รักละมุน หอมกลิ่นแก้ว (จบแล้วจ้า)
หอมกลิ่นดอกแก้วอีกแล้ว
รอยยิ้มในความฝัน ที่อบอุ่นใจ
ใครกันนะ ...
รัตติดารา หญิงสาวผู้เกิดในคืนที่ดาวส่องแสงเต็มท้องฟ้า
เธอผู้แอบรักผู้ชายคนหนึ่งฝ่ายเดียว
แต่การพบกัน เจอกันอีกครั้ง มันไม่น่าพิสมัยเสียแล้ว
เขาไม่ชอบเธอ และไล่เธอออกจากบ้านที่เธอเพิ่งจะก้าวเข้ามาอยู่ได้ไม่ถึงชั่วโมง!
นอกจากนี้ เธอยังพบกับ เทวดา ... เจ้าของกลิ่นหอมดอกแก้ว
ในบ้านหลังใหม่ที่เธอมาอาศัยอยู่อีกด้วย!!
รอยยิ้มในความฝัน ที่อบอุ่นใจ
ใครกันนะ ...
รัตติดารา หญิงสาวผู้เกิดในคืนที่ดาวส่องแสงเต็มท้องฟ้า
เธอผู้แอบรักผู้ชายคนหนึ่งฝ่ายเดียว
แต่การพบกัน เจอกันอีกครั้ง มันไม่น่าพิสมัยเสียแล้ว
เขาไม่ชอบเธอ และไล่เธอออกจากบ้านที่เธอเพิ่งจะก้าวเข้ามาอยู่ได้ไม่ถึงชั่วโมง!
นอกจากนี้ เธอยังพบกับ เทวดา ... เจ้าของกลิ่นหอมดอกแก้ว
ในบ้านหลังใหม่ที่เธอมาอาศัยอยู่อีกด้วย!!
Tags: ดอกแก้ว รัก ฝาแฝด เทวดา วิญญาณ ผี
ตอน: ตอนที่ 5.1
ตอนที่ 5.1
“แปลกจัง วันนี้พี่บีใจดีผิดปกติ ยอมมาเดินห้างกับน้องด้วย แถมยังเลี้ยงด้วยแหนะ" ศรุตาเอ่ยขึ้น ไม่กี่ครั้งที่ศตภัทรจะใจดีกับเธอในเรื่องช้อปปิ้ง ยอมขับรถพาเธอมาในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ แม้ปกติเรื่องอื่นเขาจะดูแลเธอดีในฐานะพี่ชายร่วมบิดาก็ตาม
“พี่แค่เบื่อๆน่ะ ขี้เกียจอยู่บ้าน" ศตภัทรบอก
ขณะที่ทั้งคู่เดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง เขาช่วยศรุตาถือถุงกระดาษยี่ห้อเสื้อผ้าและรองเท้าที่น้องสาวลากเข้าไปเกือบห้าร้านที่ปิดป้ายลดราคา ซึ่งศรุตาก็ทำให้เขาหายเบื่อไปช่วงขณะ อย่างน้อยเสียงเจื้อยแจ้วถามนู่นนี่ ไม่รวมราคาเสื้อผ้าที่น้องสาวเขาซื้อทั้งหมดนี่ ทำให้ศตภัทรสงสัยว่าที่น้องสาวตัวผอมแบบนี้เพราะเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้าหมดจนไม่พอกินหรือเปล่า เขาจึงออกเงินให้ไปกว่าครึ่ง ซึ่งทำให้เขาลืมเรื่องกวนใจไปได้ราวสองชั่วโมง
เมื่อเช้าหลังจากเขาตื่นนอน ... ไม่สิ เขาแทบนอนไม่หลับเลยด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงได้ใจล่องลอยแปลกๆหลังจากที่เขาใช้สองแขนรับร่างเล็กนั้นไว้ตรงห้องรับแขก แถมยังติดค้างอยู่ที่รูปวาดหัวใจข้างชื่อเขาอีก เมื่อเขานอนไม่หลับจึงตื่นมายามฟ้าสาง เพื่อมองดูหญิงสาวผู้เช่าบ้านใส่บาตรผ่านหน้าต่างห้องนอน หลังจากนั้นเธอก็เหมือนจะทำความสะอาดบ้านตอนเช้า แล้วแต่งตัวออกจากบ้านไปตอนยังไม่เก้าโมงดี เขาจึงตัดสินใจออกมาออกกำลังกายที่ฟิตเนสหลังจากเสร็จมื้อเช้าง่ายๆที่บ้านต้นแก้วนั้น ต่อจากนั้นก็ออกกำลังกายไปสองชั่วโมง และชวนศรุตามาหามื้อเที่ยงทานในห้างสรรพสินค้า
“พี่บีก็หาแฟนสักคนสิคะ อายุก็สามสิบสองแล้ว ไม่เห็นมีแฟนสักที หรือว่าพี่บีมีรสนิยมชอบผู้ชายคะ" หน้าสวยๆศรุตาถึงกับเบ้เหมือนอมของเปรี้ยวเมื่อถามประโยคสุดท้าย เล่นเอาคนถูกถามร้องขึ้นอย่างตกใจ
“อะไรทำให้คิดแบบนั้น" ศตภัทรถาม แม้ว่าเขาจะยังไม่มีแฟน แต่เขาก็ไม่เคยแสดงท่าทีชอบผู้ชายด้วยกันออกมาสักหน่อย
“ก็ผู้ชายทั้งหล่อ ทั้งหน้าที่การงานดี แต่ยังโสดแบบพี่ ผู้หญิงเขาก็สงสัยแบบนี้แหละค่า" ศรุตาให้เหตุผล พี่ชายที่โดนปรักปรำยิ้มขำๆ
“ทำไม คนที่เขายังโสด ก็อาจจะแปลได้ว่าเขาอาจจะยังไม่เจอคนที่ชอบ แต่ก็ไม่อยากคบใครฆ่าเวลาก็มี ลูกศรก็รู้ว่าพี่ไม่ใช่คนแบบนั้น"
“รู้ค่ะ รู้ดีด้วย ตั้งแต่เลิกกับผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้พี่บีติดใจอะไรนัก ลูกศรไม่เห็นชอบเลยผู้หญิงที่โลเลแบบนั้น"
