บทเรียน (รัก) นอกตำรา
นพมัลลี นักศึกษาฝึกสอนที่จบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน

นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก

แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้

มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่

Tags: นพมัลลี ตุนท์ คมิก พิชญ์ปรีชา

ตอน: บทที่ 22 : การเปลี่ยนแปลง

บทที่ 22

“แม่นึกว่าลูกลืมไปแล้วว่ามีบ้านให้กลับ” คำเหน็บแนมจากสตรีวัยกลางคนดังขึ้นตั้งแต่ก้าวแรกของบุตรชายย่างเข้ามาภายในบ้าน ตุลาชายตามองบุตรชาย ที่ถึงแม้จะมีโอกาสได้เจอกันมากกว่าห้าวันต่อสัปดาห์เพราะทำงานในโรงเรียนพิชญ์ปรีชาเหมือนกัน แต่นางก็ยังปรารถนาให้บุตรชายกลับมาบ้าน มาดูแลนางบ้าง ไม่ใช่เจอหน้ากันแต่ละทีก็ทำได้แค่คุยกันเรื่องงาน

ตุนท์ยิ้มอย่างรู้สึกผิด เขารู้ว่าในฐานะของลูก เขาเองก็มักจะบกพร่อง และหลงลืมอยู่บ่อยครั้ง ก่อนจะพบกับนพมัลลี ชีวิตของเขามีแค่การเรียน ถึงจะเคยมีแฟนมาบ้าง แต่สุดท้ายก็เลิกรา ไม่มีใครที่เขาจะคบยืนยาว จะว่าไปเขาก็ใส่ใจแม่น้อยจริงๆ

“ขอโทษครับแม่”

สีหน้าเหนื่อยล้า และรอยยิ้มอ่อนแรงขอลูกชายสะกิดใจตุลา นางกระหวัดถึงนพมัลลี และคิดไปในทางร้ายว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำให้ลูกชายนางเสียใจ

“เกิดอะไรขึ้น หรือผู้หญิงคนนั้นทำให้ตุนท์ของแม่เสียใจ แม่เคยบอกแล้วว่า...”

ก่อนที่ตุลาจะพร่ำพรรณนาไปมากกว่านี้ ตุนท์รีบถือโอกาสเดินเข้ามาสวมกอดร่างของมารดาไว้แน่น “ผมโชคดีที่เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่นะครับ” เขารู้สึกเห็นค่าของคนในครอบครัวตัวเองขึ้นอีกเท่าตัว นับตั้งแต่พบความโหดร้ายในชีวิตที่นพมัลลีประสบ

“วันนี้มาแปลก ตุนท์ไปเจออะไรมาลูก” ตุลารับร่างของลูกชายไว้จนเอนไปด้านหลัง วันนี้ตุนท์อายุเกือบจะสามสิบแล้ว แต่การแสดงหลายๆ ครั้งเวลาที่อยู่กันสองคนในฐานะแม่ลูก ตุนท์ก็ยังทำตัวคล้ายเด็ก ซึ่งนางก็ยินดีที่จะให้ลูกชายโข่งของนางอ้อนตลอดเวลา มีเด็กโข่งมาอ้อน ย่อมดีกว่าช่วงเวลาเหงาที่นางต้องมองหน้าของเด็กในบ้านเท่านั้น

“ชีวิตของลี ทำให้ผมรู้สึกตัวว่าผมโชคดีกว่าเขามากจริงๆ”

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวปัญหา แม่บอกแล้วตุนท์ก็ไม่เคยเชื่อแม่ เป็นไงล่ะ อยากให้แม่แนะนำสาวให้ใช่ไหม เอาที่ดีกว่า เก่งกว่า รวยกว่านี้”

“เปล่าครับแม่” ร่างสูงหยัดกายขึ้นตรง ถอนหายใจที่มารดายังคงมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของเขาและนพมัลลี “ผมไม่ได้รักคนๆ หนึ่งจากสิ่งที่เขามีนอกกายหรอกนะครับ จิตใจของเขาต่างหากที่ทำให้ผมรัก และอยากให้ผมเป็นความโชคดีของเขาบ้าง”

