เงามาร (กำลังรีไรท์ค่ะ)
'วาลาดา' ตื่นขึ้นมาพร้อมกับการรับรู้ว่าตัวเองมีสามีมีลูกแล้ว
ที่สำคัญ สามีของเธอคือเพื่อนในวัยเยาว์ที่ห่างเหินกันไป
หลายปีแล้ว เธอไม่ได้มีใจให้เขา เขาเองก็เกลียดเธอ

เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือสามีของเพื่อนรักของเธอ


คำว่า "แย่งสามีเพื่อน"
กู่ก้องอยู่ในหัวและทำให้หัวใจของหญิงสาวแหลกสลาย...

เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปมีอะไรกับเขาตอนไหนจนมีลูก
กับเขาได้...แต่ลูกที่มีหน้าตาผสมผสานระหว่างเธอกับเขา
อย่างลงตัวทำให้เธอดื้นไม่หลุดกับหลักฐานการกระทำ
ของตัวเอง...

ความจริงดังกล่าว...ส่งให้ดาวดวงใหม่ที่ควรจรัสแสงแรงกล้า
อยู่บนฟากฟ้ากลับถูกกระชากลงมาให้แปดเปื้อนกลิ่นคาวคละคลุ้ง
ด้วยน้ำมือของใครบางคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเงาดำนั้น
หญิงสาวก็สุดจะคาดเดาได้...

หญิงสาวที่ควรมีความสุขไปบนหนทางอันดีงาม เส้นทางของดาว
กลับถูกดึงรั้งเข้ามาสู่เส้นทางของมาร...เมื่อถูกความมืดมน
ดุจเมฆดำเข้าครอบงำฝังจิตใจ...เปลี่ยนผู้หญิงที่เคยแสนดี
กลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจ...นั่นคือเธอที่กำลังถูกใครๆ
กล่าวขานอย่างไม่มีจบสิ้น...


ทางเดียวที่จะรอดพ้นไปได้ นั่นก็คือ เธอต้องต่อสู้กับมันให้ชนะ ต่อสู้กับเงามารที่คอยตามรังควานชีวิตเธอทั้งชีวิตให้ย่อยยับ

โดยไม่รู้เลยสักนิดว่า...เงามารที่เธอเห็นนั้นมีใครซ่อนอยู่
หลังเงานั่น...รอ...รอวัน...เพื่ออะไรบางอย่าง...

รอคอยและเฝ้าดูอยู่ข้างหลังอย่างอดทน...
ชักใยซึ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างพิถึพิถัน...และล้ำลึก...
วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบและรัดกุม

ช่างเป็นการรอคอยอันแสนยาวนาน รอให้เธอมีความสุขที่สุด
ประสบความสำเร็จที่สุด พอได้จังหวะเหมาะจึงเข้าโจมตี...
จนวาลาดาคาดไม่ถึงว่าจะมีใครอดทนรอคอยเพื่อจองเวรเธอ
ได้นานถึงเพียงนี้...ช่างเป็นการทุ่มเทที่น่ากลัวเหลือเกิน...

เธอรู้...รู้ว่าสิ่งที่สำคัญ...คือเธอจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือ
หลังจากโดนโจมตีจนย่อยยับอับปางนี้ต่อไปอย่างไร...
นั่นคือ...สิ่งที่เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่...

และอีกอย่างที่เธอจะต้องทำคือ...หาคนที่ซ่อนอยู่หลังเงานั้น
ให้เจอ! และถามให้รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร


และ...

หวังเพียงว่า...เธอจะไม่ถูกมันครอบงำได้อีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...เธอจะได้พบกับแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...ผู้ที่เธอได้ทำร้ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวจะให้อภัย
หวังเพียงว่า...เขาจะเข้าใจ เชื่อใจ อภัย และรักเธอ
หวังเพียงว่า...ยอดดวงใจซึ่งคือลูกน้อยจะปลอดภัย ไร้มลทิน






...ขอเพียงได้อยู่ดูแลคุ้มภายคุ้มใจคนที่รักตลอดไป...


...ขอเพียงคนที่เธอรักปลอดภัย เข้าใจ ให้อภัย
และรักเธอเท่านั้น....



Tags: ดราม่า ซุลก๊อตไนท์ วาลาดา นาดีม มาร มารร้าย ไสยศาสตร์ ญิน นุฮา อะสุเซน่า วารินทร์ อานิต้า

ตอน: บทที่ 37 ของขวัญวันแต่งงาน



นาดีมถูกหามตัวส่งโรงพยาบาลทันทีพร้อมกับได้รับการช่วยเหลือจากทีมแพทย์
อยู่นานหลายชั่วโมง จนท้ายที่สุด…เธอต้องสูญเสียลูกชาย
ซึ่งผุู้เป็นแม่มีอายุครรภ์ได้เพียงหกเดือนเศษๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

ส่วนนาดีมนั้นยังอยู่ในขั้นโคม่า ทางทีมแพทย์จึงยังให้อยู่ในห้องพัก
ไอ.ซี.ยู (Intensive Care Unit) อย่างเฝ้าระวังอาการและภาวะแทรกซ้อน
และยังต้องรอดูว่าเธอจะสามารถผ่านพ้นขึดอันตรายไปได้หรือไม่…

ซึ่งเมื่อคนดังที่กำลังตกอยู่ในกระแสข่าวอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายเดือน
มีเหตุให้เข้าโรงพยาบาล กองทัพนักข่าวจึงเฝ้ารอสัมภาษณ์…
ทำให้คุณหญิงวรลักษณ์ที่เพิ่งถูกทางทีมแพทย์ซักถามเกี่ยวกับสาเหตุที่คนป่วย
โดนทำร้ายร่างกาย เพราะแผลที่ปรากฏบนบริเวณใบหน้านั้นไม่สามารถวินิจฉัย
เป็นอย่างอื่นได้ เว้นแต่การถูกทำร้าย จึงเล่าเหตุการณ์กับทางทีมแพทย์
เหมือนกับท่ีกำลังให้สัมภาษณ์กับนักข่าวด้วยสีหน้าเจ็บแค้น