ศรุตาเบ้หน้ายามคิดถึงอดีตรักขมปี๋ของพี่ชายต่างมารดาขึ้นมา เจอหน้าสองครั้งตอนไปเยี่ยมศตภัทรที่อเมริกาก็ไม่ถูกชะตาด้วยแล้ว แถมยังโลเลเลือกไม่ได้ระหว่างพี่ชายกับผู้ชายมากมายที่รุมจีบ ได้ข่าวว่าสุดท้ายก็เลือกที่จะแต่งงานกับศาตราจารย์รุ่นพ่อที่มีทรัพย์สินมากมาย แน่สิ เทียบกับลูกชายที่ไม่เอาพ่อแบบพี่ชายเธอ ศาตราจารย์คนนั้นก็มีดีกรีและร่ำรวยกว่า ทั้งที่จริงศิระ บิดาเธอก็ใช่จะยากจน หลังจากเธอเรียนจบหาเงินใช้เอง เงินทองที่เหลือของพ่อพอให้ใช้ได้สบายแม้จะเกษียณไม่ได้ทำงาน ไม่ได้กระจอกขนาดนั้นสักหน่อย
“ไม่เกี่ยวสักหน่อย" ศตภัทรเถียง "พี่แค่ไม่เจอคนที่พี่ชอบเท่านั้นเอง"
“คุณตี้ ก็ไม่ชอบหรือคะ สวยออกขนาดนั้น" ศรุตาถาม นึกถึงคนที่ชอบศตภัทร ก็นึกถึงสาวสวยไฮโซแถมยังเป็นเวิคกิ้งวูเม่นที่เก่งอีกต่างหาก
“ไม่อะ" เขาส่ายหน้า
“แล้วคนอื่นล่ะคะ ไม่มีเลยเหรอ" น้องสาวของเขายังพยายามถามแต่เรื่องนี้ ศตภัทรยกมือขึ้นเกาขมับ ก่อนจะโอบหลังน้องสาวให้เดินต่อ
“พอเลย ลูกศร เลิกจับคู่ให้พี่ได้แล้ว จะกินไหมไอศครีม ถ้าไม่กินพี่จะไปส่งเราที่บ้านแล้วนะ" ศตภัทรตัดบท เมื่อแว่บหนึ่งเขานึกถึงหญิงสาวเจ้าของแก้มกลมสีชมพูบางคนขึ้นมา
เรื่องกวนใจที่เหมือนจะตกตะกอนไปดีแล้วกลับม้วนตัวขึ้นมาใหม่ ศตภัทรนั่งมองน้องสาวตักไอศครีมเข้าปากก็นึกสงสัยว่ายายตัวเล็กจะทำอะไรอยู่
รัตติดาราก้มลงกราบพระสงฆ์หลังจากทำสังฆทาน กรวดน้ำเสร็จ วันนี้อาจจะเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งของหลายๆคนแต่ไม่ใช่กับเธอ มันเป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตเธอจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือเลยทีเดียว จากชีวิตเด็กผู้หญิงที่อยู่ใรความสุขของการอยู่กับครอบครัวที่พร้อมเพรียง กลับกลายเป็นว่าความประมาทของใครบางคนทำให้เธอต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปพร้อมกันในอุบัติเหตุรถพ่วงประสานงากับรถยนต์ที่เธอนั่งไปกับพ่อแม่ระหว่างทาง
“หลังจากที่หนูเรฟื้นขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่หนูเรเห็นพวกวิญญาณ" รัตติดาราเล่าให้ศตายุฟังหลังจากเสร็จสิ้นการทำบุญแล้ว เธอเดินออกจากวัดมาเพื่อจะขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน
ศตายุอมยิ้ม เธอคงจำไม่ได้สินะว่าใครที่เป็นคนพาเธอกลับไปสู่การมีชีวิตในช่วงเวลาเป็นตายนั้น ถ้ารัตติดาราเลือกผิด ก็กลายเป็นว่าน้องชายเขาอาจจะต้องเสียใจในความรักอีกรอบเป็นแน่ ซึ่งศตายุถึงกับอยู่ไม่ติด ต้องพาเด็กผู้หญิงคนนั้นมาส่งที่ร่างซึ่งบาดเจ็บสาหัส และเขาก็ทำให้ปาฏิหาริย์มีจริง รัตติดารารอดมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ แต่เธอก็ต้องไปอยู่ในความดูแลของลุงกับป้าผู้เป็นพี่สาวของมารดาเธอ
“หนูเรเป็นคนเข้มแข็ง เลยไม่กลัว" ศตายุชมเธอ
“ไม่ใช่หรอก เพราะคุณต่างหากคุณเทวดา หนูเรรู้สึกนะ เพราะกลิ่นนี่ ทำให้หนูเรไม่กลัววิญญาณพวกนั้น มีแต่จะสงสารมากกว่า" เธอจับได้ไล่ทัน คนฟังยิ้มเขิน
“แล้ววันนี้หนูเรจะทำอะไรต่อครับ"
“หมดธุระนี่แล้ว ยังไม่รู้เลยค่ะ กลับบ้านไปอ่านหนังสือที่ค้างไว้ต่อดีกว่า เมื่อคืนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตื่นมาเมื่อยตัวหมดเลย" เธอว่าพลางขยับไหล่ขึ้นลงไปมา การนอนที่โซฟามันไม่สบายตัวเท่ากับนอนบนเตียงจริงๆ เธอนึกแปลกใจว่าทำไมเธอที่นั่งฟังเพลงจากโน้ตบุ๊ค และอ่านหนังสือไปตรงพื้น พอตื่นมากลับเป็นว่าไปนอนบนโซฟาได้ แถมยังมีผ้าห่มคลุมให้อีก
อีกอย่าง เธอฝัน .... ฝันว่าเธอถูกศตภัทรกอด ...
