าพวกเราเปิดเผยความจริงไม่ได้ ถ้าไม่ช่วยครูลี ผมไม่เกรงใจเด็กแสบนี่แล้วนะ’
หลังจากนั้นคมิกก็โดนเขาเขกมะเหงกไม่เบาใส่หัวไปทีหนึ่ง โทษฐานมาว่า ‘ว่าที่ลูกรัก’ ของเขา
‘อ่อยเด็กไม่ขึ้น แล้วยังมีหน้ามาวิจารณ์หาพวกอีกนะคุณคมิก’
นพมัลลีมาถึงบ้าน พบผู้ชายโพกศีรษะด้วยผ้าพันแผลก็นั่งรออยู่กับหลานตัวน้อยก่อนแล้ว นพมัลลีน้ำตาคลอด้วยความรู้สึกผิดยามเห็นทวิชบาดเจ็บจากการพยายามเข้าปรามมัลลิยาไม่ให้มาพานวมลลิ์ไปจากเธอ พอทวิชออกจากโรงพยาบาลเขาก็บอกว่าอยากมาอยู่ที่นี่กับเธอและหลาน
“ลุงเจ็บมากไหมคะ”
“เล็กน้อยน่าลี” ทวิชตัดสินใจได้ตอนอยู่โรงพยาบาล ว่าเวลาของคนเรามันสั้น ถ้าเกิดเขาเจ็บหนักกว่านี้คงไม่มีโอกาสได้อยู่ดูหน้านพมัลลีกับนวมลลิ์อีก จิตใจของเขาคงจากไปไม่สงบ และรู้สึกเป็นหนี้ต่อลวิณตรา ไม่ลำบากใจเขาเลยที่จะรักลูกของลวิณตรา และจะรักหลานของลวิณตรา ลวิณตราคิดมาตลอดว่านพมัลลีเป็นลูกของเขา เขาก็มีหน้าที่สานต่อหน้าที่นั้นให้สมบูรณ์สักที
ที่ผ่านมาเขาเองก็หลบหนีความจริงนี้จนเหนื่อยอ่อน ผลักนพมัลลีให้ไปอยู่ในมือของพ่อแท้ๆ ที่ไม่เคยต้องการ ไม่เคยยอมรับอะไรเลย เป็นการพลาดที่เขาไม่ยอมให้อภัยตัวเองเด็ดขาด
“ตัวเล็กมากับพ่อตุนท์ก่อนเร็ว” ตุนท์อยากปล่อยให้สองพ่อลูกได้คุยกัน พอนวมลลิ์กำลังแสดงท่าทางดื้อรั้นไม่ยอมออกมา เขาก็ฉวยร่างเล็กอุ้มแล้วพาออกไปเดินเล่นให้ไกล โดยไม่ลืมลากนวมส่วนตัวของนวมลลิ์อย่างคมิก มาแบ่งเบาภาระกับเขาด้วย
“ดีใจที่ในที่สุดตัวเล็กก็เลือกลีนะ” ทวิชรับรู้ความจริงเรื่องนวมลลิ์แกล้งความจำเสื่อมก่อนจะมาถึงที่นี่แล้ว เพราะนพมัลลีไม่อยากไปทำลายความตั้งใจของเด็กหญิง
“นั่นก็เพราะตัวเล็กเขารู้เรื่องฉันเป็นแม่เขามานานแล้วต่างหากล่ะคะลุง”
“ตัวเล็กรู้อยู่แล้ว!”
นพมัลลีเองก็อยากรู้ว่าทำไมนวมลลิ์จึงปิดบังเรื่องนี้กับเธอ ที่จริงนวมลลิ์ก็ติดหนึบกับเธอมาแต่เด็ก เธอจึงไม่ทันเอะใจว่าเด็กหญิงรู้ความจริงมาแล้ว
“ค่ะ”
“บางทีการปิดบังความจริงของตัวเล็กอาจจะเพื่อลีก็ได้นะ” ทวิชพยายามคาดการณ์ “ตัวเล็กอาจสัมผัสได้ว่ายาไม่ปกติ เขาอยู่ใกล้ชิดน่าจะสังเกตยาได้ง่าย ถ้าตัวเล็กเปิดเรื่องนี้ออกมา ยาคงไม่ยอม”
“ตัวเล็กยังเด็ก เขาจะคิดได้ขนาดนั้นเหรอคะ”
“เด็กที่ต้องเติบโตมาในครอบครัวประหลาด ก็ต้องหาทางโตขึ้นมาอย่างปลอดภัย ลีจำความรู้สึกไม่ได้เหรอว่ามันลำบากแค่ไหนที่อยู่ในบ้านที่ไม่มีความรัก”
หญิงสาวสะอึกในใจ จะว่าไปนวมลลิ์ยังโชคดีกว่าเธอนัก ทุกคนต่างรุมรักเด็กหญิง และอยากเก็บนวมลลิ์ไว้ข้างกาย ตรงข้ามกับเธอที่ไม่มีใครสักคนที่ต้องการเธอจริงๆ ทุกคนต่างตีเธอออกจากบ้าน และแย่งลูกไปจากเธอโดยไม่รู้สึกผิด พวกเขาอยู่ดื่มด่ำกับเหตุผลที่ตัวเองสร้างขึ้นมา ไม่ฟังเสียงใดๆ ของเธอ
จู่ๆ เธอก็นึกถึงสิ่งที่พ่อบอกไว้ว่าท่านไม่ใช่พ่อของเธอ และลุงรู้เรื่องนี้ดี หรือถึงเวลาที่เธอจะเติบโตขึ้น ด้วยการรู้เบื้องหลังของตัวเองสักที การรู้เหตุผลทั้งหมดอาจทำให้เธอไม่ติดค้างใดๆ กับสาเหตุ และท่าทีหมางเมินของคนในบ้าน
“ใครเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของฉันกันแน่ ลุงรู้ใช่ไหมคะว่าใคร”
ทวิชตะลึงไปชั่วครู่ เขาก้มหน้ามองฝ่ามือทั้งสองข้างของตัวเอง สลับกับใบหน้าของนพมัลลี และตัดสินใจหยิบรูปที่เขาพกในกระเป๋าเงินติดตัวมานานกว่ายี่สิบสี่ปีส่งให้นพมัลลีดู
“แม่ของลีสวยมาก และพ่อก็รักแม่ของลีมาก”
.......................................................
