=ตราบสิ้นแสงอัสนี= -
นี่คือเรื่องของนางฟ้า ชื่อมณีเมขลา
คือเรื่องของอสุรา ชื่อรามสูร
แต่นี่... ไม่ใช่เรื่องรักที่จะพาคุณย้อนอดีต
เราจะพาคุณข้ามผ่านกลุ่มเมฆ กาลเวลา และสายฟ้า
"สู่อนาคต"

Tags: เมขลา รามสูร สายฟ้า องค์อินทร์ อินทรชิต

ตอน: บทนำ...

ครั้งนั้น
เราพบกัน ณ จุดที่สายฟ้าจุมพิตกับผืนดิน
ตลอดชีวิตอันแสนว้าเหว่ มีพรเพียงข้อหนึ่งอยากจะวอนขอ
......ขอเธออย่าเลือนหาย เมื่อสายฟ้าจากไป......


////////////////////////////



ไกลออกไปในอนาคตกาล พุทธศักราช ๒๖๐๐
ณ กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร นครกลางน้ำ

ยามค่ำคืน ดาวบนฟ้าเจิดจรัสดังเช่นเป็นมา พรายแสงราวเกล็ดน้ำเพชรถูกลาดโรย
ยังเบื้องห้วงสวรรค์อันมืดมิด หากแหงนมองจากใต้ฟ้าตรงนี้ ประกายดาวยังคงอยู่ตรงนั้นเสมอ
รอคอยให้เรามองขึ้นไปค้นหาความลับนับอนันต์ที่ซ่อนอยู่

...ทว่าจากสายตาดวงดาว เรื่องราวของเราอาจไม่มีสิ่งใดควรค่าแก่ความสนใจนัก
ทุกสิ่งในโลกเปลี่ยนผัน สิ่งเดิมๆเกิดขึ้น จบลง สิ่งใหม่ๆงอกเงย กระแสเวลาหมุนไปไม่หยุดรั้งรอ

กระทั่ง ราตรีหนึ่ง ราตรีซึ่งฟ้าครึ้ม เมฆทะมึนหนักอึ้งทยอยหลั่งไหลครอบคลุม
อดีตมหานครที่บัดนี้จมอยู่ใต้บึ้งสมุทร สายตาของดาวสอดส่อง แทงทะลุม่านเมฆลง
หมายจับยังเรื่องราวสำคัญที่กำลังบังเกิดเหนือเมืองกลางน้ำ
อย่างมิยอมให้คลาดไปแม้ชั่วดาวกะพริบ
บางสิ่งกำลังเริ่มต้น...เพื่อสานต่อท่วงทำนองแห่งอดีตที่ยังไม่จบลง


ตึง
บาทอสุรากระแทกพื้นสนั่นชัดแม้ฝูงชนกำลังปรบมือกระหึ่ม
เสียงที่ได้ยินฟังดูยิ่งใหญ่ ตามด้วยคำประกาศก้องคล้ายฟ้าฟาด
‘นี่คือวันเปิดการแสดงรอบแรกของเมขลาล่อแก้ว’

การแสดง หมายถึงอะไร

มณีเมขลาไม่เข้าใจ
ทว่าในความทรงจำ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความฝัน บอกไม่ถูกว่าฝันร้ายหรือดี

...แล้วจากคืนนั้น ฝันก็เกิดขึ้นซ้ำๆ ยาวนาน เธอสงสัย ทำไมตนจึงไม่พ้นไปจากตรงนี้เสียที
ต้องมาถือลูกแก้วร่ายรำลดเลี้ยว ยิ้มละไมหลบหลีกคมขวานที่ถูกปามาเฉียดฉิว
โดยน้ำมืออสุราหน้าถมึงทึง เจ้าของนัยน์ตาดุกร้าว ท่ามกลางมวลเมฆฟ้าแลบฟ้าร้องครั่นครืน
ยักษ์ร้ายถลันพุ่งเข้ามา เกือบจะคว้าเอาแก้วมณีเจิดจรัสไปจากมือนี้ได้ แต่พลาด...
ยังความหุนหันโกรธาแก่ผู้ไล่ล่า เจ้าของร่างมหึมาชวนเกรงขามเงื้อบาทากระทืบแรงลงครืน
ความรู้สึกสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นส่งมาถึงใต้ฝ่าเท้าของเธอ

