บทเรียน (รัก) นอกตำรา
นพมัลลี นักศึกษาฝึกสอนที่จบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน

นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก

แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้

มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่

Tags: นพมัลลี ตุนท์ คมิก พิชญ์ปรีชา

ตอน: บทที่ 23 : สอนทอดปลา

บทที่ 23

“เธอเติบโตขึ้นมาได้ยังไง”

คำถามแรกของตุลาหลุดปากออกมาหลังจากที่นางถามไปหลายคำถาม นพมัลลีตอบออกมาอย่างเปิดเผย หลายครั้งยามฟังปากที่เคยปิดสนิทจะอ้ากว้างขึ้นทีละนิด จนไม่รู้ว่าพอฟังจบถึงตอนที่ลูกสาวของนพมัลลีเลือกแม่แท้ๆ แล้วนั้น ปากที่อ้ากว้างก็อ้าออกราวๆขนาดหนึ่งนิ้ว ตุลารีบหุบปากให้สนิทหลังได้สติ ส่ายหน้าไม่อยากเชื่อว่าในชีวิตของคนๆ หนึ่งจะถูกกระทำจากคนรอบข้างไม่น้อย ที่สำคัญเลยก็คือแววตาของหญิงสาวผู้นี้ทระนงตน และยังมีสติครบถ้วนดี

“หลายครั้งสมัยเด็ก ฉันภาวนาให้ฉันบ้าตายวันละหลายๆ หน ฉันเคยไปยืนอยู่ที่สูงๆ มองลงมาบนพื้น เคยฝันว่าถ้าบินไม่ได้ ก็ลองทิ้งดิ่งลงมาดีไหม หรือแม้แต่ลองใช้ชีวิตประมาท ให้เกิดเหตุร้ายกับตัวเอง” นพมัลลียิ้มหยัน นึกถึงชีวิตอันว่างเปล่าก่อนจะมีนวมลลิ์เธอยังจำความรู้สึกขมปร่าในหัวใจได้ไม่เลือน “แต่ฉันก็ได้แต่ถามตัวเอง ถ้าฉันจากไป ยังมีใครนึกถึง หรือรับรู้ความเป็นไปของฉันล่ะ คำตอบคือไม่ ในเมื่อไม่มีใครสนใจฉัน ทำไมฉันยังต้องสนใจโลกใบนี้ ฉันใช้ชีวิตในแบบที่ฉันอยากทำ ไม่มีจุดมุ่งหมาย ต่อให้ทั้งโลกจะทิ้งฉันไป แต่ฉันจะไม่ทิ้งลมหายใจของฉันให้กับคนที่ไม่เคยมองเห็นค่าฉันเด็ดขาด มันสูญเปล่าค่ะ”

นพมัลลีกุมมือตัวเองบีบไว้แน่น เธอบอกตัวเองเสมอว่าสามารถให้อภัยกับเรื่องในอดีตได้ แต่ความเจ็บปวดก็ยังคอยกวนจิตใจให้เธอทรมานทุกครั้งที่หลับตานึกถึง ภาพความลำเอียงในครอบครัว ภาพที่ตัวเองต้องทนถูกขังอยู่ในห้องมืดเงียบๆ คนเดียว คอยรองรับอารมณ์ทุกคนในบ้าน คอยใช้ของมือสองต่อจากมัลลิยาหลังจากที่อีกฝ่ายเลิกใช้ เธอเคยคิดว่าถึงช่วงหนึ่งน้นจะแย่ เธอก็ยังหลงเหลือลุงทวิช ผู้ชายที่เข้าใจเธอที่สุดในโลก เขานำศิลปะมาสู่ชีวิตของเธอ ให้รู้จักการปลดปล่อยอารมณ์ไปบนผืนผ้าใบและกระดาษ แต่วันนี้เขาคนนั้นกลับทำให้เธอโกรธเสียยิ่งกว่าบุคคลที่ทำร้ายเธอมาทั้งชีวิตอีก คนที่ทำดีมาตลอด คือคนที่ทิ้งลูกไป

ความเข้มแข็งที่มีหลักฐานทางความรู้สึกซึ่งเกิดจากการผ่านอุปสรรคในชีวิตมาไม่น้อยของนพมัลลีคือสิ่งที่ตุลารับรู้ว่านั่นทำให้ลูกชายของนางเกิดอาการอยากปกป้องดูแลอีกฝ่าย