คิดแล้วหญิงสาวก็ต้องสั่นหัวไปมาไวๆ แค่คิดถึงใบหน้าเธอก็ร้อนวาบ ... เรื่องน่าอายแบบนั้น!
“ฝันดีไหมครับ" ศตายุถาม น้ำเสียงของเขาเหมือนจะรู้ทันว่าหญิงสาวคิดถึงเรื่องอะไรอยู่ รัตติดาราหันขวับไปมอง เจอดวงตาสีน้ำตาลเข้มแวววาว แม้จะดูสวยงามจับใจ แต่ก็น่ากลัวว่าเขาจะรู้แทบทุกเรื่องที่เธอคิด!
“ไม่ค่ะ ไม่มีฝันดีอะไรสักหน่อย" เธอโป้ปดเสียงสูง
“โกหกเทวดาบาปนะครับ" ศตายุยังคงแหย่เธอ ถ้าหากเขามีกายหยาบเช่นมนุษย์ คงได้โดนรัตติดาราฟาดให้สักป้าบสองป้าบ ท่าทางเอาเรื่องแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ของรัตติดาราทำให้เทวดาหนุ่มหัวเราะร่า เขามองเธอด้วยใบหน้าที่มีความสุข
เสียงปิ๊งดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ร่างกายของเขาซึ่งปกติเหมือนเรืองแสงตลอดเวลาจะกลายเป็นร่างกายธรรมดา มีเงาสะท้อนพื้นเหมือนคนอื่นทั่วๆไป รัตติดาราตาโตเมื่อเธอเพิ่งเคยเห็นอะไรแบบนี้
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ไปเที่ยวกันดีกว่า" เทวดาหนุ่มที่ตอนนี้มีกายหยาบ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์เหมือนชายหนุ่มธรรมดา เขาจับมือของหญิงสาวไว้แผ่วเบา ทำให้รัตติดาราหลุดจากความอัศจรรย์ใจ
“ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณทำแบบนี้ได้" เธอเอ่ยน้ำเสียงทึ่งๆ
“นั่นสิ ผมก็เพิ่งรู้ว่าทำแบบนี้ได้เหมือนกัน อ๊ะ ใส่แว่นหน่อยดีกว่า เดี๋ยวใครจะเข้าใจผิดคิดว่าคุณกำลังเดทกับนายบี" เขาดีดนิ้วอีกทีก็ปรากฏแว่นกรอบสีดำบนใบหน้าผิวสีขาวสะอาด วางอยู่บนดั้งจมูกได้รูป ถัดจากดวงตาสดใสอ่อนโยน
รัตติดารามองเขาแล้ว บอกได้เลยว่าใครมาเห็นก็ไม่มีทางเข้าใจผิดว่าเธอเดินกับศตภัทรแน่นอน ในเมื่อศตายุทั้งขาวและดูอ่อนวัยกว่า คงเพราะเขาหยุดเวลาไว้เพียงอายุสิบเจ็ดปี ถ้าบอกว่าเป็นพี่น้องน่าจะเชื่อง่ายกว่า รัตติดาราผู้ซึ่งเฝ้ามองศตภัทรมาหลายปี ทำให้เธอมองออกว่าใครเป็นใคร ไม่มีทางสับสนแน่นอน
“ไปไอ้ที่มีปลาเยอะๆได้ไหมครับ" ศตายุถามขึ้น เขานึกไม่ออกว่าเรียกว่าอะไร
“คะ อควาเรีี่ยมน่ะหรือคะ" รัตติดารายังคงถูกจับมืออยู่ เธอไม่รู้สึกขัดเขิน เธอรู้สึกเหมือนได้พี่ชายเพิ่มมาอีกคน อีกอย่างศตายุก็สุภาพอ่อยโยนจนไม่รู้สึกอึดอัดเวลาคุยกันสักครั้ง
“นั่นแหละๆ ตอนเด็กๆผมอยากไปมากเลยนะ ที่ต่างประเทศ แต่ผมก็ดันตายก่อน เลยไม่ได้ไปสักที"
ในเมื่อหญิงสาวเองก็ไม่มีแพลนอะไร เธอจึงยอมตามใจเขาสักวัน วันที่ศตายุมีร่างกายเหมือนเธออาจจะไม่ได้มีบ่อยๆ การเดินทางไปอควาเรี่ยมชื่อดังใจกลางเมือง รัตติดาราลังเลว่าจะนั่งรถประจำทางเพื่อจะไปต่อรถไฟฟ้าดีหรือไม่ ถ้าเธอมาคนเดียวคงไม่ลังเลนัก แต่นี่มีเทวดาผู้อยากรู้อยากเห็นตามติดมาด้วย แต่ศตายุก็บอกให้เธอขึ้นรถประจำทาง ใช่ว่าศตายุจะไม่เคยขึ้นเสียหน่อย แม้มันจะผ่านมาสิบห้าปีแล้วก็ตาม
ร่างกายสูง ผิวขาวเหมือนหินอ่อน ประกายกับแสงแดดยามสาย เล่นเอากลายเป็นที่สนใจของคนบนรถประจำทาง ไม่รวมใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาอีก รัตติดารารู้สึกสนุกขึ้นมาเมื่อเธอถูกจับจ้องด้วยดวงตาอิจฉาจากสาวๆบนรถประจำทาง มองมือที่เกาะกุมแน่นไม่ยอมปล่อย ด้วยศตายุกลัวว่ารัตติดาราที่ตัวเล็ก จับแค่ราวเหล็กเหนือพนักพิงอาจจะล้มได้เพราะรถประจำทางชอบเบรคกระชาก เขาจับราวด้านบนไว้แน่น พร้อมทั้งดูแลคนในมือไปด้วยอย่างดี