คุณ coonX3 ตัวเล็กปลอดภัยแล้วค่า แต่จะปลอดภัยตลอดไปไหมต้องมาลุ้นกันต่อค่ะ ^^
คุณ ร้อยวจี ตอนนี้เครียดน้อยนะคะ พักหวานกันเบาๆ สงสารชีวิตนพมัลลีค่ะ ไม่กล้าเหยาะดราม่าเพิ่ม ฮา
คุณ OhLaLa จริงด้วย ขนาดลียังเข้าโรงพยาบาลไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ค่ะ ขืนตัวเล็กเป็นอะไรมาก ลีจะน่าสงสารขึ้นอีก เรื่องจะวนเข้าสู่ลูปดราม่าต่อไป และคนเขียนจะใจร้ายขึ้นมาทันที ฮา ตอนนี้มาพักเบรกทานขนมหวานกรุบกริบดีกว่านะคะ อิอิ
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ไม่รู้จะไปเฉลยปมของตัวเล็กยังไงจริงๆ ค่ะ ต้องให้ตัวเล็กแสดง ฮา ตอนที่แล้วนางเลยเด่นค่ะ แต่หลังจากนี้จะน้อยลงแล้ว ไว้ขนนางไปเรื่องหน้าเนอะ
คุณ konhin ตัวเล็กเจ็บเล็กน้อย ไม่สะเทือนต่ออาการเขม่นตุนท์เลยค่ะ ฮา
คุณ violette ตัวเล็กอึดเหมือนแม่เขาค่ะ เป็นอะไรไม่ได้ต้องออกฤทธิ์หวงแม่ก่อน อิอิ
ตอนที่แล้วเครียดมาก ตอนนี้เลยเบาๆ แถมน้ำตาลอีกกระปุกเล็กๆ (นี่หวานแล้วสำหรับเรื่องนี้ค่ะ ฮา) ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และเข้ามากดถูกใจนะคะ ขอให้อ่านสนุกค่ะ ^^
นพมัลลีถือรูปวาดสเก็ตซ์ในมือสั่นไปหมด เธอได้รับมาจากทวีหลังจากที่พานวมลลิ์มาส่งยังบ้านพักของเธอ ทวีเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกว่าจะพานวมลลิ์ออกมาจากบ้านได้ รวมถึงอาการจิตไม่ปกติของพี่สาวเธอที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน
“ลี” ตุนท์แตะหลังมือที่กำลังสั่นของนพมัลลีอย่างแผ่วเบา กลัวกระทบจิตใจอ่อนแอของหญิงสาวไปมากกว่านี้ เขาเคยคิดว่าเรื่องราวกำลังจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ไม่ทันคิดมาก่อนว่าชีวิตแม่ลูกคู่นี้จะยังพบปัญหาเข้าจนได้
“ฉันเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ ถ้าฉันเฉลียวใจมากกว่านี้ น่าจะพาลูกออกมาได้เร็ว” นพมัลลีโทรไปหาดิศ เพื่อคาดคั้นเรื่องภาพวาดนี้แล้ว จึงรู้ว่าฝ่ายนั้นนำความลับเรื่องเธอไปบอกกับนวมลลิ์เป็นปีแล้ว “ฉันไม่รู้ว่าตัวเล็กตีความรูปนี้ไม่ออก หรือจงใจปิดบังความจริงไว้ก็ไม่รู้”
“ตัวเล็กฟื้น ลีก็ถามเขาได้”
“ฉันแอบคิดมาตลอดว่าตัวเล็กจะรับไม่ได้”
ตุนท์วางฝ่ามือไปบนแก้มนุ่ม อยากทะนุถนอมนพมัลลีให้มากที่สุด “คุณเป็นน้าที่ดีมาตลอด แล้วทำไมจะเป็นแม่ที่ดีไม่ได้ ในเมื่อในใจของคุณตัวเล็กคือลูก ผมเชื่อนะว่าลึกๆ ตัวเล็กเขาเองก็รู้ ไม่อย่างนั้นเขาไม่หนีออกมาหรอกลี” เขาอยากรู้อีกเรื่อง “คุณโกรธพี่สาวของคุณไหมลี”
นพมัลลีส่ายหน้า น่าแปลกเมื่อถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับความจริงจิตใจของเธอกลับสงบมากขึ้นได้ “เราทุกคนมีความผิดเท่ากันทุกๆ คนแหละค่ะ” เมื่อเห็นตุนท์จะเอ่ยค้านไม่เห็นด้วย หญิงสาวรีบอธิบายเหตุผลต่อ “ฉันผิดที่ฉันไม่แกร่งพอ มีเวลามาตั้งเจ็ดปี ฉันกลับปล่อยให้ตัวเล็กเข้าใจว่าฉันเป็นน้าอยู่ได้ตั้งนาน นั่นคือความผิดของฉัน”
“ทุกอย่างกำลังจะผ่านไปแล้วนะ”
