บทเรียน (รัก) นอกตำรา
นพมัลลี นักศึกษาฝึกสอนที่จบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน

นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก

แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้

มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่

Tags: นพมัลลี ตุนท์ คมิก พิชญ์ปรีชา

ตอน: บทที่ 21 : ยามาเยือน

บทที่ 21

นพมัลลีพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ ความจริงที่รับรู้ต่อให้หลับตาอย่างไรก็ยังรับความจริงเหล่านั้นไว้ได้ครบถ้วน จนเธอกลัวนำไปเก็บต่อในฝัน ควรดีใจจนน้ำตาไหลไหมที่พ่อรักมากจนทิ้งเธอไปตั้งแต่อายุขวบครึ่งทันทีที่แม่เสีย ปล่อยให้ชีวิตลูกสาวแท้ๆ โตขึ้นมาอย่างผิดรูปผิดรอย อยู่ในบ้านหลังนั้น แต่ก็เหมือนตัวเองเป็นคนนอก ไม่เคยรู้ซึ้งว่าความรักในครอบครัวแท้จริงเป็นเช่นไร เธอรู้จักแค่คำว่าอดทน เสียสละ และก้มหน้าเมื่อพวกเขาตั้งใจให้เธอเป็นคนผิด เสียงเล็กๆ เสียงเดียวอย่างเธอไม่เคยต่อสู้กับใครอื่นได้ กระทั่งการจะปกป้อง และเลี้ยงดูลูกสาว เธอยังไม่มีสิทธิ์

เท้าบางเหยียบลงพื้นอย่างแผ่วเบาหลังตัดสินใจว่าข่มตาหลับไปก็คงตาสว่างอยู่ดี

“แม่ลี” มือเล็กของเด็กหญิงที่เธอคิดว่าหลับไปแล้ว จับมือนพมัลลีไว้ ก่อนจะลืมตาขึ้นมา

“ยังไม่นอนอีกคะตัวเล็ก”

“แม่ลีไม่กอด ตัวเล็กนอนไม่หลับ”

หญิงสาวตัดสินใจบอกลูกสาวไปอย่างขอโทษ “แม่ลีนอนไม่หลับ ขอโทษที่ทำให้ตัวเล็กนอนไม่หลับด้วยนะ”

นวมลลิ์ลุกขึ้นนั่ง จูงมือแม่ออกไปจากห้อง ย่างก้าวกระโดดย่องเบาของนวมลลิ์ทำให้คนมองยิ้มขันเงียบๆ พอออกมาห้องกลางของบ้านพัก เด็กหญิงก็ลากมารดามานั่งแปะบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ที่ไม่ค่อยได้เปิดดู

“เพราะตัวเล็กใช่ไหมคะ”

นพมัลลีมองหน้าสงสัยไปยังเด็กหญิงที่คลานขึ้นมานั่งบนตักเธออย่างเอาใจ “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นคะ”

“ก็ตัวเล็กทำตัวไม่น่ารักกับพ่อตุนท์” เสียงเล็กเจื้อยแจ้วอธิบาย ปากแดงจิ้มลิ้มบิดบู้ขึ้น

มือของแม่ลูบศีรษะเล็กของบุตรสาวอย่างเอ็นดู ใบหน้าผ่อนคลายขึ้น “แล้วทำไมตัวเล็กไม่ชอบพ่อตุนท์ล่ะคะ” เธอพยายามคิดถึงจุดไม่ดีของตุนท์จนศีรษะแทบระเบิด กลับนึกไม่ออก เป็นเธอสิคงร่ายยาวออกมาได้ไม่ครบ “แม่ลียังนึกไม่ออกเลย”

“พ่อตุนท์มาแย่งแม่ลีไปจากตัวเล็ก”

“แย่งเหรอคะ” เหตุผลน่าประหลาดใจนี้ นพมัลลีก็ลืมนึกไป

เด็กหญิงในอ้อมแขนพยักหน้าถี่ ปากบู้ขึ้นอย่างไม่ยินยอม “พ่อตุนท์นิสัยไม่ดี”

ตายล่ะ นพมัลลีครวญในใจกับความเข้าใจของเด็กตัวน้อย เธอเพิ่งได้ลูกสาวคืนมา แต่ลูกสาวกลับไม่ชอบตุนท์ไปแล้ว

“ตัวเล็กความรักของแม่ลีที่มีต่อตัวเล็กกับพ่อตุนท์ไม่มีทางเหมือนกันหรอกนะคะ”

“ไม่เหมือนกันยังไงคะ”

