พิมพ์ลภัส
พิมพ์ลภัสเด็กสาวร่างอ้วนแก้มยุ้ยด้วยน้ำหนักตัวเกือบร้อยกิโลกรัมแอบรักพี่ชายขัางบ้านที่โตมาด้วยกัน ทว่าภีรมัตเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น..เธอรู้
ระหว่างเธอกับภีรมัตแตกต่างกันราวผีเน่ากับเทพบุตร ใครจะไปสวยเท่าแฟนสาวสิตาภาที่ครั้งหนึ่งเขาเคยประกาศต่อหน้าเธอว่าใช่สเป็ก นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ และการกลับมาพบกันอีกครั้งระหว่างเธอกับภีรมัตเรื่องยุ่งๆของหัวใจจึงเริ่มต้นขึ้น

Tags: พิมพ์ลภัส ภีรมัต รักหวานซึ้งปนเศรา้้

ตอน: บทที่ 31 สละโสด



---------------------------------------------------------------*-------------------------------------------------------------------------------------

เช้าวันรุ่งขึ้น พิมพ์ลภัสอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านเมื่อฟ้าเริ่มเปิด ก่อนออกมาไม่ลืมชะเง้อคอมองข้ามรั้วบ้านตัวเองไปฝั่งโน้น เห็นรถสปอร์ตคันหรูยังจอดอยู่ที่เดิมไม่ขยับ คิดว่าสายๆภีรมัตคงพาป้าเพ็ญและลุงหมอมาที่นี่ตามที่บอกเธอไว้เมื่อวาน เรื่องอะไรจะอยู่ฟัง เธอพาตัวเองมาหาเพียงอรที่คอนโดทั้งที่เพื่อนรักยังไม่ตื่นเสียด้วยซ้ำ เพราะไม่รู้จะไปสิ่งสถิตอยู่ที่ไหนดี

ตั้งแต่มาถึง พิมพ์ลภัสก็เอาแต่ยืนกอดอกครุ่นคิดอยู่เงียบๆริมระเบียงนานนับชั่วโมงโดยไม่คิดจะขยับไปไหนเลย จึงกลายเป็นว่าความอึดอัดกลับจู่โจมที่เพียงอรซะเอง เพราะเธอนั่งเฝ้าดูพิมพ์ลภัสนิ่งๆเงียบๆหลังจากทำงานบ้าน อาบน้ำ กินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว พิมพ์ลภัสก็ยังไม่มีทีท่าจะขยับออกมาจากตรงนั้นซะที จนเธอนึกหวั่นใจเกรงพิมพ์ลภัสจะคิดสั้นถึงต้องลากเก้าอี้มานั่งเฝ้าใกล้ๆนี่ไงล่ะ

“โทษทีแก ฉันแค่ไม่อยากอยู่ฟังพวกผู้ใหญ่คุยกันเรื่อง...” พิมพ์ลภัสหับมาเอ่ยกับเพื่อนสนิท เลือกที่จะไม่เอ่ยคำว่าแต่งงานออกมา

“แล้วนี่แก..มานั่งเฝ้าฉันทำไมเนี่ย” พิมพ์ลภัสถามต่อ เพียงอรลากเก้าอี้มานั่งตรงนี้พักใหญ่แล้ว ซ้ำยังจ้องเธอตาไม่กะพริบเชียว

“ก็...” เพียงอรอึกอักไม่รู้จะพูดดีมั้ย

“ทำไม แกกลัวว่าฉันจะโดดลงไปรึไง” พิมพ์ลภัสเอ่ยขันๆ

“ใครจะไปรู้ คราวก่อนแกยังเดินลงทะเลเลย”

“จะบ้าเหรอ ฉันเนี่ยนะ!จะฆ่าตัวตาย” พิมพ์ลภัสส่ายหน้าไปมาขำๆ

“ไอ้พิม..ฉันขอถามหน่อยได้มั้ย มันคาใจว่ะ” ทนเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ต่อไปไม่ไหว

“ว่าไป..” พิมพ์ลภัสเดินกลับเข้ามาในห้อง โดยมีเพียงอรตามมาติดๆ

“จนถึงขั้นนี้แล้ว ยังต้องกังวลอะไรอีกทำไมแกถึง..ดูไม่ดีใจเลยที่จะได้แต่งงานกับพี่ภีม” เมื่อเพื่อนเปิดโอกาสเธอก็ไม่รีรอ
และพิมพ์ลภัสก็เงียบลงไปอีก