“มีผู้ไม่หวังดีบุกเข้ามาทำร้ายลูกสาวของดิฉันค่ะ…กว่าดิฉันจะไปถึง
ก็เห็นลูกสาวนอนฟุบอยู่บนพื้นตรงบันไดแล้ว…” คำสัมภาษณ์ดังกล่าว
ส่งผลให้บรรดานักข่าวถึงกับส่งเสียงฮือฮา

“ดิฉันก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะคะว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องราวเลวร้าย
ที่ดิฉันและครอบครัวประสบอยู่…แต่นาดีมกำลังจะมีทายาทซึ่งเป็นผู้ชาย
และกำลังอยู่ในขั้นดำเนินคดีเพื่อเสาะหาข้อเท็จจริงและคนร้ายตัวจริง

แต่แล้วก็ต้องมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ดิฉันไม่รู้จะพูดอย่างไรดี…
จะว่าเจ็บแค้นก็แสนจะแค้น…การเห็นลูกของตัวเองนอนอยู่ในไอซียู
กับการสูญเสียหลานชายที่อีกไม่กี่เดือนเท่านั้นเขาก็จะออกมาดูโลกใบนี้
หัวอกคนเป็นแม่ที่ไหนก็ต้องเจ็บช้ำค่ะ…และดิฉันจะเอาเรื่องคนทำให้ถึงที่สุด…

วอนขอให้คนผู้นั้น…ออกมาสู้กันในที่แจ้ง อย่าหลบเร้นอยู่แต่ในเงา
เหมือนคนขี้ขลาดตาขาวแบบนี้…เหมือนพวกหมาลอบกัด”

เสียงที่ให้สัมภาษณ์ดูดุเด็ดเผ็ดมันจนนักข่าวถึงกับซูมภาพใบหน้า
ของคุณหญิงวรลักษณ์ให้ชัดเจนขึ้น

“และงานนี้มีฟ้องแน่ๆค่ะ…” ทั้งหมดนั้นคือบทสัมภาษณ์สดตรงจากโรงพยาบาล
ท่ีเริ่มจะมีการกล่าวขานเกี่ยวกับนัยยะซ่อนเร้นในถ้อยคำดังกล่าว

ทั้งๆที่มันช่างห่างไกลกันเหลือเกินกับความจริงที่เกิดขึ้น…
ซึ่งมีเพียงเจ้าของบทสัมภาษณ์กับคนป่วยท่ีนอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูเท่านั้น
ที่สามารถพูดความจริงได้…หากมีหรือที่จะพูดมันออกมา






ส่วนทางด้านวารินทร์…งานแต่งงานยังคงดำเนินต่อไปแม้จะได้ข่าว
เหตุร้ายเหตุด่วนของนาดีม เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากละหมาดเสร็จเรียบร้อย
บรรดาลูกสมุนก็ออกเดินทางเพื่อไปสู่ขอเจ้าสาว

โดยเดินทางจากบ้านเกิดเจ้าบ่าวซึ่งภูมิลำเนาอยู่จังหวัดเพชรบุรี
สู่บ้านเจ้าสาวที่มีภูมิลำเนาอยู่ตรงใจกลางเมืองกรุง

การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น…การสู่ขอเป็นไปอย่างชื่นมื่น
ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายต่างตกลงกันได้โดยไร้อุปสรรคปัญหาใดๆมาแผ้วพาน…

พิธีนิกะฮฺ (พิธีสมรส) จึงเกิดขึ้นหลังจากนั้น…โดยที่ฝ่ายชายตอบรับคำนิกะฮฺ
ว่าเขายินดีจะรับเจ้าสาวเป็นภรรยาของตนแต่โดยดีไม่มีขัดข้อง…
เว้นแต่เจ้าสาวที่กว่าจะตอบรับเจ้าบ่าวเป็นสามีของตนได้นั้น…ใช้เวลาเกินสามสิบนาที…

ผู้้ทำพิธีจึงจะออกมาจากห้องที่ซ่อนเจ้าสาวเอาไว้จากสายตาของเจ้าบ่าว
โดยเจ้าสาวเดินออกมาในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ปกปิดมิดชิดตลอดทั้งเรือนร่าง
ยกเว้นเฉพาะใบหน้าสวยงามผ่องใส ซ่อนความน่ารักเอาไว้อย่างที่ใครๆได้เห็น
เป็นต้องตาค้างเท่านั้น…

ผ้าคลุมลูกไม้ถูกตัดออกมาได้อย่างประณีตงดงามสมกับเจ้าสาว
ราวกับมันถูกสร้างมาให้คู่กัน ส่งให้นางฟ้าท่ีหน้าตาดีล้ำหน้าเจ้าบ่าวอยู่แล้ว
ยิ่งโดดเด่น สง่างามขึ้นไปอีก…

ซึ่งทุกกระแสเสียงต่างยอมรับว่าเจ้าบ่าวที่เป็นผู้รับหน้าที่ในการจัดการทุกอย่าง
ทั้งหมดรวมทั้งเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมของเจ้าสาวด้วยในระยะเวลา 48 ชั่วโมงนั้น
มีฝีมือฉกาจหาใครต่อกรได้ยากยิ่งในยุทธภพนี้…

แม้กระทั่งตัวเองก็ยังดูดีกว่าทุกวันในชีวิตที่ผ่านมา
หน้าตาโหดร้ายอย่างตัวร้ายในทีวีเปลี่ยนเป็นสุภาพบุรุษลูกผู้ชาย
ในชุดขาวอย่างเจ้าชายอาหรับที่มารอรับเจ้าหญิงขึ้นแท่นบัลลังก์…

อานิต้ากุมมือมารดาที่จูงมือเธอมาส่งให้กับเจ้าบ่าวเมื่อพิธีสิ้นสุดลง
โดยที่เจ้าสาวกับเจ้าบ่าวกลายเป็นคู่สามีภรรยากันอย่างถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักศาสนา
ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วแน่นราวกับจะขอกำลังใจ มือมารดาบีบตอบ อย่างเข้าอกเข้าใจ

เพราะตลอดเวลาที่เลี้ยงดูลูกสาวมานั้น…แม้จะมีชายหลายคนหมายปอง
หากลูกสาวของนางก็มิเคยคบหากับใคร พอจะแต่งงานก็แต่งแบบสายฟ้าแลบ…
ไม่มีเวลาให้ได้ตั้งตัวแบบนี้ ย่อมต้องประหม่าเป็นธรรมดา…