นพมัลลีทำเสียงคิดในคอ ขณะที่วางคางบนผมนุ่ม “สักวันในอนาคตตัวเล็กจะพบใครสักคน แล้วตัวเล็กจะรู้ว่ามันไม่เหมือนกันหรอกค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นไว้ตัวเล็กเข้าใจ ค่อยชอบหน้าพ่อตุนท์นะคะ”

คนฟังอ้าปากค้าง ถ้าอย่างนั้นตุนท์จะไม่น่าสงสารไปหน่อยเหรอ หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ อยากจะหัวเราะให้กับความร้ายกาจของนวมลลิ์เหลือเกิน

“แม่ลีมีความลับจะบอกตัวเล็กด้วยค่ะ ขนาดพ่อตุนท์ก็ยังไม่รู้”

“อะไรคะ”

“แม่ลีรักตัวเล็กมากกว่าพ่อตุนท์หลายเท่าตัวเลยนะคะ พ่อตุนท์เทียบกับตัวเล็กไม่ติดเลยค่ะ” นพมัลลีพูดเสียงมั่นคงให้นวมลลิ์ฟังแล้วเกิดความฮึกเหิมที่ตนอยู่เหนือกว่า “แต่ห้ามนำความลับนี้ไปบอกพ่อตุนท์นะคะ”

“ทำไมล่ะคะ ตัวเล็กจะบอก”

“เขาก็จะร้องไห้แงๆ ที่แพ้ตัวเล็กไงคะ ตัวเล็กอยากทำผู้ใหญ่ร้องไห้เหรอ”

นวมลลิ์หรี่ตาครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ เธอนึกภาพผู้ชายตัวโต ปิดหน้าร้องไห้ต่อหน้าเธอเพียงเพราะแม่ลีรักเธอมากกว่าแล้วละเหี่ยใจเบาๆ

“ตัวเล็กเข้าใจแล้วค่ะ” ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าทำให้นวมลลิ์ยืดอกอย่างภาคภูมิใจ เมื่อเธอสบายใจก็เริ่มอ้าปากหาวกว้าง และพิงไหล่มารดาหลับตาลงด้วยความง่วงงุน ตรงข้ามกับนพมัลลีที่พอคลายใจเรื่องตุนท์กับนวมลลิ์ไปได้เผล่ะ จิตใจของเธอกลับวางเรื่องของทวิชไม่ง่ายเสียเลย

ในใจยังเต็มไปด้วยคำถามที่ว่า แท้ที่จริงแล้ว เหล่าคนที่เลี้ยงเธอมา ใครบ้างที่รักเธอจริงจากใจ แต่นึกไปก็เสียเวลาเปล่า นพมัลลีผ่อนลมหายใจเอามาอย่างแผ่วเบา มือกระชับร่างของนวมลล์จัดท่านอนบนตักเธอไม่ให้ปวดเมื่อยตามตัว สิ่งที่เธอมีอยู่ในปัจจุบันนี้ทำให้หญิงสาวเลิกนึกโกรธเคืองในอดีต เธอมีลูกสาวที่น่ารักในอ้อมกอด มีผู้ชายที่รักเธอ และพร้อมจะปกป้องเธออยู่อีกหนึ่งคน ถึงที่ผ่านมาจะขรุขระในชีวิตมาบ้าง ก็ถือว่าเธอก้าวข้ามมาแล้ว

การยึดติดกับอดีตที่เธอเองยังจดจำไม่ได้ไปเพื่ออะไร เธอยังจำสายตาของทวิชยามเล่าถึงมารดาได้ดี อย่างน้อยๆ เธอก็มั่นใจว่ามีคนหนึ่งไม่ได้ทิ้งเธอไปไหนตราบลมหายใจสุดท้ายของท่าน

...แม่เธอเอง



เสียงวุ่นวายแต่เช้าดังมาจากบริเวณหน้าบ้านพัก นพมัลลีที่กำลังหวีผมให้นวมลลิ์อยู่จำต้องออกไปดูด้วยความสงสัย ภาพของตุนท์ที่พยายามรั้งแขนคมิกที่ถูกชายชุดดำสองใช้แรงลากตัวไปอย่างทุลักทุเล ตุนท์พยายามอธิบายเหตุผลมากมาย ขอให้พวกเขาใจเย็นกับคมิกที่หนีออกมาจากบ้านพร้อมแฟ้มลับทางธุรกิจของพ่อ และขอให้คมิกคืนพวกเขาไป เหนือคาดที่เด็กหนุ่มกลับบอกความจริงออกมาอย่างไม่กลัวตายสักนิด

“ผมเผามันไปหมดแล้วครับ”

