ดาวล้อมมุก
เพราะสูญเสียพ่อแม่ไปจากอุบัติเหตุ ทำให้ดาวรดาดูแลน้องสาวอย่างกับไข่ในหิน บางครั้งเธอคงลืมไปว่าคนเราอาจดูแลกันได้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องหัวใจ ดาวรดาจะทำอย่างไรเมื่อรักครั้งแรกของน้องสาวเกิดขึ้นกับชายหนุ่มต้องห้าม!!!
Tags: gagayear, ดาว, มุก, นิยายรัก,
ตอน: ตอนที่ 1
- 1 –
ดาวรดาค้อนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจนตากลับ หญิงสาวรีบแจ้นลงมาที่สตูดิโอซึ่งอยู่ถัดจากอาคารสำนักงานเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ว่างานมีปัญหา แต่ปัญหาที่ได้ยินเมื่อครู่เหมือนไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของเธอ และเรื่องที่ถูกขอร้องก็ทำให้หญิงสาวเขม้นมองเพื่อนพร้อมกับอมลมไว้จนแก้มที่ป่องอยู่แล้วพองออกคล้ายอึ่งอ่าง
“นะดาว ช่วยอยู่หน้ากองก่อน ช่วยกันรับหน้าลูกค้าหน่อยนะ นะๆๆ” จีรณาอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงแหบห้าวแทบจะกราบการนอีกฝ่าย ก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์หันไปตะโกนสั่งลูกน้อง “เอ๊า...ตามตัวได้หรือยัง ฉันบอกพวกแกแล้วใช่มั้ยว่าให้ไปตามล็อคคอมันไว้ตั้งแต่เมื่อวานน่ะ เป็นไงทีนี้งานเข้าล่ะเว้ย”
“ไม่เอาล่ะ...มันไม่ใช่เรื่อง” ดาวรดาว่าพร้อมกับทำท่าจะเดินหนี แต่อีกฝ่ายพลิกตัวมาดักหน้าไว้ หญิงสาวจึงพูดต่อ “มันไม่ใช่หน้าที่ของครีเอทีฟ เข้าใจไหมคะ...คุณจีน” เธอลากเสียงคำว่าคุณจีนยาวเหยียด แถมใช้สรรพนามว่าคุณเป็นการล้อเลียนเพื่อน
“ก็ครีเอทีฟอย่างแกดันมาเป็นแฟนกับลูกค้าของฉันทำไมล่ะ และจะพูดว่าไม่เกี่ยวเลยก็ไม่ใช่นะ ยังไงแกก็เป็นคนครีเอทงานนี้ แล้วก็ไม่ใช่เพราะไอเดียแกเหรอที่เสนอไอ้นายแบบคิวทองเนี่ยมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ฉันเตือนแล้วก็ไม่ฟัง” จีรณากอดอกส่ายหน้าอย่างเอือมระอาในพฤติกรรมของคนที่เธอเรียกว่านายแบบคิวทอง
ดาวรดาต้องยอมจำนนด้วยเหตุผลที่อีกฝ่ายนำมาอ้าง
จริงสิ! เพราะเธอเองเป็นคนเสนอน้ำเชี่ยวในที่ประชุม
ดวงตายาวรีกวาดมองไปรอบๆ สตูดิโอ ตั้งแต่ผู้กำกับ ช่างภาพ คนจัดไฟ ไปจนถึงเด็กยกของ ทีมงานทุกคนนั่งหน้าเซ็งมองเธอตาปริบๆ ท่ามกลางความนิ่งสงบมีเพียงน้องซึ่งทำหน้าที่ประสานงานเท่านั้นนั่งไม่ติด เด็กสาวกดโทรศัพท์นิ้วเป็นระวิง เดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่นไม่ห่างจากเธอนัก คิ้วขมวดปมแน่นไม่รู้ว่าจบงานแล้วจะแกะออกหรือเปล่า นั่นทำให้หญิงสาวต้องยอมจำนน
“ตกลงจะถ่ายมั้ยครับคุณโปรดิวเซอร์ใหญ่” เสียงนพผู้กำกับของงานนี้ลอยมากวนอารมณ์จีรณาให้ขุ่นเข้าไปอีก เขาเป็นผู้กำกับมือดีของที่นี่แต่ขณะเดียวกันก็ปากเสียเป็นที่สุด
ทั้งสองสาวพร้อมใจกันเบ้ปากใส่นพแล้วหันมาสบตากัน เป็นอันเข้าใจว่าดาวรดาต้องคอยช่วยรับหน้าลูกค้าที่จะมาดูการถ่ายทำโฆษณาน้ำดื่มตราพญาหมูบินในวันนี้
“เอาอย่างนี้” ดาวรดาดีดนิ้วดังเป๊าะ “เดี๋ยวดาวโทรบอกคุณพงษ์เอง เขาจะได้ไม่มาอาละวาดที่นี่จนสตูแตก”
“ไม่ทันแล้วล่ะแก” จีรณาโบ้ยปากไปทางประตูเมื่อเห็นเพื่อนกดนิ้วลงบนหน้าจอโทรศัพท์
คนที่ถูกเอ่ยถึงกำลังเดินเข้ามาในสตูดิโอพร้อมชายหนุ่มที่ดูอ่อนวัยกว่า สายตาคมกริบแถมโตเท่าไข่ห่านของเขามองกวาดไปรอบๆ ทุกคนก้มหน้าหลบตาแทบจะพร้อมกัน ใครๆ ก็รู้ว่าพงษ์โภคินทร์ ไอยเรศ เป็นลูกค้าชั้นดีจ่ายเงินง่ายแต่นั่นหมายถึงงานต้องเนี๊ยบตรงเวลาเป๊ะและถูกใจ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะกลายเป็นลูกค้าซาตานในทันที
“นี่ผมมาช้าไปหรือ” เขาพูดพร้อมกับก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ “ไม่น่านะ หรือพวกคุณใช้เวลาทำงานแค่ครึ่งวัน”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ก็พวกเรายังไม่ได้เริ่มถ่ายกันเลย” ดาวรดาบอกหน้าตาเฉยแต่จีรณาเสียวสันหลังวาบ
“อะไรนะ” พงษโภคินทร์คำรามลั่นสลั่นสตูดิโอ ระบบเสียงเซอร์ราวด์ดอลบี้สเตอริโอของเขาทำให้ทุกคนตัวหดเหลือเท่ามด “คุณจีนคุณทำงานยังไงเลยเวลามาตั้งสี่ชั่วโมงแล้วยังไม่เริ่มถ่ายอีก ถ้าโฆษณาเรื่องนี้ออกไม่ทันตามกำหนดที่ผมวางไว้จะทำยังไง คุณก็รู้ว่าเราต้องลอนช์โฆษณาตัวนี้ก่อนคู่แข่ง...”