“การแต่งงาน เป็นการประกาศให้คนรับรู้ไม่ใช่เหรอว่าคนสองคนรักกัน..ไม่ใช่รักข้างเดียวแบบฉัน” ท้ายประโยคเบาหวิว อีกทั้งน้ำเสียงก็สั่นเครือ เพียงอรเพิ่งจะเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าพิมพ์ลภัสทุกข์ใจด้วยสาเหตุใด

“เอ้อ!พิม ช่วงที่แกไม่อยู่กรุงเทพฯ ยัยสิตาภาจอมเหวี่ยงออกมาประกาศยุติความสัมพันธ์กับพี่ภีมแล้วนะ ที่สำคัญยังเปิดตัวหวานใจคนใหม่หน้าชื่นด้วยล่ะแก” หวังว่าข่าวนี้จะช่วยให้พิมพ์ลภัสยิ้มออกได้บ้างทว่าคิดผิดพิมพ์ลภัสขรึมลงไปอีก

“มิน่า..ถึงได้หายไปจากหน้าหนังสือพิมพ์เลย แถมยังปล่อยตัวจนหนวดเครารกรุงรัง ที่แท้ก็เสียใจที่สิตาภาไปมีคนอื่น”

เธอเพิ่งจะเข้าใจเดี๋ยวนี้เองก่อนที่เขาจะลักพาตัวเธอจากงานหมั้น ภีรมัตเงียบหายไปเป็นอาทิตย์ คงจะมีปัญหากันก่อนที่สิตาภาจะออกมาประกาศยุติความสัมพันธ์ คงจะเสียใจมากจนไม่เป็นอันทำอะไร เพียงอรทำหน้างุนงง หนักกว่าเก่ายิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ ถ้าภีรมัตรักสิตาภาจริงแล้วเขาจะขอให้เธอช่วยทำไม

“ถ้าเค้ารักสิตาภา แล้วจะลักพาตัวแกไปทำไมวะ” เพียงอรเผลอตัวโพล่งออกมา

“แกรู้ได้ไง ฉันยังไม่เคยพูดสักคำ” พิมพ์ลภัสถามตาโตก่อนจะหรี่ตามองเพียงอรด้วยสายตาจับผิดเพียงอรอึกอักนิด พยายามคิดหาเหตุผลที่ดีเพื่ออธิบาย เธอไม่น่าปากพล่อยจริงๆเล้ยย!

“ก็.. เดาไง แหม..แกกลับมาพร้อมพี่ภีม แล้วก็กำลังจะแต่งงานกัน มันคิดอย่างอื่นได้ด้วยเหรอ” เพียงอรแถไปจนสำเร็จ พิมพ์ลภัสเลิกส่งสายตาจับผิดมาที่เธอก่อนจะผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก“ ไอ้อาการงอแงไม่อยากแต่งงานเนี่ย เพราะแกคิดว่าเขาไม่รักแกงั้นเหรอ” เธออยากถามตั้งแต่เมื่อวาน แต่พิมพ์ลภัสไม่อยู่ในโหมดจะตอบ จึงเงียบเสีย

“ใช่..” พิมพ์ลภัสตอบสั้นๆเนือยๆ

“แกไม่รักเค้าแล้วเหรอ” เพียงอรยังสงสัยไม่เลิก

“รัก..” ยังคงตอบสั้นเช่นเคย

“เอ้า!” เพียงอรเกาหัวแกรกๆ ยิ่งฟังยิ่งมึน ทำไมเรื่องหัวใจมันถึงได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรอย่างนี้ ภีรมัตขอให้เธอช่วยลักพาตัวพิมพ์ลภัสไป แต่ไม่ได้รัก..แล้วจะทำไปเพื่ออะไร เฮ้อ!..ปวดกะบาล

“งงม๊ะ..” พิมพ์ลภัสหันมาถามเพื่อน เพียงอรพยักหน้าหงึกหงัก

“..มาก” เพียงอรมีสีหน้าสับสนไม่ต่างจากพิมพ์ลภัส “แล้วเค้าจะอยากแต่งงานกับแกทำไมวะพิม ถ้าไม่รัก”

“ก็รับผิดชอบไง ..เขาต้องรับผิดชอบชื่อเสียง หน้าตาทางสังคมและอะไรอีกก็ไม่รู้ ชัดมั้ย” พิมพ์ลภัสโพล่งมาเป็นชุดทั้งน้ำตาร่วงเผาะระแก้มเนียน เพียงอรรีบหยิบกระดาษทิชชูส่งให้ทั้งกอดปลอบเบาๆ “เค้าคบกับสิตาภามาตั้งนาน จะเอาเวลาไหนมารักฉันเล่า” เธอพูดกระแทกเสียงปนสะอื้น เช็ดน้ำตาป้อยๆเหมือนเด็ก