“นายเล็ก!” คนที่กำลังลากคมิกออกไปปล่อยมืออย่างไม่เชื่อ ตรงเข้าไปรื้อค้นของในบ้านที่ตุนท์พักอยู่ เสียงของหนักกระทบพื้นดังอยู่นาน ก่อนที่พวกนั้นจะออกมา นพมัลลีวิ่งหน้าตาตื่น แหวกคนของพ่อคมิกมายืนสำรวจคนโต คนหนุ่ม ว่ามีอะไรบุบสลายไหม วันนี้นิลุบลออกไปเรียนจึงไม่อยู่ผจญเหตุการณ์โครมครามนี้ด้วย ทวิชออกมาจากบ้านด้วยหน้าตาบูดบึ้ง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“เกิดอะไรขึ้นคะ”

นพมัลลีเลื่อนสายตามองตุนท์ และคมิกอย่างคาดคั้น แต่ดูท่ายังไม่ทันที่จะได้อธิบายอะไรเพิ่ม คนของพ่อคมิกก็ตั้งท่าจะบุกเข้าไปในบ้านของเธออีกหลังหนึ่งด้วย

“เดี๋ยวก่อน พวกคุณไม่มีสิทธิ์นะ” นพมัลลีรีบวิ่งเข้าไปขวางทางคนพวกนั้น แต่กลับถูกผลักกระเด็น ตุนท์รีบเข้ามาประคองไว้ได้ทัน ก่อนจะบุกเข้าไปในบ้าน เพื่อพานวมลลิ์ที่ยังไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นออกมา

เสียงร้องไห้จ้าของเด็กที่กำลังเสียขวัญหยุดการกระทำของคนแปลกหน้าหลายคนได้ชั่วครู่ คมิกมองหน้านวมลลิ์ สลับกับครูทั้งสองแล้วยอมรับสภาพ และผลการกระทำของตัวเอง

“พาผมไปหาพ่อเถอะ อย่ามาทำร้ายข้าวของอย่างคนไม่มีอารยะที่นี่”

“นายเล็ก แล้วของที่นายบอกล่ะครับ” คนหน้านักเลงโตของพ่อคมิกหันมาถามเสียงดัง ไร้ซึ่งความนอบน้อม

“ผมก็บอกว่าเผาไปแล้ว”

“นายเล็กก็รู้ว่านายใหญ่ต้องโกรธถ้ารู้เรื่องนี้ ของชิ้นนั้นสำคัญมาก นายเล็กมาบอกง่ายๆ ว่าเผาแล้ว นายเล็กควรรู้ว่าปลายกระบอกปืนของคู่ค้านายใหญ่จะเล็งมาหานายใหญ่แทน”

“ให้เขาหันกระบอกปืนมาทางผมแทนเถอะครับ” คมิกบอกสีหน้าเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้านหากความตายจะพุ่งเข้าหาตนในเวลาอันใกล้นี้ “ผมยินดีตาย ดีกว่ารับรู้ว่าพ่อตัวเองกำลังฆ่าคนอีกหลายชีวิตเพียงเพราะเศษเงิน”

คมิกยกมือพนมแนบอก ก้มศีรษะไหว้ครูทั้งสองอย่างซาบซึ้ง “ผมรบกวนพวกครูมากแล้ว ขอโทษนะครับ ครูไม่ต้องห่วง เรื่องเดือดร้อนนี้จะมาไม่ถึงพวกครูแน่นอน อย่างมากก็จบลงที่ผม”

“ครูไม่ให้เธอไป” นพมัลลีขวางทางของคมิก และเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้า “อย่าหาว่าฉันยุ่งเลยนะ เด็กคนนี้เขาอาจจะทำผิดที่ขโมยของสำคัญมา แต่ฉันเชื่อว่ามันต้องมีเหตุผล” เธอจำได้ว่าคมิกเพิ่งกลับบ้านไปตอนวันสอบวันสุดท้าย ไม่คิดว่าจะสร้างเรื่องอันตรายขึ้นมา “ระหว่างเงินกับลูก เจ้านายของพวกคุณเลือกอะไร”

“ไม่เห็นต้องถามเลยครู ลูกเส็งเค็งฉันตัดทิ้งได้โดยไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้ว” น้ำเสียงของชายวัยห้าสิบกว่าเดินออกมาจากรถติดฟิล์มดำ หน้าตามีเค้าคล้ายกันกับคมิก แต่รังสีเย็นเยียบน่ากลัวมีมากกว่านั้น คมน์หันไปสั่งกับลูกน้องของตนด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ “ลากนายเล็กกลับบ้าน”

นพมัลลีสะอึก เธอรู้สึกว่าสมัยสังคมเป็นอะไรกันไปหมดแล้ว พ่อแม่ถึงตัดลูกออกได้ง่ายราวกับไม่เคยมีความผูกพันกันมาก่อน ความจริงที่เธอเพิ่งรู้เมื่อคืนทำให้อาการสงบของเธอถูกกวนให้ขุ่น

