บทเรียน (รัก) นอกตำรา
นพมัลลี นักศึกษาฝึกสอนที่จบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน
นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก
แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้
มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน
นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก
แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้
มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่
Tags: นพมัลลี ตุนท์ คมิก พิชญ์ปรีชา
ตอน: บทที่ 24 : คมิก
บทที่ 24
คมิกไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักว่าที่คมน์พ่อของเขาเอาตัวเขากลับมาบ้าน และขังไว้ในห้อง ไม่ให้ออกไปไหนนั้นเหตุผลเพราะท่านเป็นห่วง เด็กหนุ่มไม่เคยมีความทรงจำดีๆ ที่พ่อเคยทำ สิ่งเดียวในความทรงจำที่มีคือเสียงร้องไห้ของแม่ และความทุกข์ใจจากการโดนนอกใจ และอาชีพเลวๆ ที่พ่อทำ
เด็กหนุ่มนึกถึงตอนที่ตัวเองเอาเอกสารสำคัญหลักฐานลูกค้า หุ้นส่วนของพ่อไปซุกซ่อนไว้ ดวงตาดำขลับยิ่งทอประกายลึกยากเกินหยั่ง เขาไม่โง่พอที่เผาหลักฐานเดียวที่จะทำให้พ่อติดคุก แต่ก็ยังขลาดเกินไปที่จะส่งหลักฐานพวกนั้นไปให้ทางตำรวจ พ่อของเขาเก็บหลักฐานพวกนั้นไว้เพื่อหวังค้ำประกันชีวิตว่าจะไม่ถูกใครหักหลัง เก็บซ่อนในเซฟอย่างดี แต่เขาก็ยังลอบเอามาได้ สิ่งหนึ่งที่เขาประหลาดใจตอนแอบมองพ่อเปิดเซฟก็คือรหัสของเซฟเป็นวันเกิดเขา ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคมิกที่จะขโมยกุญแจเซฟจากพ่อ เพราะพ่อเองก็ไม่คิดว่าจะมีใครบุกมาในห้องทำงานท่าน ตอนเก็บจึงไม่ระวัง ไม่ล็อกลิ้นชักโต๊ะ
นิ้วมือยาวพับกระดาษเป็นรูปจรวดลำที่เท่าไหร่เขาเองก็ขี้เกียจนับอย่างเอื่อยเฉื่อย เมื่อพับเสร็จจึงปล่อยให้มันแล่นไปในห้อง ก่อนจะตกลงข้างเตียงที่มีเพื่อนของมันกองอยู่ก่อนหน้า คมิกยิ้มหยันกับชีวิตตัวเอง น่าเสียดายที่เขายังไม่มีโอกาสได้ออกไปดูละครเด็ด ถึงเขาจะไม่อยากเห็นพ่อติดคุก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาสนับสนุนให้พ่อใช้อาชีพค้ายาไปทำร้ายชีวิตคนอื่น
คมิกล้วงกระเป๋าเงินออกมา ในนั้นมีเบอร์โทรศัพท์ลูกค้าที่เขาลอบจดมาจากโทรศัพท์ลูกน้องคนสนิทของพ่อที่มักใจดีกับเขาเสมอ เห็นเขาเป็นนายน้อย ไว้ใจจนลืมระแวง เด็กหนุ่มเปิดตู้ หยิบโทรศัพท์สำรองที่เขาซ่อนจากพ่อไว้ออกมา ใส่ซิมสำรองที่เขาพกติดกระเป๋าเงินเสมอไว้ยามจำเป็นเข้าเครื่อง กดเปิดเครื่องหน้าตาสว่างในห้องที่ปิดม่านมิดชิด คมิกคาดการณ์ไว้บ้างแล้วว่าทันทีที่ถูกพ่อจับมาขัง ท่านจะไม่ให้เขาออกไป ยึดโทรศัพท์ และตัดสายโทรศัพท์ในห้อง ไม่ให้เขามีโอกาสติดต่อกับใคร แต่พ่อรู้จักเขาน้อยไป
“สวัสดีครับ คุณ...” คมิกยิ้มมุมปาก ไม่ลืมกดอัดเสียงบทสนทนาไว้ด้วย ดวงตาวาววับเอาเรื่อง ถึงเวลาที่เขาจะปิดเกมความแค้น ความเลวที่พ่อเขาสร้างเสียที และอานิสงส์ครั้งนี้ถือเป็นการช่วยทำลายคู่ค้าของพ่อ “ผมมีรายชื่อคู่ค้าของคุณ ของผิดกฎหมาย และระยะเวลาที่เตรียมส่งของ ผมรู้มาว่าจะเป็นคืนนี้”
“แกรู้ได้ยังไง”
“นั่นน่ะสิครับ” น้ำเสียงตอบไปอย่างไม่ยี่หระ “ผมรู้ แล้วคนอื่นจะไม่รู้เหรอครับ”
“แก!”
“ครับ”
“เป็นคนของคมน์มันใช่ไหม มันจะแบล็กเมล์ฉัน ที่ฉันส่งยาให้อีกสายหนึ่ง”
“โอ๊ะโอ” เด็กหนุ่มลากเสียงยียวน ไม่คิดว่าจะได้รู้เรื่องไส้ในน่ารังเกียจนี้ด้วย
“หรือแกไม่รู้ แกเป็นตำรวจ จะเอาเท่าไหร่”
“กำจัดคมน์ออกจากวงการโสมมนี้ซะ”
“ได้ แต่แกต้องสัญญาว่าจะไม่แจ้งตำรวจ เรื่องเก็บคนฉันถนัด”
คมิกชะงัก ดวงตาลืมขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เมื่อจู่ๆ หัวใจของเขาก็บีบอัด คล้ายว่าลมหายใจจะขาดไป “แค่หมดตัว ไม่ต้องตาย ถ้าเอากันถึงตาย เรื่องนี้ถึงหูผู้มีอำนาจในวงการสีกากีแน่”
“แกคิดว่าจะมาขู่กูได้หรือไง คิดว่ากูไม่มีแบ็กเหรอ คืนนี้ฉันจะฆ่าแม่งให้หมด ถ้ากูจะตายกูไม่ตายคนเดียวเด็ดขาด”
น้ำเสียงยัวะจัด และโมโหหายไปหลังตัดสัญญาณ คมิดถือโทรศัพท์แนบหูค้างไว้อย่างนิ่งอึ้ง ไม่คิดไม่ฝันว่าเรื่องจะลงเอยออกมาในทำนองนี้ เขาไม่เคยหวังให้พ่อต้องตาย เด็กชายกดปิดปุ่มอัดเสียง หน้าตาขาวซีด กดไล่เบอร์ในซิมที่มีเบอร์ของครูอยู่สองคน เขาเลือกโทรหาตุนท์