เธอไม่รู้ว่าภีรมัตรักเพื่อนเธอรึเปล่า ภายใต้ท่าทีเรียบเฉยเธอเองก็ไม่เคยจะมองออก แต่น้ำเสียงร้อนรนในวันที่มาขอความช่วยเหลือจากเธอ ทำให้คิดอย่างอื่นไปไม่ได้

“แล้วจะเอายังไงล่ะทีนี้” เพียงอรเปิดฉากถามขึ้นมาอีก หลังจากพิมพ์ลภัสหายสะอื้น

“ไม่รู้” เธอตอบสั้นๆแล้วเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาอีก “รู้แต่ว่าไม่อยากแต่ง” พิมพ์ลภัสสบตาเพียงอรเซ็งๆแล้วจมดิ่งเข้าสู่ความคิดของตัวเอง

วันและเวลาเดียวกันภีรมัตยังไม่พาผู้ใหญ่ทางฝ่ายเขาเข้าไปพบกับพ่อแม่พิมพ์ลภัสในทันที เขามีเรื่องอื่นที่ต้องไปจัดการให้เรียบร้อยก่อน คือการเข้ามาแจ้งกับทางตันสังกัดว่าเขาจะแต่งงาน งานที่ทางต้นสังกัดรับไว้มีสัญญาระบุว่า ห้ามกระทำการใดๆที่ทำให้ตัวเองเสียคะแนนนิยมหรือเสื่อมเสียชื่อเสียง รวมถึงการแต่งงานด้วยเพราะจะมีผลกระทบกับออแกไน อาจจะทำให้ยอดสินค้านั้นๆดิ่งลงตามไปด้วย

ทันทีที่เขาแจ้งกับทางผู้ใหญ่ ทุกคนก็ถูกเรียกประชุมด่วน และเมื่อเขายืนยันคำเดิมว่าจะแต่งงาน ทั้งห้องประชุมก็เงียบกริบ ทางต้นสังกัดไม่เห็นด้วยที่เขาตัดสินใจปิดฉากอนาคตตัวเองในขณะที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง แม้ทางผู้ใหญ่จะยืนยันว่าไม่ได้ห่วงเรื่องผลประโยชน์ แต่เสียดายอนาคตทางวงการบันเทิงของเขามากกว่า

ความที่ภีรมัตเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย มีความรับผิดชอบเยี่ยมยอด แล้วยังมีสัมมาคารวะเสมอจึงเป็นที่รักของเหล่าผู้จัดทั้งหลายต่างหยิบยื่นงานมาให้ไม่ว่างเว้น อนาคตทางวงการบันเทิงของภีรมัตยังยาวไกลแม้อายุจะล่วงเข้าเลขสามแล้ว ทว่าไม่ได้ส่งผลกระทบกับบทบาทพระเอกเลย ทางต้นสังกัดอยากให้เขายืดเรื่องแต่งงานออกไปก่อน

ภีรมัตเข้าใจความหวังดีของผู้ใหญ่ ทว่าเรื่องของพิมพ์ลภัส เขาก็ไม่อาจรอได้ ถ้าไม่มัดมือชกแต่งเธอตอนนี้ เขาอาจจะไม่มีโอกาสนั้นอีกเลย เขายินดีจะชดใช้ค่าเสียหายแม้จะต้องหมดตัวก็ยอม เพราะมันคุ้มค่ากับการได้เป็นเจ้าของเธอผู้ใหญ่ถามย้ำหลายครั้ง อยากให้เขากลับไปคิดทบทวนให้ดีแล้วค่อยมาคุยกันใหม่ ทว่าเขาตัดสินใจแล้วและก็ไม่อาจรอได้แม้เพียงนาทีเดียว

ภีรมัตกลับเข้าบ้านตอนบ่ายแก่ ซึ่งพ่อกับแม่กำลังรอคอยการกลับมาของเขาอยู่ จากนั้นทั้งสามจึงก้าวข้ามรั้วบ้านตัวเองมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์วีรภากานต์เพื่อคุยเรื่องแต่งงานซะที

