เงามาร (กำลังรีไรท์ค่ะ)
'วาลาดา' ตื่นขึ้นมาพร้อมกับการรับรู้ว่าตัวเองมีสามีมีลูกแล้ว
ที่สำคัญ สามีของเธอคือเพื่อนในวัยเยาว์ที่ห่างเหินกันไป
หลายปีแล้ว เธอไม่ได้มีใจให้เขา เขาเองก็เกลียดเธอ
เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือสามีของเพื่อนรักของเธอ
คำว่า "แย่งสามีเพื่อน"
กู่ก้องอยู่ในหัวและทำให้หัวใจของหญิงสาวแหลกสลาย...
เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปมีอะไรกับเขาตอนไหนจนมีลูก
กับเขาได้...แต่ลูกที่มีหน้าตาผสมผสานระหว่างเธอกับเขา
อย่างลงตัวทำให้เธอดื้นไม่หลุดกับหลักฐานการกระทำ
ของตัวเอง...
ความจริงดังกล่าว...ส่งให้ดาวดวงใหม่ที่ควรจรัสแสงแรงกล้า
อยู่บนฟากฟ้ากลับถูกกระชากลงมาให้แปดเปื้อนกลิ่นคาวคละคลุ้ง
ด้วยน้ำมือของใครบางคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเงาดำนั้น
หญิงสาวก็สุดจะคาดเดาได้...
หญิงสาวที่ควรมีความสุขไปบนหนทางอันดีงาม เส้นทางของดาว
กลับถูกดึงรั้งเข้ามาสู่เส้นทางของมาร...เมื่อถูกความมืดมน
ดุจเมฆดำเข้าครอบงำฝังจิตใจ...เปลี่ยนผู้หญิงที่เคยแสนดี
กลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจ...นั่นคือเธอที่กำลังถูกใครๆ
กล่าวขานอย่างไม่มีจบสิ้น...
ทางเดียวที่จะรอดพ้นไปได้ นั่นก็คือ เธอต้องต่อสู้กับมันให้ชนะ ต่อสู้กับเงามารที่คอยตามรังควานชีวิตเธอทั้งชีวิตให้ย่อยยับ
โดยไม่รู้เลยสักนิดว่า...เงามารที่เธอเห็นนั้นมีใครซ่อนอยู่
หลังเงานั่น...รอ...รอวัน...เพื่ออะไรบางอย่าง...
รอคอยและเฝ้าดูอยู่ข้างหลังอย่างอดทน...
ชักใยซึ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างพิถึพิถัน...และล้ำลึก...
วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบและรัดกุม
ช่างเป็นการรอคอยอันแสนยาวนาน รอให้เธอมีความสุขที่สุด
ประสบความสำเร็จที่สุด พอได้จังหวะเหมาะจึงเข้าโจมตี...
จนวาลาดาคาดไม่ถึงว่าจะมีใครอดทนรอคอยเพื่อจองเวรเธอ
ได้นานถึงเพียงนี้...ช่างเป็นการทุ่มเทที่น่ากลัวเหลือเกิน...
เธอรู้...รู้ว่าสิ่งที่สำคัญ...คือเธอจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือ
หลังจากโดนโจมตีจนย่อยยับอับปางนี้ต่อไปอย่างไร...
นั่นคือ...สิ่งที่เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่...
และอีกอย่างที่เธอจะต้องทำคือ...หาคนที่ซ่อนอยู่หลังเงานั้น
ให้เจอ! และถามให้รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร
และ...
หวังเพียงว่า...เธอจะไม่ถูกมันครอบงำได้อีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...เธอจะได้พบกับแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...ผู้ที่เธอได้ทำร้ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวจะให้อภัย
หวังเพียงว่า...เขาจะเข้าใจ เชื่อใจ อภัย และรักเธอ
หวังเพียงว่า...ยอดดวงใจซึ่งคือลูกน้อยจะปลอดภัย ไร้มลทิน
...ขอเพียงได้อยู่ดูแลคุ้มภายคุ้มใจคนที่รักตลอดไป...
...ขอเพียงคนที่เธอรักปลอดภัย เข้าใจ ให้อภัย
และรักเธอเท่านั้น....
ที่สำคัญ สามีของเธอคือเพื่อนในวัยเยาว์ที่ห่างเหินกันไป
หลายปีแล้ว เธอไม่ได้มีใจให้เขา เขาเองก็เกลียดเธอ
เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือสามีของเพื่อนรักของเธอ
คำว่า "แย่งสามีเพื่อน"
กู่ก้องอยู่ในหัวและทำให้หัวใจของหญิงสาวแหลกสลาย...
เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปมีอะไรกับเขาตอนไหนจนมีลูก
กับเขาได้...แต่ลูกที่มีหน้าตาผสมผสานระหว่างเธอกับเขา
อย่างลงตัวทำให้เธอดื้นไม่หลุดกับหลักฐานการกระทำ
ของตัวเอง...
ความจริงดังกล่าว...ส่งให้ดาวดวงใหม่ที่ควรจรัสแสงแรงกล้า
อยู่บนฟากฟ้ากลับถูกกระชากลงมาให้แปดเปื้อนกลิ่นคาวคละคลุ้ง
ด้วยน้ำมือของใครบางคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเงาดำนั้น
หญิงสาวก็สุดจะคาดเดาได้...
หญิงสาวที่ควรมีความสุขไปบนหนทางอันดีงาม เส้นทางของดาว
กลับถูกดึงรั้งเข้ามาสู่เส้นทางของมาร...เมื่อถูกความมืดมน
ดุจเมฆดำเข้าครอบงำฝังจิตใจ...เปลี่ยนผู้หญิงที่เคยแสนดี
กลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจ...นั่นคือเธอที่กำลังถูกใครๆ
กล่าวขานอย่างไม่มีจบสิ้น...
ทางเดียวที่จะรอดพ้นไปได้ นั่นก็คือ เธอต้องต่อสู้กับมันให้ชนะ ต่อสู้กับเงามารที่คอยตามรังควานชีวิตเธอทั้งชีวิตให้ย่อยยับ
โดยไม่รู้เลยสักนิดว่า...เงามารที่เธอเห็นนั้นมีใครซ่อนอยู่
หลังเงานั่น...รอ...รอวัน...เพื่ออะไรบางอย่าง...
รอคอยและเฝ้าดูอยู่ข้างหลังอย่างอดทน...
ชักใยซึ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างพิถึพิถัน...และล้ำลึก...
วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบและรัดกุม
ช่างเป็นการรอคอยอันแสนยาวนาน รอให้เธอมีความสุขที่สุด
ประสบความสำเร็จที่สุด พอได้จังหวะเหมาะจึงเข้าโจมตี...
จนวาลาดาคาดไม่ถึงว่าจะมีใครอดทนรอคอยเพื่อจองเวรเธอ
ได้นานถึงเพียงนี้...ช่างเป็นการทุ่มเทที่น่ากลัวเหลือเกิน...
เธอรู้...รู้ว่าสิ่งที่สำคัญ...คือเธอจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือ
หลังจากโดนโจมตีจนย่อยยับอับปางนี้ต่อไปอย่างไร...
นั่นคือ...สิ่งที่เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่...
และอีกอย่างที่เธอจะต้องทำคือ...หาคนที่ซ่อนอยู่หลังเงานั้น
ให้เจอ! และถามให้รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร
และ...
หวังเพียงว่า...เธอจะไม่ถูกมันครอบงำได้อีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...เธอจะได้พบกับแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...ผู้ที่เธอได้ทำร้ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวจะให้อภัย
หวังเพียงว่า...เขาจะเข้าใจ เชื่อใจ อภัย และรักเธอ
หวังเพียงว่า...ยอดดวงใจซึ่งคือลูกน้อยจะปลอดภัย ไร้มลทิน
...ขอเพียงได้อยู่ดูแลคุ้มภายคุ้มใจคนที่รักตลอดไป...
...ขอเพียงคนที่เธอรักปลอดภัย เข้าใจ ให้อภัย
และรักเธอเท่านั้น....
Tags: ดราม่า ซุลก๊อตไนท์ วาลาดา นาดีม มาร มารร้าย ไสยศาสตร์ ญิน นุฮา อะสุเซน่า วารินทร์ อานิต้า
ตอน: บทที่ 31 ซ่อนกลิ่น ซ่อนชู้
บทที่ 29 ซ่อนหา ซ่อนเงา
บทที่ 30 ซ่อนกล ซ่อนใจ
บทที่ 31 ซ่อนกลิ่น ซ่อนชู้
นักอ่านว่า บทที่ 32 โยจะซ่อนอะไรอีกดี...ฮ่าาาาา
ว่าแล้วมาอ่านกันค่ะ...บทที่แล้วกล่าวเกี่ยวกับความต่างของดอกกัลปพฤกษ์
กับชัยพฤกษ์ รอบนี้ก็มาเรื่องดอกๆอีก คือ ดอกซ่อนกลิ่น กับดอกซ่อนชู้ค่ะ
ใครรู้อะไรดีๆเกี่ยวกับไม้พันธฺุ์นี้ แลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะจ๊ะ...
มันเป็นดอกไม้ที่ถ้าไม่รักก็เกลียดเลยว่างั้นค่ะ...ไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ของมัน
แต่เป็นเพราะกลิ่นอันเย้ายวนของมันนั่นเอง...นางใดหนอที่เป็นได้ดั่งดอกซ่อนกลิ่น
ซ่อนชู้ไปติดตามกันค่ะ... ^o^
_______________________________________________________
“สรุปว่า…ที่ฉันส่งแกไปสืบคนชุดดำนั้น…แกทำไม่ได้ใช่มั้ย…
มันนานเท่าไหร่แล้ว…” เสียงวารินทร์ขุ่นเขียวทีเดียว เพราะกี่เดือน
มาแล้วที่ยอดนักสืบของเขาทำงานไม่ได้เรื่องอย่างประวัติที่ผ่านมา
“โธ่…เจ้านายคร้าบ…กระผมก็พยายามสุดๆแล้ว ล่าสุดที่กระผมส่งน้อยหน่าไปนั้น…
ผู้คนกระเจิงจริงๆ แต่เป้าหมายหายไปได้อย่างรวดเร็ว ไล่ตามไม่ทันครับผม…”
วารินทร์ลอบถอนหายใจยาว มองหน้านักสืบที่หน้าตาท่าทางไม่ได้แตกต่างไปจากเขาเลย…
ตัวร้ายในละครทีวีชัดๆ…แถมยิ้มทีเห็นฟันสีขาวเรียงกันตัดกับสีผิวได้อย่างชัดเจน
ภายใต้หน้าโหดๆนั้น น้อยคนจะรู้ว่าไอ้หมอนี่มันเป็นคนอารมณ์ดีและมีอารมณ์ขัน…
ซึ่งนั่นคือคุณลักษณะที่ทำให้เขาชื่นชอบเจ้าหมอนี่มาก
“และล่าสุดกระผมพยายามเข้าใกล้เป้าหมายด้วยการติดตามไป
แต่เพียงไม่นานก็หายไปได้อีก…เป้าหมายเราฉลาดและหูตาไหวมาก
เลยมีแค่อย่างเดียวที่กระผมจำได้ติดจมูกเลย…” วารินทร์เลิกคิ้วสูงทีเดียว
“กลิ่นรึ…” ยอดนักสืบพยักหน้าหงึกๆ
“เจ้านายรู้จักน้ำหอมกลิ่น Carnal Flower ของ Frederic Malle หรือเปล่า…”
วารินทร์ส่ายหน้าโดยทันที เพราะเขาไม่ใคร่ใส่ใจเรื่องพวกเครื่องหอมเท่าไหร่
แม้จะทำงานเกี่ยวข้องกับโรงแรม แต่ก็ทำในส่วนบริหาร ส่วนด้านบริการ
มารดาเขาเป็นผู้ควบคุมทั้งหมด
อีกอย่างเขาแพ้พวกน้ำหอม ไม่ค่อยถูกกับมัน…แต่ก็ไม่ได้แปลว่า
เขาจะไม่ชอบกลิ่นหอมๆ…ยิ่งกลิ่นหอมๆของอานิต้า ยังติดจมูกอยู่ไม่จาง…
“มันเป็นน้ำหอมจากฝรั่งเศส ขึ้นชื่อว่าใช้หัวน้ำมันจากดอกซ่อนกลิ่นแท้ๆ
ในปริมาณมากที่สุดในโลก…”
พอพูดถึงดอกซ่อนกลิ่น วารินทร์กึงกับทำหน้าเหยเกทันที…
เขาน่ะรู้จักกลิ่นของมันดี เพราะมันมักถูกจัดวางตามโรงแรมในเครือของเขา
กลิ่นอันเย้ายวนนั้นอาจจะทำให้ผู้คนหลงใหลคลั่งไคล้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แต่ทุกอย่างในโลกย่อมมีข้อยกเว้น และเขาคนนึงคือข้อยกเว้นนั้น…
“นี่แกวิเคราะห์กลิ่นได้ขนาดนี้เชียวรึ…ไปดมใกล้ๆเขามารึไง…”
ยอดนักสืบส่ายหน้าหวือ
“ไม่ต้องเข้าใกล้มากๆก็ได้กลิ่นแล้วครับผม…”
“แกก็เลยเดินตามกลิ่นนั้นไป…เพราะกลิ่นมันโดนใจใช่มั้ย…”
คนฟังยิ้มแหยๆเมื่อมีคนรู้เท่าทัน
“ก็ไม่ถึงขนาดน้าน…พอดีเมียผมเขาชอบกลิ่นนั้น หลงกลิ่นนั้น
แต่เจ้านายอย่าถามเรื่องราคานะ เพราะมันเอาไปเติมน้ำมันรถให้ผมขับ
ไปกลับกรุงเทพ-แม่สอดได้หลายรอบเลยทีเดียว…แต่ดีตรงที่ว่า
คุณภาพเกินราคา…” วารินทร์ยักคิ้ว แบะปากเพียงนิด
“คุ้มขนาดนั้นเชียว…”
“คุ้มเกินคุ้มขอบอก…” ยอดนักสืบยักคิ้วหลิ่วตาพร้อมการันตี
คุณภาพน้ำหอมกลิ่นดังกล่าว
“ผมยังเอามาใช้ในบางครั้งเลย…แต่ใช้เยอะไม่ได้ กลิ่นมันแรง…
ยิ่งใช้ในที่สาธารณะแล้วยิ่งต้องระวัง เพราะกลิ่นฉุนๆแรงๆแบบนี้
ถ้าไปโดนจมูกคนที่ชอบก็ดีไป แต่ถ้าไปโดนจมูกคนที่ไม่ชอบเราก็โดนแบนด์เท่านั้นเอง…”
พูดพลางยื่นขวดน้ำหอมกลิ่นดังกล่าวให้วารินทร์พิสูจน์กลิ่นดู
และเพียงแค่ได้กลิ่นของมัน วารินทร์ก็ถึงกับสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว…
คนแพ้กลิ่นน้ำหอมรีบยกมือปัดกลิ่นนั้นออกไปทันทีทันใด
“ต้องแตะนิดๆ…ตรงจุดสำคัญที่เป็นแอ่งชีพจรโดยเฉพาะหลังเข่าครับเจ้านาย
เพราะกลิ่นหอมจะระเหยขึ้นข้างบน…” ยอดนักสืบกลายร่างเป็นพ่อค้าน้ำหอมในบัดดล…
สีหน้าท่าทางราวกับจะเชียร์ให้วารินทร์ตกหลุมพรางกลิ่นหอมของมันให้จงได้
“อย่ามาอ่อยฉันให้ยาก แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบน้ำหอม…เก็บมันไปเลย
เอาไปให้เมียแกฉีดให้ดมเองเถอะ…” เจ้าของขวดน้ำหอมราคาแพง
ถึงกับหัวเราะร่วนเลยทีเดียวกับสีหน้าผะอีดผะอมของคนแพ้น้ำหอม
“ผมว่ากลิ่นมันออกจะหอม…ทำให้นึกไปถึงป่าเขา ป่่าดิบชื้น ใบไม้เขียวขจี
ผสมผสานกลิ่นเย้ายวนของดอกไม้ อย่างซ่อนกลิ่นนี่ชัดที่สุด เข้มข้นที่สุด
เข้ากันกับ กระดังงา ดอกส้ม เจือกลิ่นหอมหวานของเมล่อนกับมะพร้าว…
มันพาลให้หัวจิตหัวใจนึกไปถึงสาวชาวป่าชาวเขาบนดอย
ที่เซ็กซี่แบบดิบๆ…เถื่อนๆ...”
