เงามาร (กำลังรีไรท์ค่ะ)
'วาลาดา' ตื่นขึ้นมาพร้อมกับการรับรู้ว่าตัวเองมีสามีมีลูกแล้ว
ที่สำคัญ สามีของเธอคือเพื่อนในวัยเยาว์ที่ห่างเหินกันไป
หลายปีแล้ว เธอไม่ได้มีใจให้เขา เขาเองก็เกลียดเธอ
เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือสามีของเพื่อนรักของเธอ
คำว่า "แย่งสามีเพื่อน"
กู่ก้องอยู่ในหัวและทำให้หัวใจของหญิงสาวแหลกสลาย...
เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปมีอะไรกับเขาตอนไหนจนมีลูก
กับเขาได้...แต่ลูกที่มีหน้าตาผสมผสานระหว่างเธอกับเขา
อย่างลงตัวทำให้เธอดื้นไม่หลุดกับหลักฐานการกระทำ
ของตัวเอง...
ความจริงดังกล่าว...ส่งให้ดาวดวงใหม่ที่ควรจรัสแสงแรงกล้า
อยู่บนฟากฟ้ากลับถูกกระชากลงมาให้แปดเปื้อนกลิ่นคาวคละคลุ้ง
ด้วยน้ำมือของใครบางคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเงาดำนั้น
หญิงสาวก็สุดจะคาดเดาได้...
หญิงสาวที่ควรมีความสุขไปบนหนทางอันดีงาม เส้นทางของดาว
กลับถูกดึงรั้งเข้ามาสู่เส้นทางของมาร...เมื่อถูกความมืดมน
ดุจเมฆดำเข้าครอบงำฝังจิตใจ...เปลี่ยนผู้หญิงที่เคยแสนดี
กลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจ...นั่นคือเธอที่กำลังถูกใครๆ
กล่าวขานอย่างไม่มีจบสิ้น...
ทางเดียวที่จะรอดพ้นไปได้ นั่นก็คือ เธอต้องต่อสู้กับมันให้ชนะ ต่อสู้กับเงามารที่คอยตามรังควานชีวิตเธอทั้งชีวิตให้ย่อยยับ
โดยไม่รู้เลยสักนิดว่า...เงามารที่เธอเห็นนั้นมีใครซ่อนอยู่
หลังเงานั่น...รอ...รอวัน...เพื่ออะไรบางอย่าง...
รอคอยและเฝ้าดูอยู่ข้างหลังอย่างอดทน...
ชักใยซึ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างพิถึพิถัน...และล้ำลึก...
วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบและรัดกุม
ช่างเป็นการรอคอยอันแสนยาวนาน รอให้เธอมีความสุขที่สุด
ประสบความสำเร็จที่สุด พอได้จังหวะเหมาะจึงเข้าโจมตี...
จนวาลาดาคาดไม่ถึงว่าจะมีใครอดทนรอคอยเพื่อจองเวรเธอ
ได้นานถึงเพียงนี้...ช่างเป็นการทุ่มเทที่น่ากลัวเหลือเกิน...
เธอรู้...รู้ว่าสิ่งที่สำคัญ...คือเธอจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือ
หลังจากโดนโจมตีจนย่อยยับอับปางนี้ต่อไปอย่างไร...
นั่นคือ...สิ่งที่เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่...
และอีกอย่างที่เธอจะต้องทำคือ...หาคนที่ซ่อนอยู่หลังเงานั้น
ให้เจอ! และถามให้รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร
และ...
หวังเพียงว่า...เธอจะไม่ถูกมันครอบงำได้อีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...เธอจะได้พบกับแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...ผู้ที่เธอได้ทำร้ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวจะให้อภัย
หวังเพียงว่า...เขาจะเข้าใจ เชื่อใจ อภัย และรักเธอ
หวังเพียงว่า...ยอดดวงใจซึ่งคือลูกน้อยจะปลอดภัย ไร้มลทิน
...ขอเพียงได้อยู่ดูแลคุ้มภายคุ้มใจคนที่รักตลอดไป...
...ขอเพียงคนที่เธอรักปลอดภัย เข้าใจ ให้อภัย
และรักเธอเท่านั้น....
ที่สำคัญ สามีของเธอคือเพื่อนในวัยเยาว์ที่ห่างเหินกันไป
หลายปีแล้ว เธอไม่ได้มีใจให้เขา เขาเองก็เกลียดเธอ
เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือสามีของเพื่อนรักของเธอ
คำว่า "แย่งสามีเพื่อน"
กู่ก้องอยู่ในหัวและทำให้หัวใจของหญิงสาวแหลกสลาย...
เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปมีอะไรกับเขาตอนไหนจนมีลูก
กับเขาได้...แต่ลูกที่มีหน้าตาผสมผสานระหว่างเธอกับเขา
อย่างลงตัวทำให้เธอดื้นไม่หลุดกับหลักฐานการกระทำ
ของตัวเอง...
ความจริงดังกล่าว...ส่งให้ดาวดวงใหม่ที่ควรจรัสแสงแรงกล้า
อยู่บนฟากฟ้ากลับถูกกระชากลงมาให้แปดเปื้อนกลิ่นคาวคละคลุ้ง
ด้วยน้ำมือของใครบางคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเงาดำนั้น
หญิงสาวก็สุดจะคาดเดาได้...
หญิงสาวที่ควรมีความสุขไปบนหนทางอันดีงาม เส้นทางของดาว
กลับถูกดึงรั้งเข้ามาสู่เส้นทางของมาร...เมื่อถูกความมืดมน
ดุจเมฆดำเข้าครอบงำฝังจิตใจ...เปลี่ยนผู้หญิงที่เคยแสนดี
กลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจ...นั่นคือเธอที่กำลังถูกใครๆ
กล่าวขานอย่างไม่มีจบสิ้น...
ทางเดียวที่จะรอดพ้นไปได้ นั่นก็คือ เธอต้องต่อสู้กับมันให้ชนะ ต่อสู้กับเงามารที่คอยตามรังควานชีวิตเธอทั้งชีวิตให้ย่อยยับ
โดยไม่รู้เลยสักนิดว่า...เงามารที่เธอเห็นนั้นมีใครซ่อนอยู่
หลังเงานั่น...รอ...รอวัน...เพื่ออะไรบางอย่าง...
รอคอยและเฝ้าดูอยู่ข้างหลังอย่างอดทน...
ชักใยซึ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างพิถึพิถัน...และล้ำลึก...
วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบและรัดกุม
ช่างเป็นการรอคอยอันแสนยาวนาน รอให้เธอมีความสุขที่สุด
ประสบความสำเร็จที่สุด พอได้จังหวะเหมาะจึงเข้าโจมตี...
จนวาลาดาคาดไม่ถึงว่าจะมีใครอดทนรอคอยเพื่อจองเวรเธอ
ได้นานถึงเพียงนี้...ช่างเป็นการทุ่มเทที่น่ากลัวเหลือเกิน...
เธอรู้...รู้ว่าสิ่งที่สำคัญ...คือเธอจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือ
หลังจากโดนโจมตีจนย่อยยับอับปางนี้ต่อไปอย่างไร...
นั่นคือ...สิ่งที่เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่...
และอีกอย่างที่เธอจะต้องทำคือ...หาคนที่ซ่อนอยู่หลังเงานั้น
ให้เจอ! และถามให้รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร
และ...
หวังเพียงว่า...เธอจะไม่ถูกมันครอบงำได้อีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...เธอจะได้พบกับแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...ผู้ที่เธอได้ทำร้ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวจะให้อภัย
หวังเพียงว่า...เขาจะเข้าใจ เชื่อใจ อภัย และรักเธอ
หวังเพียงว่า...ยอดดวงใจซึ่งคือลูกน้อยจะปลอดภัย ไร้มลทิน
...ขอเพียงได้อยู่ดูแลคุ้มภายคุ้มใจคนที่รักตลอดไป...
...ขอเพียงคนที่เธอรักปลอดภัย เข้าใจ ให้อภัย
และรักเธอเท่านั้น....
Tags: ดราม่า ซุลก๊อตไนท์ วาลาดา นาดีม มาร มารร้าย ไสยศาสตร์ ญิน นุฮา อะสุเซน่า วารินทร์ อานิต้า
ตอน: บทที่ 33 ซ่อนปม ซ่อนพิษ
ขออีกสักซ่อน....^o^
_________________________________________________
ผ่านไป 90 วัน หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนั้น
“ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้…” นาดีมลุกขึ้นทันทีที่ทนายความอ่านพินัยกรรมจบลง
ด้วยสีหน้าไม่พอใจสุดขีดอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป
ทุกคนถูกเรียกตัวมานั่งรวมกันในเช้าวันนี้รวมทั้งคนในตระกูลกรภัทรกุล
ที่มานั่งร่วมฟังด้วยอย่างพร้อมเพรียงกันเมื่อได้รับแจ้งจากทนายความ
ประจำตระกูลวรรัศมิ์สกุลให้มาฟังพินัยกรรมที่ระบุว่าซุลก๊อตไนท์
เป็นเจ้าของพินัยกรรม…
เธอแทบจะนั่งไม่ติดเพราะไม่คิดว่าซุลก๊อตไนท์ที่ยังหนุ่มยังแน่น คิดทำพินัยกรรมขึ้น…
แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว และสิ่งที่เธอหวาดหวั่นก็ได้เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน
ไม่ใช่แค่เธอที่นั่งไม่ติด มารดาที่นั่งอยู่ด้วยกันก็ถึงกับลุกขึ้นโวยวาย
ต่อว่าพินัยกรรมฉบับดังกล่าวทันทีตามหลังลูกสาวมาติดๆ
นุฮาที่นั่งอยู่ข้างๆบิดามารดาของตนก็ถึงกับกระตุกยิ้มที่มุมปากกับท่าทาง
เหมือนไส้เดือนโดนขี้เถ้าของนาดีมและผู้เป็นมารดา
ยกเว้นท่านสนทยาที่ดูจะยังคงนิ่งสงบไม่ไหวติง สีหน้าท่าทางราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวอันใด…
“ซุลก๊อตไนท์ต้องขาดสติไปแล้วแน่ๆ…ที่ทำพินัยกรรมขึ้นมาแบบนี้”
เสียงนั้นดังมาจากคุณหญิงวรลักษณ์ที่มีสีหน้ากรุ่นโกรธ
จ้องหน้าทนายความประจำตระกูลวรรัศมิ์สกุลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
เพราะมัน…เพราะมันคนเดียวที่ทำให้สวรรค์ของนางลอยหายไปในพริบตา…
“ทุกอย่างในพินัยกรรมเป็นของจริงครับ…คุณก๊อตทำพินัยกรรม
ด้วยสติที่ครบสมบูรณ์…และเขียนพินัยกรรมทั้งฉบับด้วยลายมือของตัวเอง
อีกทั้งลายมือชื่อในพินัยกรรมก็เป็นของแท้แน่นอน…”
ทนายความประจำตระกูลซึ่งมีร่างท้วม หนวดเคราสีดอกเลา
บ่งบอกวัยที่ผ่านพบเรื่องราวมากมายมานับไม่ถ้วนเอ่ยขึ้นอย่างสงบ
ด้วยน้ำเสียงเรียบทว่าเฉียบขาด หวังจะปิดประตูเพื่อไม่ให้อีกฝ่าย
โต้แย้งว่าพินัยกรรมดังกล่าวไม่สมบูรณ์
“คนดีมีสติที่ไหนทำพินัยกรรมยกมรดกให้กับลูกและเมียที่หย่าขาดไปแล้วทั้งหมด