“สวัสดีครับ”
“ผมคมิกนะครู”
“มีอะไร” ปลายสายรับรู้เสียงสั่นไม่มั่นคงของนักเรียนได้
คมิกลุกขึ้นเดินไปมา ยกเล็บขึ้นมากัดอย่างวิตก เมื่อสมองที่เคยโล่งปลอดโปร่งไม่ทำงาน ไหล่จำต้องลู่ตก และยอมรับสภาพ ด้วยการเล่าความจริงของพ่อ รวมทั้งการกระทำที่เขาเพิ่งลงมือทำไป ไม่ต่างจากการฆ่าพ่อ บอกเวลา และสถานที่ที่พ่อเขาจะไป
“ออกไปห้ามพ่อเธอก่อนคมิก” ตุนท์สั่งเสียงเป็นกังวล “โทรแจ้งตำรวจเถอะ”
“อย่าเพิ่งครับครู” คมิกวางสายจากตุนท์ เคาะประตูรัวเรียกคนข้างนอก และเป็นแม่บ้านที่มาเปิดให้หน้าตาแตกตื่น คมิกไม่รอให้แม่บ้านออกปากถามสารทุกข์เขา ร่างสูงรีบพุ่งตัวสวนออกไป ทันได้เผชิญหน้ากับพ่อที่ออกมาจากห้องพักของแม่พอดี คมิกมองคมน์ด้วยสายตาประหลาดใจ แต่เพียงชั่วแวบเดียว เมื่อสติของเขาเร่งให้กระทำในสิ่งที่ควร
นิ้วที่สั่นจากอารามตื่นเต้นบังคับให้กดปุ่มเล่นเสียงที่บันทึกสนทนาได้สำเร็จ สีหน้าคนฟังราบเรียบ ไม่บ่งอารมณ์ใด คมน์เดินเข้ามาใกล้ ก่อนง้างฝ่ามือขึ้น แต่เมื่อมันเกือบกระทบผิวแก้มของบุตรชาย คมน์ก็ยั้งไว้ได้ทัน หน้าตาเจ็บปวด
“แกทำอะไรลลงไปคมิก แกทำอะไรลงไป”
“อย่าออกไป” ดวงตาประกายกร้าวอย่างคัดค้าน เขาไม่สนใจว่านาทีที่แล้วเกือบถูกพ่อแท้ๆ ตบเอา
“แกห่วงฉันหรือไง”
“ผมอยากให้พ่อเลิก เลิกได้ไหม เราจะไปอยู่กันสองคนที่ไหนก็ได้ พ่อจะมีผู้หญิงอื่นอีกกี่คนผมจะไม่ว่าเลย อย่าไปเลยนะพ่อ”
“ฉันอยู่บนหลังเสือ ก่อนที่จะเจอแม่แก ก่อนจะมีแก ฉันลงไม่ได้” คมน์เบือนหน้าหนีสายตาร้าวรานของบุตรชาย ถึงจะน่ายินดีที่คมิกแสดงความรู้สึกผูกพันที่เขาไม่เคยรู้สึกถึงมาก่อนให้ได้รับรู้แล้วก็ตาม “จนกว่าฉันจะกลับมา แกห้ามออกไปไหน ที่นี่จะปลอดภัยสำหรับแก พวกนายเฝ้าเขาไว้” คมน์หันไปสั่งกับลูกน้องคนสนิทที่คิดจะเอ่ยปากคัดค้าน แต่คมน์รู้ทัน “อยู่กับลูกฉัน อยู่ในโลกที่นายอยากให้ฉันออกไปอยู่ด้วยตลอด แต่ฉันมันตาบอดแล้ว ไม่รู้ทางที่จะออกไปหาแสงหรอก แต่ลูกชายฉันไม่ใช่ เขาไม่มีวันเจริญรอยตามคนที่เขาเกลียดหรอก”
“ผมยอมเจริญรอยตามพ่อ อย่าออกไป” คมิกลืมความถูกต้องภายในใจ แต่ก็ถูกลูกน้องคนสนิทของพ่อรั้งแขนไว้ ไม่ว่าเขาจะดิ้นเพื่อตามพ่อลงไปอย่างไรก็ไม่สำเร็จ น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่อาย คมิกรู้สึกถึงสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง และเขาคือผู้เปลี่ยน ผู้ที่ลงมีดฆ่าพ่อตัวเองลงไป
ตุนท์มีสีหน้าเคร่งเครียดจนนพมัลลีสังเกตได้ ตุนท์เดินกลับเข้ามาในบ้านอีกที เขาก็จับจูงมือของเธอลากออกจากห้องโถง ปล่อยให้นวมลลิ์ที่ดูโทรทัศน์อยู่กับตุลาทำหน้าเหรอหราไม่เข้าใจ
นพมัลลีรับฟังเรื่องด้วยหัวใจที่กองไปอยู่ตรงตาตุ่ม สีเลือดบนหน้าค่อยๆ ซีด มือยกขึ้นปิดปาก น้ำตาคลอหน่วยอย่างสงสารคมิกจับใจ
“เราต้องแจ้งตำรวจนะคะ”
“ผมโทรแจ้งแล้ว เขาเป็นญาติๆ ผม ทำงานด้านปราบปรามพอดี”
“แล้วพ่อของคมิกล่ะคะ” นพมัลลีรู้ว่านักเรียนของเธอต้องกังวลเรื่องพ่อเขาจะเป็นอันตรายมากกว่าอื่นใด
“มีตำรวจไป พ่อของคมิกอาจจะปลอดภัยกว่า ฟังจากที่คมิกเล่ามาพวกที่พ่อเขาไปพบ ต้องไม่เอาพ่อของคมิกไว้แน่”
มือของนพมัลลีเย็นเฉียบ เธอไม่ชอบการสูญเสีย ถึงแม้ว่าแม่จะจากไปตั้งแต่เธอเล็กมาก แต่แม่ดูเหมือนจะเป็นคนเพียงคนเดียวในโลกที่ไม่เคยทิ้งเธอ หากไม่มีความตายจากโรคภัยมาพรากท่านไป วันนี้ ตอนนี้ชีวิตของเธออาจไม่ต้องพบเจอความวุ่นวาย ความไม่ลงรอย ไม่เข้าใจของคนในบ้าน ส่วนคมิกนั้น เธอเชื่อว่าพ่อคือโลกทั้งใบนี้ของเขา ถึงเขาจะแสดงอาการต่อต้านพ่อ ไม่ชอบพ่ออย่างไร แต่ก็สูญเสียเสาหลักเดียวนี้ไม่ได้
“ไปที่ที่พ่อของคมิกไปกันเถอะค่ะ”
“ไม่มีทาง ผมไม่ยอมพาคุณไปเด็ดขาด” ตุนท์ค้านหัวชนฝา
“ตุนท์คะ” นพมัลลียื่นมือมาจับมือของตุนท์ไว้ บีบไม่ปล่อย “ฉันรู้ว่าเรื่องนี้อยู่เกินหน้าที่ของเราแล้ว แต่ฉันดูดายไม่ได้ แต่ฉันไม่อยากให้คมิกเสียใจที่อุตส่าห์หวังพึ่งพวกเรา แต่เราทำอะไรแทบไม่ได้”
“คุณไป แล้วคุณจะช่วยอะไรได้ลี”
“เราไม่รู้หรอกนะคะว่านาทีสุดท้ายของคนเราจะมาถึงเมื่อไหร่ ฉันไม่ต้องการให้คมิกรู้สึกผิด และคิดโทษว่าตัวเองส่งพ่อไปตายตลอดชีวิต”