มือบางวางซ้อนทับมือหนาที่สัมผัสผิวแก้มตัวเองอยู่ หัวใจของเธอไม่เจ็บปวดอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว เวลานี้มีใครอีกคนพร้อมจะพาตัวเองมาในเส้นทางชีวิตอันขรุขระไม่สวยงามของเธอ ในสายตาของตุนท์บอกว่าเขารับได้ในทุกสิ่งที่เธอผ่านมา
“ถ้าไม่เจอตุนท์ ฉันไม่รู้เลยว่าชีวิตของฉันจะเป็นยังไง”
“จะไปคิดอย่างนั้นทำไม หืม” ตุนท์ชะโงกหน้ามาใกล้ จูบเบาๆ ลงบนหน้าผากเนียนอย่างนุ่มนวล แผ่วเบาแต่มั่นคง “ผมอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว และผมก็ดีใจที่คุณให้ที่ตรงนี้แก่ผมนะลี”
“ฉันมีอยู่กับตัวตอนนี้อยู่หนึ่งพัน” นพมัลลีหยิบแบงค์พันออกมาส่งให้กับตุนท์ ยืนสบายในอ้อมกอดหลวมๆ ของเขา
ตุนท์ไม่ยอมยื่นมือออกมารับ กลับถามทีเล่นทีจริง “ค่าอะไรครับ”
“ค่าจ้างให้คุณอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต เป็นพ่อของลูกฉันไงคะ”
ตุนท์ยื่นหน้ามาจูบปากรูปกระจับอย่างหมั่นเขี้ยว “ผมแถมโรงเรียนนี้ให้คุณล่วงหน้ายังได้”
“ฉันไม่เคยมองสมบัติของคุณนะคะ” นพมัลลีจริงจังขึ้นมา กลัวตุนท์จะเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นหญิงหน้าเงิน
“คิดมาก ผมรู้จักคุณดีพอ อีกอย่างสมบัติของผมก็มีแม่เฝ้าไว้ให้ ถ้าลูกสะใภ้ของท่านไม่ดีพอ แม่ผมก็ไม่ปล่อยผ่านง่ายๆ หรอก”
นพมัลลียิ้มเซียว บุคคลที่เธอหวั่นเกรง และประหม่ายามอยู่ต่อหน้าคือตุลา ท่าทีราวนางพญาของท่าน คือสิ่งที่เธอไม่เคยจะอ่านออก ถึงเมื่อวานตุลาจะเอ่ยชมว่าเธอเก่ง ก็ไมได้หมายความว่าจะปลื้มเธอในฐานะอื่นนอกจากครู
นิลุบลเปิดประตูห้องพักที่มีนวมลลิ์พักอยู่ออกมา หน้าตาซีดเผือดเป็นกระดาษขาว สายตาสงสารครูที่เธอเคารพรักมากสุดในชีวิตสุดสลดใจ
“ครูคะ น้องเขาตื่นแล้วค่ะ”
“จริงเหรอคะ” นพมัลลีเครียดมานานหลายชั่วโมง กลัวว่าจิตใจของตัวเล็กจะหวาดกลัวหลังได้สติขึ้นมา ทวีบอกว่าเขาพานวมลลิ์ไปหาหมอเบื้องต้นเพื่อตรวจอาการศีรษะที่ถูกกระแทกพื้นแล้ว แต่ไม่พบอะไรผิดปกตินอกจากหัวนูนเท่าไข่ปูด จึงพากลับมากรงเทพฯ ก่อน
นพมัลลีเดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง บนเตียงขนาดพอให้สองคนนอนมีร่างเล็กนั่งทำหน้าเบ้น้ำตาเล็ด ยกมือคลำศีรษะอย่างน่าสงสารอยู่
“ตัวเล็กคะ” นพมัลลีเรียกอย่างระวัง นั่งลงบนฟูกนุ่ม เว้นที่พอให้เด็กหญิงรู้สึกปลอดภัย
เด็กหญิงใช้ดวงตางงงันมองตอบ หัวคิ้วเข้มขมวดมุ่นไม่เข้าใจ “น้าเป็นใคร”
“นี่น้า...” หญิงสาวชะงัก ดวงตาค่อยๆ เบิกโตขึ้นเท่าไข่ห่าน น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ อาบสองแก้ม ขณะที่เธอดึงร่างเล็กเข้าสู่อ้อมกอดของเธอ “สวรรค์ หนูรู้ไหมว่าตัวเองเป็นใคร”
“หนูเป็นใครคะ” เสียงอู้อี้ตอบกลับมา
ในใจของนพมัลลีที่เคยไม่มั่นคง หวาดหวั่น และเสียใจกับการเป็นน้ามาตลอดรู้สึกราวกับเธอกำลังได้รับโอกาสครั้งใหม่อีกครั้ง โอกาสในการสร้างความทรงจำแก่ลูกสาว ไม่ใช่หลาน คนอื่นอาจจะมองว่ามันเป็นการโหดร้ายที่ฉวยโอกาสตอนที่นวมลลิ์กำลังจำเรื่องราวไม่ได้ แต่เธอคิดว่ายังดีกว่าการโยนความจริงใส่หน้าเด็กหญิงตัวน้อยในตอนที่ความจำเดิมยังมีอยู่
เธอกำลังกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวสินะ นพมัลลีปฏิเสธที่จะเป็นคนดีอีกต่อไป และขอยึดสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไว้อย่างกอบโกย
