เงามาร (กำลังรีไรท์ค่ะ)
'วาลาดา' ตื่นขึ้นมาพร้อมกับการรับรู้ว่าตัวเองมีสามีมีลูกแล้ว
ที่สำคัญ สามีของเธอคือเพื่อนในวัยเยาว์ที่ห่างเหินกันไป
หลายปีแล้ว เธอไม่ได้มีใจให้เขา เขาเองก็เกลียดเธอ

เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือสามีของเพื่อนรักของเธอ


คำว่า "แย่งสามีเพื่อน"
กู่ก้องอยู่ในหัวและทำให้หัวใจของหญิงสาวแหลกสลาย...

เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปมีอะไรกับเขาตอนไหนจนมีลูก
กับเขาได้...แต่ลูกที่มีหน้าตาผสมผสานระหว่างเธอกับเขา
อย่างลงตัวทำให้เธอดื้นไม่หลุดกับหลักฐานการกระทำ
ของตัวเอง...

ความจริงดังกล่าว...ส่งให้ดาวดวงใหม่ที่ควรจรัสแสงแรงกล้า
อยู่บนฟากฟ้ากลับถูกกระชากลงมาให้แปดเปื้อนกลิ่นคาวคละคลุ้ง
ด้วยน้ำมือของใครบางคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเงาดำนั้น
หญิงสาวก็สุดจะคาดเดาได้...

หญิงสาวที่ควรมีความสุขไปบนหนทางอันดีงาม เส้นทางของดาว
กลับถูกดึงรั้งเข้ามาสู่เส้นทางของมาร...เมื่อถูกความมืดมน
ดุจเมฆดำเข้าครอบงำฝังจิตใจ...เปลี่ยนผู้หญิงที่เคยแสนดี
กลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจ...นั่นคือเธอที่กำลังถูกใครๆ
กล่าวขานอย่างไม่มีจบสิ้น...


ทางเดียวที่จะรอดพ้นไปได้ นั่นก็คือ เธอต้องต่อสู้กับมันให้ชนะ ต่อสู้กับเงามารที่คอยตามรังควานชีวิตเธอทั้งชีวิตให้ย่อยยับ

โดยไม่รู้เลยสักนิดว่า...เงามารที่เธอเห็นนั้นมีใครซ่อนอยู่
หลังเงานั่น...รอ...รอวัน...เพื่ออะไรบางอย่าง...

รอคอยและเฝ้าดูอยู่ข้างหลังอย่างอดทน...
ชักใยซึ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างพิถึพิถัน...และล้ำลึก...
วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบและรัดกุม

ช่างเป็นการรอคอยอันแสนยาวนาน รอให้เธอมีความสุขที่สุด
ประสบความสำเร็จที่สุด พอได้จังหวะเหมาะจึงเข้าโจมตี...
จนวาลาดาคาดไม่ถึงว่าจะมีใครอดทนรอคอยเพื่อจองเวรเธอ
ได้นานถึงเพียงนี้...ช่างเป็นการทุ่มเทที่น่ากลัวเหลือเกิน...

เธอรู้...รู้ว่าสิ่งที่สำคัญ...คือเธอจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือ
หลังจากโดนโจมตีจนย่อยยับอับปางนี้ต่อไปอย่างไร...
นั่นคือ...สิ่งที่เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่...

และอีกอย่างที่เธอจะต้องทำคือ...หาคนที่ซ่อนอยู่หลังเงานั้น
ให้เจอ! และถามให้รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร


และ...

หวังเพียงว่า...เธอจะไม่ถูกมันครอบงำได้อีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...เธอจะได้พบกับแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...ผู้ที่เธอได้ทำร้ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวจะให้อภัย
หวังเพียงว่า...เขาจะเข้าใจ เชื่อใจ อภัย และรักเธอ
หวังเพียงว่า...ยอดดวงใจซึ่งคือลูกน้อยจะปลอดภัย ไร้มลทิน






...ขอเพียงได้อยู่ดูแลคุ้มภายคุ้มใจคนที่รักตลอดไป...


...ขอเพียงคนที่เธอรักปลอดภัย เข้าใจ ให้อภัย
และรักเธอเท่านั้น....



Tags: ดราม่า ซุลก๊อตไนท์ วาลาดา นาดีม มาร มารร้าย ไสยศาสตร์ ญิน นุฮา อะสุเซน่า วารินทร์ อานิต้า

ตอน: บทที่ 34 ซ่อนรัก ซ่อนเสน่หา


ก็ว่าจะไม่ซ่อนแล้ว...คงต้องซ่อนต่อไปอีกนิด...ฮ่าาาาา


_____________________________________________


เมื่อเรื่องมรดกอันมหาศาลซึ่งมีพินัยกรรมเข้ามาพัวพันในภายหลัง
ได้เข้าสู่กระบวนการของศาล…นักข่าวต่างให้ความสนใจกับคดีดังกล่าวนี้ไม่น้อย
รวมทั้งคดีเพลิงไหม้…ที่กำลังตกเป็นคดีอาญาในอีกศาลนึง…

จนถึงขั้นเขียนพาดหัวข่าวเรื่องที่เจ้าทรัพย์อย่างซุลก๊อตไนท์ยกมรดก
ในส่วนของตนทั้งหมดให้กับอดีตภรรยาและลูกที่เกิดแต่อดีตภรรยา
โดยไม่ยกอะไรให้นาดีม วรรัศมิ์สกุลผู้เป็นภรรยาคนปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย
ไม่มีชื่อของเธอในพินัยกรรมดังกล่าวด้วยซ้ำ

จึงมีหลายกระแสเสียงที่ต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องราวความรักกับมรดกของพวกเขา
ในเชิงความรักความรู้สึกและผลประโยชน์อันมหาศาลที่เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ
ว่าเหตุใดผลสรุปจึงออกมาเป็นเช่นนี้…

โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นไปในทางลบสำหรับนาดีมเสียมากกว่า
เนื่องจากวาลาดากับลูกได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
จนคุณลุงของเธออย่าง ท่านนะวะวีย์ กรภัทรกุล มหาเศรษฐีชื่อดัง
ถึงกับฟ้องนาดีม วรรัศมิ์สกุลและมารดาของนาดีมซึ่งก็คือ คุณหญิงวรลักษณ์
ที่ใครๆต่างรู้จักกันในวงสังคมเป็นอย่างดีในข้อหาร่วมกันวางแผนอุ้มฆ่าหลานสาวของตน…

อีกทั้งยังร่วมกันวางแผนฆ่าคนในครอบครัววรรัศมิ์สกุลด้วยการวางเพลิง
เผาบ้านของซุลก๊อตไนท์เพื่อหวังมรดก…

จึงทำให้ภาพลักษณ์ที่เคยดีงามและน่าเห็นใจของนาดีมในสายตาผู้คนในสังคม
ก่อนหน้านี้กำลังถูกสั่นคลอน มีหลายกระแสเสียงที่ยังคงเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของเธอ
หากก็มีอีกหลายกระแสเสียงอีกเช่นกันที่เริ่มเอะใจถึงความไม่ชอบมาพากล…

ทั้งหมดทั้งมวลนั้นเพราะเธอเป็นคนที่ให้สัมภาษณ์เรื่องราวต่างๆด้วยตนเอง
ว่าตนโดนคนในตระกูลกรภัทรกุลใส่ไคล้…

โดยที่ทางครอบครัวกรภัทรกุลกลับเก็บปากเงียบไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆต่อสื่อ
หากในทางปฏิบัติกลับเดินหน้ารุกนาดีมด้วยกระบวนการและข้ันตอนทางกฎหมาย
อย่างไม่ลดละ

“ไม่เป็นความจริงค่ะ…ดีมโดนไส้ไคล้้…ดีมไม่เคยคิดวางแผนอะไรแบบนั้น…
ดีมกับก๊อตเรารักกันมานาน รักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม
เราคบหากันมานานและครอบครัวก๊อตกับครอบครัวดีมสนิทสนมรักใคร่
กลมเกลียวกันมาโดยตลอด ไม่มีข้อบาดหมางต่อกัน…แล้วดีมกับแม่
จะมีเหตุผลใดที่จะต้องวางแผนทำร้ายก๊อตทำร้ายแม่และน้องของเขา…

เพราะดีมไม่ต้องทำอะไร ก๊อตก็รักดีมและแม่ของก๊อตก็เอ็นดูดีมอยู่แล้ว
ท่านถึงเซ็นมอบอำนาจสิทธิ์ให้ดีมได้ดูแลกรุสมบัติของท่าน…
ซึ่งมันประเมินค่ามิได้เลย…แล้วดีมกับแม่จะฆ่าก๊อตฆ่าแม่และน้องของก๊อตทำไมใช่มั้ยคะ…

มันไม่มีเหตุผลเลยสักนิดที่จะต้องทำอะไรที่ไร้ความคิดแบบนั้น!