“เหนื่อยไหม นพมัลลี”

“คะ?” หญิงสาวกะพริบตาไม่เข้าใจในคำถามที่ดูไร้ที่มาที่ไป

“ที่ผ่านมา เหนื่อยมากไหม”

น้ำเสียงอ่อนโยน กอปรกับใบหน้าที่ถ่ายทอดว่าเป็นห่วงของตุลาทำให้ความเข้มแข็งที่นพมัลลีเคยสร้างไว้เป็นเกราะกำบังความอ่อนแอของตัวเองพังทลายลงจนไม่เหลือ ก้อนรื้นแข็งไหลเอ่อรวมกันตรงลำคอ ดวงตาทอหยาดน้ำออกมาเป็นประกาย ก่อนที่มันจะร่วงลงมาทีละหยด ไม่มีคำพูดใดเล็ดรอดออกมา ในเมื่อถึงคราวที่นพมัลลีจะพูดไม่ออกบ้างแล้ว

“ฉันน่าจะรู้เรื่องของเธอให้เร็วกว่านี้นะ” ตุลาพูดเสียงทดท้อ นางลุกขึ้นยืนเดินอ้อมเก้าอี้มาโอบร่างบอบบาง ที่วันนี้นางรู้สึกว่านพมัลลีไม่ได้พยายามยืดไหล่ตรงสง่าอย่างแต่ก่อนอีกแล้ว “ฉันจะได้ไม่ใจร้ายกับเธอ แค่นี้เธอก็เจอคนใจร้ายมามากพอแล้ว”

ต่อให้ทั้งชีวิตของนพมัลลีจะเติบโตมาในบ้านที่มีพ่อแม่ แต่เธอไม่เคยได้รับความอ่อนโยนอย่างนี้จากมะลิมาก่อน หญิงสาวหลุดเสียงสะอื้นออกมา ถึงนาทีนี้เธอรู้แล้วว่าลึกๆ ในใจเธอต้องการเพียงแค่ใครสักคนที่เข้าใจจริงๆ ใครที่ให้ความรู้สึกเหมือนแม่ที่เธอไม่เคยจดจำหน้า หรือความรู้สึกยามมีท่านได้

ฝ่ามือของผู้ผ่านวันเวลามามากลูบศีรษะผู้เยาว์กว่าอย่างแผ่วเบา อยากให้มือของนางทุเลาความเจ็บปวดในใจนพมัลลีได้บ้าง “ลองร้องไห้ออกมาบ้างก็ได้ ไม่ต้องแกร่งหรือเข้มแข็งตลอดเวลา แล้วซุกซ่อนบาดแผลกดลึกไว้ในใจ ระบายมันออกมาจนกว่าจะหมด เวลานึกถึงเรื่องพวกนั้นจะได้ไม่ต้องเจ็บอีก ตอนนี้เธอมีตุนท์ ลูกชายของฉันที่รักเธอมาก มีลูกสาวที่น่ารักที่สุดท้ายก็เลือกเธอ” ตุลาหยุด ยิ้มบนหน้าที่นพมัลลีไม่ได้แหงนขึ้นมามอง “และเธอยังมีฉัน ที่จะเป็นแม่ของเธอ ที่ผ่านมาเธอจะเป็นยังไงก็ช่างมันสิ วันนี้ ตอนนี้ เธอเป็นครูที่เก่ง ลูกศิษย์รัก เป็นแบบอย่างให้พวกเขา จับจูงพวกเขาไปในทางที่ถูกได้ มันเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมาก ทั้งยังเป็นแม่ที่ดี ขนาดเธออยู่ในฐานะของน้า ลูกก็ยังรับรู้ความรักของเธอได้ เธอเก่งจริงๆ นพมัลลี”

“ฉันไม่ได้อยากให้ใครมาสงสารฉันนะคะ” นพมัลลีพูดเสียงอู้อี้จากการสะอื้นไห้

ตุลาย่นหัวคิ้ว ปล่อยร่างที่ยังฟูมฟายออก ขัดใจในความปากแข็ง ไม่ยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอของนพมัลลี “ก็เพราะเธอคิดว่าแกร่งน่ะสิ ตุนท์ถึงได้เป็นห่วงยิ่งกว่าเดิม ไม่รู้ว่าตอนไหนที่เธอต้องการเขาจริงๆ บางครั้งการยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอบ้าง ก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าในตัวเองลดลงหรอกนะ ตรงกันข้ามเลย ในช่วงเวลาที่เธออ่อนแอ เธออาจพบว่ามีใครที่จะอยู่กับเธอ พร้อมปลอบ ดูแลกันได้”