“แม่เป็นแม่ของหนูไงตัวเล็ก แม่ลีของตัวเล็ก”
“ตัวเล็กกลัว” เด็กหญิงแทนชื่อตัวเองได้อย่างคล่องปาก กอดกระชับร่างที่เธอกอดแล้วอุ่นใจไว้แน่น
นพมัลลีจูบผมของลูกสาวไว้ด้วยความรักสุดหัวใจ พรุ่งนี้เธอจะพาลูกไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล ต่อให้ในอนาคตอันใกล้นี้นวมลลิ์จะค่อยๆ จำเรื่องในอดีตได้ก็ไม่เป็นไร เธอยังมีเวลานำความทรงจำใหม่ไปวางซ้อนทับกับความเข้าใจของเด็กหญิงอยู่ โอกาสนี้เธอไม่ได้จะหากันง่ายๆ เลย
“แม่ลีอยู่นี่นะตัวเล็ก จะไม่มีใครทำอะไรหนูได้อีก”
“ตัวเล็กเจ็บหัว”
“ไปหาหมอไหม” นพมัลลีสางผมดูรอยนูนบนหัวเด็กหญิงอย่างสงสาร เธอไม่รู้จริงๆ ว่าการลืมของนวมลลิ์เกิดจากศีรษะกระแทก หรือการอยากลืมเรื่องเลวร้ายที่มัลลิยาทำไว้ให้ได้ สมองเลยต่อต้านไม่อยากจำ
“ไม่เอาค่ะ ไม่ชอบหมอ”
นิสัยของนวมลลิ์ก็ยังเหมือนเดิม หญิงสาวพยายามยิ้มออกมาให้สดใสที่สุด เธอเองก็ใช่ว่าจะไม่กังวลใดๆ เลย “ประคบศีรษะหน่อยนะตัวเล็ก จะได้เจ็บน้อยลง”
เด็กหญิงพยักหน้ารับ แต่การกระทำตรงกันข้ามคือกอดเอวนพมัลลีไว้แน่นไม่ปล่อย นิลุบลต้องไปเตรียมน้ำเย็นกับผ้ามาให้ ตุนท์ถือโอกาสมานั่งตรงตำแหน่งปลายเท้าของนวมลลิ์ ตีขลุมตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวในครั้งนี้ด้วย
“พ่อตุนท์ก็เป็นพ่อของตัวเล็กนะครับ เรียกพ่อตุนท์บ้างสิ”
คนเป็นลูกสาวส่งเสียงหึ เบือนหน้าหนี “แม่ลี ตัวเล็กไม่คุ้นหน้าพ่อตุนท์เลย”
ท่าทางต่อต้านของนวมลลิ์ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองเอะใจ นพมัลลีมองหน้าตุนท์ที่ดูจะคิดคล้ายกันกับเธอเช่นกัน
“พ่อตุนท์ก็ห่วงและรักตัวเล็กมากนะคะ”
เด็กหญิงหน้างอเป็นจวัก ล้มตัวลงนอน หันหลังให้กับนพมัลลีท่าทีแสนงอน คนเป็นแม่ลอบส่ายหน้ายิ้มขันกับตุนท์ เธอโล่งใจที่ในที่สุดอาการของนวมลลิ์ก็ไม่ได้น่าห่วงอะไรเลย อีกทั้งยังเลือกที่จะมาอยู่ตรงนี้กับเธอ
นพมัลลีก้มตัวไปกระซิบข้างหูเด็กหญิงที่ลมหายใจเริ่มเป็นจังหวะเดียวอย่างตื้นตัน “ขอบคุณที่ตัวเล็กเลือกแม่ลีนะ ขอบคุณที่ให้โอกาสแม่ลีได้ทำหน้าที่ของแม่”
ตุนท์ขับรถมาส่งนพมัลลีที่มหาวิทยาลัยเพื่อทำเรื่องเรียนจบ หญิงสาวคลายกังวลไปได้มากหลังจากการตรวจร่างกายนวมลลิ์เมื่อเช้านี้ปลอดภัยดีที่ทุกอย่าง ไม่มีส่วนไหนกระทบกระเทือนจนถึงขั้นเป็นอันตราย แต่หน้าดีใจของเธอคงไม่ค่อยเข้ากับหน้าม่อยของตุนท์นัก
“ทำหน้าจิตตกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะคะตุนท์”
“ขนาดตัวเล็กแกล้งความจำเสื่อม ก็ยังไม่แกล้งปลื้มผมเลย”
ท่าทางของผู้ใหญ่น้อยใจทำให้นพมัลลีหลุดขำคิก เรื่องน่ายินดีของเธอ กลายเป็นเรื่องน่าเศร้าน่าตอกย้ำที่ตุนท์ต้องรับรู้ ไม่ว่าอย่างไรนวมลลิ์ก็ยังไม่ปลื้มเขา อีกทั้งยังเกิดอาการ ‘หวงแม่’ ไม่ค่อยปล่อยให้เธอกับตุนท์ได้อยู่กันสองต่อสองในละแวกบ้านพักนักหรอก
“ไม่ตลกเลยนะลี” ตุนท์หรี่ตาถามเสียงดุ แต่ความน่ากลัวเขาคงไปกระตุ้นต่อมหัวเราะของนพมัลลีเข้ามากกว่า เธอจึงยังระรื่น เข้าไปจัดการธุระในศูนย์บริการของทางมหาวิทยาลัยจนเสร็จออกมา