ตุนท์ร้องเฮ้ออย่างกลัดกลุ้ม อยากเขย่าร่างผู้หญิงที่ลำพังตัวเองก็มีปัญหามากพอแล้ว แต่ก็ยังสรรหาปัญหาเพิ่มเข้าหาตัวไม่หยุด
“บางทีผมก็สงสัยนะ มีวันไหนบ้างที่คุณไม่มีปัญหามารายล้อม”
“ฉันมีคุณเป็นเกราะกำบังให้กับลมมรสุมในชีวิตฉันแล้ว จากนี้ไม่มีอะไรที่ร้ายใจฉันได้แล้วค่ะ แต่คมิกยังไม่มี หรือคุณจะถอนตัวออกจากเกราะวิฌศษก็ได้นะคะ” ท่าทีดื้อรั้นแสนงอนที่น้อยครั้งนพมัลลีจะแสดงออกทำให้ตุนท์ยกมือยอมแพ้ในที่สุด ตอนนี้ทั้งตัวและใจเขาถอนออกจากนพมัลลีไม่ทันแล้ว ไล่ก็ไม่ไปด้วย
“สัญญากับผมว่าจะอยู่ห่างๆ ห้ามวิ่งเข้าใส่ปัญหา ปล่อยให้เป็นงานของเจ้าหน้าที่เขา”
“แล้วถ้าฉันต้องยื่นมือ...” นพมัลลีทำหน้าแหยง ไม่รู้ว่าพักนี้ตัวเธอจะรู้สึกหดเล็ก และอยู่ในกำมือของตุนท์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ยอมโอนอ่อน เกรงใจ และไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรคนเดียว จะคิดถึงความรู้สึกของตุนท์เสมอ
“ผมจะลงโทษคุณหนักๆ” น้ำเสียงเข้มต่ำ ประกายตาลึกล้ำ
“ฉันจะไม่สอดมือไปเด็ดขาด” คนกลัวถูกลงโทษชูสามนิ้วสัญญาพร้อมกับเดินนำไปยังรถ ปล่อยให้ตุนท์อยากจับคนไม่สอดมือยุ่งมาตีก้นลงโทษ พลางถอนใจหนัก หรือเขาควรจับหญิงสาวผู้ดึงดูดปัญหาจับขังไว้ในบ้าน ไม่ให้ออกไปพบเจอเรื่องราวอื่นอีก
ก็เขาเป็นห่วง...‘ผู้หญิงของเขา’
ระหว่างเดินทาง เบอร์โทรศัพท์จากทวิชก็โทรมาเข้าเครื่อง นพมัลลีนิ่งไปจนตุนท์ต้องถาม ขณะที่สายตาของชายหนุ่มยังจดจ้องอยู่บนท้องถนน
“เป็นอะไรลี ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“ลุงโทรมาค่ะ” นพมัลลีทำใจเรียกทวิชว่าพ่อไม่ลง หลังจากรับรู้ความจริง ในใจของเธอสู้ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่ออาจจะดีเสียกว่า
“เขาอาจจะมีเรื่องด่วน ลองรับดูเถอะ”
“คุณไม่ห่วงความรู้สึกฉันเลย” นพมัลลีบ่นงอนๆ แต่ก็ยอมกดรับ สูดหายใจลึกสองที กว่าจะหาเสียงพูดตัวเองเจอ “ค่ะลุง”
“ลี ลุงเจอเอกสารที่คมิกซ่อนจากพ่อเขา” ทวิชเลือกใช้สรรพนามที่นพมัลลีเรียกแทนตน
“อะไรนะคะ” ความประหม่า และความรู้สึกอึดอัดหายเป็นปลิดทิ้ง นพมัลลีสั่งให้ตุนท์ขับรถกลับไปทางบ้านพักในโรงเรียนทันที
“นี่มันเรื่องอะไรกันลี”
“ไม่มีเวลาอธิบายค่ะ ลุงเอาเอกสารมาให้ฉันที่หน้าโรงเรียนทีนะคะ” นพมัลลีได้แต่ภาวนาให้เอกสารที่เธอกำลังไปรับมาจากทวิชจะมีประโยชน์
การประชันหน้าของคู่ค้าที่กำลังกลายเป็นคู่แค้นอยู่ในสายตาของเหล่าตำรวจที่ซ่อนตัวมองดูอยู่อย่างเงียบกริบ โกดังร้างติดแม่น้ำกลายเป็นแหล่งกำลังพลย่อมๆ ของมาเฟียสองฝ่าย คนที่มาอยู่รวมตัวกัน ณ ที่นี้ต่างพร้อมตายมากกว่า คู่ค้าของคมน์ชูปืนขึ้นเล็งมายังศีรษะของคมน์ จึงเกิดการเคลื่อนไหวรอบด้าน ลูกน้องของแต่ละฝ่ายต่างยกอาวุธขึ้นเล็งศีรษะฝ่ายตรงข้าม ยกเว้นคมน์ที่มือไม่เคลื่อนไปแตะยังอาวุธดำมันปลาบนั้นเลย
“แกแบล็กเมล์ฉัน”
“นั่นเพราะแกผิดสัญญากับฉันก่อน” คมน์ไม่แก้ต่างว่านั่นคือความคิดของลูกชาย เขาจะไม่ให้ชื่อของคมิกเข้ามาอยู่ในบทสนทนานี้เด็ดขาด
ลมแรงจากที่โล่งเหนือแม่น้ำพัดเข้าฝั่ง ทรงผมของแต่ละคนพัดสะบัด โดยเฉพาะผมยาวของนพมัลลีที่ปลิวมาระแก้ม เอวบางถูกล็อกไว้กับร่างสูงที่กอดเธอแน่นจากด้านหลัง ให้อยู่ห่างจากเหตุการณ์สองฝ่ายประชันหน้ากันออกมาพอสมควร แม้แต่หายใจนพมัลลีก็ไม่กล้าหายใจแรง เธอกังวลเมื่อเหล่าตำรวจเริ่มเคลื่อนไหว กระจายกำลังเข้าไปใกล้สองฝ่ายมากขึ้น
ปัง! กระสุนปริศนานัดแรกปล่อยออกมาจากปลายกระบอก และพุ่งแฉลบเข้าที่หัวไหล่ของคมน์ เหล่าลูกน้องของคมน์ต่างกรูมายืนล้อมบังผู้เป็นนาย นพมัลลีตาโต มองเหตุการณ์ไม่คาดฝันด้วยตัวสั่นเทา กระทั่งเอี้ยวตัวมากอดตุนท์อย่างหวาดหวั่น หลับตาไม่กล้ามองต่อ เมื่อหูสดับเสียงกระสุนสาดใส่กันไปมา
ตุนท์ลูบหลังบางอย่างปลอบโยน เขาโกรธตัวเองที่ใจไม่แข็งพอที่จะห้ามไม่ให้นพมัลลีมาเผชิญเหตุการณ์นี้ ได้แต่กอดไว้กับกายเพราะกลัวอีกฝ่ายทะเล่อทะล่าออกไปไม่คิดชีวิต เขาเกรงว่าต่อให้เขาเป็นเกราะวิเศษของเธอจริง ก็คงคุ้มกันจากภัยร้ายที่ทำมาจากลูกตะกั่วไม่ได้
นานหลายนาทีกว่ากระสุนจะเงียบสงบ นพมัลลีลืมตาขึ้นในอ้อมกอดของตุนท์ ไม่อยากลืมตาขึ้นมองดูว่าความจริงตรงกลุ่มคนสองกลุ่มนั้น ยามนี้เป็นอย่างไรบ้าง