โดยไม่ยกอะไรให้เมียคนปัจจุบันเลย…เป็นไปไม่ได้
นี่แกเป็นคนของนังวามันใช่มั้ย มันใช้ให้แกเอาพินัยกรรมปลอม
มาหลอกเอาสมบัติจากลูกของฉันใช่มั้ย…”
“พูดดีๆนะครับคุณหญิง…เดี๋ยวจะโดนข้อหาหมิ่นประมาทเอาได้…”
ทนายความอาวุโสถึงกับโต้กลับอีกฝ่ายทันทีด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท
ยิ่งเห็นอีกฝ่ายมีอารมณ์ก็ยิ่งต้องสงบให้มากขึ้น
“แล้วที่สำคัญ…คุณก๊อตทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นหลังจากจดทะเบียนหย่า
กับคุณวาลาดาได้ 24 ชั่วโมง วันเวลาที่ระบุในพินัยกรรมมันชัดเจนว่า
คุณก๊อตประสงค์จะยกมรดกในส่วนของตนให้แก่คุณวาลาดา
และบุตรของคุณก๊อตที่เกิดแต่คุณวาลาดา ภรรยาที่ได้หย่าขาดไปแล้วเพียงเท่านั้น…
และในระหว่างที่บุตรของคุณก๊อตยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็ให้คุณวาลาดา
เป็นผู้จัดการมรดกในส่วนนั้นทั้งหมด”
ทนายความอาวุโสย้ำถ้อยความในพินัยกรรมอีกครั้งให้ทุกฝ่ายได้ทำความเข้าใจตรงกัน…
ก่อนจะย้ำให้ฟังชัดๆอีกว่า
“กฎหมายไทยถือหลักเสรีภาพในการทำพินัยกรรม คือ
การที่เจ้าของทรัพย์หรือเจ้าของมรดกสามารถยกทรัพย์สินให้แก่ใครก็ย่อมได้โดยเสรี…
และคุณก๊อตได้ระบุไว้ว่าให้ผมเปิดพินัยกรรมได้หลังจากที่เขาเสียชีวิต
หรือหายสาปสูญไปเป็นเวลา 90 วัน…
เพราะธุรกิจต่างๆจำต้องเดินหน้าต่อไปอย่างมิอาจหยุดชะงักลงได้
และยังมีหมายเหตุให้ในกรณีที่ผู้มีสิทธิ์ในมรดกไม่สามารถมารับมรดก
หรือหายสาปสูญไป ก็ให้คุณนุฮา กรภัทรกุล เป็นผู้จัดการมรดก…
และให้ทรัพย์สมบัติตกเป็นของคุณนุฮา กรภัรทรกุล เมื่อผู้มีสิทธิ์รับมรดก
ไม่มาแสดงตนเพื่อรับมรดกภายในเวลา 10 ปีนับจากวันที่มีการเปิดพินัยกรรม…
ทุกอย่างเป็นความประสงค์ของเจ้าของทรัพย์
ผมคือหนึ่งในพยานในการทำพินัยกรรมฉบับนี้ร่วมกับคุณสาโรจน์
ทนายความอาวุโสอีกท่านหนึ่ง…และที่สำคัญ…ในพินัยกรรมมีลายมือชื่อ
ของนายแพทย์มนัส มณีมุกดา แพทย์ประจำตัวของคุณอัยรีน มารดาของคุณก๊อต
เป็นผู้เซ็นรับรองสติสัมปชัญญะของผู้ทำพินัยกรรมว่าเป็นปกติดีเอาไว้ในพินัยกรรมด้วย…”
พูดพลางหันไปแนะนำนายแพทย์ประจำตัวของมารดาของซุลก๊อตไนท์อีกครั้ง
“และผมซึ่งเป็นทนายความประจำตระกูลคือผู้คอยกำกับดูแลเนื้อหา
ในพินัยกรรมฉบับนี้เพื่อให้พินัยกรรมสมบูรณ์ตามกฎหมายทุกอย่าง”
นั่นคือคำรับรองและคำประกาศิตจากทนายความอาวุโสประจำตระกูลวรรัศมิ์สกุล
ที่ปิดปากเงียบมาตลอด 90 วัน…ปล่อยให้ทางทนายความของอีกฝ่าย
เดินหน้าจัดการเรื่องพินัยกรรมต่างๆมาตลอด…
ทำเอานาดีมและมารดาถึงกับเข่าแทบทรุด ตั้งตัวแทบไม่ติด…
เมื่อทุกอย่างที่คิดว่าอยู่ในกำมือกำลังหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตาอย่างมิอาจจะทำอันใดได้
ไม่ๆ เธอไม่ยอมหรอก
“ไม่…ยังไงๆฉันก็ไม่เชื่อ…ฉันจะยื่นฟ้องคดีมรดกต่อศาลว่าพินัยกรรมฉบับนี้
ไม่สมบูรณ์และอาจเป็นพินัยกรรมปลอม…ทุกอย่างจะต้องได้รับการพิสูจน์”
น้ำเสียงและแววตาไม่พอใจน้ันส่งผลให้นุฮาหันมามองมารดาของตน
แล้วได้แต่ลอบถอนใจ เพราะ…ความวุ่นวายกำลังจะก่อตัวในอีกไม่ช้า
…อยากจะจับไอ้ก๊อตมาฆ่าเสียตรงนี้ ไม่สิ มันตายไปแล้ว
แต่…บางทีมันอาจจะยังไม่ตาย ซึ่งเขากลับเชื่อว่าคนอย่างนั้นไม่น่าจะตายได้ง่ายๆ
…มันต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่ๆ…
เพราะจากพินัยกรรมดังกล่าวเห็นได้ชัดว่าเจ้าของทรัพย์ต้องการให้เขา
นั่งแท่นบริหารจัดการด้านธุรกิจให้มันขนาดไหน…
เพราะวาลาดากับลูกหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ซึ่งก็ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นฝีมือมันอีกก็ได้ที่เอาลูกเมียไปซ่อนไว้…
ยิ่งเห็นแววตาที่นาดีมหันมาจ้องเขาตาเป็นมันก็ยิ่งส่อเค้าว่าชีวิตเขากำลังจะวุ่นวายแค่ไหน
นี่มันยิ่งกว่าซุปเปอร์เฮอริเคนเสียอีก…
เพราะมันไม่ใช่พายุฝน แต่เป็นพายุไฟ…
“ทางเรายินดีให้คุณได้พิสูจน์ เพราะนอกจากพินัยกรรมจะอยู่ที่ผมหนึ่งฉบับแล้ว
ยังมีอีกสองฉบับที่อยู่กับอีกสองคน…”
“ใคร?” คุณหญิงวรลักษณ์เป็นฝ่ายร้อนตัวถามขึ้นก่อนใคร
ทนายความอาวุโสเลยหันมายิ้มให้ขณะตอบว่า
“นายกอมารุน เพ็ญพิสุทธิ์ กับ อดีตร้อยตำรวจโทหญิง อาสุเซน่า พอนเช…”
ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องโถงของคฤหาสน์วรรัศมิ์สกุลถึงกับขมวดคิ้วมุ่นกับชื่อหลังสุด
ที่แทบไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ยศที่แม้จะเป็นอดีตไปแล้วก็ดูเหมือนจะทำให้ฉงนไม่ได้
จนชักอยากจะรู้จักว่าเป็นใครมาจากไหน และหน้าตาเป็นเช่นไร
และเพียงไม่นาน ชายกลางคน รูปร่างสูง ท่าทางกระฉับกระเฉง
ก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับซองสีขาวในมือก่อนจะยื่นมันให้กับทนายความประจำตระกูล
ที่ยืนยิ้มให้อยู่แล้ว
นุฮากับผู้เป็นบิดาลุกขึ้นเพื่อสัมผัสมือทักทายผู้มาใหม่ด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
ผู้เป็นบิดาของนาดีมเองจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะลุกขึ้นเพื่อทักทายเพื่อนเก่าเพื่อนแก่
ที่ไม่ได้พบปะกันมานานแล้ว
“ลูกเขยน้ารุนสุดจะบรรยายจริงๆ ตายไม่แล้วไม่วายหาเหาใส่หัวให้คนอื่น”
นุฮากระซิบกระซาบกับผู้มาใหม่กลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ
“เขาเอามาให้ ขอให้เก็บรักษาเอาไว้ให้ดี…แล้วบอกว่าวันหนึ่งจะมีคนมาเอา…
เห็นทนายแจ้งไปพร้อมกับบอกให้น้าเอาของที่ก๊อตฝากไว้ติดตัวมาให้ในวันนี้…
ก็เลยเอามาน่ะ…” ผู้เป็นบิดาของวาลาดาคลี่ยิ้มขณะตอบเสียงดังฟังชัด
หมายจะให้คนอื่นๆได้ยินด้วย
“พินัยกรรมของมันน่ะสิน้า…มันเอาพินัยกรรมของมันไปฝากไว้กับน้าหนึ่งฉบับ…”
นุฮาเฉลยให้ผู้เป็นน้าเขยได้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่ท่านได้เก็บรักษาเอาไว้กับตัวทันที
หากนั่นไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าประหลาดใจแต่อย่างใด
ก่อนจะหันไปทางทนายความประจำตระกูลแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“เขาไม่ให้เปิด ผมก็ไม่เปิดครับ…” เท่านั้น ทนายความประจำตระกูล
ก็เปิดพินัยกรรมฉบับดังกล่าวแล้วยื่นให้ทุกคนดูว่าเนื้อหาในนั้น
เหมือนกับที่เขาถืออยู่ทุกอย่าง แถมยังเป็นลายมือของซุลก๊อตไนท์ทั้งฉบับด้วย...
นาดีมและบิดามารดาของเธอถึงกับพูดไม่ออก หากก็ยังไม่วายแย้งขึ้นอีกว่า
“ไม่เห็นแปลก...นังวาอาจปลอมแปลงพินัยกรรมแล้วให้พ่อตัวเองเก็บไว้
คนใกล้ตัวมันทั้งนั้นนี่…” เป็นเสียงของคุณหญิงวรลักษณ์นั่นเอง
“ใช่ค่ะ…ยังไงๆ…พินัยกรรมพวกนี้ก็อาจเกิดจากการร่วมมือกันปลอมแปลงก็ได้…”
นาดีมเสริมต่อจากที่มารดาพูดเอาไว้
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องเป็นพินัยกรรมในส่วนของบัวสินะคะ…คุณดีมถึงจะยอมเชื่อสักที…”
เสียงนั้นทุกคนยังพอจะจำได้ว่าเป็นเสียงของใคร หากเมื่อมองไปตามเสียงจนพบที่มา
ก็พบกับหญิงสาวรูปร่างค่อนไปทางสูง ท่าทางทะมัดทะแมงในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาว
สีเขียวเข้มกับกางเกงยีนส์สีเดียวกันกับชุด เข้ากับสีผ้าคลุมศีรษะที่เดินเข้ามา
พร้อมซองสีขาวในมือแล้วยื่นซองดังกล่าวให้กับทนายความอาวุโสที่รออยู่นานแล้ว
ร่างที่ก้าวมาใหม่เดินเข้ามาหานาดีมและคุณหญิงวรลักษณ์ ก่อนจะขอสัมผัสมือ
เพื่อทักทาย ก่อนจะเดินเข้าไปหามารดาของนุฮาเพื่อสัมผัสมือด้วย…
อดชำเลืองไปทางลูกชายของซุฮาน่าไม่ได้…รอยยิ้มที่มุมปากของหญิงสาว
ทำให้นุฮาถึงกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้
เรื่องอื่นเขาอาจลืมกันได้ แต่เรื่องหน้าตาคนเขาจำได้แม่นเสมอ…
แม้จะเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็จำใบหน้านี้ได้ดี
“เธอคือเด็กบัวนี่…” เมื่อนุฮาโพล่งขึ้นเช่นนั้น ทุกสายตาจึงจับไปยังหญิงสาวโดยทันที
พิจารณาใบหน้าของผู้มาใหม่อย่างถี่ถ้วน ดวงตาสีติดไปทางน้ำตาลเหลือบเทานั้น
แตกต่างจากเด็กบัวที่มีสีตาดำสนิท แต่เมื่อพิจารณาตา ปากและรูปหน้า
อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว จึงพบว่า มีหลายอย่างละม้ายคล้ายเด็กบัว
เด็กที่ซุลก๊อตไนท์จ้างมาดูแลบ้าน…
“บัว…” ทนายความประจำตระกูลวรรัศมิ์สกุลเรียกหญิงสาวผู้มาใหม่
ด้วยน้ำเสียงที่ซ่อนความเอื้ออาทรเอาไว้ไม่มิด หญิงสาวจึงเดินไปหา
เจ้าของเสียงที่เรียกเธอทันที พร้อมกับขอยกมือสัมผัสด้วย…
และการกระทำนั้นทำให้ทุกคนแปลกใจ เพราะผู้หญิงที่นับถือศาสนาอิสลาม