“ไม่ใช่ว่าสำออย ให้ตัวเองดูโชคร้ายหรอกนะ ระวังเถอะตุนท์ ลับหลังลูกเขาอาจหัวเราะในความโง่ของลูกอยู่ก็ได้ มนุษย์เรารู้หน้าไม่รู้ใจหรอกนะ” ตุลายอมรับว่าตัวเองเป็นคนมองค่าคนที่จิตใจอยู่บ้าง แต่ฐานะทางสังคมก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย กับคนปกติ คนเก่งที่ไม่ได้รวย หรือพ่อแม่ดัง นางชื่นชม และสนับสนุนเงินทองได้ไม่มีปัญหา แตกต่างกันกับบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนมีอยู่คนเดียว จะเลือกคู่ครองเป็นปลาในกระจาดดาษดื่นทั่วไปนั้น นางยอมรับไม่ได้ง่ายหรอก

“แม่คุยกับลีเองดีไหมครับ”

“นี่ลูก...” ตุลาอ้าปากค้าง ไม่คาดว่าลูกชายที่เข้ามาในบ้านคนเดียวจะหนีบคนที่นางต่อว่าไว้ไม่น้อยมาด้วย จะเอามาให้นางด่าทอหรืออย่างไร คราวนี้นางอยากต่อว่าลูกชายโทษฐานกลับมาบ้านเพราะมีเจตนาแอบแฝง

“ผมสัญญาว่าจากนี้จะมานอนกับแม่บ่อยขึ้น ถ้าแม่จะเปิดใจให้ลีเขาบ้าง” ตุนท์คลี่ม้วนภาพวาดที่เขาเก็บมาได้จากบ้านพักของนพมัลลี หญิงสาววาดไว้ยังไม่ทันเสร็จดีก็ถูกมัลลิยาระราน เขาจึงหนีบรูปนี้ที่มีใบหน้าคนในรูปพิมพ์เดียวกับรูปถ่ายที่เขาเคยเห็นมาแล้วก่อนหน้านี้ “นี่คือรูปของแม่ลีเขาครับ”

“ทำไมมีแต่ภาพวาด แม่เขาอยู่บนดอยหลังเขาหรือไง เทคโนโลยีเลยไปไม่ถึง” ตุลานึกอยากใช้คำแรงกว่านี้ ก็เกรงใจลูกชายซึ่งกำลังทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจใส่นาง

ตุนท์รู้สึกถึงปัญหาในใจของนพมัลลีนับตั้งแต่รู้ความจริงจากปากของทวิช หญิงสาวจากที่เคยรักกันดีกับลุง ก็เริ่มห่างเหิน ทั้งยังใช้ใบหน้าเย็นชาแทนการส่งยิ้มอย่างที่เคยทำกับทวิช นึกๆ ไปเขาก็สงสารทวิชขึ้นมา แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เขาพานพมัลลีมาที่นี่ เขาจำเป็นต้องให้นวมลลิ์และนพมัลลีมาพักที่บ้านแม่ชั่วคราว ในขณะที่บ้านพักปล่อยให้มัลลิยาที่ดึงดันจะอยู่ที่นั่น กับคนเฝ้าสี่ชีวิต ไม่ว่าจะนพยา มะลิ ธริท หรือแม้แต่ทวิช ส่วนนิลุบลยังต้องย้ายไปพักในบ้านพักของแม่บ้านในโรงเรียนเป็นการชั่วคราว

“แม่ของลีเขาเสียไปตั้งแต่ลียังไม่ถึงสองขวบเลยครับ”

ความจริงในเรื่องแม่ของแฟนลูกชายทำให้ตุลาพูดไม่ออก นางรู้ว่าเรื่องสำคัญอย่างนี้ตุนท์ไม่มีทางหยิบยกมาพูดเล่นๆ แต่ถึงจะจริง ทำไมสิ่งที่นางรับรู้มาจากทวีตั้งแต่สมัยที่ตุนท์ใกล้ชิดกับนพมัลลีจะเป็นเรื่องราวคนละอย่าง นางรู้มาว่านพมัลลีมีพ่อแม่ครบ ไหนจะพี่สาวที่แต่งงาน มีลูกสาวอีกหนึ่ง

“ที่แม่รู้มามันไม่ใช่แบบนี้”

“ฟังลีเขาพูดเองเถอะครับ ผมขอแค่แม่เปิดใจ ผมอยากให้แม่เป็นแม่อีกคนของลี แม่เป็นแม่ที่น่าอิจฉาที่สุดนะครับ”