“ที่ผ่านมาฉันไม่เคยพบว่ามีคนประเภทนั้นอยู่เลยนี่คะ” นึกถึงตอนที่เธออ้อนวอน หรือขอออกมาจากห้องมืดหลังโดนขัง ไม่มีใครที่จะฟังเสียงเธอสักคน

ตุลากอดอก เชิดหน้าขึ้น “ตอนนี้เธอก็มีลูกชายฉัน ลูกสาวตัวเอง แล้วก็ฉันอีกคนแล้วไง ลูกเพิ่มความเข้มแข็งให้กับเธอ เธอก็ให้ลูกชายฉันเพิ่มความรักให้กับเธอสิ แล้วก็เพิ่มฉันเป็นแม่ของเธออีกคน” นางอดไม่ได้ที่จะปรายตามองใบหน้าราบเรียบที่เลิกร้องไห้ได้เร็วเหลือเกิน เหลือเพียงคราบอยู่สองข้างแก้มที่เจ้าของน้ำตาไม่ได้คิดเช็ดออก

“ทำไมคุณถึงไม่สมเพชอดีตของฉันคะ ฉันไม่ใช่คนสะอาด ไม่ใช่คุณหนูที่รวยเงิน ไม่มีหน้าตาทางสังคม ครอบครัวก็มีปัญหา ฉันไม่มีคุณสมบัติอะไรที่คุณเคยว่ามาเลย”

คนฟังสะอึก ก่อนจะหัวเราะเบาๆ น้ำตาซึมกับชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าในชีวิตพบกับความสุขอยู่กี่เรื่อง “คนพวกนั้นโชคดีกันมาทั้งชีวิตแล้ว แต่เธอไม่ใช่ ฉันไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าฉันอยากให้ลูกชายพบคนที่คู่ควร เท่าเทียม อยู่ข้างเขาแล้วจะไม่มีคำใครมานินทา” ตุลาแตะไหล่บอบบาง “แต่ค่าของคนไม่ได้วัดที่ปริมาณทรัพย์สินที่พ่วงท้าย หรือนามสกุลหรูหราโบราณ แต่มันอยู่ที่บุคคล ของนอกกายสร้างขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จิตใจ ยิ่งคนที่เข้มแข็งแบบเธอด้วยแล้ว หาไม่ได้ง่ายๆ นักหรอก”

“คุณตุลาคะ...”

“เรียกฉันว่าแม่สิ ให้ฉันเป็นแม่ของเธอเถอะนะ ให้เธอมีบ้านที่อยากกลับ มีคนที่อยากปรึกษาเวลาที่มีปัญหา ให้ฉันกับตุนท์เป็นครอบครัวเธอเถอะ”

อีกครั้งที่น้ำตาค่อยๆ ร่วงหล่น นพมัลลีพูดไม่ออกขณะที่อ้าแขนรับอ้อมกอดที่เธอเฝ้ารอมาทั้งชีวิต อาจเพราะปมลึกในใจที่เธอรู้สึกได้ถึงปัญหาที่มีระหว่างเธอ พ่อแม่ และพี่สาว การมีนวมลลิ์จึงคล้ายกระจกที่เธอเฝ้ามองอยู่ตลอด สิ่งใดที่พ่อแม่เคยทำกับเธอ หญิงสาวจะไม่ทำกับลูก สิ่งใดที่เธอเคยขาด เคยไม่มี เธอจะมอบให้ลูกจนหมดสิ้น เธอไม่ปรารถนาจะให้ลูกพบเจอความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวที่อยู่หรือตายไม่ต่างกันเช่นเธอ จนลืมที่จะรักษาเยียวยาความรู้สึกของตัวเองมาตลอด เพียงแค่คิดว่าไม่เป็นไรผ่านมาแล้ว แต่ตะกอนลึกในใจกลับยังตรึงแน่น และซ่อนไว้ในใจของเธอไม่เคยจากไปไหน