----------------------------------------------------------------------*--------------------------------------------------------------------------
พิมพ์ลภัสอยู่คอนโดเพียงอรจนบ่ายคล้อย คิดว่าที่บ้านคงตกลงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เพราะมารดาโทร.เข้ามาหลายครั้ง ทว่าเธอไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น จึงไม่ได้กดรับ ยังไงซะกลับไปบ้านก็ต้องรู้อยู่ดี จากนั้นจึงขอตัวกลับบ้านเพราะร่างกายมันร่ำร้องให้เธอพักผ่อนด่วน แม้จะงีบหลับที่คอนโดเพียงอรบ้างแล้ว แต่ความอ่อนเพลียที่สะสมมาหลายวันบอกให้รู้ว่าการงีบหลับเพียงเท่านั้นยังไม่พอสำหรับร่างกาย

เธอเดินเข้าบ้านด้วยอาการง่วงงุนจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ กะว่าจะกลับมานอนอีกหน่อยแล้วค่อยตื่นอาบน้ำ แต่สุดท้ายก็ต้องยกเลิกแผนทั้งหมด เพราะทุกคนอยู่ที่นี่กันครบเลย จะหันกลับก็ไม่ทันแล้ว สายตาดุๆจากมารดาทำให้เธอไม่กล้าที่ก้าวเท้าออกไป

“มาก็ดีแล้ว จะได้เริ่มคุยกันเสียที” มารดาเอ่ยเสียงเย็น พิมพ์ลภัสจำต้องขยับเท้าเดินมานั่งลงตรงข้ามภีรมัตเพราะว่างตรงนั้นพอดี

“สวัสดีค่ะลุงหมอ ป้าเพ็ญ” เธอไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง ก่อนจะหันมาไหว้ภีรมัต เขารับไหว้เธอนิ่งๆ

“เรากำลังตกลงว่าจะจัดงานเมื่อไหร่ดี” ป้าเพ็ญพูดกับเธอ พิมพ์ลภัสยิ้มให้ผู้ใหญ่ทั้งสอง “เมื่อเช้าระหว่างรอตาภีมไปทำธุระ ป้ากับลุงหมอก็เลยไปหาหลวงพ่อให้ท่านดูฤกษ์ดีให้ อีกสามเดือนถึงจะมีฤกษ์ดีนะแม่ทิพย์ คุณบรรพต” ท้ายประโยคหันไปบอกกับบิดามารดาเธอ

พิมพ์ลภัสก้มหน้าฟังอย่างเดียว นานครั้งจะเงยมองผู้ใหญ่และเขาสักหน ภีรมัตหันมาสบตาพอดี รู้สึกว่ามือตัวเองจะเย็นขึ้นเรื่อยๆขณะที่ใบหน้าร้อนผ่าว มือไม้เกะกะไปหมดยามที่ถูกสายตาคมกริบสีนิลจับจ้อง เธอชักหงุดหงิดตัวเองที่ปล่อยให้ภีรมัตมีอิทธิพลต่อหัวใจมากเกินไป ก่อนจะทำหน้างอหงิกไม่สบใจเท่าใดนัก

เสียงถอนใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าจากร่างบางระหว่างที่พูดคุยเรื่องงานแต่ง ทำให้รู้ว่าเธอทุกข์ใจไม่น้อย เธอไม่อยากแต่งงานกับเขา นั่น!มันทำให้ภีรมัตโกรธ

“ผมว่าเราอย่ารอฤกษ์เลยดีกว่า เดือนหน้าผมมีเปิดกล้องละครเรื่องใหม่ ถึงตอนนั้นคงไม่มีเวลา อีกสามอาทิตย์ เป็นวันเกิดผม เลือกวันนั้นเลยแล้วกันครับ” เขาสรุปเองเสร็จสรรพหลังจากที่นั่งฟังผู้ใหญ่ถกเถียงกันเรื่องวันและเวลามาพักใหญ่ พิมพ์ลภัสมองเขาตาค้าง จะแย้งก็พูดไม่ออก

“ดี ยิ่งเร็วยิ่งดี ชาวบ้านจะได้เลิกนินทาสักที มีลูกสาวเหมือนมีซ้วมอยู่หน้าบ้าน ผิดคำโบราณซะที่ไหน” คุณหญิงปานทิพย์เอ่ยเสียงกร้าวหันมามองบุตรสาวหน้าตึง

“งั้นก็ตกลงตามนั้น” บิดาเอ่ยสรุปปิดท้าย

“เรื่องสินสอดทองหมั้น กันจะจัดให้สมเกียรติสมฐานะหนูพิม ขอบใจมากเพื่อนเกลอที่ยกหนูพิมให้มาเป็นลูกสาวกันจริงๆเสียที” นายแพทย์ประจักษ์เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