“ถ้าตัดทิ้ง ก็ตัดกันตรงนี้เลยค่ะ จะลากเขากลับไปทำไม”

“มันเป็นลูกฉัน” คมน์ชี้หน้าคมิกอย่างเดือดดาล และไม่พอใจกับครูสาวที่มาจุ้นจ้านไม่เลือกที่

“ครูลี ผมไม่เป็นอะไรหรอก จะอยู่หรือตาย ก็ไม่ต่างกันนัก” คมิกยังมีอารมณ์หันมายิ้มให้นพมัลลี ก่อนจะเดินนำไปที่รถด้วยตัวเอง ปล่อยให้นพมัลลียืนอึ้งกับที่ รู้สึกถึงความไม่ได้เรื่องของตัวเองที่ช่วยเหลือปัญหาของคมิกไม่ได้

“สัญญาได้ไหมคะ ว่าจะไม่ทำอะไรคมิก เขายังเด็ก”

คมน์มองหน้านพมัลลีแล้วยิ้มหยัน “ครูหรือเปล่าที่ล้างสมองเจ้าคมิก ปกติมันก็ทำตัวไร้สาระไปวันๆ ไม่เคยยุ่งกับงานของฉัน”

“คนเราจะคิดดี ทำดี หนึ่งเพราะเขาคิดได้ด้วยตัวเอง และสอง เพราะเขาทนอยู่ในสังคมโสมมมามากจนอยู่ต่อไปไม่ไหวยังไงล่ะคะ”

นักเลงโตยกมือตั้งใจฟาดหน้าคนพูดไม่เข้าหูสักฉาด แต่ตุนท์มาจับไว้ได้ทัน ทั้งที่อีกมือยังอุ้มนวมลลิ์อยู่ คมน์หรี่ตามองเด็กหญิงตัวเล็กที่กอดคอตุนท์ตัวสั่นเทาอย่างมาดร้าย คมน์ชี้นิ้วไปยังทุกคนในที่นี้ พูดเสียงเหี้ยม

“ถ้ายังไม่เจอสิ่งที่คมิกมันขโมยไปจากฉัน ฉันไม่ปล่อยมันให้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่”

“ทำไมผมถึงไม่คิดอย่างนั้นนะ” ตุนท์เอ่ยขึ้นช้าๆ หน้าตามีความยียวนรู้ทันอีกฝ่าย

“ครูคิดอะไร” คมน์ไม่เชื่อว่าจะมีใครรู้จักตัวเขาดีกว่าตัวเอง

“ผมก็คิดว่าคุณกำลังห่วงลูกชาย กลัวเขาจะได้รับความเดือดร้อนจากงานของคุณ จนคุณต้องมารับลูกไปอยู่ในสายตาจะได้วางใจ”

คนถูกรู้ทันส่งเสียงหึ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เดินขึ้นรถไปด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ในขณะที่คนรู้ทันกลับหัวเราะเบิกบาน น่าแปลกที่เบ็ดของเขาหย่อนลงปุ๊บ ก็ตะครุบเหยื่อได้ปั๊บ ตรงข้ามกับสีหน้าไม่เชื่อถือที่นพมัลลีกำลังใช้มองเขา

“คนเป็นพ่อมีหลายประเภทนะครับลี และนี่ก็อาจถือเป็นแบบหนึ่งความรักของพ่อ”

หน้าตาคนฟังมีแต่ขมวดมุ่น ก่อนจะสรุปเอาดื้อๆ เมื่อเผชิญหน้ากับทวิช “มุมมองความรักของฉันมันคงแคบ เลยกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายไปนะคะ”

อาการเย็นชาที่ฉาบบางบนหน้านพมัลลี ไม่ต้องให้เจ้าตัวบบอกออกมาว่ารู้สึกแย่กับสิ่งที่รับรู้เมื่อวานนี้แค่ไหน ทุกคนต่างรับรู้ได้กันถ้วนหน้า โดยเฉพาะทวิชที่พร้อมยอมรับ และจะก้าวผ่านกำแพงของนพมัลลีให้ได้ ส่วนความจริงที่ว่าพ่อแท้ๆ ของนพมัลลีทำผิดอะไรกับลวิณตราไว้บ้าง เขาคิดว่าให้มันตายไปพร้อมกับคนที่รู้เถอะ เขาตัดสินใจที่จะเป็นพ่อของนพมัลลีแล้ว จะไม่นึกถึงเรื่องร้ายๆ ในอดีตอีก