น่าแปลก...
ภายใต้หมู่เมฆที่ดูเหมือนควันขาวพรางตา ไม่ใช่ท้องฟ้าจริงๆ
ทว่าคล้ายเป็นเวทีสำหรับร่ายรำ

ม่านหมอกซึ่งอยู่รอบข้างไกลออกไปนั้น เมื่อโฉบใกล้ก็เห็นเป็นเพียงเนื้อผ้าสีเงินยวง
กับกลุ่มควันหนาแน่น บางจังหวะตัวมณีเมขลาถลาร่อนหลบลี้คมขวาน เล่นซ่อนหา
กับยักษ์ร้ายในกลีบเมฆขาวเย็นจัด ฟ้าแลบฟ้าร้อง หยาดฝน ทั้งหมดล้วนแต่เป็น
สิ่งปลอมๆที่สร้างขึ้น และสำคัญที่สุด ตัวเธอเองยังคงร่ายลีลาล่อแก้ว
แม้ไม่รู้ว่าทำเช่นนั้นด้วยเหตุผลกลใด?

‘การร่ายรำแบบใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก... โดยสิ่งไร้ชีวิต แต่มีชีวา’
ไม่เข้าใจ นางฟ้าเทวดาท่านอื่นๆที่ควรได้พบเจอล้วนหายหน้า
ผู้คนมากมายแวะเวียนมา มีทั้งเด็กน้อยและผู้ใหญ่ พวกเขามาเพื่อชมเธอกับพญายักษ์
ทุกเวลาที่ม่านหมอกสีเทาเงินสยายเปิด เธอกับเขาก็จะออกไปรำร่ายช่วงชิงดวงแก้ว
ครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อเกิดฟ้าแลบฟ้าร้องครืนคราง
แทรกเสียงปรบมือเร่งเร้ากับคำอุทานเกรียวกราวของเด็กๆ

มณีเมขลายั่วเย้าหยอกเอิน ศัตรูของเธอมีผิวหน้าสีเนื้อสักลายอย่างยักษ์ด้วยสีเขียวหลายเฉด
แซมด้วยแสดดินแดงจางๆและทอง เขี้ยวทิ่มลงพ้นริมฝีปากขบแน่น ตาลุกโพลง บ่งถึงโทสะ
และพยาบาทอยู่เป็นนิจ ยักษ์ร้าย...ปรศุราม ที่เด็กหลายคนตะโกนเรียกรามสูร
น่าขัน ดูเหมือนผู้คนจะเอาใจช่วยอีกฝ่าย แทนที่จะเข้าข้างนางฟ้าผู้บอบบางเช่นเธอ

ร่ายรำไปด้วยความกลัวระคนท้าทาย มือเรียวขยับยักย้ายดวงแก้ว
ก่อเกิดฟ้าแลบแปลบปลาบเข้าตายักษ์ร่างกำยำผู้กำลังเงื้อขวานจนอีกฝ่ายมองไม่เห็นเป้า
เด็กที่ดูอยู่ร้องวี้ด บางคนทำปิดตาแต่แอบมองลอดนิ้ว เพราะรู้ว่าที่จะตามมาคือเสียง
เปรี้ยงสนั่นของฟ้าผ่า เมื่อยักษ์อารมณ์ไม่ดีเขวี้ยงขวานเพชรเข้าใส่นางฟ้าด้วยแรงโกรธ

ความสนุกสนานดำเนินไปเนิ่นนาน แต่แล้ว ทุกอย่างย่อมมีวันเลิกรา...

เมื่อใบหน้าเล็กๆจนถึงผู้ใหญ่ที่มาด้วยกันเริ่มลดจำนวน นางฟ้ายังรำไปคล้ายไม่ใส่ใจ
อสูรร้ายยังคงรุกไล่ แต่ในความรู้สึกลึกๆ ทั้งคู่ต่างรู้...มีบางอย่างขาดหาย
จวบวันที่ม่านสีเทาเงินนั้นค่อยๆปิดสนิทลง มณีเมขลากับปรศุรามถูกนำตัวไปไว้ยังห้องมืด
ในนั้นมีหุ่นเก่าๆมากมายยืนเบียดเสียด ต่างแต่งกายแผกกัน เป็นมนุษย์ ยักษ์ ลิง
แต่ละใบหน้าล้วนดูเศร้าสร้อย หมองหม่นไร้วิญญาณ

‘อย่าทิ้งเราไว้ที่นี่ ในนี้มืด อึดอัด! ทรมาน!’
เสียงในใจร่ำร้องอึงอล แต่...ไม่มีใครได้ยินความคิดอันเสมือนไร้ค่า