จะไม่ทักทายเพศตรงข้ามด้วยการสัมผัสมือ ยกเว้นว่าผู้ชายคนนั้นคือญาติสนิท
หรือบุคคลที่ห้ามแต่งงานด้วยเท่านั้น…
“เห็นทีต้องแนะนำผู้เก็บรักษาพินัยกรรมอีกฉบับให้ทุกคนได้รู้จักกันสักทีครับ…
ข้างๆผมคือ อดีตร้อยตำรวจโทหญิง อาสุเซน่า พอนเช หลานสาวของผมเอง…”
“หลานสาว?” นุฮาโพล่งออกมาอย่างคาดไม่ถึง
“คุณลุงมีหลานสาวด้วยหรือนี่…” ทนายความอาวุโสหันไปทางนุฮา
แล้วยิ้มบางก่อนจะตอบรับ
“ครับ…บัวเป็นหลานสาวที่เกิดจากน้องสาวคนเล็กของลุงเอง…
พ่อเขาเป็นลูกครึ่งจอร์แดน-ฝรั่งเศส…ลาออกจากการเป็นตำรวจสากล
เพื่อกลับมาอยู่เมืองไทยกับแม่เขาน่ะครับ…คุณอัยรีนเลยขอให้มาช่วยงาน…”
นาดีมจ้องหญิงสาวที่ถูกเอ่ยถึงอย่างไม่วางตา…
คนถูกจ้องมองจึงหันมายิ้มหวานหยดให้นาดีมโดยไม่ต้องอธิบายว่า
ในแววตาคู่นั้นกำลังสื่ออะไร…
“คนอื่นอาจจะตายในกองไฟในครั้งนั้น…แต่บัวหนีเอาตัวรอดมาได้ค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นราวกับรู้ใจนาดีม
“มีกลุ่มคนเอาบัวกับป้าทิพย์ไปมัดไว้ในห้องครัว แต่บัวกับป้าทิพย์
พยายามช่วยกันแก้ปมเชือกไว้ได้ทันก่อนจะหนีออกมา…น่าเสียดาย
ที่ป้าทิพย์ขาดอากาศหายใจเสียชีวิตเสียก่อน…กว่าจะรักษาบาดแผล
จากโดนไฟคลอกได้ บัวก็ต้องเก็บตัวรักษาอยู่นานค่ะ…”
หญิงสาวพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ…
“ไม่คิดว่าไฟมันจะลุกไหม้ได้ไวขนาดนั้น…แค่ชั่วพริบตา ทุกอย่างที่เคยมีก็หายไปหมด…
บัวเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นฝีมือใคร ระหว่างคุณวากับคุณนาดีม…
แต่เชื่อว่าไม่คุณวาก็คุณนาดีมนี่แหล่ะ…”
ประโยคสุดท้ายของหญิงสาวส่งผลให้มารดาของนุฮาเอ่ยแทรกขึ้น
ทันทีทันใดว่า
“งั้นฉันจะเดินเรื่องแจ้งข้อหานาดีม เธอพอจะช่วยเป็นพยานให้ฉันได้รึเปล่าล่ะบัว…
เพราะเธอเองก็เป็นอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นแล้วรอดออกมาได้…
ไม่ได้รอดมาแค่นาดีมคนเดียวอีกต่อไป…”
น้ำเสียงนั้นแฝงความสาแก่ใจอยู่ไม่น้อยเมื่อมองไปยังนาดีมกับคุณหญิงวรลักษณ์
ที่นางไม่ใคร่จะชอบหน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“ค่ะ…บัวจะให้การตามที่บัวเห็น…” หญิงสาวรับปากก่อนจะหันมายิ้มให้นาดีม
“ฮึ…เชื่อไปได้ว่าฉันทำร้ายก๊อต ทำไมทุกคนถึงไม่คิดบ้างว่า
นังวามันรู้เรื่องพินัยกรรมที่ก๊อตเอาไปให้พ่อมันเก็บไว้แล้วคิดจะฆ่าก๊อตเพื่อเอาสมบัติ…
เพราะยิ่งก๊อตตายไวเท่าไหร่มันก็ยิ่งได้ครอบครองทรัพย์สมบัติของก๊อตเร็วขึ้นเท่านั้น…”
นาดีมโต้แย้งด้วยน้ำเสียงดุดันแววตาเป็นประกายราวกับเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชน…
“แต่ฉันไม่เคยเปิดผนึกซองนั่นเลย…” บิดาของวาลาดาแทรกขึ้นทันทีทันใด
อย่างพ่อที่หมายจะปกป้องลูก
“งั้นเธอคงต้องหาเหตุผลแล้วล่ะว่า…ทำไมก๊อตถึงไม่ยอมทำพินัยกรรม
ยกอะไรให้เธอกับลูกในท้องของเธอเลย ทั้งๆที่พินัยกรรมทั้งสามฉบับนี้
มีเนื้อหาเหมือนกันทุกอย่าง และทำขึ้นหลังจากหย่าขาดจากวาลาดาไปแล้วด้วยซ้ำ…
เขาไม่ได้ทำขึ้นก่อนการหย่าจะเกิดขึ้น แต่เขาจงใจทำขึ้นหลังจากมีการหย่าแล้ว…
ถ้าอยากจะเอาเรื่องนี้ไปสู้กันในศาลก็เชิญไปฟ้องร้องหาข้อโต้แย้ง
เรื่องพินัยกรรมไม่สมบูรณ์หรือถูกปลอมแปลงตามที่ต้องการเถอะนาดีม…”
นุฮาหยุดเว้นช่วงเพียงนิดก่อนจะพูดต่อไปเมื่อหันไปมองหน้าหลานสาว
ของทนายความใหญ่
“แต่…เธอคงต้องหาเหตุผลด้วยว่า…กลุ่มคนที่เข้าไปจับบัวมัดไว้
กับป้าทิพย์ในห้องครัวน่ะ มันเป็นกลุ่มคนของใคร…แล้ววาลาดากับลูกหายไปไหน…
ถูกใครอุ้มฆ่าหรือเปล่า…” นาดีมมองนุฮาก่อนจะเชิดหน้าท้าทาย
“แน่นอน…ฉันจะต้องหาให้ได้ว่า คุณทนาย หลานสาว พ่อของวาลาดา
มีส่วนรู้เห็นกับวาลาดาเพื่อทำพินัยกรรมปลอมสามฉบับนี้ขึ้นมา
แล้วพยายามยัดเยียดข้อหาวางเพลิงกับวางแผนฆ่าคนตายให้ฉัน…
ฉันจะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นคอยดู…ว่าใครกันแน่ที่ควรจะไปนอนอยู่ในคุก…
และเรื่องนี้จะไม่มีวันจบลงง่ายๆแน่…”
นั่นคือคำประกาศิตของนาดีมที่ดังก้องไปทั้งห้องโถงภายในคฤหาสน์
“และฉันก็ยังมีสิทธิ์ในคฤหาสน์หลังนี้…กับห้องสมุดนั่นตามหนังสือ
เซ็นมอบอำนาจและสิทธิ์ที่คุณแม่มอบให้ก่อนหน้านี้…”
“คุณยังมีสิทธิ์ตราบเท่าที่คุณยังมีสิทธิ์…แต่ไม่ได้หมายความว่า
คุณจะมีสิทธิ์ตลอดไป หากเมื่อใดคุณไร้ซึ่งคุณสมบัติตามเงื่อนไขนั้น
เพราะต่อให้คุณได้รับมอบอำนาจจากคุณอัยรีนแล้วก็ตาม…
แต่เมื่อภายหลัง คุณมิได้ให้กำเนิดทายาทแก่วรรัศมิ์สกุลหรือ
เกิดไปแต่งงานใหม่กับชายอื่น หรือพบว่ามีสัมพันธ์ลับกับชายอื่น
เมื่อนั้น…อำนาจที่คุณมีก็จะสิ้นสุดลง…ขอให้คุณระลึกไว้ถึงเงื่อนไขเหล่านี้เอาไว้ด้วย…
เพราะมันคือเจตนารมย์ที่ตั้งเอาไว้สำหรับคนที่มีหน้าที่เฝ้ากรุสมบัตินั่น…”
ทนายความอาวุโสประกาศเสียงดังฟังชัด
“และในส่วนของคุณก๊อต คุณจะไม่สามารถแตะต้องใดๆได้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด…”
ก่อนจะหันมาทางนุฮากับมารดาของเขา
“ส่วนของคุณซุลตาน่านั้น…ไม่พบว่ามีการทำพินัยกรรมเอาไว้
กฎหมายจึงกำหนดให้ทรัพย์มรดกของผู้ตายตกทอดแก่ทายาทตามลำดับ
ที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งในส่วนของทุกๆกิจการของวรรัศมิ์สกุลนั้น
คุณซุลตาน่าจะมีหุ้นส่วนอยู่ด้วย 35% และมันจะตกแก่ทายาทของคุณซุลตาน่า
กับคุณชานนท์ ซึ่งไม่มีปรากฏ และคุณชานนท์ก็ได้เสียชีวิต
ไปพร้อมๆกับคุณซุลตาน่า ดังนั้น ทรัพย์สินในส่วนของคุณซุลตาน่า
จึงตกแก่ คุณ ซุฮาน่า กรภัทรกุลซึ่งเป็นทายาทลำดับถัดไป…”
นุฮาบีบมือมารดาของตัวเองแล้วยิ้มบาง…ส่วนนาดีมนั้นได้แต่กัดฟันกรอด
เมื่อทุกอย่างกลับตาลปัตร จนถึงกับหันมามองมารดาของนุฮา
แล้วจับจ้องนุฮาตาเป็นมันเลยทีเดียว…
ส่วนคนโดนมองก็หาได้เสียวซ่านแต่อย่างใดไม่กลับฉีกยิ้มกว้างอย่างคนอารมณ์ดี
ออกไปรับใบหน้าดุดันนั่น…
ทำให้อดีตตำรวจหญิงถึงกับฉุดยิ้มที่มุมปากกับสงครามเย็นที่เริ่มจะปะทุขึ้นแล้ว…
และกว่าจะพูดคุยไกล่เกลี่ยทุกอย่างจนได้ข้อสรุปสุดท้าย
ก็ทำเอาผู้ร่วมเสวนาในวันนี้ถึงกับพ่นลมหายใจออกมากับสถานการณ์
อันแสนอึดอัดภายในห้องโถง…
โดยที่นาดีมยังคงยืนกรานที่จะต่อสู้กันในศาลเพื่อโต้แย้งเรื่องความไม่สมบูรณ์
ของพินัยกรรมดังกล่าว และพร้อมจะต่อสู้กับข้อกล่าวหาที่อีกฝ่าย
จะยื่นฟ้องต่อศาลในข้อหาวางเพลิงและวางแผนฆ่าโดยเจตนา…
เมื่อได้ข้อสรุปแล้วทุกคนจึงต่างแยกย้ายกันกลับ ทิ้งเจ้าของคฤหาสน์คนปัจจุบัน
เอาไว้กับบิดาและมารดาของตน
“ไอ้ก๊อตมันแสบจริงๆ…” คุณหญิงวรลักษณ์อดไม่ได้ที่จะต่อว่าอดีตลูกเขย
ที่ตายไปในกองเพลิงด้วยแววตากรุ่นแค้นจับดวงจิต
“นังบัวนั่นอีกคน…” นาดีมเม้มปากสนิท ใบหน้าและรอยยิ้มของผู้หญิง
ที่เธอเคยคิดมาตลอดว่าเป็นแค่เด็กรับใช้ในบ้านยังคงสลักอยู่ในความรู้สึกนึกคิด
ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด
“แล้วจะเอายังไง…” คนเป็นแม่เริ่มปรึกษา โดยลืมไปเสียสนิทว่ายังมีอีกคน
ที่นั่งนิ่งๆไม่ยอมปริปากมาตลอดระยะเวลาที่คนอื่นๆมีปากเสียง
และข้อขัดแย้งกันต่างๆนาๆ
“คงต้องวางแผนกันใหม่ แต่ยังไงๆ กรุสมบัตินั่นกับคฤหาสน์นี่มันก็ยังคง
เป็นของดีมนะแม่”
“ของฉันต่างหาก…” ผู้เป็นมารดาแย้งทันที ทำเอาคนเป็นลูกถึงกับลอบถอนใจ
“ของดีมก็เหมือนของแม่ ของแม่ก็เหมือนของดีมนั่นแหล่ะ…”
“ไม่เหมือนกัน…ของฉัน ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรกับมันก็ได้…”
“แต่โดยกฎหมายแล้วมันเป็นของดีม ไม่ใช่ของแม่…” นาดีมสวนกลับมารดา
อย่างไม่ไว้หน้า ทำเอาผู้เป็นมารดาถึงกับชักสีหน้าทันที
“นี่แกกล้าหือกับฉันหรือนังดีม…”
“ก็มันเรื่องจริง…หรือแม่จะเถียงว่ามันไม่ใช่ของดีม…” นาดีมลอยหน้าลอยตายั่วมารดา
จนโดนฟาดเปรี้ยงไปบนใบหน้านั่น ทำเอาคนเป็นลูกถึงกับยกมือกุมแก้มตัวเอง
ที่ถูกตบจากมือของมารดา
“แม่ตบดีมอีกแล้วนะ…”
“ฉันจะตบ ในเมื่อแกมันอวดดี จองหอง…”
“ดีมจะไม่มีทางยอมแม่อีกแล้ว…” นาดีมเชิดหน้าใส่มารดาแล้วหันหน้าหมายจะเดินหนี
แต่โดนผู้เป็นมารดากระชากผ้าคลุมออกจากศีรษะแล้วจับผมสวยๆนั่นขยุ้มเอาไว้
ไม่ให้คนเป็นลูกเดินหนีได้
“อย่ามาอวดดี จองหองกับฉัน…และอย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ไม่เห็น
ว่าแกไปสมสู่กับตัวผู้ที่ไหนจนมารหัวขนมันมาเกิดในท้องแก…นังดีม”
นาดีมมีสีหน้าแหยเก บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บที่หนังศีรษะ
“หยาบคาย…หยุดทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหล่ะ…เบื่อโว้ย!”