วารินทร์ฟังยอดนักสืบที่ดูจะหลงใหลได้ปลื้มเจ้าน้ำหอมกลิ่น Carnal Flower อะไรนี่
จนถึงกับพรรณนาออกมาด้วยใบหน้าและแววตาเคลิ้มฝันแล้วได้แต่ส่ายหน้า
“อีโรติกสุดๆ…” วารินทร์ต่อให้อย่างหมั่นไส้คนตรงหน้าเต็มทน
“เซ็กซี่ไปเลย…” คนโดนหมั่นไส้เสริมต่อ
“สรุปว่า…กลิ่นนี้ใช่มั้ยที่คนชุดดำใช้ฉีดตามตัว…”
“อย่าเรียกฉีดซีเจ้านาย…เอาแค่แตะแต้มก็พอ…” มันยังไม่วายหยอดความรู้ของมัน
ลงในสมองเขาอีกจนได้…เรื่องอื่นๆไม่เห็นมันจะรู้ลึกรู้ซึ้งขนาดนี้…
พอมาเรื่องอะไรหอมๆ สวยๆล่ะรู้มากเหลือเกิน
“แล้วสรุปว่าฉันจะรู้มั้ยว่า…ใคร…เพราะขนาดเมียแกก็ยังใช้น้ำหอมกลิ่นนี้…
มันไม่ใช่กลิ่นเฉพาะตัวของใครเป็นพิเศษ” อย่างกลิ่นของอานิต้า
วารินทร์แทบอยากจะต่อท้ายลงไปอย่างนั้นให้มันชัดๆ แต่เพื่อปกป้อง
เกียรติยศของอานิต้า เขาจึงต้องสงวนลิขสิทธิ์เอาไว้ไม่เผยแพร่ในที่สาธารณชน
และสื่อต่างๆ ขอเก็บไว้ในใจและความรู้สึกคนเดียวก็พอ
“แล้วหญิงชายก็ใส่น้ำหอมกลิ่นนี้ได้ทั้งนั้นมิใช่รึไง…” วารินทร์เปรย
หากกลับถูกแย้งทันที
“แต่ผมว่าผู้หญิงชัวร์ๆ…ขอให้เชื่อสัมผัสผมบ้าง…”
“สัมผัสพิศวาสอะไรนั่นของแกน่ะนะ…” คนโดนย้อนย้ิมแหยแล้วกระดกไหล่
“อ่ะแน่นอน…ขอให้เชื่อ…ท่าทางการเดินก็ผู้หญิงสุดๆ”
“เดี๋ยวนี้ผู้ชายเขาก็เดินได้เหมือนผู้หญิงแล้ว…” วารินทร์แย้ง
“อย่างนั้นเขาไม่เรียกว่าผู้ชาย เพราะไม่มีองคชาติเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวแล้ว…”
“รู้ได้ไง…ว่าเขาไม่มีแล้ว” เจอเข้าอย่างนี้ ยอดนักสืบถึงกับไปไม่เป็น
“ใจคอเจ้านายจะให้ผมขึ้นไปพิสูจน์บนเตียงเขาเลยรึไง แค่มุดไปใต้เตียงก็ว่ายากแล้ว…”
วารินทร์สะบัดหน้าอย่างระอาใจเหลือทน
“ฉันว่าเลิกเหอะ…กี่เดือนมาแล้วที่แกรับไปสืบแล้วได้มาแค่กลิ่น…
กับท่าเดินเหมือนผู้หญิง…” เหมือนโดนสบประมาทอย่างไรอย่างนั้นเลย
ยอดนักสืบถึงกับตีหน้าขรึมใส่
“เปลืองลูกน้อยหน่าว่ะ…” วารินทร์ถือโอกาสเกทับมันซะเลย
“ก็เป้าหมายไหวตัวทันราวกับมีพรายกระซิบบอก…”
นั่นๆ มันกำลังจะบอกเขาว่าคนชุดดำมีญินตามตัวอีกแล้ว
“งั้นเอาอย่างนี้…แกเลิกตามคนชุดดำนั่น แล้วคอยติดตามผู้หญิงอีกคนให้ฉันที…
เอาให้แบบไม่ให้คลาดสายตาเลยนะ…” พูดพลางส่งข้อมูลในโทรศัพท์ให้ทันที…
“โห…คนนี้สวยอ่ะเจ้านาย…ดูกระจุ๋มกระจิ๋ม บอบบาง น่าทะนุถนอม
ดูคุ้นๆว่าเคยเห็นที่ไหน…”
“เขาออกจะดัง…ลูกสาวคนเดียวของท่านสนธยาไงล่ะ…”
“ภรรยาของซุลก๊อตไนท์ที่เพิ่งเสียชีวิตไปในกองไฟน่ะนะเจ้านาย…โอ้…
พระเจ้าของคิม…เธอกำลังจะได้เป็นอภิมหาเศรษฐีนีม่ายอันดับต้นๆของเมืองไทย…
ตอนนี้คงจะเนื้อหอมน่าดูแน่ๆ…”
วารินทร์ฉุดยิ้มที่มุมปากเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายนั่น
“นั่นแหล่ะหน้าที่ต่อไปของแก คือคอยสืบดูว่าเธอผู้นี้เนื้อหอมแค่ไหน
เอาแค่สืบนะ อย่าถึงกับต้องพิสูจน์ด้วยการดมดู…”
“หวงหรือเจ้านาย…” ยอดนักสืบวาคิมกระเซ้าเย้าแหย่
“ฉันไม่ชอบกินปลาช่อน…อ้อ…ตอนนี้น่าจะกลายพันธุ์เป็นปลาชะโดไปแล้วล่ะมั้ง…”
“แต่ผมว่าหน้าตาอย่างนี้ ดูน่าสงสารออก…ชะโดมันดุร้ายไป
เอาเป็น…ปลาบู่ทองดีกว่ามั้ยเจ้านาย…”
“นั่นคือรหัสใหม่ของเหยื่อ…” ยอดนักสืบเลิกคิ้วสูง วารินทร์เลยเฉลยว่า
“ก็…ชะโดไง…เหยื่อล่าสุดคือชะโด…”
“ปลาบู่ทองน่าจะเหมาะกว่า…” วารินทร์ส่ายหน้า
“เดี๋ยวดูๆไป แกก็จะรู้เอง…ว่าทำไมถึงไม่ใช่ปลาบู่ทอง…”
“แล้วทำไมต้องชะโด…” ยอดนักสืบอดสงสัยไม่ได้
“อย่าบอกนะว่าอดีตนักตกปลาอย่างแกไม่รู้จักนิสัยของชะโด…”
อดีตนักตกปลามือฉมังถึงกับกระดกไหล่ขึ้นลงเป็นเชิงยียวนกวนประสาท
“ผมรู้จักหมดแหล่ะ รู้จักดีซะด้วย ทั้งปลาช่อน ปลาบู่ทอง และชะโด…”
“ฮืม…” วารินทร์พยักหน้า
“แต่มันสงสัยไง…ว่าผู้หญิงหน้าตาน่าสงสารเหมือนปลาบู่ทองแบบนี้
เจ้านายให้ผมเรียกว่าชะโดได้ไง…”
เขาไม่เข้าใจเลย…ก็เธอออกจะหน้าตาอ่อนหวาน อ่อนโยน
ให้สัมภาษณ์นักข่าวแต่ละคราวเรื่องของสามีที่ตายทีไรแล้วเรียกคะแนนสงสาร
จากคนดูได้อย่างคับคั่ง…นักแสดงฮอลลีวูดก็ไม่ใช่ ถ้าชะโดอย่างเจ้านายว่าจริงๆ
นักตกปลามือฉมังอย่างเขาคงต้องแห่ไปดูซะหน่อยแล้ว…
“มันไม่เข้ากันเลย…”
“เดี๋ยวก็เข้ากันเอง…” วารินทร์บอกเสียงเรียบเรื่อย
“ว่าแต่จะให้ผมล่าปลาชะโดจริงๆรึเนี่ย…” วารินทร์พยักหน้า
“เอาแค่ติดตามก็พอ…ว่าไปทำร้ายใครที่ไหนเอาไว้บ้าง…ชะโดตัวนี้
มันชอบทำลายระบบนิเวศ นับว่าเป็นภัยต่อแหล่งน้ำจืด…ยิ่งชะโด
ฤดูผสมพันธุ์ยิ่งโหดร้าย…พอมีลูกก็จะยิ่งดุเข้าไปอีก…”
“ดุร้ายขนาดนั้นเลยหรือเจ้านาย…”
“โดนแม่ชะโดท้องกัดให้เมื่อไหร่แล้วจะรู้เอง…” ยอดนักสืบก้มลง
มองภาพในโทรศัพท์อีกครั้ง
“น่าจะเอาชะโดพันธุ์นี้ไปเลี้ยงเป็นปลาสวยงามได้…เดี๋ยวนี้เขานิยมกันนักในหมู่นักตกปลา”
วารินทร์มองคนตรงหน้าแล้วได้แต่หัวเราะในลำคอ
“เอาสิ…ถ้าไม่กลัวว่ามันจะชนบ่อซะแตกน่ะนะ…ยิ่งช่วงนี้ยิ่งอยู่ในช่วงชะโดตีแปลง…
อย่าประมาทเห็นชะโดเป็นปลาบู่ทองก็แล้วกัน...เพราะยังไงๆก็ไม่ใช่ปลาบู่ทอง
ให้แกลากขึ้นบกได้ง่ายๆแน่”
‘ชะโดตีแปลง’ คือช่วงฤดูผสมพันธุ์ของปลาชนิดนี้โดยรังจะมีการตีแปลงใกล้ๆกับชายฝั่ง…
ซึึ่งนับได้ว่าชะโดเป็นปลาที่ดุร้าย และพร้อมจะขย่ำและทำร้ายทุกสิ่ง
ที่เข้าใกล้รังหรือเข้าใกล้ลูกครอกของมัน…ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์…
“ผมมีเมียแล้ว…เอาไปเลี้ยงในบ่อคงไม่ได้อีกแล้ว…เพราะของเรามันปลาปิรันย่า…
เจอกับชะโดเข้าไป…ไม่รู้ใครกัดใครตายก่อนใคร…”
“ถ้าวัดกันตัวต่อตัว ปิรันย่าของแกคงสู้ชะโดพันธุ์นี้ไม่ได้แน่…”
วารินทร์เตือนกรายๆ หากกลับไม่ได้ผล เมื่ออดีตนักตกปลา
ผู้มั่นใจในฝีมือของตัวเองยังคุยอีกว่า
“ผมน่ะนักตกปลามือฉมังนะคร้าบ…ลากขึ้นบกมาได้แล้วทั้งนั้น…
ขนาดปิรันย่าที่ว่าดุดัน ก็ยังจัดการเสียอยู่เกียร์…”
“เออ…จะดูว่าแกจะรอดมั้ย…เรื่องลากขึ้นบกคงไม่ต้อง เพราะฉันมีวิธีของฉันแล้ว…
แกแค่ติดตามดูพฤติกรรมเฉยๆ ย้ำว่าเฉยๆ…อย่าให้ชะโดรู้ตัว
และเราจะเรียกเหยื่อว่าชะโดเท่านั้น…เมื่อเจอกันเราจะพูดกันแต่เรื่องตกปลาชะโด…”
“โอเคคร้าบ…อ้อ” และเหมือนจะนึกขึ้นมาได้อีกอย่าง
“เรื่องคนชุดดำนั่น…ยังมีอีกอย่างที่เจ้านายควรรู้…และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมแน่ใจว่า
เธอคือผู้หญิง…” วารินทร์เลิกคิ้วเมื่ออีกฝ่ายวกกลับมาเรื่องคนชุดดำ
“เธอดูจะชอบดอกซ่อนกลิ่นครับ…เพราะผมสังเกตว่าบ้านหลังนั้นมีดงซ่อนกลิ่นอยู่
กลางวันจะไม่ได้กลิ่น เพราะมันซ่อนกลิ่นไว้อย่างดีไม่มีเล็ดลอดออกมา
แต่มันจะหอมฟุ้งกระจายในเวลากลางคืน…และผมเคยเห็นเธอเดินเข้าไปตัดก้านดอก
เป็นกำนำมันเข้าไปในบ้านด้วย…นิสัยแบบนี้...ผู้หญิงแน่นอน…”
วารินทร์พยักหน้าน้อยพลางคิดใคร่ครวญ
เพราะนึกไปถึงใครคนหนึ่งที่ชื่นชอบดอกซ่อนกลิ่นเป็นชีวิตจิตใจ
ทั้งๆที่ใครๆต่างมองว่าดอกซ่อนกลิ่นเป็นดอกไม้อัปมงคล…
“ดอกซ่อนกลิ่นกับดอกซ่อนชู้ต่างกันยังไงแกรู้มั้ย…” อดไม่ได้
ที่จะถามถึงรายละเอียดของดอกไม้งามสองชนิดนี้ เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจว่า
สองดอกที่ว่านี้มันใช่ดอกไหนที่คนๆนั้นชอบกันแน่
จำได้แค่ว่า ไม่ซ่อนกลิ่นก็ซ่อนชู้นี่แหล่ะ
“ต่างครับ…ดอกซ่อนกลิ่นจะเป็นชนิดกลีบชั้นเดียว
ส่วนดอกซ่อนชู้จะเป็นกลีบซ้อนหรือชนิดกลีบสองชั้น…”
“ฮืม…ดูแกจะรู้ดีเรื่องดอกสองดอกนี้นะ…ถามปุ๊บก็ตอบได้ปัํ๊บ
โดยไม่ต้องเซิร์ทหาข้อมูลในกูเกิ้ลเลย…”
“ก็เมียผมชอบ…” เขาบอกอย่างไม่อาย เนื่องจากภรรยาสุดที่รักนั้น
จะนิยมชมชอบดอกไม้ชนิดนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาเลยค่อนข้าง
คุ้นเคยกับดอกไม้สองชนิดนี้ ยิ่งกลิ่นหอมรัญจวนใจของมันด้วยแล้ว
เขายิ่งติดใจหลงใหลไม่จาง…
ว่าแล้วก็ให้รู้สึกคอแห้งเลยยกน้ำที่วางจนลืมดื่ม ดื่มพรวดเดียวหมดแก้ว
ทำเอาวารินทร์ยิ้มกว้าง
“ทำไมถึงชื่อซ่อนชู้…ซ่อนกลิ่นน่ะพอรู้ แต่ทำไมต้องซ่อนชู้วะ…”
วารินทร์อดสงสัยไม่ได้…คนที่เพิ่งดื่มน้ำไปถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ
“กระผมก็ไม่แน่ใจขอรับ…เพราะสำหรับคนไทย ดอกสองดอกนี้
ภาพพจน์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ชื่อเลยอาจเป็นแบบนี้…มันเป็นดอกไม้ที่ออกไปทาง
แนวๆอีโรติกนิดหน่อย เอิ่ม จริงๆก็ไม่นิด…
คือกลิ่นหวานอบอุ่นของมันคล้ายผิวกายคน ไม่เหมือนกลิ่นดอกไม้ชนิดอื่นๆ
นับว่าเป็นความพิเศษของซ่อนกลิ่น…เพราะมันชวนให้นึกไปถึง
ผิวกายอันร้อนรุ่มของหญิงสาวในยามที่เรากอดกระหวัดรัดรึง…
แถมยังขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นกลิ่นดอกไม้ที่ปลุกเร้าอารมณ์ปรารถนา
ทางกามารมย์ได้ยิ่งกว่าดอกไม้ชนิดใดๆในโลกนี้…”
อืม…มันเริ่มเข้าสู่โหมดอีโรติกจริงๆนั่นแหล่ะ…นี่ขนาดให้มันสาธยายเกี่ยวกับดอกไม้
มันก็พาให้ใจเขาเริ่มเตลิดเปิดเปิง แล้วไอ้หมอนี่มีเมีย แต่เขาไม่มี…
จะไปลงกับใครก็ไม่ได้…วารินทร์จึงเหยียบเบรคกะทันหัน
ก่อนที่มันจะพาเขาไถลไปไกลกว่านี้
“พอ!” คนฟังหัวเราะเสียงลั่นทีเดียว เลยได้ทีแกล้ง 'คนไม่มีเมีย' ต่อไป
อยากถามเขาเรื่องดอกซ่อนกลิ่นทำไม ถามแล้วก็จะตอบให้หมดไส้หมดพุง
“นอกจากจะหอมรัญจวนใจแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกของสองดอก
ก็แสนจะสวยสดงดงาม แลดูบอบบางด้วยกลีบขาวอ่อนราวกับน้ำนม
บางพันธุ์มีสีชมพูอ่อนๆแต่งแต้มตรงปลายกลีบของดอก ดูไปแล้วก็คลับคล้ายคลับคลา
เนื้อสาวนวลละออเปล่งปลั่งละมุนละไม…สวยทั้งรูป แถมจูบก็หอม
เหมือนแก้มน้องนวลตาที่หมายปอง…กลิ่นหอมขจรไกล…ทำหัวใจพี่รุมร้อนซ่อนกล่ินเอย”
มันร่ายมาเสียยาวจนพาลเอาคนฟังใจเตลิดไปกับมันจนได้…
ไม่วายจินตนาการภาพตามไปด้วย…จากภาพดอกซ่อนกลิ่นกลายเป็นภาพหญิงสาว
ไปได้อย่างไรก็สุดจะรู้…
“พอ!” พอเริ่มรู้ตัวแล้วว่าโดนแกล้ง วารินทร์จึงเหยียบเบรคอีกครั้ง
คราวนี้มีเท้าตามไปติดๆด้วย แต่คนที่นั่งอยู่อีกฟากไหวตัวทัน
หลบบาทาวารินทร์ได้ทันท่วงที
“ก็หาเมียเสียก็สิ้นเรื่อง…" ไม่วายยุส่ง
"ถูกใจสาวใดก็ให้แม่ไปขอ...บอกว่าพี่กำลังมองหาคนมาช่วยใช้ตังค์...
แถมมีโปรโมชั่นดีๆเอาไว้รับลมหนาวช่วยคลายความเหงา...กอดฟรี หอมแก้มฟรี
เที่ยวฟรี กินฟรี ที่พักฟรี ค่ารักษาพยาบาลฟรี ช็อปปิ้งฟรีตลอดชีพ...
ถ้าได้เปิดโปรฯตัวนี้ออกไปเมื่อไหร่ล่ะก็...อื้อหือ...รับรองว่ารอบนี้ได้เมียแน่เจ้านาย”
“ฉันไม่ได้อยากได้แค่เมีย แต่อยากได้คู่ชีวิตด้วย…”
“มันก็เหมือนๆกันแหล่ะน่า…เป็นเมียไปสักพักเดี๋ยวก็เป็นคู่ชีวิตไปเอง
ถ้าไม่ลองดู จะรู้ได้ยังไง…” มันยังไม่เลิกกวนเบื้องล่าง
“ผมว่านะ…อย่างเจ้านายน่ะ ถ้าประกาศหาคู่ตุนาหงันเมื่อไหร่
รับรองว่ามีสาวๆเดินเรียงหน้ากันมารอพวงมาลัยดอกซ่อนกลิ่นของเจ้านายกันเป็นร้อย…
หนึ่งในร้อยนั้นขอให้หารจนาให้เจอก็แล้วกาน…”
มันมีการสลับบทให้เจ้าเงาะป่าสังข์ทองเป็นฝ่ายเสี่ยงพวงมาลัยหาคู่แทนนางรจนา
ไปเสียแล้ว…
“แล้วฉันต้องไปอยู่กระท่อมปลายนามั้ย…” ไหนๆมันก็ส่งมุกมาแล้ว
รับให้มันเสียหน่อยก็แล้วกัน
“ก็คงจะต้องแล้วแต่เด็จแม่ของเจ้านายว่าจะโปรดรจนาของเจ้านายแค่ไหน
ถ้าไม่ก็คงไม่แคล้วต้องไปอยู่กระท่อมปลายนาจริงๆ…แต่ไม่เป็นไรนิ
แถวเพชรบุรีมีทุ่งนาเยอะ…ต้นตาลก็มีมาก…ทำน้ำตาลโตนดขาย
แทนการตกปลาชะโดก็ได้นี่…ผมหนับหนุนเต็มที่…
รูปร่างเจ้านายก็เหมาะแก่การปีนต้นตาลสุดๆนะผมว่า…ฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะของมันดังไม่น้อยเลยทีเดียว บาทาวารินทร์เลยขยับอีกครั้ง
คราวนี้ไม่พลาดเป้าเลยแม้แต่น้อย เพราะคนที่คิดจะกระตุกหนวดเสือ
โดนบาทาลูบก้นไปเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่มันหมายจะเลิกก้นจากที่นั่ง
เพื่อหนีบาทาเขาแล้ว…
“คนอินเดียเขานิยมใช้พวงมาลัยซ่อนกลิ่นในงานแต่งนะเจ้านาย
ไม่เหมือนไทยเรา เอามันไปไว้หน้าโลงศพ แสนจะสงสาร…เจ้าซ่อนกลิ่น”
ก่อนมันจะไปไม่วายวกกลับมาเรื่องแต่งงานอีกจนได้…
“ต้องเสียสละความโสดก่อนนะครับถึงจะได้กอดเมีย...ได้อย่างเสียอย่างนะครับ
เจ้านาย...แต่เชื่อเหอะ ได้คุ้มกว่าเสีย ชัวร์ๆ...หาเมียเต๊อะ...หาเมีย...
เมียไม่มาเขาหาว่าเมียไม่มี...แต่ไอ้ที่เมียไม่มี...ก็แปลได้ว่า...ไม่มีเมีย...
ไอ้เรามันคนมีเมียต่อให้เมียไม่มา ซึ่งก็แปลได้ว่า แม้เมียไม่มาแต่ว่าเราก็ยัง...มีเมีย”
หน้าตาที่โหดร้ายอยู่แล้วยิ่งโหดเข้าไปอีกเมื่อได้ยินประโยควกวนกวนเบื้องล่าง
ของนักสืบจอมป่วน
"ไอ้วาคิม!" คนโดนคาดโทษด้วยน้ำเสียงอันทรงพลังหาได้สะท้านสะเทือนไม่
“อยู่คนเดียว เปลี่ยวหัวใจ มองข้างกายไร้ร่างบาง…
อยู่ลำพัง ช่างอ้างว้าง…รอเนื้อนาง...แนบชิดเชย…
อกพี่เอยมิเคยกอดใคร...ปากนั่นไซร้จูบใครไม่เป็น...รอแม่เนื้อเย็น จงเห็นใจกัน...
รอ รอ รอ รอ รอใครคนนั้น...รอแค่เธอหัน...มารักกันเสียที...”
ไม่วายขับร้องออกมาเป็นบทเพลงขณะเดินเนิบๆจากไป
ปล่อยให้อีกคนที่นั่งอยู่ครางฮึ่มๆในลำคอ
คฤหาสน์หลังงามเก่าแก่ของตระกูลวรรัศมิ์สกุลที่คงความสง่างาม
ยิ่งใหญ่และท้าทายทุกๆสายตาที่ได้ยลโฉมให้อยากเข้ามาสัมผัส
ภายนอกที่ดูอลังการณ์แห่งการสร้างสรรค์แล้ว หากภายในกลับซุกซ่อนความงดงาม
และความประณีตเอาไว้ทุกซอกทุกมุม
เครื่องเรือนทุกชิ้นล้วนหาไม่ได้อีกแล้วในปัจจุบัน ฝีมือช่าง และวัสดุ
ที่นำมาประดิษฐ์นั้นแทบหาได้ยากยิ่ง
นาดีมมองไปรอบๆตัวคฤหาสน์แห่งนี้ที่เธอปรารถนายิ่งนักที่จะเป็นเจ้าของมัน…
มือบางลูบไล้ไปบนโซฟาตัวงาม กวาดตามองไปทั่วทุกมุมด้วยรอยยิ้มพึงใจ…
ซุลก๊อตไนท์มักน้อยเกินไป…ยอมให้แม่ปลูกบ้านหลังใหม่ให้เป็นเรือนหอ…
โดยยินดีที่จะยกคฤหาสน์หลังนี้ให้น้องสาวทั้งๆที่เขามีสิทธิ์ในคฤหาสน์หลังนี้
ด้วยเพราะเป็นลูกชายคนโต…หากเขากลับสละสิทธิ์นั้นไปอย่างไม่ใยดี…
ต่อให้บ้านหลังใหม่ของเขาภายใต้การออกแบบของวาลาดาจะสวยงาม
และทันสมัยเพียงใด หากเมื่อเทียบกับคฤหาสน์หลังนี้แล้วมันช่างห่างไกลกันเหลือเกิน…
ไม่มีที่ใดหรือสถานที่ใดจะเทียบเทียมได้…
เขามันโง่เง่าสิ้นดีที่ยอมปล่อยให้ของมีค่าหลุดมือไปราวกับไม่ใส่ใจ…ราวกับไก่ได้พลอย…
เธอเฝ้าเก็บความไม่พอใจในการตัดสินใจของเขามาตลอด…
เจ็บใจตัวเองที่เลือกเขาแล้วกลับได้เพียงแค่เศษเสี้ยวของวรรัศมิ์สกุล
เพราะสิ่งดีๆ ยอดมณีของตระกูลเขากลับไม่สนใจ รับไปแต่ธุรกิจสิ่งทอ…
แม้จะทำเงินให้มหาศาล หากมันคือภาระทั้งนั้น ของได้เปล่ากลับปล่อยไป
แล้วเอาภาระหนักมาแบกไว้
ผู้ชายแบบนี้ไม่รู้เธอจะเรียกว่าอย่างไรดี…
เรียนหนังสือก็แสนจะฉลาด จบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง
ในต่างแดน ใช้ชีวิตรอบคอบ สุขุมเยือกเย็น คิดอ่านอะไรก็แสนจะฉลาดหลักแหลม
แต่กับเรื่องผลประโยชน์ที่ตนควรจะได้แล้ว…เขากลับไม่ต่างอะไรกับผู้ชายซื้อบื้อคนนึง…
จะบอกว่ารักครอบครัว เสียสละสิ่งดีๆให้น้อง
แล้วเธอเล่า เธอที่เขาเลือกมาเป็นภรรยานั้นไม่ใช่ครอบครัวเขาหรืออย่างไร…
เพราะนั่นคือครอบครัวใหม่คือรังใหม่ที่เขาต้องคิดต้องใส่ใจมิิใช่หรือ
แต่เขากลับตัดสินใจ กลับทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเธอเลย จนเธอต้องลงมือจัดการเองทุกอย่าง…
ถ้าแม่ไม่คิดอ่านให้เธอได้หาทางทำความสนิทกับเขา โดยการส่งเธอ
ไปเรียนโรงเรียนมัธยมเดียวกันกับเขาเพื่อใช้เขาเป็นสะพานไปสู่เป้าหมายของแม่…
มีหรือที่เธอจะยอม ในเมื่อเด็กหนุ่มที่เธอหมายปองอยู่ในตอนนั้นคือ วารินทร์!!!