“ตุนท์เลยจะแบ่งแม่เหมือนแบ่งขนมเค้ก”

ตุนท์หัวเราะลั่นกับท่าทีผู้ใหญ่น้อยใจ เขาเองไม่เคยสมบูรณ์แบบอย่างที่ใครว่ากัน ในเรื่องการดูแลแม่เขาเองยังบกพร่องอีกมาก เพราะเขาคิดมาเสมอว่าแม่ของเขาเข้มแข็ง แข็งแกร่งเกินใคร ขนาดโรงเรียนพิชญ์ปรีชาที่บรรดาญาติๆ จ้องตะครุบตาเป็นมันหลังพ่อและปู่เขาเสียชีวิต ท่านก็ยังรักษา และเหลือไว้รอเขาได้ แต่เขาคิดง่ายเกินไป อย่างไรแม่ก็ยังต้องการความรัก และการดูแลของลูก เขายังโชคดีที่มีโอกาสได้ดูแล ตรงข้ามกับนพมัลลี ที่แม่ที่เลี้ยงก็เมินเฉยใส่ แม่แท้ๆ ก็ไม่เหลือให้ทดแทนบุญคุณ

ชายหนุ่มสวมกอดมารดาไว้แน่นๆ อีกครั้ง เขาหลงรักไออุ่นที่มารดามีให้เขามาเสมอ “แม่ของผมใจดี น่ารักจะตาย มองเป็นขนมเค้กได้ที่ไหนกันครับ”

“ปากหวานจริงนะพ่อลูกชาย เอาล่ะ ไปเรียกเขาเข้ามาสิ” ตุลาเดินไปรอในห้องหนังสือ เสียงบ่นไม่เบาจงใจให้ลูกชายสุดที่รักได้ยิน “ความรักจริงๆ มันไม่หวานหมูหรอกนะ ถึงแม่จะไม่ห้าม แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรคอื่นเข้ามา”

“ไม่ใช่ว่าอุปสรรคเหล่านั้นคือบททดสอบคนสองคนว่ารักกันมากแค่ไหนหรอกเหรอครับ” ตุนท์ส่งเสียงถามเย้า และอีกครั้งที่มารดาจนปัญญาจะเถียง ได้แต่ฟาดค้อนใส่บุตรชายผู้ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ กับความรักครั้งนี้ โดยไม่รู้เลยว่าริมฝีปากของตุลากำลังยิ้มออก ไพล่นึกถึงสามีผู้ล่วงลับ ครั้งหนึ่งนางก็ไม่ได้ดีเด่พรั่งพร้อมอะไรในชีวิต คนธรรมดาเดินดินที่ชีวิตไม่ได้โรยกลีบกุหลาบ พ่อแม่หย่าร้างกันแต่เด็กแบเบาะ ก่อนที่แม่จะแต่งงานใหม่กับฝรั่งคนหนึ่ง จนมีลินดาแม่ของบลินด์ ชีวิตของนางถึงเริ่มดีขึ้น กระทั่งพบกับพ่อของตุนท์ เขาเป็นถึงนักเรียนนอกอนาคตไกล มีเงินเป็นร้อยล้าน แต่กลับรักสาวแปลกหน้าที่บังเอิญเก็บกระเป๋าเงินมาคืนเขาได้

ที่จริงตุนท์ก็มีหลายส่วนเหมือนคนเป็นพ่อ ตั้งใจกับความรัก โดยไม่สนอุปสรรคหรือความต่างที่คนส่วนใหญ่ในสังคมมองกัน นางควรจะยินดีที่ลูกชายไม่คว้าผู้หญิงร้ายกาจมาก่อปัญหา ไม่เคารพนางดีกว่าใช่ไหม



นพมัลลีตัดสินใจที่จะคุยอย่างเปิดอกกับตุลา ตุนท์ได้ขอร้องให้เธอทำ เพราะว่าตุนท์ นวมลลิ์ และเธอจะต้องมาอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราว ตุนท์ไม่อยากให้มารดาของเขามองหน้าเธอไม่ติด และพานให้คนสองคนอยู่ร่วมชายคาอย่างไม่มีความสุข

‘คิดถึงอนาคตที่คุณต้องมาอยู่ที่นี่ถาวรสิ ผมอยากให้คุณกับแม่รักกันกลมเกลียวนะครับ ยังไงสักวันทั้งคุณและแม่ก็ต้องรับกันให้ได้’