ผู้ชายคนนี้ ... ถ้ายังมีชีวิตอยู่ คงป๊อบปูล่าร์ไม่แพ้ศตภัทรแน่นอน
แฝดพี่ที่ดูอ่อนโยน เหมือนเจ้าชาย และแฝดน้องที่ดูบึกบึนเหมือนอัศวินเท่ๆคนหนึ่ง
ไม่นานเธอและเขาก็เดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้า รัตติดาราซื้อบัตรด้านหน้าแล้วจึงพาชายหนุ่มเดินเข้าไปด้านในอควาเรี่ยม เธอเห็นใบหน้าตื่นเต้นของศตายุที่ได้ดูของที่อยากดูแล้วก็สนุกไปด้วย
หลังจากดูอควาเรียมจนพอใจ ทั้งคู่ก็ออกมานั่งพักตรงร้านไอศครีมชั้นบน
“จริงๆ ผมไม่น่ามาแบบคนเลย คุณเลยต้องเสียเงินเพิ่ม" ศตายุมาคิดได้ก็ตอนที่จ่ายเงินซื้อตั๋วแล้ว ราคาก็ไม่ใช่ว่าจะถูก
รัตติดารายิ้ม เธอไม่คิดมากเรื่องนี้หรอก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มาคนเดียว พูดคนเดียว ดูเหงาออก ว่าไหมคะ แบบนี้สิดี สนุกกว่านะคะ" เธอว่าพลางหยิบแก้วน้ำมะพร้าวปั่นขึ้นมาดูด ในเมื่อศตายุเป็นเทวดา เขาจึงได้แต่นั่งมองรัตติดาราทานไอศครีมเท่านั้น
“คงจะดีกว่านี้ ถ้าเป็นนายบีน้า" คนพูดรู้ทัน
“หนูเรไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย" เธอเถียง อย่ามาทำรู้ทันเธอทุกเรื่องได้ไหมเนี่ย!
“แต่คิด ใช่ไหมล่ะ ... จะว่าไปตอนนี้นายบีก็โสดอยู่ หนูเรจีบเลยสิครับ"
เล่นเอาคนกินไอศครีมถึงกับสำลัก คว้าน้ำขึ้นมาดื่ม ก่อนจะต่อว่าอีกฝ่ายที่กล้าพูดตรงๆแบบนี้
“คุณศตายุ! พูดอะไรออกมาคะ!”
“อ้าว ผมพูดจริงนะ คุณชอบหมอนั่นไม่ใช่หรือไง ถ้าไม่พูด เขาจะรู้ไหม" ศตายุถาม ทั้งที่เขารู้ดีว่าศตภัทรเริ่มสงสัยความรู้สึกของรัตติดารา หลังจากเห็นหัวใจดวงนั้นบนนิตยสารเมื่อคืน
“ไม่ต้องรู้หรอกค่ะ" เธอตอบ "แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว หนูเรไม่ได้คาดหวังแบบนั้นหรอกค่ะ หนูเรอยากเรียนรู้วิธีทำงานจากเขามากกว่า ถ้ามีเรื่องอื่นจะทำให้มันไม่สะดวกใจนะคะ" เธอให้เหตุผล ช่วงเวลานี้เธอยังไม่คิดอยากจะสานสัมพันธ์ หรือเริ่มต้นอะไร เธออยากจะทำงานกับศตภัทรอย่างราบรื่นมากกว่า
ศตายุฟังแล้วขัดใจ เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขาเกรงว่า ถ้าช่วงเวลานั้นมาถึง เรื่องของรัตติดารากับศตภัทรอาจจะช้าเกินไป
“เรื่องบ้านน่าห่วงมากกว่าอีก หนูเรไม่อยากย้ายออกจริงๆนะคะ ที่อื่นคุณคงไม่สามารถกันผีให้หนูเรได้เท่าบ้านหลังนี้ซึ่งเป็นบ้านของคุณ ถูกไหมคะ"
รัตติดาราคาดเดาถูกเผง ถึงเขาจะเป็นเทวดา เหล่าผีสางวิญญาณเกรงใจเขาอยู่ แต่เขาก็คงไม่สะดวกเท่ากับบ้านหลังนี้ซึ่งเขาเป็นเจ้าของจริงๆ หากเทวดาหนุ่มกลับส่งยิ้มสบายใจให้อีกฝ่ายซึ่งกำลังกลัดกลุ้ม
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เขาจะไม่ไล่คุณออกหรอก เชื่อผมสิ"
หญิงสาวฟังแล้วก็อยากจะสบายใจตามที่เขาพูดอยู่หรอก แต่เธอก็คิดว่าผู้ชายอีกคนนั้นดื้อไม่ใช่น้อย ถ้าเขายังดึงดันที่จะไล่เธอออก เธอก็คิดว่าการที่จะได้อยู่แบบสบายๆคงยากแน่แท้
ห้างสรรพสินค้ามีเป็นสิบเป็นร้อย แต่จำเพาะต้องมาเดินห้างฯเดียวกัน
ศตภัทรสงสัยว่าโลกใบนี้มันแคบเกินไปหรือเปล่า เมื่อเขาเห็นรัตติดารากำลังเดินอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเขามองหน้าไม่ชัด แม้จะคุ้นๆท่าทาง รูปร่างอยู่ แต่ท่าทางมีความสุขจนเขารู้สึกไม่พอใจจนไม่สนใจว่าผู้ชายเสื้อสีขาวกางเกงยีนส์นั่นเป็นใคร ศตภัทรเกิดคำถามที่ทำให้เขาวุ่นวายใจอีกรอบ
... มีแฟนแล้ว แล้ววาดรูปหัวใจข้างๆชื่อเขาทำไม?