“พงษ์คะ...หยุดฟังดาวก่อนได้ไหม” ดาวรดาบอกเสียงเรียบ มีเธอเท่านั้นที่ยังยืนไม่สะทกสะท้านกับน้ำเสียงดุดันของเขา ฝ่ายที่ถูกห้ามหยุดร่ายยาวหันไปจ้องใบหน้าขาวเนียนใสกลมแป้นอย่างไม่สบอารมณ์ ในที่สุดก็เบือนหน้าหนีพร้อมถอนหายใจเพราะแพ้สายตาคู่นั้น แต่ไม่วายหันกลับมาต่อว่าเธอเมื่อตั้งตัวได้
“คุณจะเอาความสัมพันธ์ส่วนตัวของเรามาใช้ในงานไม่ได้นะดาว”
“พงษ์ลืมไปแล้วหรือคะว่าดาวเป็นครีเอทีฟงานนี้ และที่โวยวายเนี่ยรู้หรือยังว่าพวกเรามีปัญหาอะไร” ดวงตาเรียวรีที่มีนัยย์ตาดำตัดกับตาขาวชัดเจนของเธอมองทะลุเข้าไปในดวงตาเข้มคมโตของอีกฝ่าย ไม่ใช่แต่พงษ์โภคินทร์เท่านั้นที่เกรงใจหญิงสาว เสียงกับใบหน้านิ่งๆ และเหตุผลร้อยแปดพันประการของเธอสยบลูกค้ามาหลายรายแล้ว
“ไหนลองว่าปัญหาของพวกคุณมาซิ”
“นายน้ำเยี่ยว เอ้ย! น้ำเชี่ยวน่ะสิคะ ไม่รู้ไหลไปอยู่แม่น้ำไหนตามตัวไม่ได้เลยค่ะ” จีรณาแทรกตอบเสียเองด้วยความหมั่นไส้นายแบบเบี้ยวคิว เธอเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันเหมือนจะขย้ำภาพของน้ำเชี่ยวที่ลอยไปลอยมาตรงหน้าให้แหลกเป็นผง
“แล้วคิดได้หรือยังว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง งานจะเสร็จทันตามกำหนดที่คุยกันหรือเปล่า” พงษ์โภคินทร์ถามน้ำเสียงเข้มไม่แพ้ใบหน้าในขณะที่สมองเขาคำนวณตัวเลขความเสียหายไปด้วย
ดาวรดายักไหล่มองเลยไปยังชายหนุ่มผมยาวประบ่าซึ่งยืนกระดิกขาฟังเพลงจากโทรศัพท์มือถืออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เธอหรี่ตาพินิจพิเคราะห์เขาตั้งแต่ผิวหน้าที่ดูหมดจด ดวงตาเรียวรีสองชั้นแม้จะหลบในแต่ยังสังเกตเห็นได้ จมูกโด่งเป็นสันได้รูปทำให้โครงหน้าชัดเจนรับกับปากบางเหยียดตรงแต่ปลายทั้งสองกระดกขึ้นมองคล้ายเขายิ้มอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญผิวพรรณสะอาดสะอ้านแม้จะถูกซ่อนไว้ภายใต้ความมอมแมมของเสื้อยืดสีขาวหม่นพอดีตัวกับกางเกงยีนส์สีดำขาเดฟ หญิงสาวดีดนิ้วดังเป๊าะ ก่อนจะบอกกับทุกคนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“เมื่อตะกี้ยังคิดไม่ออกหรอกค่ะ แต่ตอนนี้คิดออกแล้ว”
ภาวินมองทีมงานช่วยกันเช็คสลิงที่ยึดติดกับตัวเขาอย่างุนงง ชายหนุ่มยังสงสัยว่าตัวเองหลงกล
ดาวรดาจนมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร เขาแค่ตามพงษ์โภคินทร์ผู้มีศักดิ์เป็นพี่มาดูการถ่ายโฆษณาน้ำดื่มตราพญาหมูบินเพราะคำสั่งของย่าเท่านั้น แต่กลับถูกจับให้แสดงแทนนายแบบที่เบี้ยวคิวงานอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
คนอย่างภาวิน ไอยเรศ ก็ใช่ว่าจะยอมอะไรง่ายๆ แต่กลับหลงกลหญิงสาวหน้ากลมแก้มป่องคนรักของพี่ชายได้อย่างไร?
ภาวินจำได้ว่าเขาเงยหน้าขึ้นมองเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกใครคนหนึ่งจ้องอยู่...