“ครู” นพมัลลีหันหน้าไปตามเสียงเรียก พบใบหน้าซีดเผือดที่มีเลือดไหลลงมาตามแขนของคมน์อย่างวิตก ตอนนี้หญิงสาวคิดไม่ออกว่าควรตะโกนเรียกตำรวจ หรือช่วยพ่อค้ายาให้รอดจากตำรวจดี
“ไปที่รถก่อนเถอะครับ” ตุนท์ได้สติก่อน เขาสั่งให้นพมัลลีนั่งสงบ ห้ามทำอะไรผิดสังเกต เพราะพวกเขามาก็มีญาติของตุนท์รู้อยู่ แต่ขอให้พวกเขาห้ามยุ่ง
นพมัลลีกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ประหลาดใจที่ตุนท์ยื่นมือช่วยคมน์ทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นคนที่ตำรวจต้องการตัวในตอนนี้ หญิงสาวนั่งกุมมือเย็นเฉียบของตัวเองอย่างกังวล อยากด่าในความโง่เง่าที่เกิดอยากช่วยคมิก แต่พอถึงเวลาสติสตังของเธอกลับปลิวหายไปพร้อมห่ากระสุน โชคยังดีที่ไม่มีตำรวจนายใดขึ้นมาเผชิญหน้ากับเธอ เมื่อตุนท์โผล่หน้ามาให้เธอเห็น เขาก็รีบดึงมือเธอให้กลับไปขึ้นรถ คมน์ และคนของเขาที่รอดมาได้อีกสองคนอยู่ในสภาพโชกเลือดนั่งอยู่ตรงเบาะหลัง
ตุนท์มีสีหน้าเคร่งเครียดขณะขับรถออกจากลานกว้าง โชคยังดีที่จอดรถไว้ในมุมอับ และเป็นคมน์ที่เลือกหนีมาทางที่พวกเขาอยู่พอดี
“ที่เหลือตายเรียบ พวกมันไม่เก็บใครไว้สักคน” คมน์พูดอย่างแค้นเคือง กระสุนนัดแรกที่ทะลุแขนเขาออกไปสร้างไฟแค้นในใจเขา
“มีคนที่จะช่วยคุณได้ แต่คุณจะต้องสารภาพความผิด และสาวต่อไปถึงคนอื่นๆ ในวงการนี้” ตุนท์รู้อยู่อย่างว่าทำไมตำรวจจึงไม่มาเจาะจงอยู่ในบริเวณที่เขาและนพมัลลีซ่อน เพราะนี่เป็นหนึ่งในแผนการ พวกเขาจะต้องช่วยคนที่เหลือรอดมาทางนี้ และกักตัวไว้เป็นพยานให้ได้ และโชคดีที่คนๆ นั้นคือคมน์
“ตำรวจมันก็เลวทุกคน กระสุนนัดนั้นฉันมั่นใจว่าต้องเป็นพวกตำรวจ”
“คนนี้ผมเอาหัวเป็นประกัน เขาเป็นตำรวจน้ำดีจริงๆ ครับ”
คมน์นิ่งคิด อีกคนที่เขาเป็นห่วงก็ไม่น่าจะปลอดภัย “คมิกจะต้องโดนพวกมันหมายหัวไว้แน่”
นพมัลลีอยากจะเป็นลม หญิงสาวไม่ได้เตรียมตัวมาเผชิญเรื่องเสี่ยงชีวิตขนาดนี้ ทั้งที่รู้ว่ามีสิทธิ์ตายเธอก็ยังมา แล้วก็จริงที่ตุนท์ว่าไว้ก่อนออกจากบ้าน เธอมาแล้วเหมือนช่วยอะไรใครไม่ได้เลย
“ฉันจะดูแลคมิกให้เองค่ะ” นพมัลลีไม่อยากมาเป็นภาระให้หนักรถเปล่า เธอเสนอตัวด้วยความหวังดีเต็มที่ อย่างไรคมิกก็คือนักเรียนของเธอ เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอบ้าจนมาฟังเสียงกระสุนพวกนี้
“ถ้าครูรับปากว่าจะดูแลเขาให้ ผมก็จะให้ความร่วมมือกับพวกคุณ”
“ฉันรับปากค่ะ”
“ลี!” ตุนท์ทำเสียงดุ เขารับไม่ได้ที่นพมัลลีจะรับภาระเพิ่มกับตัว คมิกไม่ใช่เด็กชายธรรมดา เขาอาจล่อกระสุนมาเมื่อไหร่ก็ได้ ก่อนจะรับปากใครนพมัลลีควรไตร่ตรองให้มากกว่านี้
“ถ้าไม่ ก็ปล่อยพวกเราลงตรงนี้ก็ได้ครู อย่าเอาตัวมาแปดเปื้อนเลย” คมน์พูดอย่างไม่แยแส แต่ยังพอมีความรับผิดชอบพอจะไม่ลากผู้บริสุทธิ์มาเกี่ยวข้อง
นพมัลลีรู้สึกถึงกระแสกดดันที่ตุนท์และคมน์แผ่ออกมา เธอรู้ว่าควรเชื่อตุนท์ แต่ใจของเธอเมินเฉย และปล่อยให้คมิกที่ไมได้เลวร้าย หรือทำอาชีพเหมือนพ่อต้องตายก่อนอายุ
“ฉันจะดูแลเขาให้ดีค่ะ คุณพ่อของคมิกไม่ต้องห่วง”
“ดูแลตลอดไป ถ้าสมมติพรุ่งนี้คมิกจะเหลือแต่ตัว คุณก็ห้ามเปลี่ยนใจ” คมน์หลุบตามองแผลตรงหัวไหล่ เขารู้ชะตาชีวิตของตัวเองตั้งแต่ตัดสินใจมาที่นี่แล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าจะยังมีลมหายใจมาต่อรองเอากับครูของลูกชายได้ นึกว่าตนจะตายไปตั้งแต่กระสุนนัดแรก
“อย่าให้เขาเป็นเหมือนผม ให้เขายืนอยู่ในที่สว่าง มอบชีวิตที่ดีให้เขาแทนผมได้ไหม”
นพมัลลีนึกทะแม่งก็ตอนนี้ ท่าทีอ้อนวอน และเหนื่อยอ่อนของชายวัยกลางคนนึกสะท้อนสะท้านใจนพมัลลี ขนาดพ่อที่เลวร้าย ก็ยังรักเลือดเนื้อในอก แล้วเธอล่ะ? นพมัลลีส่ายศีรษะเมื่อสมองหวนนึกถึงชีวิตครอบครัวที่พังทลายของตัวเอง เธอควรเลิกจมปลักกับสิ่งที่ผ่านไป ตอนนี้ชีวิตของเธอกำลังไปได้ดี เธอก็ควรจับจูงคนที่มีสิทธิ์หลงทางให้ไปในทางที่ถูก...พร้อมๆ กัน
“ตุนท์คะ...”
“ผมเข้าใจ” ครูหนุ่มถอนใจเบาๆ เขาขอบคุณที่สุดท้ายนพมัลลีก็ยังถามความเห็นกับเขา “พวกเราจะคอยดูแลเขาให้นะครับ”
...................................................................................