“แปลกจัง วันนี้พี่บีใจดีผิดปกติ ยอมมาเดินห้างกับน้องด้วย แถมยังเลี้ยงด้วยแหนะ" ศรุตาเอ่ยขึ้น ไม่กี่ครั้งที่ศตภัทรจะใจดีกับเธอในเรื่องช้อปปิ้ง ยอมขับรถพาเธอมาในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ แม้ปกติเรื่องอื่นเขาจะดูแลเธอดีในฐานะพี่ชายร่วมบิดาก็ตาม
“พี่แค่เบื่อๆน่ะ ขี้เกียจอยู่บ้าน" ศตภัทรบอก
ขณะที่ทั้งคู่เดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง เขาช่วยศรุตาถือถุงกระดาษยี่ห้อเสื้อผ้าและรองเท้าที่น้องสาวลากเข้าไปเกือบห้าร้านที่ปิดป้ายลดราคา ซึ่งศรุตาก็ทำให้เขาหายเบื่อไปช่วงขณะ อย่างน้อยเสียงเจื้อยแจ้วถามนู่นนี่ ไม่รวมราคาเสื้อผ้าที่น้องสาวเขาซื้อทั้งหมดนี่ ทำให้ศตภัทรสงสัยว่าที่น้องสาวตัวผอมแบบนี้เพราะเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้าหมดจนไม่พอกินหรือเปล่า เขาจึงออกเงินให้ไปกว่าครึ่ง ซึ่งทำให้เขาลืมเรื่องกวนใจไปได้ราวสองชั่วโมง
เมื่อเช้าหลังจากเขาตื่นนอน ... ไม่สิ เขาแทบนอนไม่หลับเลยด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงได้ใจล่องลอยแปลกๆหลังจากที่เขาใช้สองแขนรับร่างเล็กนั้นไว้ตรงห้องรับแขก แถมยังติดค้างอยู่ที่รูปวาดหัวใจข้างชื่อเขาอีก เมื่อเขานอนไม่หลับจึงตื่นมายามฟ้าสาง เพื่อมองดูหญิงสาวผู้เช่าบ้านใส่บาตรผ่านหน้าต่างห้องนอน หลังจากนั้นเธอก็เหมือนจะทำความสะอาดบ้านตอนเช้า แล้วแต่งตัวออกจากบ้านไปตอนยังไม่เก้าโมงดี เขาจึงตัดสินใจออกมาออกกำลังกายที่ฟิตเนสหลังจากเสร็จมื้อเช้าง่ายๆที่บ้านต้นแก้วนั้น ต่อจากนั้นก็ออกกำลังกายไปสองชั่วโมง และชวนศรุตามาหามื้อเที่ยงทานในห้างสรรพสินค้า
“พี่บีก็หาแฟนสักคนสิคะ อายุก็สามสิบสองแล้ว ไม่เห็นมีแฟนสักที หรือว่าพี่บีมีรสนิยมชอบผู้ชายคะ" หน้าสวยๆศรุตาถึงกับเบ้เหมือนอมของเปรี้ยวเมื่อถามประโยคสุดท้าย เล่นเอาคนถูกถามร้องขึ้นอย่างตกใจ
“อะไรทำให้คิดแบบนั้น" ศตภัทรถาม แม้ว่าเขาจะยังไม่มีแฟน แต่เขาก็ไม่เคยแสดงท่าทีชอบผู้ชายด้วยกันออกมาสักหน่อย
“ก็ผู้ชายทั้งหล่อ ทั้งหน้าที่การงานดี แต่ยังโสดแบบพี่ ผู้หญิงเขาก็สงสัยแบบนี้แหละค่า" ศรุตาให้เหตุผล พี่ชายที่โดนปรักปรำยิ้มขำๆ
“ทำไม คนที่เขายังโสด ก็อาจจะแปลได้ว่าเขาอาจจะยังไม่เจอคนที่ชอบ แต่ก็ไม่อยากคบใครฆ่าเวลาก็มี ลูกศรก็รู้ว่าพี่ไม่ใช่คนแบบนั้น"
“รู้ค่ะ รู้ดีด้วย ตั้งแต่เลิกกับผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้พี่บีติดใจอะไรนัก ลูกศรไม่เห็นชอบเลยผู้หญิงที่โลเลแบบนั้น"
ศรุตาเบ้หน้ายามคิดถึงอดีตรักขมปี๋ของพี่ชายต่างมารดาขึ้นมา เจอหน้าสองครั้งตอนไปเยี่ยมศตภัทรที่อเมริกาก็ไม่ถูกชะตาด้วยแล้ว แถมยังโลเลเลือกไม่ได้ระหว่างพี่ชายกับผู้ชายมากมายที่รุมจีบ ได้ข่าวว่าสุดท้ายก็เลือกที่จะแต่งงานกับศาตราจารย์รุ่นพ่อที่มีทรัพย์สินมากมาย แน่สิ เทียบกับลูกชายที่ไม่เอาพ่อแบบพี่ชายเธอ ศาตราจารย์คนนั้นก็มีดีกรีและร่ำรวยกว่า ทั้งที่จริงศิระ บิดาเธอก็ใช่จะยากจน หลังจากเธอเรียนจบหาเงินใช้เอง เงินทองที่เหลือของพ่อพอให้ใช้ได้สบายแม้จะเกษียณไม่ได้ทำงาน ไม่ได้กระจอกขนาดนั้นสักหน่อย
“ไม่เกี่ยวสักหน่อย" ศตภัทรเถียง "พี่แค่ไม่เจอคนที่พี่ชอบเท่านั้นเอง"