“คนนี้ใครเหรอคะคุณพงษ์”
“นี่นายวิน น้องชายผมที่เคยเล่าให้ฟังไง อย่าบอกนะว่าคุณจะให้นายวิน...” พี่ชายของเขาเหมือนจะอ่านความคิดของคนรักออก เขาเห็นทั้งคู่สบตากัน “ไม่มีทางหรอกดาว คุณหาคนอื่นเถอะ”
“คุณวินคะช่วยออกมาจากโลกส่วนตัวสักครู่ฉันมีเรื่องอยากขอให้คุณช่วยหน่อย” หญิงสาวบอกหลังจากดึงลำโพงตัวจิ๋วออกจากหูเขา ชายหนุ่มชี้ไปที่ตัวเองแล้วกระดกไหล่ขึ้น
“ผมน่ะเหรอ”
“ใช่ค่ะ...ช่วยแสดงแทนน้ำเชี่ยวที”
“ผมไม่สามารถน่ะ คุณก็ให้พี่พงษ์เล่นสิ” เขาบุ้ยปากไปทางคนที่เอ่ยชื่อแล้วทำท่าเหมือนจะเสียบหูฟังตามเดิมแต่ถูกหญิงสาวคว้าหมับที่ข้อมือเสียก่อน
“อย่าปัดความรับผิดชอบแบบนี้สิคะ...ถ้าคาแรคเตอร์คุณพงษ์ตรงตามคอนเซ็ปท์ ฉันเชื่อว่าเขาต้องทำแน่ แต่มันไม่ใช่ว่าใครก็ได้ไม่งั้นคงไม่ต้องรบกวนคุณหรอก”
“แต่ผมทำไม่ได้ มันยากเกิน” เขาบอกหน้าตาเฉยทำให้อีกฝ่ายปล่อยข้อมือเขาแล้วดึงกิ๊บติดผมรูปโบว์สีดำมาชูให้ดู
“ฉันว่าสิ่งที่ยากที่สุดในโลกคือการเดาใจคนคุณเห็นด้วยมั้ย” เธอพูดพร้อมกับไพล่มือทั้งสองไปข้างหลังเมื่อเขาพยักหน้าเห็นเธอด้วยจึงยื่นกำปั้นไปที่ฝ่ายตรงข้าม
“คุณว่ากิ๊บอันเมื่อตะกี้อยู่มือไหน” เธอส่งสายตาท้าทายจนเขาต้องเลือกอย่างกังขา และกิ๊บเจ้ากรรมก็อยู่ในมือข้างที่เขาเลือกจริงๆ “ขนาดใจคนยากแท้หยั่งถึงคุณยังเดาได้ แล้วกับแค่ถ่ายโฆษณาง่ายๆ ไม่มีทางที่คุณจะทำไม่ได้หรอก นอกจากคุณไม่อยากช่วย”
จากนั้นเขาก็ถูกแม่สาวหน้ากลมจูงมือไปยังห้องแต่งตัวด้วยอาการอึ้งปนมึน กว่าจะตั้งตัวได้ก็ถูกแปลงโฉมเป็นชายหนุ่มหน้าใสสุขภาพดีใส่ชุดขาวสะอาดภายในพริบตา ที่สำคัญเขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองต้องขึ้นสลิงเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้
ระหว่างการถ่ายทำโฆษณาพงษ์โภคินทร์นั่งอมยิ้มมองน้องชายขึ้นสลิงอย่างถูกใจ ภาวินขึ้นชื่อเรื่องดื้อเงียบจนแม้แต่คุณย่าผู้เป็นประมุขของตระกูลยังอ่อนใจ แต่ดาวรดากลับจับน้องชายของเขาถ่ายโฆษณาด้วยวิธีง่ายๆ พอนึกถึงหน้าจ๋อยๆ ของนายจอมดื้อตอนโดนมัดมือเป็นนายแบบเขาก็เผลอหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัวจนคนที่นั่งก้มหน้าอยู่กับจอโน๊ตบุ๊คต้องเงยขึ้นมามอง
“ดาวทำอะไรตลกหรือคะ” เธอเบิ่งตาจนโต คนถูกถามส่ายหน้า
“ถ้าเมื่อตะกี้นายวินเลือกผิดคุณจะทำยังไงล่ะดาว” ดาวรดาอมยิ้มแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกิ๊บสองอันออกมาวางคู่กัน นั่นทำให้ชายหนุ่มหัวเราะอีกครั้งกับความเจ้าเล่ห์ของคนรัก
“ไม่ว่าคุณวินจะเลือกมือข้างไหนมันก็มีกิ๊บอยู่ทั้งคู่น่ะสิคะ” เสียงจีรณาดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเดินมานั่งลงข้างๆ เพื่อนสนิทก่อนจะก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูว่า “แกนี่แสบสนิทไม่สมกับชื่อดาวรดาเอาซะเลยนะ”
“ทำไมชื่อดาวรดามันเป็นยังไง”
“ก็สวยหวานน่ารักไง”
“แล้วฉันไม่สวย ไม่หวาน ไม่น่ารักตรงไหน” ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะโต้กลับดาวรดาก็ร้องขึ้น “โอ๊ะ !”
อีกสองคนที่นั่งอยู่ด้วยมองตามสายตาหญิงสาวไป มีบางสิ่งบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับการถ่ายโฆษณาเสียแล้ว
จีรณากุมขมับก่อนจะเกาศีรษะแกรกๆ “โอ๊ย ! วันนี้มันเป็นวันสิ้นชื่อของไอ้จีนหรือไงฟะ”
ดาวรดาเดินแกมวิ่งเข้าไปหานพที่นั่งอยู่หน้ามอร์นิเตอร์ โดยมีจีรณาและพงษ์โภคินทร์เดินตามมาติดๆ
“พี่นพ ! ไม่เห็นหรือไงว่ามีคนเป็นลมอยู่บนสลิง”
“เห็นแล้วพี่ถึงได้สั่งกล้องให้ซูมไปที่คุณวินไง”
“ดาวไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น...ใจคอพี่จะปล่อยให้น้องเขาห้อยต่องแต่งบนนั้นหรือไง”
ดาวรดาแยกเขี้ยวใส่ผู้กำกับมือโปร แล้วหันไปตะโกนบอกทีมงาน “นี่เอาน้องคนนั้นลงมาเดี๋ยวนี้...พี่วุฒิเลิกถ่ายก่อนได้มั้ย”
“จุ้นชมัด...” นพยืนเท้าสะเอวมองหลังจากปาบทลงบนเก้าอี้ผ้าใบส่วนตัว “ยังไงเนี่ย จีน”
“ก็ไม่ยังไงหรอกพี่ พอเอาน้องลงมาแล้ว พี่ก็ถ่ายต่อแค่นั้น ไม่เห็นยาก” จีรณาว่าแล้วก็ยักไหล่เดินเข้าสมทบกับเพื่อนสาว นพทำหน้าเบื่อโลกก่อนจะหันไปสะดุดกับดวงตาเข้มโตของพงษ์โภคินทร์ที่จ้องเขาอยู่ ผู้กำกับหนุ่มจึงแก้เก้อด้วยการเดินตามจีรณาไปพร้อมกับเสียงตะโกนโหวกเหวก