กระทั่งเธอได้พบกับตุนท์ ผู้ชายคนนั้นมากะเทาะเปลือกของเธอออก ค่อยๆ พาเธอออกมาจากเงามืด มาเจอแสงสว่าง เจอที่พึ่งที่เธอมีอย่างจำกัดจำเขียดบนโลกนี้ ทั้งยังมาเธอมาพบแม่ของเขา ซึ่งหยิบยื่นอ้อมแขน และความรักมาให้เธอ...ทดแทนความรักของแม่ที่เธอไม่เคยรู้จักจริงๆ มาก่อน



ภายในครัวเสียงคนสองคนที่สอนกัน มีต่อว่าเหน็บแนมตามประสาคุณตุลา แต่ไม่ได้น่าเครียดหรือกังวลเลย ตุนท์นั่งอยู่หน้าห้องครัว เคลื่อนโต๊ะกับเก้าอี้มาตั้ง ขนเกมกระดานที่เขาเคยซื้อมาให้บลินด์เล่นเมื่อหลายปีก่อนมาตั้งเล่นกับนวมลลิ์ เกมวางแผนธุรกิจที่ใช้ดวงบวกกับสมองในการเก็งว่าจะซื้อในจุดที่ผ่านหรือไม่ และยังมีการเล่นหุ้น กู้เงิน ตุนท์สอนนวมลลิ์ และทดลองเล่นให้ดูไม่ถึงรอบดี เด็กหญิงก็ลองเล่นบ้าง บรรยากาศที่เด็กหญิงกำลังจดจ่อกับการทอยลูกเต๋า ตุนท์จึงแอบเหลือบมาดูภาพผู้หญิงในชุดผ้ากันเปื้อนจับตะหลิวพลิกปลาทอดอย่างเก้ๆ กังๆ อย่างสงสาร เขามีเสน่ห์ปลายจวักก็เพราะแม่จับเขข้าครัวแต่ย่างวัยรุ่น ท่านกลัวว่าในอนาคตเขาไปเรียนต่อไกลๆ แล้วจะคิดถึงอาหารไทย หาซื้อทานไม่ได้ จึงสอนเขาทำเสียเลย

“แค่ทอดปลา กลัวน้ำมันกระเด็นไปได้ นี่มันไม่เจ็บนักหรอก หรือจะปล่อยให้กระเด็นใส่ตัวหน่อยก็ได้ มีแผลบ้างจะได้จำ” ตุลาเอ็ดเสียงดุ ก่อนจะต่อท้ายในประโยคที่คนจับตะหลิวฟังแล้วเกือบปล่อยอาวุธในมือร่วง “เกิดวันข้างหน้าลูกชายฉันอยากทานอาหาร เธอจะปล่อยให้เขาทำอย่างเดียวหรือไง หรือจะรอให้ตัวเล็กเขาโตมาทำให้แม่กินเลยล่ะ”
“ตัวเล็กไม่ชอบเข้าครัวค่ะ” เสียงเล็กเจื้อยแจ้วตอบเพราะหูยังได้ยินบทสนทนาผู้ใหญ่ อาศัยช่วงที่ตุนท์ไม่สนใจกระดานแอบวางลูกเต๋าให้ได้หมายเลขที่จะพาตัวหมากของเธอไปในช่องโชคดี

นพมัลลีกับตุนท์หลุดหัวเราะในความแสบสันต์ของนวมลลิ์ ส่วนหนึ่งเพราะต่างรู้ว่านวมลลิ์ช่วยตอบเพราะไม่อยากเห็นแม่ถูกต่อว่าเพียงฝ่ายเดียว ตุลามองค้อนเด็กหญิง ก่อนจะทำเสียงฮึดฮัดในคอ ไม่ยอมแพ้เด็กเจ็ดขวบง่ายๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็ฝากความหวังไว้กับลูกคนต่อมาก็ได้สิ”

“ตัวเล็กไม่มีน้อง ไม่อยากมีค่ะ” นวมลลิ์กอดอก หน้าบึ้งตึง

ตุลาเลิกสนใจสอนนพมัลลีทำครัว เดินอาดมาเท้าสะเอว วางมาดใส่หน้าเด็กน้อยที่มีฤทธิ์เหลือร้าย นางเอ็นดูในความฉลาดน่ารักของนวมลลิ์ก็จริงอยู่ แต่จะให้ยอมลงให้ในเรื่องที่นางไม่เห็นด้วยล่ะไม่มีทาง นางต้องรักษาสิทธิ์ให้เลือดเนื้อของตุนท์