วารินทร์จ้องใบหน้าเจ้าสาวของตนไม่วางตา
เพราะตอนนี้เขาสามารถจ้องและสำรวจเธอได้อย่างเต็มที่
มีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะมองเธอด้วยสายตาเช่นไรก็ได้

หากมิวายมีเสียงกระแอมไอดังมาจากพ่อตาและแม่ยายจนได้

“น้อยๆหน่อยเจ้ารินทร์ จ้องน้องอย่างนี้ไม่มีเกรงอกเกรงใจพ่อแม่เขาเลยนะ…”

เสียงนั้นดังมาจากมารดาของเขาเอง…ก่อนจะตามติดด้วยเสียงหัวเราะเฮฮา
จากบรรดาแขกเหรื่อซึ่งเป็นญาติสนิทมิตรสหายที่มาร่วมในพิธี…

ซึ่งคนมองก็หาได้สะดุ้งสะเทือนรึก็หาไม่…

“ถูกอกถูกใจก็ต้องจ้องนานเป็นธรรมดานะครับแม่…ก็ในเมื่อเจ้าสาวของผม
สวยอย่างกับนางฟ้า…”

คำตอบจากเจ้าบ่าวทำเอาเสียงฮือฮาดังตามมาอีกระลอก
ส่งผลให้เจ้าสาวถึงกับก้มหน้างุดซ่อนความอาย ทำให้ผิวแก้มที่ถูกกลบด้วยเครื่องสำอางค์
ถึงกับแดงฝ่าด่านแป้งรองพื้นออกมาปรากฏแก่สายตาของเจ้าบ่าวที่นั่งอยู่ข้างๆ

สายตาที่มองเธอราวกับจะกลืนกินนั่น มันทำเอาหัวใจสั่นสะท้านได้ไม่น้อยเลย…
ยิ่งเขาเอามือมาวางลงบนหลังมือของเธอ หัวใจก็ยิ่งเต้นกระหน่ำ…

“ลุกเถอะ…เหน็บไม่กินรึไง…” เขากระซิบบอกเธอท่ีนังพับเพียบเรียบร้อย
บนพื้นพรมข้างๆเขาในห้องทำพิธี ทำเอาแขกเหรื่อที่จ้องมองอยู่ถึงกับแอบยิ้ม
กับภาพที่เหมือนเจ้าบ่าวกำลังก้มลงหอมแก้มเจ้าสาวนั่น…



“จะพาต้าไปไหน…” หญิงสาวร้องประท้วงเมื่อเห็นว่าเขากำลังจูงเธอ
ออกจากห้องทำพิธีโดยไม่พูดไม่บอกอะไรเลย

“อย่าเพิ่งดีใจไป…ฉันยังไม่พาเธอเข้าห้องหอรอรักของเราตอนนี้หรอกน่า…”

อานิต้้าทุบลำแขนของเขาทันทีอย่างเก้อเขิน วารินทร์เลยหันมาขู่เสียงเข้มดุ

“เดี๋ยวมีจูบโชว์นะ…” หญิงสาวหน้าแดงก่ำ หากก็ยอมปล่อยให้เขาพาเธอไปหยุด
อยู่ตรงสวนหลังบ้าน

“ฉันมีของขวัญจะให้เธอ…” อานิต้าเบิกตากว้างทีเดียวเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ใจเต้นระทึก ลุ้นว่าเขาจะให้อะไรเธอเป็นของขวัญ เพราะคนอย่างเขาน่ะ
ทำอะไรที่เกินความคาดหมายของเธอประจำ…

และของขวัญที่เธอเห็นมันก็เกินความคาดหมายอีกแล้ว…
อานิต้ามองจักรยานคู่รักสีชมพูที่เขาเดินหายเข้าไปในพุ่มไม้แล้วปั่นมันออกมารอรับเธอ

“ขึ้นมาสิ…นี่ฉันออกแบบและประกอบเองเลยรู้รึเปล่า…”

อานิต้ามองจักรยานคู่รักที่มีไว้สำหรับปั่นไปด้วยกัน
โดยมีเขานั่งปั่นอยู่ด้านหน้า โดยที่นั่งด้านหลังนั้นกว้างขวาง
คล้ายที่นั่งบนรถม้า มันเป็นจักรยานสามล้อ…โดยสองล้อหลังจะค่อนข้างใหญ่
มีที่วางสำหรับคนนั่งหลังปั่นด้วย หญิงสาวจึงลองขึ้นไปนั่ง เก็บชายกระโปรง
ชุดเจ้าสาวให้เข้าที่เข้าทาง แล้วลองวางเท้าทั้งสองลงบนที่ปั่น

“จับเอวฉันไว้สิ ไม่งั้นช่วยฉันปั่นไม่ได้นะ…” เขาสั่งเธออีกแล้ว
อานิต้าเลยจับชายเสื้อทั้งสองข้างของเขาเอาไว้

“แบบนี้ไม่ได้ ต้องกอดเอวฉัน ไม่งั้นจะปั่นยังไง…มันออกแรงปั่นได้ไม่มั่นคงรู้รึเปล่า”

เขาแนะนำพร้อมกับคว้าข้อมือทั้งสองของที่เธอที่จับชายเสื้อเข้ามารวบเอวเขาเอาไว้
อานิต้ายอมรับเลยว่า รถจักรยานคันนี้มีความพิเศษที่เหมาะสำหรับ
การปั่นคู่รักอย่างแท้จริง…เพราะมันเหมาะสำหรับผู้หญิงที่จะได้นั่งสบายๆ
โดยไม่ต้องนั่งแบบเอาขาคร่อมที่นั่งเพื่อปั่นจักรยาน จะนุ่งกระโปรงหรือกางเกง
ก็มิใช่ปัญหาต่อการปั่นจักรยานคันนี้เลย...แถมที่นั่งของผู้ชายจะอยู่ในระดับ
ที่แขนของเธอเข้าไปสวมกอดได้พอดิบพอดีเพื่อยึดเอวเขาเอาไว้เป็นฐานที่มั่น
ในขณะปั่นจักรยาน ส่วนแฮนด์รถในมือสองข้างของเขาก็จะโน้มมาทางด้านหลัง…
แถมยังเป็นจักรยานที่มีเกียร์พร้อมสรรพ ปั่นสบายทำให้กล้ามเนื้อขาไม่ต้องบีบเกร็ง
จนปวดเมื่อยในภายหลัง…จนอยากจะบอกกับเขาเหลือเกินว่า…

...มันคือสุดยอดของขวัญวันแต่งงานสำหรับเธอเลย…

เพราะอย่างอื่นเธอมีหมดแล้ว...สร้อยแหวนเงินทองแม่เขาก็ขนใส่พานมาให้เธอ
ไม่รู้กี่ชุดต่อกี่ชุด...ผ้าดีๆหลากหลายชิ้นก็พับใส่มาให้เป็นของกำนัลแก่เธออีก...