ตุนท์เตือนสติเธอให้เห็นว่าครอบครัวสำคัญแค่ไหน ยกเปรียบเทียบให้เธอเห็นภาพจากครอบครัวของเธอเอง ที่ไม่มีอะไรสมบูรณ์ หลายครั้งที่เธออยากร้องไห้เมื่อนึกรู้ว่าแท้ที่จริงเธอไม่ต่างอะไรจากคนนอกที่ไม่มีใครต้องการ อยู่ในที่ที่ไม่ใช่ของตัวเองมาตลอดเวลา รอยสัมผัสอุ่นที่ตุนท์บีบมือของเธอไว้ ยังเหลือรอยให้เธอรู้สึกปลอดภัยในอก ภาพที่ตุนท์อุ้มนวมลลิ์ และยั่วด้วยของเล่นที่เขานึกออก เด็กหญิงก็ลืมความรู้สึกไม่ชอบหน้าตุนท์ไปได้ชั่วคราว

‘ลีเชื่อแม่ผมได้พอๆ กับที่ลีเชื่อผมนะครับ เห็นแม่ผมชอบเหน็บแนม กัดนั่นนิดนี่หน่อย ที่จริงท่านใจดี ขอให้คุณเอาใจท่าน ใส่ใจ และเปิดเผยเรื่องของคุณก็พอ’

‘ฉันไม่คิดว่าแม่ของคุณจะรับได้’

‘ไม่ลองก็ไม่รู้นะครับ’

ราวกับตุนท์อ่านความคิดเธอออกว่ายามนี้กำลังต้องการมือของผู้ใหญ่สักคนที่พร้อมจะเข้าใจ และแนะแนวทางแก่เธอได้

“คุณตุลาคะ” นพมัลลีเปิดประตูเข้าไปในห้องหนังสือด้วยอาการสงบเสงี่ยม

“เธอมีอะไรอยากจะบอกฉัน”

“ความจริงของฉันค่ะ”

ตุลาขยับนั่งหลังตรง มือประสานวางลงบนโต๊ะ ดวงตาจ้องหญิงสาวอย่างพร้อมที่จะรับรู้ “ว่ามาสิ แต่อย่าให้รู้ว่าโกหก ฉันไม่ให้อภัยเธอง่ายๆ หรอกนะ”

“ถ้าคุณตุลารับไม่ได้ ฉันก็พร้อมจะรับผลค่ะ ตุนท์เขาจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเรื่องของฉันอีก”

“ทำไมเธอคิดว่า ถ้าฉันรับเรื่องเธอไม่ได้ ตุนท์จะถอยไปง่ายๆ ล่ะ” ตุลานึกเคืองที่ผู้หญิงคนนี้เชื่อใจลูกชายนางไม่เต็มร้อยเอาซะเลย ตุนท์แสดงออกว่าพร้อมกระโดดลงหุบเหว ลงนรกไปพร้อมกับเจ้าหล่อนตลอดเวลาขนาดนั้น ยังคิดว่าต่อให้นางขวางกั้น ตุนท์ยังจะฟังอีกเหรอ นางไม่ใช่แม่โรคจิตที่หลับหูหลับตาไม่ฟังอะไรลูก ถึงนางไม่ชอบ แต่ลูกก็ย่อมต้องมีชีวิตของเขา ตราบใดที่คนรักของลูกไม่ใช่ฆาตกร ไม่ใช่โจรผู้ร้าย หรือคนเลวอะไร นางไม่มีสิทธิ์ไปห้ามเขาหรอก “ถ้าเธอยังพูดทำนองไม่เชื่อใจลูกชายฉันอีก ฉันจะบอกเขาว่าเธอไม่มีค่าควรแก่การใส่ใจ”

“บางครั้งฉันก็สงสารตุนท์ ที่ต้องมารับรู้ปัญหามากมายในชีวิตของฉัน ฉันไม่รู้ว่าเรื่องราวของฉันจะจบลงเมื่อไหร่ แล้วจะจบแบบไหน ตุนท์ยังจะต้องเหนื่อยกับฉันไปอีกเท่าไหร่ ฉันไม่อยากให้เขารู้สึกเหนื่อยค่ะ”