“ต้องมี และเธอก็ต้องรีบยอมรับเร็วๆ ด้วย อาจจะมีอีกสองคน สามคน เธอก็ต้องทำตัวเป็นพี่คนโตดีๆ”

“ไม่เอา ตัวเล็กไม่ต้องการ” ร่างเล็กดิ้นปัดป่ายไม่ยอม ท่าทีเด็กขัดใจแสดงออกมาอย่างไรการแสดง นพมัลลีถึงกับถือตะหลิวค้าง และสบตากับตุนท์อย่างงงงัน เธอเองรู้สึกประหลาดใจกับท่าทางเป็นเด็กเอาแต่ใจของนวมลลิ์ ปกติเด็กหญิงจะว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อ ใครอยู่ใกล้ก็รัก ไม่ต้องพูดถึงการลุกขึ้นมาวางมวยกับคู่ชกต่างรุ่น ต่างวัยขนาดนี้เลย

“คือ...” นพมัลลีอยากจะแทรกบทสนทนา แต่ไม่ทันตุลาที่พูดรัวเร็วกว่า

“ดิ้นไปเถอะ ตอนที่เขาจะมีน้อง เธอไปห้ามเขาได้ที่ไหน มันเป็นเรื่องของพ่อตุนท์แม่ลีเขา”

ตุนท์ตาเหลือก ยกมือกุมขมับ เขาเครียดกว่าอาย แม่เขาก็เหลือร้ายเอาเรื่องแบบนี้มาพูดกับนวมลลิ์ที่อายุเพิ่งเจ็ดขวบได้ ถึงท่านจะอยากเอาชนะคะคานเด็ก ก็ไม่น่าจะเถียงไปมาอย่างนี้

“แม่ครับ...”

“เงียบไปเลยตุนท์ เรื่องอื่นแม่ยอมได้ แต่เรื่องหลานคนที่สอง คนที่สามแม่ไม่ยอม ต้องมี ถ้ามีไม่ได้ เงินมรดกสักบาทก็ไม่ต้องเอา” ตุลาเห็นเด็กหญิงที่เสียเปรียบในการศึกน้ำลายกำลังอ้าปากเตรียมแผดเสียงไม่ยอม คนแก่กว่าก็รีบชี้นิ้วทำปากฮึบ “แค่นี้ทนไม่ได้หรือไง เข้มแข็งหน่อยตัวเล็ก แม่ของเธอเขามีชีวิตหนักหนากว่าเธอมากนะ ลูกสาวของแม่ลีสุดแกร่งจะมาทนด้วยเรื่องจิ๊บจ้อยแค่นี้ไม่ได้หรือไง”

“ตัวเล็กทนได้!” ปากกระจับเล็กโค้งขึ้นเป็นระฆังคว่ำ หน้าตาถมึงทึงสวนทางกับสิ่งที่บอกว่า ‘ทนได้’ ลิบลับ

“ดี ถ้าอย่างนั้นมากับฉัน ฉันอยากรู้ว่าเธอจะความอดทนสูงได้สักเท่าไหร่” การทิ้งท้ายของผู้ท้าทายที่สูงวัยกว่าล่อให้เด็กอ่อนวัยกระโดดลงจากเก้าอี้สูง เดินหน้าบึ้งตามไปทันที นพมัลลีหน้าตาตื่น เธออยากจะเอ่ยปากแทรกบทสนทนาห้ามทัพขึ้นมา แต่คุณตุลารู้ทันจึงจัดการรวบรัดพูดเสียจนเธอได้แต่มองตาปริบๆ ไม่รู้ว่าอารมณ์ของคุณตุลาจะมาไม้ไหน