ตุนท์ตั้งใจจะวางแผนใช้เวลาที่เหลือก่อนนพมัลลีจะกลับบ้านไปเลี้ยงฉลองให้กับใบทรานสคริปต์จบที่นพมัลลีได้มาสดๆ ร้อนๆ แต่ไม่คิดว่าตัวอุปสรรคตัวเบ้อเริ่มจะมาเยือนถึงมหาวิทยาลัย
“มาทำไม” ตุนท์ไม่ค่อยพอใจกับหน้าตาอ้อนวอนของวากูรที่ชอบใช้มองนพมัลลี หลายครั้งที่เขาเห็นวากูรตามติดนพมัลลีราวกับคนไร้การไร้งานทำ ทำให้เขาขำขันสิ้นดี
“ไม่ได้มาหาคุณแล้วกัน” วากูรเมินหน้าตุนท์ และหันไปมองนพมัลลีที่กำลังเกี่ยวแขนตุนท์ให้เขาเห็นตำตา หยิบการ์ดแต่งงานที่ดีไซด์เรียบหรูออกมายื่นให้ “ลี ฉันเอานี่มาให้เธอ เธอจะพาตัวเล็กไปด้วยได้ไหม”
การ์ดแต่งงานที่มีกำหนดในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของนพมัลลีไม่น้อย หญิงสาวไม่ได้รู้สึกถึงเยื่อใยใดๆ ที่สมัยเธอเป็นเด็กสาวเคยรู้สึกอีกต่อไปแล้ว วันนี้ความรู้สึกของเธอมั่นคง ไม่โกรธเกลียดใครง่ายๆ ในความน่ารังเกียจของวากูรที่เคยทำไว้ เขาได้ทิ้งสิ่งมีค่าในชีวิตให้กับเธอ นวมลลิ์คือของขวัญที่เธอไม่เคยมีมาในชีวิตของลูกชังคนหนึ่ง เธอเริ่มรู้จักรักใครจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่มีลูก
“ฉันจะพาเขาไปแน่นอน”
“เธอจะไม่ให้เขารู้เรื่องฉันเป็นพ่อเขาจริงๆ เหรอ”
“ไม่” นพมัลลีตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ที่ผ่านมาฉันดีใจที่ตัวเล็กมาเกิด แต่อนาคตของฉันอาจจะดีไปอีกทาง ฉันอาจกลายเป็นศิลปินที่มีชื่อ มีงานการทำดีไปแล้วถ้าไม่ต้องมาเจอนาย นายคือความอัปยศของความโง่ที่ฉันไม่มีวันลืม และสิ่งเดียวที่จะทำให้ฉันจดจำได้นายได้น้อยที่สุด คือการให้นายไม่ได้เป็นพ่อของตัวเล็ก”
“เธอแค้นฉันมากเลยใช่ไหม”
หญิงสาวส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับข้อหาร้ายกาจ “ฉันคิดว่ามนุษย์เราจำเป็นต้องได้รับบทเรียน นายเองกำลังมีชีวิตใหม่ ก็ควรทุ่มเทให้กับคนที่นายรัก ส่วนฉัน...” นพมัลลีวางมือไปบนแขนของตุนท์ที่เธอเกี่ยวไว้อยู่ “ฉันพบพ่อที่ดีที่สุดของตัวเล็กแล้ว เขาจะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูกของฉันได้”
“เธอใช้อะไรมามั่นใจลี ผู้ชายหน้าไหนก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น”
“อย่าตัวเองมาเป็นมาตรฐานตัดสินคนทั้งโลกสิ ตุนท์เขาไม่เหมือนนาย”
“เธอกำลังหลงหมอนี่อย่างหน้ามืดตามัวรู้ไหม” วากูรยังทำใจรับไม่ได้ ที่ตัวเองไม่ได้มีค่าอะไรในสายตานพมัลลีสักนิด เขาเคยคิดว่าเธอจะแสดงออกว่าเสียดาย หรือเสียใจไม่อยากให้เขาแต่งงานบ้าง แต่นี่นพมัลลีกลับสบายๆ แล้วขับไล่ไสส่งเขาออกให้พ้นตัว
ที่เขายังคิดถึงเธออยู่ตลอดเวลาหลังรู้ตัวว่าทำพลาดไปในวันนั้น ก็เกิดขึ้นพียงฝ่ายเดียวสิ
“ตุนท์คะ หน้าฉันนี่มีคำว่าโง่แปะอยู่เหรอ หรือว่าฉันตาบอด” นพมัลลีทำออเซาะ ถามคนรักเสียงหวานจ๋อย
“ถ้าอย่างคุณเรียกว่าหลงผมหน้ามืดตามัว อย่างผมก็เรียกว่าหลงคุณขั้นสูงสุดแล้วล่ะ คุณอยากได้ท้องฟ้า ผมก็จะยกทางช้างเผือกมาให้คุณ”
วากูรทำหน้าปูเลี่ยน อยากจะอาเจียนให้คู่รักที่ไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของเขา อยากรู้นักว่านวมลลิ์รับพ่อใหม่ได้จริงเหรอ