ยิ่งกับวาลาดานั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ค่ะ…เพราะดีมกับวาเป็นเพื่อนรักกัน
เราสนิทกันมามาก…เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ…ทุกคนต่างรู้ดีว่าดีมกับวา
เราเป็นเพื่อนรักกัน เราตายแทนกันได้ด้วยซ้ำ…

ดังนั้น…เรื่องที่ทางคุณลุงของวาแจ้งข้อหาดีมนั้น…ไม่มีวันจะเป็นจริงได้ค่ะ…
และดีมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ทุกคนเห็น…”

นั่นคือบทสัมภาษณ์ของนาดีม โดยข้างๆจะมีทนายความฝีปากกล้า
คอยประกบเธออยู่ตลอดเวลายามที่ต้องให้การสัมภาษณ์ต่อสื่อต่างๆ

หากก็ไม่วายมีนักข่าวที่พยายามขุดคุ้ยเรื่องราวความรักสามเศร้า
ที่เคยตกเป็นประเด็นตอนที่ซุลก๊อตไนท์กลับมาแต่งงานกับเธออีกครั้งจนได้…

“แล้วทำไมคุณวาลาดาถึงยอมหย่าง่ายๆล่ะคะ…แล้วตอนนี้เธอกับลูกหายไปไหน…
ถูกอุ้มฆ่าหรือเปล่า เพราะตั้งแต่เกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนั้น
ก็ไม่มีใครพบเธอและลูกชายของเธอเลย…ทางตำรวจก็ไม่อาจนำตัวเธอ
มาให้การหรือแก้ข้อกล่าวหาที่คุณนาดีมเองเป็นคนแจ้งข้อหา
ว่าคุณวาลาดาเป็นคนวางเพลิงและฆ่าอดีตสามีพร้อมคนในครอบครัวของคุณก๊อต…

อย่างนี้…เขาเรียกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดหรือเปล่าคะ”

เมื่อเจอเข้ากับนักข่าวจอมขุดคุ้ย คนที่เคยให้สัมภาษณ์อย่างออกรส
ต่อว่าต่อขานและประณามการกระทำของวาลาดามาอย่างหนักมาก่อนหน้านี้
ถึงกับหน้าชา อ้ำอึ้งพูดไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะยิ้มหวาน
ตอบคำถามนั้นอย่างคนที่เจนจัดเรื่องการให้สัมภาษณ์สด

“ดีมไม่ทราบค่ะว่าวากับลูกหายไปไหน…ไม่ทราบจริงๆว่าวามีเหตุผลใดที่ต้องหายตัวไป…
แต่ดีมไม่ใช่คนที่คิดจะฆ่าสามีและเพื่อนได้ลงคอหรอกค่ะ…

ขนาดวาแย่งก๊อตไปจากดีม ดีมยังให้อภัยและไม่เคยถือโทษโกรธเลย…
พอก๊อตกลับมาขอดีมแต่งงานอีกครั้ง ดีมก็ไม่เคยผลักใสไล่ส่งวากับลูกเขาเลย…

ที่เขายอมหย่าเพราะเขาคงทนที่ก๊อตกับดีมรักกันไม่ได้…
ซึ่งเรื่องความเป็นมาระหว่างเราสามคนก็อย่างที่ทุกๆคนเคยทราบกันดีก่อนหน้านี้แหล่ะค่ะ…

และที่สำคัญ…ก๊อตเป็นคนขอให้วาหย่าให้เพื่อจะได้กลับมาจดทะเบียนกับดีม…
ได้กลับมาอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาดังเดิม…

แรกๆวาเขาไม่ยอมหรอกค่ะ…แต่สุดท้ายเขาก็ยอมหย่าให้…เพราะถูกอ้อนวอน
จากหลายๆฝ่าย…ซึ่งสำหรับดีม…ถึงเพื่อนจะเป็นยังไง…ยังไงๆเราก็ยังคง
เป็นเพื่อนกันอยู่วันยังค่ำค่ะ…มิตรภาพของเราไม่มีวันตาย…
มันอยู่เหนือความบาดหมาง…และความขัดแย้ง…”

หญิงสาวหยุดแล้วเงยหน้าเพียงนิดเหมือนคนที่พยายามให้น้ำตาใหลย้อนกลับเข้าไป
แล้วกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนพยายามควบคุมไม่ให้มันสั่น

“ที่ผ่านมา…ดีมพยายามที่จะประคับประคองความรักที่มีต่อก๊อต
พร้อมๆกับการประคับประคองมิตรภาพระหว่างดีมกับวา…ดีมพยายามค่ะ…

เพราะเงินทองเป็นของนอกกาย ดีมมีมากแล้ว เรามีพอที่จะไม่ต้องแสวงหาเพิ่ม
โดยการทำผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรมเลย…

แต่ที่ดีมต้องการคือความรักจากก๊อตค่ะ…ดีมผิดหรือคะที่ต้องการคนรัก
และสามีของตัวเองคืนมา”

หญิงสาวหยุดเพื่อปาดน้ำตาตัวเองที่ไหลซึมออกมา ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า

“แต่วันนั้น วาอุ้มลูกมาหาพวกเราตอนที่พวกเรากำลังอยู่ในงานเลี้ยง
เนื่องในโอกาสที่ดีมมีทายาทให้ก๊อต…ซึ่งมันคือข่าวดีสำหรับทุกคน
เราต่างเฝ้ารอคอยลูกคนนี้มาตลอดค่ะ…” ว่าพลางวางฝ่ามือ
ลงบนหน้าท้องนูนๆของตัวเอง…

“วาเขาโกรธที่พวกเราไม่ได้เชิญเขามาร่วมงาน เขาน้อยใจ
เขาตัดพ้อก๊อตสารพัด เขาไม่พอใจคุณแม่ของก๊อตมากค่ะ
เพราะท่านกับวาไม่ค่อยลงรอยกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว…และยังมี
ปากเสียงกันอย่างหนักกับก๊อตด้วย…ก๊อตเขาเป็นคนดีค่ะ เป็นสามีที่ดี
มีความรับผิดชอบสูงและรักครอบครัวด้วย...เราสองคนรักกันมากค่ะ...”

หญิงสาวยังคงตีหน้าเศร้าต่อไปเมื่อเอ่ยเสียงเบาๆราวกับอายแทนอีกคนที่ถูกกล่าวถึงว่า

“และแม้จะหย่ากันแล้วแต่วาเขายังเป็นภรรยาของก๊อตอยู่ค่ะ…เพียงแต่
้เขายอมเป็นภรรยานอกกฎหมาย…เพราะก๊อตต้องการให้เป็นเช่นนั้น…
ก๊อตต้องการจดทะเบียนสมรสกับดีม…เลยขอร้องอ้อนวอนให้วายอมหย่าให้เขา…"
หญิงสาวลอบถอนใจด้วยสีหน้าอ่อนล้าราวกับคนอ่อนแรงก่อนจะกล่าวต่อไปว่า

"ถึงเราสองคนจะรักกันและอยากอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แต่เราก็ไม่คิดจะทำร้ายวา
กับลูกนะคะ...ดีมเองขอแค่ให้ได้อยู่กับก๊อต แม้ไม่มีใบทะเบียนสมรส
ดีมก็ยอมค่ะ ไม่เคยเรียกร้องอะไรตรงนั้น...ไม่มีก็ไม่เป็นไร...เพราะดีมกับก๊อต
เราต่างมีสัญญาใจต่อกันแล้ว...แต่ก๊อต...ก๊อต ก๊อต…”
หญิงสาวปาดน้ำตาอีกครั้งเมื่อเอ่ยถึงสามีผู้ล่วงลับ

“ก๊อตเขาบอกว่าเขารักดีมมาก...เลยพยายามขอร้องวาให้เซ็นใบหย่าให้...
แล้วก๊อตที่ให้เกียรติดีมขนาดนี้ ยกย่องดีมขนาดนี้ ทำเพื่อดีมขนาดนี้

ทุกคนลองคิดดูสิคะว่าจะเป็นไปได้ยังไงที่อยู่ๆก๊อตจะยกทุกอย่างให้วากับลูก
ทั้งๆที่เขาเพิ่งหย่ากับวาลาดาแท้ๆ…และเราสองคนก็กำลังจะมีลูกด้วยกันแบบนี้ด้วย

ซึ่งดีมกำลังยื่นต่อศาลเพื่อขอให้มีการพิจารณาพินัยกรรมฉบับนั้นอยู่ค่ะ…
ดีมรักก๊อตและดีมก็เชื่อว่าก๊อตเองก็รักดีมไม่น้อยไปกว่าใครเลย…เรารักกันมากค่ะ…”

นั่นคือบทสัมภาษณ์สดทางโทรทัศน์ที่มีทั้งภาพและเสียง…
และยังคงมีบทสัมภาษณ์ลงบนหนังสือพิมพ์อีกหลายๆฉบับว่า

‘ดีมบริสุทธิ์ค่ะ…และดีมจะต่อสู้เพื่อความยุติธรรม…ส่วนคนที่หลบซ่อนอยู่ในเงามืด
ชักใยอยู่เบื้องหลังทำเรื่องเลวร้ายป้ายสีคนอื่นให้ตกทุกข์เช่นนี้…
ดีมจะพยายามลากเขาออกมารับโทษให้ได้ค่ะ เพราะเรื่องนี้มันมีเงื่อนงำซับซ้อน
กว่าที่ใครจะคาดคิด…’

“ช่างกล้าจริงๆผู้หญิงคนนี้…” เสียงนั้นดังขึ้นเมื่อวางหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันนี้ลง…

กาแฟที่วาขมจืดสนิทเมื่อเจอเข้ากับบทสัมภาษณ์ของนาดีม
ที่ดูจะขยันเป็นข่าวเสียเหลือเกิน…

“คงกลัวว่าถ้าข่าวตัวเองหายไปไม่เป็นที่ได้รับความสนใจแล้ว
ตัวเองจะไร้ค่าไร้ความสำคัญล่ะสินะ…” ไม่วายมองภาพหญิงสาวที่ท้องได้ห้าเดือน
แต่ขยันออกงานกับผู้เป็นมารดาเหลือเกิน แถมยังโผล่หน้าไปให้สื่อโน่นสื่อนี่
ซักถามจนเป็นข่าวได้ไม่หยุดหย่อน นับว่าอึดและทนที่หนึ่ง