ดูเหมือนทุกคนจะมีความสุข..ยกเว้นเธอ พิมพ์ลภัสเครียดจนหน้ายุ่งคิ้วพันกันจนแทบจะผูกเป็นโบว์กลางหน้าผาก ภีรมัตเองก็ไม่ต่างจากเธอ สีหน้าเขาตอนนี้ ทั้งตึงทั้งเคร่งขรึม คงจะทุกข์ทรมานใจเช่นกัน

ภีรมัตเพ่งพิศใบหน้าหวานคิ้วขมวดยุ่งด้วยความหงุดหงิดใจ เธอแสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการให้มีงานแต่งงานระหว่างเขากับเธอเกิดขึ้น แต่เพราะเกรงใจผู้ใหญ่ถึงได้นั่งนิ่งไม่โวยวาย ถ้าตอนนี้ยังอยู่ที่ตรัง คนหัวดื้อรั้นอย่างพิมพ์ลภัสหรือจะทนนั่งนิ่งโดยไม่เอะอะโวยวายอะไร

หลังจากที่ตกลงเรื่องวันเรียบร้อยแล้ว ภีรมัตก็ขอตัวแยกออกมาก่อน เขาอ้างว่าปวดศีรษะ ส่วนเรื่องสถานที่และงานพิธีต่างๆปล่อยให้ผู้ใหญ่ดำเนินการตามความเหมาะสมได้เลยไม่ต้องรอเขา พิมพ์ลภัสกลับขึ้นห้องเช่นกัน ทิ้งให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายหารือกันตามสบายขนาดว่าที่เจ้าบ่าวยังไม่ใส่ใจ แล้วเธอจะนั่งอยู่ทำไมกัน จากที่คิดว่าง่วงจนแทบจะฟุบตอนขับรถกลับ แต่พอมาเจอเรื่องนี้เข้าก็ทำให้หลับไม่ลง สมองทำงานไม่หยุดหย่อน จบเรื่องนี้กระโดดไปเรื่องนั้นไม่สิ้นสุด

เธอนึกถึงอดีตที่เคยมีความสุขในวัยเด็ก จนวันที่เขาหายไปจากชีวิตพักใหญ่...ใหญ่จริงๆเพราะกินเวลาถึงเจ็ดปี และกลับมาอีกครั้งพร้อมกับแสดงตัวเป็นจอมบงการสารพัดเรื่อง ตั้งแต่เรื่องของจุลกานต์ งานถ่ายปกพราวที่สั่งเสียงเฉียบ ไม่ให้เข้าวงการบันเทิง เรื่องเล็กๆน้อยอย่าง..กินยาซะ นอนซะ สารพัดที่เขาเผด็จการกับเธอ แม้แต่เรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตอย่างการแต่งงาน..เขาก็ยังออกคำสั่ง มีอภิสิทธิ์เหนือหัวใจเธอทุกอย่าง แล้วมันก็เชื่อฟังซะด้วย เธออยู่แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว เขาจะกลับมาให้ปั่นป่วนวุ่นวายใจทำไมกัน

ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาเกือบสิบปี หัวใจเธอไม่เคยมีใครนอกจากเขาผู้เดียว แต่ไม่เคยต้องทุกข์ร้อนอะไรกับการแอบรักเขาเงียบๆในมุมของตัวเอง มีความสุขดีกับการได้เห็นเขาในจอแก้ว จนวันที่เขาปรากฏตัวอีกครั้ง ทำให้หัวใจที่เคยเต้นเป็นปกติไม่สงบสุขอย่างเคย ร้อนรุ่มทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา ทุกข์มากขึ้นเรื่อยๆกระทั่งเกาะกุมจิตใจจนหนักอึ้ง

น้ำตาที่คิดว่าแห้งเหือดไปแล้วไหลลงมาอีกครั้งอย่างไม่รู้จักพอ แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เธอจะไม่ยอมให้ภีรมัตบงการหัวใจเธอได้อีกต่อไป
------------------------------------------------------------------------------*----------------------------------------------------------------------

อีกฝั่งในมุมโปรด เงาร่างสูงภายใต้แสงสลัวจากหลอดไฟด้านล่างไม่ต่างกัน แววร้าวลึกปรากฏชัดเต็มดวงตาเพราะความทุกข์ใจเมื่อนึกถึงสายตาคู่งามที่ฉายชัดไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ เธอปฏิเสธเขาแม้ไม่เอ่ยเป็นคำพูด แต่อ่านจากสีหน้าและแววตา คิ้วเรียวผูกเป็นปมกลางหน้าผากไม่พอใจที่เขารวบรัดตัดความกำหนดวันแต่งแบบสายฟ้าแลบ