“คุณตี้ ก็ไม่ชอบหรือคะ สวยออกขนาดนั้น" ศรุตาถาม นึกถึงคนที่ชอบศตภัทร ก็นึกถึงสาวสวยไฮโซแถมยังเป็นเวิคกิ้งวูเม่นที่เก่งอีกต่างหาก
“ไม่อะ" เขาส่ายหน้า
“แล้วคนอื่นล่ะคะ ไม่มีเลยเหรอ" น้องสาวของเขายังพยายามถามแต่เรื่องนี้ ศตภัทรยกมือขึ้นเกาขมับ ก่อนจะโอบหลังน้องสาวให้เดินต่อ
“พอเลย ลูกศร เลิกจับคู่ให้พี่ได้แล้ว จะกินไหมไอศครีม ถ้าไม่กินพี่จะไปส่งเราที่บ้านแล้วนะ" ศตภัทรตัดบท เมื่อแว่บหนึ่งเขานึกถึงหญิงสาวเจ้าของแก้มกลมสีชมพูบางคนขึ้นมา
เรื่องกวนใจที่เหมือนจะตกตะกอนไปดีแล้วกลับม้วนตัวขึ้นมาใหม่ ศตภัทรนั่งมองน้องสาวตักไอศครีมเข้าปากก็นึกสงสัยว่ายายตัวเล็กจะทำอะไรอยู่
รัตติดาราก้มลงกราบพระสงฆ์หลังจากทำสังฆทาน กรวดน้ำเสร็จ วันนี้อาจจะเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งของหลายๆคนแต่ไม่ใช่กับเธอ มันเป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตเธอจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือเลยทีเดียว จากชีวิตเด็กผู้หญิงที่อยู่ใรความสุขของการอยู่กับครอบครัวที่พร้อมเพรียง กลับกลายเป็นว่าความประมาทของใครบางคนทำให้เธอต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปพร้อมกันในอุบัติเหตุรถพ่วงประสานงากับรถยนต์ที่เธอนั่งไปกับพ่อแม่ระหว่างทาง
“หลังจากที่หนูเรฟื้นขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่หนูเรเห็นพวกวิญญาณ" รัตติดาราเล่าให้ศตายุฟังหลังจากเสร็จสิ้นการทำบุญแล้ว เธอเดินออกจากวัดมาเพื่อจะขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน
ศตายุอมยิ้ม เธอคงจำไม่ได้สินะว่าใครที่เป็นคนพาเธอกลับไปสู่การมีชีวิตในช่วงเวลาเป็นตายนั้น ถ้ารัตติดาราเลือกผิด ก็กลายเป็นว่าน้องชายเขาอาจจะต้องเสียใจในความรักอีกรอบเป็นแน่ ซึ่งศตายุถึงกับอยู่ไม่ติด ต้องพาเด็กผู้หญิงคนนั้นมาส่งที่ร่างซึ่งบาดเจ็บสาหัส และเขาก็ทำให้ปาฏิหาริย์มีจริง รัตติดารารอดมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ แต่เธอก็ต้องไปอยู่ในความดูแลของลุงกับป้าผู้เป็นพี่สาวของมารดาเธอ
“หนูเรเป็นคนเข้มแข็ง เลยไม่กลัว" ศตายุชมเธอ
“ไม่ใช่หรอก เพราะคุณต่างหากคุณเทวดา หนูเรรู้สึกนะ เพราะกลิ่นนี่ ทำให้หนูเรไม่กลัววิญญาณพวกนั้น มีแต่จะสงสารมากกว่า" เธอจับได้ไล่ทัน คนฟังยิ้มเขิน
“แล้ววันนี้หนูเรจะทำอะไรต่อครับ"
“หมดธุระนี่แล้ว ยังไม่รู้เลยค่ะ กลับบ้านไปอ่านหนังสือที่ค้างไว้ต่อดีกว่า เมื่อคืนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตื่นมาเมื่อยตัวหมดเลย" เธอว่าพลางขยับไหล่ขึ้นลงไปมา การนอนที่โซฟามันไม่สบายตัวเท่ากับนอนบนเตียงจริงๆ เธอนึกแปลกใจว่าทำไมเธอที่นั่งฟังเพลงจากโน้ตบุ๊ค และอ่านหนังสือไปตรงพื้น พอตื่นมากลับเป็นว่าไปนอนบนโซฟาได้ แถมยังมีผ้าห่มคลุมให้อีก
อีกอย่าง เธอฝัน .... ฝันว่าเธอถูกศตภัทรกอด ...
คิดแล้วหญิงสาวก็ต้องสั่นหัวไปมาไวๆ แค่คิดถึงใบหน้าเธอก็ร้อนวาบ ... เรื่องน่าอายแบบนั้น!
“ฝันดีไหมครับ" ศตายุถาม น้ำเสียงของเขาเหมือนจะรู้ทันว่าหญิงสาวคิดถึงเรื่องอะไรอยู่ รัตติดาราหันขวับไปมอง เจอดวงตาสีน้ำตาลเข้มแวววาว แม้จะดูสวยงามจับใจ แต่ก็น่ากลัวว่าเขาจะรู้แทบทุกเรื่องที่เธอคิด!