“เป็นไง…ชอบมั้ย…” เมื่อได้ลองปั่นไปจนใกล้จะถึงหน้าบ้าน
ที่มีแขกเหรื่อกำลังรับประทานอาหารกันอยู่วารินทร์ก็หันมาถามไถ่
ความเห็นของเจ้าสาวของเขาด้วยรอยยิ้มเป่ียมสุข…

เขาชอบความรู้สึกเวลาที่เธอกอดเอวเขาไว้แน่นๆแบบนี้
แล้วเท้าทั้งสองของเขากับของเธอสอดประสานไปด้วยกันในขณะปั่นจักรยานคันนี้…

“ชอบค่ะ…” อานิต้าตอบเสียงค่อยๆ เพราะยังไม่ชินกับการพูดคุย
กับผู้ชายที่เถรตรงและชอบส่งเสียงดัง

“งั้นเกาะแน่นๆอีกนิดนะ เพราะเรากำลังปั่นจนใกล้จะถึงที่หมายแล้ว…”

เมื่อรู้ว่าที่หมายที่เขาว่าคือที่ไหน อานิต้าก็ถึงกับหน้าแดง เธอไม่ชอบโชว์ตัว
แต่เขาเหมือนกำลังจะพาเธอออกไปโชว์ตัวในสภาพเช่นนี้…

“ไม่นะ…”

“ทำไมล่ะ…” วารินทร์หยุดเท้าที่กำลังจะปั่น ก่อนจะวางมือข้างหนึ่ง
ลงบนมือที่กำลังกอดเอวเขาเอาไว้ขณะเอ่ยว่า

“ไม่ต้องอายหรอก…มีฉันอยู่ด้านหน้าของเธอน่ะ ใครสาดอะไรมา
เดี๋ยวฉันรับหน้าให้เอง…เธอนั่งเงียบๆก็พอ…แต่ถ้าอายมากๆฉันอุทิศแผ่นหลังให้ซบเลย…”

และแล้วคนที่บอกว่าจะอยู่ด่านหน้ารับทุกอย่างแทนเธอก็พาเธอปั่นจักรยานไปด้วยกัน
จนถึงที่หมาย เสียงฮือฮาพร้อมเสียงร้องแซวตามมาเป็นระลอก…

และไม่ว่าจะกี่ระลอกวารินทร์รับมุกได้หมดทุกมุุก ไม่มีตกหล่น…
แถมยังสวนกลับให้คนแซวถึงกับหัวเราะเฮฮาด้วยความสัปดี้สัปดลของเจ้าบ่าว

“รีบๆปั่นนะเจ้านาย…เพราะกระผมอยากเห็นเจ้านายน้อยๆแล้ว…
แต่ห้ามปั่นข้ามปีนะเออ…”

เสียงแซวนั้นดังมาจากพ่อยอดนักสืบของวารินทร์ที่โดนใช้งานอย่างหนักมาสองวันเต็มๆ
เลยขอแซวให้หายคันยิกๆในหัวใจ…

“ไม่ต้องห่วง…ฉันวางแปลนไว้แล้ว…รอบนี้จักรยานคู่รักมอบให้เจ้าสาว
รอบหน้าจักรยานครอบครัว…มอบให้ลูกๆ”

เพราะคำว่า ‘ลูกๆ’ที่มีนัยยะซ่อนเร้นว่า ‘คนเดียวไม่พอ’ ของเจ้าบ่าวหมาดๆ
ทำเอาแขกเหรื่อถึงกับชอบอกชอบใจ ส่งเสียงเฮฮาลั่นงาน…
สร้างบรรยากาศครึกครื้นและเป็นกันเองในหมู่ญาติสนิทมิตรสหาย
ไม่เน้นความหรูหราฟู่ฟ่าตามฐานะทางสังคมทั้งจากฝั่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวแต่อย่างใด….

เพราะชาวบ้านจากเพชรบุรีที่ว่างงานมาร่วมงานได้
วารินทร์ออกปากเชิญมากินงานเขาหมด…บอกว่ากินให้เต็มที่ เอาให้อิ่มข้ามปีไปเลย…
ทำให้คนมาร่วมงานสบายอกสบายใจที่เจ้าของงานเปิดบ้านเจ้าสาว
เลี้ยงต้อนรับแขกเหรื่ออย่างเป็นกันเองและบรรดาอาหารล้วนแล้วถูกปาก
แขกเหรื่อกันทั้งนั้น…แถมยังออกปากว่าใครชอบอยากเอากลับบ้าน
ทางงานมีของฝากบรรจุกล่องอย่างดีให้เลือกหากันเรียบร้อย…

ทั้งอาหารคาวและบรรดาขนมหน้าตาแปลกๆที่ทางโรงแรมมีไว้ต้อนรับแขก
ที่มาเข้าพักและใช้บริการของห้องอาหาร…โดยทีมฝั่งผู้ผลิตที่ส่งตรงมาจากโรงแรม
ในเครือมากมายหลายสาขาพร้อมรับออเดอร์ตลอดงานแต่งไม่มีหมดสต๊อก…

นับว่าเป็นงานแต่งที่แขกเหรื่อมาเพื่อชื่นชมความงามของเจ้าสาว
กับเพื่อการกินเป็นนัยยะสำคัญ

เพราะเจ้าสาวสวยเกินหน้าเกินตาเจ้าบ่าวไปหลายพันไมล์
และของกินยังละลานตา ซ้ำของฝากเอากลับบ้านก็มีให้เลือกอีกเพียบ…