คุณ coonX3 ตัวเล็กต้องมีคนปราบบ้างค่ะ รอบข้างประคบประหงมกันสุดๆ ฮา วางใจตัวเล็กได้หน่อยมีคมิกมาต่ออีกแล้ว
คุณ konhin ต้องคอยดูว่าเรื่องคมิกจะทำให้คนกี่คนวุ่นนะคะ ตัวเล็กจะพอใจกับการมาของคมิกรอบใหม่ไหม ฮา
คุณ กาซะลองพลัดถิ่น ใช่ค่ะ ตัวเล็กแอบแก่แดดเนอะ ฮา เป็นเด็กอีกคนที่โตมาพร้อมปัญหา ถึงจะอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่รู้ความจริงก่อนหนึ่งปี แต่ก็ซึมซับหลายๆ อย่างมาอะค่ะ
คุณ violette ตัวเล็กอาจไม่ดีใจที่เจอย่าตุลานะคะ ฮา แผลงฤทธิ์ไม่ออก
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ คู่ย่าหลานน่ารักนะคะ ย่าจะคอยจิกกัดตลอด ฮา
ขอบคุณความคิดเห็น ทุกคนที่เข้ามาอ่าน และทุกคนที่กดถูกใจนะคะ ขอให้อ่านกันสนุกค่ะ ^_^
คมิกไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักว่าที่คมน์พ่อของเขาเอาตัวเขากลับมาบ้าน และขังไว้ในห้อง ไม่ให้ออกไปไหนนั้นเหตุผลเพราะท่านเป็นห่วง เด็กหนุ่มไม่เคยมีความทรงจำดีๆ ที่พ่อเคยทำ สิ่งเดียวในความทรงจำที่มีคือเสียงร้องไห้ของแม่ และความทุกข์ใจจากการโดนนอกใจ และอาชีพเลวๆ ที่พ่อทำ
เด็กหนุ่มนึกถึงตอนที่ตัวเองเอาเอกสารสำคัญหลักฐานลูกค้า หุ้นส่วนของพ่อไปซุกซ่อนไว้ ดวงตาดำขลับยิ่งทอประกายลึกยากเกินหยั่ง เขาไม่โง่พอที่เผาหลักฐานเดียวที่จะทำให้พ่อติดคุก แต่ก็ยังขลาดเกินไปที่จะส่งหลักฐานพวกนั้นไปให้ทางตำรวจ พ่อของเขาเก็บหลักฐานพวกนั้นไว้เพื่อหวังค้ำประกันชีวิตว่าจะไม่ถูกใครหักหลัง เก็บซ่อนในเซฟอย่างดี แต่เขาก็ยังลอบเอามาได้ สิ่งหนึ่งที่เขาประหลาดใจตอนแอบมองพ่อเปิดเซฟก็คือรหัสของเซฟเป็นวันเกิดเขา ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคมิกที่จะขโมยกุญแจเซฟจากพ่อ เพราะพ่อเองก็ไม่คิดว่าจะมีใครบุกมาในห้องทำงานท่าน ตอนเก็บจึงไม่ระวัง ไม่ล็อกลิ้นชักโต๊ะ
นิ้วมือยาวพับกระดาษเป็นรูปจรวดลำที่เท่าไหร่เขาเองก็ขี้เกียจนับอย่างเอื่อยเฉื่อย เมื่อพับเสร็จจึงปล่อยให้มันแล่นไปในห้อง ก่อนจะตกลงข้างเตียงที่มีเพื่อนของมันกองอยู่ก่อนหน้า คมิกยิ้มหยันกับชีวิตตัวเอง น่าเสียดายที่เขายังไม่มีโอกาสได้ออกไปดูละครเด็ด ถึงเขาจะไม่อยากเห็นพ่อติดคุก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาสนับสนุนให้พ่อใช้อาชีพค้ายาไปทำร้ายชีวิตคนอื่น
คมิกล้วงกระเป๋าเงินออกมา ในนั้นมีเบอร์โทรศัพท์ลูกค้าที่เขาลอบจดมาจากโทรศัพท์ลูกน้องคนสนิทของพ่อที่มักใจดีกับเขาเสมอ เห็นเขาเป็นนายน้อย ไว้ใจจนลืมระแวง เด็กหนุ่มเปิดตู้ หยิบโทรศัพท์สำรองที่เขาซ่อนจากพ่อไว้ออกมา ใส่ซิมสำรองที่เขาพกติดกระเป๋าเงินเสมอไว้ยามจำเป็นเข้าเครื่อง กดเปิดเครื่องหน้าตาสว่างในห้องที่ปิดม่านมิดชิด คมิกคาดการณ์ไว้บ้างแล้วว่าทันทีที่ถูกพ่อจับมาขัง ท่านจะไม่ให้เขาออกไป ยึดโทรศัพท์ และตัดสายโทรศัพท์ในห้อง ไม่ให้เขามีโอกาสติดต่อกับใคร แต่พ่อรู้จักเขาน้อยไป
“สวัสดีครับ คุณ...” คมิกยิ้มมุมปาก ไม่ลืมกดอัดเสียงบทสนทนาไว้ด้วย ดวงตาวาววับเอาเรื่อง ถึงเวลาที่เขาจะปิดเกมความแค้น ความเลวที่พ่อเขาสร้างเสียที และอานิสงส์ครั้งนี้ถือเป็นการช่วยทำลายคู่ค้าของพ่อ “ผมมีรายชื่อคู่ค้าของคุณ ของผิดกฎหมาย และระยะเวลาที่เตรียมส่งของ ผมรู้มาว่าจะเป็นคืนนี้”
“แกรู้ได้ยังไง”
“นั่นน่ะสิครับ” น้ำเสียงตอบไปอย่างไม่ยี่หระ “ผมรู้ แล้วคนอื่นจะไม่รู้เหรอครับ”
“แก!”
“ครับ”
“เป็นคนของคมน์มันใช่ไหม มันจะแบล็กเมล์ฉัน ที่ฉันส่งยาให้อีกสายหนึ่ง”
“โอ๊ะโอ” เด็กหนุ่มลากเสียงยียวน ไม่คิดว่าจะได้รู้เรื่องไส้ในน่ารังเกียจนี้ด้วย
“หรือแกไม่รู้ แกเป็นตำรวจ จะเอาเท่าไหร่”
“กำจัดคมน์ออกจากวงการโสมมนี้ซะ”
“ได้ แต่แกต้องสัญญาว่าจะไม่แจ้งตำรวจ เรื่องเก็บคนฉันถนัด”
คมิกชะงัก ดวงตาลืมขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เมื่อจู่ๆ หัวใจของเขาก็บีบอัด คล้ายว่าลมหายใจจะขาดไป “แค่หมดตัว ไม่ต้องตาย ถ้าเอากันถึงตาย เรื่องนี้ถึงหูผู้มีอำนาจในวงการสีกากีแน่”
“แกคิดว่าจะมาขู่กูได้หรือไง คิดว่ากูไม่มีแบ็กเหรอ คืนนี้ฉันจะฆ่าแม่งให้หมด ถ้ากูจะตายกูไม่ตายคนเดียวเด็ดขาด”
น้ำเสียงยัวะจัด และโมโหหายไปหลังตัดสัญญาณ คมิดถือโทรศัพท์แนบหูค้างไว้อย่างนิ่งอึ้ง ไม่คิดไม่ฝันว่าเรื่องจะลงเอยออกมาในทำนองนี้ เขาไม่เคยหวังให้พ่อต้องตาย เด็กชายกดปิดปุ่มอัดเสียง หน้าตาขาวซีด กดไล่เบอร์ในซิมที่มีเบอร์ของครูอยู่สองคน เขาเลือกโทรหาตุนท์
“สวัสดีครับ”
“ผมคมิกนะครู”
“มีอะไร” ปลายสายรับรู้เสียงสั่นไม่มั่นคงของนักเรียนได้
คมิกลุกขึ้นเดินไปมา ยกเล็บขึ้นมากัดอย่างวิตก เมื่อสมองที่เคยโล่งปลอดโปร่งไม่ทำงาน ไหล่จำต้องลู่ตก และยอมรับสภาพ ด้วยการเล่าความจริงของพ่อ รวมทั้งการกระทำที่เขาเพิ่งลงมือทำไป ไม่ต่างจากการฆ่าพ่อ บอกเวลา และสถานที่ที่พ่อเขาจะไป