คราวนี้เป็นเสียงจากคนที่ปิดปากสนิทมาตลอด…น้ำเสียงเกรี้ยวกราดนั้นดังสนั่น
ไปทั่วทั้งห้อง
“ถ้าไม่หยุด ฉันจะจับโยนลงสระให้ไปฟัดกันในนั้น…จะเอามั้ย”
“ปล่อยดีมนะแม่…ดีมเจ็บ…” ผู้เป็นลูกร้องครวญให้แม่ปล่อยผมของเธอที่กำลังขยุ้มอยู่
หากกลับไม่เป็นผล
“ฉันจะสั่งสอนนังลูกไม่รักดี…มันคิดจะหือกับแม่มัน…”
“แล้วตัวเธอล่ะ…ตัวเธอมันเป็นแบบอย่างที่ดีนักนี่…” อดไม่ได้ที่จะตวาดใส่หน้าภรรยา
“ดีไม่ดีก็มีลูกให้พี่ได้ก็แล้วกัน…อีผู้หญิงคนอื่่นน่ะอย่าหวัง…”
ถ้อยคำนั้นทำเอาคนฟังถึงกับกัดฟันกรอด
“นี่อย่าบอกนะว่า…ไอ้เหตุการณ์ไฟไหม้วันนั้นมันเป็นฝีมือเธอน่ะลักษณ์
เธอฆ่าสองแม่ลูกนั่นใช่มั้ยลักษณ์ บอกฉันมา…”
คราวนี้เป็นทีที่คุณหญิงวรลักษณ์ถูกผู้เป็นสามีฉุดแขน จนทำให้นาดีมถึงกับร้องโหยหวน
เมื่อแม่ที่ไม่ยอมปล่อยผมเธอกลับฉุดดึงเธอตามไปด้วย
“สองแม่ลูกที่ไหน…” คนที่เหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป
ถึงกับแก้ต่างทันที หากอีกฝ่ายหาได้เชื่อแต่อย่างใดไม่ กลับฉุดกระชาก
ผลักร่างภรรยาให้ไปยังโซฟา นาดีมจึงล้มตามไป พยายามประคอง
หน้าท้องตัวเองไปด้วย
“อย่ามาทำไม่รู้ไม่ชี้…ฉันนั่งฟังมานานแล้วไอ้เรื่องเหตุไฟไหม้บ้านไอ้ลูกเขยน่ะ…
นังวามันไม่มีทางทำได้หรอก ฉันรู้จักเด็กนั่นดี…และก็รู้จักลูกเมียตัวเองดีด้วย…
สงสัยมานานแล้ว แต่ไม่อยากจะคิดว่าเป็นคนใกล้ตัว...
บอกมาว่าเป็นฝีมือเธอใช่มั้ยลักษณ์ เพราะถ้าเธอไม่บอก
รับรองได้ว่าปากเธอจะไม่ได้อ้าปากพูดไปอีกเป็นเดือนๆ…
งานสังคมบ้าบออะไรนั่นของเธอก็อย่าได้หวังว่าจะได้ออกไป…
เพราะฉันจะทำให้เธอหน้ายับจนออกไปเจอใครไม่ได้อีกเลย…จะเอาแบบนั้นมั้ยลักษณ์…”
น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมทำให้คนฟังถึงสองคนถึงกับขนลุกทีเดียว
“ฉันไม่ได้ทำ…นังดีมมันทำ…มันอิจฉาน้องชายมันที่มาแย่งความรัก
ความสำคัญจากพ่อมันไป…” นาดีมถึงกับสะดุ้งโหยง มองหน้ามารดาเขม็ง
ก่อนจะหันไปสบตาอันแสนดุดันของผู้เป็นบิดาที่จ้องมาที่เธอ
“จริงมั้ยดีม…” นาดีมส่ายหน้าพัลวัลพร้อมกับปฏิเสธเสียงสั่น
“ดีมเปล่านะพ่อ…ดีมไม่ได้ทำ…”
“แล้วใครทำ…” คนถามมองหน้าภรรยาทีสลับกับมองหน้าลูกสาวที
“บอกมาว่าใครทำ!” เสียงตวาดที่ตะคอกลงมานั้นทำเอาสองแม่ลูกสะดุ้งโหยงสุดตัว…
สีหน้าที่ดูดุดันน่ากลัวของท่านสนทยาที่ใครๆต่างชื่นชมยกย่องว่าเป็นคนดี
เป็นผู้ชายอบอุ่น รักครอบครัวนั้นดูแตกต่างไปจากที่ใครๆในสังคมภายนอกเคยพบเจอ…
“บอกไปสินังดีม…ว่าแกนั่นแหล่ะเป็นคนลงมือทำ เพราะแกกะจะเผาบ้านนังอานิต้า
คนที่ไอ้วารินทร์มันกำลังจะจีบ…”
นาดีมมองมารดาของตนเองด้วยแววตาเจ็บแค้นอย่างที่สุด…
“ก็เพราะแม่ไม่ใช่รึไงที่ยุให้ดีมทำ…เพราะแม่นั่นแหล่ะที่บอกว่า
ยิงปืนทีเดียวได้นกหลายตัว…เพราะแม่นั่นแหล่ะที่ยืมมือดีมใช้งาน
ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะแม่ แม่คนเดียวเลย…” นาดีมต่อว่ามารดา
ด้วยน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งความศรัทธาใดๆ
“นี่แกคิดจะโยนความผิดให้ฉันรึนังดีม…แกมันลูกเนรคุณ…
ฉันก็แค่พูดแต่ไม่ได้บอกว่าให้แกทำ…แกทำของแกเองทั้งนั้น…”
คนที่มองภาพสองแม่ลูกอยู่ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเฮือกๆก่อนจะส่ายหน้า
ยกมือกุมขมับ อยากจะฆ่าให้ตายคามือเสียทั้งสองคน หากกลับทำไม่ได้…
“โธ่เว้ย…” เสียงสบถดังลั่นทำเอาสองแม่ลูกที่ต่างก็โยนความผิดให้กัน
ถึงกับสะดุ้งสุดตัว…
“อย่าให้คนอย่างฉันหมดความอดทน…เพราะคงจะรู้ใช่มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าฉันไม่คิดจะทนอีกต่อไป…”
พูดจบก็เดินหันหลังจากไปด้วยสีหน้าแดงก่ำ เพราะถ้าให้อยู่ต่ออีกนิด
อีกนิดเดียวเท่านั้น...
“พ่อรักดีมบ้างรึเปล่า…ดีมทำให้พ่อผิดหวังที่เกิดมาเป็นหญิงใช่มั้ย
ดีมถึงมีชื่อเหมือนผู้ชายเพราะพ่ออยากได้ลูกชายมากจนถึงกับตั้งชื่อนี้ให้
ตั้งแต่ดีมยังอยู่ในท้อง…และพอพ่อไม่สมใจ พ่อเลยนอกใจแม่ไปมีผู้หญิงอื่น
เพียงแค่อยากได้ลูกชายใช่มั้ย”
เสียงนั้นดังมาจากลูกสาวทำเอาคนที่กำลังเดือดดาลถึงกับหยุดเท้า
ที่กำลังก้าวเดินแล้วหันมาสบตาลูกสาวที่กำลังท้องได้ห้าเดือนแล้ว
“อย่ามาถามเรื่องความรัก ถ้าแกกับแม่แกไม่เคยรู้จักมันจริงๆ”
พูดได้แค่นั้น คนเป็นพ่อก็หันหลังกลับ
“ก็เพราะไม่มีใครสอน…ไม่มีใครรัก…ดีมถึงรักใครไม่เป็น…
ไม่รู้ว่ารักมันเป็นยังไงกันแน่…เพราะพ่อเพราะแม่นั่นแหล่ะ…”
หญิงสาวต่อว่าบุพการีของตนด้วยสีหน้าแววตาแดงก่ำ น้ำตาเอ่อคลอ
“หัวใจแกกับแม่แกมันกระด้างเกินจะสัมผัสอะไรแบบนั้นได้…
ดังนั้น…อย่าถามหามันเลย…เพราะถึงได้มาแกก็ไม่มีทางรักษามันได้”
ผู้เป็นบิดาพูดราวกับจะตอกตะปูลงไปบนหัวใจของลูกสาวที่ทำร้ายได้
แม้กระทั่งน้องของตัวเอง…เพราะความอิจฉาริษยาแท้ๆ…
“แกและแม่แกไม่เคยรักษาอะไรได้หรอก เพราะเก่งแต่แสวงหามา
แล้วก็ทำลายมัน…ทำได้ก็แค่นั้น…” พูดแค่ไหนก็หมายจะไปจากตรงนั้น
ไปให้พ้นจากสองแม่ลูกที่ร่วมกันฉีกทึ้งหัวใจเขา…
“เสือที่โหดร้ายมันยังรักลูกรักเมียมันได้…ทำไมดีมจะรักไม่ได้…”
คราวนี้คนเป็นพ่อถึงกับลอบถอนใจ กัดฟันพูดโดยไม่หันมามอง
สองแม่ลูกให้ปวดใจ
“เสือมันล่าเหยื่อมาให้ลูกให้เมียมันกินประทังชีวิต ไม่ได้ล่า
เพื่อความสนุกสนานและโลภมากไม่รู้จักพออย่างแกกับแม่แก…
ความโหดร้ายของมันเทียบกับแกและแม่แกไม่ได้ด้วยซ้ำ…”
“พ่อก็ไม่ได้รักสองแม่ลูกนั้นจริงๆเหมือนกัน…เพราะแค่ศพของมัน
พ่อยังไม่ไปดูเลย…พ่อก็ไม่เคยรักใครเป็นเหมือนกัน…ไม่เคย!”