แม้ไม่หล่อ รูปร่างไม่ได้ดีไปกว่าซุลก๊อตไนท์ เรียนไม่เก่งเท่า
แต่วารินทร์ก็ดูถึงใจ แถมยังใจนักเลงมาตั้งแต่เด็ก…
เธอไม่ได้รักวารินทร์ที่หน้าตา แต่รักเขาที่ข้างในนั้น…
รักเขาเพราะอิจฉาความรักที่เขามีให้วาลาดา เธออยากได้ความรักอย่างที่เขามีให้วาลาดา
รักเดียวใจเดียว รักมั่นคง รักที่ยอมทุ่มเทความรักให้หมดใจ หอบความรักมาให้
โดยไม่สนว่าใครจะคิดอย่างไร คอยปกป้องดูแล ยอมเจ็บตัวเพื่อให้คนที่ตนรักปลอดภัย…
เธอแอบมองดูความรักที่เขามีให้วาลาดามาตั้งแต่ได้รู้จักเขา
และเห็นเขามองแต่วาลาดาไม่เคยมองใคร
แล้วรู้สึกอิจฉาทุกที่ที่เขารักวาลาดาไม่รักใคร…จนอยากเป็นคนที่เขารักคนเดียว
เพราะความรักที่เขาต่อวาลาดามาตลอดนั่นแหล่ะ…คือสิ่งที่เธอปรารถนาจากวารินทร์…
เธออยากเป็นคนๆนั้นที่เขารัก…อยากให้เขารักเธอแบบที่รักวาลาดาบ้าง!
แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร เธอก็ยังคงอยู่นอกสายตาของเขาอยู่อย่างนั้น…
เขายังคงปักใจอยู่กับวาลาดา…ไม่เคยหันมามองเธอบ้างเลย
ไม่เคยเหลียวแลกันสักครั้งเดียว
…นั่นจึงทำให้เธอแค้นวาลาดายิ่งกว่าแค้นใครในโลกนี้…
หมั่นไส้วาลาดาที่ได้ความรักของวารินทร์ไปแล้วแต่กลับหยิ่งใส่ ไม่รับไมตรี…
ไม่ยอมรับความรักที่ดีๆแบบนั้นไป…
ก็สมควรแล้วที่คนอย่างวาลาดาจะเจ็บช้ำกับความรัก…เพราะทำกับวารินทร์
ทำกับเธอเอาไว้เยอะ…ไม่รวมพวกผู้ชายที่ส่งความรักให้อีกมากมาย…
ได้รู้จักความเจ็บปวดทุรนทุรายกับความรัก…ได้ลิ้มลองรสชาติความเจ็บปวด
และความผิดหวังจากความรักดูเสียบ้างจะได้รู้สึก…
และเธอจะไม่ลากวาลาดาเข้ามาเกี่ยวข้องหรืออ้อนวอนให้วาลาดา
ไปเรียนโรงเรียนเดียวกันกับเธอเลย จะไม่ยอมให้แม่ของเธอบากหน้าไปอ้อนวอน
พ่อแม่ของวาลาดาให้ส่งเสียวาลาดาไปเรียนกับเธอที่โรงเรียนที่ซุลก๊อตไนท์เข้าเรียนแน่ๆ
ถ้าไม่คิดว่า วารินทร์จะต้องขอตามไปเรียนด้วยกับวาลาดาอย่างมิต้องสงสัย…
เพราะเธอหวังแค่อยากจะให้วารินทร์ได้เรียนที่เดียวกันกับเธอ ได้อยู่ห้องเดียวกัน
เธอจึงพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในตอนนั้นเพื่อความหวังเดียว…
เมื่อวาลาดาคือสะพานให้วารินทร์ตามไปเรียนที่เดียวกันกับเธอได้
มีหรือที่เธอจะยอมเสียเวลายุคนอย่างวาลาดาให้ไปเรียนที่นั่นด้วยกัน…
มีหรือที่เธอจะหาทางกีดกันไม่ให้วาลาดากับวารินทร์ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน…
ไปเข้าค่ายที่ไหน เธอจะทำทุกทางเพื่อให้วารินทร์อยู่กลุ่มเดียวกันกับเธอ
ต่อให้วาลาดาจะต้องไปอยู่กลุ่มเดียวกับเป้าหมายอย่างซุลก๊อตไนท์เธอก็ยอม
เพราะชีวิตเธอถูกแม่บงการให้ต้องแต่งงานกับซุลก๊อตไนท์เอาไว้แล้ว
อย่างไรเธอก็ต้องทำตามทุกอย่างที่แม่บัญชามา…
ซึ่งโชคดีที่ซุลก๊อตไนท์เป็นผู้ชายที่ดีพร้อมทุกอย่าง เขาดูแลเอาใจใส่เธออย่่างดี
หากไม่ติดกับว่าเธอมอบใจให้วารินทร์ไปหมดแล้ว เธอคงรักเขาได้ไม่ยากเย็นเลย…
ยิ่งได้เห็นความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรของซุลก๊อตไนท์ เธอก็ยิ่งอยากครอบครองมัน
ในเมื่อสุดท้ายแล้วเขาต้องตายตามแผนการที่แม่วางไว้…และใจเธอก็มิได้ปักลงไปกับเขา
เพราะรู้ว่าสักวัน เธอต้องเป็นฝ่ายประหัตประหารเขา...
เธอจึงมิได้หวั่นเกรงเรื่องของวารินทร์เลย…เพราะตั้งใจไว้ว่า
หลังจากซุลก๊อตไนท์ตายแล้ว และเธอได้ครอบครองทุกอย่างที่เป็นของเขา
แม่ได้ทุกอย่างสมใจแล้ว เธอยังพอมีโอกาสได้หวนกลับไปหาวารินทร์
วาลาดาจึงถูกโยงมาอยู่ในแผนนี้อีกครั้ง…เพราะถ้าเธอไม่ทำลายวาลาดาเสีย
ให้วาลาดาแปดเปื้อนได้มากกว่าที่เธอต้องแปดเปื้อน...ให้เลวยิ่งกว่าเลว...
มีหรือที่คนอย่างวารินทร์จะเลิกรักวาลาดาแล้วหันมามองเธอ…มันคงไม่มีทาง
ดังนั้น…วาลาดาจะต้องตายทั้งเป็นเสียก่อน…เธอถึงจะสมปรารถนาทุกอย่าง…
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล…
เธอเชื่อว่า…ทุกอย่างที่เป็นเธอ ถ้าวารินทร์ได้ลองสัมผัสแค่เพียงสักครั้ง
เขาจะต้องลืมความรักที่มีต่อวาลาดาแล้วหันมารักมาหลงใหลคลั่งไคล้เธอจนโงหัวไม่ขึ้น
เหมือนอย่างที่ผู้ชายคนอื่นๆเคยเป็นมา…
ไม่สิ…ต้องยกเว้นซุลก๊อตไนท์เอาไว้…
เพราะในขณะที่ปากบอกว่ารักและห่วงใยเธอ ดูแลเธออย่างดี พยายามทะนุถนอมเธอ
ไม่คิดแตะต้องให้เธอต้องมัวหมอง…ให้เกียรติเธอทุกอย่าง
ทำราวกับว่าเธอคือนางฟ้าผู้สูงส่ง แต่ก็ไม่วายปันใจให้วาลาดา…ผู้หญิงธรรมดาๆ
ที่ไม่ได้มีอะไรดีนักหนา
เขาไม่เคยรักเธออย่างที่พยายามบอกเธอมาตลอด…เขาหลอกตัวเอง
ไม่รู้ใจตัวเอง…ไม่ชัดเจนในตัวเอง…
ไม่เหมือนวารินทร์ที่ชัดเจนทุกๆการกระทำ…ทุกๆความรู้สึก…
เธอจึงไม่ต้องการหัวใจแบบนั้นของซุลก๊อตไนท์…
หัวใจที่เธอต้องการคือหัวใจแบบวารินทร์
และเขาจะต้องรักเธอ หลงเธอยิ่งกว่าที่เคยรักเคยหลงวาลาดา!
และไม่ว่าเขาจะหันไปสนใจผู้หญิงคนใด เธอก็จะทำลายผู้หญิงที่เขาสนใจให้หมด...
ทำลายให้ย่อยยับ...
จนสุดท้ายแล้วเขาจะต้องรักเธอ...มองเธอแค่คนเดียว
เพราะขนาดวาลาดามีลูกและทำตัวแย่ขนาดนั้น เขายังไม่ใส่ใจ ยังจะรักอยู่อย่างนั้น
ดังนั้น…ต่อให้เธอต้องมีลูกเพื่อให้แผนของแม่และของเธอที่ถูกวางเอาไว้
มาตั้งแต่เธอยังเล็กๆอยู่ได้บรรลุและสมความปรารถนาเรียบร้อยแล้ว
เขาก็คงไม่แคร์เช่นกันว่าเธอจะเป็นเช่นไร…
ขอเพียงแค่เวลา…ขอเพียงแค่โอกาสและจังหวะเหมาะๆ…
ขอแค่อดทนอีกนิดเถอะ…อีกไม่นานเขาก็จะเดินเข้ามาติดกับดักของเธอในที่สุด…
และเธอจะไม่ยอมปล่อยให้เขาหลุดมือไปอีกเลยตลอดชั่วชีวิตนี้…
แล้วใครก็ตามที่กล้าเข้ามาขัดขวางเส้นทางไปสู่เป้าหมายนี้ของเธอ
เธอก็จะกำจัดมันให้สิ้นซาก...
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเหลือดีมเรื่องคดีความพวกนี้ บอกตามตรงเลยค่ะ
ว่าเรื่องกฎหมายพวกนี้ดีมไม่ถนัดและไม่ค่อยรู้เรื่องเลย…”
นาดีมเอ่ยกับทนายเดชาเมื่อเขาส่งแฟ้มเอกสารต่างๆพร้อมอธิบายเรื่องความคืบหน้า
ของคดีให้กับเธออย่างอารีอารอบ
“แต่ถ้าเป็นเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมล่ะก็…ดีมถนัด…” ว่าพลางลุกขึ้นยืน
แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าทนายความรูปงาม บุคลิกดี ฝีปากเยี่ยม สมองเป็นเลิศ…
“ว่าใครเหมาะกับอะไร…แล้วทำยังไงให้ดูดี…”
พูดพลางก็ยกมือขึ้นจัดเนคไทให้บุรุษตรงหน้า จัดคอเสื้อสูทให้อย่างใส่ใจในรายละเอียด
แล้วไล้ปลายนิ้วเรียวสวย ลากจากคอเสื้อมาหยุดอยู่ตรงกระดุมเสื้อนอก
ปัดไรฝุ่นออกให้เบาๆ ทุกการกระทำแลดูนุ่มนวลอ่อนโยนยิ่งนัก...
ก่อนจะค่อยๆช้อนตาขึ้นมองเจ้าของชุดที่ยืนนิ่งมองเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว
นาดีมยิ้มหวาน ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับเมื่อยามจับจ้องดวงตาคม
สีน้ำตาลเข้มของหนุ่มรูปงามมาดขรึมตรงหน้า…
“ดีมตัดชุดเอาไว้ให้เดแล้วนะคะ…พรุ่งนี้อย่าลืมแวะไปลองที่ห้องเสื้อด้วย
แล้วยังปักเทคไทลวดลายใหม่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนให้ด้วยค่ะ
รับรองว่าใส่ไปศาลใด ไม่มีตกเทรนด์…” ทนายหนุ่มคลี่ยิ้มน้อยๆตรงมุมปาก
แลดูมีเสน่ห์ในแบบร้ายๆที่นาดีมเห็นคราวใดแล้วติดตาต้องใจ
จ้องมองไม่วางตาทุกครั้ง
“ขอบคุณที่ยังไม่ลืมขนาดตัวของผม…และรสนิยมของผม”
ถ้อยคำและน้ำเสียงส่อนัยยะซ่อนเร้น…ก่อนจะก้มลงมาแนบชิดพวงแก้มสาว
ที่ดูผ่องใสเนียนตา
“อย่าค่ะ…ตรงนี้ไม่เหมาะ…” ตรงนี้ของนาดีมคือห้องทำงานเก่า
ของประมุขของคฤหาสน์หลังนี้
“คุณรู้มั้ยว่าได้กลิ่นน้ำหอมกลิ่นนี้จากคุณทีไร ผมแทบอดใจไม่ได้ทุกครั้ง…
ยับยั้งตัวเองไม่ได้ทุกที…ซ่อนกลิ่นของผม…”
ว่าพลางก้มลงสูดดมกลิ่นหอมจากเรือนกายของนาดีมตรงซอกคอนั้น
อย่างหลงใหลเอามาก ก่อนจะตวัดผ้าคลุมศีรษะของนาดีมออกไปให้พ้นเสีย
ผมสลวยย้อมสีน้ำตาลอ่อนหยิกเป็นลอนจึงปรากฏแก่สายตา…
แลดูอ่อนหวานเมื่อมันล้อมกรอบดวงหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มของนาดีม…
ผู้หญิงที่แลดูบอบบาง น่าทะนุถนอม เรียบร้อยอ่อนหวานยามเมื่อมอง
หากเมื่อได้สัมผัสกลับเปลี่ยนเป็นหญิงสาวที่แสนจะเซ็กซี่เย้ายวน
และแสดงออกทางเพศอย่างร้อนแรง ทำเอาทนายหนุ่มถึงกับหลงใหลเธอจนโงหัวไม่ขึ้น
ไม่ว่าเธอจะออดอ้อนให้ทำอะไรให้ เขายินดียอมทำให้เธอหมดทุกอย่าง
ยอมสิโรราบแทบตักเธอ…
จมูกที่โลมไล้กลิ่นกายอันหอมหวานอบอุ่น ผสานกรุ่นกลิ่นป่าเขาลำเนาไพร
ยามเมื่อได้สูดดมคราวใดชวนให้ใจเตลิดเปิดเปิงได้ทุกครั้ง…
ปากสีชมพูระเรื่อถูกจุมพิตแผ่วเบาก่อนจะเร่งเร้าเมื่อไฟราคะของทั้งคู่ถูกจุดติด…
ความยับยั้งชั่งใจบินไป ณ แห่งหนใด มิมีใครปรารถนาจะค้นหามัน
ทั้งสองกอดกระหวัดรัดรึง เนื้อนวลขาวนุ่มเนียนละมุนราวกับน้ำนม
กับยอดปทุมสีชมพูอ่อนปรากฎแก่สายตาที่รอคอยจะได้ลิ้มลองความหอมหวานของมัน
ร่างที่ถูกปลดเปลื้องอาภรณ์ถูกวางลงบนโซฟาแล้วตามติดด้วยอีกร่าง
ที่เปล่าเปลือยทาทับลงไป ไร้พรมแดนกางกั้น ไร้สติยับยั้งชั่งใจ
มีแต่อารมณ์ที่จะทำตามอำเภอใจ…มิรู้จักบาปบุญคุณโทษ…
“เบาๆนะคะ…ดีมกำลังมีน้อง…”
เสียงนั้นดังแผ่วเบาหมายจะเตือน หากทุกอย่างกลับถูกลืมเลือน
เมื่อไฟถูกสุมด้วยฟืนแห่งตัณหาราคะที่พร้อมจะลุกโชติช่วง
ไหม้ลาม เผาทั้งกายและใจของคนทั้งสองให้พร้อมจะท่องไปยังแดนสุขาวดี
สลับกับแดนอเวจีครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับมิรู้จักอิ่ม มิรู้จักพอ มิรู้เบื่อ
มิรู้ผิดชอบชั่วดี…มิรู้เวลาและเทศะ
และโดยมิรู้ว่าทุกๆการกระทำของตนนั้นถูกบันทึกเอาไว้ด้วยสายตาของใครคนหนึ่ง
ที่จับจ้องมองอย่างไม่วางตา…เป็นสายตาที่กราดเกรี้ยวและดุดัน
พร้อมจะลุกไหม้ได้ทุกวินาที…
...........โปรดติดตามตอนต่อไป...........
แม่เนื้อหอมกับเสือหาญ...เหอๆๆ
มาให้ช้าไปกว่าที่ตั้งใจไว้...แต่ก็มาให้ทันก่อนจะหมดวันนี้แล้วน้าาาา ^o^
เอาวารินทร์กับนาดีมมาให้ค่ะ...ส่วนอานิต้า โดนวารินทร์เอาไปวางไว้บนหิ้งซะแล้ว
ฮ่าๆๆๆ เงาะของเต่าทำเอานาดีมแค้นวาได้ขนาดนั้นเลยหนา...เหอๆ
กว่าจะได้ครองคู่กับรจนา เงาะของเต่าต้องฝ่าด่านอรหันต์ให้ได้ซะก่อนนะเนี่ย
น่าสงสารคนไม่มีเมียจริงๆ จะมีเมียทีก็แสนจะลำบาก ขวากหนามแหลมคมเหลือเกิน
ปลาชะโดก็แสนจะดุร้ายยิ่งนัก (สรุปว่าเรื่องนี้เงาะเป็นพระเอกเนอะ) 5555
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ
ขอบคุณทุกๆไลค์ที่จิ้มให้เต่าโย
ขอบคุณกำลังใจที่มอบให้ที่เข้ามาพูดคุยกับเต่า
ขอบคุณนักอ่านเงาจ๊ะ...
...........ตอบเม้นท์จ๊ะ............
1.คุณcoonX3...นาดีมยังเผยตัวตนไม่หมดเลยค่ะ ที่เผยออกมาแค่เสี้ยวเดียว
และยังคลุมเครือ...ตอนนี้ก็ยังไม่หมดสิ้นลวดลาย...เธอเพรวพราวมาก
ทำไมถึงเป็นคนเช่นนี้ได้ มันมีคำตอบของมันเหมือนกันค่ะ...อิอิอิ
เรื่องพลาดนั้น พลาดมาไม่น้อย คือ ไม่คิดว่าตนเองพลาด แต่ก็มีคนที่เห็น
ข้อผิดพลาดของเธอแล้ว และนำมันมาใช้ย้อนเธอคืน...เฮะๆ
2.คุณRdoubleC...พี่นุนั้นไม่ใช่แน่ๆค่ะ...ฮ่าาาา
แม่ก๊อตก็ไม่ใช่...เคยใบ้ๆไปบ้างแล้วก่อนหน้าด้วย...อิอิ
(เอาให้นักอ่านเรามึนได้อีกสักหน่อย)^O^
ต่อไปก็จะค่อยๆเห็นความเป็นไปของนาดีมค่ะ
เพราะเธอจะค่อยๆเผยตัวออกมาเอง...เนื่องจากคนบางคนนั้นจะไม่เผยธาตุแท้ออกมาง่ายๆ
จนกระทั่งมีอะไรบางอย่างมากระตุ้น...มาจาระไนมันออกมา
และแน่นอนว่าคนที่ทำได้แม้กระทั่งเล่นมนต์ดำฆ่าคนอื่น เห็นชีวิตคนอื่นไม่มีความหมาย
คนๆนั้นก็ได้ทำตนให้ชีวิตตัวเองปราศจากคุณค่าเช่นกันค่ะ ต่อให้สำนึกได้ในภายหลัง
ก็ต้องถูกลงโทษ...แต่จะสำนึกได้หรือไม่...นั่นก็ไม่แน่นะคะ...ต้องมาดูกันต่อ
(สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพตัวละครน้า) ฮ่าาาาาาา
เรื่องมรดกไม่ว่าที่ใดในโลก ก็ยังคงวุ่นวายไม่จบสิ้นค่ะ...เพราะคนบางคน
ก็อยากได้อยากมีกันเป็นธรรมดา (ขึ้นอยู่กับจิตว่าได้รับการขัดเกลามาแค่ไหน)
ยิ่งของที่ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยแล้วได้มายิ่งปรารถนาอยากจะครอบครอง...
เวลาคนรวยตายที เหมือนต้นไม้ล้มทับโลกากันเลยทีเดียว...
ส่วนคนจนๆไม่มีอะไร ตายไปอย่างเงียบๆ...ก็รอดตัวไป...
ลูกหลานไม่ต้องมาตบตีแย่งชิงทรัพย์สมบัติให้ต้องปวดใจ ขนาดมีพินัยกรรม
เป็นตัวช่วยก็เหมือนจะช่วยไม่ค่อยจะได้...กฎหมายฉบับไหนก็ลดความวุ่นวายนี้ไม่ได้
นอกเสียจากว่า ศีลธรรมและจิตสำนึกที่ดีเท่านั้นค่ะถึงจะเอาอยู่...
เพราะในบางราย กรณีเรื่องคดีความในศาลถึงที่สุดแล้วก็จริง...