“นี่มันอะไรกัน อยู่ๆ ก็มาเป็นลมคาสลิงแบบนี้เนี่ย รู้ไหมว่าคนที่เขาจ่ายเงินจะเสียหายแค่ไหน”
ดาวรดาเดินไปถึงตรงจุดที่ทีมงานกำลังแกะสลิง เธอนั่งลงข้างๆ เด็กหนุ่มใบหน้าซีดเผือดซึ่งตอนนี้นอนไร้สติอยู่กลางกลุ่มคน ก้อยซึ่งทำหน้าที่ประสานงานวิ่งรี่ถือหลอดยาดมเข้ามา ดาวรดาคว้ายาดมมาเปิดฝาแล้วจ่อไปที่จมูกเด็กหนุ่ม
“เอาไงดีล่ะดาว” จีรณาถามขณะทรุดตัวลงนั่งข้างเพื่อน อีกฝ่ายขบริมฝีปากเหมือนกำลังคิดพอดีกับเด็กหนุ่มเริ่มได้สติ เขาลืมตาแล้วกวาดไปรอบๆ ก่อนจะดีดตัวพรวดขึ้นมานั่ง
“ผม...เอ่อ...ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มบอกเสียงแผ่ว
“เป็นอะไร ไม่ได้กินข้าวหรือไงเรา” จีรณาชิงถามคนแรก
“เปล่าครับ คือ...ผมกลัวความสูงครับ”
“อ้าว...กลัวความสูงแล้วรับงานนี้ได้ไง อย่างนี้ต้องปรับนะเนี่ย เสียเวลารู้ไหม” ผู้กำกับปากร้ายโวยวาย
“พี่นพ” ดาวรดาหันไปปรามพร้อมกับขว้างค้อนใส่ ก่อนจะหันมามองเด็กหนุ่ม “ไหนบอกพี่หน่อยสิว่ากลัวความสูงแล้วทำไมรับงานนี้ล่ะเรา พี่ที่ติดต่อไปเขาบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องขึ้นสลิง”
“ครับบอกแล้ว ผมกลัวความสูงก็จริงแต่ผมก็อยากได้เงินครับ”
“จะเอาเงินไปทำอะไร” ดาวรดาคิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าต้องมีจุดประสงค์ถึงได้ยอมสู้กับความกลัวเพื่อแลกกับเงิน
“ผมจะเอาไปซื้อรถเข็นให้แม่ครับ แม่ผมเดินไม่ได้”
“ยังไงก็ต้องปรับ ทำกองถ่ายเสียหายแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” นพตะโกนแทรกขึ้นมา
“ไม่ต้องไปปรับหรอก แค่ตัดออกไปก็พอ แล้วก็รีบๆ ถ่ายกันต่อเสียเวลามากแล้ว” พงษ์โภคินทร์ตัดบท แม้สมองไม่หยุดคำนวณค่าความเสียหายถ้าโฆษณาออกไม่ทัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเห็นเงินสำคัญกว่าความรู้สึกของคน
“ไม่ได้หรอกครับ...ผมอยากได้ค่าจ้างไปซื้อรถเข็นให้แม่ พอกลับบ้านแล้วแม่จะได้ไปไหนมาไหนกับผมได้เหมือนเดิม” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนพูดก่อนจะหันไปทางดาวรดา “พี่ครับให้ผมเล่นต่อนะครับ” แล้วก็มองที่จีรณา “นะครับพี่ ให้ผมเล่นต่อเถอะ”
“ไม่ได้ เดี๋ยวก็ขึ้นไปเป็นลมข้างบนอีก” นพตวาดจ้องหน้าเด็กหนุ่มตัวประกอบ อีกฝ่ายหลบตา
“คือ...ผม”
อาการอ้ำอึ้งของคนถูกตวาดทำให้นพแสยะยิ้ม “...เอ้า เตรียมถ่ายต่อเร็ว” เขาร้องสั่งกองลั่น แล้วเดินกลับไปนั่งประจำที่เดิม ทีมงานที่มายืนมุงเริ่มแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
“พงษ์คะ” ดาวรดาร้องเรียกเมื่อเห็นว่าพงษ์โภคินทร์กำลังหันหลังเดินกลับไปทางเดิม “ให้โอกาสน้องเขาอีกครั้งไม่ได้เหรอคะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีกดาวจะรับผิดชอบเอง”
“ดาว” พงษ์โภคินทร์กับจีรณาร้องแทบจะพร้อมกัน ภาวินยืนกอดอกสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ
“ไม่ได้นะดาว คราวนี้ผมยอมไม่ได้จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ผมหรือนายวินหรือทีมงานจะต้องมารอเด็กคนเดียว” ชายหนุ่มบอกก่อนจะเหลือบไปมองเด็กคนนี้ที่เขาพูดถึง “คุณคิดว่าเด็กคนนั้นจะพร้อมขึ้นสลิงตอนนี้เลยไหมล่ะ หน้าเขาซีดขนาดนั้นน่ะ ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมาผมรับผิดชอบไม่ไหวนะ แล้วที่ผมไม่ปรับเขานี่ยังไม่พออีกหรือ”
“เราพักกองกันสักสิบนาทีคงไม่เป็นไรมั้งคะ”
“นี่คุณกำลังทำหน้าที่เกินครีเอทีฟหรือเปล่า”
“ทำไมคะเป็นครีเอทีฟจะใช้หัวใจแทนสมองบ้างไม่ได้หรือ”
ทั้งคู่ประสานสายตากันเหมือนจะสะกดจิตอีกฝ่ายให้คล้อยตาม แม้พงษโภคินทร์จะรู้สึกเห็นใจเด็กหนุ่ม
และเข้าใจดาวรดาเป็นอย่างดีแต่ธุรกิจของเขาก็สำคัญไม่แพ้สิ่งอื่นใด
ภายในสตูดิโอตอนนี้ เงียบกริบ แม้แต่เสียงกลืนน้ำลายของเด็กหนุ่มที่เป็นต้นเหตุยังรู้สึกเหมือนดังสนั่น ทุกอย่างหยุดนิ่งชั่วขณะราวกับเวลาหยุดหมุน จีรณากุมขมับสองข้างแน่นรู้สึกว่าได้ยินเสียงมันเต้นตุบเหมือนกำลังจะระเบิด นพแสยะยิ้มอย่างสะใจที่เห็นดาวรดากำลังจะจนมุม ส่วนทีมงานคนอื่นๆ ยืนมองคนทั้งคู่สลับกันไปมาเหมือนตุ๊กตาไขลาน
ในช่วงเวลาแห่งการเผชิญหน้านี้ภาวินทำเหมือนหลบอยู่ในโลกแห่งเสียงเพลงของเขา แต่จริงๆ ชายหนุ่มกำลังคิดว่าควรจะเข้าไปหยุดพายุลูกนี้ไม่ให้กลายเป็นทอนาโดได้อย่างไร
....................โปรดติตามตอนต่อไป....................................