“อ่านแล้วรู้สึกยังไงล่ะ…เห็นอ่านได้อ่านดี หาอ่านมันทุกเช้า”

ผู้เป็นสามีนั่งลงข้างๆภรรยาคู่คิดแล้วจิบกาแฟด้วยท่าทีที่ไม่ได้ทุกข์ร้อนอันใด…

“ก็คงต้องปล่อยให้เขาประจานตัวเองต่อไปน่ะสิคะ…เดี๋ยววัวมันก็พันหลักเอง…
คนโกหกปลิ้นปล้อนน่ะ…จำที่ตัวเองพูดไปได้ไม่หมดหรอกค่ะ…
เดี๋ยวก็สะดุดหัวหลักที่ตัวเองปักเอาไว้…ล้มหน้าคะมำจูบดิน…

หรือไม่มันก็ย้อนมาทิ้มอกตัวเองจนทะลุตัดขั้วหัวใจ…กระอักเลือดตายไปเอง…ก็เท่านั้น”

คนฟังคลี่ยิ้มมองภาพหนังสือพิมพ์ตรงหน้าแล้วอดคิดไม่ได้กับภาพที่ได้เห็น

“ไอ้ทนายนั่นมันประกบนาดีมแจเลยทีเดียว…เห็นนาดีมที่ไหน
เป็นต้องได้เห็นมันท่ีนั่น…”

“ก็เขาเป็นทนายส่วนตัวนี่คะ…” น้ำเสียงนั้นส่อความนัย

“คุณคิดอย่างนั้นหรือ…”

“เราก็ผ่านโลกมาจวนจะลงไปอยู่ในโลงกันแล้ว คุณมองไม่เห็นอะไรเลย
หรือว่าเพราะไม่ทันได้มอง…”

“มองสิ…และวันนี้คงได้มองเต็มตา เพราะว่าเราต้องไปศาลนี่…”

ว่าแล้วก็กระชับชุดที่สวมเหมือนคนที่เตรียมพร้อมจะออกศึก

“ก็หวังว่าจะมีอะไรดีๆในศาลนะคะ…” รอยยิ้มกระจ่างตาวาวขึ้น



และก็เป็นจริงดังหวัง เมื่ออยู่ๆทนายความใหญ่ก็ยื่นหลักฐานต่อศาล
ซึ่งเป็นพยานสำคัญที่ทำให้คดีมรดกของซุลก๊อตไนท์ถึงที่สุด
จบและยุติลงโดยมิต้องใช้เวลาในการพิจารณาเนิ่นนานดังที่นาดีมตั้งหวังไว้…

เพราะมันคือพยานปากเอกที่ทำให้นาดีมและผู้เป็นมารดาของเธอ
มิอาจหาข้อโต้แย้งใดๆได้อีกว่าพินัยกรรมฉบับดังกล่าวของซุลก๊อตไนท์
ไม่สมบูรณ์หรือถูกปลอมแปลงขึ้นได้อีกต่อไป…

“บ้าที่สุด…ไอ้ก๊อตมันบ้า…” คุณหญิงวรลักษณ์สบถขึ้นทันทีเมื่ออยู่ในรถส่วนตัว
ที่มีสามีเป็นผู้ขับ มีทนายเดชานั่งข้างหน้าข้างคนขับ
ส่วนตนและลูกสาวนั่งตรงตอนหลังของรถ

“จริงๆแล้วเคยมีคนทำแบบนี้ครับ…” เสียงนั้นดังมาจากทนายความเดชา

“เคยรึ…” คุณหญิงวรลักษณ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกทีเดียว

“ครับ…เป็นคนใหญ่คนโตในสังคมเหมือนกัน…เขาจัดให้มีการบันทึก
ขั้นตอนการทำพินัยกรรมของตัวเองลงในวิดีโอ
มีแพทย์ที่เซ็นรองรับสติสัมปชัญญะของเขาในพินัยกรรมร่วมอยู่ด้วยในนั้น
มีพยานสองคน มีทนายความคอยให้การดูแลกำกับเนื้อหาในพินัยกรรม
ให้ถูกต้องตามข้ันตอนของกฎหมายทุกอย่างอยู่ข้างๆ

ลายมือชื่อของทุกคนในพินัยกรรมมีปรากฎเป็นภาพของพวกเขาเหล่านั้น
ในวิดีโอด้วย วิดีโอที่มีวันและเวลาระบุไว้อย่างชัดเจน
บ่งบอกเจตนาของคนทำพินัยกรรมและบ่งบอกว่าเขาหมายจะปิดประตูทุกทาง
เพื่อไม่ให้มีการโต้แย้งเรื่องพินัยกรรมไม่สมบูรณ์หรือถูกปลอมแปลงครับ…”

ทนายความหนุ่มหยุดไปนิดเพื่อเว้นช่วงว่าควรจะพูดต่อไปอย่างไรดี…
หากเขาก็เลือกที่จะพูดว่า

“และเราก็คงไม่สามารถจะทำอะไรได้อีก…เมื่อมีวิดิโอดังกล่าวออกมายืนยัน
ความสมบูรณ์ในทุกๆขั้นตอนขณะที่ซุลก๊อตไนท์กำลังเขียนพินัยกรรม
ด้วยสติสัมปชัญญะครบถ้วนทุกอย่าง…

และตามวันเวลาที่ระบุไว้ในวิดิโอก็ตรงกันกับในพินัยกรรม…
บุคคลที่เราเห็นในภาพวิดีโอก็เป็นบุคคลเดียวกันกับเจ้าของลายเซ็นทั้งหมด
ที่ปรากฎในพินัยกรรม…เป็นอันว่าทุกอย่างคงต้องยุติลง”

ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่อาจจะทำใจยอมรับได้สนิทนัก
เพราะเขาไม่เคยแพ้คดีไหนเลยแม้สักคดีเดียว…

ยิ่งคดีมรดกเขายิ่งหาช่องโหว่ได้ตลอด แต่คราวนี้มันไม่มีช่องไหน
ให้เขามุดเข้าไปได้เลยแม้แต่ช่องทางเดียว…

“และตอนนี้…พวกคุณก็หมดสิทธิ์ในมรดกของซุลก๊อตไนท์อย่างสิ้นเชิง
เพราะถึงสองแม่ลูกนั่นจะตายไปแล้วหรือหายสาปสูญไป…
แต่คนที่จะได้รับมรดกนี้ก็คงเป็นคุณนุฮาตามเงื่อนไขที่ได้ระบุเอาไว้…”

ว่าพลางเหลือบหันมามองนาดีมที่นั่งอยู่ทางด้านหลัง

“ไม่ใช่คุณนาดีมอยู่ดี…” นาดีมกัดปากตัวเอง โกรธแค้นซุลก๊อตไนท์จับจิตจับใจ

ซึ่งทำให้เธอรู้ว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยแยแสเธอเลยสักนิด ไม่เคยมีใจให้เธอเลย…
ที่เขาบอกเธอว่ารักวาลาดามันก็คงจะจริง…เขารักมันจริงๆ…

ทั้งๆที่รักมันมากแต่ก็ยังยอมแต่งงานกับเธออีกครั้งเพราะสัญญาปากเปล่า…
และคำอ้อนวอนของเธอ…

ยอมหย่ากับนังวาก็เพราะโดนแม่บีบบังคับ…

ไม่ยอมมีอะไรกับเธอเพราะยังทำใจไม่ได้…แล้วก็ได้แต่อ้อนวอนขอเวลาทำใจอีกสักระยะ…
จนเธอต้องทำเรื่องบ้าๆ ให้เขาเข้าใจผิดว่ามีอะไรกับเธอจนมีลูกด้วยกัน...

มันเสียเชิงหญิงที่มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามเช่นเธออย่างที่สุด และอย่างไม่น่าให้อภัย...

คนแบบนี้สมควรแล้วที่ต้องตายไปในกองเพลิงนั่น…เขามันสมควรตายและไปลงนรกซะ!

“ใบทะเบียนสมรสของคุณ…ไม่มีความหมายแม้แต่นิดเดียว…
แม้แต่ลูกในท้องของคุณ ก็ไม่มีความหมายสำหรับซุลก๊อตไนท์!”

ใช่…ความพยายามของเธอที่ผ่านมามันล้มเหลวไม่มีชิ้นดี
เพราะไอ้พินัยกรรมบ้าบอคอแตกนั่นแท้ๆ…

เพราะซุลก๊อตไนท์คนเดียว!

แม้ตายไปแล้วก็ยังไม่วายทิ้งเขี้ยวเล็บเอาไว้ขย้ำเธอ…

เธอสู้พยายามแทบตาย วางแผนทุกอย่างมาอย่างดี อดทนและเฝ้ารอมาเนิ่นนาน
เพื่อจะมีวันนี้...วันที่ทุกอย่างอยู่ในกำมือเธอ...

แต่สุดท้ายนังวาก็ได้ไปครอบครอง…

กี่ครั้งแล้วที่มันตัดหน้าเธอเอาสิ่งที่เธอหมายปองไว้ไปต่อหน้าต่อตา
โดยที่มันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย…ไม่ต้องพยายาม…
ทุกสิ่งที่เธอเฝ้าปรารถนา ตะเกียกตะกายเพื่อจะให้ได้มา
กลับไปตกอยู่ในเงื้อมมือมันจนได้…กี่ครั้งแล้ว!