แต่เรื่องในใจคนมันไม่ยอมจบก็มีเยอะไป...สงครามเย็นเลยเกิดขึ้น
จากรุ่นสู่รุ่นกันต่อไป...ปลูกฝังให้ลูกหลานเกลียดข้ีหน้ากันต่อไปก็มี
แล้วค่อยมาประหัตประหารกันต่อในรุ่นใหม่ เจเนอเรชั่นใหม่ กลยุทธใหม่ๆ
เขาเรียกว่า...วุ่นวายไม่เลิก...
เคยเจอมั้ยคะ ที่พี่น้องแย่งชิงมรดกกัน ถึงกับตกลงกับทนายว่าถ้าสู้คดี
ให้ตัวเองชนะได้มรดกมาจะแบ่งมรดกให้ทนายครึ่งหนึ่ง...ลองคิดดูว่าคนแบบนี้ก็มี
ทนายที่ไม่ใช่พี่น้องของตัวเองแท้ๆ ยังยินดียกสมบัติที่พ่อแม่ตนหามาได้ให้ครึ่งหนึ่ง
ในขณะที่พี่น้องของตัวเองแท้ๆกลับไม่ยอม...กลับไม่อยากเสียเปรียบพี่น้อง...
แต่กับทนายนั้นยอมเสียเปรียบได้ ถ้าสู้ชนะ เราได้ ทนายรวย พี่น้องเราล่มจมก็เอา...
จนบางรายน่าเศร้าที่เสียเงินจ้างทนายหมดตัวแต่สู้คดีไม่ชนะก็มี...
บางครอบครัว สู้คดีมรดกกันเกือบฆ่ากันตายด้วยซ้ำ ที่ฆ่ากันตายไปมากมายก็มี
ไปนอนกินข้าวแดงเสียก็ไม่น้อย เพราะตกลงกันไม่ได้...
ลองคิดดูนะคะว่า พ่อแม่ที่นอนอยู่ในหลุมจะทุกข์ทรมานแค่ไหนถ้าได้รู้ว่าลูกตัวเอง
ต้องมาฆ่ากันเพราะสมบัติที่ตนอุตส่าห์เหน็ดเหนื่อยถากถางทางหามาให้ใช้...
นี่แหล่ะค่ะความโลภที่ทำให้สติปัญญาของมนุษย์ฝ่อ...เห็นผิดเป็นชอบไปได้...
ยิ่งถ้ามันได้พบกับความอิจฉาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของมันเข้าล่ะก็...สุดๆ...
เพราะคุณลักษณะแย่ๆทั้งมวลจะปรากฎขึ้นในใจแล้วค่อยลุกลาม
ออกสู่สังคมโดยรอบในที่สุด เป็นเชื้อร้ายที่แพร่กระจายได้น่ากลัวค่ะ...
ขนาดวารินทร์ยังไม่ยอมจีบอานิต้าต่อ เพราะไม่อยากให้หญิงสาวที่ตนหมายปอง
ต้องสัมผัสกับเชื้อร้าย...เพราะมีตนเป็นพาหะนำเชื้อร้ายนั้นไปสู่เอาได้
แล้วก๊อตที่มีทั้งแม่ น้อง เมียและลูก รวมทั้งลูกน้องในปกครองและญาติๆอีกเพียบ
จะไม่กังวลได้อย่างไรกับเชื้อร้ายที่กำลังแพร่เชื้ออยู่...
เพราะมารเรื่องนี้เป็นได้ยิ่งกว่าปลวกที่กัดแทะและกัดกินบ้านคนอื่น
ให้พังได้เสียอีกค่ะ...อิอิอิ
ปล.พอมีคนชมว่าสุดสวยแล้วอยากแก้ว่า ขอเป็นสวยสุดได้มั้ยอ่ะ...ฮ่าาาาา
3.คุณPampam...ลุงหมานแกรู้ตามอายุความ เย้ย ตามอายุของแก
และตามเหตุการณ์ในชีวิตที่ประสบพบเจอมาค่ะ...แน่นอนว่าคำเตือนของแก
ที่มีต่อวานั้นเป็นคำเตือนที่ดีที่สุดแล้ว...เพราะก๊อตคนเดียวเอามารไม่อยู่หรอกค่ะ
ต่อให้เก่งระดับหัวเพชรก็ตาม เนื่องจากมารเราเอาหมด ตั้งแต่เล่ห์กล คาถา
เวทย์มนต์ ไม่เลือกวิธีการว่าดีหรือชั่ว...ขอให้บรรลุเป้าหมายก็พอ...
4.คุณเดิมเดิม...ป้อน้องฟามาเพราะเมียล้ม ถ้าไม่ล้มคงไม่โผล่...ฮ่าาาาา
5.คุณpretty...คงไม่ได้อยากจะให้ลูกรู้ แต่อดไม่ได้มากกว่านะโยว่า
เพราะให้มองดูลูกเมียล้มลุกคลุกคลานโดยไม่ช่วยเลย ท่าจะยาก...อิอิอิ
เลยอยู่เป็นเงาติดตามตัวลูกเมียและคนอื่นๆ...ใช้แผนเดียวกับมารเลยนะเนี่ย...ฮ่าาาาา
6.คุณkonhin...ชอบอ่านข้อวิเคราะห์ตัวละครของคุณkonhinมากเลยค่ะ
มันทำให้เห็นอะไรๆอีกมุมหนึ่งที่นักอ่านสัมผัสเจอ...
1.นาดีมในเรื่องนี้ ไม่มีคุณสมบัติมากพอจะเป็นนางเอกร้ายได้จริงๆค่ะ คอนเฟิร์ม
ฟันธงเลยสำหรับชี...ถ้าเป็นนางร้ายในเรื่องอื่นๆของเต่ายังพอจะให้อภัยกันได้บ้าง
แต่สำหรับเรื่องนี้ เห็นท่าจะยากค่ะ เพราะโยปูพื้นนาดีมเสียแบบว่ากะจะไม่ให้ใคร
อยากให้อภัยหล่อนกันเลยทีเดียว...ถ้าจะให้อภัยคงต้องกัดฟันกันละ...อิอิอิ
ส่วนว่าทำไมต้องร้อนตัว ร้อนรนนั้น มันเกิดจากจิตที่มีไฟสุมเอาไว้ค่ะ
เย็นไม่ได้ เพราะธาตุไฟเข้าแทรก...มันจึงร้อนรุ่ม...อยู่ไม่สุข...
ถ้าเป็นคนปกติสามัญน่าจะคิดได้ว่าใยจะต้องรีบรวย รีบมีกันนักหนา จะรีบไปหนาย
ที่มีๆอยู่นี่ก็ใช้ไปก่อนไม่ได้หรือ ทำไมต้องรีบหาเพิ่มแล้วเพิ่มอีกจนไม่มีเวลาจ่ายเวลาใช้มัน
แต่ก็พบว่าในโลกนี้มีคนรีบๆเรียน รีบๆทำงาน รีบๆรวยกันเยอะเหลือเกิน...
กลัวว่าก่อนตายจะไม่รวยสมใจ...เลยรีบรวยเสียก่อน เดี๋ยวตายไปไม่มีคนสรรเสริญ
ยกย่องตามหลัง...ฮ่าาาาาาา...ประมาณว่าถ้าตายในสภาพคนจนมันดูอนาถาเกินไป
รับบ่ด้ายยยยยยย...เหอๆ แต่ตายไปในสภาพคนชั่วเนี่ย รับได้ไม่เป็นไร...
2.ถ้าก๊อตไม่เจ้าเล่ห์บ้าง สงสัยเรื่องนี้จากต้องวุ่นวายเรื่องคดีมรดก
คงต้องกลายเป็นวุ่นวายคดีอาญาฆ่ากันตายเป็นหมู่จริงๆแน่ๆค่ะ...
ซึ่งมันได้อย่างเสียอย่าง...แล้วนักธุรกิจส่วนใหญ่แล้วจะมีการประเมินค่าเสียหาย
ก่อนกำไรเสมอสำหรับแต่ละโครงการค่ะ...เพราะถ้าไม่ประเมินค่าเสียหายก่อน
แน่นอนว่าพลาดได้ง่ายจนล้มละลายกันได้ ในการนี้ก๊อตก็น่าจะมีการประเมินกัน
เอาไว้บ้างแล้ว...ได้อย่างเสียอย่างค่ะ...ไม่มีใครได้หมด พระเอกเต่าไม่ใช่คนโลภ
(เคยมีแอบบ่นในใจว่าอยากมีชีวิตเรียบง่าย ไม่ต้องแบกภาระหนักๆอยู่เลย
แต่จะไม่แบกก็ไม่ได้ เพราะมันคือภาระผูกพันกันมาจากพ่อสู่ตัวเขา...)
พอไม่มีความโลภเลยวางแผนได้ดีกว่าคนโลภที่อยากได้ไปเสียทุกอย่างที่ปรารถนา
งานนี้แผนก๊อตมีสิทธิ์เหนือแผนของมารก็ตรงที่ก๊อตไม่ได้มีคุณลักษณะของมารนัั่นเอง...
ตอนพี่นุถามว่า ถ้ารักวามากขนาดนั้น แล้วทำไมต้องทำร้ายจิตใจวา
ก๊อตตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า...เพื่อความสงบสุข (จำได้มั้ยคะ) ฮ่าๆๆๆ
เพื่อความสงบจริงๆค่ะงานนี้...เหอๆ เขาเรียกว่า ไม่มีคนเจ็บไม่มีทางจบ...
แผนละมุนละไมมันใช้ไม่ได้ผลกับเหล่ามารค่ะ...
3.วาเขาไม่ใช่คนซื่อบื้อ แต่จะเป็นคนประเภทซื่อตรงค่ะ
คุณสมบัตินี้เป็นจุดแข็งก็ว่าได้ แต่หลายคนชอบเอาไปใช้ให้เป็นจุดอ่อนของเธอ...
โดยการวิเคราะห์จากมุมคนเขียนแล้ว...โยว่าเท่าที่วาเป็นอยู่ก็เข้มแข็งแล้วหนา...
ผู้หญิงหลายคนถ้าเจออย่างเธอเข้าจริงๆ จิตหลุดไปแล้วก็น่าจะมี...อิอิอิ...
บางรายที่โดนสามีทิ้ง ยังวิ่งให้รถทับตายได้เลย...
แล้วนี่นางเอกในนิยายของเต่า มันค่อนข้างอึดกว่านางเอกในชีวิตจริงมากๆเลยนา...
ถ้าอึดกว่านี้อีก โยกลัวว่านักอ่านจะสงสัยว่านางเอกเต่าเป็นสตั๊นแมนหรือเปล่า
(คือมีคนมาแสดงแทนอะไรงี้ไง)อิอิ...
ตอนนี้ถึงวาจะใจร้อนหรือใจร่ม แต่ก็เชื่อได้ว่า ยังไงๆ สามีสุดที่รักของเธอ
ก็ไม่คิดจะให้เธอได้รับบทบู๊แน่นอน ท้องสองต้องระวัง ฮ่่าๆๆๆ
เลยต้องนั่งกินข้าวโพดไปบนเนินข้าวโพดมันนั่นแหล่ะ...เหอๆ
ถ้าคิดจะหนี ชีจะหนีได้จริงๆหรือ...ก็ไม่น่่านะ...เพราะตอนนี้ชีวิตวะวา
ถูกล้อมไปด้วยข้าวโพดแล้ว...ไม่สามารถฟ้องร้อง ไม่สามารถส่งเรื่องอุทธรณ์
หรือฎีกาเสียด้วย 555 ศาลไหนๆก็ช่วยให้เธอหลุดพ้นจากเนินข้าวโพดไปไม่ได้
นอกจากศาลของซุลก๊อตไนท์...555 แต่ถ้าลองมองในแง่ดีๆ ข้าวโพดมันก็
อร่อยดี แถมวะวากับตาหนูก็ชอบ อยู่กินข้าวโพดที่นั่นไปสักสองสามปีจะเป็นไรไปเนอะ
ปล.สามข้อของคุณkonhin โยอ่านแล้ว...มีแอบฮานิดๆนา...ชอบๆ
โดยเฉพาะที่ยุให้วาเอาโต๊ะเอาตู้มาบังประตูอ่ะ...ถ้าวาทำจริง
ตาหนูคงลำบากน่าดููเลยอ่ะ...เพราะรายนั้นก็...อยากเก็บเธอเอาไว้...ทั้งสองคน...
อ้อ ไม่ใช่สิ ตอนนี้มีน้องเพิ่มมาอีก...จากสองต้องเปลี่ยนเป็นสามซะแล้ว อิอิ
8.คุณแว่นใส...ใช่ค่ะ...เรื่องราวยังไม่จบ ยังมีอีกใช้ได้เลย
หนักบ้างเบาบ้างตามครรลองค่ะ...^o^ มาม่ายังมีเสริฟอยู่เช่นเดิม...อิอิ
9.คุณตุ๊งแช่...จะรับไปเลี้ยงต้อยมั้ยคะ...
เลี้ยงไม่กี่ปีก็โตเป็นหนุ่มแล้ว...ส่วนเราไม่กี่ปีก็แก่เนอะ...ฮ่าๆๆๆ
วาเขาเกิดมาเพื่อรับบททุกข์ระทมค่ะ...กินน้ำตาต่างข้าวไป...
เหมือนหนอนผีเสื้อที่กินน้ำค้างส่วนตาก็มองจ้องดอกไม้...เหอๆ
ดีแล้วนะที่เต่าให้วากินน้ำตาแทนข้าว ถ้ากินหญ้าแทนข้าวนักอ่านอาจจะไม่ปลื้มนัก อิอิ
ส่วนพี่นุกับรินทร์แกยังผนึกกำลังกันไม่ได้ค่ะ ต้องรอจังหวะงามๆ...
จะผลีผลามเดี๋ยวงานใหญ่เสีย...อิอิอิ จะตกปลาชะโด (ลูกพี่ปลาช่อน)ทั้งที
ต้องใจเย็นๆค่ะ ต้องรอคอยจังหวะดีๆ (แบบร้องเพลงคล่อมคีย์ไม่เอา)
พอเมื่อโอกาสกับจังหวะเข้ากันพอดิบพอดีแล้วล่ะก็...ค่อยกระตุกเบ็ด
อื้อหือ ชะโดก็ชะโดเถอะงานนี้...(ใครเคยมีประสบการตกปลาชะโด
จะเข้าใจวิธีการในการล่าหัวมารค่ะ)
มารอดูวัวพันหลัก กับปลาชะโดโดนลากขึ้นบกกันค่ะ...5555
ลากขึ้นมาได้แล้ว จะต้มโคล้ง ต้มยำ เดี๋ยวค่อยคิดเมนูกันอีกที...เหอๆ
ส่วนเจ้าดอกไม้งาม...โยเองอยากให้เห็นความแตกต่างของไม้สองชนิดนี้
เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นเกี่ยวกับท้องเรื่องนี้ด้วยน่ะค่ะ ไอเดียบรรเจิดเอาก็ตอนที่
เห็นดอกกัลปพฤกษ์บานสะพรั่งเต็มต้นนี่แหล่ะ มันพาลให้นึกไปถึงอีกดอกที่คล้ายกัน
ตอนแรกโยก็ทักผิดนะ แต่มีผู้เชี่ยวชาญช่วยแก้ความเข้าใจผิดให้ จนกลายเป็นถูก...
เลยเอามาให้นักอ่านได้รับรู้กัน แต่ก็ยังมิวายนึกเปรียบไปถึงความงามของซากุระแดนไกลอีก
จนได้...โยว่าถ้าเราทำกันดีๆ ปลูกกัลปพฤกษ์ให้ทั่วบ้านทั่วเมือง
ทั่วมันทั้งเนินข้าวโพดของวา หรือตลอดแนวถนนเป็นระยะทางหลายๆกิโล
รับรองว่าเวลาดอกมันบานพร้อมกันเมื่อไหร่ ไม่ต้องไปชมดอกไม้งามแดนไกล
ก็ได้บรรยากาศแล้วค่ะสำหรับคนอยู่ใกล้แต่ไปที่ไกลไม่ได้...
ดอกไม้งามไม่มีสักดอกที่สวยเหมือนกันจริงๆค่ะ...ต้องไปชื่นชมดูแล้วจะรู้ว่า...
ของใกล้ตัวบางทีก็สวยไม่แพ้ของไกลๆเลย...พอชอบดู เดี๋ยวเราก็จะชอบดม...
เหมือนเต่าไง...ชอบดอกไม้งาม กับความหอม...เหอๆ
ว่าแต่จะไปดูซากุระหรือนี่...แถวไหนอ่ะ...แถบที่ร้อนๆหรือทางใต้น่าจะร่วงแล้ว
สงสัยจะทางเหนือชิมิ...อิอิอิ หรือว่าจะไปทัวร์เกาหลีอ่ะ...เพราะเกาหลี
ก็มีซากุระ...สวยด้วยงิ...อิอิอิ เพราะรอยเต่าที่เกาหลีก็มีนิดๆนา...ฮ่าาาา
แต่ถ้าเป็นรอยไถ เย้ย รอยตีนกา เย้ย ที่เต่าฝากรอยเท้าเอาไว้เยอะหน่อยก็ที่โตเกียว
กับที่เกียวโตเป็นหลักเลย มีหลายรอยมาก...โดยเฉพาะทีี่สะพานฮาราชิยาม่า
มันมีหลายรอยนา ถ้าได้ผ่านไปทางนั้น ลองดูดีๆดมดีๆแล้วจะเจอกลิ่นเต่า
ที่ไม่น่าจะจางไปได้ง่ายๆ...อิอิอิ
ปล.ที่บอกว่าจะปั่นให้จบให้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้นั้น เป็นการปลอบและให้กำลังใจ
ตัวเองค่ะ...ตั้งเป้าหมายเอาไว้ให้หินๆหน่อย เผื่อจะฮึดสู้ ทั้งๆที่ความเป็นไปได้
มันน้อยนิดมาก เพราะการสาวปมมันต้องระมัดระวังหน่อย ยิ่งขาสั้นๆแบบนี้
ยิ่งเป็นไปได้ยากมากที่จะมีกำลังปั่นขนาดนั้น แต่ก็หวังว่าไม่น่าจะนานจนเกินไป
สำหรับนักอ่านค่ะ จบไม่ได้ในเดือนนี้ ก็จบเดือนหน้า หรือไม่ก็ข้ามไปปีหน้า ฮ่าๆๆๆ
(อย่าเพิ่งผวาเรื่องที่โยจะข้ามไปจบในปีหน้านะคะ)อิอิอิ มันไม่น่าจะขนาดน้าน...
(แต่คานน้อยฯกับเศษหนึ่งส่วนสองฯก็เคยทำลายสถิติมาแล้วหนา)...เฮะๆๆ
ขอให้ชมซากุระอย่างเพลิดเพลิน แต่อย่าไปคิดหาญสู้เพื่อจะได้เด่นเกินหน้าเกินตา
มันเข้านะคะ เพราะอาจผิดหวังได้...มันชอบแย่งซีนคนสวยค่ะ...ฮ่าาาาาาา
10.คุณyasta...ดีนะคะที่บอกแค่ว่าน่าเตะ ไม่ใช่น่าปั่น (ปั่นคือคำสุภาพของถีบค่ะ)
อ่าา...อย่าเพิ่งเตะก๊อตให้กลิ้งตกเนินข้าวโพดไปนะคะ...เดี๋ยวก๊อตเกิดคอหัก
คอพับ ตายขึ้นมาจริงๆ หญิงวาได้เป็นแม่ม่ายลูกสองเลยนา...
รันทดหดหู่ไปจนจบเรื่องเลยเชียวนา...มาม่าเกินไปไม่มีน้ำตาล เดี๋ยวนักอ่านเต่า
เป็นโรคอ่อนหวานกันหมด เต่าไม่มียารักษาเน้อ...อิอิอิ
11.คุณHabibi...โยก็นึกว่าไม่สนแนวมาม่าซะอีกอ่ะ เลยไม่ได้แวะมา
ส่งซิกให้กันในเรื่องนี้...ดีใจค่ะที่เข้ามาทักทายและทำให้รู้ว่าไม่ได้ทิ้งกันไปไหนเลย
แวะมาบ่อยๆน้า...เพราะเสร็จจากตรงนี้ก็กะจะไปฝันกันต่อในเรื่องที่ดองๆไว้ค่ะ
บทที่แล้วลูกแย่งซีนพ่อค่ะ...ก๊อตมีแต่คนแย่งซีนทั้งนั้น ควรจะได้เป็นพระเอก
ของเรื่องอยู่อีกดีมั้ยไม่รู้...งานนี้คงต้องถามความเห็นนางเอกค่ะ...ฮ่าาาาา
เพราะสำหรับเต่า ก๊อตคือพระเอกตลอดเรื่อง...และตลอดกาล...555
และขอบคุณมากๆเลยค่ะสำหรับการติดตาม...
.....ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงกันถ้วนทั่วนะคะ......
"เต่าโย"
บทที่ 30 ซ่อนกล ซ่อนใจ
บทที่ 31 ซ่อนกลิ่น ซ่อนชู้
นักอ่านว่า บทที่ 32 โยจะซ่อนอะไรอีกดี...ฮ่าาาาา
ว่าแล้วมาอ่านกันค่ะ...บทที่แล้วกล่าวเกี่ยวกับความต่างของดอกกัลปพฤกษ์
กับชัยพฤกษ์ รอบนี้ก็มาเรื่องดอกๆอีก คือ ดอกซ่อนกลิ่น กับดอกซ่อนชู้ค่ะ
ใครรู้อะไรดีๆเกี่ยวกับไม้พันธฺุ์นี้ แลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะจ๊ะ...