ดาวรดาค้อนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจนตากลับ หญิงสาวรีบแจ้นลงมาที่สตูดิโอซึ่งอยู่ถัดจากอาคารสำนักงานเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ว่างานมีปัญหา แต่ปัญหาที่ได้ยินเมื่อครู่เหมือนไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของเธอ และเรื่องที่ถูกขอร้องก็ทำให้หญิงสาวเขม้นมองเพื่อนพร้อมกับอมลมไว้จนแก้มที่ป่องอยู่แล้วพองออกคล้ายอึ่งอ่าง
“นะดาว ช่วยอยู่หน้ากองก่อน ช่วยกันรับหน้าลูกค้าหน่อยนะ นะๆๆ” จีรณาอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงแหบห้าวแทบจะกราบการนอีกฝ่าย ก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์หันไปตะโกนสั่งลูกน้อง “เอ๊า...ตามตัวได้หรือยัง ฉันบอกพวกแกแล้วใช่มั้ยว่าให้ไปตามล็อคคอมันไว้ตั้งแต่เมื่อวานน่ะ เป็นไงทีนี้งานเข้าล่ะเว้ย”
“ไม่เอาล่ะ...มันไม่ใช่เรื่อง” ดาวรดาว่าพร้อมกับทำท่าจะเดินหนี แต่อีกฝ่ายพลิกตัวมาดักหน้าไว้ หญิงสาวจึงพูดต่อ “มันไม่ใช่หน้าที่ของครีเอทีฟ เข้าใจไหมคะ...คุณจีน” เธอลากเสียงคำว่าคุณจีนยาวเหยียด แถมใช้สรรพนามว่าคุณเป็นการล้อเลียนเพื่อน
“ก็ครีเอทีฟอย่างแกดันมาเป็นแฟนกับลูกค้าของฉันทำไมล่ะ และจะพูดว่าไม่เกี่ยวเลยก็ไม่ใช่นะ ยังไงแกก็เป็นคนครีเอทงานนี้ แล้วก็ไม่ใช่เพราะไอเดียแกเหรอที่เสนอไอ้นายแบบคิวทองเนี่ยมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ฉันเตือนแล้วก็ไม่ฟัง” จีรณากอดอกส่ายหน้าอย่างเอือมระอาในพฤติกรรมของคนที่เธอเรียกว่านายแบบคิวทอง
ดาวรดาต้องยอมจำนนด้วยเหตุผลที่อีกฝ่ายนำมาอ้าง
จริงสิ! เพราะเธอเองเป็นคนเสนอน้ำเชี่ยวในที่ประชุม
ดวงตายาวรีกวาดมองไปรอบๆ สตูดิโอ ตั้งแต่ผู้กำกับ ช่างภาพ คนจัดไฟ ไปจนถึงเด็กยกของ ทีมงานทุกคนนั่งหน้าเซ็งมองเธอตาปริบๆ ท่ามกลางความนิ่งสงบมีเพียงน้องซึ่งทำหน้าที่ประสานงานเท่านั้นนั่งไม่ติด เด็กสาวกดโทรศัพท์นิ้วเป็นระวิง เดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่นไม่ห่างจากเธอนัก คิ้วขมวดปมแน่นไม่รู้ว่าจบงานแล้วจะแกะออกหรือเปล่า นั่นทำให้หญิงสาวต้องยอมจำนน
“ตกลงจะถ่ายมั้ยครับคุณโปรดิวเซอร์ใหญ่” เสียงนพผู้กำกับของงานนี้ลอยมากวนอารมณ์จีรณาให้ขุ่นเข้าไปอีก เขาเป็นผู้กำกับมือดีของที่นี่แต่ขณะเดียวกันก็ปากเสียเป็นที่สุด
ทั้งสองสาวพร้อมใจกันเบ้ปากใส่นพแล้วหันมาสบตากัน เป็นอันเข้าใจว่าดาวรดาต้องคอยช่วยรับหน้าลูกค้าที่จะมาดูการถ่ายทำโฆษณาน้ำดื่มตราพญาหมูบินในวันนี้
“เอาอย่างนี้” ดาวรดาดีดนิ้วดังเป๊าะ “เดี๋ยวดาวโทรบอกคุณพงษ์เอง เขาจะได้ไม่มาอาละวาดที่นี่จนสตูแตก”
“ไม่ทันแล้วล่ะแก” จีรณาโบ้ยปากไปทางประตูเมื่อเห็นเพื่อนกดนิ้วลงบนหน้าจอโทรศัพท์
คนที่ถูกเอ่ยถึงกำลังเดินเข้ามาในสตูดิโอพร้อมชายหนุ่มที่ดูอ่อนวัยกว่า สายตาคมกริบแถมโตเท่าไข่ห่านของเขามองกวาดไปรอบๆ ทุกคนก้มหน้าหลบตาแทบจะพร้อมกัน ใครๆ ก็รู้ว่าพงษ์โภคินทร์ ไอยเรศ เป็นลูกค้าชั้นดีจ่ายเงินง่ายแต่นั่นหมายถึงงานต้องเนี๊ยบตรงเวลาเป๊ะและถูกใจ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะกลายเป็นลูกค้าซาตานในทันที
“นี่ผมมาช้าไปหรือ” เขาพูดพร้อมกับก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ “ไม่น่านะ หรือพวกคุณใช้เวลาทำงานแค่ครึ่งวัน”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ก็พวกเรายังไม่ได้เริ่มถ่ายกันเลย” ดาวรดาบอกหน้าตาเฉยแต่จีรณาเสียวสันหลังวาบ
“อะไรนะ” พงษโภคินทร์คำรามลั่นสลั่นสตูดิโอ ระบบเสียงเซอร์ราวด์ดอลบี้สเตอริโอของเขาทำให้ทุกคนตัวหดเหลือเท่ามด “คุณจีนคุณทำงานยังไงเลยเวลามาตั้งสี่ชั่วโมงแล้วยังไม่เริ่มถ่ายอีก ถ้าโฆษณาเรื่องนี้ออกไม่ทันตามกำหนดที่ผมวางไว้จะทำยังไง คุณก็รู้ว่าเราต้องลอนช์โฆษณาตัวนี้ก่อนคู่แข่ง...”