วารินทร์…ใช่…วารินทร์…ยังมีเขาที่เธอยังไปไม่ถึง…




วารินทร์จอดรถเสร็จก็เดินเข้าไปในศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล
ซึ่งเป็นที่ทำงานของอานิต้าที่เขาผ่านมาหลายครั้ง หากก็ได้แค่มองตัวของอาคาร…

โลกของเขากับเธออยู่ใกล้กันก็จริงแต่ก็เหมือนไกลกันและห่างออกไปเรื่อยๆ

เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องคอยสอดส่องชีวิตของเธอด้วย

ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาอยากเห็นหน้าเธอหลังจากที่ไม่ได้เห็นหน้ากันหลายเดือน
ตั้งแต่เธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว…

ส่วนใหญ่จะได้รับฟังข่าวของเธอผ่านทางมารดาที่มักจะแวะเวียนเยี่ยมเยือนกัน
ไม่เคยขาด ส่วนเขาก็ยุ่งกับธุรกิจการงานและเรื่องราวที่กำลังตามสืบ

หลายครั้งที่ผ่านมาทางนี้จึงอดยืนมองตัวอาคารไม่ได้…

วันนี้ก็เช่นกัน…เมื่อได้มองอยู่นานจึงอดอยากเข้าไปหาไม่ได้…
เพราะเห็นว่าใกล้เวลาเลิกงานพอดี

เข้าไปแล้วก็เหมือนจะทำอะไรไม่ถูก เหมือนเข้ามาอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย
บรรยากาศไม่คุ้นตา มันไม่เหมือนกับโรงแรมหรือรีสอร์ท…
หรือสถานที่ราชการอื่นๆที่เขาไปติดต่อ…มันแตกต่าง กลิ่นอายของมันก็ดูแตกต่าง…
จนเกิดอาการประหม่านิดๆ มองไปรอบตัวเห็นผู้คนเดินไปมา

นักธุรกิจผู้มาดมั่น เด็ดเดี่ยว กล้าหาญอย่างลูกผู้ชายอกสามศอก
ถึงกับเสียความมั่นใจเมื่อต้องบอกกับประชาสัมพันธ์ว่า
เขาประสงค์เพื่อขอติดต่อกับใคร…

“คุณอานิต้ากำลังติดงานอยู่ค่ะ…กรุณานั่งรอสักครู่นะคะ”

เท่านั้นแหล่ะ ลูกผู้ชายตัวจริงเสียงจริง แต่จีบผู้หญิงไม่เป็น
ก็ถึงกับคิดหนักว่าควรจะอยู่รอหรือว่ากลับบ้าน…

ความจริงเขาควรจะไปหาเธอที่บ้านน่าจะดีกว่าต้องมาอยู่รอเธอที่นี่...
แต่ก็มาถึงที่แล้วนี่…รอสักหน่อยจะเป็นไรไป…

และแล้วฝ่ายให้รอก็เป็นฝ่ายชนะ…

วารินทร์นั่งรอหญิงสาวอยู่ครู่ใหญ่ก็เห็นหญิงสาวเดินผ่านหน้าไป
ชายหนุ่มอ้าปากกำลังจะร้องทัก หากกลับพบว่าหญิงสาวเดินเร็วรี่ไปยังด้านนอก
ราวกับมีธุระสำคัญต้องไปทำ เขาเลยรีบลุกวิ่งตามไป เห็นเธอก้าวขึ้นรถส่วนตัว
แล้วขับออกไป วารินทร์เลยขับตามไปทันที…

ก่อนจะพบว่าหญิงสาวขับรถออกนอกเมือง จากที่มีบ้านผู้คนเรียงรายหนาแน่น
ก็ค่อยๆบางตาลงเรื่อยๆ…

วารินทร์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่ารถของหญิงสาวหยุดอยู่ตรงใต้ต้นไทร
เขาจึงหยุดรถทันทีหมายจะก้าวไปถามว่าเหตุใดเธอถึงมาที่นี่
แต่พอจอดรถตั้งท่าจะลงไปก็เห็นร่างของหญิงสาวก้าวออกมาจากรถ
แล้วเดินไปยังบ้านร้างหลังหนึ่งท่ีอยู่ไม่ไกลกันนัก…

วารินทร์ชักเริ่มเอะใจถึงความไม่ชอบมาพากล เลยส่งข้อความหานักสืบเพื่อแจ้งเหตุ
พร้อมบอกพิกัดที่เขาอยู่…เปิดจีพีเอสติดตามตัวให้ทางโน้นค้นหาเขาเจอได้ทุกเมื่อ…
ก่อนจะรีบตามหญิงสาวไป…

“ต้า…นั่นเธอจะไปไหน…” วารินทร์ตะโกนเรียกหญิงสาวเสียงดัง
มองไปรอบๆตัวที่ความมืดกำลังแผ่ปกคลุมลงมาจากทั่วสารทิศ
หากร่างนั้นกลับไม่ยอมหยุด มุ่งตรงไปยังบ้านร้างหลังหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า

“ต้า…หยุดเดี๋ยวนี้นะ…” ไม่ว่าเขาจะวิ่งเร็วแค่ไหน หากก็ไม่ทันหญิงสาว

ร่างนั้นหายเข้าไปในบ้านร้างหลังนั้นแล้ว…และเมื่อเข้าย่างเขาไปในนั้น
ฉับพลันขนทั่วสรรพางกายก็เริ่มลุกชัน ความหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ
หากก็ยังไม่วายมองหาร่างของหญิงสาวที่หายเข้ามาในนี้…

ความมืดสลัวรางคืออุปสรรค ความกลัวมิอาจเยื้องย่างเข้าสู่หัวใจ
ที่กำลังเป็นห่วงใยในสวัสดิภาพของอีกคนได้…

วารินทร์เดินหาหญิงสาวไปในความมืดแล้วสะดุดกับอะไรบางอย่าง…
เขาก้มมองก็พบว่าเป็นร่างของคน…

ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นเพื่อกดปุ่มไฟฉายให้แสงของมันช่วยให้เขามองเห็น
เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าโทรศัพท์ยุคนี้มอบความสะดวกอะไรให้ชีวิตผู้คนได้บ้าง…

แล้วก็พบว่าเป็นร่างของอานิต้าที่นอนฟุบอยู่กับพื้นห้อง
วารินทร์นั่งคุกเข่าข้างเดียวเพื่อสำรวจสวัสดิภาพของหญิงสาว
พร้อมกับเรียกเธอ

“ต้า…ต้า…” มือก็อังไปที่จมูกก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเมื่อรู้ว่า
เธอยังคงหายใจอยู่

“อย่าเพิ่งดีใจไปเลยรินทร์…เพราะอีกไม่นาน…เธอก็จะไม่มีลมหายใจ
ให้รินทร์ได้สัมผัสอีกต่อไป…”

เสียงนั้นดังฝ่าความมืดรอบๆตัวของเขามา เขาจำเสียงนั้นได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร

“นาดีม…เธอมาทำอะไรที่นี่…” กลิ่นบางอย่างพุ่งเข้าใส่เขา กลิ่นที่เขาไม่พึงประสงค์…

กลิ่นที่ใครๆว่าหอมแต่เป็นกลิ่นที่เขาว่าเหม็น…

แล้วให้นึกไปถึงขวดน้ำหอมของวาคิม ยอดนักสืบของเขา…ที่เขาให้คอยติดตามนาดีม
แต่ทำไมตอนนี้นาดีมมาอยู่กับเขาตรงนี้ แต่เจ้ายอดนักสืบกลับไม่รู้ว่าหดหัวอยู่ที่ไหน

…นี่หรือที่เขาให้มันคอยติดตามแบบไม่ให้คลาดสายตา…

และเพียงไม่นาน ไฟสีส้มๆในห้องก็พลันสว่างขึ้น…
ทำให้มองเห็นภายในห้องแห่งนี้…ที่มีพื้นที่ไม่กี่ตารางเมตร มีแคร่หนึ่งตัว
กับเสื่อที่ปูอยู่บนนั้นและหมอนหนึ่งใบ…คล้ายกับกระท่อมกลางป่าเขา…

มีช่องหน้าต่างที่ทำให้มองเห็นบรรยากาศด้านนอกที่มืดสลัวราง
เห็นไกลๆเหมือนมีดวงไฟดวงเล็กๆหลายดวง ทำให้รู้ว่าที่ตรงนี้
ห่างไกลจากชุมชนออกมาไม่น้อย…

แน่นอนละ…เขาถึงได้สะกิดใจว่าเหตุใดคนอย่างอานิต้าถึงขับรถมาไกลถึงนี่ได้…
และถ้อยคำต่อมาของนาดีมคือคำตอบ…

“นี่ไง…วิมานของเราสองคน…”

“เธอคิดจะทำบ้าอะไรของเธออีกนาดีม…”

วารินทร์ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับหญิงสาวในชุดสีดำทั้งชุด…
กล่ินที่กระทบจมูกเขามันคือกลิ่นของหญิงสาวตรงหน้านี่เอง…

ความทรงจำและเรื่องราวที่พ่อยอดนักสืบของเขาสืบมาก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมาในห้วงคำนึง…
จนต้องถึงกับผงะกับความคิดวูบนึงของตนที่สมองมันประมวลผลได้เพียงในระยะสั้นๆ…

เรื่องเรียนเขาอาจไม่เก่ง แต่เรื่องวิเคราะห์มนุษย์ เขาไม่เคยคิดจะดูถูก
ความสามารถในด้านนี้ของตนเองเลย

…คนเรามันย่อมต้องมีพรอะไรติดตัวมาบ้างไม่มากก็น้อย…

“ดีมรอวันของเรามานานแล้วนะรินทร์…” แล้วถ้อยความในกระดาษ
ที่วาลาดาเขียนให้เขามันก็ผุดขึ้น…