นาดีมต่อว่าบิดาขณะจ้องมองแผ่นหลังนั่นที่เธอพยายามไขว่คว้ามาตลอดตั้งแต่รู้ความ
แต่ยิ่งไขว่คว้าก็ยิ่งไกลห่าง พ่อไม่เคยสัมผัสเธอ แทบไม่คิดจะอุ้มกอดเธอเลยด้วยซ้ำ…
หอมแก้มสักครั้งก็ยังไม่เคย…
ทุกครั้งที่เธอเห็นซุลก๊อตไนท์หอมแก้มลูกชายแล้วก็ได้แต่หวนกลับมานึกถึง
พ่อของตัวเอง…ที่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะอ่อนโยนกับลูกสาวอย่างเธอ
แต่กับไอ้เด็กผู้ชายคนนั้น พ่อเธอกลับอุ้ม กลับหอมแก้มซ้ายขวา ยิ้มให้ หัวเราะด้วย…
หยอกเย้า ให้ขี่หลัง จับโยนไปบนอากาศแล้วคอยรับร่างนั้นด้วยแววตารักใคร่เอ็นดู
เล่นฟุตบอลกับมันในสนามจนเหงื่อท่วมตัว…ยอมให้มันนอนไปบนลำตัว
ท่ามกลางสนามหญ้า…
พ่อรักมันมากกว่าเธอ เอาใจมันมากกว่าเธอทั้งๆที่มันมาทีหลังแท้ๆ
เธอถึงต้องรอให้มันโตขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยให้มันมีความสุขกับพ่อของเธอไปก่อน…
ให้มันมีความสุขจนถึงที่สุด…รออย่างใจจดใจจ่อเพื่อที่จะฆ่ามัน
ให้มันตายอย่างทรมาน
ใครก็ตามที่คิดจะมาแย่งพื้นที่หัวใจของเธอ คิดจะมาแย่งความรักจากเธอ
เธอจะกำจัดมันให้สิ้นซากเลยทีเดียว…ไม่ให้เหลือ ไม่ให้เห็นตำตาตำใจอีก…
“จริงๆแล้วมันพลาดตั้งแต่ฉันเลือกแม่ให้แกแล้วล่ะดีม…”
เท่านั้นแหล่ะเสียงกรีดร้องของคุณหญิงวรลักษณ์ก็ดังไปทั่วทั้งห้องโถงคฤหาสน์หลังงาม
โดยที่คนที่เดินจากไปหาได้สะทกสะท้านแต่อย่างใดไม่…
เพราะเขาได้คำตอบที่ชัดเจนแล้วว่าใครเป็นตัวการฆ่าสองชีวิตที่เขาเฝ้ารักเฝ้าถนอม…
ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเมียและลูกของเขาเอง…
และนั่นจึงทำให้แน่ใจแล้วว่าทำไมนาดีม ลูกสาวของเขาถึงได้โทรเรียกเขา
ให้ไปหา บอกว่าแม่เข้าโรงพยาบาล เขาจึงต้องรีบออกไปทั้งๆที่เพิ่งกินข้าว
กับเมียคนที่สองและลูกชายในวัยกำลังน่ารักน่าเอ็นดูได้เพียงแค่ไม่กี่คำด้วยซ้ำ…
กลับมาดูอีกที ทุกอย่างก็มลายหายไปสิ้น ไม่มีลูกชายที่น่ารัก
ไม่มีภรรยาที่แสนดีอีกต่อไป…จะปรากฏตัวหรือแสดงสิทธิ์ก็ไม่ได้…
เพราะชื่อเสียง การงาน และเกียรติยศที่กว่าจะได้มานั้นมันค้ำคออยู่…
แม้กระทั่งชื่อพ่อของลูกในสูติบัตร เขาก็ต้องให้ลูกน้องคนสนิทเป็นคนเซ็นชื่อให้…
เพราะไม่อยากให้นาดีมและวรลักษณ์ล่วงรู้…แต่ไม่คิดว่าสองแม่ลูกจะสืบรู้จนได้
…ชีวิตเขาเต็มไปด้วยปัญหา และปัญหาหนักที่สุดในชีวิต
เห็นจะเป็นตัวสร้างปัญหาให้ไม่หยุดไม่หย่อนอย่างสองแม่ลูกคู่นี้…
เพราะไม่ว่าจะไปก่อปัญหาไว้ที่ไหน เขาก็ต้องคอยเป็นคนตามล้าง
ตามเช็ดให้โดยตลอด…แม้ไม่อยากร่วมหัวแต่ก็ต้องจมท้ายไปด้วยจนได้
ย้อนไปก่อนหน้านั้นเมื่อทุกคนต่างก้าวออกจากคฤหาสน์หลังงาม
ของตระกูลวรรัศมิ์สกุล… ‘บัว’ หรือ ‘อาสุเซน่า’ ที่เดินเคียงกันมากับลุงของตน
ก็หยุดขาที่กำลังก้าวเพื่อรอให้นุฮากับบิดามารดาของเขาเดินตามเธอมาจนทัน…
หญิงสาวหันไปยิ้มให้แล้วบอกด้วยน้ำเสียงและแววตาอ่อนโยนทว่าแน่วแน่ว่า
“พวกคุณคงต้องรับศึกหนักแล้วล่ะค่ะ…ยังไงก็ขอให้ระวังตัวด้วยนะคะ
ไปไหนมาไหนควรจะมีบอดีการ์ดเอาไว้คอยคุ้มกันอย่างแน่นหนาจะดีกว่า…
แบบนี้มันโล่งไป ไม่ปลอดภัยหรอกค่ะ…”
ที่บอกว่าโล่งไปเพราะว่ารอบๆบุคคลทั้งสามมิได้มีบอดีการ์ดเลยแม้แต่คนเดียว
ทว่านุฮากลับฉุดยิ้มที่มุมปาก มองคนที่ปรารถนาดีต่อครอบครัวเขา
“ผมว่าคุณเองนั่นแหล่ะที่ควรระวังตัวเอาไว้ให้มากๆ เพราะดันรอด
ออกมายืนล่อสายฟ้าแบบนี้…เห็นจะไม่ดีเท่าไหร่หรอก…ทางที่ดีควรจะหาที่กำบังภัยน่าจะดี…
ต่อให้เป็นตำรวจสากลก็ไม่ได้หมายความว่า…จะเก่งกาจถึงกับต่อกร
กับพญามัจจุราชได้หรอกนะ…” หญิงสาวยิ้มบางพร้อมกับพยักหน้ารับ
“ขอบคุณค่ะที่เตือน…บัวจะระวังไว้…” พูดจบก็หันหลังกลับเดินไปหาผู้เป็นลุง
ที่ยืนรออยู่แล้วตรงรถที่จอดอยู่พร้อมบรรดาบอดีการ์ด
“เดี๋ยว…” นุฮาร้องเรียก หญิงสาวหยุดก้าวก่อนจะหันไป เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ซุลก๊อตไนท์อยู่ไหน…” แววตาคนถามเอาเรื่องทีเดียว ทว่าหญิงสาวกลับส่ายหน้า
“เขาตายไปแล้วนี่คะ…” แล้วก็หันไปยิ้มให้มารดาของนุฮา
“หนูกลับก่อนนะคะ…นี่ค่ะนามบัตรหนู…มีอะไรติดต่อหนูได้ตลอดค่ะ”
ว่าพลางหยิบนามบัตรในกระเป๋ายื่นให้มารดาของนุฮาก่อนจะหันไปก้มหัวเพียงนิด
ให้กับบิดาของเขา…
“บอกมันว่าอย่าให้ฉันเจอ!” นุฮาพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม แววตาคาดโทษ
ทำเอาหญิงสาวถึงกับอมยิ้มจนเห็นลักยิ้มแก้มบุ๋ม…
“คุณไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวหรือพูดถึงคนที่ตายไปแล้ว ปล่อยให้เขาได้อยู่
ในที่ของเขาเถอะค่ะ…ให้เขาได้พักผ่อนบ้าง…คุณควรจะทำหน้าที่ของประธานสภาหัวใจ
ตามที่ได้ลั่นวาจาไว้…” หญิงสาวยิ้มบางแล้วก้มหัวเพียงนิดให้เขาเพื่อบอกลา
“บัวคงต้องไปแล้ว…”
นุฮาจึงได้แต่พ่นลมหายใจขณะมองแผ่นหลังของหญิงสาวหนึ่งเดียว
ที่เขาพอจะล้วงความลับที่คอยทำให้เขาคันยุกยิกมาร่วมหลายเดือน…
“มองตามไปแบบนั้น คิดอะไรกับเขารึเปล่าฮึตานุ…”
คนเป็นแม่อดสัพยอกลูกชายไม่ได้ ทำเอาคนที่โดนเย้าแหย่ถึงกับสะดุ้ง
แต่ก็ยังไหวตัวทัน
“คิดแน่ครับแม่…คิดว่าจะล้วงตับไตไส้พุงเด็กบัวนั่นได้ยังไง…”
“โอ้…กะจะกินตับเขาเลยรึลูก…” คนเป็นแม่ไม่วายโยนฟืนเข้าไปในกองไฟเล่น
“หรือแม่จะให้ผมควักหัวใจเขาออกมากินดี…” คนเป็นลูกก็ไม่น้อยหน้า
แม่แหย่มาแค่ไหนเขาก็สวนกลับไปอย่างเท่าเทียมกัน
“เอาซี…แม่ก็อยากเห็นหัวใจสีแดงๆของหลานสาวทนายความใหญ่นะ
ลูกไม้คงหล่นไม่ไกลต้นหรอก…เห็นแววอยู่นาว่าไม่น่าจะล้วงตับ
ควักหัวใจเขาออกมากินได้ง่ายๆ…” นุฮาหัวเราะเบาๆในลำคอ
กับคำสัพยอกของมารดา
“และเท่าที่ดูนะ ไม่น่าจะเด็กแล้วล่ะ…ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ทำตัวเป็นเด็ก
ได้แนบเนียนได้ยังไง…” นุฮาเลยยิ้มใหญ่ ได้ทีเลยแหย่มารดาคืนทันที
“ถ้าอยากไปขอเขาให้ผมก็เตรียมขันหมากขันน้ำขันอะไรเอาไว้เลยนะครับ”
“เอาแน่รื้อ…” ผู้เป็นมารดายั่วลูกชาย เลยโดนลูกชายยั่วกลับ
“อยากได้แน่รื้อ…”
“พอๆเลยสองแม่ลูกคู่นี้…หยอกกันอยู่นั่น กลับบ้านกันเถอะ…พ่อชักหิวข้าวแล้วเจ้านุ…”
“จริงๆเราน่าจะอยู่ขอข้าวเขากินสักมื้อนะครับพ่อ บ้านเขาออกจะหลังใหญ่”
อดไม่ได้ที่จะหันไปมองคฤหาสน์หลังงามแล้วต้องลอบถอนใจยาว
“งั้นแกก็อยู่กินข้าวที่นี่ไปก็แล้วกัน เพราะฉันกับแม่แกคงต้องขอตัว…”
ว่าแล้วก็จูงมือภรรยาให้เดินไปยังรถที่จอดทันที
“อ้าว…ทิ้งกันเลย…ไปด้วยซิพ่อ…ขอเป็นก้างสักมื้อไม่ได้หรือไง…”
ว่าแล้วก็รีบสาวเท้าตามบิดามารดาไป…ก่อนจะชวนบิดาของวาลาดา
ที่ยืนกับลูกชายคนโตตรงรถส่วนตัวเพื่อรอจะคุยกับพี่ชายภรรยาต่อ
ทั้งห้าคนจึงตกลงไปกินข้าวและพูดคุยด้วยกันที่โรงแรมในเครือของตระกูลกรภัทรกุล
.......โปรดติดตามตอนต่อไป.........
ตอนที่แล้ว ต้องขอบคุณสำหรับคำติชมผลงานเรื่องอื่นๆของเต่าโยกันนะคะ
โดยเฉพาะเรื่องนี้...
ทุกความเห็นมีคำตอบน้า...โยอ่านและตอบทุกความเห็นเลย...
เปิดทุกความคิดออกมาได้ค่ะ...โยรับได้...จริงๆ...ฟันเฟิร์ม!
แต่เพราะปูแนวทางของเรื่องมาตลอดจนถึงปลายทางแล้ว
ให้เต่าหักมุมไปทำอะไรกับเรื่องนี้ตอนนี้คงไม่ได้แล้วน่ะค่ะ...
อีกอย่าง...เรื่องการนำเอาศาสนามาใส่ในเรื่องนั้น
มันมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ...นักอ่านเต่าชอบและคิดเห็นไม่เหมือนกัน
ซึ่งมันเรื่องปกติ...โยมองว่ามันเป็นเรื่องของนานาจิตตัง...
ดังนั้น...ทุกๆความเห็นที่มีให้กัน โยจะเอาไปพิจารณาเพื่อสร้างสรรค์ผลงาน
ชิ้นต่อๆไปค่ะ...หรือไม่ก็เพื่อจะได้กลับไปขัดเกลาเนื้อหาในเรื่องนี้ในภายภาคหน้าด้วย
ดังนั้น...อย่าได้เกรงอกเกรงใจ...ติชมกันมาได้ค่ะ...รับได้ทุกอย่าง...
ขอแค่เรื่องเดียวคือ...ไม่ใช้คำหยาบก็พอจ๊ะ... ^O^
และที่ขาดไม่ได้...ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่าน โยไม่เคยลืมดูยอดวิวที่นักอ่านเข้ามา
แม้มีนักอ่านอีกมากมายที่ไม่ได้เข้ามาแสดงความเห็นอะไร แต่เห็นยอดจำนวนเข้ามาอ่าน
เราก็พออุ่นใจในตรงนี้ไปได้บ้างแล้วค่ะ...ว่ายังมีคนตามอ่านอยู่อย่างสม่ำเสมอ...
และขอบคุณไลค์ท่ีจิ้มให้...เพราะนักอ่านอีกหลายท่านเช่นกันที่กดไลค์ให้ประจำ
แต่ไม่ได้ออกมาทักทายกัน อย่างไรก็ต้องขอขอบคุณค่ะ ^^
ขอบคุณนักอ่านเงาด้วยน้า...มีเยอะกว่านักอ่านไม่เงา
เพราะเรื่องนี้...เน้นเรื่องเงา...ฮ่าาาาาาา
ตัวละครในเรื่องเลยมีหลบๆซ่อนๆกันเหลือเกิน...อิอิ
...........ตอบเม้นท์ค่ะ.............
