เล่ห์ร้าย...ดวงใจปรารถนา
เพราะไฟปรารถนาที่ลุกโชนภายในจิตใจ ทำให้คิมหรัตน์ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้สาวน้อยอย่างชื่นชีวามาครอบครอง แม้จะรู้ดีว่ามันไม่สมควรเพราะเธออยู่ในฐานะเด็กในการอุปการะของพี่สาวตัวเอง แต่เมื่อเสียงของหัวใจเรียกร้องเกินทัดทาน เขาจึงยอมสวมบทเป็นซาตานร้ายเพื่อพิชิตใจเธอ
Tags: แนวตบจูบ...
ตอน: โชคชะตาที่พัดพาให้มาเจอ 1.2
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีทีท่าว่าใครจะมาเปิดประตูดีที่ประตูไม่ได้ล็อก ร่างบางเลยออกแรงใช้ความพยายามหมุนลูกบิดประตูด้วยความยากลำบาก ไหนจะหนักกับถาดอาหารที่กำลังถืออยู่ในมือแล้วจะต้องเปิดประตูห้องนอนอีก หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องด้วยสายตาที่ระแวดระวัง สายตาคู่สวยกวาดมองจนทั่วแต่ก็ไม่เห็นใครอยู่ในห้องแม้แต่คนเดียงเธอรีบวางอาหารไว้บนโต๊ะ พลางหรี่ตามองไปรอบๆ ห้องของชายหนุ่มเธอจำภาพแขวนบนพนังห้องได้ มันยังเป็นภาพเดิมสมัยตอนที่ห้องนี้ยังเป็นของแคททรียาอยู่ ถึงแม้สีห้องจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่เฟอร์นิเจอร์และภาพที่แขวนอยู่บนพนังยังเป็นของชิ้นเดิม รอยยิ้มหวานผุดขึ้นเต็มดวงหน้าเมื่อนึกถึงเรื่องในอดีต
คิมหรัตน์ออกจากห้องน้ำด้วยความสดชื่น ชายหนุ่มเพ่งสายตามองหญิงสาวที่ยืนหันหลังให้ สายตาคมมองพินิจอยู่ชั่วครู่ เจ้าหล่อนยืนมองสำรวจห้องเขาอยู่อย่างไม่เกรงใจ จนชายหนุ่มต้องรีบเดินเข้าไปใกล้ ซึ่งก็ส่งผลให้หญิงสาวตกใจกับเสียงฝีเท้าของชายหนุ่มที่เดินมาประชิดตัว ชื่นชีวาหันกลับไปมองที่มาของเสียงแล้วต้องตกใจเมื่อหน้าของเจ้าหล่อนปะทะ เข้ากับแผงอกแกร่ง เปลือยเปล่าที่ตอนนี้เปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำ ทำให้หญิงสาวถึงกับยืนนิ่งไม่กล้าขยับตัวทำให้คิมหรัตน์ได้ใจ ชายหนุ่มแกล้งก้มหน้าลงแนบใบหูเจ้าหล่อน เขาได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆ กลิ่นหอมของดอกไม้นุ่มละมุนส่งมากระทบปลายจมูกมันเป็นกลิ่นที่หอมยั่วยวนโสต ประสาทคนหนุ่มอย่างคิมหรัตน์เหลือเกิน ตอนแรกเขาเข้าใจว่าหญิงสาวคงจะเป็นคนรับใช้ใหม่แต่ดูจากผิวพรรณที่สะอาด ผุดผ่อง ขาวเนียนใส และรูปร่างหน้าตาที่ผิดแปลกจากคนรับใช้ ชายหนุ่มก็นึกเอะใจขึ้นมาได้ว่าแคททรียาไปดูกิจการที่ประเทศญี่ปุ่นไม่อยู่ บ้านหลายวันและที่สำคัญพี่สาวคนสวยได้ย้ำกำชับกับเขาไว้ว่าให้ชายหนุ่มช่วย ดูแลเด็กในอุปการะที่ชื่อชื่นชีวา ก่อนที่แคททรียาจะบินไปดูกิจการ มือหนายกขึ้นแตะหน้าผากของตัวเองเพราะมัวแต่สะสางงานจนลืมไปว่าต้องไปรับเธอ แต่นึกได้ตอนนี้มันก็คงสายไปแล้วเมื่อเจ้าหล่อนได้มายืนอวดรูปร่างอยู่ใน ห้องเขาเป็นที่เรียบร้อย