“พงษ์คะ...หยุดฟังดาวก่อนได้ไหม” ดาวรดาบอกเสียงเรียบ มีเธอเท่านั้นที่ยังยืนไม่สะทกสะท้านกับน้ำเสียงดุดันของเขา ฝ่ายที่ถูกห้ามหยุดร่ายยาวหันไปจ้องใบหน้าขาวเนียนใสกลมแป้นอย่างไม่สบอารมณ์ ในที่สุดก็เบือนหน้าหนีพร้อมถอนหายใจเพราะแพ้สายตาคู่นั้น แต่ไม่วายหันกลับมาต่อว่าเธอเมื่อตั้งตัวได้
“คุณจะเอาความสัมพันธ์ส่วนตัวของเรามาใช้ในงานไม่ได้นะดาว”
“พงษ์ลืมไปแล้วหรือคะว่าดาวเป็นครีเอทีฟงานนี้ และที่โวยวายเนี่ยรู้หรือยังว่าพวกเรามีปัญหาอะไร” ดวงตาเรียวรีที่มีนัยย์ตาดำตัดกับตาขาวชัดเจนของเธอมองทะลุเข้าไปในดวงตาเข้มคมโตของอีกฝ่าย ไม่ใช่แต่พงษ์โภคินทร์เท่านั้นที่เกรงใจหญิงสาว เสียงกับใบหน้านิ่งๆ และเหตุผลร้อยแปดพันประการของเธอสยบลูกค้ามาหลายรายแล้ว
“ไหนลองว่าปัญหาของพวกคุณมาซิ”
“นายน้ำเยี่ยว เอ้ย! น้ำเชี่ยวน่ะสิคะ ไม่รู้ไหลไปอยู่แม่น้ำไหนตามตัวไม่ได้เลยค่ะ” จีรณาแทรกตอบเสียเองด้วยความหมั่นไส้นายแบบเบี้ยวคิว เธอเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันเหมือนจะขย้ำภาพของน้ำเชี่ยวที่ลอยไปลอยมาตรงหน้าให้แหลกเป็นผง
“แล้วคิดได้หรือยังว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง งานจะเสร็จทันตามกำหนดที่คุยกันหรือเปล่า” พงษ์โภคินทร์ถามน้ำเสียงเข้มไม่แพ้ใบหน้าในขณะที่สมองเขาคำนวณตัวเลขความเสียหายไปด้วย
ดาวรดายักไหล่มองเลยไปยังชายหนุ่มผมยาวประบ่าซึ่งยืนกระดิกขาฟังเพลงจากโทรศัพท์มือถืออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เธอหรี่ตาพินิจพิเคราะห์เขาตั้งแต่ผิวหน้าที่ดูหมดจด ดวงตาเรียวรีสองชั้นแม้จะหลบในแต่ยังสังเกตเห็นได้ จมูกโด่งเป็นสันได้รูปทำให้โครงหน้าชัดเจนรับกับปากบางเหยียดตรงแต่ปลายทั้งสองกระดกขึ้นมองคล้ายเขายิ้มอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญผิวพรรณสะอาดสะอ้านแม้จะถูกซ่อนไว้ภายใต้ความมอมแมมของเสื้อยืดสีขาวหม่นพอดีตัวกับกางเกงยีนส์สีดำขาเดฟ หญิงสาวดีดนิ้วดังเป๊าะ ก่อนจะบอกกับทุกคนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“เมื่อตะกี้ยังคิดไม่ออกหรอกค่ะ แต่ตอนนี้คิดออกแล้ว”
ภาวินมองทีมงานช่วยกันเช็คสลิงที่ยึดติดกับตัวเขาอย่างุนงง ชายหนุ่มยังสงสัยว่าตัวเองหลงกล
ดาวรดาจนมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร เขาแค่ตามพงษ์โภคินทร์ผู้มีศักดิ์เป็นพี่มาดูการถ่ายโฆษณาน้ำดื่มตราพญาหมูบินเพราะคำสั่งของย่าเท่านั้น แต่กลับถูกจับให้แสดงแทนนายแบบที่เบี้ยวคิวงานอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
คนอย่างภาวิน ไอยเรศ ก็ใช่ว่าจะยอมอะไรง่ายๆ แต่กลับหลงกลหญิงสาวหน้ากลมแก้มป่องคนรักของพี่ชายได้อย่างไร?
ภาวินจำได้ว่าเขาเงยหน้าขึ้นมองเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกใครคนหนึ่งจ้องอยู่...
“คนนี้ใครเหรอคะคุณพงษ์”
“นี่นายวิน น้องชายผมที่เคยเล่าให้ฟังไง อย่าบอกนะว่าคุณจะให้นายวิน...” พี่ชายของเขาเหมือนจะอ่านความคิดของคนรักออก เขาเห็นทั้งคู่สบตากัน “ไม่มีทางหรอกดาว คุณหาคนอื่นเถอะ”
“คุณวินคะช่วยออกมาจากโลกส่วนตัวสักครู่ฉันมีเรื่องอยากขอให้คุณช่วยหน่อย” หญิงสาวบอกหลังจากดึงลำโพงตัวจิ๋วออกจากหูเขา ชายหนุ่มชี้ไปที่ตัวเองแล้วกระดกไหล่ขึ้น
“ผมน่ะเหรอ”
“ใช่ค่ะ...ช่วยแสดงแทนน้ำเชี่ยวที”
“ผมไม่สามารถน่ะ คุณก็ให้พี่พงษ์เล่นสิ” เขาบุ้ยปากไปทางคนที่เอ่ยชื่อแล้วทำท่าเหมือนจะเสียบหูฟังตามเดิมแต่ถูกหญิงสาวคว้าหมับที่ข้อมือเสียก่อน
“อย่าปัดความรับผิดชอบแบบนี้สิคะ...ถ้าคาแรคเตอร์คุณพงษ์ตรงตามคอนเซ็ปท์ ฉันเชื่อว่าเขาต้องทำแน่ แต่มันไม่ใช่ว่าใครก็ได้ไม่งั้นคงไม่ต้องรบกวนคุณหรอก”
“แต่ผมทำไม่ได้ มันยากเกิน” เขาบอกหน้าตาเฉยทำให้อีกฝ่ายปล่อยข้อมือเขาแล้วดึงกิ๊บติดผมรูปโบว์สีดำมาชูให้ดู
“ฉันว่าสิ่งที่ยากที่สุดในโลกคือการเดาใจคนคุณเห็นด้วยมั้ย” เธอพูดพร้อมกับไพล่มือทั้งสองไปข้างหลังเมื่อเขาพยักหน้าเห็นเธอด้วยจึงยื่นกำปั้นไปที่ฝ่ายตรงข้าม