1.คุณChii...โยก็นึกว่าจะไม่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ซะแล้วค่ะ
เพราะว่า หลังจากเรื่องหมอดานีสกับน้ำค้างก็เหมือนว่าจะหายๆไปเลย...
ขอบคุณจากใจค่ะสำหรับคำติชม...เพราะว่ามันมีผลต่อพัฒนาการของคนเขียน
เป็นอย่างมาก...แต่เนื่องจากที่เคยเขียนตอบคอมเม้นท์ของนักอ่านเอาไว้ก่อนหน้านี้
น่ะค่ะว่า...โยนับถือศาสนาอิสลาม เลยเขียนไปตามครรลองของศาสนาอิสลาม
เขียนตามครรลองของความเชื่ออื่นคงไม่ได้...เพราะจำต้องเขียนไปตามพื้นความรู้
และตามความเชื่อของตัวเองน่ะค่ะ...เลยอาจมีบ้างที่ทำให้นักอ่านที่ต่างศาสนา
เข้ามาอ่านจะไม่ค่อยเข้าใจ และที่สำคัญ...อาจจะยากที่จะยอมรับ
ในความเชื่อและหลักปฏิบัติบางอย่างด้วยน่ะค่ะ...ซึ่งโยต้องยกให้เป็นเรื่องของ
...นานาจิตตัง...น่ะค่ะ...แต่สำหรับด้านภาษาและวรรณคดี...โยก็ไม่ได้จบตรง
มาทางด้านนั้น...ตรงนี้เลยต้องยอมรับเลย...ว่าภาษาที่ใช้ไม่ค่อยสละสลวย
วิธีเขียนและวิธีนำเสนอก็พยายามทดลองอยู่เรื่อยๆ...ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว
พยายามแข่งกับตัวเองและเวลาค่ะ...และสำหรับคนเขียนนั้น ถ้าถามว่าชอบเรื่องใด
ที่ตัวเองเขียนที่สุดนั้น ตอบยากมากๆ เพราะเวลาเขียนเราก็เขียนมันเต็มที่ทุกๆเรื่อง
คือทุ่มหมดหน้าตัก เต็มเหนีี่ยว เลยตอบยาก แต่สำหรับนักอ่านนั้นก็คง
ตอบไม่ยากว่าชอบหรือไม่ชอบเรื่องไหนของโย ซึ่งแล้วแต่ความชอบ
ส่วนตัวของบุคคลไปน่ะค่ะ...ซึ่งหากมองไปตรงเรตติ้งแล้ว ที่ผ่านมาหมอดานีสกับน้ำค้าง
นั้นเรตติ้งดีสุด แต่เพราะเรามันสุดๆกับทุกๆเรื่องที่เขียน เลยแค่ดีใจค่ะที่ได้รับ
การตอบรับกลับมาดี...แต่ก็ไม่ได้ทำให้โยคิดว่าเรื่องอื่นของตัวเองแย่กว่าเรื่องนั้นเรื่องนี้
เพราะเราก็พยายามลองเปลี่ยนสไตล์เปลี่ยนเทคนิคโน่นนี่ดูว่าเราจะทำออกมาได้
ประมาณไหนในแต่ละเรื่อง...เพราะแต่ละเรื่องบุพบทของมันไม่เหมือนกัน
แนวทางการนำเสนอก็ไม่เหมือนกันอีก...จุดที่นำออกมาเสนอก็แตกต่างกันไป...
ก็เลยหวังอยากได้คำติชมนี่แหล่ะค่ะว่างานเราเรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง...^^
ส่วนเรื่องอื่นๆที่เปิดค้างเอาไว้นั้น...ก็คงจะเขียนต่อจากเรื่องนี้ค่ะ...
ก็หวังว่าจะได้รับคำติชมด้วยเช่นกันนะคะ...
ขอบคุณสำหรับกำลังใจมากๆค่ะ...ดีใจที่ชอบของที่ระลึกจ๊ะ...
2.คุณsunflower...นานๆจะเห็นคุณซันเม้นท์ และเม้นท์แต่ละครั้งมาแบบสั้นๆ
พอเห็นยาวๆเลยค่อนข้างเซอร์ไพร้...อิอิอิ แต่ก็ชอบอ่านค่ะ อ่านทุกๆความเห็นเสมอ
และรอบนี้พออ่านแล้วทำให้รู้ว่านอกจากพระเอกของเรื่องแล้ว มีตัวละครอื่นๆในเรื่องอีก
ที่สร้างความประทับใจให้นักอ่าน...ซึ่งโยก็หวังอยากให้เป็นเช่นนั้น...
เลยเขียนสไตล์พระเอกโดนแย่งซีนมาหลายๆเรื่องนับตั้งแต่เรื่องแรกเลยทีเดียว...
มีมาเรื่องหมอดานีส กับ ฟาเดลนี่แหล่ะที่ไม่ถูกแย่งซีนได้เป็นพระเอก
แบบโชว์ได้เต็มที่สุดๆ...แต่เรื่องอื่นโยค่อนข้างเฉลี่ยบทพระเอกให้หนุ่มๆคนอื่นๆ
ในเรื่องได้แสดงด้วย...เพราะเขาก็เป็นพระเอกในชีวิตของเขา ในจุดของเขาได้
เพียงแต่ว่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเขานั่นเอง...เฮะๆ
เรื่องแรกอย่างรังรักนั้น ค่อนข้างดาร์คค่ะ เพราะตามแนวเรื่อง
คือล้างผลาญกันเองในครอบครัว...ในหมู่ญาติพี่น้องกันเลย...ชีวิตนางเอกก็
แสนรันทดหดหู่...แต่ก็ยังพอจะมีคนชอบแนวนั้นอยู่บ้างค่ะ...
ส่วนน้ำค้างที่โดนบังคับให้แต่งงานนั้น โยเอามาจากชีวิตจริงๆมันนี่แหล่ะค่ะ
เพียงแต่ไม่ใช่ชีวิตโย แต่ชีวิตหลายๆคนที่โดนบังคับให้แต่งงานไปกับคนที่แทบไม่เคย
ได้เห็นหน้ากันมาก่อนไม่เคยรู้จักกันน่ะค่ะ...ไม่เคยจีบกันก่อนแต่งงานสักครั้งเดียว
แต่ก็อยู่ด้วยกันได้อย่างดีมีความสุข โยเลยหยิบจุดๆนั้นมาเขียนซะเลย...
เคยถามพวกเขาว่าอะไรที่ทำให้เขาอยู่กันได้...ก็เลยได้อะไรๆมาแบบที่น้ำค้าง
ในเรื่องนั้นพูดและตอบอยู่บ้างน่ะค่ะ...คือพอเรามองจากจุดเราแล้วเราคิดว่า
มันไม่น่าจะไปกันรอด แต่จากที่พบก็คือเขาอยู่กันรอด...และดันมีความสุขกันดีได้...
นั่นแหล่ะค่ะจุดประกายเรื่องอะรูซะตี...
ซึ่งนับว่าแต่ละเรื่องที่เขียนมันมีที่มาที่ไปไม่เหมือนกันเลย คนเขียนเลยตอบยากกว่า
นักอ่านมากว่าชอบเรื่องใดมากกว่าเรื่องใด แต่ถ้าถามว่าชอบพระเอกคนไหนที่สุด
อ่าาาาา แบบนี้ตอบง่ายมากเลย...เหอๆ เหมือนเคยบอกไปแล้วด้วย...
โยจะชอบแบบท่านมุสตอฟาในเรื่องหะบีบี้...สุดที่รักของผมน่ะค่ะ มันหาในชีวิตจริง
เท่าไหร่ก็ไม่เห็นจะเจอสักทีน่ะซี เลยชอบแบบนั้นที่สุด แบบนั้นเลย...อิอิอิ
ไม่ใช่ผู้ชายที่นั่งในเบนซ์นะ แต่เป็นผู้ชายที่นั่งอยู่บนม้า...ฮ่าาาาา
ส่วนนางเอกที่ชอบที่สุด ก็คงเป็นนางเอกในเรื่องน้ีค่ะ...
เพราะวาลาดาเป็นคนที่เป็นคนจริงๆเท่าท่ีโยเขียนมา
ไม่ได้สมบูรณ์แบบหรือมีดีพร้อมทุกอย่าง แต่มีความพยายามที่จะเป็นคนที่ดีกว่าเดิม...
ใช้ทรัพยากรที่มีเพื่อต่อสู้กับปัญหาชีวิตในขณะเดียวกันก็ไม่ได้เข้มแข็งจนแข็งกระด้าง
ไม่ได้บอบบางจนต้องประคบประหงมอยู่ตลอดเวลา(ทนต่อแรงเสียดทานได้ว่างั้น อิอิ)
ยอมรับเหตุผลคนอื่นอย่างคนที่พร้อมจะเปิดใจยอมรับเสมอ...
มีความน่ารักนิดๆซ่อนอยู่ในทุกๆโมเม้น...คือวาลาดานั้นจะเป็นคนที่
ไม่ถึงกับหวือหวาและสุดโต่ง แต่ก็พอให้คนอยู่ใกล้ๆอยากอยู่ด้วย...
ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครมากนัก...แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีพิษสงเสียทีเดียว
ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่จะรำคาญผู้หญิงที่ไร้เหตุผลเอาแต่อารมณ์ เอะอะก็ร้องไห้
ตีโพยตีพาย เหวี่ยงได้ไม่เว้นแต่ละวัน...แต่ก็ไม่ถึงกับนิ่งจนไม่แสดงอาการอะไรเลย
จนเขาสงสัยว่ารักหรือเปล่า...คือ งอนบ้าง หึงบ้าง ร้องไห้บ้าง น้อยใจบ้าง
วีนบ้างเป็นบางครั้งบางคราว มีอารมณ์หญิงบ้างตามประสาผู้หญิงเรา
ก็เลยจัดให้หญิงวาเธอเป็นอย่างนั้นไป...เพราะด้วยวัยแล้วก็ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
ที่จะเป็นผู้หญิงแบบนี้ได้...ซึ่งจะให้นิ่งไปก็ไม่ได้อีก เพราะว่าเป็นแม่ลูกอ่อน
มาตั้งแต่เปิดเรื่องเลย และตอนนี้ก็ท้อง(อีกแล้ว)พระเอกจัดการเอาขึ้นไปไว้บนเนินนั้น
ปลอดภัยแล้วค่ะ...ฮ่าาาา คือเรื่องนี้โยให้วาลาดาเป็นตัวแทนของผู้หญิงเรา
ในช่วงสภาวะผันผวนของชีวิตน่ะค่ะ...อีกสักพักเธอก็จะต้องพบกับความกลัวชนิดที่
ผู้หญิงทุกคนกลัวกัน...คือการคลอดลูก....ฮ่าาาาาาา โยเก็บสถิติมาหลายราย
เกี่ยวกับความรู้สึกตรงนี้...เลยคงจะเขียนให้อ่านกันด้วยค่ะ...
ปล.ขอบคุณค่ะสำหรับความเห็นยาวๆที่พิมพ์ให้คนเขียนได้อ่าน
ได้รับรู้ความรู้สึกของนักอ่านกันและขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยค่ะ...^o^
มาให้ยาวๆและบ่อยๆจิ...อิอิ
3.คุณคิมหันตุ์...ขอบคุณค่ะสำหรับความเห็นและกำลังใจที่มอบให้ในทุกๆตอนเลย
แถมยังจิ้มชอบให้อีก...เวลาชื่อหายไปก็มักจะมองหาตลอดค่ะ...ว่า...เอ...
วันนี้ไม่มาหรือ...5555
4.คุณkonhin...ระฆังยกแรกดังขึ้นแล้วนะ(อ้าว เพิ่งจะขึ้นสังเวียนหรอกหรือนี่
เห็นแต่ละคนสะบักสะบอมกันไปไม่น้อยแล้ว)...ฮ่าาาาาา...คราวก่อนๆ
เขาชกกันนอกสังเวียน แต่ตอนนี้ถูกจับขึ้นบนสังเวียนแล้ว...
นาดีมเลยโดนจัดไปสองดอก...จากบุรุษสองคน...แต่ยังมีอีกหลายดอก...
ต้องมาดูกันว่ารอบหน้าดอกอะรายยยยย...กิเลสตัณหาราคะมันพาซวย
ช่วยบ่ด้ายยยยยย...ผู้ชายรุุมผู้หญิงท้องแบบสองรุมหนึ่งเนี่ยไม่แมนเลยเนอะ...