“โถ่ลูก” มะลิครางอย่างจนใจ นางพาลูกมาโรงพยาบาลเพราะคนที่จะช่วยรักษาจิตใจของมัลลิยาในยามนี้ได้ก็เหลือเพียงจิตแพทย์ แต่ไม่เฉลียวใจสักนิดว่าท่าทางไม่ต่อต้าน และยอมขึ้นรถมาโรงพยาบาลด้วยกันง่ายๆ ผลคือมัลลิยาได้แอบวางแผนหนีหายไป

มัลลิยาไม่อยู่รอฟังผลตรวจจากแพทย์อายุรกรรมทั่วไปที่ต้องพบก่อนด้วยซ้ำ ธริทวิ่งออกไปตามหาตามทางเข้าออกทั่วโรงพยาบาล มือถือโทรศัพท์ติดต่อกับปลายสายหน้าตาเครียดจัดวิ่งกลับมา ส่ายหน้าช้าๆ

“ทำไมไม่อยู่รอ ยาจะได้รู้ว่าตัวเองกำลังท้อง” คนเป็นแม่คร่ำครวญเสียงเครือ ไม่รู้ว่าการที่มีหลานในท้องมัลลิยายามนี้นั้นถือเป็นคราวดี หรือคราวแย่ เวลาปกติที่มัลลิยาอารมณ์มั่นคงกว่านี้ทำไมจึงไม่มา ภาวะที่อารมณ์คนเป็นแม่ไม่มั่นคง และสุ้มเสี่ยงกับการเคลื่อนไหวไม่ระวังด้วยไม่รู้ตัวว่าท้อง จะทำให้สูญเสียเขาไปได้ง่าย

“เราจะตามหายากัน” นพยาหน้าตาหม่นหมอง แต่ยังพอมีสติไม่เสียเวลาคร่ำครวญ “ริท ยาต้องไปหาหนูมลแน่ๆ”

“ผมก็คิดอย่างนั้นครับ” ธริทคิดว่านวมลลิ์คือจุดหมายเดียวที่มัลลิยาจะไปหา

“คุณไม่ต้องมายุ่ง ลูกฉัน ฉันดูแลเองได้” มะลิกรีดเสียงพูดอย่างยอมรับไม่ได้

“ยาก็ลูกของผม”

“และลีก็ลูกของคุณ คุณไม่พูดต่อให้จบเสียล่ะ” มะลิสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ เพียงเห็นหน้าของนพยาความขุ่นเคืองที่ถูกหลอกมานานนับยี่สิบกว่าปีก็ตราหน้าให้เธอจมลงไปในความโง่เง่าไม่รู้ลืม อย่างไรนางก็ไม่คิดรับความผิดส่วนหนึ่งที่เลี้ยงลูกสาวมา และฝังหัวมัลลิยาให้รู้ว่านพมัลลีไม่ใช่น้อง ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติอะไรมาก ทุกเดือนที่ทวิชส่งเงินมาให้ไม่ขาดเป็นค่าเลี้ยงดูนพมัลลี นางก็ทำหน้าที่ดูแลเงินส่วนนั้น จะมีแค่หนึ่งในห้าส่วนเท่านั้นที่จะตกถึงมือนพมัลลี

ในสายตานางนพมัลลีเป็นเพียงกาฝากที่พ่อแท้ๆ ไม่ต้องการ ไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะพลิกผัน และทำร้ายจิตใจเธอด้วยความจริงอันน่ารังเกียจ นพมัลลีกลายเป็นเครื่องการันตีความโง่ของนางที่ดีที่สุด หญิงสาวเติบโตมาในบ้านหลังนี้ถึงยี่สิบกว่าปีโดยที่นางไม่แม้แต่ระแคะระคายใด้ๆ ว่าประวัติของเด็กคนนี้จะมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่เกี่ยวเนื่องกับนพยา

“ผมจะเตรียมตัวออกเดินทาง” นพยาไม่นึกอยากหาเรื่องทะเลาะเพิ่มภาวะความเครียดให้กับทุกคนอีก

“ฉันจะไปกับธริท” มะลิกัดฟันพูดอย่างมั่นคง นำหน้าธริทที่ยืนรั้งรออย่างไม่รู้ว่าจะกู้สถานการณ์ย่ำแย่ของพ่อตาแม่ยายอย่างไร เขาเองก็ตกใจเมื่อจู่ๆ คนใกล้วัยเกษียณลุกขึ้นมาจดทะเบียนหย่าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยใดๆ และแม่ยายเขาก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่เหลือแล้วซึ่งความผูกพันกับพ่อตา