“ไม่ค่ะ ไม่มีฝันดีอะไรสักหน่อย" เธอโป้ปดเสียงสูง
“โกหกเทวดาบาปนะครับ" ศตายุยังคงแหย่เธอ ถ้าหากเขามีกายหยาบเช่นมนุษย์ คงได้โดนรัตติดาราฟาดให้สักป้าบสองป้าบ ท่าทางเอาเรื่องแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ของรัตติดาราทำให้เทวดาหนุ่มหัวเราะร่า เขามองเธอด้วยใบหน้าที่มีความสุข
เสียงปิ๊งดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ร่างกายของเขาซึ่งปกติเหมือนเรืองแสงตลอดเวลาจะกลายเป็นร่างกายธรรมดา มีเงาสะท้อนพื้นเหมือนคนอื่นทั่วๆไป รัตติดาราตาโตเมื่อเธอเพิ่งเคยเห็นอะไรแบบนี้
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ไปเที่ยวกันดีกว่า" เทวดาหนุ่มที่ตอนนี้มีกายหยาบ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์เหมือนชายหนุ่มธรรมดา เขาจับมือของหญิงสาวไว้แผ่วเบา ทำให้รัตติดาราหลุดจากความอัศจรรย์ใจ
“ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณทำแบบนี้ได้" เธอเอ่ยน้ำเสียงทึ่งๆ
“นั่นสิ ผมก็เพิ่งรู้ว่าทำแบบนี้ได้เหมือนกัน อ๊ะ ใส่แว่นหน่อยดีกว่า เดี๋ยวใครจะเข้าใจผิดคิดว่าคุณกำลังเดทกับนายบี" เขาดีดนิ้วอีกทีก็ปรากฏแว่นกรอบสีดำบนใบหน้าผิวสีขาวสะอาด วางอยู่บนดั้งจมูกได้รูป ถัดจากดวงตาสดใสอ่อนโยน
รัตติดารามองเขาแล้ว บอกได้เลยว่าใครมาเห็นก็ไม่มีทางเข้าใจผิดว่าเธอเดินกับศตภัทรแน่นอน ในเมื่อศตายุทั้งขาวและดูอ่อนวัยกว่า คงเพราะเขาหยุดเวลาไว้เพียงอายุสิบเจ็ดปี ถ้าบอกว่าเป็นพี่น้องน่าจะเชื่อง่ายกว่า รัตติดาราผู้ซึ่งเฝ้ามองศตภัทรมาหลายปี ทำให้เธอมองออกว่าใครเป็นใคร ไม่มีทางสับสนแน่นอน
“ไปไอ้ที่มีปลาเยอะๆได้ไหมครับ" ศตายุถามขึ้น เขานึกไม่ออกว่าเรียกว่าอะไร
“คะ อควาเรีี่ยมน่ะหรือคะ" รัตติดารายังคงถูกจับมืออยู่ เธอไม่รู้สึกขัดเขิน เธอรู้สึกเหมือนได้พี่ชายเพิ่มมาอีกคน อีกอย่างศตายุก็สุภาพอ่อยโยนจนไม่รู้สึกอึดอัดเวลาคุยกันสักครั้ง
“นั่นแหละๆ ตอนเด็กๆผมอยากไปมากเลยนะ ที่ต่างประเทศ แต่ผมก็ดันตายก่อน เลยไม่ได้ไปสักที"
ในเมื่อหญิงสาวเองก็ไม่มีแพลนอะไร เธอจึงยอมตามใจเขาสักวัน วันที่ศตายุมีร่างกายเหมือนเธออาจจะไม่ได้มีบ่อยๆ การเดินทางไปอควาเรี่ยมชื่อดังใจกลางเมือง รัตติดาราลังเลว่าจะนั่งรถประจำทางเพื่อจะไปต่อรถไฟฟ้าดีหรือไม่ ถ้าเธอมาคนเดียวคงไม่ลังเลนัก แต่นี่มีเทวดาผู้อยากรู้อยากเห็นตามติดมาด้วย แต่ศตายุก็บอกให้เธอขึ้นรถประจำทาง ใช่ว่าศตายุจะไม่เคยขึ้นเสียหน่อย แม้มันจะผ่านมาสิบห้าปีแล้วก็ตาม
ร่างกายสูง ผิวขาวเหมือนหินอ่อน ประกายกับแสงแดดยามสาย เล่นเอากลายเป็นที่สนใจของคนบนรถประจำทาง ไม่รวมใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาอีก รัตติดารารู้สึกสนุกขึ้นมาเมื่อเธอถูกจับจ้องด้วยดวงตาอิจฉาจากสาวๆบนรถประจำทาง มองมือที่เกาะกุมแน่นไม่ยอมปล่อย ด้วยศตายุกลัวว่ารัตติดาราที่ตัวเล็ก จับแค่ราวเหล็กเหนือพนักพิงอาจจะล้มได้เพราะรถประจำทางชอบเบรคกระชาก เขาจับราวด้านบนไว้แน่น พร้อมทั้งดูแลคนในมือไปด้วยอย่างดี
ผู้ชายคนนี้ ... ถ้ายังมีชีวิตอยู่ คงป๊อบปูล่าร์ไม่แพ้ศตภัทรแน่นอน
แฝดพี่ที่ดูอ่อนโยน เหมือนเจ้าชาย และแฝดน้องที่ดูบึกบึนเหมือนอัศวินเท่ๆคนหนึ่ง
ไม่นานเธอและเขาก็เดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้า รัตติดาราซื้อบัตรด้านหน้าแล้วจึงพาชายหนุ่มเดินเข้าไปด้านในอควาเรี่ยม เธอเห็นใบหน้าตื่นเต้นของศตายุที่ได้ดูของที่อยากดูแล้วก็สนุกไปด้วย
หลังจากดูอควาเรียมจนพอใจ ทั้งคู่ก็ออกมานั่งพักตรงร้านไอศครีมชั้นบน
“จริงๆ ผมไม่น่ามาแบบคนเลย คุณเลยต้องเสียเงินเพิ่ม" ศตายุมาคิดได้ก็ตอนที่จ่ายเงินซื้อตั๋วแล้ว ราคาก็ไม่ใช่ว่าจะถูก
รัตติดารายิ้ม เธอไม่คิดมากเรื่องนี้หรอก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มาคนเดียว พูดคนเดียว ดูเหงาออก ว่าไหมคะ แบบนี้สิดี สนุกกว่านะคะ" เธอว่าพลางหยิบแก้วน้ำมะพร้าวปั่นขึ้นมาดูด ในเมื่อศตายุเป็นเทวดา เขาจึงได้แต่นั่งมองรัตติดาราทานไอศครีมเท่านั้น
“คงจะดีกว่านี้ ถ้าเป็นนายบีน้า" คนพูดรู้ทัน
“หนูเรไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย" เธอเถียง อย่ามาทำรู้ทันเธอทุกเรื่องได้ไหมเนี่ย!