ยิ่งกว่างานการกุศลครั้งไหนๆที่วารินทร์เคยจัดขึ้นมาหลายเท่าตัว
สมกับเป็นงานแต่งของนักสังคมสงเคราะห์โดยแท้…

ส่วนของชำร่วยหนีไม่พ้นจักรยานคันน้อยที่ทำเป็นพวงกุญแจแลดูน่ารักน่าหยิก
เพราะงานอดิเรกของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์คือการออกแบบและประกอบจักรยานเล่น…
เลยมีจักรยานในครอบครองมากมาย…

เมื่อรู้ว่าจะมีงานแต่งภายใน 48 ชั่วโมง จึงระดมขุนพลแนวหน้าของตน
พร้อมลูกสมุนอีกเป็นร้อยๆมาช่วยสร้างสรรค์ของชำร่วยในงานแต่งของตน
จนแล้วเสร็จในที่สุด…ซึ่งเงินอย่างเดียวไม่อาจบันดาลได้หมด
ต้องมีบารมีเข้าช่วยงานถึงจะออกมาสมบูรณ์ได้เช่นนี้…



“จักรยานสวยดีนี่…” เสียงนั้นดังมาจากบุคคลที่วารินทร์รอมาทั้งวัน
หากก็ไม่ยอมโผล่มาแสดงความยินดีและอวยพรให้กับเขาสักที

“นึกว่าน้าเล็กจะไม่มาซะแล้วนะเนี่ย…” วารินทร์มองน้าชายในชุดสูทสีขาวสะอาดตา
ดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า…

“ไม่มาได้ไง…หลานชายคนเดียวแต่งงานทั้งที…เอ้า…ของขวัญ”

วารินทร์รับกล่องของขวัญจากน้าชายมาไว้ในมือ…แล้วคลี่ยิ้มออกมา

“ตาแหลมเสมอ…” ไม่วายชมหลานชายขณะหันไปทางเจ้าสาวของงาน
ที่กำลังยืนส่งยิ้มให้กับเพื่อนสาวที่รายล้อมอยู่อีกฟากหนึ่ง

“รักมากมั้ยคนนี้…” วารินทร์ยิ้มกริ่มเมื่อเจอกับคำถามที่ใครๆก็เฝ้าถามเขา
มาตั้งแต่เพิ่งเข้างาน มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะถูกตั้งคำถามเช่นนี้

“รักสิน้า…คนอย่างผม…ไม่รักไม่แต่งด้วยแน่ๆ…” สีหน้าแววตามั่นอก
มั่นใจนั้นทำให้คนเป็นน้าลอบถอนใจ…

“น้าชอบนะจักรยานคันนั้น…” ไม่วายหันไปทางจักรยานคันสวยที่วางอยู่หน้างาน…
จนกลายเป็นซุ้มให้ผู้คนเข้าไปขอถ่ายรูปกับมันกันใหญ่…

“จักรยานคู่รักน่ะน้า…ผมออกแบบและทำขึ้นมานานแล้วล่ะ…
รอก็แต่คนมาช่วยนั่งซ้อนท้ายจนได้เจอนี่แหล่ะ…มันถึงได้ออกมาจาก
ที่เก็บกรุสมบัติของผม…”

ด้วยใจรัก วารินทร์มักสนุกกับการออกแบบและประดิษฐ์จักยานออกมาเรื่อยๆ…

“แล้วไม่รักวาเขาแล้วหรือ…” วารินทร์ยิ้มให้กับคำถามของน้าชาย

“รักสิครับ…แต่ความรักที่ผมมีต่อวามันเปลี่ยนรูปแบบไปแล้วครับ…
น้ารู้มั้ยว่าบางครั้ง…ความรักก็ทำให้เราฉงนได้เสมอ…ผมเองก็เพิ่งรู้
ว่ามันสามารถเปลี่ยนรูปแบบได้…ทั้งๆที่ก็ยังรักและหวังดีอยู่นั่นแหล่ะ…”

คนฟังยิ้มที่มุมปาก ทั้งๆที่เขาเองก็อายุมากกว่าหลานชายแท้ๆ
แต่กลับไม่แน่ใจว่าความรักที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขามันจริงแท้แค่ไหน

“และมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาด้วยนะน้า…ผมก็ไม่รู้หรอกว่าจะรักต้าไปได้นานแค่ไหน…
แต่ผมตั้งใจว่าจะรักเขาให้ดีที่สุด…”

วารินทร์หยุดนิดนึง สบตาหน้าชายแน่วแน่ยามเมื่อเอ่ยว่า

“รักอาจเลือกเฟ้นไม่ได้…แต่ผมเลือกแล้วที่จะแต่งงานใช้ชีวิตคู่กับอานิต้าครับน้าเล็ก…
วันเวลาต่อจากนี้ผมจะรักจะอยู่เป็นคู่ชีวิตกับเธอ”

“น้าดีใจด้วยที่เราได้เจอคนที่ใช่สักทีนะรินทร์…” ผู้เป็นน้าชาย
ตบบ่าหลานชายพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน

“ผมเองก็อยากเห็นวันที่น้าเล็กแต่งงานมีครอบครัวเหมือนชาวบ้าน
ปกติทั่วไปเหมือนกันนะครับ…” วารินทร์ยิ้มให้น้าชายอย่างมีนัยยะซ่อนเร้น…
ทำเอาคนฟังกระตุกมุมปากนิดนึง

“คงไม่มีวันนั้นหรอก…”

“เพราะน้าเล็กรักคนที่ไม่ควรจะรักน่ะสิ…”
วารินทร์พูดในสิ่งที่ทำให้คนฟังถึงกับประหลาดใจ

“ผู้หญิงบางคนเหมาะจะเป็นคู่นอน แต่ไม่เหมาะจะเป็นคู่ชีวิตให้ใครนะครับน้าเล็ก…”
วารินทร์จ้องมองน้าชายที่สีหน้าเริ่มเปลี่ยนไป...