น่าแปลกที่เขากลับสงสารมัลลิยาจับใจ บางทีเขาอาจไม่รู้ว่าแท้ที่จริงครอบครัวภายในจะซุกซ่อนความลับอะไรไว้ แต่เขาก็อยากจะรักมัลลิยาให้มากที่สุด หญิงสาวเติบโตขึ้นมางามสง่าในสายตาเขาเสมอ เมื่อเธอกำลังหลุดนอกวงโคจร ควบคุมตัวเองได้ยาก เขาอยากจะประคองเธอกลับมา ถ้าเขาทิ้งเธอไปอีกคน แล้วมัลลิยาจะเหลือใครอีกเล่า



กระดาษร้อยปอนด์ขึงบนกระดานไม้อัดมีรูปที่ร่างออกมาเกือบสมบูรณ์ด้วยรอยดินสอ นพมัลลีเหม่อ ปล่อยจิตไปกับภาพวาดที่เธอกำลังลงมืออย่างคล่องแคล่ว ตามรูปแบบการสเก็ตซ์ภาพ น่าแปลกที่เธอเห็นหน้าของแม่เพียงครั้งเดียวจากรูปถ่าย ใบหน้าของหญิงสาวที่มีดวงตาใจดี อ่อนโยน และสวยงดงามกลับตราตรึงใจของเธอ แม่เป็นผู้หญิงที่สวยมาก สวยกว่าเธอหลายเท่า ขนาดเธอยังแอบน้อยใจที่เอาความสวยของแม่มาได้ไม่ถึงครึ่งของท่านเลย และน่าเสียดายที่เธอกับแม่มีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยเหลือเกิน

“สวยจัง” เด็กหญิงนวมลลิ์เดินมาหย่อนกายอยู่ข้างนพมัลลี ชะโงกหน้ามาดูผลงานที่ทุกลายเส้นเต็มไปด้วยความบรรจงในการขีดร่างขึ้นมา “ใครคะ”

นพมัลลียิ้มหวานให้กับนวมลลิ์ ตั้งใจลอกรอยยิ้มของคนในรูปมา “ตัวเล็กคิดว่าเหมือนใครคะ”

เด็กหญิงเอียงคอมองภาพ หัวคิ้วขมวด นิ้วเคาะปลายคางอย่างใช้ความคิด ขณะแหงนหน้ามองใบหน้าของมารดา ส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่เหมือนแม่ลีเลยค่ะ”

“ว้า แย่จัง” คนสวยสู้แม่ตัวเองไม่ได้บ่นผิดหวัง แต่ใบหน้าระบายยิ้มเอ็นดูนวมลลิ์

“แต่รอยยิ้มของแม่ลี เหมือนกับคนในภาพเลยนะคะ” นวมลลิ์ลองเลียนแบบรอยยิ้มนั้นมาบ้าง ปากที่ไม่เหยียดออกมาก เป็นรอยยิ้มสง่าที่มองไม่เห็นฟันขาว

นพมัลลีวางภาพวาดไปบนที่นั่งว่างข้างตัว และดึงลูกสาวมากอดด้วยความยินดีเต็มอก “ตัวเล็กก็มีรอยยิ้มสวยเหมือนคุณยายนะคะ”

“คุณยายเหรอคะ” สีหน้านวมลลิ์สับสนจริงจัง

“แม่ของแม่ลี ก็คือยายของตัวเล็ก ยายแท้ๆ ที่แม่ลีไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเลย”

นวมลลิ์พยักหน้าหงึกหงักเข้าใจ พยายามจดจำภาพวาดบนกระดาษไว้ให้ได้มากที่สุด แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกที เด็กหญิงต้องรีบมาตะครุบชายเสื้อของนพมัลลีไว้แน่น และกอดแม่ไว้เป็นปฏิกิริยาเดียวที่เธอรู้สึกปลอดภัยยามเห็นคนที่อยู่ตรงกรอบประตู

“พี่ยา” นพมัลลีกอดกระชับนวมลลิ์ไว้อย่างหวงแหน สีหน้าระแวง และไม่ไว้ใจมัลลิยาอีกต่อไป ดวงตาพี่สาวบวมช้ำอย่างคนที่ร้องไห้มาหนัก

“ลีพี่ขอหนูมลคืน” มัลลิยาร้องขอเสียงเครือ มือยื่นออกมาราวจะไขว่คว้า สองขาย่างก้าวเข้ามาในบ้านเรื่อยๆ

“พี่กำลังไม่มีสตินะคะ”

“เธอหาว่าฉันบ้าเหรอ!” มัลลิยาตะโกนออกมาอย่างเหลืออด แต่เมื่อเห็นนวมลลิ์สะดุ้ง และกอดนพมัลลีมากขึ้น เธอจึงลดท่าทางเดือดดาลนี้ลง “หนูมล นี่แม่ยาเองไงคะ”