“ออกไปห้ามพ่อเธอก่อนคมิก” ตุนท์สั่งเสียงเป็นกังวล “โทรแจ้งตำรวจเถอะ”
“อย่าเพิ่งครับครู” คมิกวางสายจากตุนท์ เคาะประตูรัวเรียกคนข้างนอก และเป็นแม่บ้านที่มาเปิดให้หน้าตาแตกตื่น คมิกไม่รอให้แม่บ้านออกปากถามสารทุกข์เขา ร่างสูงรีบพุ่งตัวสวนออกไป ทันได้เผชิญหน้ากับพ่อที่ออกมาจากห้องพักของแม่พอดี คมิกมองคมน์ด้วยสายตาประหลาดใจ แต่เพียงชั่วแวบเดียว เมื่อสติของเขาเร่งให้กระทำในสิ่งที่ควร
นิ้วที่สั่นจากอารามตื่นเต้นบังคับให้กดปุ่มเล่นเสียงที่บันทึกสนทนาได้สำเร็จ สีหน้าคนฟังราบเรียบ ไม่บ่งอารมณ์ใด คมน์เดินเข้ามาใกล้ ก่อนง้างฝ่ามือขึ้น แต่เมื่อมันเกือบกระทบผิวแก้มของบุตรชาย คมน์ก็ยั้งไว้ได้ทัน หน้าตาเจ็บปวด
“แกทำอะไรลลงไปคมิก แกทำอะไรลงไป”
“อย่าออกไป” ดวงตาประกายกร้าวอย่างคัดค้าน เขาไม่สนใจว่านาทีที่แล้วเกือบถูกพ่อแท้ๆ ตบเอา
“แกห่วงฉันหรือไง”
“ผมอยากให้พ่อเลิก เลิกได้ไหม เราจะไปอยู่กันสองคนที่ไหนก็ได้ พ่อจะมีผู้หญิงอื่นอีกกี่คนผมจะไม่ว่าเลย อย่าไปเลยนะพ่อ”
“ฉันอยู่บนหลังเสือ ก่อนที่จะเจอแม่แก ก่อนจะมีแก ฉันลงไม่ได้” คมน์เบือนหน้าหนีสายตาร้าวรานของบุตรชาย ถึงจะน่ายินดีที่คมิกแสดงความรู้สึกผูกพันที่เขาไม่เคยรู้สึกถึงมาก่อนให้ได้รับรู้แล้วก็ตาม “จนกว่าฉันจะกลับมา แกห้ามออกไปไหน ที่นี่จะปลอดภัยสำหรับแก พวกนายเฝ้าเขาไว้” คมน์หันไปสั่งกับลูกน้องคนสนิทที่คิดจะเอ่ยปากคัดค้าน แต่คมน์รู้ทัน “อยู่กับลูกฉัน อยู่ในโลกที่นายอยากให้ฉันออกไปอยู่ด้วยตลอด แต่ฉันมันตาบอดแล้ว ไม่รู้ทางที่จะออกไปหาแสงหรอก แต่ลูกชายฉันไม่ใช่ เขาไม่มีวันเจริญรอยตามคนที่เขาเกลียดหรอก”
“ผมยอมเจริญรอยตามพ่อ อย่าออกไป” คมิกลืมความถูกต้องภายในใจ แต่ก็ถูกลูกน้องคนสนิทของพ่อรั้งแขนไว้ ไม่ว่าเขาจะดิ้นเพื่อตามพ่อลงไปอย่างไรก็ไม่สำเร็จ น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่อาย คมิกรู้สึกถึงสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง และเขาคือผู้เปลี่ยน ผู้ที่ลงมีดฆ่าพ่อตัวเองลงไป
ตุนท์มีสีหน้าเคร่งเครียดจนนพมัลลีสังเกตได้ ตุนท์เดินกลับเข้ามาในบ้านอีกที เขาก็จับจูงมือของเธอลากออกจากห้องโถง ปล่อยให้นวมลลิ์ที่ดูโทรทัศน์อยู่กับตุลาทำหน้าเหรอหราไม่เข้าใจ
นพมัลลีรับฟังเรื่องด้วยหัวใจที่กองไปอยู่ตรงตาตุ่ม สีเลือดบนหน้าค่อยๆ ซีด มือยกขึ้นปิดปาก น้ำตาคลอหน่วยอย่างสงสารคมิกจับใจ
“เราต้องแจ้งตำรวจนะคะ”
“ผมโทรแจ้งแล้ว เขาเป็นญาติๆ ผม ทำงานด้านปราบปรามพอดี”
“แล้วพ่อของคมิกล่ะคะ” นพมัลลีรู้ว่านักเรียนของเธอต้องกังวลเรื่องพ่อเขาจะเป็นอันตรายมากกว่าอื่นใด
“มีตำรวจไป พ่อของคมิกอาจจะปลอดภัยกว่า ฟังจากที่คมิกเล่ามาพวกที่พ่อเขาไปพบ ต้องไม่เอาพ่อของคมิกไว้แน่”
มือของนพมัลลีเย็นเฉียบ เธอไม่ชอบการสูญเสีย ถึงแม้ว่าแม่จะจากไปตั้งแต่เธอเล็กมาก แต่แม่ดูเหมือนจะเป็นคนเพียงคนเดียวในโลกที่ไม่เคยทิ้งเธอ หากไม่มีความตายจากโรคภัยมาพรากท่านไป วันนี้ ตอนนี้ชีวิตของเธออาจไม่ต้องพบเจอความวุ่นวาย ความไม่ลงรอย ไม่เข้าใจของคนในบ้าน ส่วนคมิกนั้น เธอเชื่อว่าพ่อคือโลกทั้งใบนี้ของเขา ถึงเขาจะแสดงอาการต่อต้านพ่อ ไม่ชอบพ่ออย่างไร แต่ก็สูญเสียเสาหลักเดียวนี้ไม่ได้
“ไปที่ที่พ่อของคมิกไปกันเถอะค่ะ”
“ไม่มีทาง ผมไม่ยอมพาคุณไปเด็ดขาด” ตุนท์ค้านหัวชนฝา
“ตุนท์คะ” นพมัลลียื่นมือมาจับมือของตุนท์ไว้ บีบไม่ปล่อย “ฉันรู้ว่าเรื่องนี้อยู่เกินหน้าที่ของเราแล้ว แต่ฉันดูดายไม่ได้ แต่ฉันไม่อยากให้คมิกเสียใจที่อุตส่าห์หวังพึ่งพวกเรา แต่เราทำอะไรแทบไม่ได้”
“คุณไป แล้วคุณจะช่วยอะไรได้ลี”
“เราไม่รู้หรอกนะคะว่านาทีสุดท้ายของคนเราจะมาถึงเมื่อไหร่ ฉันไม่ต้องการให้คมิกรู้สึกผิด และคิดโทษว่าตัวเองส่งพ่อไปตายตลอดชีวิต”
ตุนท์ร้องเฮ้ออย่างกลัดกลุ้ม อยากเขย่าร่างผู้หญิงที่ลำพังตัวเองก็มีปัญหามากพอแล้ว แต่ก็ยังสรรหาปัญหาเพิ่มเข้าหาตัวไม่หยุด
“บางทีผมก็สงสัยนะ มีวันไหนบ้างที่คุณไม่มีปัญหามารายล้อม”
“ฉันมีคุณเป็นเกราะกำบังให้กับลมมรสุมในชีวิตฉันแล้ว จากนี้ไม่มีอะไรที่ร้ายใจฉันได้แล้วค่ะ แต่คมิกยังไม่มี หรือคุณจะถอนตัวออกจากเกราะวิฌศษก็ได้นะคะ” ท่าทีดื้อรั้นแสนงอนที่น้อยครั้งนพมัลลีจะแสดงออกทำให้ตุนท์ยกมือยอมแพ้ในที่สุด ตอนนี้ทั้งตัวและใจเขาถอนออกจากนพมัลลีไม่ทันแล้ว ไล่ก็ไม่ไปด้วย
“สัญญากับผมว่าจะอยู่ห่างๆ ห้ามวิ่งเข้าใส่ปัญหา ปล่อยให้เป็นงานของเจ้าหน้าที่เขา”
“แล้วถ้าฉันต้องยื่นมือ...” นพมัลลีทำหน้าแหยง ไม่รู้ว่าพักนี้ตัวเธอจะรู้สึกหดเล็ก และอยู่ในกำมือของตุนท์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ยอมโอนอ่อน เกรงใจ และไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรคนเดียว จะคิดถึงความรู้สึกของตุนท์เสมอ