ตุลาพอใจกับเหตุผลที่นพมัลลีว่ามา การกลัวอีกฝ่ายเหนื่อยก็แปลว่าห่วงใย ไม่ละโมบอยากเก็บตุนท์ไว้กับตัวเองตลอดเวลา สิ่งนี้ล่ะมั้งที่นางถูกใจในตัวนพมัลลี

“ที่บ้านเกิดอะไรขึ้น เธอถึงจะมาอยู่ที่นี่ เอาตั้งแต่ต้น เรื่องแม่ของเธอเลยก็ได้ คืนนี้ฉันว่างฟังทั้งคืน” ตุลาผายมือเชิญหญิงสาวที่นางเพิ่งสังเกตว่าผอมบางเหลือเกิน นางอยากรู้นักว่าผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งเคยเจออะไรมามากมายเท่าไหร่ และเพราะเหตุใดเจ้าลูกชายถึงได้ปักใจไม่ปล่อยมือนพมัลลีเสียที



ใบหน้ายินดีของนพมัลลีที่เข้ามาจับมือของเธอจับ และเขย่าไปมา ปากพร่ำบอกข่าวดีไม่หยุดปาก ทำให้มัลลิยาช็อกจนลืมว่าควรร้องไห้เรื่องนวมลลิ์ปฏิเสธ ลืมต่อต้าน ขนาดว่าหลังจากนั้นเมื่อแม่มาถึงจะเป็นคนแกะเชือกที่มัดแขนขาออกให้จะบ่นไม่พอใจในตัวนพมัลลีก็ตาม

“ยาท้องเหรอคะ”

มะลิเงยหน้าขึ้นมา ดวงตามาหยาดน้ำคลอด้วยความดีใจมหาศาลล้นอก ความหวังครั้งใหม่ของบุตรสาวเลือกมาได้ถูกเวลาจริงๆ

“ใช่ลูก หมอบอกออกมาเอง ยาไม่อยู่รอผลตรวจ เลยไม่รู้”

“จริงเหรอคะ” มัลลิยาลูบท้องแบนราบของตัวเองมือสั่น น้ำตาไหลพราก เกือบสิบปีที่รอคอย ในที่สุดเธอก้ท้องอีกครั้ง

“เราจะระวังนะยา ก่อนอื่นยาต้องห้ามเครียด ห้ามคิดมาก เรากำลังจะมีลูกของเราแล้ว” ธริทเข้ามาโอบไหล่ภรรยาพิงกับไหล่

ร่างที่โอนอ่อนในที่แรกเกร็งขึ้น “แต่ว่าหนูมลก็คือลูกของฉัน”

“เรากำลังมีลูกของเรานะยา ปล่อยหนูมลไปเถอะ ผมรู้ว่ามันยาก แต่เราควรเห็นใจลีบ้าง เขาทำอะไรผิด ถึงจะไม่ได้เลี้ยงลูกของเขา”

“คุณเคยบอกฉันเองนะริท ว่าให้เลี้ยงหนูมล ตอนเราแท้งลูกคนที่สอง คุณอย่ามาทำเป็นความจำสั้น”

ธริทหุบปากอย่างรู้สึกผิด ความผิดนั้นเขาเองก็ลบไม่ได้เสียด้วย

มัลลิยาสูดลมหายใจให้ตัวเองมีสติมากขึ้น นึกถึงคำพูดของนพมัลลีที่ทิ้งท้ายก่อนอุ้มลูกจากไป ถึงจะนึกเคือง แต่เธอกลับรู้สึกว่าหลังจากนี้จะไม่สูญเสียอะไรอีก

‘พี่ยาอย่าเครียด อย่าคิดอะไรไม่ดีต่อลูกเลยนะคะ มีสติให้มากๆ ลูกของพี่ก็จะยังอยู่กับพี่ ขอให้พี่รู้ไว้ว่าลูกจะอยู่หรือไป อยู่ที่พี่จะพยายามเพื่อเขามากแค่ไหน ฉันแนะนำ ไม่สิ ขอร้อง ให้พี่หยุดวิ่งตามตัวเล็กแล้วใส่ใจลูกของพี่เถอะค่ะ’

‘ถ้าฉันเสียเขาไปอีกล่ะ เธอจะให้ฉันอยู่ได้ยังไง’

‘ถ้าพี่เสียเขาไปเพราะฉัน ฉันจะไม่ห้ามพี่เรื่องตัวเล็กอีก’

‘เธอพูดมาเองนะ!’