“อย่าไปเลย แม่ผมก็แค่ยั่วตัวเล็กไปอย่างนั้น ที่จริงแม่เขาอยากให้ตัวเล็กไปลองชุด” ตุนท์แย่งตะหลิวไปจากมือนพมัลลี เอื้อมมือมากระตุกข้อมือเล็กให้เข้ามาในอ้อมกอด ไม่ต่างจากผ้ากันเปื้อนมีชีวิตที่เขาไม่ต้องสวมเอง “มะรืนนี้ตัวเล็กต้องออกงานนี่ครับ พอแม่ผมรู้ ก็รีบเรียกช่างมาดูชุดให้เลย ไม่อยากให้น้อยหน้าใคร เดี๋ยวลีเองก็คงถูกเรียกไปดูชุดเหมือนกัน”

นพมัลลีเกร็งตัวอยู่ในปราการแข็งแรงที่มีชีวิต เสียงหัวใจสงบที่เธอแนบชิดกับแผ่นหลังอยู่ในจังหวะรัวเร็วไม่ต่างกัน หญิงสาวแทบจับใจความที่ตุนท์พยายามสอนไม่ได้ มือของเขาพลิกปลาเนื้อกรอบจนเป็นสีทองส่งกลิ่นหอม อีกมือนำมาวางล้อมรอบเอวของเธอไว้ให้ชิดกายเขามากขึ้น

“นี่เกี่ยวกับการทอดปลายังไงคะตุนท์” คนพูดหน้าแดงร้อนวูบวาบ ต้องย่นคอหนีลมร้อนวูบวาบที่เป่ารดอยู่ตรงซอกคอ สายตาคอยกวาดมองว่าจะมีคนงานในบ้านคนไหนบุกเข้ามาทำให้เธออับอายไหม

“ผมทอดปลาให้ลีกับลูกกินตลอดชีวิตก็ได้ไม่เดือดร้อนหรอก” ตุนท์ตอบอย่างสบายๆ กลับด้านปลาให้สุกกรอบอย่างทั่วถึง วางคางเกยไปบนเนินไหล่ กระซิบคำจั๊กจี้ชิดหู “ผมนึกถึงที่แม่พูดต่างหาก ลูกคนที่สอง ที่สาม”

“เรายังไม่แต่งงานกันห้ามข้ามขั้นค่ะ” นพมัลลีแสร้งปากแข็ง ทั้งที่ใจเธอกำลังรวนเรกับอ้อมกอดที่อบอุ่น และเริ่มร้อนนิดๆ นี้

“ผมก็แค่บอกไว้ก่อน ตอนนี้ผมกลับมาคิดเรื่องสอนคุณทำอาหารก่อนก็ได้”

นพมัลลีเอี้ยวคอ สบตากับตุนท์ระยะประชิด ด้วยเขาจงใจยื่นหน้ามาใกล้ ประกายตาเจ้าเล่ห์เลือนหายไปเมื่อเข้ามาใกล้ เหลือทิ้งไว้เพียงลมหายใจที่รวยรด และริมฝีปากที่อ้อยอิ่งไว้ตรงส่วนเดียวกัน ตุนท์ย้ำน้ำหนักลงไป ส่งความรู้สึกที่เขาอยากจะถ่ายทอดให้นพมัลลีรู้สึกทุกวัน ทุกเวลา ว่าเขาอยากโอบกอดเธอไว้อย่างนี้ไปอีกนานแสนนาน

ตุนท์ผละออกมาอย่างแช่มช้า เมื่อลมหายใจของนพมัลลีเริ่มติดขัด และเล็บของหญิงสาวกำลังจิกเข้าเนื้อบริเวณแขนของเขา ชายหนุ่มยิ้มละมุน สายตาทอออกถึงความรักออกมาโดยไม่ต้องพูดว่ารัก

“ผมอยากสอนลีทำอาหารอย่างนี้ทุกวันเลยนะ”

“สอนทำอาหารเป็นข้ออ้างหรือเปล่าคะ” นพมัลลีบอกเสียงงอน หน้าตายังไม่หายแดงก่ำ

“ที่จริงผมอยากสอนบทเรียนให้คนเรียนทำอาหารกับผมมากกว่า” ตุนท์บอกเสียงพร่า ทิ้งสัมผัสไว้ตรงขมับก่อนปล่อยร่างบอบบางอย่างเสียดาย นพมัลลีเซออกจากร่างตุนท์ กางมือเกาะกำแพงพยุงตัวสายตาหันมาฟาดค้อนคนดูดพลังกายจากเธอไป ชายหนุ่มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้หลังป่วนความรู้สึกนพมัลลีพอให้สนุกตื่นเต้น จัดการปิดแก๊ส ตักปลาที่สุกกรอบได้ที่ใส่จาน