กลิ่น หอมจากกายสาวส่งมากระทบกับปลายจมูกโด่งทำให้ชายหนุ่มต้องรีบเบี่ยงตัวออก ห่างเจ้าหล่อนอย่างเสียดาย เพราะไม่อย่างนั้นเขาอาจจะทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ชายหนุ่มยังจำกลิ่นหอมกลิ่นนี้ได้ดีเพราะตอนที่เขากลับมาเที่ยวเมืองไทย เมื่อหลายปีก่อน ชายหนุ่มเกิดไปสะดุดชนเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนเจ้า หล่อนยังอยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลายอยู่เลย เขารู้สึกชอบพอและถูกใจกับรูปร่างระหงใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตากลมโตรับกับคิ้วเรียวสวยดำเข้ม และที่สะดุดตาจนเขาจำได้ฝังใจคือรักยิ้มบนแก้มเนียนทั้งสองข้าง แต่ด้วยความรีบเร่งกลัวว่าเพื่อนจะรอนานเลยไม่ได้เข้าไปทักทายถามไถ่ชื่อ เสียงเรียงนาม จนมาถึงตอนนี้กลิ่นกายนี้โตเป็นสาวเต็มตัว และก็สวยขึ้นเป็นกองจนชายหนุ่มอย่างเขาอดใจแทบไม่ไหว
“เอ่อ คือ...คือว่า ป้านวลให้ชีวายกอาหารมาให้คุณคิมค่ะ” ชื่นชีวารีบเอ่ยตอบรับด้วยน้ำเสียงอึกอัก หญิงสาวตกใจเล็กน้อยไม่คิดว่าชายหนุ่มจะอยู่ในห้องและคาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะมายืนอยู่ข้างหลังเธอด้วย สภาพที่เพิ่งจะออกจากห้องน้ำ ทำให้หญิงสาวแอบหน้าเขินอายกับการได้ชมเรือนร่างของชายหนุ่มแบบเต็มตา แผงอกแกร่ง กล้ามเนื้อเป็นลอน ไรน้ำเกาะอยู่ประปรายเต็มผิวหนัง
“เธอคงเป็นเด็กในอุปการะของพี่แคทสินะ” คิมหรัตน์ถามด้วยน้ำเสียงดุเข้ม
“ใช่ค่ะ” ชื่นชีวารีบตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว ตอนนี้เธอนึกกลัวคิมหรัตน์ขึ้นมาเสียแล้ว เพราะรังสีบางอย่างที่แผ่ออกมา สายตาที่ส่องประกายดุดันคอยสำรวจเธออยู่ตลอด จนขนแขนของเธอเริ่มลุกชัน
“ชื่ออะไรล่ะ...เรา” คิมหรัตน์เอ่ยถามพลางหมุนตัวเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า เขารู้อยู่เต็มอกว่าเจ้าหล่อนชื่ออะไรแต่อยากจะแกล้ง ถามให้เจ้าตัวตอบ เพราะเสียงที่ชื่นชีวาเอ่ยออกมาตอนนี้ฟังแล้วมันช่างตลกเหลือเกิน เสียงที่เบาหวิว เหมือนอะไรมาติดอยู่ที่ลำคอทำให้ชายหนุ่มอยากแกล้งเจ้าหล่อนขึ้นมา
“ชื่นชีวา ค่ะ” หญิงสาวตอบรับด้วยน้ำเสียงเบาเช่นเดิม และเมื่อสายตาคู่สวยสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มกำลังหันหลังให้เธออยู่ เท้าคู่สวยก็รีบย่างกลายวิ่งออกจากห้องทันทีโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ทิ้งให้คนที่ยืนถามคำถามอยู่หันมามองด้วยความสงสัยปนขัดใจกับการเงียบ
“แล้ว ใครเป็นคนไปรับที่สนามบิน” คำถามที่เอ่ยถามเพราะเขาเองก็ลืมไปว่าต้องไปรับตามคำส่งของพี่สาว แต่แล้วคำถามที่เอ่ยไปกลับไม่มีคำตอบกลับมา มีเพียงแต่ความเงียบงัน