‘ยกเว้นว่าพี่จะไม่รักลูกที่เกิดมาจากเลือดเนื้อของตัวเองเลย แต่กลับรักลูกของชาวบ้านเขามากกว่า พี่คิดว่าถ้าพี่คิดอย่างนั้น ลูกของพี่เขายังจะอยู่กับพี่เหรอคะ’

‘เขาจะต้องอยู่กับฉัน’

นพมัลลียิ้มพอใจ ‘พรุ่งนี้ทันทีที่ฉันออกไปพักที่อื่น ฉันจะจ้างพยาบาลเก่งๆ มาดูแล ให้ความรู้กับพี่นะคะ ฉันเองก็ไม่ยอมให้หลานของฉันเป็นอะไรเหมือนกัน’

ตอนนี้เธอจะรักลูกให้มากที่สุด จะวางความเกลียดไว้ชั่วคราว สิ่งใดก็ตามที่จะทำให้ลูกในท้องไม่ทอดทิ้งเธอไปอีก เธอยินดีทำทุกอย่าง แม้แต่การรับความช่วยเหลือจากนพมัลลี

“ฉันขอโทษ ฉันจะไม่พูดเรื่องแย่ๆ อย่างนั้นอีกนะคะริท” มัลลิยาลูบหลังมือสามีแผ่วเบา การเปลี่ยนแปลงของมัลลิยาทำให้มะลิเริ่มโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

“ผมไม่โกรธคุณหรอกยา”



ถึงจะเกลียดหน้าพ่อของลูกอย่างไร มะลิก็ยอมรับว่าในตอนนี้จิตใจของนางนิ่งสงบขึ้น มันคงจะหยุดโกรธแค้นพร้อมๆ กับที่ลูกสาวเริ่มได้สติในการคิดถึงชีวิตของลูกในท้อง

จู่ๆ คลื่นลมที่เคยแรง ซัดสาดไม่หยุดหย่อนก้เริ่มเบาลง แต่นางไม่วางใจว่าคลื่นลมนี้จะสงบอยู่ได้นาน

“อย่าโกรธเกลียดลีเลยมะลิ ลีเขาไม่เคยไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน” ทวิชถือซองเอกสารที่สอดไว้ในหมอนหนุนศีรษะออกมาจากห้องในบ้านอย่างสงสัย แต่ยังไม่มีโอกาสได้เปิด เมื่อพบว่าน้องชายกับน้องสะใภ้ต่างยืนนิ่งอยู่ใต้ต้นไม้คนละต้น ไม่มีบทบรรยายระหว่างกัน

“ยังไงก็มาแบบเป็นกาฝาก ฉันขอบอกให้รู้ว่าฉันไม่เคยถูกชะตากับลีเลย เพิ่งมากระจ่างแก่ใจเมื่อไม่นานมานี้เอง” มะลิกัดฟันพูดอย่างเคืองแค้นกับคนที่ยืนห่างออกไป รวมถึงทวิชที่ยังส่งนพมัลลีกลับมาให้เธอเลี้ยงลูกของนพยากับหญิงอื่น

“ปล่อยวางอดีตกันได้ไหม” ทวิชพูดขึ้นอย่างตัดสินใจ “มีแค่เราสามคนที่รู้ความจริงของเรื่องราว ปล่อยให้มันตายไปกับเราทั้งสามคนเถอะ ที่ผ่านมามีใครที่มีความสุขกันจริงๆ บ้าง หรืออยากจะให้มันส่งผลกับลูกๆ หลานๆ ของพวกเราไปจนกว่าเราจะตายกันไปข้างหนึ่ง”

“ฉันบอกลีไปแล้วว่าฉันไม่ใช่แม่ของเขา” มะลิยิ้มหยัน ไม่รู้สึกผิดสักนิด นางออกจะโล่งอกที่ได้เห็นแววตื่นตะลึงของนพมัลลี ร่องรอยเจ็บปวดของลูกสาวที่ถูกแม่เลี้ยงเหยียบย่ำน้ำใจ นึกมาถึงตรงนี้มะลิอดเจ็บแปลบลึกๆ ในใจ ถึงนางจะใจร้ายกับนพมัลลีมาก ปากจะบอกไม่ใส่ใจ แต่คนที่เห็นกันมาเรียกได้ว่าแบเบาะ ถึงจะไม่นึกอยากใส่ใจ แต่นางก็เลี้ยงนพมัลลีมาเองกับมือ อาจไม่ใช่แม่ที่ดี แต่ไม่นึกว่าในวันที่บอกปัดไม่ใช่แม่ไป นางก็รู้สึกโหวงเบาๆ ในอก สะใจ แต่ไม่ได้สุขเลย

“ฉันเลวเกินกว่าจะเป็นพ่อของเขา ต่อให้ฉันรู้สึกผิดมากแค่ไหน ก็ชดใช้อดีตในวัยเด็กคืนให้ลีไม่ได้” คำสารภาพที่นพยาไม่เคยยอมรับหลุดออกมาจากปากที่แข็งยิ่งกว่าของชนิดใดบนโลกนี้ เขามารู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนใจร้ายเพียงใดก็ตอนที่ครอบครัวล่มสลาย ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม เขาแทงข้างหลังพี่ชายของตัวเอง ด้วยการทำร้ายลวิณตรา หลอกลวงภรรยาที่ร่วมชีวิตกันมา และการเลี้ยงลูกผิดๆ ที่ส่งผลร้ายกับมัลลิยา รวมทั้งทำให้เขาไกลห่างจากนพมัลลีมากขึ้น ซึ่งลูกสาวคนเล็กของเขาเกิดจากตัวเขาที่ผลักไสออกไปเอง ถึงตอนนี้อยากจะเรียกร้องคืนมา เขาก็ไม่หน้าอายพอจะทำอีกแล้ว

นพมัลลีกำลังมีชีวิตที่ดี มีลูก มีคนรักพร้อมหน้า ไม่ควรจะถูกเขาดึงให้ชีวิตก้าวต่อไปไม่ได้อีก เขาเป็นสมอถ่วงชีวิตของนพมัลลีจริงๆ

“ยกลีให้ฉันได้ไหม ให้ลีเป็นลูกฉันจริงๆ ตอนนี้ลีเข้าใจอย่างนั้น เขากำลังโกรธฉัน แต่ฉันก็ยินดีให้เขาโกรธ” ทวิชตั้งใจขอโดยตรงจากนพยา

พ่อแท้ๆ ของนพมัลลีแหงนหน้ามองฟ้า กลบอาการสับสนในอก ปล่อยให้ลมเย็นพัดผ่านผิวกาย ไร้เรื่องใดที่เขาต้องเหนี่ยวรั้ง หรือถ่วงอีก

“ดูแลลีด้วยนะ ฝากทำในสิ่งที่ทั้งชีวิตนี้ฉันไม่เคยทำ ฉันรู้ว่าฉันมันเลว และไม่เคยพูดออกมาสักทีกับพี่ พี่ทวิช ฉันขอโทษที่ฉันทำเรื่องโง่ๆ ลงไป นพมัลลีควรเป็นลูกของพี่มาตั้งแต่แรก ไม่ควรมีฉันไปแทรกกลางเลย”

มะลิไม่เคยเห็นอดีตสามีไหล่ลู่ตกขนาดนี้มาก่อน แต่นางก็แค่สมเพชเกินกว่าจะยกโทษให้อภัย นางไม่ใช่แม่พระ หรือเป็นมนุษย์ดีเลิศอะไร ผู้หญิงคนนี้ก็แค่ปุถุชน ที่รับไม่ได้กับเรื่องโกหกพกลมที่ยาวนานถึงยี่สิบห้าปี นพยามีโอกาสค่อยๆ บอกถึงความชั่วช้าของตัวเองในอดีตให้รับรู้ได้ทีละนิด แต่เขากลับไม่บอกอะไรสักอย่าง สามีที่ขี้ขลาด สารเลวอย่างนี้ สู้ไม่มีเสียยังดีกว่า

สตรีกลางคนส่งเสียงฮึดฮัดขึ้นจมูก ไม่อยากรับฟังเรื่องไม่น่าฟังอีก ทวิชถอนใจเบาๆ เหลือเพียงแค่มะลิที่เขาอยากรู้ว่าจะยอมปล่อยให้เรื่องในอดีตตายไปกับตัวเองหรือไม่ ทวิชมองน้องชายที่ทำร้ายหัวใจเขาตั้งแต่เรื่องหญิงคนรัก จนถึงลูกของคนรักเขา ความโกรธ และความเจ็บปวดไม่มีทางลดลง แต่เมื่อตระหนักว่าเขาส่งนพมัลลีให้นพยาเอง ความโกรธก็ค่อยๆ ลดลงไป