“แต่คิด ใช่ไหมล่ะ ... จะว่าไปตอนนี้นายบีก็โสดอยู่ หนูเรจีบเลยสิครับ"
เล่นเอาคนกินไอศครีมถึงกับสำลัก คว้าน้ำขึ้นมาดื่ม ก่อนจะต่อว่าอีกฝ่ายที่กล้าพูดตรงๆแบบนี้
“คุณศตายุ! พูดอะไรออกมาคะ!”
“อ้าว ผมพูดจริงนะ คุณชอบหมอนั่นไม่ใช่หรือไง ถ้าไม่พูด เขาจะรู้ไหม" ศตายุถาม ทั้งที่เขารู้ดีว่าศตภัทรเริ่มสงสัยความรู้สึกของรัตติดารา หลังจากเห็นหัวใจดวงนั้นบนนิตยสารเมื่อคืน
“ไม่ต้องรู้หรอกค่ะ" เธอตอบ "แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว หนูเรไม่ได้คาดหวังแบบนั้นหรอกค่ะ หนูเรอยากเรียนรู้วิธีทำงานจากเขามากกว่า ถ้ามีเรื่องอื่นจะทำให้มันไม่สะดวกใจนะคะ" เธอให้เหตุผล ช่วงเวลานี้เธอยังไม่คิดอยากจะสานสัมพันธ์ หรือเริ่มต้นอะไร เธออยากจะทำงานกับศตภัทรอย่างราบรื่นมากกว่า
ศตายุฟังแล้วขัดใจ เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขาเกรงว่า ถ้าช่วงเวลานั้นมาถึง เรื่องของรัตติดารากับศตภัทรอาจจะช้าเกินไป
“เรื่องบ้านน่าห่วงมากกว่าอีก หนูเรไม่อยากย้ายออกจริงๆนะคะ ที่อื่นคุณคงไม่สามารถกันผีให้หนูเรได้เท่าบ้านหลังนี้ซึ่งเป็นบ้านของคุณ ถูกไหมคะ"
รัตติดาราคาดเดาถูกเผง ถึงเขาจะเป็นเทวดา เหล่าผีสางวิญญาณเกรงใจเขาอยู่ แต่เขาก็คงไม่สะดวกเท่ากับบ้านหลังนี้ซึ่งเขาเป็นเจ้าของจริงๆ หากเทวดาหนุ่มกลับส่งยิ้มสบายใจให้อีกฝ่ายซึ่งกำลังกลัดกลุ้ม
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เขาจะไม่ไล่คุณออกหรอก เชื่อผมสิ"
หญิงสาวฟังแล้วก็อยากจะสบายใจตามที่เขาพูดอยู่หรอก แต่เธอก็คิดว่าผู้ชายอีกคนนั้นดื้อไม่ใช่น้อย ถ้าเขายังดึงดันที่จะไล่เธอออก เธอก็คิดว่าการที่จะได้อยู่แบบสบายๆคงยากแน่แท้
ห้างสรรพสินค้ามีเป็นสิบเป็นร้อย แต่จำเพาะต้องมาเดินห้างฯเดียวกัน
ศตภัทรสงสัยว่าโลกใบนี้มันแคบเกินไปหรือเปล่า เมื่อเขาเห็นรัตติดารากำลังเดินอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเขามองหน้าไม่ชัด แม้จะคุ้นๆท่าทาง รูปร่างอยู่ แต่ท่าทางมีความสุขจนเขารู้สึกไม่พอใจจนไม่สนใจว่าผู้ชายเสื้อสีขาวกางเกงยีนส์นั่นเป็นใคร ศตภัทรเกิดคำถามที่ทำให้เขาวุ่นวายใจอีกรอบ
... มีแฟนแล้ว แล้ววาดรูปหัวใจข้างๆชื่อเขาทำไม?
ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มี.ค. 2558, 13:47:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 เม.ย. 2558, 01:02:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 1756
<< ตอนที่ 4 | ตอนที่ 5.2 (จบตอน) >> |
ปิ่นนลิน 28 มี.ค. 2558, 13:49:50 น.
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะค้า ^^
คุณปรางขวัญ : ห่วงกลัวน้องชายขึ้นคานละมั้งคะ ฮ่าๆๆ
คุณ Zephyr : นั่นสิคะ น่ารักจริงๆ ^^ คนเขียนก็ชอบ ฮ่าๆๆ
เดี๋ยวเอาอีกครึ่งตอนมาลงพรุ่งนี้นะคะ ไปทำธุระก่อน
สวัสดีค่า
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะค้า ^^
คุณปรางขวัญ : ห่วงกลัวน้องชายขึ้นคานละมั้งคะ ฮ่าๆๆ
คุณ Zephyr : นั่นสิคะ น่ารักจริงๆ ^^ คนเขียนก็ชอบ ฮ่าๆๆ
เดี๋ยวเอาอีกครึ่งตอนมาลงพรุ่งนี้นะคะ ไปทำธุระก่อน
สวัสดีค่า
Zephyr 29 มี.ค. 2558, 23:49:15 น.
พี่เอ ยังขโมยซีนต่อเนื่อง 5555
ศตายุ นายเป็นเทวดามุ้งมิ้งอ่า
ศตภัทร ถ้านายไม่มีไรมาเรียกคะแนน
นายโดนพี่ชายทิ้งแน่ๆ อิอิ
พี่เอ ยังขโมยซีนต่อเนื่อง 5555
ศตายุ นายเป็นเทวดามุ้งมิ้งอ่า
ศตภัทร ถ้านายไม่มีไรมาเรียกคะแนน
นายโดนพี่ชายทิ้งแน่ๆ อิอิ