“น่ารักจัง แฟนใครเนี่ย” นพมัลลีหยิกแก้มคนช่างเอาใจ รอจนวากูรทนฤทธิ์หวานน้ำตาลหกของพวกเธอไม่ได้จนเดินหน้าหงุดหงิดจากไป นพมัลลีจึงหลุดหัวเราะอย่างสนุกสนาน ขัดกับหน้าตาของตุนท์ที่ตีบึ้งหนักกว่าวากูรเสียอีก
“สงสัยลูกสาวจะได้เชื้อไม่ชอบหน้าผมมาจากพ่อเขา”
“แค่นี้จะยอมแพ้แล้วเหรอคะ”
นพมัลลีตามมาขึ้นรถ อยากง้อคนโตที่เริ่มกลับสู่สภาวะคนจิตตกอีกรอบ เห็นเก่งไปเสียทุกเรื่อง พอเจอฤทธิ์เด็กเจ็ดขวบไม่ชอบหน้า ดร.ตุนท์ก็มีหงอยกับเขาเหมือนกัน แต่ท่าทางจริงจัง และตั้งใจจริงของตุนท์ในการอยากเอาชนะใจนวมลลิ์กลายเป็นความภูมิใจลึกๆ ของนพมัลลี เธอรักในความพยายามของเขา และรักมากกว่าที่เขาพยายามรักในสิ่งที่เธอรักเช่นกัน
“ไม่หรอก ผมยอมแพ้ผมก็เสียคะแนนกับแม่เขาสิ”
“คุณแค่อยากจะเอาชนะใจฉันเหรอ” นพมัลลีแกล้งถามเสียงเรียบ
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะลี” ตุนท์แก้ตัวอย่างรวดเร็ว กลัวนพมัลลีเข้าใจผิด “ผมอยากเป็นพ่อของตัวเล็กจริงๆ อยากให้เขายอมรับผม ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับคุณ”
“แต่งงาน?” แก้วนวลแดงก่ำ เธอไม่เคยนึกไปถึงวันที่เขาว่ามาเลย อย่างน้อยก็ในระยะเวลาใกล้ๆ นี้ ดีใจที่เขาพูดออกมา แต่อีกใจเธอก็รู้สึกผิด
“หรือคุณจะไม่แต่ง” สถานการณ์พลิกผัน เมื่อตุนท์ได้โอกาสรุกไล่เอาความจริงจากนพมัลลีคืน ท่าทางลังเล กัดปากครุ่นคิด ไม่ตอบตกลงในทันทีทำให้ตุนท์เริ่มกังวล จนต้องถามเสียงน้อยใจ “นี่ลีไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยใช่ไหม”
“ตุนท์คะ ฉันอยากใช้เวลากับตัวเล็กให้มากกว่านี้อีกสักนิดหนึ่งจะได้ไหมคะ ไหนจะเรื่องแม่ของคุณ เรื่องของคุณกับตัวเล็ก เรื่องพี่ยาอีก ฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปคิดเรื่องนั้น”
สองหนุ่มสาวถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ตุนท์ยื่นมือมาบีบมืออุ่นของนพมัลลีไว้ พูดในสิ่งที่เขาคิดว่าตัวเองต้องยอมรับเพิ่มขึ้น เขาเลือกรักผู้หญิงไม่ธรรมดาคนนี้เอง เขาก็ต้องพาเธอผ่านปัญหานี้ไปให้ได้ก่อน
“ผมเข้าใจ อย่าเอาเรื่องแต่งงานมาคิดมากเลยนะลี”
นพมัลลีเม้มปากไว้ น้ำเสียงของตุนท์ที่กำลังบอกให้เธอคลายใจ กลับทำให้ใจเธอหนักอึ้งกว่าเดิม หญิงสาวไม่อยากทำให้ตุนท์ผิดหวัง จึงได้แต่บอกให้เขามั่นใจ
“ฉันแต่งงานกับตุนท์แน่ค่ะ ไม่แต่งกับใครอื่นแน่นอน”
“แต่งกับคนอื่น ผมก็คงไม่ยอมง่ายๆ หรอกนะ” ตุนท์พูดติดตลก ดวงตาระยับด้วยความรัก ก่อนจะกลับมาครุ่นคิดว่าวันนี้เขาจะเจาะกำแพงหนาของลูกสาวคนรักอย่างไรดี
เขายังจำคมิกที่ต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กแอบมาเล่าให้ฟังถึงนิสัยนวมลลิ์ว่า
‘เด็กคนนี้ร้ายมากครับครู แสบแต่เด็ก นี่ยังมาโกหกว่าความจำเสื่อมอีก โกหกไม่เนียนแต่ก็รู้ๆ ว่าพวกเราเปิดเผยความจริงไม่ได้ ถ้าไม่ช่วยครูลี ผมไม่เกรงใจเด็กแสบนี่แล้วนะ’
หลังจากนั้นคมิกก็โดนเขาเขกมะเหงกไม่เบาใส่หัวไปทีหนึ่ง โทษฐานมาว่า ‘ว่าที่ลูกรัก’ ของเขา
‘อ่อยเด็กไม่ขึ้น แล้วยังมีหน้ามาวิจารณ์หาพวกอีกนะคุณคมิก’