“ผมจะลงโทษคุณหนักๆ” น้ำเสียงเข้มต่ำ ประกายตาลึกล้ำ
“ฉันจะไม่สอดมือไปเด็ดขาด” คนกลัวถูกลงโทษชูสามนิ้วสัญญาพร้อมกับเดินนำไปยังรถ ปล่อยให้ตุนท์อยากจับคนไม่สอดมือยุ่งมาตีก้นลงโทษ พลางถอนใจหนัก หรือเขาควรจับหญิงสาวผู้ดึงดูดปัญหาจับขังไว้ในบ้าน ไม่ให้ออกไปพบเจอเรื่องราวอื่นอีก
ก็เขาเป็นห่วง...‘ผู้หญิงของเขา’
ระหว่างเดินทาง เบอร์โทรศัพท์จากทวิชก็โทรมาเข้าเครื่อง นพมัลลีนิ่งไปจนตุนท์ต้องถาม ขณะที่สายตาของชายหนุ่มยังจดจ้องอยู่บนท้องถนน
“เป็นอะไรลี ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“ลุงโทรมาค่ะ” นพมัลลีทำใจเรียกทวิชว่าพ่อไม่ลง หลังจากรับรู้ความจริง ในใจของเธอสู้ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่ออาจจะดีเสียกว่า
“เขาอาจจะมีเรื่องด่วน ลองรับดูเถอะ”
“คุณไม่ห่วงความรู้สึกฉันเลย” นพมัลลีบ่นงอนๆ แต่ก็ยอมกดรับ สูดหายใจลึกสองที กว่าจะหาเสียงพูดตัวเองเจอ “ค่ะลุง”
“ลี ลุงเจอเอกสารที่คมิกซ่อนจากพ่อเขา” ทวิชเลือกใช้สรรพนามที่นพมัลลีเรียกแทนตน
“อะไรนะคะ” ความประหม่า และความรู้สึกอึดอัดหายเป็นปลิดทิ้ง นพมัลลีสั่งให้ตุนท์ขับรถกลับไปทางบ้านพักในโรงเรียนทันที
“นี่มันเรื่องอะไรกันลี”
“ไม่มีเวลาอธิบายค่ะ ลุงเอาเอกสารมาให้ฉันที่หน้าโรงเรียนทีนะคะ” นพมัลลีได้แต่ภาวนาให้เอกสารที่เธอกำลังไปรับมาจากทวิชจะมีประโยชน์
การประชันหน้าของคู่ค้าที่กำลังกลายเป็นคู่แค้นอยู่ในสายตาของเหล่าตำรวจที่ซ่อนตัวมองดูอยู่อย่างเงียบกริบ โกดังร้างติดแม่น้ำกลายเป็นแหล่งกำลังพลย่อมๆ ของมาเฟียสองฝ่าย คนที่มาอยู่รวมตัวกัน ณ ที่นี้ต่างพร้อมตายมากกว่า คู่ค้าของคมน์ชูปืนขึ้นเล็งมายังศีรษะของคมน์ จึงเกิดการเคลื่อนไหวรอบด้าน ลูกน้องของแต่ละฝ่ายต่างยกอาวุธขึ้นเล็งศีรษะฝ่ายตรงข้าม ยกเว้นคมน์ที่มือไม่เคลื่อนไปแตะยังอาวุธดำมันปลาบนั้นเลย
“แกแบล็กเมล์ฉัน”
“นั่นเพราะแกผิดสัญญากับฉันก่อน” คมน์ไม่แก้ต่างว่านั่นคือความคิดของลูกชาย เขาจะไม่ให้ชื่อของคมิกเข้ามาอยู่ในบทสนทนานี้เด็ดขาด
ลมแรงจากที่โล่งเหนือแม่น้ำพัดเข้าฝั่ง ทรงผมของแต่ละคนพัดสะบัด โดยเฉพาะผมยาวของนพมัลลีที่ปลิวมาระแก้ม เอวบางถูกล็อกไว้กับร่างสูงที่กอดเธอแน่นจากด้านหลัง ให้อยู่ห่างจากเหตุการณ์สองฝ่ายประชันหน้ากันออกมาพอสมควร แม้แต่หายใจนพมัลลีก็ไม่กล้าหายใจแรง เธอกังวลเมื่อเหล่าตำรวจเริ่มเคลื่อนไหว กระจายกำลังเข้าไปใกล้สองฝ่ายมากขึ้น
ปัง! กระสุนปริศนานัดแรกปล่อยออกมาจากปลายกระบอก และพุ่งแฉลบเข้าที่หัวไหล่ของคมน์ เหล่าลูกน้องของคมน์ต่างกรูมายืนล้อมบังผู้เป็นนาย นพมัลลีตาโต มองเหตุการณ์ไม่คาดฝันด้วยตัวสั่นเทา กระทั่งเอี้ยวตัวมากอดตุนท์อย่างหวาดหวั่น หลับตาไม่กล้ามองต่อ เมื่อหูสดับเสียงกระสุนสาดใส่กันไปมา
ตุนท์ลูบหลังบางอย่างปลอบโยน เขาโกรธตัวเองที่ใจไม่แข็งพอที่จะห้ามไม่ให้นพมัลลีมาเผชิญเหตุการณ์นี้ ได้แต่กอดไว้กับกายเพราะกลัวอีกฝ่ายทะเล่อทะล่าออกไปไม่คิดชีวิต เขาเกรงว่าต่อให้เขาเป็นเกราะวิเศษของเธอจริง ก็คงคุ้มกันจากภัยร้ายที่ทำมาจากลูกตะกั่วไม่ได้
นานหลายนาทีกว่ากระสุนจะเงียบสงบ นพมัลลีลืมตาขึ้นในอ้อมกอดของตุนท์ ไม่อยากลืมตาขึ้นมองดูว่าความจริงตรงกลุ่มคนสองกลุ่มนั้น ยามนี้เป็นอย่างไรบ้าง
“ครู” นพมัลลีหันหน้าไปตามเสียงเรียก พบใบหน้าซีดเผือดที่มีเลือดไหลลงมาตามแขนของคมน์อย่างวิตก ตอนนี้หญิงสาวคิดไม่ออกว่าควรตะโกนเรียกตำรวจ หรือช่วยพ่อค้ายาให้รอดจากตำรวจดี
“ไปที่รถก่อนเถอะครับ” ตุนท์ได้สติก่อน เขาสั่งให้นพมัลลีนั่งสงบ ห้ามทำอะไรผิดสังเกต เพราะพวกเขามาก็มีญาติของตุนท์รู้อยู่ แต่ขอให้พวกเขาห้ามยุ่ง
นพมัลลีกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ประหลาดใจที่ตุนท์ยื่นมือช่วยคมน์ทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นคนที่ตำรวจต้องการตัวในตอนนี้ หญิงสาวนั่งกุมมือเย็นเฉียบของตัวเองอย่างกังวล อยากด่าในความโง่เง่าที่เกิดอยากช่วยคมิก แต่พอถึงเวลาสติสตังของเธอกลับปลิวหายไปพร้อมห่ากระสุน โชคยังดีที่ไม่มีตำรวจนายใดขึ้นมาเผชิญหน้ากับเธอ เมื่อตุนท์โผล่หน้ามาให้เธอเห็น เขาก็รีบดึงมือเธอให้กลับไปขึ้นรถ คมน์ และคนของเขาที่รอดมาได้อีกสองคนอยู่ในสภาพโชกเลือดนั่งอยู่ตรงเบาะหลัง
ตุนท์มีสีหน้าเคร่งเครียดขณะขับรถออกจากลานกว้าง โชคยังดีที่จอดรถไว้ในมุมอับ และเป็นคมน์ที่เลือกหนีมาทางที่พวกเขาอยู่พอดี
“ที่เหลือตายเรียบ พวกมันไม่เก็บใครไว้สักคน” คมน์พูดอย่างแค้นเคือง กระสุนนัดแรกที่ทะลุแขนเขาออกไปสร้างไฟแค้นในใจเขา