มันเป็นดอกไม้ที่ถ้าไม่รักก็เกลียดเลยว่างั้นค่ะ...ไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ของมัน
แต่เป็นเพราะกลิ่นอันเย้ายวนของมันนั่นเอง...นางใดหนอที่เป็นได้ดั่งดอกซ่อนกลิ่น
ซ่อนชู้ไปติดตามกันค่ะ... ^o^
_______________________________________________________
“สรุปว่า…ที่ฉันส่งแกไปสืบคนชุดดำนั้น…แกทำไม่ได้ใช่มั้ย…
มันนานเท่าไหร่แล้ว…” เสียงวารินทร์ขุ่นเขียวทีเดียว เพราะกี่เดือน
มาแล้วที่ยอดนักสืบของเขาทำงานไม่ได้เรื่องอย่างประวัติที่ผ่านมา
“โธ่…เจ้านายคร้าบ…กระผมก็พยายามสุดๆแล้ว ล่าสุดที่กระผมส่งน้อยหน่าไปนั้น…
ผู้คนกระเจิงจริงๆ แต่เป้าหมายหายไปได้อย่างรวดเร็ว ไล่ตามไม่ทันครับผม…”
วารินทร์ลอบถอนหายใจยาว มองหน้านักสืบที่หน้าตาท่าทางไม่ได้แตกต่างไปจากเขาเลย…
ตัวร้ายในละครทีวีชัดๆ…แถมยิ้มทีเห็นฟันสีขาวเรียงกันตัดกับสีผิวได้อย่างชัดเจน
ภายใต้หน้าโหดๆนั้น น้อยคนจะรู้ว่าไอ้หมอนี่มันเป็นคนอารมณ์ดีและมีอารมณ์ขัน…
ซึ่งนั่นคือคุณลักษณะที่ทำให้เขาชื่นชอบเจ้าหมอนี่มาก
“และล่าสุดกระผมพยายามเข้าใกล้เป้าหมายด้วยการติดตามไป
แต่เพียงไม่นานก็หายไปได้อีก…เป้าหมายเราฉลาดและหูตาไหวมาก
เลยมีแค่อย่างเดียวที่กระผมจำได้ติดจมูกเลย…” วารินทร์เลิกคิ้วสูงทีเดียว
“กลิ่นรึ…” ยอดนักสืบพยักหน้าหงึกๆ
“เจ้านายรู้จักน้ำหอมกลิ่น Carnal Flower ของ Frederic Malle หรือเปล่า…”
วารินทร์ส่ายหน้าโดยทันที เพราะเขาไม่ใคร่ใส่ใจเรื่องพวกเครื่องหอมเท่าไหร่
แม้จะทำงานเกี่ยวข้องกับโรงแรม แต่ก็ทำในส่วนบริหาร ส่วนด้านบริการ
มารดาเขาเป็นผู้ควบคุมทั้งหมด
อีกอย่างเขาแพ้พวกน้ำหอม ไม่ค่อยถูกกับมัน…แต่ก็ไม่ได้แปลว่า
เขาจะไม่ชอบกลิ่นหอมๆ…ยิ่งกลิ่นหอมๆของอานิต้า ยังติดจมูกอยู่ไม่จาง…
“มันเป็นน้ำหอมจากฝรั่งเศส ขึ้นชื่อว่าใช้หัวน้ำมันจากดอกซ่อนกลิ่นแท้ๆ
ในปริมาณมากที่สุดในโลก…”
พอพูดถึงดอกซ่อนกลิ่น วารินทร์กึงกับทำหน้าเหยเกทันที…
เขาน่ะรู้จักกลิ่นของมันดี เพราะมันมักถูกจัดวางตามโรงแรมในเครือของเขา
กลิ่นอันเย้ายวนนั้นอาจจะทำให้ผู้คนหลงใหลคลั่งไคล้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แต่ทุกอย่างในโลกย่อมมีข้อยกเว้น และเขาคนนึงคือข้อยกเว้นนั้น…
“นี่แกวิเคราะห์กลิ่นได้ขนาดนี้เชียวรึ…ไปดมใกล้ๆเขามารึไง…”
ยอดนักสืบส่ายหน้าหวือ
“ไม่ต้องเข้าใกล้มากๆก็ได้กลิ่นแล้วครับผม…”
“แกก็เลยเดินตามกลิ่นนั้นไป…เพราะกลิ่นมันโดนใจใช่มั้ย…”
คนฟังยิ้มแหยๆเมื่อมีคนรู้เท่าทัน
“ก็ไม่ถึงขนาดน้าน…พอดีเมียผมเขาชอบกลิ่นนั้น หลงกลิ่นนั้น
แต่เจ้านายอย่าถามเรื่องราคานะ เพราะมันเอาไปเติมน้ำมันรถให้ผมขับ
ไปกลับกรุงเทพ-แม่สอดได้หลายรอบเลยทีเดียว…แต่ดีตรงที่ว่า
คุณภาพเกินราคา…” วารินทร์ยักคิ้ว แบะปากเพียงนิด
“คุ้มขนาดนั้นเชียว…”
“คุ้มเกินคุ้มขอบอก…” ยอดนักสืบยักคิ้วหลิ่วตาพร้อมการันตี
คุณภาพน้ำหอมกลิ่นดังกล่าว
“ผมยังเอามาใช้ในบางครั้งเลย…แต่ใช้เยอะไม่ได้ กลิ่นมันแรง…
ยิ่งใช้ในที่สาธารณะแล้วยิ่งต้องระวัง เพราะกลิ่นฉุนๆแรงๆแบบนี้
ถ้าไปโดนจมูกคนที่ชอบก็ดีไป แต่ถ้าไปโดนจมูกคนที่ไม่ชอบเราก็โดนแบนด์เท่านั้นเอง…”
พูดพลางยื่นขวดน้ำหอมกลิ่นดังกล่าวให้วารินทร์พิสูจน์กลิ่นดู
และเพียงแค่ได้กลิ่นของมัน วารินทร์ก็ถึงกับสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว…
คนแพ้กลิ่นน้ำหอมรีบยกมือปัดกลิ่นนั้นออกไปทันทีทันใด
“ต้องแตะนิดๆ…ตรงจุดสำคัญที่เป็นแอ่งชีพจรโดยเฉพาะหลังเข่าครับเจ้านาย
เพราะกลิ่นหอมจะระเหยขึ้นข้างบน…” ยอดนักสืบกลายร่างเป็นพ่อค้าน้ำหอมในบัดดล…
สีหน้าท่าทางราวกับจะเชียร์ให้วารินทร์ตกหลุมพรางกลิ่นหอมของมันให้จงได้
“อย่ามาอ่อยฉันให้ยาก แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบน้ำหอม…เก็บมันไปเลย
เอาไปให้เมียแกฉีดให้ดมเองเถอะ…” เจ้าของขวดน้ำหอมราคาแพง
ถึงกับหัวเราะร่วนเลยทีเดียวกับสีหน้าผะอีดผะอมของคนแพ้น้ำหอม
“ผมว่ากลิ่นมันออกจะหอม…ทำให้นึกไปถึงป่าเขา ป่่าดิบชื้น ใบไม้เขียวขจี
ผสมผสานกลิ่นเย้ายวนของดอกไม้ อย่างซ่อนกลิ่นนี่ชัดที่สุด เข้มข้นที่สุด
เข้ากันกับ กระดังงา ดอกส้ม เจือกลิ่นหอมหวานของเมล่อนกับมะพร้าว…
มันพาลให้หัวจิตหัวใจนึกไปถึงสาวชาวป่าชาวเขาบนดอย
ที่เซ็กซี่แบบดิบๆ…เถื่อนๆ...”
วารินทร์ฟังยอดนักสืบที่ดูจะหลงใหลได้ปลื้มเจ้าน้ำหอมกลิ่น Carnal Flower อะไรนี่
จนถึงกับพรรณนาออกมาด้วยใบหน้าและแววตาเคลิ้มฝันแล้วได้แต่ส่ายหน้า
“อีโรติกสุดๆ…” วารินทร์ต่อให้อย่างหมั่นไส้คนตรงหน้าเต็มทน
“เซ็กซี่ไปเลย…” คนโดนหมั่นไส้เสริมต่อ
“สรุปว่า…กลิ่นนี้ใช่มั้ยที่คนชุดดำใช้ฉีดตามตัว…”
“อย่าเรียกฉีดซีเจ้านาย…เอาแค่แตะแต้มก็พอ…” มันยังไม่วายหยอดความรู้ของมัน
ลงในสมองเขาอีกจนได้…เรื่องอื่นๆไม่เห็นมันจะรู้ลึกรู้ซึ้งขนาดนี้…
พอมาเรื่องอะไรหอมๆ สวยๆล่ะรู้มากเหลือเกิน
“แล้วสรุปว่าฉันจะรู้มั้ยว่า…ใคร…เพราะขนาดเมียแกก็ยังใช้น้ำหอมกลิ่นนี้…
มันไม่ใช่กลิ่นเฉพาะตัวของใครเป็นพิเศษ” อย่างกลิ่นของอานิต้า
วารินทร์แทบอยากจะต่อท้ายลงไปอย่างนั้นให้มันชัดๆ แต่เพื่อปกป้อง
เกียรติยศของอานิต้า เขาจึงต้องสงวนลิขสิทธิ์เอาไว้ไม่เผยแพร่ในที่สาธารณชน
และสื่อต่างๆ ขอเก็บไว้ในใจและความรู้สึกคนเดียวก็พอ
“แล้วหญิงชายก็ใส่น้ำหอมกลิ่นนี้ได้ทั้งนั้นมิใช่รึไง…” วารินทร์เปรย
หากกลับถูกแย้งทันที
“แต่ผมว่าผู้หญิงชัวร์ๆ…ขอให้เชื่อสัมผัสผมบ้าง…”
“สัมผัสพิศวาสอะไรนั่นของแกน่ะนะ…” คนโดนย้อนย้ิมแหยแล้วกระดกไหล่
“อ่ะแน่นอน…ขอให้เชื่อ…ท่าทางการเดินก็ผู้หญิงสุดๆ”
“เดี๋ยวนี้ผู้ชายเขาก็เดินได้เหมือนผู้หญิงแล้ว…” วารินทร์แย้ง
“อย่างนั้นเขาไม่เรียกว่าผู้ชาย เพราะไม่มีองคชาติเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวแล้ว…”
“รู้ได้ไง…ว่าเขาไม่มีแล้ว” เจอเข้าอย่างนี้ ยอดนักสืบถึงกับไปไม่เป็น
“ใจคอเจ้านายจะให้ผมขึ้นไปพิสูจน์บนเตียงเขาเลยรึไง แค่มุดไปใต้เตียงก็ว่ายากแล้ว…”
วารินทร์สะบัดหน้าอย่างระอาใจเหลือทน
“ฉันว่าเลิกเหอะ…กี่เดือนมาแล้วที่แกรับไปสืบแล้วได้มาแค่กลิ่น…
กับท่าเดินเหมือนผู้หญิง…” เหมือนโดนสบประมาทอย่างไรอย่างนั้นเลย
ยอดนักสืบถึงกับตีหน้าขรึมใส่
“เปลืองลูกน้อยหน่าว่ะ…” วารินทร์ถือโอกาสเกทับมันซะเลย
“ก็เป้าหมายไหวตัวทันราวกับมีพรายกระซิบบอก…”
นั่นๆ มันกำลังจะบอกเขาว่าคนชุดดำมีญินตามตัวอีกแล้ว
“งั้นเอาอย่างนี้…แกเลิกตามคนชุดดำนั่น แล้วคอยติดตามผู้หญิงอีกคนให้ฉันที…
เอาให้แบบไม่ให้คลาดสายตาเลยนะ…” พูดพลางส่งข้อมูลในโทรศัพท์ให้ทันที…
“โห…คนนี้สวยอ่ะเจ้านาย…ดูกระจุ๋มกระจิ๋ม บอบบาง น่าทะนุถนอม
ดูคุ้นๆว่าเคยเห็นที่ไหน…”
“เขาออกจะดัง…ลูกสาวคนเดียวของท่านสนธยาไงล่ะ…”
“ภรรยาของซุลก๊อตไนท์ที่เพิ่งเสียชีวิตไปในกองไฟน่ะนะเจ้านาย…โอ้…
พระเจ้าของคิม…เธอกำลังจะได้เป็นอภิมหาเศรษฐีนีม่ายอันดับต้นๆของเมืองไทย…
ตอนนี้คงจะเนื้อหอมน่าดูแน่ๆ…”
วารินทร์ฉุดยิ้มที่มุมปากเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายนั่น
“นั่นแหล่ะหน้าที่ต่อไปของแก คือคอยสืบดูว่าเธอผู้นี้เนื้อหอมแค่ไหน
เอาแค่สืบนะ อย่าถึงกับต้องพิสูจน์ด้วยการดมดู…”
“หวงหรือเจ้านาย…” ยอดนักสืบวาคิมกระเซ้าเย้าแหย่
“ฉันไม่ชอบกินปลาช่อน…อ้อ…ตอนนี้น่าจะกลายพันธุ์เป็นปลาชะโดไปแล้วล่ะมั้ง…”
“แต่ผมว่าหน้าตาอย่างนี้ ดูน่าสงสารออก…ชะโดมันดุร้ายไป
เอาเป็น…ปลาบู่ทองดีกว่ามั้ยเจ้านาย…”
“นั่นคือรหัสใหม่ของเหยื่อ…” ยอดนักสืบเลิกคิ้วสูง วารินทร์เลยเฉลยว่า
“ก็…ชะโดไง…เหยื่อล่าสุดคือชะโด…”
“ปลาบู่ทองน่าจะเหมาะกว่า…” วารินทร์ส่ายหน้า
“เดี๋ยวดูๆไป แกก็จะรู้เอง…ว่าทำไมถึงไม่ใช่ปลาบู่ทอง…”
“แล้วทำไมต้องชะโด…” ยอดนักสืบอดสงสัยไม่ได้
“อย่าบอกนะว่าอดีตนักตกปลาอย่างแกไม่รู้จักนิสัยของชะโด…”
อดีตนักตกปลามือฉมังถึงกับกระดกไหล่ขึ้นลงเป็นเชิงยียวนกวนประสาท
“ผมรู้จักหมดแหล่ะ รู้จักดีซะด้วย ทั้งปลาช่อน ปลาบู่ทอง และชะโด…”
“ฮืม…” วารินทร์พยักหน้า
“แต่มันสงสัยไง…ว่าผู้หญิงหน้าตาน่าสงสารเหมือนปลาบู่ทองแบบนี้
เจ้านายให้ผมเรียกว่าชะโดได้ไง…”
เขาไม่เข้าใจเลย…ก็เธอออกจะหน้าตาอ่อนหวาน อ่อนโยน
ให้สัมภาษณ์นักข่าวแต่ละคราวเรื่องของสามีที่ตายทีไรแล้วเรียกคะแนนสงสาร
จากคนดูได้อย่างคับคั่ง…นักแสดงฮอลลีวูดก็ไม่ใช่ ถ้าชะโดอย่างเจ้านายว่าจริงๆ
นักตกปลามือฉมังอย่างเขาคงต้องแห่ไปดูซะหน่อยแล้ว…
“มันไม่เข้ากันเลย…”
“เดี๋ยวก็เข้ากันเอง…” วารินทร์บอกเสียงเรียบเรื่อย
“ว่าแต่จะให้ผมล่าปลาชะโดจริงๆรึเนี่ย…” วารินทร์พยักหน้า
“เอาแค่ติดตามก็พอ…ว่าไปทำร้ายใครที่ไหนเอาไว้บ้าง…ชะโดตัวนี้
มันชอบทำลายระบบนิเวศ นับว่าเป็นภัยต่อแหล่งน้ำจืด…ยิ่งชะโด
ฤดูผสมพันธุ์ยิ่งโหดร้าย…พอมีลูกก็จะยิ่งดุเข้าไปอีก…”
“ดุร้ายขนาดนั้นเลยหรือเจ้านาย…”
“โดนแม่ชะโดท้องกัดให้เมื่อไหร่แล้วจะรู้เอง…” ยอดนักสืบก้มลง
มองภาพในโทรศัพท์อีกครั้ง
“น่าจะเอาชะโดพันธุ์นี้ไปเลี้ยงเป็นปลาสวยงามได้…เดี๋ยวนี้เขานิยมกันนักในหมู่นักตกปลา”
วารินทร์มองคนตรงหน้าแล้วได้แต่หัวเราะในลำคอ
“เอาสิ…ถ้าไม่กลัวว่ามันจะชนบ่อซะแตกน่ะนะ…ยิ่งช่วงนี้ยิ่งอยู่ในช่วงชะโดตีแปลง…
อย่าประมาทเห็นชะโดเป็นปลาบู่ทองก็แล้วกัน...เพราะยังไงๆก็ไม่ใช่ปลาบู่ทอง
ให้แกลากขึ้นบกได้ง่ายๆแน่”
‘ชะโดตีแปลง’ คือช่วงฤดูผสมพันธุ์ของปลาชนิดนี้โดยรังจะมีการตีแปลงใกล้ๆกับชายฝั่ง…
ซึึ่งนับได้ว่าชะโดเป็นปลาที่ดุร้าย และพร้อมจะขย่ำและทำร้ายทุกสิ่ง
ที่เข้าใกล้รังหรือเข้าใกล้ลูกครอกของมัน…ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์…
“ผมมีเมียแล้ว…เอาไปเลี้ยงในบ่อคงไม่ได้อีกแล้ว…เพราะของเรามันปลาปิรันย่า…
เจอกับชะโดเข้าไป…ไม่รู้ใครกัดใครตายก่อนใคร…”
“ถ้าวัดกันตัวต่อตัว ปิรันย่าของแกคงสู้ชะโดพันธุ์นี้ไม่ได้แน่…”
วารินทร์เตือนกรายๆ หากกลับไม่ได้ผล เมื่ออดีตนักตกปลา
ผู้มั่นใจในฝีมือของตัวเองยังคุยอีกว่า
“ผมน่ะนักตกปลามือฉมังนะคร้าบ…ลากขึ้นบกมาได้แล้วทั้งนั้น…
ขนาดปิรันย่าที่ว่าดุดัน ก็ยังจัดการเสียอยู่เกียร์…”
“เออ…จะดูว่าแกจะรอดมั้ย…เรื่องลากขึ้นบกคงไม่ต้อง เพราะฉันมีวิธีของฉันแล้ว…
แกแค่ติดตามดูพฤติกรรมเฉยๆ ย้ำว่าเฉยๆ…อย่าให้ชะโดรู้ตัว
และเราจะเรียกเหยื่อว่าชะโดเท่านั้น…เมื่อเจอกันเราจะพูดกันแต่เรื่องตกปลาชะโด…”
“โอเคคร้าบ…อ้อ” และเหมือนจะนึกขึ้นมาได้อีกอย่าง
“เรื่องคนชุดดำนั่น…ยังมีอีกอย่างที่เจ้านายควรรู้…และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมแน่ใจว่า
เธอคือผู้หญิง…” วารินทร์เลิกคิ้วเมื่ออีกฝ่ายวกกลับมาเรื่องคนชุดดำ
“เธอดูจะชอบดอกซ่อนกลิ่นครับ…เพราะผมสังเกตว่าบ้านหลังนั้นมีดงซ่อนกลิ่นอยู่
กลางวันจะไม่ได้กลิ่น เพราะมันซ่อนกลิ่นไว้อย่างดีไม่มีเล็ดลอดออกมา
แต่มันจะหอมฟุ้งกระจายในเวลากลางคืน…และผมเคยเห็นเธอเดินเข้าไปตัดก้านดอก
เป็นกำนำมันเข้าไปในบ้านด้วย…นิสัยแบบนี้...ผู้หญิงแน่นอน…”
วารินทร์พยักหน้าน้อยพลางคิดใคร่ครวญ
เพราะนึกไปถึงใครคนหนึ่งที่ชื่นชอบดอกซ่อนกลิ่นเป็นชีวิตจิตใจ
ทั้งๆที่ใครๆต่างมองว่าดอกซ่อนกลิ่นเป็นดอกไม้อัปมงคล…
“ดอกซ่อนกลิ่นกับดอกซ่อนชู้ต่างกันยังไงแกรู้มั้ย…” อดไม่ได้
ที่จะถามถึงรายละเอียดของดอกไม้งามสองชนิดนี้ เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจว่า
สองดอกที่ว่านี้มันใช่ดอกไหนที่คนๆนั้นชอบกันแน่
จำได้แค่ว่า ไม่ซ่อนกลิ่นก็ซ่อนชู้นี่แหล่ะ
“ต่างครับ…ดอกซ่อนกลิ่นจะเป็นชนิดกลีบชั้นเดียว
ส่วนดอกซ่อนชู้จะเป็นกลีบซ้อนหรือชนิดกลีบสองชั้น…”
“ฮืม…ดูแกจะรู้ดีเรื่องดอกสองดอกนี้นะ…ถามปุ๊บก็ตอบได้ปัํ๊บ
โดยไม่ต้องเซิร์ทหาข้อมูลในกูเกิ้ลเลย…”
“ก็เมียผมชอบ…” เขาบอกอย่างไม่อาย เนื่องจากภรรยาสุดที่รักนั้น
จะนิยมชมชอบดอกไม้ชนิดนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาเลยค่อนข้าง
คุ้นเคยกับดอกไม้สองชนิดนี้ ยิ่งกลิ่นหอมรัญจวนใจของมันด้วยแล้ว
เขายิ่งติดใจหลงใหลไม่จาง…
ว่าแล้วก็ให้รู้สึกคอแห้งเลยยกน้ำที่วางจนลืมดื่ม ดื่มพรวดเดียวหมดแก้ว
ทำเอาวารินทร์ยิ้มกว้าง
“ทำไมถึงชื่อซ่อนชู้…ซ่อนกลิ่นน่ะพอรู้ แต่ทำไมต้องซ่อนชู้วะ…”
วารินทร์อดสงสัยไม่ได้…คนที่เพิ่งดื่มน้ำไปถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ
“กระผมก็ไม่แน่ใจขอรับ…เพราะสำหรับคนไทย ดอกสองดอกนี้
ภาพพจน์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ชื่อเลยอาจเป็นแบบนี้…มันเป็นดอกไม้ที่ออกไปทาง
แนวๆอีโรติกนิดหน่อย เอิ่ม จริงๆก็ไม่นิด…
คือกลิ่นหวานอบอุ่นของมันคล้ายผิวกายคน ไม่เหมือนกลิ่นดอกไม้ชนิดอื่นๆ
นับว่าเป็นความพิเศษของซ่อนกลิ่น…เพราะมันชวนให้นึกไปถึง
ผิวกายอันร้อนรุ่มของหญิงสาวในยามที่เรากอดกระหวัดรัดรึง…
แถมยังขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นกลิ่นดอกไม้ที่ปลุกเร้าอารมณ์ปรารถนา
ทางกามารมย์ได้ยิ่งกว่าดอกไม้ชนิดใดๆในโลกนี้…”
อืม…มันเริ่มเข้าสู่โหมดอีโรติกจริงๆนั่นแหล่ะ…นี่ขนาดให้มันสาธยายเกี่ยวกับดอกไม้
มันก็พาให้ใจเขาเริ่มเตลิดเปิดเปิง แล้วไอ้หมอนี่มีเมีย แต่เขาไม่มี…
จะไปลงกับใครก็ไม่ได้…วารินทร์จึงเหยียบเบรคกะทันหัน
ก่อนที่มันจะพาเขาไถลไปไกลกว่านี้
“พอ!” คนฟังหัวเราะเสียงลั่นทีเดียว เลยได้ทีแกล้ง 'คนไม่มีเมีย' ต่อไป
อยากถามเขาเรื่องดอกซ่อนกลิ่นทำไม ถามแล้วก็จะตอบให้หมดไส้หมดพุง
“นอกจากจะหอมรัญจวนใจแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกของสองดอก
ก็แสนจะสวยสดงดงาม แลดูบอบบางด้วยกลีบขาวอ่อนราวกับน้ำนม
บางพันธุ์มีสีชมพูอ่อนๆแต่งแต้มตรงปลายกลีบของดอก ดูไปแล้วก็คลับคล้ายคลับคลา
เนื้อสาวนวลละออเปล่งปลั่งละมุนละไม…สวยทั้งรูป แถมจูบก็หอม
เหมือนแก้มน้องนวลตาที่หมายปอง…กลิ่นหอมขจรไกล…ทำหัวใจพี่รุมร้อนซ่อนกล่ินเอย”
มันร่ายมาเสียยาวจนพาลเอาคนฟังใจเตลิดไปกับมันจนได้…
ไม่วายจินตนาการภาพตามไปด้วย…จากภาพดอกซ่อนกลิ่นกลายเป็นภาพหญิงสาว
ไปได้อย่างไรก็สุดจะรู้…
“พอ!” พอเริ่มรู้ตัวแล้วว่าโดนแกล้ง วารินทร์จึงเหยียบเบรคอีกครั้ง
คราวนี้มีเท้าตามไปติดๆด้วย แต่คนที่นั่งอยู่อีกฟากไหวตัวทัน
หลบบาทาวารินทร์ได้ทันท่วงที
“ก็หาเมียเสียก็สิ้นเรื่อง…" ไม่วายยุส่ง
"ถูกใจสาวใดก็ให้แม่ไปขอ...บอกว่าพี่กำลังมองหาคนมาช่วยใช้ตังค์...