“ไม่ใช่! แม่ตัวเล็กมีแม่ลีคนเดียว” นวมลลิ์ยืนหลบหลังมารดา และเถียงออกไปเสียงแข็ง หลังจากนั้นภาพของมัลลิยาที่เข้ามาเตรียมทำร้ายก็ชะงักกลางอากาศ ตุนท์วิ่งเข้ามาคว้าเอวมัลลิยาไว้ได้ทัน มือจับเอวเล็กไว้แน่น ปากของตุนท์ร้องหาเชือก ซึ่งนพมัลลีก็รีบไปหามาจากหลังบ้านให้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้จะให้เธอมีเมตตากับมัลลิยาด้วยการปล่อยเป็นอิสระแล้วพุ่งมาทำร้ายทั้งเธอ และนวมลลิ์ได้อย่างไร

ตุนท์และทวิชที่เพิ่งเข้ามาในบ้านจัดการมัดมือมัลลิยาไพล่หลังจนเรียบร้อย รวมถึงเท้าทั้งสองข้าง คนเป็นลุงถอนใจหนักอก บ่นเบาๆ ขณะที่หาผ้ามารัดปิดปากหลานสาวที่กรีดร้องไม่หยุด ป้องกันไม่ให้คนในบ้านแก้วหูแตกไปก่อน

“สงบจิต สงบใจบ้างเถอะยา อะไรที่ไม่ใช่ของเรา ก็ไม่มีวันใช่”

มัลลิยาเริ่มสงบ ก่อนจะเริ่มร้องไห้ออกมา นพมัลลีสะเทือนใจกับภาพที่เห็น ตอนนี้เธอรู้แล้วไม่ใช่แค่นวมลลิ์จะเลือกเธอ เด็กหญิงยังไม่คิดเดินกลับไปหามัลลิยาอีกด้วย หญิงสาวลากลูกน้อยมาหลังบ้าน ย่อตัวลงนั่งเสมอหน้านวมลลิ์ที่ยังสั่นเทิ้มด้วยความกลัว

“ตัวเล็กคะ หนูกลัวใช่ไหม”

“...” นวมลลิ์ไม่ตอบ แต่พยักหน้า

“อย่าโกรธที่ป้ายาทำอย่างนี้เลยนะคะ ป้ายารักตัวเล็กมาก อาจจะมากเกินไป สิ่งที่ป้ายาทำไป เพราะป้ายาเคยสูญเสียลูกมาก่อน แม่ลีไม่อยากให้ตัวเล็กโกรธ กลัวป้ายา จนพานเกลียดเขานะคะ”

เด็กหญิงเม้มปากแน่น บริเวณศีรษะยังมีอาการโนไม่หาย ภาพที่มัลลิยาผลักบันไดที่เธอกำลังปีนตกลงมา กัดกินใจเด็กหญิงจนไม่นึกอยากเข้าใกล้มัลลิยาอีก

“แม่ลีไม่โกรธป้ายาเหรอคะ” นวมลลิ์ถามเสียงสั่น ดวงตาไม่มั่นใจ เธอกลัวว่าจะต้องกลับไปอยู่กับมัลลิยาอีก

“แม่ลีไม่อยากโกรธใครอีกแล้ว”

“แล้วแม่ลีจะส่งตัวเล็กกลับไปไหมคะ”

นพมัลลีดึงร่างเล็กที่เปรียบดังชีวิตของเธอมากอดไว้แน่น “สิ่งเดียวที่แม่ลีจะขัดป้ายาไปตลอดชีวิต คือการที่แม่จะไม่ส่งตัวเล็กคืนให้ป้ายาอีก” หญิงสาวยังพอยิ้มได้ เธอไม่อยากไปจี้จุดที่ลูกสาวแกล้งความจำเสื่อมให้เด็กหญิงที่โกหกไม่เนียนความแตก ความจริงการที่นวมลลิ์ทำเป็นความจำเสื่อม ย่อมดีกับทั้งเธอ และทุกฝ่าย

“ตัวเล็กความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้ จะไม่กลับไปหาป้ายาอีก ก็ไม่ผิดหรอกนะ”

เธออาจจะใจร้ายกับมัลลิยา แต่เธอไม่กล้าแล้วจริงๆ ที่จะปล่อยลูกให้เผชิญกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของพี่สาว ตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอจะขอจากมัลลิยาได้คือทำให้พี่สาวยอมรับความจริงได้โดยเร็ว รวมทั้งปรารถนาจะให้พี่สาวและพี่เขยมีลูกจริงๆ สักคน มัลลิยาจะไม่ต้องอยู่บนความหวาดระแวงอย่างที่แล้วมาอีก

โทรศัพท์ของนพมัลลีมีสายเข้า หญิงสาวคลายอ้อมกอดจากลูกสาว และกดรับ เธอยังไม่ทันพูด ธริทก็พูดรัวเร็วออกมา

“ลี ถ้ายาไปหา อย่าทำอะไรรุนแรงกับยานะ ให้ใจเย็นกับยาเขาหน่อย ยากำลังท้อง”

ดวงตาคนฟังเบิกกว้างขึ้น หัวใจเต้นรัวด้วยความหวัง สิ่งเดียวที่จะช่วยบำบัดจิตใจมัลลิยาให้คืนสู่ปกติได้ อยู่กับตัวมัลลิยาแล้ว

........................................................