“คนร้ายกาจ เจ้าเล่ห์” นพมัลลีบ่นอุบ เพราะเธอขาดทุนไปตั้งเยอะ

ตุนท์หัวเราะลั่น พูดทีเล่นทีจริงขณะส่งจานปลาวางใส่มือนุ่ม จงใจจับมือนพมัลลีไว้ไม่ปล่อย

“ผมอยากให้ลีว่าผมไปอย่างนี้ทุกวันเลย”

“ฉันก็อยากให้ตุนท์ทำอาหารให้ฉันทานทุกวันเหมือนกัน” นพมัลลีดึงจานปลาทอดไปถือไว้ ก้มหน้างุดเดินไปด้วยความเขิน นึกตลกตัวเองที่กว่าจะมารู้สึกใจเต้นแรงด้วยเรื่องของความรัก ลูกสาวของเธอก็ขึ้นชั้นประถมหนึ่งแล้ว

ในขณะที่คนฟังกำลังหน้าบานแฉ่ง ความสุขที่บ้านเขากำลังมีในตอนนี้อยากจะรักษาไว้ให้คงอยู่ ไม่ต้องสูญสลายไปอีก

…………………………….

คุณ ร้อยวจี สัญญาว่าจะเขียนตัวเล็กไม่ให้เครียดนะคะ ฮา เรื่องนี้แหล่งบรรจุดราม่าแท้ๆ

คุณ konhin อึ้งกิมกี่ไปเลยค่ะ แต่ดีที่แม่ลูกคู่นี้เขาเหมือนกัน เข้าใจชีวิตของลีง่ายค่ะ

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ชีวิตลีเต็ม นี่คือดราม่า น้ำเน่า นางเอกละครไทยหรือเปล่าคะ ฮา นางโตมาได้ไง ลอกคำถามตุลามาค่ะ อิอิ

คุณ violette เอาตอนนี้มาผ่อนคลายกันค่ะ เรื่องค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับค่ะ แต่ก็ยังไม่หมดสักทีเดียว

ขอบคุณทุกความเห็น ทุกคนที่เข้ามาอ่าน ทุกคนที่กดถูกใจมากค่า ตอนนี้หวานๆ กันหน่อย ให้ชีวิตของลีเขาได้พักบ้างเนอะ ฮา ขอให้อ่านสนุกค่ะ ^^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 มี.ค. 2558, 03:28:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 มี.ค. 2558, 03:28:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1513





<< บทที่ 22 : การเปลี่ยนแปลง   บทที่ 24 : คมิก >>
coonX3 22 มี.ค. 2558, 07:03:27 น.
ตอนนี้ต้องยกมือให้กับแม่ตุลาคะ สุดยอดจริง น่าจะปราบตัวเล็กได้อยู่หมัด


konhin 22 มี.ค. 2558, 07:31:24 น.
ตัวเล็กมีแต่คนตามใจ ดีนะ มีครูใหญ่อย่างคุณย่าตุลามาห้าม เย้


กาซะลองพลัดถิ่น 22 มี.ค. 2558, 19:06:02 น.
ชีวิตของลีกำลังจะเติมเต็ม อย่ามารมาผจญอีกเลยเนอะ
ตัวเล็กโดนกำหราบจากย่านะดีแล้ว เพราะมีแต่คนตามใจและออกจะเป็นแก่แดดหน่อย ๆ นะ


violette 22 มี.ค. 2558, 21:54:12 น.
ตัวเล็กเจอคู่ปรับสมน้ำสมเนื้อแล้ว อิอิ


นักอ่านเหนียวหนึบ 24 มี.ค. 2558, 09:06:56 น.
เอาเลยๆๆๆ คุณย่ากะหลานผู้น่ารัก คิคิคิมวยคู่สอง


ภัทรภิญญ์ 25 มี.ค. 2558, 16:17:22 น.
อ่านนิยายน้องออมทีไรต้องหันกลับมาปั่นนิยายต่อทุกทีเลย โอ๊ยย แอบดราม่านะ แต่หวานนนนน เขียนเรื่องนี้สมเป็นสาวศึกษาเลยอ้ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account