แถมมีโปรโมชั่นดีๆเอาไว้รับลมหนาวช่วยคลายความเหงา...กอดฟรี หอมแก้มฟรี
เที่ยวฟรี กินฟรี ที่พักฟรี ค่ารักษาพยาบาลฟรี ช็อปปิ้งฟรีตลอดชีพ...
ถ้าได้เปิดโปรฯตัวนี้ออกไปเมื่อไหร่ล่ะก็...อื้อหือ...รับรองว่ารอบนี้ได้เมียแน่เจ้านาย”
“ฉันไม่ได้อยากได้แค่เมีย แต่อยากได้คู่ชีวิตด้วย…”
“มันก็เหมือนๆกันแหล่ะน่า…เป็นเมียไปสักพักเดี๋ยวก็เป็นคู่ชีวิตไปเอง
ถ้าไม่ลองดู จะรู้ได้ยังไง…” มันยังไม่เลิกกวนเบื้องล่าง
“ผมว่านะ…อย่างเจ้านายน่ะ ถ้าประกาศหาคู่ตุนาหงันเมื่อไหร่
รับรองว่ามีสาวๆเดินเรียงหน้ากันมารอพวงมาลัยดอกซ่อนกลิ่นของเจ้านายกันเป็นร้อย…
หนึ่งในร้อยนั้นขอให้หารจนาให้เจอก็แล้วกาน…”
มันมีการสลับบทให้เจ้าเงาะป่าสังข์ทองเป็นฝ่ายเสี่ยงพวงมาลัยหาคู่แทนนางรจนา
ไปเสียแล้ว…
“แล้วฉันต้องไปอยู่กระท่อมปลายนามั้ย…” ไหนๆมันก็ส่งมุกมาแล้ว
รับให้มันเสียหน่อยก็แล้วกัน
“ก็คงจะต้องแล้วแต่เด็จแม่ของเจ้านายว่าจะโปรดรจนาของเจ้านายแค่ไหน
ถ้าไม่ก็คงไม่แคล้วต้องไปอยู่กระท่อมปลายนาจริงๆ…แต่ไม่เป็นไรนิ
แถวเพชรบุรีมีทุ่งนาเยอะ…ต้นตาลก็มีมาก…ทำน้ำตาลโตนดขาย
แทนการตกปลาชะโดก็ได้นี่…ผมหนับหนุนเต็มที่…
รูปร่างเจ้านายก็เหมาะแก่การปีนต้นตาลสุดๆนะผมว่า…ฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะของมันดังไม่น้อยเลยทีเดียว บาทาวารินทร์เลยขยับอีกครั้ง
คราวนี้ไม่พลาดเป้าเลยแม้แต่น้อย เพราะคนที่คิดจะกระตุกหนวดเสือ
โดนบาทาลูบก้นไปเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่มันหมายจะเลิกก้นจากที่นั่ง
เพื่อหนีบาทาเขาแล้ว…
“คนอินเดียเขานิยมใช้พวงมาลัยซ่อนกลิ่นในงานแต่งนะเจ้านาย
ไม่เหมือนไทยเรา เอามันไปไว้หน้าโลงศพ แสนจะสงสาร…เจ้าซ่อนกลิ่น”
ก่อนมันจะไปไม่วายวกกลับมาเรื่องแต่งงานอีกจนได้…
“ต้องเสียสละความโสดก่อนนะครับถึงจะได้กอดเมีย...ได้อย่างเสียอย่างนะครับ
เจ้านาย...แต่เชื่อเหอะ ได้คุ้มกว่าเสีย ชัวร์ๆ...หาเมียเต๊อะ...หาเมีย...
เมียไม่มาเขาหาว่าเมียไม่มี...แต่ไอ้ที่เมียไม่มี...ก็แปลได้ว่า...ไม่มีเมีย...
ไอ้เรามันคนมีเมียต่อให้เมียไม่มา ซึ่งก็แปลได้ว่า แม้เมียไม่มาแต่ว่าเราก็ยัง...มีเมีย”
หน้าตาที่โหดร้ายอยู่แล้วยิ่งโหดเข้าไปอีกเมื่อได้ยินประโยควกวนกวนเบื้องล่าง
ของนักสืบจอมป่วน
"ไอ้วาคิม!" คนโดนคาดโทษด้วยน้ำเสียงอันทรงพลังหาได้สะท้านสะเทือนไม่
“อยู่คนเดียว เปลี่ยวหัวใจ มองข้างกายไร้ร่างบาง…
อยู่ลำพัง ช่างอ้างว้าง…รอเนื้อนาง...แนบชิดเชย…
อกพี่เอยมิเคยกอดใคร...ปากนั่นไซร้จูบใครไม่เป็น...รอแม่เนื้อเย็น จงเห็นใจกัน...
รอ รอ รอ รอ รอใครคนนั้น...รอแค่เธอหัน...มารักกันเสียที...”
ไม่วายขับร้องออกมาเป็นบทเพลงขณะเดินเนิบๆจากไป
ปล่อยให้อีกคนที่นั่งอยู่ครางฮึ่มๆในลำคอ
คฤหาสน์หลังงามเก่าแก่ของตระกูลวรรัศมิ์สกุลที่คงความสง่างาม
ยิ่งใหญ่และท้าทายทุกๆสายตาที่ได้ยลโฉมให้อยากเข้ามาสัมผัส
ภายนอกที่ดูอลังการณ์แห่งการสร้างสรรค์แล้ว หากภายในกลับซุกซ่อนความงดงาม
และความประณีตเอาไว้ทุกซอกทุกมุม
เครื่องเรือนทุกชิ้นล้วนหาไม่ได้อีกแล้วในปัจจุบัน ฝีมือช่าง และวัสดุ
ที่นำมาประดิษฐ์นั้นแทบหาได้ยากยิ่ง
นาดีมมองไปรอบๆตัวคฤหาสน์แห่งนี้ที่เธอปรารถนายิ่งนักที่จะเป็นเจ้าของมัน…
มือบางลูบไล้ไปบนโซฟาตัวงาม กวาดตามองไปทั่วทุกมุมด้วยรอยยิ้มพึงใจ…
ซุลก๊อตไนท์มักน้อยเกินไป…ยอมให้แม่ปลูกบ้านหลังใหม่ให้เป็นเรือนหอ…
โดยยินดีที่จะยกคฤหาสน์หลังนี้ให้น้องสาวทั้งๆที่เขามีสิทธิ์ในคฤหาสน์หลังนี้
ด้วยเพราะเป็นลูกชายคนโต…หากเขากลับสละสิทธิ์นั้นไปอย่างไม่ใยดี…
ต่อให้บ้านหลังใหม่ของเขาภายใต้การออกแบบของวาลาดาจะสวยงาม
และทันสมัยเพียงใด หากเมื่อเทียบกับคฤหาสน์หลังนี้แล้วมันช่างห่างไกลกันเหลือเกิน…
ไม่มีที่ใดหรือสถานที่ใดจะเทียบเทียมได้…
เขามันโง่เง่าสิ้นดีที่ยอมปล่อยให้ของมีค่าหลุดมือไปราวกับไม่ใส่ใจ…ราวกับไก่ได้พลอย…
เธอเฝ้าเก็บความไม่พอใจในการตัดสินใจของเขามาตลอด…
เจ็บใจตัวเองที่เลือกเขาแล้วกลับได้เพียงแค่เศษเสี้ยวของวรรัศมิ์สกุล
เพราะสิ่งดีๆ ยอดมณีของตระกูลเขากลับไม่สนใจ รับไปแต่ธุรกิจสิ่งทอ…
แม้จะทำเงินให้มหาศาล หากมันคือภาระทั้งนั้น ของได้เปล่ากลับปล่อยไป
แล้วเอาภาระหนักมาแบกไว้
ผู้ชายแบบนี้ไม่รู้เธอจะเรียกว่าอย่างไรดี…
เรียนหนังสือก็แสนจะฉลาด จบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง
ในต่างแดน ใช้ชีวิตรอบคอบ สุขุมเยือกเย็น คิดอ่านอะไรก็แสนจะฉลาดหลักแหลม
แต่กับเรื่องผลประโยชน์ที่ตนควรจะได้แล้ว…เขากลับไม่ต่างอะไรกับผู้ชายซื้อบื้อคนนึง…
จะบอกว่ารักครอบครัว เสียสละสิ่งดีๆให้น้อง
แล้วเธอเล่า เธอที่เขาเลือกมาเป็นภรรยานั้นไม่ใช่ครอบครัวเขาหรืออย่างไร…
เพราะนั่นคือครอบครัวใหม่คือรังใหม่ที่เขาต้องคิดต้องใส่ใจมิิใช่หรือ
แต่เขากลับตัดสินใจ กลับทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเธอเลย จนเธอต้องลงมือจัดการเองทุกอย่าง…
ถ้าแม่ไม่คิดอ่านให้เธอได้หาทางทำความสนิทกับเขา โดยการส่งเธอ
ไปเรียนโรงเรียนมัธยมเดียวกันกับเขาเพื่อใช้เขาเป็นสะพานไปสู่เป้าหมายของแม่…
มีหรือที่เธอจะยอม ในเมื่อเด็กหนุ่มที่เธอหมายปองอยู่ในตอนนั้นคือ วารินทร์!!!
แม้ไม่หล่อ รูปร่างไม่ได้ดีไปกว่าซุลก๊อตไนท์ เรียนไม่เก่งเท่า
แต่วารินทร์ก็ดูถึงใจ แถมยังใจนักเลงมาตั้งแต่เด็ก…
เธอไม่ได้รักวารินทร์ที่หน้าตา แต่รักเขาที่ข้างในนั้น…
รักเขาเพราะอิจฉาความรักที่เขามีให้วาลาดา เธออยากได้ความรักอย่างที่เขามีให้วาลาดา
รักเดียวใจเดียว รักมั่นคง รักที่ยอมทุ่มเทความรักให้หมดใจ หอบความรักมาให้
โดยไม่สนว่าใครจะคิดอย่างไร คอยปกป้องดูแล ยอมเจ็บตัวเพื่อให้คนที่ตนรักปลอดภัย…
เธอแอบมองดูความรักที่เขามีให้วาลาดามาตั้งแต่ได้รู้จักเขา
และเห็นเขามองแต่วาลาดาไม่เคยมองใคร
แล้วรู้สึกอิจฉาทุกที่ที่เขารักวาลาดาไม่รักใคร…จนอยากเป็นคนที่เขารักคนเดียว
เพราะความรักที่เขาต่อวาลาดามาตลอดนั่นแหล่ะ…คือสิ่งที่เธอปรารถนาจากวารินทร์…
เธออยากเป็นคนๆนั้นที่เขารัก…อยากให้เขารักเธอแบบที่รักวาลาดาบ้าง!
แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร เธอก็ยังคงอยู่นอกสายตาของเขาอยู่อย่างนั้น…
เขายังคงปักใจอยู่กับวาลาดา…ไม่เคยหันมามองเธอบ้างเลย
ไม่เคยเหลียวแลกันสักครั้งเดียว
…นั่นจึงทำให้เธอแค้นวาลาดายิ่งกว่าแค้นใครในโลกนี้…
หมั่นไส้วาลาดาที่ได้ความรักของวารินทร์ไปแล้วแต่กลับหยิ่งใส่ ไม่รับไมตรี…
ไม่ยอมรับความรักที่ดีๆแบบนั้นไป…
ก็สมควรแล้วที่คนอย่างวาลาดาจะเจ็บช้ำกับความรัก…เพราะทำกับวารินทร์
ทำกับเธอเอาไว้เยอะ…ไม่รวมพวกผู้ชายที่ส่งความรักให้อีกมากมาย…
ได้รู้จักความเจ็บปวดทุรนทุรายกับความรัก…ได้ลิ้มลองรสชาติความเจ็บปวด
และความผิดหวังจากความรักดูเสียบ้างจะได้รู้สึก…
และเธอจะไม่ลากวาลาดาเข้ามาเกี่ยวข้องหรืออ้อนวอนให้วาลาดา
ไปเรียนโรงเรียนเดียวกันกับเธอเลย จะไม่ยอมให้แม่ของเธอบากหน้าไปอ้อนวอน
พ่อแม่ของวาลาดาให้ส่งเสียวาลาดาไปเรียนกับเธอที่โรงเรียนที่ซุลก๊อตไนท์เข้าเรียนแน่ๆ
ถ้าไม่คิดว่า วารินทร์จะต้องขอตามไปเรียนด้วยกับวาลาดาอย่างมิต้องสงสัย…
เพราะเธอหวังแค่อยากจะให้วารินทร์ได้เรียนที่เดียวกันกับเธอ ได้อยู่ห้องเดียวกัน
เธอจึงพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในตอนนั้นเพื่อความหวังเดียว…
เมื่อวาลาดาคือสะพานให้วารินทร์ตามไปเรียนที่เดียวกันกับเธอได้
มีหรือที่เธอจะยอมเสียเวลายุคนอย่างวาลาดาให้ไปเรียนที่นั่นด้วยกัน…
มีหรือที่เธอจะหาทางกีดกันไม่ให้วาลาดากับวารินทร์ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน…
ไปเข้าค่ายที่ไหน เธอจะทำทุกทางเพื่อให้วารินทร์อยู่กลุ่มเดียวกันกับเธอ
ต่อให้วาลาดาจะต้องไปอยู่กลุ่มเดียวกับเป้าหมายอย่างซุลก๊อตไนท์เธอก็ยอม
เพราะชีวิตเธอถูกแม่บงการให้ต้องแต่งงานกับซุลก๊อตไนท์เอาไว้แล้ว
อย่างไรเธอก็ต้องทำตามทุกอย่างที่แม่บัญชามา…
ซึ่งโชคดีที่ซุลก๊อตไนท์เป็นผู้ชายที่ดีพร้อมทุกอย่าง เขาดูแลเอาใจใส่เธออย่่างดี
หากไม่ติดกับว่าเธอมอบใจให้วารินทร์ไปหมดแล้ว เธอคงรักเขาได้ไม่ยากเย็นเลย…
ยิ่งได้เห็นความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรของซุลก๊อตไนท์ เธอก็ยิ่งอยากครอบครองมัน
ในเมื่อสุดท้ายแล้วเขาต้องตายตามแผนการที่แม่วางไว้…และใจเธอก็มิได้ปักลงไปกับเขา
เพราะรู้ว่าสักวัน เธอต้องเป็นฝ่ายประหัตประหารเขา...
เธอจึงมิได้หวั่นเกรงเรื่องของวารินทร์เลย…เพราะตั้งใจไว้ว่า
หลังจากซุลก๊อตไนท์ตายแล้ว และเธอได้ครอบครองทุกอย่างที่เป็นของเขา
แม่ได้ทุกอย่างสมใจแล้ว เธอยังพอมีโอกาสได้หวนกลับไปหาวารินทร์
วาลาดาจึงถูกโยงมาอยู่ในแผนนี้อีกครั้ง…เพราะถ้าเธอไม่ทำลายวาลาดาเสีย
ให้วาลาดาแปดเปื้อนได้มากกว่าที่เธอต้องแปดเปื้อน...ให้เลวยิ่งกว่าเลว...
มีหรือที่คนอย่างวารินทร์จะเลิกรักวาลาดาแล้วหันมามองเธอ…มันคงไม่มีทาง
ดังนั้น…วาลาดาจะต้องตายทั้งเป็นเสียก่อน…เธอถึงจะสมปรารถนาทุกอย่าง…
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล…
เธอเชื่อว่า…ทุกอย่างที่เป็นเธอ ถ้าวารินทร์ได้ลองสัมผัสแค่เพียงสักครั้ง
เขาจะต้องลืมความรักที่มีต่อวาลาดาแล้วหันมารักมาหลงใหลคลั่งไคล้เธอจนโงหัวไม่ขึ้น
เหมือนอย่างที่ผู้ชายคนอื่นๆเคยเป็นมา…
ไม่สิ…ต้องยกเว้นซุลก๊อตไนท์เอาไว้…
เพราะในขณะที่ปากบอกว่ารักและห่วงใยเธอ ดูแลเธออย่างดี พยายามทะนุถนอมเธอ
ไม่คิดแตะต้องให้เธอต้องมัวหมอง…ให้เกียรติเธอทุกอย่าง
ทำราวกับว่าเธอคือนางฟ้าผู้สูงส่ง แต่ก็ไม่วายปันใจให้วาลาดา…ผู้หญิงธรรมดาๆ
ที่ไม่ได้มีอะไรดีนักหนา
เขาไม่เคยรักเธออย่างที่พยายามบอกเธอมาตลอด…เขาหลอกตัวเอง
ไม่รู้ใจตัวเอง…ไม่ชัดเจนในตัวเอง…
ไม่เหมือนวารินทร์ที่ชัดเจนทุกๆการกระทำ…ทุกๆความรู้สึก…
เธอจึงไม่ต้องการหัวใจแบบนั้นของซุลก๊อตไนท์…
หัวใจที่เธอต้องการคือหัวใจแบบวารินทร์
และเขาจะต้องรักเธอ หลงเธอยิ่งกว่าที่เคยรักเคยหลงวาลาดา!
และไม่ว่าเขาจะหันไปสนใจผู้หญิงคนใด เธอก็จะทำลายผู้หญิงที่เขาสนใจให้หมด...
ทำลายให้ย่อยยับ...