พิมพ์ลภัสรักจุลกานต์งั้นหรือ เพียงแค่คิด หัวใจก็คล้ายจะหยุดเต้น ปวดหนึบทั่วสรรภางค์กายจนแทบหายใจไม่ออก ที่ขอแยกตัวกลับมาก่อนเพราะไม่อาจทนต่อสายตาไม่เห็นด้วยจากพิมพ์ลภัสได้ เขานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งออกจากบ้านโน้นมา บรั่นดีในมือแก้วแล้วแก้วเล่าถูกสาดลงคออย่างไม่รู้จักพอ

หลายวันที่ผ่านมา เขาเฝ้าถามตัวเองว่าปล่อยพิมพ์ลภัสไปหาคนที่เธอรักจะได้รึเปล่า ทว่าคำตอบที่ได้กลับมาซ้ำๆก็คือไม่ เขาไม่อาจทนต่อความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญไหว จึงคิดจะใช้ทะเบียนสมรสผูกมัดตัวเธอให้อยู่กับเขาไปตลอดชีวิตแม้ไม่ใช่เจ้าของหัวใจก็ตามที เขาจะเก็บพิมพ์ลภัสไว้แต่เพียงผู้เดียว จะไม่ยอมเสียเธอให้กับใครหน้าไหนทั้งนั้น

ภีรมัตละสายตาจากแก้วบรั่นดีในมือ นัยน์ตาแดงก่ำทุกข์ระทมในมุมมืดเงียบๆ เหลือบไปบ้านโน้นเมื่อไม่อาจห้ามใจได้ เห็นร่างบางในชุดนอนสีขาวริมระเบียงและเธอกำลังมองมาทางเขาเช่นกัน จากระยะห่างเพียงแค่นี้ แต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่ามันไกลราวกับอยู่กันคนละซีกโลกทีเดียว
------------------------------------------------------------------------*---------------------------------------------------------------------------

ข่าวภีรมัตกำลังจะแต่งานแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้จัดแถลงข่าวแต่อย่างใด ทว่ากลับเป็นทางต้นสังกัดที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลนี้เพราะไม่อยากปิดบังทางออแกไน ถ้ามารู้ภายหลังอาจเกิดการฟ้องร้องได้ หลายคนงงเป็นไก่ตาแตก เพราะเจ้าสาวไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งที่เคยเป็นข่าวกับเขา แต่กลับเป็นไฮโซสาวอย่างพิมพ์ลภัสที่กลายเป็นม้ามืด คว้าภีรมัตไปเป็นเจ้าบ่าวหน้าตาเฉย

งานแต่งถูกกำหนดขึ้นแบบสายฟ้าแลบ สื่อจึงถึงบางอ้อ..ว่าที่จุลกานต์ถูกปฏิเสธงานหมั้นเพราะไฮโซสาวมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระเอกหนุ่มยอดนิยมอย่างภีรมัต และอาจจะป่องก่อนแต่งถึงกับต้องจัดงานวิวาห์แบบปัจจุบันทันด่วน บางข่าวเขียนประณามพิมพ์ลภัสว่าเป็นนางวันทองสองใจ ทั้งที่กำลังจะหมั้นกับจุลกานต์แต่กลับเงียบหายไปเฉยๆและแสดงตัวอีกครั้งพร้อมการ์ดแต่งานที่มีพระเอกเบอร์หนึ่งอย่างภีรมัตนั่งแท่นเจ้าบ่าว

บางฉบับบอกว่าพิมพ์ลภัสเป็นมือที่สามที่ทำให้ความรักระหว่างสิตาภาและภีรมัตมีอันต้องจบลงทั้งที่ทั้งคู่คบหากันมานานปี นี่รึเปล่า..ที่ทำให้สิตาภาตัดสินใจออกมาประกาศยุติความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับภีรมัตก่อนที่เรื่องจะแดงเพียงสองอาทิตย์ งานนี้ทั้งจุลกานต์และสิตาภาจึงได้รับคะแนนความเห็นใจไปอย่างท่วมท้นโดยไม่ต้องทำอะไรเลย