“คุณว่ากิ๊บอันเมื่อตะกี้อยู่มือไหน” เธอส่งสายตาท้าทายจนเขาต้องเลือกอย่างกังขา และกิ๊บเจ้ากรรมก็อยู่ในมือข้างที่เขาเลือกจริงๆ “ขนาดใจคนยากแท้หยั่งถึงคุณยังเดาได้ แล้วกับแค่ถ่ายโฆษณาง่ายๆ ไม่มีทางที่คุณจะทำไม่ได้หรอก นอกจากคุณไม่อยากช่วย”
จากนั้นเขาก็ถูกแม่สาวหน้ากลมจูงมือไปยังห้องแต่งตัวด้วยอาการอึ้งปนมึน กว่าจะตั้งตัวได้ก็ถูกแปลงโฉมเป็นชายหนุ่มหน้าใสสุขภาพดีใส่ชุดขาวสะอาดภายในพริบตา ที่สำคัญเขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองต้องขึ้นสลิงเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้
ระหว่างการถ่ายทำโฆษณาพงษ์โภคินทร์นั่งอมยิ้มมองน้องชายขึ้นสลิงอย่างถูกใจ ภาวินขึ้นชื่อเรื่องดื้อเงียบจนแม้แต่คุณย่าผู้เป็นประมุขของตระกูลยังอ่อนใจ แต่ดาวรดากลับจับน้องชายของเขาถ่ายโฆษณาด้วยวิธีง่ายๆ พอนึกถึงหน้าจ๋อยๆ ของนายจอมดื้อตอนโดนมัดมือเป็นนายแบบเขาก็เผลอหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัวจนคนที่นั่งก้มหน้าอยู่กับจอโน๊ตบุ๊คต้องเงยขึ้นมามอง
“ดาวทำอะไรตลกหรือคะ” เธอเบิ่งตาจนโต คนถูกถามส่ายหน้า
“ถ้าเมื่อตะกี้นายวินเลือกผิดคุณจะทำยังไงล่ะดาว” ดาวรดาอมยิ้มแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกิ๊บสองอันออกมาวางคู่กัน นั่นทำให้ชายหนุ่มหัวเราะอีกครั้งกับความเจ้าเล่ห์ของคนรัก
“ไม่ว่าคุณวินจะเลือกมือข้างไหนมันก็มีกิ๊บอยู่ทั้งคู่น่ะสิคะ” เสียงจีรณาดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเดินมานั่งลงข้างๆ เพื่อนสนิทก่อนจะก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูว่า “แกนี่แสบสนิทไม่สมกับชื่อดาวรดาเอาซะเลยนะ”
“ทำไมชื่อดาวรดามันเป็นยังไง”
“ก็สวยหวานน่ารักไง”
“แล้วฉันไม่สวย ไม่หวาน ไม่น่ารักตรงไหน” ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะโต้กลับดาวรดาก็ร้องขึ้น “โอ๊ะ !”
อีกสองคนที่นั่งอยู่ด้วยมองตามสายตาหญิงสาวไป มีบางสิ่งบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับการถ่ายโฆษณาเสียแล้ว
จีรณากุมขมับก่อนจะเกาศีรษะแกรกๆ “โอ๊ย ! วันนี้มันเป็นวันสิ้นชื่อของไอ้จีนหรือไงฟะ”
ดาวรดาเดินแกมวิ่งเข้าไปหานพที่นั่งอยู่หน้ามอร์นิเตอร์ โดยมีจีรณาและพงษ์โภคินทร์เดินตามมาติดๆ
“พี่นพ ! ไม่เห็นหรือไงว่ามีคนเป็นลมอยู่บนสลิง”
“เห็นแล้วพี่ถึงได้สั่งกล้องให้ซูมไปที่คุณวินไง”
“ดาวไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น...ใจคอพี่จะปล่อยให้น้องเขาห้อยต่องแต่งบนนั้นหรือไง”
ดาวรดาแยกเขี้ยวใส่ผู้กำกับมือโปร แล้วหันไปตะโกนบอกทีมงาน “นี่เอาน้องคนนั้นลงมาเดี๋ยวนี้...พี่วุฒิเลิกถ่ายก่อนได้มั้ย”
“จุ้นชมัด...” นพยืนเท้าสะเอวมองหลังจากปาบทลงบนเก้าอี้ผ้าใบส่วนตัว “ยังไงเนี่ย จีน”
“ก็ไม่ยังไงหรอกพี่ พอเอาน้องลงมาแล้ว พี่ก็ถ่ายต่อแค่นั้น ไม่เห็นยาก” จีรณาว่าแล้วก็ยักไหล่เดินเข้าสมทบกับเพื่อนสาว นพทำหน้าเบื่อโลกก่อนจะหันไปสะดุดกับดวงตาเข้มโตของพงษ์โภคินทร์ที่จ้องเขาอยู่ ผู้กำกับหนุ่มจึงแก้เก้อด้วยการเดินตามจีรณาไปพร้อมกับเสียงตะโกนโหวกเหวก
“นี่มันอะไรกัน อยู่ๆ ก็มาเป็นลมคาสลิงแบบนี้เนี่ย รู้ไหมว่าคนที่เขาจ่ายเงินจะเสียหายแค่ไหน”
ดาวรดาเดินไปถึงตรงจุดที่ทีมงานกำลังแกะสลิง เธอนั่งลงข้างๆ เด็กหนุ่มใบหน้าซีดเผือดซึ่งตอนนี้นอนไร้สติอยู่กลางกลุ่มคน ก้อยซึ่งทำหน้าที่ประสานงานวิ่งรี่ถือหลอดยาดมเข้ามา ดาวรดาคว้ายาดมมาเปิดฝาแล้วจ่อไปที่จมูกเด็กหนุ่ม
“เอาไงดีล่ะดาว” จีรณาถามขณะทรุดตัวลงนั่งข้างเพื่อน อีกฝ่ายขบริมฝีปากเหมือนกำลังคิดพอดีกับเด็กหนุ่มเริ่มได้สติ เขาลืมตาแล้วกวาดไปรอบๆ ก่อนจะดีดตัวพรวดขึ้นมานั่ง
“ผม...เอ่อ...ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มบอกเสียงแผ่ว
“เป็นอะไร ไม่ได้กินข้าวหรือไงเรา” จีรณาชิงถามคนแรก
“เปล่าครับ คือ...ผมกลัวความสูงครับ”
“อ้าว...กลัวความสูงแล้วรับงานนี้ได้ไง อย่างนี้ต้องปรับนะเนี่ย เสียเวลารู้ไหม” ผู้กำกับปากร้ายโวยวาย