จนสุดท้ายแล้วเขาจะต้องรักเธอ...มองเธอแค่คนเดียว
เพราะขนาดวาลาดามีลูกและทำตัวแย่ขนาดนั้น เขายังไม่ใส่ใจ ยังจะรักอยู่อย่างนั้น
ดังนั้น…ต่อให้เธอต้องมีลูกเพื่อให้แผนของแม่และของเธอที่ถูกวางเอาไว้
มาตั้งแต่เธอยังเล็กๆอยู่ได้บรรลุและสมความปรารถนาเรียบร้อยแล้ว
เขาก็คงไม่แคร์เช่นกันว่าเธอจะเป็นเช่นไร…
ขอเพียงแค่เวลา…ขอเพียงแค่โอกาสและจังหวะเหมาะๆ…
ขอแค่อดทนอีกนิดเถอะ…อีกไม่นานเขาก็จะเดินเข้ามาติดกับดักของเธอในที่สุด…
และเธอจะไม่ยอมปล่อยให้เขาหลุดมือไปอีกเลยตลอดชั่วชีวิตนี้…
แล้วใครก็ตามที่กล้าเข้ามาขัดขวางเส้นทางไปสู่เป้าหมายนี้ของเธอ
เธอก็จะกำจัดมันให้สิ้นซาก...
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเหลือดีมเรื่องคดีความพวกนี้ บอกตามตรงเลยค่ะ
ว่าเรื่องกฎหมายพวกนี้ดีมไม่ถนัดและไม่ค่อยรู้เรื่องเลย…”
นาดีมเอ่ยกับทนายเดชาเมื่อเขาส่งแฟ้มเอกสารต่างๆพร้อมอธิบายเรื่องความคืบหน้า
ของคดีให้กับเธออย่างอารีอารอบ
“แต่ถ้าเป็นเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมล่ะก็…ดีมถนัด…” ว่าพลางลุกขึ้นยืน
แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าทนายความรูปงาม บุคลิกดี ฝีปากเยี่ยม สมองเป็นเลิศ…
“ว่าใครเหมาะกับอะไร…แล้วทำยังไงให้ดูดี…”
พูดพลางก็ยกมือขึ้นจัดเนคไทให้บุรุษตรงหน้า จัดคอเสื้อสูทให้อย่างใส่ใจในรายละเอียด
แล้วไล้ปลายนิ้วเรียวสวย ลากจากคอเสื้อมาหยุดอยู่ตรงกระดุมเสื้อนอก
ปัดไรฝุ่นออกให้เบาๆ ทุกการกระทำแลดูนุ่มนวลอ่อนโยนยิ่งนัก...
ก่อนจะค่อยๆช้อนตาขึ้นมองเจ้าของชุดที่ยืนนิ่งมองเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว
นาดีมยิ้มหวาน ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับเมื่อยามจับจ้องดวงตาคม
สีน้ำตาลเข้มของหนุ่มรูปงามมาดขรึมตรงหน้า…
“ดีมตัดชุดเอาไว้ให้เดแล้วนะคะ…พรุ่งนี้อย่าลืมแวะไปลองที่ห้องเสื้อด้วย
แล้วยังปักเทคไทลวดลายใหม่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนให้ด้วยค่ะ
รับรองว่าใส่ไปศาลใด ไม่มีตกเทรนด์…” ทนายหนุ่มคลี่ยิ้มน้อยๆตรงมุมปาก
แลดูมีเสน่ห์ในแบบร้ายๆที่นาดีมเห็นคราวใดแล้วติดตาต้องใจ
จ้องมองไม่วางตาทุกครั้ง
“ขอบคุณที่ยังไม่ลืมขนาดตัวของผม…และรสนิยมของผม”
ถ้อยคำและน้ำเสียงส่อนัยยะซ่อนเร้น…ก่อนจะก้มลงมาแนบชิดพวงแก้มสาว
ที่ดูผ่องใสเนียนตา
“อย่าค่ะ…ตรงนี้ไม่เหมาะ…” ตรงนี้ของนาดีมคือห้องทำงานเก่า
ของประมุขของคฤหาสน์หลังนี้
“คุณรู้มั้ยว่าได้กลิ่นน้ำหอมกลิ่นนี้จากคุณทีไร ผมแทบอดใจไม่ได้ทุกครั้ง…
ยับยั้งตัวเองไม่ได้ทุกที…ซ่อนกลิ่นของผม…”
ว่าพลางก้มลงสูดดมกลิ่นหอมจากเรือนกายของนาดีมตรงซอกคอนั้น
อย่างหลงใหลเอามาก ก่อนจะตวัดผ้าคลุมศีรษะของนาดีมออกไปให้พ้นเสีย
ผมสลวยย้อมสีน้ำตาลอ่อนหยิกเป็นลอนจึงปรากฏแก่สายตา…
แลดูอ่อนหวานเมื่อมันล้อมกรอบดวงหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มของนาดีม…
ผู้หญิงที่แลดูบอบบาง น่าทะนุถนอม เรียบร้อยอ่อนหวานยามเมื่อมอง
หากเมื่อได้สัมผัสกลับเปลี่ยนเป็นหญิงสาวที่แสนจะเซ็กซี่เย้ายวน
และแสดงออกทางเพศอย่างร้อนแรง ทำเอาทนายหนุ่มถึงกับหลงใหลเธอจนโงหัวไม่ขึ้น
ไม่ว่าเธอจะออดอ้อนให้ทำอะไรให้ เขายินดียอมทำให้เธอหมดทุกอย่าง
ยอมสิโรราบแทบตักเธอ…
จมูกที่โลมไล้กลิ่นกายอันหอมหวานอบอุ่น ผสานกรุ่นกลิ่นป่าเขาลำเนาไพร
ยามเมื่อได้สูดดมคราวใดชวนให้ใจเตลิดเปิดเปิงได้ทุกครั้ง…
ปากสีชมพูระเรื่อถูกจุมพิตแผ่วเบาก่อนจะเร่งเร้าเมื่อไฟราคะของทั้งคู่ถูกจุดติด…
ความยับยั้งชั่งใจบินไป ณ แห่งหนใด มิมีใครปรารถนาจะค้นหามัน
ทั้งสองกอดกระหวัดรัดรึง เนื้อนวลขาวนุ่มเนียนละมุนราวกับน้ำนม
กับยอดปทุมสีชมพูอ่อนปรากฎแก่สายตาที่รอคอยจะได้ลิ้มลองความหอมหวานของมัน
ร่างที่ถูกปลดเปลื้องอาภรณ์ถูกวางลงบนโซฟาแล้วตามติดด้วยอีกร่าง
ที่เปล่าเปลือยทาทับลงไป ไร้พรมแดนกางกั้น ไร้สติยับยั้งชั่งใจ
มีแต่อารมณ์ที่จะทำตามอำเภอใจ…มิรู้จักบาปบุญคุณโทษ…
“เบาๆนะคะ…ดีมกำลังมีน้อง…”
เสียงนั้นดังแผ่วเบาหมายจะเตือน หากทุกอย่างกลับถูกลืมเลือน
เมื่อไฟถูกสุมด้วยฟืนแห่งตัณหาราคะที่พร้อมจะลุกโชติช่วง
ไหม้ลาม เผาทั้งกายและใจของคนทั้งสองให้พร้อมจะท่องไปยังแดนสุขาวดี
สลับกับแดนอเวจีครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับมิรู้จักอิ่ม มิรู้จักพอ มิรู้เบื่อ
มิรู้ผิดชอบชั่วดี…มิรู้เวลาและเทศะ
และโดยมิรู้ว่าทุกๆการกระทำของตนนั้นถูกบันทึกเอาไว้ด้วยสายตาของใครคนหนึ่ง
ที่จับจ้องมองอย่างไม่วางตา…เป็นสายตาที่กราดเกรี้ยวและดุดัน
พร้อมจะลุกไหม้ได้ทุกวินาที…
...........โปรดติดตามตอนต่อไป...........
แม่เนื้อหอมกับเสือหาญ...เหอๆๆ
มาให้ช้าไปกว่าที่ตั้งใจไว้...แต่ก็มาให้ทันก่อนจะหมดวันนี้แล้วน้าาาา ^o^
เอาวารินทร์กับนาดีมมาให้ค่ะ...ส่วนอานิต้า โดนวารินทร์เอาไปวางไว้บนหิ้งซะแล้ว
ฮ่าๆๆๆ เงาะของเต่าทำเอานาดีมแค้นวาได้ขนาดนั้นเลยหนา...เหอๆ
กว่าจะได้ครองคู่กับรจนา เงาะของเต่าต้องฝ่าด่านอรหันต์ให้ได้ซะก่อนนะเนี่ย
น่าสงสารคนไม่มีเมียจริงๆ จะมีเมียทีก็แสนจะลำบาก ขวากหนามแหลมคมเหลือเกิน
ปลาชะโดก็แสนจะดุร้ายยิ่งนัก (สรุปว่าเรื่องนี้เงาะเป็นพระเอกเนอะ) 5555
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ
ขอบคุณทุกๆไลค์ที่จิ้มให้เต่าโย
ขอบคุณกำลังใจที่มอบให้ที่เข้ามาพูดคุยกับเต่า
ขอบคุณนักอ่านเงาจ๊ะ...
...........ตอบเม้นท์จ๊ะ............
1.คุณcoonX3...นาดีมยังเผยตัวตนไม่หมดเลยค่ะ ที่เผยออกมาแค่เสี้ยวเดียว
และยังคลุมเครือ...ตอนนี้ก็ยังไม่หมดสิ้นลวดลาย...เธอเพรวพราวมาก
ทำไมถึงเป็นคนเช่นนี้ได้ มันมีคำตอบของมันเหมือนกันค่ะ...อิอิอิ
เรื่องพลาดนั้น พลาดมาไม่น้อย คือ ไม่คิดว่าตนเองพลาด แต่ก็มีคนที่เห็น
ข้อผิดพลาดของเธอแล้ว และนำมันมาใช้ย้อนเธอคืน...เฮะๆ
2.คุณRdoubleC...พี่นุนั้นไม่ใช่แน่ๆค่ะ...ฮ่าาาา
แม่ก๊อตก็ไม่ใช่...เคยใบ้ๆไปบ้างแล้วก่อนหน้าด้วย...อิอิ
(เอาให้นักอ่านเรามึนได้อีกสักหน่อย)^O^
ต่อไปก็จะค่อยๆเห็นความเป็นไปของนาดีมค่ะ
เพราะเธอจะค่อยๆเผยตัวออกมาเอง...เนื่องจากคนบางคนนั้นจะไม่เผยธาตุแท้ออกมาง่ายๆ
จนกระทั่งมีอะไรบางอย่างมากระตุ้น...มาจาระไนมันออกมา
และแน่นอนว่าคนที่ทำได้แม้กระทั่งเล่นมนต์ดำฆ่าคนอื่น เห็นชีวิตคนอื่นไม่มีความหมาย
คนๆนั้นก็ได้ทำตนให้ชีวิตตัวเองปราศจากคุณค่าเช่นกันค่ะ ต่อให้สำนึกได้ในภายหลัง
ก็ต้องถูกลงโทษ...แต่จะสำนึกได้หรือไม่...นั่นก็ไม่แน่นะคะ...ต้องมาดูกันต่อ
(สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพตัวละครน้า) ฮ่าาาาาาา
เรื่องมรดกไม่ว่าที่ใดในโลก ก็ยังคงวุ่นวายไม่จบสิ้นค่ะ...เพราะคนบางคน
ก็อยากได้อยากมีกันเป็นธรรมดา (ขึ้นอยู่กับจิตว่าได้รับการขัดเกลามาแค่ไหน)
ยิ่งของที่ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยแล้วได้มายิ่งปรารถนาอยากจะครอบครอง...
เวลาคนรวยตายที เหมือนต้นไม้ล้มทับโลกากันเลยทีเดียว...
ส่วนคนจนๆไม่มีอะไร ตายไปอย่างเงียบๆ...ก็รอดตัวไป...
ลูกหลานไม่ต้องมาตบตีแย่งชิงทรัพย์สมบัติให้ต้องปวดใจ ขนาดมีพินัยกรรม
เป็นตัวช่วยก็เหมือนจะช่วยไม่ค่อยจะได้...กฎหมายฉบับไหนก็ลดความวุ่นวายนี้ไม่ได้
นอกเสียจากว่า ศีลธรรมและจิตสำนึกที่ดีเท่านั้นค่ะถึงจะเอาอยู่...
เพราะในบางราย กรณีเรื่องคดีความในศาลถึงที่สุดแล้วก็จริง...
แต่เรื่องในใจคนมันไม่ยอมจบก็มีเยอะไป...สงครามเย็นเลยเกิดขึ้น
จากรุ่นสู่รุ่นกันต่อไป...ปลูกฝังให้ลูกหลานเกลียดข้ีหน้ากันต่อไปก็มี
แล้วค่อยมาประหัตประหารกันต่อในรุ่นใหม่ เจเนอเรชั่นใหม่ กลยุทธใหม่ๆ
เขาเรียกว่า...วุ่นวายไม่เลิก...
เคยเจอมั้ยคะ ที่พี่น้องแย่งชิงมรดกกัน ถึงกับตกลงกับทนายว่าถ้าสู้คดี
ให้ตัวเองชนะได้มรดกมาจะแบ่งมรดกให้ทนายครึ่งหนึ่ง...ลองคิดดูว่าคนแบบนี้ก็มี
ทนายที่ไม่ใช่พี่น้องของตัวเองแท้ๆ ยังยินดียกสมบัติที่พ่อแม่ตนหามาได้ให้ครึ่งหนึ่ง
ในขณะที่พี่น้องของตัวเองแท้ๆกลับไม่ยอม...กลับไม่อยากเสียเปรียบพี่น้อง...
แต่กับทนายนั้นยอมเสียเปรียบได้ ถ้าสู้ชนะ เราได้ ทนายรวย พี่น้องเราล่มจมก็เอา...
จนบางรายน่าเศร้าที่เสียเงินจ้างทนายหมดตัวแต่สู้คดีไม่ชนะก็มี...
บางครอบครัว สู้คดีมรดกกันเกือบฆ่ากันตายด้วยซ้ำ ที่ฆ่ากันตายไปมากมายก็มี
ไปนอนกินข้าวแดงเสียก็ไม่น้อย เพราะตกลงกันไม่ได้...
ลองคิดดูนะคะว่า พ่อแม่ที่นอนอยู่ในหลุมจะทุกข์ทรมานแค่ไหนถ้าได้รู้ว่าลูกตัวเอง
ต้องมาฆ่ากันเพราะสมบัติที่ตนอุตส่าห์เหน็ดเหนื่อยถากถางทางหามาให้ใช้...
นี่แหล่ะค่ะความโลภที่ทำให้สติปัญญาของมนุษย์ฝ่อ...เห็นผิดเป็นชอบไปได้...
ยิ่งถ้ามันได้พบกับความอิจฉาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของมันเข้าล่ะก็...สุดๆ...
เพราะคุณลักษณะแย่ๆทั้งมวลจะปรากฎขึ้นในใจแล้วค่อยลุกลาม
ออกสู่สังคมโดยรอบในที่สุด เป็นเชื้อร้ายที่แพร่กระจายได้น่ากลัวค่ะ...
ขนาดวารินทร์ยังไม่ยอมจีบอานิต้าต่อ เพราะไม่อยากให้หญิงสาวที่ตนหมายปอง
ต้องสัมผัสกับเชื้อร้าย...เพราะมีตนเป็นพาหะนำเชื้อร้ายนั้นไปสู่เอาได้
แล้วก๊อตที่มีทั้งแม่ น้อง เมียและลูก รวมทั้งลูกน้องในปกครองและญาติๆอีกเพียบ
จะไม่กังวลได้อย่างไรกับเชื้อร้ายที่กำลังแพร่เชื้ออยู่...
เพราะมารเรื่องนี้เป็นได้ยิ่งกว่าปลวกที่กัดแทะและกัดกินบ้านคนอื่น
ให้พังได้เสียอีกค่ะ...อิอิอิ
ปล.พอมีคนชมว่าสุดสวยแล้วอยากแก้ว่า ขอเป็นสวยสุดได้มั้ยอ่ะ...ฮ่าาาาา
3.คุณPampam...ลุงหมานแกรู้ตามอายุความ เย้ย ตามอายุของแก
และตามเหตุการณ์ในชีวิตที่ประสบพบเจอมาค่ะ...แน่นอนว่าคำเตือนของแก
ที่มีต่อวานั้นเป็นคำเตือนที่ดีที่สุดแล้ว...เพราะก๊อตคนเดียวเอามารไม่อยู่หรอกค่ะ
ต่อให้เก่งระดับหัวเพชรก็ตาม เนื่องจากมารเราเอาหมด ตั้งแต่เล่ห์กล คาถา
เวทย์มนต์ ไม่เลือกวิธีการว่าดีหรือชั่ว...ขอให้บรรลุเป้าหมายก็พอ...
4.คุณเดิมเดิม...ป้อน้องฟามาเพราะเมียล้ม ถ้าไม่ล้มคงไม่โผล่...ฮ่าาาาา
5.คุณpretty...คงไม่ได้อยากจะให้ลูกรู้ แต่อดไม่ได้มากกว่านะโยว่า
เพราะให้มองดูลูกเมียล้มลุกคลุกคลานโดยไม่ช่วยเลย ท่าจะยาก...อิอิอิ
เลยอยู่เป็นเงาติดตามตัวลูกเมียและคนอื่นๆ...ใช้แผนเดียวกับมารเลยนะเนี่ย...ฮ่าาาาา
6.คุณkonhin...ชอบอ่านข้อวิเคราะห์ตัวละครของคุณkonhinมากเลยค่ะ
มันทำให้เห็นอะไรๆอีกมุมหนึ่งที่นักอ่านสัมผัสเจอ...
1.นาดีมในเรื่องนี้ ไม่มีคุณสมบัติมากพอจะเป็นนางเอกร้ายได้จริงๆค่ะ คอนเฟิร์ม
ฟันธงเลยสำหรับชี...ถ้าเป็นนางร้ายในเรื่องอื่นๆของเต่ายังพอจะให้อภัยกันได้บ้าง
แต่สำหรับเรื่องนี้ เห็นท่าจะยากค่ะ เพราะโยปูพื้นนาดีมเสียแบบว่ากะจะไม่ให้ใคร
อยากให้อภัยหล่อนกันเลยทีเดียว...ถ้าจะให้อภัยคงต้องกัดฟันกันละ...อิอิอิ
ส่วนว่าทำไมต้องร้อนตัว ร้อนรนนั้น มันเกิดจากจิตที่มีไฟสุมเอาไว้ค่ะ
เย็นไม่ได้ เพราะธาตุไฟเข้าแทรก...มันจึงร้อนรุ่ม...อยู่ไม่สุข...
ถ้าเป็นคนปกติสามัญน่าจะคิดได้ว่าใยจะต้องรีบรวย รีบมีกันนักหนา จะรีบไปหนาย
ที่มีๆอยู่นี่ก็ใช้ไปก่อนไม่ได้หรือ ทำไมต้องรีบหาเพิ่มแล้วเพิ่มอีกจนไม่มีเวลาจ่ายเวลาใช้มัน
แต่ก็พบว่าในโลกนี้มีคนรีบๆเรียน รีบๆทำงาน รีบๆรวยกันเยอะเหลือเกิน...
กลัวว่าก่อนตายจะไม่รวยสมใจ...เลยรีบรวยเสียก่อน เดี๋ยวตายไปไม่มีคนสรรเสริญ
ยกย่องตามหลัง...ฮ่าาาาาาา...ประมาณว่าถ้าตายในสภาพคนจนมันดูอนาถาเกินไป
รับบ่ด้ายยยยยยย...เหอๆ แต่ตายไปในสภาพคนชั่วเนี่ย รับได้ไม่เป็นไร...
2.ถ้าก๊อตไม่เจ้าเล่ห์บ้าง สงสัยเรื่องนี้จากต้องวุ่นวายเรื่องคดีมรดก
คงต้องกลายเป็นวุ่นวายคดีอาญาฆ่ากันตายเป็นหมู่จริงๆแน่ๆค่ะ...
ซึ่งมันได้อย่างเสียอย่าง...แล้วนักธุรกิจส่วนใหญ่แล้วจะมีการประเมินค่าเสียหาย
ก่อนกำไรเสมอสำหรับแต่ละโครงการค่ะ...เพราะถ้าไม่ประเมินค่าเสียหายก่อน
แน่นอนว่าพลาดได้ง่ายจนล้มละลายกันได้ ในการนี้ก๊อตก็น่าจะมีการประเมินกัน
เอาไว้บ้างแล้ว...ได้อย่างเสียอย่างค่ะ...ไม่มีใครได้หมด พระเอกเต่าไม่ใช่คนโลภ
(เคยมีแอบบ่นในใจว่าอยากมีชีวิตเรียบง่าย ไม่ต้องแบกภาระหนักๆอยู่เลย
แต่จะไม่แบกก็ไม่ได้ เพราะมันคือภาระผูกพันกันมาจากพ่อสู่ตัวเขา...)
พอไม่มีความโลภเลยวางแผนได้ดีกว่าคนโลภที่อยากได้ไปเสียทุกอย่างที่ปรารถนา
งานนี้แผนก๊อตมีสิทธิ์เหนือแผนของมารก็ตรงที่ก๊อตไม่ได้มีคุณลักษณะของมารนัั่นเอง...
ตอนพี่นุถามว่า ถ้ารักวามากขนาดนั้น แล้วทำไมต้องทำร้ายจิตใจวา
ก๊อตตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า...เพื่อความสงบสุข (จำได้มั้ยคะ) ฮ่าๆๆๆ
เพื่อความสงบจริงๆค่ะงานนี้...เหอๆ เขาเรียกว่า ไม่มีคนเจ็บไม่มีทางจบ...