“ผู้หญิงมีอิทธิพลต่อเราเสมอแหล่ะครับ…แต่ผมอยากเห็นน้าเล็กหลุดพ้นมาจากวังวนนั่น…
ไม่อยากเห็นชีวิตทั้งชีวิตของน้าต้องพินาศเพราะผู้หญิงสองคนนั้น…”

คนฟังถึงกับสะอึกเมื่อนึกรู้ว่าหลานชายของตนล่วงรู้อะไรบางอย่าง…
เขาไม่แน่ใจว่ามันเกิดมาจากการคาดคะเนหรือเกิดมาจากการได้พบเห็น…
รู้เพียงแต่นาดีมมักเล่าให้เขาฟังเสมอว่าช่วงหลังๆมานี้มีคนคอยติดตามเธออยู่เสมอ…
หรือว่าจะเป็นคนของวารินทร์…

“อะไรที่มันโดนไฟไหม้ไปแล้ว จะให้มันกลับมาสวยดังเดิมคงไม่ได้แล้วล่ะรินทร์…”

“ผมเชื่อเสมอว่าคนเรา…ต่อให้เลวแค่ไหน ก็สามารถกลับตัวกลับใจได้อยู่ดี…
ขอแค่สำนึกได้เท่านั้น…อย่างน้อยก็ขอให้ไฟนั้นอย่่าได้ไหม้ลามไปหมดทั้งใจเรา…
เสี้ยวหนึ่งของศรัทธาครับน้า แค่เสี้ยวเดียว...น้าก็จะหลุดจากขุมนรกได้ในที่สุด…”

ว่าแล้วก็ยิ้มให้น้าชายก่อนจะคว้ามือนิ่มๆของน้าขึ้นมาแล้วตบเบาๆบนหลังมือนัั้น…

“ผมพร้อมจะช่วยน้าเสมอ…ขอแค่น้าบอกมาว่าจะให้ช่วยยังไง…”

วารินทร์สบตาน้าชายเมื่อได้ยินเสียงเรียกหาจากแขกเหรื่อ
เขาจึงเอ่ยกับน้าชายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

“สำหรับผม…ผมรักน้าเหมือนพ่ออีกคนหนึ่งของผม…”
แล้วเขาก็ดึงร่างของน้าชายมาโอบกอดเอาไว้หลวมๆ…

“ดูแลภรรยาของเราให้ดีนะรินทร์…น้าเตือนเราได้แค่นี้จริงๆ…”

เสียงนั้นกระซิบบอกหลานชายขณะถูกหลานชายโอบกอดไว้

“ขอบคุณครับ…น้าเองก็ต้องดูแลตัวเองด้วย…”
วารินทร์ยิ้มกว้างให้น้าชายเมื่อผละออกมา

“เข้าไปดูแลแขกเหรื่อเถอะ…เดี๋ยวน้าจะเข้าไปทักทายพ่อแม่เราหน่อย”

วารินทร์มองแผ่นหลังของน้าชายแล้วได้แต่ลอบถอนใจ

เขาแน่ใจตั้งแต่วันที่ได้กลิ่นจากนาดีมแล้ว…แล้วรูปร่างท่าทางของคนในชุดดำ
ที่เขาคุ้นเคยแต่นึกไม่ออกนั้นมันฟ้องว่านาดีมคือคนที่น้าชายของเขามีความสัมพันธ์ด้วย…
เขามานึกได้ตอนที่ได้เจอนาดีมแบบจะๆในชุดสีดำในวันที่เธอล่อให้เขาไปพบ
โดยใช้อานิต้าเป็นเหยื่อล่อ…

และนั่นยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าคุณหญิงวรลักษณ์ย่อมต้องมีเอี่ยวกับน้าชายของเขา
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างแน่นอน…




แล้วสิ่งที่อานิต้าถืออยู่ในมือถึงกับทำให้วารินทร์ที่ถูกเรียกตัวเมื่อครู่
ยืนจ้องมองมันอยู่นาน…

“ลูกชุบนี่ มีคนเอามาฝาก บอกว่าให้ต้ากับคุณ…”
อานิต้ายื่นกล่องขนมลูกชุบให้เจ้าบ่าวขณะบอกเขา

“ใครเอามาให้…” ถามพลางมองไปรอบๆงาน

“คนส่งของค่ะ…” วารินทร์ลอบถอนใจยาวเมื่อเห็นกล่องลูกชุบ
เขาจึงจูงมืออานิต้าพาไปนั่งตรงโต๊ะที่ว่าง แม้จะมีช่องพลาสติกใส
ทำให้มองเห็นว่าอะไรอยู่ภายใน หากวารินทร์ที่เอะใจก็ไม่วายเปิดดู
แล้วเขาก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นลายมือที่เขาคุ้นตาดีที่เรียงตัวสวย
อยู่บนกระดาษการ์ดสีชมพู…

‘ขอให้รินทร์กับต้ามีความสุข…มีชีวิตคู่ที่ราบรื่น ยั่งยืนตลอดไป…
ขอโทษที่ไม่ได้ไปร่วมงานมงคลสมรส เลยขอส่งตัวแทนมาให้ชิม
ถ้ารสชาติผิดลิ้น แสดงว่าคงไม่ใช่ลูกชุบเจ้าเก่าเจ้าเดิม…
ลูกชุบหัวใจหลากสีตั้งใจปั้นให้รินทร์กับต้านะ…อาจมีบางชิ้นที่รสชาติอาจเค็มไปบ้าง…
by ลูกชุบวาลาดา & ซุลฟา’

วารินทร์ยิ้มกว้างเลยทีเดียวเมื่ออ่านเนื้อหาบนการ์ดจบก่อนจะส่งมันให้อานิต้า
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้เขาเมื่ออ่านจบ

“สองคนนั่นอยู่ไม่ไกลจากเราหรอกค่ะ…ไม่งั้นคงส่งลูกชุบมาให้ไม่ได้
และคงไม่รวดเร็วขนาดนี้…”

“ปัญหาก็คือ…เขารู้ได้ไง…ในเมื่อเราแต่งงานปุบปับขนาดนี้…”

วารินทร์มองลูกชุบตรงหน้า จะว่าไม่ใช่ลูกชุบที่วาลาดาส่งมาก็คงไม่ใช่
เพราะลายมือนี้ไม่เหมือนของใครในโลก เขาจำได้ว่าเป็นลายมือของวาลาดา…
จึงอดหยิบลูกชุบรูปหัวใจสีชมพูขึ้นชิมดูพลางกำชับอานิต้าก่อนจะเอามันเข้าปากว่า