“..........” ร่างใหญ่หันมามองเมื่อไม่มีคำตอบหลุดออกมาจากปากของร่างบาง และผลที่ปรากฎตรงหน้าคือไร้ซึ่งเงาของหญิงสาว เธอวิ่งหายออกไปจากห้องแล้ว ทิ้งไว้เพียงกลิ่นกายที่หอมละมุนติดตรึงใจ
“อ้าวหายไปไหนแล้ว แสบจริงๆ อย่าให้เจอนะพ่อจะตีให้ก้นลายเลยคอยดู” คิมหรัตน์หงุดหงิดใจขึ้นมาเมื่อคำถามที่เขาเอ่ยถามไปกลับไม่มีคำตอบจากปากของหญิงสาว และทันทีที่หันมามองร่างบางก็กลับเจอแต่ความว่างเปล่า ชายหนุ่มรู้สึกพึงพอใจในตัวของชื่นชีวาเป็นอย่างมาก กลิ่นกายหอมติดตรึงเหมือนกลิ่นดอกไม้ที่แรกแย้มยิ่งสูดดมยิ่งสดชื่นเสน่ห์บางอย่างชวนให้เคลิ้มฝันหลงใหล จนเรียกความต้องการภายในร่างกายให้ร้อนผ่าวขึ้นมาในนาทีนั้นเลยก็ว่าได้ เขาไม่เคยรู้สึกถูกตาถูกใจอะไรมากถึงขนาดนี้มาก่อน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เริ่มยิ้มขึ้นที่มุมปากกับความคิดของตัวเอง
***************************************
ทันที ที่เห็นร่างสวยเดินเข้ามาภายในครัว มืออวบที่กำลังเด็ดยอดตำลึงเพื่อจะเตรียมไว้ทำอาหารในมื้อเย็นต้องชะงักมอง หน้าของหญิงสาวที่เดินหน้ามุ่ยกลับมา ป้านวลรู้ดีว่าคิมหรัตน์และชื่นชีวายังไม่เคยได้เจอกันยังไม่ได้พูดคุยกัน ถึงขั้นที่สนิทสนมมันก็คงจะเร็วเกินไป หญิงชราได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของคุณหนูสุดที่รักออกอาการไม่สบอารมณ์ ที่นำอาหารขึ้นไปส่งอาหารให้แก่คนหนุ่มที่อารมณ์ค่อยข้างแปรปรวน และเอาแต่ใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
“เป็นยังไงบ้างค่ะคุณหนู ได้เจอคุณคิมแล้วสิค่ะ”
“ค่ะเจอแล้ว ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้วางมาดชะมัด ทำอย่างกับตัวเองหล่อมากอย่างนั้นแหละ”
“คุณหนูกับคุณคิมไม่เคยได้เจอกันเลยใช่หรือเปล่าค่ะ ป้าจำได้ว่าตอนคุณหนูเข้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ คุณคิมก็ไปเรียนที่ต่างประเทศแล้ว”
“ใช่ค่ะป้า นี่คงเป็นครั้งแรกและก็ครั้งสุดท้ายที่หนูจะเจอกับคุณหนูสุดที่รักของป้า” เสียงหวานเอ่ยรับ หญิงสาวได้แต่ครุ่นคิดถึงนั่งหน้าตาของชายหนุ่มที่ออกท่าทางวางอำนาจ คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดขึ้นเล็กน้อยเมื่อเผลอนึกถึงชื่อของคิมหรัตน์ “คนอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัด แถมยังขี้เก๊กอีก” หน้าสวยบิดเบี้ยวไปตามความคิดเมื่อนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่ม
“อะไรนะค่ะคุณหนู ทำไมพูดอย่างนั้นค่ะ ไม่เอาค่ะไม่พูดนะค่ะ มันไม่ดี”
“ชีวาขอโทษค่ะป้า ชีวาไม่ได้ตั้งใจ แค่นึกหมั่นไส้คุณหนูของป้าก็แค่นั้นเอง ชอบเบ่งบารมีนัก ทำอย่างกับตัวเองหล่อเหมือนดาราหนังอย่างนั้นแหละ”