โยควรทำไงดี...ในเมื่อพวกนักตกปลาเขาอยากลากแม่ชะโดขึ้นบกมาต้มโคล้ง
หรือจะต้มยำดี...คิดเมนูให้โยหน่อยจิ...อิอิอิ
5.คุณFurzan...ขอบคุณค่ะสำหรับคำติชม...คือ...เอิ่ม...
สำหรับเรื่องนี้โยเหมือนจะเกริ่นๆเอาไว้แล้วน่ะค่ะว่ามันมีเรื่องของไสยศาสตร์
มนต์ดำเข้ามาเกี่ยว มันเลยมีเรื่องของความเชื่อเข้ามาด้วย...
อาจดูเวิ่นเว้อไปบ้างสำหรับการต้องอธิบายเรื่องราวของสิ่งลี้ลับ เรื่องความเชื่อในศาสนา
นักอ่านที่ไม่ได้สนใจแนวๆแบบนี้ อาจมีติดๆขัดๆไปบ้าง...
แต่มันก็เป็นคอนเซปต์หลักๆของเรื่องนี้เลย...ซึ่งในทุกๆเรื่องทีี่โยเขียน
โยจะมีจุดที่จะเอามานำเสนอตลอด ไม่ได้เอามาแต่เรื่องราวของความรักอย่างเดียว
เพียงแต่บางเรื่องจะมีเนื้อหาและหลักการหนักบ้างเบาบ้างตามแต่บุพบทของมัน...
คือ...โยเชื่อว่า...แล้วแต่นักอ่านจะมองหาสิ่งใดจากสิ่งที่เราเขียนน่ะค่ะ
แต่สำหรับคนเขียนนั้นพยายามที่จะสื่อในสิ่งที่อยากจะนำเสนอในเรื่องออกไป
อย่างเต็มกำลังความสามารถที่มีอยู่ ณ ตอนนั้นๆ...^^
ปล.โยรู้สึกว่า ปัจจุบันสถาบันศาสนากำลังสั่นคลอนอย่างหนักหน่วง
คือไม่ว่าศาสนาไหนๆก็สั่นคลอนกันทั้งนั้นเลย...ถ้าได้ดูจากข่าว
และดูจากพฤติกรรมของผู้คนในสังคม...ก็เลยจัดหนักเรื่องคุณธรรม
ซึ่งมันแทรกตัวอยู่ในคำสอนของศาสนาออกไปมากหน่อย...ซึ่งผลงานในช่วงหลังๆ
ถ้านักอ่านที่ติดตามอ่านผลงานโยมาหลายเรื่อง จะพบว่าโยเน้นหนักเรื่องศาสนามากขึ้น
แต่ก็ได้แค่นำเสนอด้านความเชื่อของตัวเองได้เท่านั้น...เพราะโยมาทางนี้
เชื่อในทางนี้น่ะค่ะ...แต่อย่างไรก็ขอขอบคุณค่ะที่ส่งซิกมาบอกกันจ่ะ...^^
6.คุณPampam...เหมือนหนังผีหลายเรื่องใช่มั้ยคะ ที่ตัวร้ายซึ่งเป็นผีได้รับบท
ที่แบบว่าแย่งซีนพระ-นางของเร่ือง...ฮ่าาาาา...
เพราะชื่อเร่ืองนี้ "เงามาร" มันสื่อถึงนาดีมชัดๆ...โยถึงเกริ่นไว้แต่เนิ่นๆเลยว่า
พยายามหาชื่อใดมาก็ไม่เหมาะเท่าชื่อนี้...เพราะมันตรงกับธีมของเรื่องเลย...
แบบว่าชื่อมันสั้นๆสองพยางค์ แต่ความนัยมันกินลึกกับเนื้อหาของเรื่อง
อ่านแล้วต้องอ่านให้ถึงตอนอวสานน้า...จะได้รู้ว่าทำไมโยถึงตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า
"เงามาร" แล้วทำไมถึงบอกว่า มารในเรื่องนี้คือมารจริงๆ...
โยเองก็จะพยายามปั่นไปให้ถึงตอนอวสานอยู่นา...อิอิ
ขอกำลังใจด้วยเน้อ โดยเฉพาะกำลังใจตอนดึกๆ...อิอิอิ
ปล.เรื่องนี้จะหนักๆในตอนเปิดเรื่องกับตอนปลายๆเรื่องค่ะ...เชื่อว่าบทสรุป
อาจไม่ถูกใจนักอ่านทุกคน แต่โยตั้งใจไว้แล้วค่ะ...^^
7.คุณKrystal...ขอบคุณค่ะที่ออกมาจากเงามากระซิบบอกโย
ขอบคุณที่จิ้มชอบให้กันมาเรื่อยๆด้วยค่ะ...เวลาเขียนอะไรทำนองนี้
โยมักจะประหม่าค่ะ ว่าเราสื่อไปนักอ่านจะรู้สึกอย่างไร...เพราะเรื่องความเชื่อ
เป็นเรื่องละเอียดอ่อน...คนเราคิดและเชื่อไม่เหมือนกัน...แต่โยก็มาทางนี้อ่ะ
ก็คงได้แต่นำเสนอทางนี้...ก็ได้แต่หวังว่า นักอ่านมองหาอะไรก็จะได้ตามที่
มองหาจากนิยายของโยค่ะ...ที่ผ่านมา โยไม่ได้เน้นการเขียนชีวิตของพระ-นาง
เป็นหลัก แต่จะเขียนเน้นมันแทบทุกตัวละครที่สร้างมาเท่าที่จำเป็นต้องเขียน...
หากว่าสิ่งดังกล่าวมันมีผลต่อเรื่องราวในเรื่อง...ก็จะหยิบมาเขียน...
ส่วนใหญ่ก็หยิบยกเอามาจากชีวิตจริงของคนจริงๆนี่แหล่ะค่ะ...เอามารวบรวม
สร้างสรรค์เป็นเรื่องราวออกมาให้นักอ่านได้อ่าน...
8.คุณcoonX3...นั่นซี...ใครจะเจอใครก่อน...อิอิอิ
เพราะตอนแรกๆ นาดีมเป็นฝ่ายซ่อน มาตอนนี้กองทัพธรรม(ชอบคำนี้จัง)
เป็นฝ่ายซ่อนบ้าง เหมือนการเล่นซ่อนหาเลยว่ามั้ยคะ...ฮ่าาาาา
ไม่สิ ต้องรวมการเล่นงูกินหางเข้าไปด้วย...ตกปลาด้วย...อิอิ...
(ฉันนั่งตกปลาอยู่ริมตลื่ง แปลกใจฉันจริงปลาไม่กินเหยื่อ...นั่งตกอยู่นาน
จนฉันนึกเบื่อ ปลาไม่กินเหยื่อ...น่าแปลกใจ...) เอาเพลงมาฝาก...ฮ่าาาา
เมื่อก่อนโยกับพี่ชายและน้องชาย...เราจะไปตกปลาด้วยกันบ่อยๆค่ะ
พี่กับน้องตกเก่งสุดๆ ส่วนโยตกปลาไม่ได้เรื่องเลย...คือ ตรงกับเนื้อหาเพลงนี้เลย...
แต่สนุกมากเวลาลากปลาชะโดขึ้นบก อิอิ เพราะปลาชะโดมันดุร้ายมาก
ฟันก็คม...ตัวก็ใหญ่ มันสู้สุดชีวิตเลย...ไม่เหมือนปลาบู่กับปลาช่อน...อิอิอิ
ทั้งๆที่มันก็...หน้าตาคล้ายๆกัน ^o^
9.คุณแว่นใส...โดนกระทบไปหลายคนจริงๆค่ะ แทบทุกตัวละครกันเลยก็ว่าได้
โดยเฉพาะคนเขียน...เหอๆ...เพราะก็เคยเมารักมาก่อน...
โดนพิษรักแผลงฤทธิ์ใส่จนมีสภาพไม่ต่างจากหญิงวาสักเท่าไหร่...หลบไปเลียแผล
ืปล่อยให้นิยายค้าง กว่าจะสร่างเมา นานเลย...ถึงจะกลับมาเขียนนิยายต่อได้
แต่รู้สึกว่าพอเราผ่านมันมาได้ เหมือนได้ภูมิคุ้มกันมาด้วย...ไม่ได้หวาดกลัวกับมันเลย
กล้าสู้กล้าเผชิญหน้ากว่าเดิมอีก...คือ ไม่กลัวมันแล้ว...เมื่อก่อนเคยเข้าประคับประคอง
หัวใจอันบอบช้ำของผู้หญิงโดนทิ้งมาตลอด...แล้วได้แต่คิดว่า ทำไมถึงเป็นเอามาก
ขนาดนี้หว่า...ก็แค่ผู้ชายมันทิ้ง...หาใหม่ซี หาใหม่เลย...กลับมาสวยเหมือนเดิม
เดี๋ยวนี้ เอาคนเดิมกลับมา ผู้ชายมันไม่ได้มีคนเดียวในโลกนี้นะ ปล่อยเขาเข้าป่าไปเถอะ
นึกเสียว่าปล่อยสัตว์กลับบ้านมัน...คือจะปลอบชาวบ้านประมาณนั้นไป...
แต่พอเจอะกับตัว โดนพิษรักเข้าอย่างจัง เข้าใจผู้หญิงเหล่านั้นเลย...แบบว่า
สว่างคาตาคาใจว่าทำไม...สภาพเรากับเขาช่างไม่แตกต่างกันเลย...
กว่าจะกลับมาสวยได้อีกครั้ง โอ้โห...นึกได้เลยว่า เราทำร้ายตัวเองแท้ๆ...
พอมาเขียนอะไรแนวๆนี้เลยค่อนข้างอิน อินถึงอินมาก...ฮ่าาาาาาาาา
10.คุณตุ๊งแช่...ไปปีนฟูจิหรือนั่น...ว้าววววว...แล้วต่อจากนั้นก็ไปล่องเรือ
ที่ฮาโกเน่ช่ายไหม...โอ้ววววว...หวังอยากให้เจอรอยเต่าจัง...
เพราะเต่าก็เคยไปโปรแกรมนั้นตอนไปเรียนภาษาญี่ปุ่นค่ะ...ตอนนั้นยังละอ่อน
รอบหน้าโน้น ขอเป็นเต่าได้ไหม หยอดกระปุกเผื่อด้วยจิ...อิอิอิ
เค้าจะพาไปกินปูยักษ์ที่ซับโปโรไง (แต่คนหยอดกระปุกจ่ายน้าาา) ฮ่าๆๆๆ
น่าจะใช่ค่ะ...ก๊อตน่าจะกลายร่างเป็นเจ้าสไปเดอร์แมนแต่คงไม่ต้องถึงกับแบกสาว
ปีนหน้าต่างหนีไฟเหมือนวารินทร์...ฮ่าาาาาาา
ก๊อตเขาถนัดไต่มากกว่าปีนค่ะ เหอๆ
ขอบคุณค่ะสำหรับการติดตามและเป็นกำลังใจให้โยมาโดยตลอด...
เรื่องศาสนานั้น...ถ้ามองที่ตัวของมุสลิม หมายถึงมองไปที่ตัวบุคคลนั้น
ปัจจุบันน้อยคนค่ะที่จะเคร่งครัดต่อบทบัญญัติของศาสนา...
โยเองก็ไม่ได้จะเคร่งมากนัก...มีหลายจุดที่ยังต้องซ่อมแซมอีกเยอะเลย...
ปล.ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ...กลับมาแล้วแวะมาทักทายกันด้วยเน้อ
ว่าเป็นเยี่ยงไรบ้าง...โห...จะกลับมาเม้นให้เดือนหน้าจริงๆอ่ะ
ว่าแต่จะไป 30 วันเลยหรือ...โอ้ววววววว อิอิอิ
11.คุณyasta...ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตามมาตั้งแต่เรื่องแรกเลย
เพราะรังรักคือ เรื่องแรกของโยเลยค่ะ เขียนไว้เมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นโยยัง
หน้าใสอยู่มาก โพสต์ครั้งแรกที่เว็บเลิฟเวอร์ชั่นเก่าน่ะค่ะ...ได้รับการต้อนรับ
จากชาวเว็บเลิฟดีมาก อบอุ่นและประทับใจจนไม่เคยลืมเว็บนี้เลย...
พอเว็บเลิฟเวอร์ชั่นใหม่เปิดตัว หลายปีค่ะกว่าโยจะนำผลงานที่เขียนไว้
นำมาโพสต์ใหม่ที่นี่...แล้วเริ่มเขียนเรื่องใหม่ๆตามมาเรื่อยๆ...