นพมัลลีมาถึงบ้าน พบผู้ชายโพกศีรษะด้วยผ้าพันแผลก็นั่งรออยู่กับหลานตัวน้อยก่อนแล้ว นพมัลลีน้ำตาคลอด้วยความรู้สึกผิดยามเห็นทวิชบาดเจ็บจากการพยายามเข้าปรามมัลลิยาไม่ให้มาพานวมลลิ์ไปจากเธอ พอทวิชออกจากโรงพยาบาลเขาก็บอกว่าอยากมาอยู่ที่นี่กับเธอและหลาน
“ลุงเจ็บมากไหมคะ”
“เล็กน้อยน่าลี” ทวิชตัดสินใจได้ตอนอยู่โรงพยาบาล ว่าเวลาของคนเรามันสั้น ถ้าเกิดเขาเจ็บหนักกว่านี้คงไม่มีโอกาสได้อยู่ดูหน้านพมัลลีกับนวมลลิ์อีก จิตใจของเขาคงจากไปไม่สงบ และรู้สึกเป็นหนี้ต่อลวิณตรา ไม่ลำบากใจเขาเลยที่จะรักลูกของลวิณตรา และจะรักหลานของลวิณตรา ลวิณตราคิดมาตลอดว่านพมัลลีเป็นลูกของเขา เขาก็มีหน้าที่สานต่อหน้าที่นั้นให้สมบูรณ์สักที
ที่ผ่านมาเขาเองก็หลบหนีความจริงนี้จนเหนื่อยอ่อน ผลักนพมัลลีให้ไปอยู่ในมือของพ่อแท้ๆ ที่ไม่เคยต้องการ ไม่เคยยอมรับอะไรเลย เป็นการพลาดที่เขาไม่ยอมให้อภัยตัวเองเด็ดขาด
“ตัวเล็กมากับพ่อตุนท์ก่อนเร็ว” ตุนท์อยากปล่อยให้สองพ่อลูกได้คุยกัน พอนวมลลิ์กำลังแสดงท่าทางดื้อรั้นไม่ยอมออกมา เขาก็ฉวยร่างเล็กอุ้มแล้วพาออกไปเดินเล่นให้ไกล โดยไม่ลืมลากนวมส่วนตัวของนวมลลิ์อย่างคมิก มาแบ่งเบาภาระกับเขาด้วย
“ดีใจที่ในที่สุดตัวเล็กก็เลือกลีนะ” ทวิชรับรู้ความจริงเรื่องนวมลลิ์แกล้งความจำเสื่อมก่อนจะมาถึงที่นี่แล้ว เพราะนพมัลลีไม่อยากไปทำลายความตั้งใจของเด็กหญิง
“นั่นก็เพราะตัวเล็กเขารู้เรื่องฉันเป็นแม่เขามานานแล้วต่างหากล่ะคะลุง”
“ตัวเล็กรู้อยู่แล้ว!”
นพมัลลีเองก็อยากรู้ว่าทำไมนวมลลิ์จึงปิดบังเรื่องนี้กับเธอ ที่จริงนวมลลิ์ก็ติดหนึบกับเธอมาแต่เด็ก เธอจึงไม่ทันเอะใจว่าเด็กหญิงรู้ความจริงมาแล้ว
“ค่ะ”
“บางทีการปิดบังความจริงของตัวเล็กอาจจะเพื่อลีก็ได้นะ” ทวิชพยายามคาดการณ์ “ตัวเล็กอาจสัมผัสได้ว่ายาไม่ปกติ เขาอยู่ใกล้ชิดน่าจะสังเกตยาได้ง่าย ถ้าตัวเล็กเปิดเรื่องนี้ออกมา ยาคงไม่ยอม”
“ตัวเล็กยังเด็ก เขาจะคิดได้ขนาดนั้นเหรอคะ”
“เด็กที่ต้องเติบโตมาในครอบครัวประหลาด ก็ต้องหาทางโตขึ้นมาอย่างปลอดภัย ลีจำความรู้สึกไม่ได้เหรอว่ามันลำบากแค่ไหนที่อยู่ในบ้านที่ไม่มีความรัก”
หญิงสาวสะอึกในใจ จะว่าไปนวมลลิ์ยังโชคดีกว่าเธอนัก ทุกคนต่างรุมรักเด็กหญิง และอยากเก็บนวมลลิ์ไว้ข้างกาย ตรงข้ามกับเธอที่ไม่มีใครสักคนที่ต้องการเธอจริงๆ ทุกคนต่างตีเธอออกจากบ้าน และแย่งลูกไปจากเธอโดยไม่รู้สึกผิด พวกเขาอยู่ดื่มด่ำกับเหตุผลที่ตัวเองสร้างขึ้นมา ไม่ฟังเสียงใดๆ ของเธอ
จู่ๆ เธอก็นึกถึงสิ่งที่พ่อบอกไว้ว่าท่านไม่ใช่พ่อของเธอ และลุงรู้เรื่องนี้ดี หรือถึงเวลาที่เธอจะเติบโตขึ้น ด้วยการรู้เบื้องหลังของตัวเองสักที การรู้เหตุผลทั้งหมดอาจทำให้เธอไม่ติดค้างใดๆ กับสาเหตุ และท่าทีหมางเมินของคนในบ้าน
“ใครเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของฉันกันแน่ ลุงรู้ใช่ไหมคะว่าใคร”
ทวิชตะลึงไปชั่วครู่ เขาก้มหน้ามองฝ่ามือทั้งสองข้างของตัวเอง สลับกับใบหน้าของนพมัลลี และตัดสินใจหยิบรูปที่เขาพกในกระเป๋าเงินติดตัวมานานกว่ายี่สิบสี่ปีส่งให้นพมัลลีดู
“แม่ของลีสวยมาก และพ่อก็รักแม่ของลีมาก”
.......................................................