“แล้วหล่อหรือเปล่าล่ะค่ะ” คำถามของป้านวลเรียกความเขินอายของชื่นชีวาได้ไม่น้อยเพราะเจ้าหล่อนเผลอนึกไปถึงแผงอกกว้าง กล้ามเนื้อแกร่ง รูปร่างที่หล่อล่ำ โครงหน้าที่คมเข้มตาสีฟ้าที่จ้องมองมา จนเผลอลืมตัวเอ่ยชมชายหนุ่มออกไป
“ก็หล่อค่ะ” คำชมที่ดูเหมือนจะแสดงถึงความหล่อเหลาแต่ใบหน้าของคนพูดกลับไม่ได้แสดงที่หน้าชื่นชมเหมือนกับคำพูดของตัวเอง แต่กลับงองุ้มขึ้นกว่าเก่าเพราะขัดใจกับนิสัยที่ไม่ได้เข้ากับรูปร่างหน้าตาเลยแม่แต่นิดเดียว
“แต่ไม่ได้หล่อถึงขั้นจะเป็นพระเอกละครหรอกค่ะป้า แถมอวดเก่งอีกต่างหากนึกว่าตัวเองเป็นใคร” ครู่ใหญ่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอปากเอ่ยชมชายหนุ่มเลยต้องแย้งขึ้น มือบางยกขึ้นปัดป่ายเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียเปรียบกับคำพูดของตัวเอง
“เฮ้อ...คุณ หนูอย่าไปว่าคุณคิมแบบนั้นสิค่ะ” ร่างสวยยังคงแสดงสีหน้าบึงตึงไม่เห็นด้วยกับคำพูดของตัวเองที่หลุดปากชมความ หล่อของชายหนุ่มออกไป ไอร้อนของแสงแดดยามบ่ายส่งผลให้พวงแก้มใสซับสีระเรื่อ เหงื่อเม็ดโตผุดพรายตามไรผม เสียงถอนหายใจที่ดังในลำคอบ่งบอกได้ถึงความหงุดหงิดเรียกรอยยิ้มเอ็นดูให้ ปรากฏบนใบหน้าของป้นวลที่คอยชำเลืองสังเกตอาการของคุณหนูคนสวย
ช่วยกันเม้นๆ เป็นกำลังใจให้กับไรท์เตอร์ด้วยนะค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นเจ้า่ค่ะ...
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีทีท่าว่าใครจะมาเปิดประตูดีที่ประตูไม่ได้ล็อก ร่างบางเลยออกแรงใช้ความพยายามหมุนลูกบิดประตูด้วยความยากลำบาก ไหนจะหนักกับถาดอาหารที่กำลังถืออยู่ในมือแล้วจะต้องเปิดประตูห้องนอนอีก หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องด้วยสายตาที่ระแวดระวัง สายตาคู่สวยกวาดมองจนทั่วแต่ก็ไม่เห็นใครอยู่ในห้องแม้แต่คนเดียงเธอรีบวางอาหารไว้บนโต๊ะ พลางหรี่ตามองไปรอบๆ ห้องของชายหนุ่มเธอจำภาพแขวนบนพนังห้องได้ มันยังเป็นภาพเดิมสมัยตอนที่ห้องนี้ยังเป็นของแคททรียาอยู่ ถึงแม้สีห้องจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่เฟอร์นิเจอร์และภาพที่แขวนอยู่บนพนังยังเป็นของชิ้นเดิม รอยยิ้มหวานผุดขึ้นเต็มดวงหน้าเมื่อนึกถึงเรื่องในอดีต
คิมหรัตน์ออกจากห้องน้ำด้วยความสดชื่น ชายหนุ่มเพ่งสายตามองหญิงสาวที่ยืนหันหลังให้ สายตาคมมองพินิจอยู่ชั่วครู่ เจ้าหล่อนยืนมองสำรวจห้องเขาอยู่อย่างไม่เกรงใจ จนชายหนุ่มต้องรีบเดินเข้าไปใกล้ ซึ่งก็ส่งผลให้หญิงสาวตกใจกับเสียงฝีเท้าของชายหนุ่มที่เดินมาประชิดตัว ชื่นชีวาหันกลับไปมองที่มาของเสียงแล้วต้องตกใจเมื่อหน้าของเจ้าหล่อนปะทะ เข้ากับแผงอกแกร่ง เปลือยเปล่าที่ตอนนี้เปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำ ทำให้หญิงสาวถึงกับยืนนิ่งไม่กล้าขยับตัวทำให้คิมหรัตน์ได้ใจ ชายหนุ่มแกล้งก้มหน้าลงแนบใบหูเจ้าหล่อน เขาได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆ กลิ่นหอมของดอกไม้นุ่มละมุนส่งมากระทบปลายจมูกมันเป็นกลิ่นที่หอมยั่วยวนโสต ประสาทคนหนุ่มอย่างคิมหรัตน์เหลือเกิน ตอนแรกเขาเข้าใจว่าหญิงสาวคงจะเป็นคนรับใช้ใหม่แต่ดูจากผิวพรรณที่สะอาด ผุดผ่อง ขาวเนียนใส และรูปร่างหน้าตาที่ผิดแปลกจากคนรับใช้ ชายหนุ่มก็นึกเอะใจขึ้นมาได้ว่าแคททรียาไปดูกิจการที่ประเทศญี่ปุ่นไม่อยู่ บ้านหลายวันและที่สำคัญพี่สาวคนสวยได้ย้ำกำชับกับเขาไว้ว่าให้ชายหนุ่มช่วย ดูแลเด็กในอุปการะที่ชื่อชื่นชีวา ก่อนที่แคททรียาจะบินไปดูกิจการ มือหนายกขึ้นแตะหน้าผากของตัวเองเพราะมัวแต่สะสางงานจนลืมไปว่าต้องไปรับเธอ แต่นึกได้ตอนนี้มันก็คงสายไปแล้วเมื่อเจ้าหล่อนได้มายืนอวดรูปร่างอยู่ใน ห้องเขาเป็นที่เรียบร้อย
กลิ่น หอมจากกายสาวส่งมากระทบกับปลายจมูกโด่งทำให้ชายหนุ่มต้องรีบเบี่ยงตัวออก ห่างเจ้าหล่อนอย่างเสียดาย เพราะไม่อย่างนั้นเขาอาจจะทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ชายหนุ่มยังจำกลิ่นหอมกลิ่นนี้ได้ดีเพราะตอนที่เขากลับมาเที่ยวเมืองไทย เมื่อหลายปีก่อน ชายหนุ่มเกิดไปสะดุดชนเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนเจ้า หล่อนยังอยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลายอยู่เลย เขารู้สึกชอบพอและถูกใจกับรูปร่างระหงใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตากลมโตรับกับคิ้วเรียวสวยดำเข้ม และที่สะดุดตาจนเขาจำได้ฝังใจคือรักยิ้มบนแก้มเนียนทั้งสองข้าง แต่ด้วยความรีบเร่งกลัวว่าเพื่อนจะรอนานเลยไม่ได้เข้าไปทักทายถามไถ่ชื่อ เสียงเรียงนาม จนมาถึงตอนนี้กลิ่นกายนี้โตเป็นสาวเต็มตัว และก็สวยขึ้นเป็นกองจนชายหนุ่มอย่างเขาอดใจแทบไม่ไหว
“เอ่อ คือ...คือว่า ป้านวลให้ชีวายกอาหารมาให้คุณคิมค่ะ” ชื่นชีวารีบเอ่ยตอบรับด้วยน้ำเสียงอึกอัก หญิงสาวตกใจเล็กน้อยไม่คิดว่าชายหนุ่มจะอยู่ในห้องและคาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะมายืนอยู่ข้างหลังเธอด้วย สภาพที่เพิ่งจะออกจากห้องน้ำ ทำให้หญิงสาวแอบหน้าเขินอายกับการได้ชมเรือนร่างของชายหนุ่มแบบเต็มตา แผงอกแกร่ง กล้ามเนื้อเป็นลอน ไรน้ำเกาะอยู่ประปรายเต็มผิวหนัง
“เธอคงเป็นเด็กในอุปการะของพี่แคทสินะ” คิมหรัตน์ถามด้วยน้ำเสียงดุเข้ม
“ใช่ค่ะ” ชื่นชีวารีบตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว ตอนนี้เธอนึกกลัวคิมหรัตน์ขึ้นมาเสียแล้ว เพราะรังสีบางอย่างที่แผ่ออกมา สายตาที่ส่องประกายดุดันคอยสำรวจเธออยู่ตลอด จนขนแขนของเธอเริ่มลุกชัน