โยอยากเห็นผลงานเป็นรูปเล่มเหมือนกันค่ะ...เคยวาดภาพปกเอาไว้ด้วย...
แต่เพราะว่า...ช่วงนั้นเรียนหนัก ใกล้จบ พอจบก็ประสบปัญหาชีวิตหนักอีก
เลยได้อารมณ์ปั่นเรื่องใหม่ๆมากกว่าจะกลับไปปั่นต้นฉบับส่งสำนักพิมพ์...
แล้วก็เขียนเรื่องใหม่ๆมาเรื่อยๆพร้อมๆกับทำงานที่รักซึ่งเป็นงานประจำ
อย่างงานออกแบบ...ยามว่างประจำวันก็อัพนิยาย ด้นนิยายกันสดๆ
แล้วก็พักผ่อน ตื่นนอนก็ทำงานประจำ ช่วงวันหยุดยาวก็ออกตระเวนเที่ยว
หาประสบการณ์ใหม่ๆให้กับชีวิต แล้วก็ได้พล๊อตนิยายกลับมาเขียนอีก
จะว่าไม่มีเวลาปั่นต้นฉบับส่งสำนักพิมพ์เลยคงไม่ใช่ซะทีเดียว เพียงแต่โยเอาเวลาว่าง
ไปเที่ยว เก็บเกี่ยวโน่นนี่ข้างๆทางไปเรื่อยกับเขียนเรื่องราวใหม่ๆได้ไม่หยุด
มันเลยไม่ว่างมาขัดเกลาปัดฝุ่นเรื่องเก่าๆที่เขียนจบไปแล้วน่ะค่ะ...เฮะๆ...
ตั้งใจว่า หมดพล๊อตให้เขียน หรือมีไฟกลับไปปั่นต้นฉบับเมื่อไหร่ คงได้แก้ไข
ขัดเกลากันยกใหญ่เลยล่ะค่ะ...จนกว่าจะแน่ใจและมั่นใจว่าไก่ไม่หลุดไปนั่นล่ะ
ถึงจะปล่อยให้คนอื่นได้พิจารณางานเราก่อนทำเป็นรูปเล่มในคราวถัดไป...
ช่วงนี้โยรับงานแบบอิสระ เลยแบ่งเวลาได้ดีกว่าเมื่อก่อน...
ทำให้เขียนนิยายได้ต่อเนื่องกว่าเมื่อก่อน แต่อีกเดี๋ยวเหมือนงานใหญ่จะเข้า แหะๆ
ดีใจค่ะที่ได้รู้ว่ามีนักอ่านที่รักนิยายที่โยเขียน เพราะโยน่ะรักมันทุกเรื่องจริงๆค่ะ
ไม่เคยคิดดูถูกงานตัวเองเลย...ถึงแม้มันจะไม่ได้สร้างรายได้อะไรให้เลย
ในระยะสิบปีที่ผ่านมา แต่โยก็มีความสุขและรักที่จะเขียนอยู่อย่างนั้น...
ถ้าช่วงไหนที่เขียนไม่ไหวโยจะพัก เพราะไม่อยากฝืนเขียนไปทั้งๆที่เรา
ไม่พร้อมจะเขียน...อยากให้งานออกมาเต็มกำลังเรามากกว่า... ^^
ปล.แสงอรุณใกล้โผล่พ้นขอบฟ้าแล้วค่ะ...อีกนิดเดียวเท่านั้น
เพียงแต่กว่าจะถึงตอนนั้น...สิ่งที่มากับความมืดจะทำร้ายใครหรือสิ่งใดไปบ้างเท่านั้นเอง...
ฮ่าาาาา
...ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้านะคะ....
"เต่าโย"

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 มี.ค. 2558, 23:41:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 มี.ค. 2558, 23:41:58 น.
จำนวนการเข้าชม : 3169
<< บทที่ 31 ซ่อนกลิ่น ซ่อนชู้ | บทที่ 34 ซ่อนรัก ซ่อนเสน่หา >> |

คิมหันตุ์ 28 มี.ค. 2558, 00:51:31 น.
แหง่วบางทีก้อมาไม่ทันจิ้มจ่ะตอนใหม่มาก่อน. อิอิอิ อ่านในมือถือเครื่องน้อยๆพิมพ์มิถนัดมือนัก. เสพอักษรกับจิ้มให้กำลังใจเสมอนะคะ. ลุ้นมากกกกกกกกกกก
แหง่วบางทีก้อมาไม่ทันจิ้มจ่ะตอนใหม่มาก่อน. อิอิอิ อ่านในมือถือเครื่องน้อยๆพิมพ์มิถนัดมือนัก. เสพอักษรกับจิ้มให้กำลังใจเสมอนะคะ. ลุ้นมากกกกกกกกกกก

ตุ๊งแช่ 28 มี.ค. 2558, 00:56:29 น.
นางมารเจอพินัยกรรมเข้าไปสติแตกเลยวุ้ย
. แหมไปนานขนาดนั้น. เดี๋ยวมีคนคิดถึง
.
รอบนี้ก็กินปูแต่ ไม่ได้ไปถึงซัปโปโร แค่ไปชิมๆๆ
เครๆๆ เก๊าจ่ายค่าปู เต่าจ่ายค่าตั๋ว ...เลิศ
เ



รอบนี้ก็กินปูแต่ ไม่ได้ไปถึงซัปโปโร แค่ไปชิมๆๆ

เครๆๆ เก๊าจ่ายค่าปู เต่าจ่ายค่าตั๋ว ...เลิศ
เ



coonX3 28 มี.ค. 2558, 05:32:03 น.
ความร้ายกาจเริ่มเปิดเผย ยิ่งมีประเด็รยิ่งเห็นมารที่ซ่อนอยู่ แต่น่าสงสารนาดีม มีปมเรื่องครอบครัว แต่คนผิดไม่ว่ามาจากเหตุใดก็ผิดวันยัวค่ำอะ งานนี้ฝ่ายธรรมเริ่มบุกบ้างแล้ว แต้มต่อเริ่มเผย
ความร้ายกาจเริ่มเปิดเผย ยิ่งมีประเด็รยิ่งเห็นมารที่ซ่อนอยู่ แต่น่าสงสารนาดีม มีปมเรื่องครอบครัว แต่คนผิดไม่ว่ามาจากเหตุใดก็ผิดวันยัวค่ำอะ งานนี้ฝ่ายธรรมเริ่มบุกบ้างแล้ว แต้มต่อเริ่มเผย

Pat 28 มี.ค. 2558, 06:29:32 น.
ชักสงสัย ดีมเป็นลูกจริงๆหรือเปล่านี่ พ่อแม่ถึงไม่รักเลย
ชักสงสัย ดีมเป็นลูกจริงๆหรือเปล่านี่ พ่อแม่ถึงไม่รักเลย

Pampam 28 มี.ค. 2558, 06:35:33 น.
นาดีมจะเอ่ะใจไหมที่อยู่ๆเด็กบัวกลับไม่ใช่คนรับใช้อย่างที่ตัวเองคิด นั่นก็แปลว่าก๊อตวางแผนไว้แต่แรกแล้ว จะว่าตั้งแต่วาลาดาโดนมารครอบงำหรือก่อนหน้านั้นก็เป็นได้ รอตอนต่อไปค่ะ
นาดีมจะเอ่ะใจไหมที่อยู่ๆเด็กบัวกลับไม่ใช่คนรับใช้อย่างที่ตัวเองคิด นั่นก็แปลว่าก๊อตวางแผนไว้แต่แรกแล้ว จะว่าตั้งแต่วาลาดาโดนมารครอบงำหรือก่อนหน้านั้นก็เป็นได้ รอตอนต่อไปค่ะ

แว่นใส 28 มี.ค. 2558, 08:24:16 น.
จะมีฉากคลอดลูกด้วยเหรอ แล้วก๊อตจะออกมาจากเงาหรือยังนะ
จะมีฉากคลอดลูกด้วยเหรอ แล้วก๊อตจะออกมาจากเงาหรือยังนะ

konhin 28 มี.ค. 2558, 09:02:26 น.
เย้ เดาถูกด้วยเรื่องพินัยกรรม เหตุผลที่ทำให้นาดีมอยากได้ทะเบียนอีกรอบ แต่รอบคอบไม่พอ ก๊อตดิ้นหนี้ด้วยการโอนสมบัติให้ฟากับวา(ถึงจะไม่ตายจริงก็เถอะ)
บัวเนี่ย คุณแม่ส่งมาให้ดูวา(ที่โดนมารสิง)ใช่ป่ะ แปลว่าก๊อตก็รู้ แล้วแอบใช้หนูบัวอีกที
อยากจะยกประโยชน์ให้จำเลย ว่าคุณแม่รู้นานแล้วเรื่องวากับมาร แต่ว่า คุณแม่ยังส่งเสริมนาดีมมาโดยตลอด จนกระทั่งถูกความจริงกระแทกใจวันโดนย่างสดอ่ะ
ตอนนี้มารสองหัวตีกันเองแล้ว อยากรู้จริงๆว่าถ้าเกิดผู้ชายที่ดีมไปมีอะไรด้วย ก็เป็นชู้กับแม่ตัวเอง?? แล้วยิ่งกว่านั้นเป็นคนทำให้เกิดหนูดีมขึ้นมาหล่ะก้อ?? บ้านแตกแน่ๆ เดาว่าผู้ชายคนนี้แหล่ะต้องเป็นมารหัวที่สาม
สงสารคุณพ่อนาดีมตะงิดๆแต่เหมือนพ่อแม่รังแกฉันป่ะ ลูกเมียทำผิด รู้ แล้วก็ยังช่วยปกปิดมาตลอด แล้วจะกลับใจได้ยังไง
เย้ เดาถูกด้วยเรื่องพินัยกรรม เหตุผลที่ทำให้นาดีมอยากได้ทะเบียนอีกรอบ แต่รอบคอบไม่พอ ก๊อตดิ้นหนี้ด้วยการโอนสมบัติให้ฟากับวา(ถึงจะไม่ตายจริงก็เถอะ)
บัวเนี่ย คุณแม่ส่งมาให้ดูวา(ที่โดนมารสิง)ใช่ป่ะ แปลว่าก๊อตก็รู้ แล้วแอบใช้หนูบัวอีกที
อยากจะยกประโยชน์ให้จำเลย ว่าคุณแม่รู้นานแล้วเรื่องวากับมาร แต่ว่า คุณแม่ยังส่งเสริมนาดีมมาโดยตลอด จนกระทั่งถูกความจริงกระแทกใจวันโดนย่างสดอ่ะ
ตอนนี้มารสองหัวตีกันเองแล้ว อยากรู้จริงๆว่าถ้าเกิดผู้ชายที่ดีมไปมีอะไรด้วย ก็เป็นชู้กับแม่ตัวเอง?? แล้วยิ่งกว่านั้นเป็นคนทำให้เกิดหนูดีมขึ้นมาหล่ะก้อ?? บ้านแตกแน่ๆ เดาว่าผู้ชายคนนี้แหล่ะต้องเป็นมารหัวที่สาม
สงสารคุณพ่อนาดีมตะงิดๆแต่เหมือนพ่อแม่รังแกฉันป่ะ ลูกเมียทำผิด รู้ แล้วก็ยังช่วยปกปิดมาตลอด แล้วจะกลับใจได้ยังไง

Krystal 28 มี.ค. 2558, 13:36:54 น.
อ่านไปอ่านมา เรื่องนี้เหมือนจะออกแนวสืบสวนเลยมีให้ลุ้นตลอด แล้วก็ต้องกลับไปอ่านตอนเก่าๆอีกรอบ คนเขียนชอบซ่อนจุดเล็กๆให้ตามหาตลอด สรุปเรื่องนี้คนในเงาคือใครกันแน่
อ่านไปอ่านมา เรื่องนี้เหมือนจะออกแนวสืบสวนเลยมีให้ลุ้นตลอด แล้วก็ต้องกลับไปอ่านตอนเก่าๆอีกรอบ คนเขียนชอบซ่อนจุดเล็กๆให้ตามหาตลอด สรุปเรื่องนี้คนในเงาคือใครกันแน่

atua 29 มี.ค. 2558, 11:01:33 น.
ให้กำลังใจคุณเต่าโยคะ ตามอ่านทุกเรื่องที่เอามาลงในเวบนี้ ขอบอกว่าชอบมากๆๆๆๆๆๆๆ :)
ให้กำลังใจคุณเต่าโยคะ ตามอ่านทุกเรื่องที่เอามาลงในเวบนี้ ขอบอกว่าชอบมากๆๆๆๆๆๆๆ :)