“ให้ฉันกินก่อนสักครึ่งชั่วโมง ถ้าฉันไม่ตายเธอค่อยกิน…เข้าใจมั้ย…”

อานิต้าอมยิ้มให้กับคนที่ส่งลูกชุบเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ…

แม้เขาจะไม่ใช่คนพูดจาอ่อนหวาน แต่ไม่รู้ทำไมประโยคทุกๆประโยคที่เขาพูด
มันถึงได้สร้างความรู้สึกประทับใจให้กับเธอได้ตลอด…

เธอยอมรับด้วยหัวใจว่า…เสน่ห์ของคนเราใช่จะจำกัดที่หน้าตาอย่างเดียว…
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น…เธอคงไม่หลงเสน่ห์ผู้ชายที่หน้าตา
อย่างกับผู้ร้ายตรงหน้าเธอได้แน่…

ยิ่งอยู่ด้วยก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ
และมันเป็นแบบที่โดนใจเธอเข้าอย่างจัง…

“อร่อยดี…ฝีมือไม่มีตก…” ชมไปก็ชิมไป จากหนึ่งชิ้นเป็นสองชิ้น
อานิต้ามองเขากินเพลินจนก้มลงมองดูอีกที ลูกชุบหายไปเกือบจะครึ่งกล่องแล้ว

“ถ้ามันมียาพิษ…รับรองว่าต้าได้เป็นม่ายในวันแต่งแน่…”

อานิต้าบ่นอุบโดยไม่ได้เงยหน้ามองคนที่กำลังจับจ้องเธออยู่เลย
หญิงสาวพยายามมองหาว่าถ้าเธอจะกินจะเลือกกินสีอะไรดี…มันมีสีแดง
สีส้ม สีเขียว สีชมพู แล้วก็สีเหลือง…แต่จะว่าไปสีแดงดูสดดี…
พอหมายจะหยิบมันขึ้นมาชิมดูบ้าง ก็โดนเขาปัดมือเธอทิ้ง

“ก็บอกแล้วไงว่าให้รอก่อนสามสิบนาทีถึงจะกินได้…”

หญิงสาวไม่สนหยิบมันขึ้นมาแล้วส่งเข้าปากทันทีก่อนจะเคี้ยวๆกลืน
ราวกับจะต่อต้านคำสั่งของเผด็จการ…วารินทร์จ้องเธอเขม็งตั้งใจจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ทว่า ต้องหยุดชะงักลงเมื่อได้ยินวาจาที่เปล่งออกมา

“ถ้าตายก็ตายมันพร้อมกันนี่แหล่ะ…คุณกินไปจนจะหมดกล่องอยู่แล้ว
ถ้ามียาพิษจริง ไม่ต้องรอสามสิบนาทีหรอก แค่สิบนาทีคุณก็ชักดิ้นชักงอ
ต่อหน้าต้าแล้ว…”

แต่แล้ววารินทร์ก็เหมือนจะมีอาการน่าเป็นห่วง อยู่ๆเขาก็ยกมือขึ้นบีบคอตัวเอง
ราวกับว่ากำลังโดนพิษจากอาหารที่กินเข้าไป ท่าทางดูทุรนทุราย
ตาเหลือกจนดูน่ากลัว อานิต้าเห็นท่าไม่ดี เลยเข้าไปใกล้ๆเขา
ด้วยหน้าตาตื่นกลัวอกสั่นขวัญแขวน

“คุณ…เป็นอะไรน่ะ…นี่อย่าแกล้งกันนะ…” อานิต้าเข้าประคองเขา
แล้วหันมองไปทางคนอื่นซึ่งต่างก็เข้ามาล้อมวงกันใหญ่

“ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ที…” หญิงสาวตะโกนโหวกเหวก

“คุณวารินทร์โดนยาพิษค่ะ…” เสียงฮือฮาดังลั่นทีเดียว

อานิต้ามองคนท่ีอยู่ในอ้อมกอดซึ่งกำลังทุรนทุรายแล้วน้ำตาพาลจะไหลออกมา…
แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่ออยู่ๆคนที่เธอโอบกอดไว้ก็ซบหน้าลงตรงอกเธอนิ่ง
แถมยังเอามือสอดรวบเอวเธอเอาไว้แน่นอีก…
เนื้อตัวเขาสั่นเทิ้มเหมือนคนที่กำลังกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้

อานิต้าจึงได้รู้ว่าเธอหลงกลเขาเข้าให้แล้ว เลยผลักเขาจนกระเด็น
วารินทร์เสียหลักพลัดตกจากเก้าอี้ลงไปนอนจับกบอยู่ตรงพื้นหญ้าด้านล่าง
เสียงแขกเหรื่อที่มาล้อมวงต่างหัวเราะลั่นเมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร…

พ่อตาแม่ยายของเขาส่งเสียงตามมาก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะลั่นของพ่อเขาเอง
ที่ไม่เคยบันยะบันยังในการจะซ้ำเติมลูกชายตัวเอง

“สมน้ำหน้า…เล่นไม่เข้าเรื่อง ระวังเถอะ คืนนี้แกจะโดนผลักตกเตียง”

คนที่โดนผลักจนตกเก้าอี้ลงไปนอนจับกบอยู่ถึงกับมองฝ่ามืออรหันต์ของอานิต้า
ที่ใช้ผลักเขาเมื่อครู่แล้วค่อยๆไต่ขึ้นไปมองใบหน้าแดงก่ำของคนโดนแกล้ง…

ชายหนุ่มรึบลุกขึ้น กระแซะเข้ามาหาหมายจะง้อเจ้าสาวของตัวเอง

“หน่า…ก็แค่อยากรู้ว่าถ้าฉันใกล้ตาย…เธอจะร้องไห้เป็นเผาเต่ารึเปล่า”