“ชื่ออะไรล่ะ...เรา” คิมหรัตน์เอ่ยถามพลางหมุนตัวเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า เขารู้อยู่เต็มอกว่าเจ้าหล่อนชื่ออะไรแต่อยากจะแกล้ง ถามให้เจ้าตัวตอบ เพราะเสียงที่ชื่นชีวาเอ่ยออกมาตอนนี้ฟังแล้วมันช่างตลกเหลือเกิน เสียงที่เบาหวิว เหมือนอะไรมาติดอยู่ที่ลำคอทำให้ชายหนุ่มอยากแกล้งเจ้าหล่อนขึ้นมา
“ชื่นชีวา ค่ะ” หญิงสาวตอบรับด้วยน้ำเสียงเบาเช่นเดิม และเมื่อสายตาคู่สวยสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มกำลังหันหลังให้เธออยู่ เท้าคู่สวยก็รีบย่างกลายวิ่งออกจากห้องทันทีโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ทิ้งให้คนที่ยืนถามคำถามอยู่หันมามองด้วยความสงสัยปนขัดใจกับการเงียบ
“แล้ว ใครเป็นคนไปรับที่สนามบิน” คำถามที่เอ่ยถามเพราะเขาเองก็ลืมไปว่าต้องไปรับตามคำส่งของพี่สาว แต่แล้วคำถามที่เอ่ยไปกลับไม่มีคำตอบกลับมา มีเพียงแต่ความเงียบงัน
“..........” ร่างใหญ่หันมามองเมื่อไม่มีคำตอบหลุดออกมาจากปากของร่างบาง และผลที่ปรากฎตรงหน้าคือไร้ซึ่งเงาของหญิงสาว เธอวิ่งหายออกไปจากห้องแล้ว ทิ้งไว้เพียงกลิ่นกายที่หอมละมุนติดตรึงใจ
“อ้าวหายไปไหนแล้ว แสบจริงๆ อย่าให้เจอนะพ่อจะตีให้ก้นลายเลยคอยดู” คิมหรัตน์หงุดหงิดใจขึ้นมาเมื่อคำถามที่เขาเอ่ยถามไปกลับไม่มีคำตอบจากปากของหญิงสาว และทันทีที่หันมามองร่างบางก็กลับเจอแต่ความว่างเปล่า ชายหนุ่มรู้สึกพึงพอใจในตัวของชื่นชีวาเป็นอย่างมาก กลิ่นกายหอมติดตรึงเหมือนกลิ่นดอกไม้ที่แรกแย้มยิ่งสูดดมยิ่งสดชื่นเสน่ห์บางอย่างชวนให้เคลิ้มฝันหลงใหล จนเรียกความต้องการภายในร่างกายให้ร้อนผ่าวขึ้นมาในนาทีนั้นเลยก็ว่าได้ เขาไม่เคยรู้สึกถูกตาถูกใจอะไรมากถึงขนาดนี้มาก่อน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เริ่มยิ้มขึ้นที่มุมปากกับความคิดของตัวเอง
***************************************
ทันที ที่เห็นร่างสวยเดินเข้ามาภายในครัว มืออวบที่กำลังเด็ดยอดตำลึงเพื่อจะเตรียมไว้ทำอาหารในมื้อเย็นต้องชะงักมอง หน้าของหญิงสาวที่เดินหน้ามุ่ยกลับมา ป้านวลรู้ดีว่าคิมหรัตน์และชื่นชีวายังไม่เคยได้เจอกันยังไม่ได้พูดคุยกัน ถึงขั้นที่สนิทสนมมันก็คงจะเร็วเกินไป หญิงชราได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของคุณหนูสุดที่รักออกอาการไม่สบอารมณ์ ที่นำอาหารขึ้นไปส่งอาหารให้แก่คนหนุ่มที่อารมณ์ค่อยข้างแปรปรวน และเอาแต่ใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
“เป็นยังไงบ้างค่ะคุณหนู ได้เจอคุณคิมแล้วสิค่ะ”
“ค่ะเจอแล้ว ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้วางมาดชะมัด ทำอย่างกับตัวเองหล่อมากอย่างนั้นแหละ”