“พี่นพ” ดาวรดาหันไปปรามพร้อมกับขว้างค้อนใส่ ก่อนจะหันมามองเด็กหนุ่ม “ไหนบอกพี่หน่อยสิว่ากลัวความสูงแล้วทำไมรับงานนี้ล่ะเรา พี่ที่ติดต่อไปเขาบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องขึ้นสลิง”
“ครับบอกแล้ว ผมกลัวความสูงก็จริงแต่ผมก็อยากได้เงินครับ”
“จะเอาเงินไปทำอะไร” ดาวรดาคิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าต้องมีจุดประสงค์ถึงได้ยอมสู้กับความกลัวเพื่อแลกกับเงิน
“ผมจะเอาไปซื้อรถเข็นให้แม่ครับ แม่ผมเดินไม่ได้”
“ยังไงก็ต้องปรับ ทำกองถ่ายเสียหายแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” นพตะโกนแทรกขึ้นมา
“ไม่ต้องไปปรับหรอก แค่ตัดออกไปก็พอ แล้วก็รีบๆ ถ่ายกันต่อเสียเวลามากแล้ว” พงษ์โภคินทร์ตัดบท แม้สมองไม่หยุดคำนวณค่าความเสียหายถ้าโฆษณาออกไม่ทัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเห็นเงินสำคัญกว่าความรู้สึกของคน
“ไม่ได้หรอกครับ...ผมอยากได้ค่าจ้างไปซื้อรถเข็นให้แม่ พอกลับบ้านแล้วแม่จะได้ไปไหนมาไหนกับผมได้เหมือนเดิม” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนพูดก่อนจะหันไปทางดาวรดา “พี่ครับให้ผมเล่นต่อนะครับ” แล้วก็มองที่จีรณา “นะครับพี่ ให้ผมเล่นต่อเถอะ”
“ไม่ได้ เดี๋ยวก็ขึ้นไปเป็นลมข้างบนอีก” นพตวาดจ้องหน้าเด็กหนุ่มตัวประกอบ อีกฝ่ายหลบตา
“คือ...ผม”
อาการอ้ำอึ้งของคนถูกตวาดทำให้นพแสยะยิ้ม “...เอ้า เตรียมถ่ายต่อเร็ว” เขาร้องสั่งกองลั่น แล้วเดินกลับไปนั่งประจำที่เดิม ทีมงานที่มายืนมุงเริ่มแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
“พงษ์คะ” ดาวรดาร้องเรียกเมื่อเห็นว่าพงษ์โภคินทร์กำลังหันหลังเดินกลับไปทางเดิม “ให้โอกาสน้องเขาอีกครั้งไม่ได้เหรอคะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีกดาวจะรับผิดชอบเอง”
“ดาว” พงษ์โภคินทร์กับจีรณาร้องแทบจะพร้อมกัน ภาวินยืนกอดอกสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ
“ไม่ได้นะดาว คราวนี้ผมยอมไม่ได้จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ผมหรือนายวินหรือทีมงานจะต้องมารอเด็กคนเดียว” ชายหนุ่มบอกก่อนจะเหลือบไปมองเด็กคนนี้ที่เขาพูดถึง “คุณคิดว่าเด็กคนนั้นจะพร้อมขึ้นสลิงตอนนี้เลยไหมล่ะ หน้าเขาซีดขนาดนั้นน่ะ ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมาผมรับผิดชอบไม่ไหวนะ แล้วที่ผมไม่ปรับเขานี่ยังไม่พออีกหรือ”
“เราพักกองกันสักสิบนาทีคงไม่เป็นไรมั้งคะ”
“นี่คุณกำลังทำหน้าที่เกินครีเอทีฟหรือเปล่า”
“ทำไมคะเป็นครีเอทีฟจะใช้หัวใจแทนสมองบ้างไม่ได้หรือ”
ทั้งคู่ประสานสายตากันเหมือนจะสะกดจิตอีกฝ่ายให้คล้อยตาม แม้พงษโภคินทร์จะรู้สึกเห็นใจเด็กหนุ่ม
และเข้าใจดาวรดาเป็นอย่างดีแต่ธุรกิจของเขาก็สำคัญไม่แพ้สิ่งอื่นใด
ภายในสตูดิโอตอนนี้ เงียบกริบ แม้แต่เสียงกลืนน้ำลายของเด็กหนุ่มที่เป็นต้นเหตุยังรู้สึกเหมือนดังสนั่น ทุกอย่างหยุดนิ่งชั่วขณะราวกับเวลาหยุดหมุน จีรณากุมขมับสองข้างแน่นรู้สึกว่าได้ยินเสียงมันเต้นตุบเหมือนกำลังจะระเบิด นพแสยะยิ้มอย่างสะใจที่เห็นดาวรดากำลังจะจนมุม ส่วนทีมงานคนอื่นๆ ยืนมองคนทั้งคู่สลับกันไปมาเหมือนตุ๊กตาไขลาน
ในช่วงเวลาแห่งการเผชิญหน้านี้ภาวินทำเหมือนหลบอยู่ในโลกแห่งเสียงเพลงของเขา แต่จริงๆ ชายหนุ่มกำลังคิดว่าควรจะเข้าไปหยุดพายุลูกนี้ไม่ให้กลายเป็นทอนาโดได้อย่างไร
....................โปรดติตามตอนต่อไป....................................
![](/images/icons/guest.jpg)
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 มี.ค. 2558, 01:28:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 มี.ค. 2558, 17:55:11 น.
จำนวนการเข้าชม : 985
<< บทนำ | ตอนที่ 2 >> |
![](/images/icons/guest.jpg)
กากะเยีย 22 มี.ค. 2558, 01:37:44 น.
ตอบคุณ Zephyr (คอมเม้นท์ในบทนำ)
กากะเยีย แปลว่า ที่วางใบลาน มีแปดแฉกค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
ตอบคุณ Zephyr (คอมเม้นท์ในบทนำ)
กากะเยีย แปลว่า ที่วางใบลาน มีแปดแฉกค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
![](/images/icons/593.jpg)