แผนละมุนละไมมันใช้ไม่ได้ผลกับเหล่ามารค่ะ...
3.วาเขาไม่ใช่คนซื่อบื้อ แต่จะเป็นคนประเภทซื่อตรงค่ะ
คุณสมบัตินี้เป็นจุดแข็งก็ว่าได้ แต่หลายคนชอบเอาไปใช้ให้เป็นจุดอ่อนของเธอ...
โดยการวิเคราะห์จากมุมคนเขียนแล้ว...โยว่าเท่าที่วาเป็นอยู่ก็เข้มแข็งแล้วหนา...
ผู้หญิงหลายคนถ้าเจออย่างเธอเข้าจริงๆ จิตหลุดไปแล้วก็น่าจะมี...อิอิอิ...
บางรายที่โดนสามีทิ้ง ยังวิ่งให้รถทับตายได้เลย...
แล้วนี่นางเอกในนิยายของเต่า มันค่อนข้างอึดกว่านางเอกในชีวิตจริงมากๆเลยนา...
ถ้าอึดกว่านี้อีก โยกลัวว่านักอ่านจะสงสัยว่านางเอกเต่าเป็นสตั๊นแมนหรือเปล่า
(คือมีคนมาแสดงแทนอะไรงี้ไง)อิอิ...
ตอนนี้ถึงวาจะใจร้อนหรือใจร่ม แต่ก็เชื่อได้ว่า ยังไงๆ สามีสุดที่รักของเธอ
ก็ไม่คิดจะให้เธอได้รับบทบู๊แน่นอน ท้องสองต้องระวัง ฮ่่าๆๆๆ
เลยต้องนั่งกินข้าวโพดไปบนเนินข้าวโพดมันนั่นแหล่ะ...เหอๆ
ถ้าคิดจะหนี ชีจะหนีได้จริงๆหรือ...ก็ไม่น่่านะ...เพราะตอนนี้ชีวิตวะวา
ถูกล้อมไปด้วยข้าวโพดแล้ว...ไม่สามารถฟ้องร้อง ไม่สามารถส่งเรื่องอุทธรณ์
หรือฎีกาเสียด้วย 555 ศาลไหนๆก็ช่วยให้เธอหลุดพ้นจากเนินข้าวโพดไปไม่ได้
นอกจากศาลของซุลก๊อตไนท์...555 แต่ถ้าลองมองในแง่ดีๆ ข้าวโพดมันก็
อร่อยดี แถมวะวากับตาหนูก็ชอบ อยู่กินข้าวโพดที่นั่นไปสักสองสามปีจะเป็นไรไปเนอะ
ปล.สามข้อของคุณkonhin โยอ่านแล้ว...มีแอบฮานิดๆนา...ชอบๆ
โดยเฉพาะที่ยุให้วาเอาโต๊ะเอาตู้มาบังประตูอ่ะ...ถ้าวาทำจริง
ตาหนูคงลำบากน่าดููเลยอ่ะ...เพราะรายนั้นก็...อยากเก็บเธอเอาไว้...ทั้งสองคน...
อ้อ ไม่ใช่สิ ตอนนี้มีน้องเพิ่มมาอีก...จากสองต้องเปลี่ยนเป็นสามซะแล้ว อิอิ
8.คุณแว่นใส...ใช่ค่ะ...เรื่องราวยังไม่จบ ยังมีอีกใช้ได้เลย
หนักบ้างเบาบ้างตามครรลองค่ะ...^o^ มาม่ายังมีเสริฟอยู่เช่นเดิม...อิอิ
9.คุณตุ๊งแช่...จะรับไปเลี้ยงต้อยมั้ยคะ...
เลี้ยงไม่กี่ปีก็โตเป็นหนุ่มแล้ว...ส่วนเราไม่กี่ปีก็แก่เนอะ...ฮ่าๆๆๆ
วาเขาเกิดมาเพื่อรับบททุกข์ระทมค่ะ...กินน้ำตาต่างข้าวไป...
เหมือนหนอนผีเสื้อที่กินน้ำค้างส่วนตาก็มองจ้องดอกไม้...เหอๆ
ดีแล้วนะที่เต่าให้วากินน้ำตาแทนข้าว ถ้ากินหญ้าแทนข้าวนักอ่านอาจจะไม่ปลื้มนัก อิอิ
ส่วนพี่นุกับรินทร์แกยังผนึกกำลังกันไม่ได้ค่ะ ต้องรอจังหวะงามๆ...
จะผลีผลามเดี๋ยวงานใหญ่เสีย...อิอิอิ จะตกปลาชะโด (ลูกพี่ปลาช่อน)ทั้งที
ต้องใจเย็นๆค่ะ ต้องรอคอยจังหวะดีๆ (แบบร้องเพลงคล่อมคีย์ไม่เอา)
พอเมื่อโอกาสกับจังหวะเข้ากันพอดิบพอดีแล้วล่ะก็...ค่อยกระตุกเบ็ด
อื้อหือ ชะโดก็ชะโดเถอะงานนี้...(ใครเคยมีประสบการตกปลาชะโด
จะเข้าใจวิธีการในการล่าหัวมารค่ะ)
มารอดูวัวพันหลัก กับปลาชะโดโดนลากขึ้นบกกันค่ะ...5555
ลากขึ้นมาได้แล้ว จะต้มโคล้ง ต้มยำ เดี๋ยวค่อยคิดเมนูกันอีกที...เหอๆ
ส่วนเจ้าดอกไม้งาม...โยเองอยากให้เห็นความแตกต่างของไม้สองชนิดนี้
เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นเกี่ยวกับท้องเรื่องนี้ด้วยน่ะค่ะ ไอเดียบรรเจิดเอาก็ตอนที่
เห็นดอกกัลปพฤกษ์บานสะพรั่งเต็มต้นนี่แหล่ะ มันพาลให้นึกไปถึงอีกดอกที่คล้ายกัน
ตอนแรกโยก็ทักผิดนะ แต่มีผู้เชี่ยวชาญช่วยแก้ความเข้าใจผิดให้ จนกลายเป็นถูก...
เลยเอามาให้นักอ่านได้รับรู้กัน แต่ก็ยังมิวายนึกเปรียบไปถึงความงามของซากุระแดนไกลอีก
จนได้...โยว่าถ้าเราทำกันดีๆ ปลูกกัลปพฤกษ์ให้ทั่วบ้านทั่วเมือง
ทั่วมันทั้งเนินข้าวโพดของวา หรือตลอดแนวถนนเป็นระยะทางหลายๆกิโล
รับรองว่าเวลาดอกมันบานพร้อมกันเมื่อไหร่ ไม่ต้องไปชมดอกไม้งามแดนไกล
ก็ได้บรรยากาศแล้วค่ะสำหรับคนอยู่ใกล้แต่ไปที่ไกลไม่ได้...
ดอกไม้งามไม่มีสักดอกที่สวยเหมือนกันจริงๆค่ะ...ต้องไปชื่นชมดูแล้วจะรู้ว่า...
ของใกล้ตัวบางทีก็สวยไม่แพ้ของไกลๆเลย...พอชอบดู เดี๋ยวเราก็จะชอบดม...
เหมือนเต่าไง...ชอบดอกไม้งาม กับความหอม...เหอๆ
ว่าแต่จะไปดูซากุระหรือนี่...แถวไหนอ่ะ...แถบที่ร้อนๆหรือทางใต้น่าจะร่วงแล้ว
สงสัยจะทางเหนือชิมิ...อิอิอิ หรือว่าจะไปทัวร์เกาหลีอ่ะ...เพราะเกาหลี
ก็มีซากุระ...สวยด้วยงิ...อิอิอิ เพราะรอยเต่าที่เกาหลีก็มีนิดๆนา...ฮ่าาาา
แต่ถ้าเป็นรอยไถ เย้ย รอยตีนกา เย้ย ที่เต่าฝากรอยเท้าเอาไว้เยอะหน่อยก็ที่โตเกียว
กับที่เกียวโตเป็นหลักเลย มีหลายรอยมาก...โดยเฉพาะทีี่สะพานฮาราชิยาม่า
มันมีหลายรอยนา ถ้าได้ผ่านไปทางนั้น ลองดูดีๆดมดีๆแล้วจะเจอกลิ่นเต่า
ที่ไม่น่าจะจางไปได้ง่ายๆ...อิอิอิ
ปล.ที่บอกว่าจะปั่นให้จบให้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้นั้น เป็นการปลอบและให้กำลังใจ
ตัวเองค่ะ...ตั้งเป้าหมายเอาไว้ให้หินๆหน่อย เผื่อจะฮึดสู้ ทั้งๆที่ความเป็นไปได้
มันน้อยนิดมาก เพราะการสาวปมมันต้องระมัดระวังหน่อย ยิ่งขาสั้นๆแบบนี้
ยิ่งเป็นไปได้ยากมากที่จะมีกำลังปั่นขนาดนั้น แต่ก็หวังว่าไม่น่าจะนานจนเกินไป
สำหรับนักอ่านค่ะ จบไม่ได้ในเดือนนี้ ก็จบเดือนหน้า หรือไม่ก็ข้ามไปปีหน้า ฮ่าๆๆๆ
(อย่าเพิ่งผวาเรื่องที่โยจะข้ามไปจบในปีหน้านะคะ)อิอิอิ มันไม่น่าจะขนาดน้าน...
(แต่คานน้อยฯกับเศษหนึ่งส่วนสองฯก็เคยทำลายสถิติมาแล้วหนา)...เฮะๆๆ
ขอให้ชมซากุระอย่างเพลิดเพลิน แต่อย่าไปคิดหาญสู้เพื่อจะได้เด่นเกินหน้าเกินตา
มันเข้านะคะ เพราะอาจผิดหวังได้...มันชอบแย่งซีนคนสวยค่ะ...ฮ่าาาาาาา
10.คุณyasta...ดีนะคะที่บอกแค่ว่าน่าเตะ ไม่ใช่น่าปั่น (ปั่นคือคำสุภาพของถีบค่ะ)
อ่าา...อย่าเพิ่งเตะก๊อตให้กลิ้งตกเนินข้าวโพดไปนะคะ...เดี๋ยวก๊อตเกิดคอหัก
คอพับ ตายขึ้นมาจริงๆ หญิงวาได้เป็นแม่ม่ายลูกสองเลยนา...
รันทดหดหู่ไปจนจบเรื่องเลยเชียวนา...มาม่าเกินไปไม่มีน้ำตาล เดี๋ยวนักอ่านเต่า
เป็นโรคอ่อนหวานกันหมด เต่าไม่มียารักษาเน้อ...อิอิอิ
11.คุณHabibi...โยก็นึกว่าไม่สนแนวมาม่าซะอีกอ่ะ เลยไม่ได้แวะมา
ส่งซิกให้กันในเรื่องนี้...ดีใจค่ะที่เข้ามาทักทายและทำให้รู้ว่าไม่ได้ทิ้งกันไปไหนเลย
แวะมาบ่อยๆน้า...เพราะเสร็จจากตรงนี้ก็กะจะไปฝันกันต่อในเรื่องที่ดองๆไว้ค่ะ
บทที่แล้วลูกแย่งซีนพ่อค่ะ...ก๊อตมีแต่คนแย่งซีนทั้งนั้น ควรจะได้เป็นพระเอก
ของเรื่องอยู่อีกดีมั้ยไม่รู้...งานนี้คงต้องถามความเห็นนางเอกค่ะ...ฮ่าาาาา
เพราะสำหรับเต่า ก๊อตคือพระเอกตลอดเรื่อง...และตลอดกาล...555
และขอบคุณมากๆเลยค่ะสำหรับการติดตาม...
.....ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงกันถ้วนทั่วนะคะ......
"เต่าโย"

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มี.ค. 2558, 23:06:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มี.ค. 2558, 23:06:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 3416
<< บทที่ 30 ซ่อนกล ซ่อนใจ | บทที่ 33 ซ่อนปม ซ่อนพิษ >> |

Pampam 25 มี.ค. 2558, 01:35:13 น.
ใครนะแอบมองอยู่
ใครนะแอบมองอยู่

coonX3 25 มี.ค. 2558, 04:23:17 น.
นาดีมร้ายต่างจากหน้าตา สมแล้วที่เปรียบเหมือนดอกซ่อนกลิ่น พ่อของเด็กในท้องไม่ใช่คุณทนาย จะเป็นน้าเล็กรึเปล่า ยิ่งทำอย่างนี้ คิดหรอว่ารินทร์จะดูไม่ออก เงาะฉลาดนะ มีโค้ดลับด้วย หวังว่ามารคงจะไม่รู้นะ ส่วนคนที่แอบดูจะเป็นแม่ของก๊อตรึเปล่า จะรอดูความร้ายกาจของนาดีมต่อไปคะ
นาดีมร้ายต่างจากหน้าตา สมแล้วที่เปรียบเหมือนดอกซ่อนกลิ่น พ่อของเด็กในท้องไม่ใช่คุณทนาย จะเป็นน้าเล็กรึเปล่า ยิ่งทำอย่างนี้ คิดหรอว่ารินทร์จะดูไม่ออก เงาะฉลาดนะ มีโค้ดลับด้วย หวังว่ามารคงจะไม่รู้นะ ส่วนคนที่แอบดูจะเป็นแม่ของก๊อตรึเปล่า จะรอดูความร้ายกาจของนาดีมต่อไปคะ

pretty 25 มี.ค. 2558, 06:18:53 น.
ในห้องมีวงจรปิดป่ะคะ ถึงแอบดูแบบไม่รู้ตัวได้
ในห้องมีวงจรปิดป่ะคะ ถึงแอบดูแบบไม่รู้ตัวได้

konhin 25 มี.ค. 2558, 08:01:45 น.
อ้าว นึกว่าจะให้นาดีมเป็นตัวละครกลมๆเทาๆ กะให้ดำสนิทเลยป่ะเนี่ยยย คงถึงเวลาที่หัวมารจะหันมากัดกันเองแล้ววววว
สามตอนหลังชื่อตอนมาแนวเดียวกัน
ซ่อนหา ซ่อนเงา/ ซ่อนกล ซ่อนใจ/ ซ่อนกลิ่น ซ่อนชู้
งั้น ส่งเข้าประกวด
"ซ่อนหัว ซ่อนหาง" (แต่จะโดนกินกลางตลอดตัว),
ซ่อนสมบัติ (ผลัดกันชม เอ้ยยย),
ซ่อนระทม (เพราะ)ไม่สมหวัง,
ซ่อนความหลัง ซ่อนหัวใจ,
ซ่อนมากไปเริ่มเลอะเลือน จำไม่ได้ว่าซ่อนอะไรไปบ้างแล้ววววววววว ;)
อ้าว นึกว่าจะให้นาดีมเป็นตัวละครกลมๆเทาๆ กะให้ดำสนิทเลยป่ะเนี่ยยย คงถึงเวลาที่หัวมารจะหันมากัดกันเองแล้ววววว
สามตอนหลังชื่อตอนมาแนวเดียวกัน
ซ่อนหา ซ่อนเงา/ ซ่อนกล ซ่อนใจ/ ซ่อนกลิ่น ซ่อนชู้
งั้น ส่งเข้าประกวด
"ซ่อนหัว ซ่อนหาง" (แต่จะโดนกินกลางตลอดตัว),
ซ่อนสมบัติ (ผลัดกันชม เอ้ยยย),
ซ่อนระทม (เพราะ)ไม่สมหวัง,
ซ่อนความหลัง ซ่อนหัวใจ,
ซ่อนมากไปเริ่มเลอะเลือน จำไม่ได้ว่าซ่อนอะไรไปบ้างแล้ววววววววว ;)

แว่นใส 25 มี.ค. 2558, 08:06:31 น.
ชอบความคิดเห็นคุณ konhin จัง เข้าใจคิดชื่อตอนนะ อิอิอิ
ชอบความคิดเห็นคุณ konhin จัง เข้าใจคิดชื่อตอนนะ อิอิอิ

ตุ๊งแช่ 25 มี.ค. 2558, 08:35:01 น.
ไม่ไหว ๆๆๆ ขวบครึ่งไม่เท่าไหร่กำลังน่าเลิฟ
แต่พอ2ขวบ2จิ น่าฆ่า..
กำลังประสบปัญหานี่อยู่...
555..นึกถึงว่าต้องไป..ยลดอกไม้ก็ขำ เพิ่งจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อวาน จากไกด์ ไหวไหมคู้ณณณณณ..
ไม่หนาวๆๆ 1องศา...ได้แต่ทำตาปริบๆๆ คือ ไอ้เราไม่เท่าไหร่ แต่ คณะที่ไปนะ ทัวร์สองพันปีน๊าาา.. คืออายุรวมทั้งหมดของคณะ คิดเอาเองว่า คนละเท่าไหร่
จัดเสื้อผ้าให้ สว ใหม่ ชีก็บ่น เฮ้ย หนาวสั่นเป็นเจ้าเข้า อย่ามาร้องนะ เลยได้เงียบ แถมมีถามอี๊ก ถ้ามันเอาไม่อยู่ล่ะ ไปซื้อเสื้อหนาวเพิ่มเหอะ บอกไม่ต้องไปซื้อเอาดาบหน้า ถ้าหนาวจริง
เฮ้อ ขนาดแก่ๆ ยังไม่วายขอสวย ...
รับประกันความฮา ทัวร์น้ำหมาก...
ขอคำแนะนำมื้อค่ำ ชินจุกุหน่อยค๊า...และจะซื้อสื่อของเด็กๆ ควรไปร้านไหน แหล่งไหนเวิร์ค...ขอบคุณค่ะ
ปล..ขอเพิ่มชื่อจากคุณkonhin "ซ่อนสวาท"
ไม่ไหว ๆๆๆ ขวบครึ่งไม่เท่าไหร่กำลังน่าเลิฟ



555..นึกถึงว่าต้องไป..ยลดอกไม้ก็ขำ เพิ่งจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อวาน จากไกด์ ไหวไหมคู้ณณณณณ..
ไม่หนาวๆๆ 1องศา...ได้แต่ทำตาปริบๆๆ คือ ไอ้เราไม่เท่าไหร่ แต่ คณะที่ไปนะ ทัวร์สองพันปีน๊าาา.. คืออายุรวมทั้งหมดของคณะ คิดเอาเองว่า คนละเท่าไหร่

เฮ้อ ขนาดแก่ๆ ยังไม่วายขอสวย ...
รับประกันความฮา ทัวร์น้ำหมาก...

ขอคำแนะนำมื้อค่ำ ชินจุกุหน่อยค๊า...และจะซื้อสื่อของเด็กๆ ควรไปร้านไหน แหล่งไหนเวิร์ค...ขอบคุณค่ะ
ปล..ขอเพิ่มชื่อจากคุณkonhin "ซ่อนสวาท"



ร้อยวจี 25 มี.ค. 2558, 11:35:40 น.
อยากเห็นบทสรุปของคนเลวค่ะ ว่าสุดท้ายจะลงเอยยังไง
อยากเห็นบทสรุปของคนเลวค่ะ ว่าสุดท้ายจะลงเอยยังไง

คิมหันตุ์ 25 มี.ค. 2558, 12:32:10 น.
โอ้โฮเฮะ นาดีมจะกวาดหมดทุกคนเลยหรือจ้ะ
โอ้โฮเฮะ นาดีมจะกวาดหมดทุกคนเลยหรือจ้ะ

Habibi 25 มี.ค. 2558, 21:23:20 น.
สวีดัด!สวัสดีค่ะคุณโย...(มาอีกแล้ว^^)ฮื้ม....แม่นางนาดีมร้ายยิ่งนัก...เอ...ใครน๊าา...ที่แอบมองอยู่...ก็อตรึเปล่า(แอบมองผ่านกล้องวงจรปิดรึเปล่าถึงได้ไม่รู้ตัว)
ปล.พอคุณโยพูดถึงดอกไม้ทีไรเป็นอันต้องไปดูรูปในเน็ตทันทีเลยค่ะ^^(ชอบดอกกัลปพฤษ์มากค่ะ^^อยากจะปลูกไว้ที่บ้านเลย(อินมาก...)คือชอบอยากลองนอนใต้ไม้นี้เหมือนวาจัง^^)
ปล2.จะติดตามนิยายของคุณโยทุกๆเรื่องนะค๊าาา...
สวีดัด!สวัสดีค่ะคุณโย...(มาอีกแล้ว^^)ฮื้ม....แม่นางนาดีมร้ายยิ่งนัก...เอ...ใครน๊าา...ที่แอบมองอยู่...ก็อตรึเปล่า(แอบมองผ่านกล้องวงจรปิดรึเปล่าถึงได้ไม่รู้ตัว)
ปล.พอคุณโยพูดถึงดอกไม้ทีไรเป็นอันต้องไปดูรูปในเน็ตทันทีเลยค่ะ^^(ชอบดอกกัลปพฤษ์มากค่ะ^^อยากจะปลูกไว้ที่บ้านเลย(อินมาก...)คือชอบอยากลองนอนใต้ไม้นี้เหมือนวาจัง^^)
ปล2.จะติดตามนิยายของคุณโยทุกๆเรื่องนะค๊าาา...



yasta 26 มี.ค. 2558, 14:46:33 น.
นาดีมเนี่ยร้ายเน๊อะ...ร้ายมาก
นาดีมเนี่ยร้ายเน๊อะ...ร้ายมาก