คุณ coonX3 ตัวเล็กปลอดภัยแล้วค่า แต่จะปลอดภัยตลอดไปไหมต้องมาลุ้นกันต่อค่ะ ^^
คุณ ร้อยวจี ตอนนี้เครียดน้อยนะคะ พักหวานกันเบาๆ สงสารชีวิตนพมัลลีค่ะ ไม่กล้าเหยาะดราม่าเพิ่ม ฮา
คุณ OhLaLa จริงด้วย ขนาดลียังเข้าโรงพยาบาลไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ค่ะ ขืนตัวเล็กเป็นอะไรมาก ลีจะน่าสงสารขึ้นอีก เรื่องจะวนเข้าสู่ลูปดราม่าต่อไป และคนเขียนจะใจร้ายขึ้นมาทันที ฮา ตอนนี้มาพักเบรกทานขนมหวานกรุบกริบดีกว่านะคะ อิอิ
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ไม่รู้จะไปเฉลยปมของตัวเล็กยังไงจริงๆ ค่ะ ต้องให้ตัวเล็กแสดง ฮา ตอนที่แล้วนางเลยเด่นค่ะ แต่หลังจากนี้จะน้อยลงแล้ว ไว้ขนนางไปเรื่องหน้าเนอะ
คุณ konhin ตัวเล็กเจ็บเล็กน้อย ไม่สะเทือนต่ออาการเขม่นตุนท์เลยค่ะ ฮา
คุณ violette ตัวเล็กอึดเหมือนแม่เขาค่ะ เป็นอะไรไม่ได้ต้องออกฤทธิ์หวงแม่ก่อน อิอิ
ตอนที่แล้วเครียดมาก ตอนนี้เลยเบาๆ แถมน้ำตาลอีกกระปุกเล็กๆ (นี่หวานแล้วสำหรับเรื่องนี้ค่ะ ฮา) ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และเข้ามากดถูกใจนะคะ ขอให้อ่านสนุกค่ะ ^^
ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 มี.ค. 2558, 03:27:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 มี.ค. 2558, 03:27:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 1622
<< บทที่ 19 : ความลับของตัวเล็ก | บทที่ 21 : ยามาเยือน >> |
coonX3 17 มี.ค. 2558, 03:59:31 น.
ตัวเล็กแสบแต่เด็กเลย มีอีกหบายปมต้องแก้ ค่อยๆจูงมือกันแก้นะคะ
ตัวเล็กแสบแต่เด็กเลย มีอีกหบายปมต้องแก้ ค่อยๆจูงมือกันแก้นะคะ
ร้อยวจี 17 มี.ค. 2558, 06:42:09 น.
ทำซะตกใจนึกว่าเอาละสิ ความจำเสื่อม แต่อ่านไม่ใช่ก็ค่อยยังชั่ว ดีใจค่ะ
คราวนี้จะทำยังไงให้ลูกปลื้มพ่อตุนท์ ปล.ฉากนี้สนุกค่ะ นพมัลลีเข้มแข็งขึ้นมาก
ทำซะตกใจนึกว่าเอาละสิ ความจำเสื่อม แต่อ่านไม่ใช่ก็ค่อยยังชั่ว ดีใจค่ะ
คราวนี้จะทำยังไงให้ลูกปลื้มพ่อตุนท์ ปล.ฉากนี้สนุกค่ะ นพมัลลีเข้มแข็งขึ้นมาก
konhin 17 มี.ค. 2558, 08:16:19 น.
แสบแบบไม่จางเลย น่ารักน่าชังจริงๆ
แสบแบบไม่จางเลย น่ารักน่าชังจริงๆ
OhLaLa 18 มี.ค. 2558, 10:37:07 น.
คนนึงคุณลูกไม่ปลื้ม อีกคนก็คุณแม่ไม่ปลื้ม พอกันทั้งคู่เลย ตัวเล็กแสบมากมีหลอกความจำเสื่อมอีก คมิกก็รู้ทันตลอด ตุนท์นี่ก็ดีแสนดีรักจริงหวังแต่ง แต่เรายังโกรธทวิชอยู่ดีที่ทิ้งลีไว้กับครอบครัวน้องชาย น่าจะรู้ว่าน้องชายเป็นคนแบบไหน
คนนึงคุณลูกไม่ปลื้ม อีกคนก็คุณแม่ไม่ปลื้ม พอกันทั้งคู่เลย ตัวเล็กแสบมากมีหลอกความจำเสื่อมอีก คมิกก็รู้ทันตลอด ตุนท์นี่ก็ดีแสนดีรักจริงหวังแต่ง แต่เรายังโกรธทวิชอยู่ดีที่ทิ้งลีไว้กับครอบครัวน้องชาย น่าจะรู้ว่าน้องชายเป็นคนแบบไหน
นักอ่านเหนียวหนึบ 20 มี.ค. 2558, 18:14:31 น.
โอ้ยยยยยย ตัวเล็ก โหดจีๆ
โอ้ยยยยยย ตัวเล็ก โหดจีๆ