“มีคนที่จะช่วยคุณได้ แต่คุณจะต้องสารภาพความผิด และสาวต่อไปถึงคนอื่นๆ ในวงการนี้” ตุนท์รู้อยู่อย่างว่าทำไมตำรวจจึงไม่มาเจาะจงอยู่ในบริเวณที่เขาและนพมัลลีซ่อน เพราะนี่เป็นหนึ่งในแผนการ พวกเขาจะต้องช่วยคนที่เหลือรอดมาทางนี้ และกักตัวไว้เป็นพยานให้ได้ และโชคดีที่คนๆ นั้นคือคมน์
“ตำรวจมันก็เลวทุกคน กระสุนนัดนั้นฉันมั่นใจว่าต้องเป็นพวกตำรวจ”
“คนนี้ผมเอาหัวเป็นประกัน เขาเป็นตำรวจน้ำดีจริงๆ ครับ”
คมน์นิ่งคิด อีกคนที่เขาเป็นห่วงก็ไม่น่าจะปลอดภัย “คมิกจะต้องโดนพวกมันหมายหัวไว้แน่”
นพมัลลีอยากจะเป็นลม หญิงสาวไม่ได้เตรียมตัวมาเผชิญเรื่องเสี่ยงชีวิตขนาดนี้ ทั้งที่รู้ว่ามีสิทธิ์ตายเธอก็ยังมา แล้วก็จริงที่ตุนท์ว่าไว้ก่อนออกจากบ้าน เธอมาแล้วเหมือนช่วยอะไรใครไม่ได้เลย
“ฉันจะดูแลคมิกให้เองค่ะ” นพมัลลีไม่อยากมาเป็นภาระให้หนักรถเปล่า เธอเสนอตัวด้วยความหวังดีเต็มที่ อย่างไรคมิกก็คือนักเรียนของเธอ เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอบ้าจนมาฟังเสียงกระสุนพวกนี้
“ถ้าครูรับปากว่าจะดูแลเขาให้ ผมก็จะให้ความร่วมมือกับพวกคุณ”
“ฉันรับปากค่ะ”
“ลี!” ตุนท์ทำเสียงดุ เขารับไม่ได้ที่นพมัลลีจะรับภาระเพิ่มกับตัว คมิกไม่ใช่เด็กชายธรรมดา เขาอาจล่อกระสุนมาเมื่อไหร่ก็ได้ ก่อนจะรับปากใครนพมัลลีควรไตร่ตรองให้มากกว่านี้
“ถ้าไม่ ก็ปล่อยพวกเราลงตรงนี้ก็ได้ครู อย่าเอาตัวมาแปดเปื้อนเลย” คมน์พูดอย่างไม่แยแส แต่ยังพอมีความรับผิดชอบพอจะไม่ลากผู้บริสุทธิ์มาเกี่ยวข้อง
นพมัลลีรู้สึกถึงกระแสกดดันที่ตุนท์และคมน์แผ่ออกมา เธอรู้ว่าควรเชื่อตุนท์ แต่ใจของเธอเมินเฉย และปล่อยให้คมิกที่ไมได้เลวร้าย หรือทำอาชีพเหมือนพ่อต้องตายก่อนอายุ
“ฉันจะดูแลเขาให้ดีค่ะ คุณพ่อของคมิกไม่ต้องห่วง”
“ดูแลตลอดไป ถ้าสมมติพรุ่งนี้คมิกจะเหลือแต่ตัว คุณก็ห้ามเปลี่ยนใจ” คมน์หลุบตามองแผลตรงหัวไหล่ เขารู้ชะตาชีวิตของตัวเองตั้งแต่ตัดสินใจมาที่นี่แล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าจะยังมีลมหายใจมาต่อรองเอากับครูของลูกชายได้ นึกว่าตนจะตายไปตั้งแต่กระสุนนัดแรก
“อย่าให้เขาเป็นเหมือนผม ให้เขายืนอยู่ในที่สว่าง มอบชีวิตที่ดีให้เขาแทนผมได้ไหม”
นพมัลลีนึกทะแม่งก็ตอนนี้ ท่าทีอ้อนวอน และเหนื่อยอ่อนของชายวัยกลางคนนึกสะท้อนสะท้านใจนพมัลลี ขนาดพ่อที่เลวร้าย ก็ยังรักเลือดเนื้อในอก แล้วเธอล่ะ? นพมัลลีส่ายศีรษะเมื่อสมองหวนนึกถึงชีวิตครอบครัวที่พังทลายของตัวเอง เธอควรเลิกจมปลักกับสิ่งที่ผ่านไป ตอนนี้ชีวิตของเธอกำลังไปได้ดี เธอก็ควรจับจูงคนที่มีสิทธิ์หลงทางให้ไปในทางที่ถูก...พร้อมๆ กัน
“ตุนท์คะ...”
“ผมเข้าใจ” ครูหนุ่มถอนใจเบาๆ เขาขอบคุณที่สุดท้ายนพมัลลีก็ยังถามความเห็นกับเขา “พวกเราจะคอยดูแลเขาให้นะครับ”
...................................................................................
คุณ coonX3 ตัวเล็กต้องมีคนปราบบ้างค่ะ รอบข้างประคบประหงมกันสุดๆ ฮา วางใจตัวเล็กได้หน่อยมีคมิกมาต่ออีกแล้ว
คุณ konhin ต้องคอยดูว่าเรื่องคมิกจะทำให้คนกี่คนวุ่นนะคะ ตัวเล็กจะพอใจกับการมาของคมิกรอบใหม่ไหม ฮา
คุณ กาซะลองพลัดถิ่น ใช่ค่ะ ตัวเล็กแอบแก่แดดเนอะ ฮา เป็นเด็กอีกคนที่โตมาพร้อมปัญหา ถึงจะอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่รู้ความจริงก่อนหนึ่งปี แต่ก็ซึมซับหลายๆ อย่างมาอะค่ะ
คุณ violette ตัวเล็กอาจไม่ดีใจที่เจอย่าตุลานะคะ ฮา แผลงฤทธิ์ไม่ออก
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ คู่ย่าหลานน่ารักนะคะ ย่าจะคอยจิกกัดตลอด ฮา
ขอบคุณความคิดเห็น ทุกคนที่เข้ามาอ่าน และทุกคนที่กดถูกใจนะคะ ขอให้อ่านกันสนุกค่ะ ^_^
ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มี.ค. 2558, 09:54:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มี.ค. 2558, 09:54:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 1445
<< บทที่ 23 : สอนทอดปลา | บทที่ 25 : แฉกลางงาน >> |
konhin 25 มี.ค. 2558, 10:08:14 น.
ได้ลูกชายตัวโข่งมาอีกหนึ่ง บางที เด็กก็ไม่รู้ว่าทำอะไรแล้วผลมันจะทำลายเยอะกว่าที่คิด คมิกจะคิดได้หลังจากนี้มั้ยเนี่ย
ได้ลูกชายตัวโข่งมาอีกหนึ่ง บางที เด็กก็ไม่รู้ว่าทำอะไรแล้วผลมันจะทำลายเยอะกว่าที่คิด คมิกจะคิดได้หลังจากนี้มั้ยเนี่ย
ร้อยวจี 25 มี.ค. 2558, 11:34:21 น.
กดดันมากเลยค่ะ หวังว่าคงไม่มีใครมาไล่ยิงเด็กเอาทีหลังนะคะ เหนื่อย
กดดันมากเลยค่ะ หวังว่าคงไม่มีใครมาไล่ยิงเด็กเอาทีหลังนะคะ เหนื่อย
alittledog 25 มี.ค. 2558, 16:19:06 น.
ได้พี่เลี้ยงถาวรของตัวเล็กแล้ว...
ได้พี่เลี้ยงถาวรของตัวเล็กแล้ว...
violette 25 มี.ค. 2558, 23:08:25 น.
ตัวเล็กได้ลูกไล่มาอีกคนแล้ว555
ตัวเล็กได้ลูกไล่มาอีกคนแล้ว555