ไม่มีใครไม่ผิด ความผิดของทุกคนมีอยู่ในทุกส่วน จะมากจะน้อยก็ปฏิเสธว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ ไร้ความผิดไม่ได้ ยามนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือผลจากความผิดของพวกเขาทั้งสิ้น ทวิชปล่อยบรรยากาศเงียบสงบที่เขากับนพยายืนห่างกันไม่กี่เมตรด้วยใจที่มั่นคงขึ้น

“ในมือคืออะไรล่ะ” นพยาถามขึ้นอย่างสนใจ เขาเห็นทวิชถือเข้ามาตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว

ทวิชไหวไหล่ เขาเองก็ไม่รู้ ใจหนึ่งไม่ได้อยากจะเปิดออกดูนัก แต่ว่าความอยากรู้ดันมีมากกว่า เขาพบตอนที่ต้องจัดบ้านหลังถูกคนแปลกหน้ากวาดของลงมาจนเละ แล้วจึงเจอเจ้าซองนี้เข้าโดยบังเอิญ

กระดาษสีขาวในซองเผยอยู่ต่อหน้า ทวิชมองดูรายชื่อยาวเหยียดที่เขาไม่รู้ที่มาที่ไปชัดเจน และกระตุกใจเมื่อนึกถึงสิ่งที่คนพวกนั้นตามหา...หรือจะเป็นของที่เด็กคมิกซ่อนไว้

……………………………

คุณ coonX3 ตอนนี้จะเริ่มจับเข่าคุยกันแล้วนะคะ ปัญหาครอบครัวก็ควรจะคุยกันภายใน ^^

คุณ OhLaLa มะลิรู้ความจริงค่ะ จะมีฉากหนึ่งที่ทวิชทะเลาะกับนพยา ช่วงที่ทวิชกลับบ้านไป แล้วมะลิมาได้ยินพอดี ก็บึ้มกันเลยค่ะ ตุนท์อันดับไหนไม่เกี่ยง ขอแค่ได้อยู่ในพื้นที่หัวใจของลีก็พอ ฮิ้ววว วันนี้เน่าจัง ฮา บ้านลีวุ่นวายได้ตลอดเวลาจริงๆ ค่ะ มาหากันง่ายจริงๆ

คุณ konhin เหลือมะลิ ที่จะยอมร่วมมือด้วยไหมนะคะ เพราะทั้งตุนท์ ทั้งมัลลิยาต่างก็เข้าใจว่าลีเป็นลูกของทวิชกันหมดแล้วค่ะ

คุณ violette ความฮาของคมิกกับตัวเล็กจะขอชดเชยให้ตอนโตนะคะ ฮา ดราม่าของคมิกก็ใกล้จบแล้วค่ะ เรื่องนี้ตัวละครสีเทาเยอะแล้ว ก็ไม่อยากให้เทาจนดำเกินไป ให้มัลลิยามีคนดีๆ บ้างค่ะ (แอบใจดี ฮา) ^^

ขอบคุณทุกความคิดเห็น ทุกคนที่เข้ามาอ่าน มากดถูกใจนะคะ ขอให้อ่านสนุกกันค่า ^^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 มี.ค. 2558, 11:10:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 มี.ค. 2558, 11:19:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1905





<< บทที่ 21 : ยามาเยือน   บทที่ 23 : สอนทอดปลา >>
ร้อยวจี 20 มี.ค. 2558, 11:28:12 น.
มีเรื่องของคมิกกับตัวเล็กตอนโตด้วยหรือ น่าสนใจค่ะ รออ่านนะคะ


konhin 20 มี.ค. 2558, 11:34:42 น.
คุณแม่คงอึ้ง


นักอ่านเหนียวหนึบ 20 มี.ค. 2558, 18:37:59 น.
เต็มๆ เลยครัชชชช ชีวิตของลีเนี่ยยยย เต็มมากกกก


violette 20 มี.ค. 2558, 19:15:52 น.
ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นแล้วเนอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account