ภีรมัตเองก็เก็บตัวเงียบ ครั้นสื่อถามถึงเรื่องแต่งงาน เขาก็มักจะตอบเพียงสั้นๆพร้อมรอยยิ้มบางเบาแล้วปลีกตัวออกจากวงล้อมนักข่าวทุกครั้งไป เพราะไม่อาจทนฟังคำถามปวดใจทั้งหลายแหล่ได้ กลับกลายเป็นจุลกานต์ที่ออกมาแถลงข่าวปกป้องว่าที่เจ้าสาวของภีรมัตซะเอง

เขาทนเห็นข่าวที่ทำให้พิมพ์ลภัสเสื่อมเสียต่อไปไม่ไหวเพราะมันไม่ใช่ความจริงทั้งที่เป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ และก็ได้รับความเห็นอกเห็นใจมากมายจากการถูกแย่งว่าที่คู่หมั้นไป แต่พิมพ์ลภัสเป็นคนดีเกินกว่าจะต้องมาประสบพบเจอกับข่าววิพากษ์วิจารณ์ที่ทำลายภาพพจน์จากหนังสือพิมพ์สำนักต่างๆที่ประโครมออกมาไม่ว่างเว้น และเขาก็มีส่วนผิดที่ทำให้พิมพ์ลภัสเกิดข้อครหา จึงจัดแถลงข่าวในวันนี้

จุลกานต์ชี้แจงตามความจริง ตั้งแต่เรื่องที่พิมพ์ลภัสต้องหมั้นกับเขาเพราะสาเหตุใด คลิปที่ถูกมือดีนำมาปล่อยในวันนั้นมันทำให้พิมพ์ลภัสใช้ชีวิตลำบาก ทั้งที่วันนั้นพิมพ์ลภัสไม่ได้อยู่เพียงลำพังกับเขา แต่ยังมีสิตาภาและภีรมัตร่วมด้วยเพียงแค่ไม่เข้าใจว่าคนที่ถ่ายคลิปต้องการทำลายพิมพ์ลภัสทำไม เขาจึงคุยกับพิมพ์ลภัสแล้วตกลงว่าจะหมั้นกันชั่วคราวเท่านั้น พอเรื่องซาลงเมื่อไหร่ ก็จะคืนอิสรภาพให้เธอทันทีโดยไม่มีข้อแม้

เสียงพูดคุยอื้ออึงดังอยู่เบื้องล่างหลังจากชี้แจงจบ นักข่าวยังถามกลับมาอีกว่า..ที่ผ่านมาเขากับพิมพ์ลภัสควงกันออกสื่อบ่อยครั้งไม่ได้คบหาดูใจกันอยู่หรือ

“เปล่าครับ พิมเห็นผมเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น เธอปฏิเสธผม แต่ผมเป็นพวกหัวรั้นฮะ จึงไม่ยอมรับความจริง พิมมีคนที่รักอยู่แล้วครับ” เขาตอบนัยน์ตาเศร้าสร้อย เสียงซุบซิบจากสื่อมวลชนด้านล่างดังขึ้นอีกระลอกก่อนจะมีนักข่าวปากกล้าถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้

“คุณจุ๊นพอจะทราบมั้ยคะ ว่าคนที่คุณพิมพ์ลภัสรักเป็นใคร”

จุลกานต์ยิ้มให้นักข่าวคนดังกล่าว เป็นคำถามที่กระแทกใจเขาเต็มแรง ทว่าก็ยอมตอบในที่สุด แม้จะเจ็บปวดที่รู้ว่าพิมพ์ลภัสต้องเข้าพิธีวิวาห์กับภีรมัต แต่กลับยินดีมากกว่าที่เธอจะได้ใช้ชีวิตคู่กับคนที่ตัวเองรักเสียที

“คนรักของพิมหรือครับ...แน่นอนต้องเป็นคนที่เธอจะแต่งงานด้วยสิครับ ผมขอยืนยันว่าสิ่งที่พูดในวันนี้ เป็นความจริง เข้าใจถูกต้องตรงกันแล้วนะฮะ ผมขอจบการแถลงข่าวเพียงเท่านี้ ขอให้พี่ๆนักข่าวเลิกเขียนข่าวที่ทำให้พิมพ์ลภัสเสื่อมเสียสักที อย่าหาผลประโยชน์จนมองข้ามความรู้สึกเธอ ขอบคุณครับ” พูดจบจุลกานต์ก็ลุกจากเก้าอี้ทันที พร้อมกองทัพนักข่าวที่ยังมีข้อข้องใจอยู่ตามมายิ่งคำถามไม่เลิกรา ทว่าเขาก็ไม่พูดอะไรเพิ่มเติม
---------------------------------------------------------------------*-------------------------------------------------------------------------------