วินาทีสุดท้าย ก่อนประตูบานสูงทะมึนจะงับปิด ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาหยุดยืน
เป็นเงาหม่นอยู่ตรงหน้าเธอ เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่นำพามณีเมขลา
และปรศุรามมาไว้ยังห้องนี้ สัมผัสของมือหยาบๆเอื้อมแตะใบหน้าเธอผะแผ่ว

“มัวอาลัยอะไรอยู่เล่า! ก็แค่หุ่น”

เสียงเพื่อนของเขาเรียกมาจากที่ไกลๆ

ชายผู้นั้นส่ายศีรษะ ก่อนยื่นหน้ามากระซิบเสียใกล้
“อย่าไปเชื่อนะ เธอน่ะมีชีวิต มีวิญญาณ... จำคำพูดของผมไว้ให้ดีๆ
คนที่สร้างเธอขึ้นมาเขาว่าอย่างนั้น”

‘ใช่... เรามีวิญญาณ’

“น่าเสียดาย” เขาถอนหายใจก่อนเอ่ยต่อดังๆ “สร้างมาอย่างดีที่สุด
คิดว่าจะเป็นตัวชูโรง แต่สุดท้ายก็ยังอยู่ไม่ได้ เวลาสนุกของเราจบลงแล้ว
ไม่มีเงินทุนช่วยเหลืออีกต่อไป หอละครจะต้องปิด ลาก่อนหุ่นทั้งหลาย
รามสูร แล้วก็เธอ เมขลา...นางฟ้าคนงาม”
ท้ายประโยคเขาผ่อนน้ำเสียงทอดอาลัยฟังแสนเศร้า

‘ไม่เข้าใจ... หุ่นงั้นหรือ แต่ทำไมต้องเอาเรามารวมไว้กับหุ่นด้วยเล่า’

เขาหยิบเอาอุปกรณ์เล่นเพลงอันเล็กๆออกมาวางบนหลังตู้เก็บของสูงระดับอก
ที่อยู่ชิดผนัง กดปุ่มให้ดนตรีหยาดเย็นเหมือนท่วงทำนองพระพิรุณดังขับกล่อม
ยิ้มให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย...

เมื่อประตูห้องปิดสนิทลงดังกึง มณีเมขลาก็มีเวลายาวนานให้ได้ขบคิด
ทำนองเพลงเย็นๆผสานเสียงหยาดฝนของจริงเบื้องนอกที่กำลังหยดลงมา
เธอชอบฟังเสียงมัน ความรู้สึกของสายฝนคล้ายผสานเป็นหนึ่งกับตัวตนของเธอ
ที่ตามมาคือเสียงฟ้าร้องอยู่ภายนอกชวนให้ออกไปเริงเล่น
มันให้พลังอย่างแปลกประหลาด กระแสไฟฟ้าในกายกำลังแล่นพล่านจนแทบปะทุออกมา
นี่คือช่วงเวลาที่เธอรู้สึกมีชีวิตชีวามากที่สุด ราวกับมีกำลังเพียงพอจะโบยบินหนีไปให้ไกลจากที่นี่

แต่แล้ว...เมื่อเวลาผ่าน
ครั้งหนึ่งพื้นไหวสะเทือนด้วยพลังแห่งธรรมชาติซึ่งพลุ่งดันขึ้นมาจากเบื้องใต้
เครื่องเล่นเพลงหล่นลงกระแทก เสียงที่ดังยาวนานพลันหยุดชะงัก

ในความเงียบ ในความมืดอันเยือกเย็น นางฟ้ารับรู้ว่ารอบกายเริ่มมีหยากไย่
จากการทำงานอย่างพากเพียรของสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่เรียกว่าแมงมุม มันค่อยๆ
ไต่ขึ้นมาบนตัวมณีเมขลา พวกมันมีมากมาย สิ่งมีชีวิตเย็นชาเหล่านี้มุ่งแต่จะ
ทำงานของมัน มันไม่สนใจว่าจะขึ้นมารบกวนอยู่บนตัวใคร
แมงมุมทุกตัวผ่านมาแล้วก็จากไป จนถึงแมลงสาบ หนูบางตัวซอกแซกวิ่งพล่าน
พวกมันเกาตัวเองและส่งเสียงครางโหยหิวอยู่บางเบาในความมืด
แต่พวกหนูก็ไม่สนใจเธอเช่นกัน