‘ดีมรักรินทร์มานานแล้ว…รักมาตั้งแต่ประถมและจะรักตลอดไป…
ซึ่งตอนนี้อาจจะยังรักอยู่…เพราะวาเจอการ์ดที่เขาตั้งใจจะให้รินทร์…
ในการ์ดบอกไว้อย่างนั้น…และการ์ดนั่นอยู่ในมือก๊อตแล้ว…’

“หลายๆอย่างและมีความจำเป็นมากมายที่ทำให้ดีมต้องห่างไป…
ทั้งๆที่ไม่เคยอยากห่างจากรินทร์เลยแม้แต่นิดเดียว…แต่ดีมต้องอดทน
เพื่อรอวันนั้นของเรา…วันที่เราจะมีกันและกัน…”

ว่าพลางเอื้อมมือมาสัมผัสลำแขนของวารินทร์ ชายหนุ่มชะงัก
ถอยห่างออกมาทันที นาดีมฉุดยิ้มที่มุมปากกับท่าทางรักนวลสงวนตัวของอีกฝ่าย…

และเพราะกลิ่นหอมที่รุนแรงและเป็นกลิ่นที่ทำให้วารินทร์แพ้…
จึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกมึนๆ วิงเวียนศีรษะ ในท้องปั่นป่วน อยากจะอาเจียนออกมา
หากก็ไม่อาเจียน มันจึงสร้างความทรมานให้ไม่น้อย

ร่างที่พยายามจะขยับดูจะหมุนติ้วๆ ยิ่งเจ้าของร่างที่พรมน้ำหอมชนิดนี้เข้ามาใกล้
เขาก็ยิ่งบังคับตัวเองให้ทรงตัวได้ดีอย่างปกติไม่ได้ดุจเดิม…

และเพียงไม่นาน ก็มีกลิ่นอายของความหอมชนิดหนึ่งแตะจมูก…

และเพราะอยู่กับธุรกิจโรงแรมและสปาเพื่อสุขภาพ ทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ทันที
ว่ามันเป็นกลิ่นพวกอโรมาเธอราพี พวกกลิ่นบำบัด…

เพียงแต่กลิ่นดังกล่าวมันช่างก่อกวนความรู้สึกนึกคิดของเขาไม่น้อยเลย…

“ชายอื่นชอบกลิ่นซ่อนกลิ่น มีแต่รินทร์นี่แหล่ะที่เกลียดกลิ่นของมัน…”

นาดีมเอ่ยพลางวางมือลงบนลาดไหล่ของชายหนุ่มแล้วค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของเขา
ออกทีละเม็ด โดยที่อีกฝ่ายซึ่งกำลังมึนๆงงๆมิได้รู้เนื้อรู้ตัว
แววตาค่อยๆเปลี่ยนเป็นเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศที่ถูกจุดขึ้น
ยิ่งเสียงหวานๆกับสัมผัสแผ่วเบาจากมือของนาดีม กรุ่นกลิ่นที่ผสมผสานกันในอากาศ
ที่เขาสูดดมเข้าไปมันช่างส่งผลให้อารมณ์ความรู้สึกของคนที่มีประสาทไว
ต่อการรับกลิ่นได้อย่างที่หญิงสาวเจ้าของกลิ่นถึงกับคลี่ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ…

เธอชินกับกลิ่นพวกนี้จนมันทำอะไรประสาทรับรู้ของเธอไม่ได้…
แต่คนอย่างเขา คนที่ไวต่อกลิ่นพวกนี้มีหรือจะไม่ได้รับอิทธิพลใดๆจากมันเลย…

ในเมื่อมันใช้ได้ผลกับผู้ชายทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอ…

“ความรักกับความเกลียดชังมันอยู่ห่างกันแค่นิดเดียวจริงๆนะรินทร์
และวันนี้…ดีมจะทำให้รินทร์กลับมารักดีมจนหมดหัวใจ…หลงใหล…ไปไหนไม่รอด…”

แล้วหญิงสาวก็ถอดชุดที่สวมใส่อยู่ออกเหลือเพียงสองชิ้นน้อยๆบนกับล่าง
ที่มีสีแดงสดอันร้อนแรงเท่านั้น ผ้าคลุมศีรษะถูกปลดทิ้งไปอย่างไม่ใยดี
สองมือของเธอสอดเข้าไปตรงท้ายทอยของตัวเองแล้วสะบัดผมยาวหยิกลอนสลวย
ให้แผ่กระจายออกมาอย่างยั่วเย้าอารมณ์อีกฝ่าย หมายจะปลุกความเป็นชาย
ของวารินทร์ให้ตื่นตัว…แล้วค่อยเริ่มเข้ามาคลอเคลีย ใช้ฝ่ามือสัมผัสกับแผ่นอกแกร่ง
ที่บัดนี้ว่างเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์…หญิงสาวลูบไล้ผิวสีแทนตรงหน้าอย่างหลงใหล…

ชายอื่นใดก็ไม่ถูกใจเธอเท่าวารินทร์ ความขาวของชายอื่นสู้ความงามของสีผิว
บนเรือนร่างวารินทร์ไม่ได้เลย

ยิ่งได้สัมผัสก็ยิ่งรู้ว่าผิวของเขาเนียนเรียบลื่นและละเอียดเพียงใด…
อีกทั้งยังดูสะอาดสะอ้าน…ยิ่งมองก็ยิ่งรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายสะอาด…กลิ่นกายก็หอมสะอาด…
พาลให้หัวจิตหัวใจของนาดีมเตลิด…

ส่วนคนที่โดนปลุกปั่นอารมณ์ตอนนี้ได้แต่สลึมสลือเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัส
และกลิ่นที่ได้รับ…ไม่ว่าหญิงสาวจะโน้มนำไปยังทิศทางใด
ผู้ท่ีไม่อาจควบคุมประสาทสัมผัสของตัวเองได้ก็โน้มตาม…

นาดีมเขย่งปลายเท้าขณะที่มือท้ังสองวางบนบ่าของวารินทร์เพื่อจุมพิตริมฝีปากของเขา…
แผ่วเบาก่อนจะค่อยๆบดลงไป…เพียงไม่นานก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมาจากเขา…

หญิงสาวกระหยิ่มยิ้มย่องในใจเมื่อรู้ว่า…ริมฝีปากนี้เป็นของเธอคนแรก…
และเธอก็จะเป็นผู้หญิงคนแรกของเขา…เหมือนท่ีเคยได้เป็นผู้หญิงคนแรกของซุลก๊อตไนท์…

การได้เป็นคนแรกสร้างความภูมิใจให้หญิงสาวมิใช่น้อย…
โดยเฉพาะการเป็นคนแรกของชายหนุ่มผู้ซึ่งหมายปองมานาน…

“รินทร์…ดีมรักรินทร์…” เสียงหญิงสาวครางแผ่วเบาเมื่อละจากริมฝีปากของเขา
อย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะประทับลงไปใหม่ คราวนี้จากอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นเร่าร้อน
และดูดดื่ม ซึ่งคนร่างใหญ่ไม่อาจต้านทานไฟที่ถูกจุดขึ้นมาได้…
สติที่บินหนีไปอย่างเตลิดไม่ยอมกลับมาอยู่กับเจ้าของ…

นาดีมจึงย่ามใจ ปลดเข็มขัดกางเกงของชายหนุ่มออกก่อนจะค่อยๆกำจัด
ปราการต่างๆทิ้งไป…ริมฝีปากก็คอยทำหน้าที่เล้าโลมเรือนกายบุรุษ…
ก่อนจะพาเขาไปสิ้นสุดที่แคร่ตัวยาว…

สำหรับเขา เธอไม่ต้องการความหรู ไม่ต้องการเตียงนุ่มๆ
ไม่ต้องการบรรยากาศโรแมนติกที่ถูกปรุงแต่ง หากเธอต้องการความดิบเถื่อน…

เมื่อร่างของวารินทรถูกผลักเบาๆลงไปบนแคร่…ก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้น

“ใครน่ะ…” เสียงนั้นดังมาจากคนที่หมดสติไปก่อนหน้านี้โดยไม่ทราบสาเหตุ
ว่าตนเองมาอยู่ตรงนี้ในเวลานี้ได้อย่างไร จำได้แค่ว่าเธอกำลังทำงานวิจัยอยู่
แล้วมีโทรศัพท์โทรขึ้นมาแจ้งว่ามีแขกที่ชื่อวารินทร์มาติดต่อขอพบ…
เธอเลยรีบสะสางงานให้เสร็จแล้วตั้งใจจะกลับบ้านหลังจากติดต่อขอพบเขาแล้ว…

ออกจะประหลาดใจที่อยู่ๆเขาก็มาขอพบทั้งๆที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายเดือนแล้ว…
หากในนั้นมันมีความรู้สึกตื่นเต้นซ่อนตัวอยู่อย่างไม่อาจปฏิเสธได้…

แต่แล้วสุดท้าย เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง กลิ่นภายในห้องก็ดูแปลกๆ…

อานิต้ายกนิ้วบีบจมูกตัวเอง…เธอไม่ใช่คนที่ไวต่อกลิ่น และพอจะรู้ว่า
กลิ่นพวกนี้มีไว้เพื่ออะไร…เพราะชีวิตเธออยู่กับสิ่งอุปโภคบริโภค
อยู่กับสารเคมี…อยู่กับการทดลองและทำวิจัย…

ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตในห้องแห่งนี้ที่ดังอยู่ไม่ไกล
จึงอดถามออกไปไม่ได้ และเมื่อพยายามยันกายให้ลุกขึ้นทั้งๆที่ยังรู้สึกมึนๆงงๆ
อยู่ไม่น้อย ก็ต้องรีบปิดตาเบือนหน้าหนีภาพบนแคร่ที่อยู่ตรงหน้าทันที

เธอไม่รู้หรอกว่าใครมาฉายหนังสดตรงหน้าเธอในตอนนี้…
แต่ที่รู้ๆก็คือ…เธออยากจะไปให้พ้นจากบรรยากาศแบบนี้ที่สุด…

นาดีมหันมามองคนที่นั่งอยู่บนพื้นห้องแล้วคลี่ยิ้มออกมา

“ตื่นแล้วก็ดี…จะได้ดูว่าฉันกับรินทร์เรารักกันยังไง และรักกันมากแค่ไหน…
เธอจะได้เลิกยุ่งเกี่ยวกับเขาอย่างเด็ดขาดสักที…”

น้ำเสียงนั้นเธอไม่คุ้น แต่ชื่อของคนที่ถูกกล่าวถึงนั้นยิ่งกว่าคุ้น

อานิต้าพยายามลุกขึ้นพร้อมๆกับพยายามจะไม่มองไปยังคนสองคนบนแคร่
ให้อุจาดลูกกะตา…เพราะผู้หญิงที่กำลังอยู่เหนือร่างที่กำลังนอนอยู่นั้น
ไม่ได้มีอะไรติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว เหมือนเด็กทารกในวันแรกที่เพิ่งออกมาลืมตาดูโลก

และภาพแบบนี้ ภาพของผู้ใหญ่ที่มาแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นเหมือนเด็กที่ไร้เดียงสา
ยังไม่รู้จักความอาย อานิต้ารับไม่ได้อย่างที่สุด…

“อย่าเพิ่งไปสิ…อยู่ดูให้เห็นกับตาก่อนสิ…” นาดีมไม่วายหันไปยิ้มยั่ว
ให้หญิงสาวที่ยืนหันหน้าไปอีกทาง อานิต้าสะบัดหน้าก่อนจะรีบก้าวเท้าออกจากห้อง

เธอไม่ต้องการรับรู้อะไรทั้งนั้น ทว่าเสียงของอีกคนท่ีแหบพร่า
เสียงที่ไม่ใช่เสียงของผู้หญิงดังขึ้นราวกับจะฉุดรั้งขาของเธอ
ที่กำลังจะก้าวออกไป

“ต้า…ช่วยฉัน…” คนที่เหมือนๆกึ่งๆหลับกึ่งๆตื่น พยายามเรียกหาหญิงสาวเจ้าของชื่อ
ในขณะที่ร่างกายกำลังถูกอีกฝ่ายหาทางเข้ายึดครอง

“ผู้หญิงหน้าไม่อาย…” อานิต้าอดไม่ได้ที่จะต่อว่านาดีม แม้ไม่รู้จัก
เพราะไม่เคยติดตามข่าวคราวอะไรทางทีวีหรือหน้าสังคม
แต่เธอเริ่มมั่นใจแล้วว่า วารินทร์กำลังโดนไอ้บรรยากาศบ้าๆนี่แผลงฤทธิ์เข้าให้แล้ว…

หญิงสาวจึงเดินเข้าไปหาสองร่างบนแคร่…ภาพผู้ชายที่เหลือแต่กางเกงบ็อกเซอร์
ทำเอาหญิงสาวหน้าแดงก่ำ เบือนหน้าหนีทันที…

“ออกไปให้พ้นจากเขานะ…” อานิต้าตวัดเสียงใส่นาดีมทั้งๆที่หันหน้าไปทางอื่น…

เธอมองภาพแบบนี้ไม่ได้จริงๆ…และคงต้องกลับไปหายาล้างตามาล้างตา
ไม่…เธอคงต้องหาอะไรมาล้างความรู้สึกนี้ออกไปด้วย…

“ฮึๆๆๆ…” นาดีมหัวเราะอย่างไร้ซึ่งความอาย…

“บอกให้ออกไปไง…” ยิ่งพูดก็ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะนั่น

“จะไปได้ยังไง ในเมื่อรินทร์เขากำลังต้องการฉันออกขนาดนี้…”

ไม่พูดเปล่า นาดีมก้มลงจูบวารินทร์อย่างเร่าร้อน ใช้มือโลมลูบ
ปลุกปั่นอารมณ์ของคนท่ีอยู่ใต้อาณัติของเธอจนอานิต้าที่ยืนหันหลังให้
ได้ยินเสียงครางของคนทั้งสอง ร่างทั้งร่างของอานิต้าสั่นสะท้านเหมือนลูกนก
ด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องโกรธขนาดนี้…

“ฉันไม่เชื่อ…ออกไปนะ…” ว่าแล้วก็หันมาผลักนาดีมจนกระเด็นตกจากแคร่ไป
ด้วยแรงทั้งหมดที่มีและเนื่องจากอีกฝ่ายไม่ทันคิดว่าจะโดนจู่โจมเร็วปานนี้…
จึงเสียท่าให้อานิต้าที่กลายร่างเป็นแม่เสือดาวจ้องเธอตาวาวโรจน์ สีหน้าดุดัน…

นาดีมอยากจะยั่วกลับ หากอยู่ก็รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่ราวกับมีพรายกระซิบบอก…
หญิงสาวมีสีหน้าตื่นตระหนกพยายามรีบควานหาเสื้อผ้าของตนเอง…
แล้วสวมมันอย่างลวกๆ วิ่งไปตรงมุมห้อง หยิบกล้องบันทึกภาพขึ้นมาไว้ในมือ
แล้วปีนหน้าต่างออกไปทันที ทิ้งให้อานิต้ายืนเคว้งอยู่ตรงนั้นอย่างงงวย

ฉับพลันเมื่อร่างของนาดีมหายไปก็ปรากฏร่างของบุรุษที่ตรงหน้าทางเข้า…
อานิต้าหันไปมองผู้มาใหม่…เธอไม่รู้จักเขา…แต่ทำไมเขาถึงได้รู้จักเธอ

“คุณอานิต้า!มาทำอะไรที่นี่…แล้วนั่น…โอ้ววว…”

เสียงของบุรุษผู้มาใหม่ดังขึ้นพร้อมกับสายตาที่หันไปจับตรงคนที่นอนหมดสภาพ
อยู่บนแคร่แล้วได้แต่ตกใจกับภาพนั้น

“โอ้…เจ้านาย…นี่มันอะไรกัน…” พ่อยอดนักสืบของวารินทร์นั่นเอง

“นี่เรียกผมมาเพื่อให้มาดูอะไรแบบนี้น่ะหรือ…” ไม่วายหันไปมองสาวเจ้า
ที่ยืนหันหน้าไปอีกทาง ซ้ำยังกอดอกตัวเองแน่น…

สีหน้าของเธอนั้นเขาไม่รู้ว่าเป็นแบบไหน แต่ท่าทางดูจะสั่นๆไม่น้อย…

และเมื่อกลับไปมองสภาพคนบนเตียงก็ให้แปลกใจ
เพราะเจ้านายของเขาเหมือนคนไม่เต็มบาท…ขาดไปหนึ่งสลึง…ถึงจะครบ
(ส่ีสลึงเป็นหนึ่งบาท ^^)

แล้วอดทำจมูกฟิตฟิตไม่ได้เมื่อได้กลิ่นอะไรบางอย่าง…
อานิต้าที่เหมือนตั้งสติได้แล้วจึงเดินมองหาที่มาของกลิ่น จนพบว่ามันมาจากเตาเผา
ที่วางอยู่ตรงมุมห้อง หญิงสาวดับไฟแล้วโยนเจ้าตัวปัญหาออกไปนอกหน้าต่าง
ทันทีทันใดโดยไม่ต้องคิดนาน

“ผมงง…คุณกับเจ้านาย…”

“สวมเสื้อผ้าให้เขาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ…เดี๋ยวน้ีเลย…”

อานิต้ารีบสั่งการทันทีโดยไม่ยอมหันไปมองมันเด็ดขาด
เพราะไม่อยากเห็นสภาพของวารินทร์ในตอนนี้ให้หัวใจเธอมันหยุดเต้น

เพราะตอนนี้มันเต้นเกิดอัตราที่ควรจะเป็น...หากเต้นแรงกว่านี้อีกนิด
ชีวิตเธออาจไม่ปลอดภัย...