ภีรมัตกลับมาที่ตรังอีกครั้งหลังจากคุยเรื่องกำหนดการและงานพิธีต่างๆกับผู้ใหญ่ทางฝ่ายพิมพ์ลภัสเสร็จเรียบร้อย และกลับไปอีกครั้งในวันลองชุดเจ้าบ่าว จากนั้นก็ตีรถกลับตรังในเช้าวันรุ่งขึ้น ออกจากกรุงเทพฯตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง

เขาจำภาพวันลองชุดได้ดี ใบหน้าหวานซึ้งในชุดสีขาวเปลือยไหล่อวดผิวสีน้ำผึ้งอ่อนน่าสัมผัส ประทับตรึงกลางใจเขา เธอสวยราวเจ้าหญิงน่าทะนุถนอมไปทั้งตัว เขาอยากดึงมือที่สอดไว้ในกระเป๋ากางเกงออกแล้วคว้าร่างบางมาสวมกอดให้สมปรารถนา ทว่าไม่อาจทำได้ จากแววตาเฉยชาว่างเปล่าที่มองสบเขาในวันนั้น ทำให้เขาไม่กล้าพอที่จะทำอย่างใจนึก

ภีรมัตนั่งนิ่งริมระเบียงพร้อมแก้วที่มีน้ำสีอำพันลอยพร่องไปเกือบค่อนแก้วตั้งแต่ลงจากรถ ความทรงจำวันวานไหลย้อนมาในห้วงคำนึง มองไปทางไหนก็เห็นเพียงร่างบางในทุกที่ โขดหินริมผา หน้าหาดทรายสีขาวนวลหรือแม้แต่ตรงนี้...ริมระเบียงที่เขานั่งอยู่ มีเพียงภาพของสาวน้อยที่ลอยเด่นชัดอยู่ในหัวใจ

วันวิวาห์ใกล้เขามาทุกขณะ แม้จะยินดีที่จะได้เป็นเจ้าของเธอเต็มตัว ทว่าบนใบหน้ากลับปรากฏเพียงแววเจ็บปวดร้าวลึกมากกว่าความสุขสมหวัง มือหนายกแก้วเหล้าสาดลงคอจนหมด แก้วที่เท่าไหร่ไม่อาจรู้ได้

-------------------------------------------------------------------------*---------------------------------------------------------------------------

มาให้เครียดกันต่อค่า..สำหรับตอนนี้

ตอบเม้น

คุณร้อยวจี...ใกล้ถึงตอนจบแล้วนะคะ นางร้ายไม่ร้ายอย่างที่คิดหรอกค่ะ

คุณเคสิยาห์...ความกล้ายังไม่มากพอสำหรับภีรมัตค่ะ

คุณกาสะลองพลัดถิ่น...ต้องรอดูค่ะ

คุณZia...เป็นได้

คุณChaCha...หายไปนานเลยนะคะ ยินดีต้อนรับกลับสู่บ้านรจนาไฉนค่ะ

สุดท้าย....ขอให้นักอ่านสุขภาพแข็งแรงค่ะ

By.รจนาไฉน





รจนาไฉน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 มี.ค. 2558, 08:53:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 มี.ค. 2558, 08:53:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1575





<< บทที่ 30 จอมบงการ   บทที่ 32 เหินฟ้า >>
Zia 20 มี.ค. 2558, 09:03:21 น.
เห้ออออ พี่ภีมจะปากหนักจนจบเรื่องเลยป้ะคะ


เคสิยาห์ 20 มี.ค. 2558, 11:01:26 น.
สมกับเป็นพระเอกเบอร์หนึ่งนะ ถนัดแต่เรื่องมโน มโนเข้าไป หรือว่าจะเก็บไว้บอกเจ้าสาววันแต่งงานจร๊ะ พ่อพระเอ๊กกกก


กาซะลองพลัดถิ่น 20 มี.ค. 2558, 15:27:10 น.
เฮ้อ ความเป็นสุภาพบุรษมันทำได้แค่ในบางเรื่องเท่านั้นน่ะ แล้วนี่ปล่อยให้คนที่ตัวเองรักโดนว่าโดนยำ
อนู่นั้นแหละ ทำไมไม่ออกมาพูดอะไรเลย กลายเป็นว่านางกากีตัวจริงได้คะแนนไปซะนี่........เป็นให้มัน
ถูกเวล่ำเวลาหน่อยได้ไหม ....เป็นใครก็ไม่อยากแต่งงานกับแค่ต้องการรับผิดชอบหรอกนะ ......(อินจัด )


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account