ไม่มีสิ่งใดที่เรียกได้ว่าเพื่อน มีเพียงสัมผัสตรงปลายมือข้างที่มิได้ชูดวงแก้ว
มณีเมขลายังรับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของยักษ์ร้ายผู้ยืนหยัดไม่ห่าง
...ยามฟ้าครางคำรนมาเมื่อใด กระแสไฟฟ้าในกายก็ปั่นป่วน
เส้นสายพลังงานแล่นพล่านเชื่อมโยงร่างทั้งสองผ่านปลายนิ้ว
มิใช่มิตร ทว่าเป็นศัตรูเพียงหนึ่งเดียวผู้อยู่เคียง และจะผ่านช่วงเวลาอันแสนว้าเหว่นี้ไปด้วยกัน


ครืน-น-น-น
เสียงฟ้าคำรามส่งท้ายราวกับกำลังเน้นย้ำสั่นสะเทือนลงไปในความรู้สึก
เธอปรือตาอย่างอ่อนล้า แต่หางตาปรายไปเห็น เจ้าของร่างทะมึน
ที่ยืนขบกรามนิ่งสนิทราวไร้ชีวิตนั้นตายังลืมโพลงค้าง
คล้ายพยาบาท กราดเกรี้ยว

ความสงสัยแล่นประดังขึ้นในห้วงใจอันมืดมิด

พญายักษ์เคียดแค้นสิ่งใด
ไม่ลืมสิ่งใด
และไม่ให้อภัยมันผู้ใด!






อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มี.ค. 2558, 08:34:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มี.ค. 2558, 08:34:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1271





   บทที่ ๑ สัญญาของสายฟ้า (ตอนแรก) >>
อสิตา 25 มี.ค. 2558, 08:39:28 น.
อสิตามาลงเรื่องใหม่ค่ะ... เรื่องใหม่ร้อนนนนนๆๆๆ


ketza 25 มี.ค. 2558, 08:48:07 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


ketza 25 มี.ค. 2558, 08:49:06 น.
เกดซ่ามาแล้วววววววววววววววว
ตามกลิ่นยักษ์หอมๆมาค้าาาาา อุจิ๊


ปรางขวัญ 25 มี.ค. 2558, 10:50:16 น.
น่าสนค่ะ มาชูมือรออ่านค่ะ ชอบโครงเรื่องแนวนี้


lovemuay 25 มี.ค. 2558, 12:06:02 น.
เรื่องใหม่มาแล้ว คิดถึงจังเลยค่ะ อิอิ


พันธุ์แตงกวา 25 มี.ค. 2558, 15:45:13 น.
เอ้อ มาลงตรงนี้ดีฝ่า ดีงาม อิตรงนั้นล็อคอินนายมาก ป้าตามตรงนี้นะ


patok 25 มี.ค. 2558, 16:51:18 น.
แค่บทนำก็ตื่นเต้น ตึกๆๆๆ


ดังปัณณ์ 25 มี.ค. 2558, 21:01:19 น.
แตะมือเจ่เจ้ เด็กดีเข้ามือถือนี่ปวดตับมากฮ่ะ ต้องเปิดคอมฯ อยากรอกงนี้ แต่อยากอ่านไวๆ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก


Zephyr 25 มี.ค. 2558, 22:42:20 น.
อ้าว แง่ว เป็นหุ่นมีแมงมุมไต่ด้วย อิ๊....หยะแหยง
หนู แมลงสาบ กรี้ดดดดดด
อย่าบรรยายจนเห็นภาพได้มั้ย มะม้า ขนลุก....

นางเมขลา นางต้องสวยมากแน่ๆๆๆ
อ่านแล้วรู้สึกได้ อิอิ
เพิ่งรู้วันนี้ละ ว่ารามสูรชื่อ ปรุศราม 5555
มาต่อม่ะ แค่บทนำแค่นี้มันไม่สะจายยยยยย

ปล. มาอ่านแล้วน่ะ มะม้าอย่างอนเลย
ถ้าแทกชื่อได้นี่แทกๆๆๆๆละ


บุลินทร 25 มี.ค. 2558, 23:21:10 น.
ตามมาลงๆ


Pat 26 มี.ค. 2558, 07:48:24 น.


konhin 28 มี.ค. 2558, 09:14:39 น.
ว้าววววว เรื่องใหม่ๆๆ แปลกดีค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account