“โอเคๆ…” แม้จะยังงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก หากการที่ต้องเห็นเจ้านาย
หมดสิ้นสภาพแบบนี้ ก็ทำให้ลูกน้องต้องเข้าช่วยเหลือกอบกู้เอกราชเจ้านายคืนมา
ด้วยการหยิบเสื้อผ้ามาสวมให้…

วารินทร์ที่เหมือนจะกึ่งหลับกึ่งตื่น ได้สติบ้างไม่ได้สติบ้าง หากก็พอ
จะจดจำอะไรได้ลางๆเลือนๆก็ค่อยๆมีสติขึ้นตามลำดับ…

ยิ่งเมื่อเสื้อผ้ามาอยู่บนตัวจนครบชิ้น แล้วได้ฝ่ามือลูกน้องคอยตบลงบนใบหน้า
ที่ไม่ค่อยจะออมแรงนัก ทำให้คนที่มึนๆงงๆค่อยๆสลัดความมึนงงออกไปได้บ้างแล้ว…
เมื่อเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆโดยที่บรรยากาศยังตกอยู่ในความอึมครึม

“เล่ามาๆ…ว่าทำไมต้องเรียกมาดูอะไรแบบนี้ที่นี่ด้วย…”
อานิต้าหันมามองบุรุษทั้งสองแล้วรีบออกตัวทันทีว่า

“ต้าไม่รู้เรื่องนะ…ไม่รู้ว่ามาได้ไง…แล้ว…แล้ว…ต้าจะกลับแล้ว
ใครจะอยู่ต่อก็อยู่ไป…แต่ต้าไม่อยู่…” ว่าพลางควานหาอะไรก็ได้
ที่พอส่องแสงนำทางให้กับเธอเพื่อออกไปจากสถานที่แห่งนี้
ไปให้พ้นหน้าวารินทร์ท่ีกำลังมองมาทางเธอ ไปให้พ้นหน้าคนที่มาใหม่
แล้วได้แต่มองเธออย่างกับว่าเธอเป็นตัวประหลาด…หรือไม่ก็นักโทษข้อหาอุกฉกรรจ์

ไม่ๆๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาอธิบายอะไร เพราะเธอเองก็ยัง
จับต้นชนปลายอะไรไม่ได้ และมันคือเวลาที่เธอต้องกลับบ้าน
ไม่อย่่างนั้น คนที่บ้านจะเป็นห่วงและตามหากันให้ยุ่งไปหมดแน่ๆ

ยิ่งมองนาฬิกาข้อมือก็ยิ่งตกใจ เมื่อเวลาล่วงเลยจนเกือบจะสามทุ่มเข้าไปแล้ว…
และยังไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน…

“พาเรากลับบ้านที…” วารินทร์หันไปบอกนักสืบ

“แล้วจะไม่อธิบายอะไรผมเลยหรือเจ้านาย…”

“ไปจากที่นี่ก่อน…ส่วนเรื่องนั้นค่อยว่ากัน…”

ว่าพลางมองไปทางหญิงสาวที่เขามองออกว่าเธอกำลังอึดอัด
กับสถานการณ์ตรงหน้ามากแค่ไหน

ทั้งสามจึงออกมาจากบ้านร้างหลังนั้นอย่างทุลักทุเลไม่น้อย…
อานิต้ายืนกรานขอขับรถของตัวเองกลับเมื่อโดนอีกฝ่ายคะยั้นคะยอให้ทิ้งรถไว้
แล้วกลับพร้อมกันเพื่อความปลอดภัย โดยที่วารินทร์เองเลือกที่จะทิ้งรถของตัวเองไว้
เพราะไร้สมรรถภาพพอที่จะพามันขับออกไปโดยปลอดภัยได้
เขาจึงนั่งรถของวาคิมไป โดยให้หญิงสาวขับนำแล้ววาคิมขับตามไปติดๆตลอดเส้นทาง







.............โปรดติดตามตอนต่อไป................

ไม่เคยเขียนให้นางร้ายเรื่องไหน ร้ายเท่านางมารในเรื่องนี้เลยนะเนี่ย...ฮ่า
แต่ดีกรีความร้ายของนางมารยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้...มาดูกันต่อค่ะ

แต่ตอนนี้ นาดีมโดนจัดไปอีกดอกจากก๊อตอีกแล้ว...ฮ่าาาาา


พร้อมกับอีกดอกจากอานิต้า...แหม...ผลักจนนาดีมกระเด็นตกแคร่ไปแบบนั้น
ไม่บอกก็รู้ว่าหึงและหวงสุดๆ...ฮ่าาาาา

ไม่ได้จะแย่งชิง ไม่เลยไม่ แค่อารมณ์มันพามือไปโดนนาดีมแค่เบาๆเท่านั้นเอง....555

จริงๆจะเอาตอนนี้มาลงให้ตั้งแต่เมื่อคืน แต่ว่าเข้าเว็บเลิฟลำบากนิดหน่อย

แล้วก็ดันไปอ่านเจอเรื่องกรณีที่ ff7 โดนศาลสั่งระงับชั่วคราว
ในการเข้าฉายในโรงหนังของไทย อ่านเรื่องจา พนมกับเสี่ยเจียงไปท้ังคืน
ยันเช้าเลย...เพราะไม่ได้เข้าบอร์ดพันทิปมานานแล้ว พอได้เข้าไปอ่าน หยุดไม่ได้
อ่านไปอ่านมาเลยนึกถึงข้อพิพาทกันในด้านกฎหมาย เรื่องราวของความรู้สึก
กับผลประโยชน์ทางธุรกิจที่เหมือนจะอ่านไปก็ติดๆขัดๆไป

ไปๆมาๆ เลยต้องลอบถอนใจ เมื่อเราผู้บริโภคเหมือนโดนเอาเปรียบไงก็ไม่รู้
เขาสู้กัน ตกลงกันไม่ได้ แต่พลอยทำให้คนส่วนใหญ่อดดูหนังเรื่องหนึ่งไป...
จริงๆโยไม่ได้ติด ff7 อะไรเลยค่ะ แค่อ่านสาเหตุที่มันถูกระงับไม่ให้เข้าฉายชั่วคราว
แล้วรู้สึกว่า ทำไมโลกเราทุกวันนี้มันมีอะไรที่แสนวุ่นวายแบบนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ
และหนักขึ้นเรื่อยๆ...โทษใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ เพราะเราก็ไม่รู้อะไร
ในเชิงลึกเลย...ก็รอดูบทสรุปต่อไปว่าจะไปทางไหน...^o^

ส่วนเรื่องนี้ก็มีบทสรุปเหมือนกันค่ะ...อีกไม่นานค่ะ...(^^)




.....ตอบเม้นท์จ๊ะ.........

1.คุณคิมหันตุ์...แค่มาจิ้มชอบและให้กำลังใจกันตลอด เต่าก็อบอุ่นใจแล้วจ๊ะ
ตอนนี้ก็มาให้ลุ้นกันอีกนิด...^^

2.คุณตุ๊งแช่...น่าจะเรียกได้ว่าสติหลุด...อิอิอิ เพราะไอ้ที่กั๊กๆไว้มันหลุดลอก
ลายชะโดออกเลยฮ่า...แสดงว่าเดือนหน้าที่จะมาเม้นท์ให้คือวันที่ 1 ของเดือนชิมิ ^^
ขอให้สนุกกับการชิมปูเน้อ...ฮ่าาาาา

ว่าแต่ค่าตั๋วที่ว่า...ใช่ค่าตั๋วรถไฟตอนพาไปกินปูเนอะ...ถ้างั้นก็...โอเชๆๆๆ
แล้วเต่าขอกินปูยักษ์ทุกมื้อได้ชิมิ...เลิศสุดๆ เลิศขอบอก...สุดยอดไอเดีย...
ว่าแล้วก็อยากกินปู...กลับมาแล้วหยอดกระปุกไว้รอได้เลยน้า...ฮ่าาาาา...
ส่วนค่าตั๋วรถไฟ อย่าได้กังวลใจ เต่าจ่ายได้สบายหายห่วง...เหอๆๆๆๆ


3.คุณร้อยวจี...มาเม้นท์ให้แล้วๆๆ...ฮ่าาาา...
ความดีความชอบขอยกให้ก๊อตหรือยกให้เต่าอ่า...อิอิอิ

4.คุณcoonX3....ชีร้ายได้อีกค่ะ...ถ้าจะมองในแง่ว่าน่าสงสาร
ก็น่าสงสารอยู่เหมือนกันค่ะ แต่คนเราหลายคนเกิดมามีปัญหาครอบครัวกันไม่น้อย
บางคนยังพาตัวเองหลุดพ้นจนเป็นคนดีได้ บางคนก็พาตัวเองไปไม่พ้น จ่อมจม
ยอมให้ความโสมมและความมืดดำเกาะกุมจิตใจกลายเป็นคนไม่รู้ผิดชอบชั่วดีไป...
ต้องมาดูว่าอะไรที่พาให้นาดีมใช้ชีวิตเช่นนี้...เรื่องนี้โยเลยเอาวากับนาดีมมาเปรียบ
ให้ดูกัน ว่าวิถีการดำเนินชีวิตของสองสาวที่มีต้นทุนชีวิตไม่ได้แตกต่างกันนักในตอนต้น
แต่เมื่อถึงวันแห่งการเก็บเกี่ยว กลับได้ผลผลิตมาไม่เหมือนกัน...
แล้วคราวนี้ อะไรคือความเท่าเทียมที่นำไปสู่ความยุติธรรม...


5.คุณPat...ลูกแท้ๆนี่แหล่ะค่ะ (เฉลยให้นักอ่านหายข้องใจกันไปเลย)
แล้วค่อยไปเฉลยต่อในเรื่อง ฮ่่าาาา ซึ่งในโลกนี้มีอะไรแบบนี้อยู่ทั่วทุกพื้นที่ค่ะ...
พ่อแม่ที่ดีมีมากแต่ที่มีมากกว่าคือพ่อแม่ที่ไม่รู้ว่าควรจะรักและดูแลลูกให้ดีได้อย่างไร...
อยากให้ลูกฉลาดมีความรู้มากๆ ส่งให้ลูกไปเรียนกับครูเก่งๆและมีความรู้
แต่ถ้าอยากให้ลูกเป็นคนดีมีคุณธรรมจะส่งให้ลูกไปที่ใด...นี่แหล่ะค่ะโจทย์ชีวิต...