“คุณหนูกับคุณคิมไม่เคยได้เจอกันเลยใช่หรือเปล่าค่ะ ป้าจำได้ว่าตอนคุณหนูเข้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ คุณคิมก็ไปเรียนที่ต่างประเทศแล้ว”
“ใช่ค่ะป้า นี่คงเป็นครั้งแรกและก็ครั้งสุดท้ายที่หนูจะเจอกับคุณหนูสุดที่รักของป้า” เสียงหวานเอ่ยรับ หญิงสาวได้แต่ครุ่นคิดถึงนั่งหน้าตาของชายหนุ่มที่ออกท่าทางวางอำนาจ คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดขึ้นเล็กน้อยเมื่อเผลอนึกถึงชื่อของคิมหรัตน์ “คนอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัด แถมยังขี้เก๊กอีก” หน้าสวยบิดเบี้ยวไปตามความคิดเมื่อนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่ม
“อะไรนะค่ะคุณหนู ทำไมพูดอย่างนั้นค่ะ ไม่เอาค่ะไม่พูดนะค่ะ มันไม่ดี”
“ชีวาขอโทษค่ะป้า ชีวาไม่ได้ตั้งใจ แค่นึกหมั่นไส้คุณหนูของป้าก็แค่นั้นเอง ชอบเบ่งบารมีนัก ทำอย่างกับตัวเองหล่อเหมือนดาราหนังอย่างนั้นแหละ”
“แล้วหล่อหรือเปล่าล่ะค่ะ” คำถามของป้านวลเรียกความเขินอายของชื่นชีวาได้ไม่น้อยเพราะเจ้าหล่อนเผลอนึกไปถึงแผงอกกว้าง กล้ามเนื้อแกร่ง รูปร่างที่หล่อล่ำ โครงหน้าที่คมเข้มตาสีฟ้าที่จ้องมองมา จนเผลอลืมตัวเอ่ยชมชายหนุ่มออกไป
“ก็หล่อค่ะ” คำชมที่ดูเหมือนจะแสดงถึงความหล่อเหลาแต่ใบหน้าของคนพูดกลับไม่ได้แสดงที่หน้าชื่นชมเหมือนกับคำพูดของตัวเอง แต่กลับงองุ้มขึ้นกว่าเก่าเพราะขัดใจกับนิสัยที่ไม่ได้เข้ากับรูปร่างหน้าตาเลยแม่แต่นิดเดียว
“แต่ไม่ได้หล่อถึงขั้นจะเป็นพระเอกละครหรอกค่ะป้า แถมอวดเก่งอีกต่างหากนึกว่าตัวเองเป็นใคร” ครู่ใหญ่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอปากเอ่ยชมชายหนุ่มเลยต้องแย้งขึ้น มือบางยกขึ้นปัดป่ายเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียเปรียบกับคำพูดของตัวเอง
“เฮ้อ...คุณ หนูอย่าไปว่าคุณคิมแบบนั้นสิค่ะ” ร่างสวยยังคงแสดงสีหน้าบึงตึงไม่เห็นด้วยกับคำพูดของตัวเองที่หลุดปากชมความ หล่อของชายหนุ่มออกไป ไอร้อนของแสงแดดยามบ่ายส่งผลให้พวงแก้มใสซับสีระเรื่อ เหงื่อเม็ดโตผุดพรายตามไรผม เสียงถอนหายใจที่ดังในลำคอบ่งบอกได้ถึงความหงุดหงิดเรียกรอยยิ้มเอ็นดูให้ ปรากฏบนใบหน้าของป้นวลที่คอยชำเลืองสังเกตอาการของคุณหนูคนสวย
ช่วยกันเม้นๆ เป็นกำลังใจให้กับไรท์เตอร์ด้วยนะค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นเจ้า่ค่ะ...
ชมพูทิวา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ค. 2554, 08:20:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ค. 2554, 14:22:39 น.
จำนวนการเข้าชม : 1636
<< โชคชะตาที่พัดพาให้มาเจอ 1.1 | น้ำตาลใกล้มด 1.1 >> |
saralun 12 ก.ค. 2554, 16:39:39 น.
แล้วมาต่อตอนต่อไปไว ๆ นะคะ
แล้วมาต่อตอนต่อไปไว ๆ นะคะ