คุณ coonX3 ยังเหลือปมหลักๆ คือเรื่องครอบครัวเลยค่ะ ต้องค่อยๆ แก้กันไป แต่อีกไม่นานปมจะคลายลงแล้วค่ะ ^^

คุณ ร้อยวจี นพมัลลีเป็นตัวละครที่ปมปัญหาในชีวิตเยอะค่ะ จะมีหลายตัวที่มีปมคล้ายๆ กัน อย่างนพมัลลีกับนวมลลิ์ สองแม่ลูกก็มีปมพ่อแม่คล้ายๆ กัน ค่ะ แต่นพมัลลีนี่เจออะไรเยอะกว่าตัวเล็กเยอะ ฮา

คุณ konhin ตัวเล็กแสบจริงอะไรจริงค่ะ แต่ก็ยังมีความเป็นเด็กสูง ใครๆ ก็รัก อยากแย่งตัวเล็กกันทั้งนั้นนะคะ

คุณ violette ต้องหาทางตะล่อมตัวเล็กเยอะๆ ค่ะ เจ้าเล่ห์แสนกล ฮา

คุณ OhLaLa นั่นสิคะ ไม่รู้จะสงสารใคร ตุนท์อาจจะน่าสงสารกว่าหน่อย เพราะตัวเล็กอยู่กับลีตลอด ส่วนเรื่องของทวิช รายนี้เขาก็มีความผิดค่ะ ที่ดันคิดว่านพยาจะรักลูก เกิดกับคนที่ตัวเองรักด้วยแท้ๆ แต่นพยาดันคิดมาตลอดว่าลีไม่ใช่ลูก ไปๆ มาๆ คือตัวละครผู้ใหญ่เรื่องนี้มีความผิดกันทุกคนเลยนะคะ

ขอบคุณทุกความคิดเห็น ทุกคนที่เข้ามาอ่าน และกดถูกใจนะคะ ตอนนี้ปมของคมิกโผล่มาแล้ว จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของลียังไง ต้องรอต่อไปนะคะ ปมของเรื่องกำลังจะคลายค่ะ ^^ ขอให้อ่านสนุกค่า



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 มี.ค. 2558, 00:00:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 มี.ค. 2558, 00:00:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1494





<< บทที่ 20 : ลูกไม่ปลื้ม   บทที่ 22 : การเปลี่ยนแปลง >>
coonX3 19 มี.ค. 2558, 01:54:13 น.
เรื่องครอบครัวอย่างนี้ต้องจับเข่าคุยและเคลียร์ไปเลย


OhLaLa 19 มี.ค. 2558, 03:44:11 น.
ขนาดมะลิไม่รู้ความจริงเรื่องของลี ยังทำตัวเหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก นี่ขนาดในฐานะหลานสามียังโดนขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าเป็นลูกชู้จะขนาดไหน ความโลภไม่เข้าใครออกใครเลยจริงๆ ตุนท์กลายเป็นที่สองโดยไม่รู้ตัว แต่ตุนท์ก็คงยินดียอมรับตำแหน่งนี้ ถึงตอนนี้งานเข้าคมิกแล้วสิ แถมยายังมาตามตัวเล็กอีก วันนี้บ้านลีหัวกระไดไม่แห้งเลยนะคะ


konhin 19 มี.ค. 2558, 10:38:26 น.
ต้องบอกว่า โดนสะเก็ดระเบิดกันทั่วหน้า ไม่รู้ว่าคุณลุงเลือกถูกหรือผิด ยังไงคนรู้ก็มากกว่าหนึ่ง ปิดยังไงก็ไม่มิดหรอก


violette 19 มี.ค. 2558, 19:17:06 น.
มะลิกับนพยา นี่สมกับเป็นสามีภรรยากันดีนะคะ เห็นแก่ตัวทั้งคู่55
โชคดีของยาที่สามีรักจริง สามีเป้นคนดีมาก หวังว่าลูกในท้องคงทำให้นางเปลี่ยนไป
เรื่องตัวเล็กกับคมิกขอเน้นฮามากกว่าดราม่าก็ดีนะค้า เจอดราม่าแต่เด็กทั้งคู่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account