6.คุณPampam...ย่อมต้องเอะใจเป็นแน่ค่ะ หลังจากที่สติหายหลุดแล้ว...ฮ่าาาา
และดูเหมือนเด็กบัวก็มาเพื่อการนั้นหนา...อยากให้ไฟลุกต้องราดน้ำมันเข้าไปค่ะ
แต่คงต้องหาทางเตรียมรถดับเพลิงไว้ด้วย ไม่งั้นหายนะแน่...ฮ่าาาา
ส่วนก๊อตเริ่มวางแผนเมื่อไหร่ตอนไหน มาดูกันค่ะ...แต่เด็กบัวมาอยู่ที่บ้านก๊อต
ตั้งแต่เรือนหอสร้างเสร็จแล้วค่ะ...

7.คุณแว่นใส...ใช่จ่ะ...จะมีฉากคลอดลูกด้วย...ต้องมาดูว่าก๊อตจะพิชิตมาร
ได้ก่อนเมียคลอดหรือเปล่า...เพราะลูกคนแรกหญิงวาเธอไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัว
แต่รอบนี้...รู้ทั้งเนื้อรู้ทั้งตัวเลย...อิอิ


8.คุณkonhin...แผนของตาก๊อตได้ผลเกินคาดเลยนา...อิอิอิ
ย่อมแสดงให้เห็นว่า ตาก๊อตไม่ได้หลงลืมอะไรไปจริงๆ...
อย่างที่โยเกริ่นๆไว้น่ะค่ะว่า นาดีมเขาคิดว่าตัวเองสุดยอดแล้ว...
ขนาดทำพลาดยังไม่รู้ตัวว่าพลาด แล้วไอ้ที่ทำพลาดๆไว้มันเลยย้อนคืน...
ประมาณว่า ดาบนั้นคืนสนอง...อิอิอิ วัวเริ่มพันหลักแว้วววว...

ส่วนบัวนั้น...สายลับของแม่ก๊อตที่โยเคยเกริ่นๆไว้ค่ะ....มะช่ายลุงหมานเลย...

ส่วนว่าก๊อตจะรู้หรือรู้เมื่อไหร่ตอนไหน รอให้พ่อคุณเขาออกมาจากเงาเราคงได้รู้กัน
เพราะเหมือนว่าก๊อตจะนั่งตกปลาอยู่แถวไหนสักแห่งที่คงไม่ไกลกับเนินข้าวโพดนี่แหล่ะ
เนื่องจากส่งสะเบียงให้เมียและลูกได้ทุกวันแบบนั้น...ฮ่าาาา
บอกแล้วว่าคนอย่างก๊อต รู้จักใช้คน...เหอๆๆๆ แถมยังเป็นแมงมุมชักใยอยู่เบื้องหลังด้วย
คอยดูกันว่า แมงมุมจะโดนไม้กวาดหยักไย่เข้าอย่างจังเมื่อไหร่...ฮ่าาาา

ส่วนแม่ก๊อตมีเป้าประสงค์อะไรยังไง ต้องรอคุณนายแกออกมาจากที่ซ่อนก่อนค่ะ
ก็รอดน้า เพราะถ้าก๊อตรอด แม่และน้องหรือจะไม่รอด...อิอิ

ส่วนเรื่องดอกซ่อนชู้ของเต่านั้น...ใกล้เฉลยอีกปมที่ซ่อนไว้แล้วค่ะ
คุณkonhin อยากรู้ชิมิว่าพ่อของเด็กในท้องนาดีมคือใคร...
ที่แน่ๆคือ ไม่ใช่ก๊อตชัวร์...และก๊อตก็ต้องรู้แล้วว่าใคร ไม่งั้นคงไม่ฝากรอยจารึก
เอาไว้ในหัวใจแม่ของนาดีมก่อนบ้านโดนเผาแน่...

ส่วนพ่อของนาดีม คือ พ่อคนปัจจุบันค่ะ...สามคนพ่อแม่ลูกเขามีระบบบริหารครอบครัว
กันในแบบของพวกเขาค่ะ...เหอๆ แต่เรื่องบ้านแตกนั้น น่าจะใกล้แตกแล้ว
เอ๊ะ หรือว่าแตกมานานแล้ววววว...ฮ่าาาาา
พ่อนาดีมไม่ได้ทำแค่ปกปิดความผิดของลูกเมียน่ะซี...เพราะต้องลองคิดๆดูให้ลึกลงไปว่า
อำนาจบารมี หน้าที่การงานที่กว่าจะได้มานั้น มันได้มายังไง...
อ่าา...แล้วเดี๋ยวค่อยมาเฉลยกันต่อ...^^ ส่วนเรื่องกลับใจ มันจะเป็นไปได้แค่ไหน
ต้องลองมาดูที่บทสรุปกันค่ะ...^^


9.คุณKrystal...ดราม่าแต่มีกลิ่นอายของแนวสืบสวนหน่อยๆค่ะ
ให้นักอ่านได้ร่วมลุ้นกันนิดๆหน่อยๆ เฮะๆ...จริงๆโยทิ้งปมเอาไว้
ให้นักอ่านได้เก็บไปตลอดในทุกๆตอนแล้วจึงค่อยๆมาเก็บปมนั้น
ก่อนจะสาวให้ในตอนปลายน่ะค่ะ...ขอให้สนุกกับการตามหาจุดเล็กๆที่เรียกว่ารัก
เย้ย จุดเล็กๆที่เรียกว่าปมนะคะ...^^


10.คุณatua...ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่เข้ามาส่งกำลังใจให้กับเต่าโย
วันนี้มาให้กันแล้วนะคะ...ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ...^^


ปล.ต้องคอยดูบทสรุปของเรื่องนี้ค่ะว่าใครคือคนในเงาตัวจริง...
น่าจะสรุปยอดเอาตอนบทสุดท้ายน่ะค่ะ...^o^




yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 มี.ค. 2558, 18:53:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 มี.ค. 2558, 18:53:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 3302





<< บทที่ 33 ซ่อนปม ซ่อนพิษ   บทที่ 36 เสียศูนย์ สูญเสีย >>
kuttarut 29 มี.ค. 2558, 19:48:08 น.
คอยเข้ามาดูว่าจะ up นิยายเมื่อไร ทั้งวันเลยคะ


Furzan 29 มี.ค. 2558, 20:35:25 น.
ก๊อต แสบมาก


Pat 29 มี.ค. 2558, 20:35:37 น.
น่าสมเพชจริงนาดีม ถึงกับหลอกล่อรินทร์มาเพื่อ.... นี่นะ แถมถ่ายคลิปด้วย (หึหึ). โชคดีที่รินทร์ยังรอดมาได้. ต้าอยู่ไกลตัวก็เป็นอันตรายได้ เอามาไว้ใกล้ตาใกล้ตัวดีกว่ามั้งรินทร์


ร้อยวจี 29 มี.ค. 2558, 20:42:00 น.
นาดีมถ่ายวีดีโอไว้ ทำไงดี


แว่นใส 29 มี.ค. 2558, 21:01:52 น.
มีถ่ายคลิปแบล็คเมย์ด้วย ร้ายจริง


coonX3 30 มี.ค. 2558, 00:42:03 น.
นาดีมเปิดเผยธาตุแท้ มีการตั้งกล้องด้วย จะไว้แบล็คเมล์หรอ ไม่มีอะไรจะเสียเลยร้ายเต็มที่ว่างั้น อยากรู้จริงๆใครจะเป็นคนปิดเกมและจับมารร้ายได้ คงต้องผนึกกำลังกันหละ


konhin 30 มี.ค. 2558, 01:12:29 น.
มีซ่อนมาหลายตอนแล้ว ต้องมี"เปิด" หรือ "เผย" เป็นชื่อตอนบ้างนะ ;)

โอเคนะ ถือว่าก๊อตวางแผนไว้ดีพอควร อย่างน้อยก็ทำให้อีกฝ่ายไม่ได้ทรัพย์ส่วนของตนไป
ว่าแต่ ทำไมนาดีมถึงได้ยังพยายามจัดการกับรินทร์แบบนี้หล่ะ เพราะมันน่าจะเลยจุดต้องเลือกแล้วนะ กรุสมบัติที่แม่ก๊อตให้ หรือ วารินทร์ เพราะจะยึดไว้พร้อมกันทั้งสองอันไม่ได้ หรือเพราะมั่นใจเกินเหตุว่าจะเก็บรินทร์ไว้ในที่ลับได้??

จะบอกว่า เรื่องนี้ก๊อตกับวาเป็นพระเอกนางเอกก็จริง แต่ถึงตอนนี้เหมือนไม่ใช่ตัวเอกอ่ะ ตัวเอกคือนางร้ายอย่างนาดีมชัดๆ เป็นตัวดำเนินเรื่องเลย ก๊อตต้องรีบกลับมาชิงตำแหน่งนะเนี่ยยยย

ฝนตกขี้หมูไหล ใช่ป่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ของนาดีมถึงได้หล่อหลอมลูกสาวมาแบบนี้

จะบอกว่าเป็นเรื่องที่ติดมากที่เว็บนี้ เปิดดูทุกวันว่าเมื่อไหร่จะอัพ สนองนีดคนอ่าน พรุ่งนี้ขอสองตอนได้ป่ะ?? pleaseeeee


Pampam 30 มี.ค. 2558, 02:52:54 น.
ถ้านาดีมเปิดเผยคลิ๊ปที่ตัวเองถ่ายไว้กับรินทร์เจ้าหล่อนก็หมดสิทธิ์ในกรุสมบัติ หรือว่าไม่แคร์เพราะถ้าได้ก็คือไม่ได้อยู่ดีเพราะคุณหญิงแม่จ้องตะคุ๊บอยู่


คิมหันตุ์ 30 มี.ค. 2558, 13:42:31 น.
อายไม๊ๆตารินทร์แก้ผ้าโชว์ต้าน่ะ. อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account