ก่อนจะกระซิบเบาๆเมื่อกระแซะเข้ามาใกล้ๆได้แล้วอีกว่า

“เห็นว่ากว่าจะรับฉันเป็นสามีในพิธีเธอใช้เวลาตัดสินใจตั้งสามสิบนาที
ฉันเลยสงสัยว่าเธอจะเสียใจหรือดีใจถ้าเกิดได้เป็นม่ายก่อนเข้าห้องหอ”
เขาจงใจเว้นช่วงก่อนจะหัวเราะเมื่อเอ่ยว่า

“แต่เห็นแล้วว่าเธอเสียใจแค่ไหนถ้าไม่ได้เข้าหอกับฉันคืนนี้…”

อานิต้ายกมือหมายจะผลักเขาให้กระเด็นอีกรอบ
หากรอบนี้วารินทร์ตะครุบมือของเธอเอาไว้ได้ทัน แถมยังรวบร่างเธอ
มาสวมกอดเอาไว้แล้วหอมแก้มโชว์…พร้อมกับประกาศกับแขกเหรื่อว่า

“เจ้าสาวของผมเขาเสียใจครับถ้าต้องเป็นม่ายในวันนี้…หายข้องใจกันแล้วนะครับ
ว่าในที่สุด…หน้าตาอย่างผม…ก็มีนางฟ้าคนสวยมาตกหลุมรักเข้าให้จนได้…”

อานิต้าก้มหน้างุด รู้สึกผิวแก้มร้อนผะผ่าว ไม่กล้ามองหน้าใครในงาน
ยิ่งมีเสียงปรบมือพร้อมเสียงหัวเราะยินดี

ส่วนพ่อตาแม่ยายของเขากับน้าชายของอานิต้าถึงกับส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มกริ่ม





พอได้เวลาส่งตัวเพราะแขกเหรื่อกลับกันหมดแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เหนื่อยล้า
กันมาทั้งวันก็ถูกจับยัดเข้าห้องหอ

วารินทร์ไม่รอช้า เมื่อประตูห้องปิดปุ๊บ เขาก็รีบถอดเสื้อปั๊บ
ทำเอาอานิต้าถึงกับหันหลังยกมือปิดหน้าปิดตาแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว…

เสียงกรีดร้องเบาๆของเธอดังตามมาติดๆ เมื่อโดนเขารวบตัวเข้าไปกอด…
หญิงสาวดิ้นขลุกขลัก…วารินทร์ยิ้มกริ่มก้มลงหอมแก้มสาวท้ังซ้ายทั้งขวา

“หอมจัง…ขอหอมอีกสองฟอดแล้วจะยอมไปอาบน้ำเลย…”

พูดเหมือนจะขออนุญาตแต่กลับไม่รอฟังคำตอบจากคนในอ้อมกอด
วารินทร์ก็ฉกวูบฝังจมูกลงบนพวงแก้มนวลปลั่งของอานิต้าไปอีกสองฟอดใหญ่
ก่อนจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป…

เขาอาบน้ำนานเลยทีเดียวจนอานิต้าที่ไม่อาจแกะชุดเจ้าสาวได้ด้วยตัวเอง
ถึงกับจนแต้ม อยากจะออกไปจากห้องหอ แต่พ่อแม่เธอกำชับหนักหนาว่า
อย่าออกไปเด็ดขาด…

หญิงสาวเลยได้แต่นั่งถอนใจ พยายามปลดผ้าคลุมศีรษะออกจากศีรษะจนเสร็จ
แล้วก็ต้องมานั่งสางผมให้เข้าที่…มองประตูห้องน้ำว่าเมื่อไหร่เจ้าบ่าวของเธอ
จะยอมออกมาเสียที เธอน่ะคันเนื้อคันตัวยิกๆจนอยากจะลงไปแช่ในน้ำ
สักสามชั่วโมงให้หายคันหายเหนอะหนะ…แล้วอยากจะล้างหน้าเอาเครื่องสำอาง
ออกไปเสียที…

แต่รอมาจะร่วมชั่วโมงแล้วเจ้าบ่าวของเธอก็ยังขัดสีฉวีวรรณผิวพรรณของตัวเอง
ไม่เสร็จไม่สิ้นเสียที

...นี่เขาตั้งใจจะขัดให้ผิวของเขาลอกหลุดออกมาเลยหรือยังไงกันนะ…
ถึงจะลอกออกมาเดี๋ยวเม็ดสีผิวเดิมมันก็สร้างผิวสีเก่าขึ้นมาใหม่อยู่ดี…

...ไม่มีน้ำที่ไหนในโลกจะชะล้างสีผิวเราให้เปลี่ยนแปลงได้โดยฉับพลันแน่...

อานิต้าที่เริ่มจะรอไม่ไหว ลุกขึ้นเดินลากชุดเจ้าสาวไปเคาะประตูห้องน้ำเรียกเขา
เผื่อว่าเขาอาจจะล้มหัวฟาดพื้นห้องน้ำไปแล้วก็ได้ใครจะไปรู้…
หรือไม่อีกทีก็อาจนอนอืดอยู่ในอ่างอาบน้ำเสียแล้วก็เป็นได้…
เห็นหายเข้าไปเป็นนานสองนาน…

แต่เปล่าเลย เขาเดินมาเปิดประตูในชุดวันพีช…ที่เกือบๆจะคล้ายชุดวันเกิด
ทำเอาคนเคาะประตูกระโดดหนี หันหลังปิดหน้าปิดตาอีกรอบ หวีดว้ายร้องลั่นทีเดียว

“อ้าว…ไอ้เราก็นึกว่ารอไม่ไหวจนอยากจะมาอาบด้วยกัน…เข้ามาซี
ฉันไม่ถือหรอก…เราแต่งงานกันแล้ว…ฉันให้ดูได้…”

แล้วใครอยากจะดู...โธ่…ชีวิตเรา…ทำไมถึงได้พลิกโผเช่นนี้…
เธอไม่พร้อมเลยสักนิดกับการใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชาย…โดยเฉพาะผู้ชายสัปดี้สัปดลคนนี้…

“ก็แล้วเมื่อไหร่จะอาบเสร็จเล่า ต้าอยากอาบบ้าง…คันยิกๆแล้วนะ…”

อานิต้าพูดทั้งๆที่มือยังคงยกปิดหน้าเอาไว้ไม่ยอมเปิดมองอะไรใดๆทั้งสิ้น

“ฉันชอบนอนแช่ในน้ำอุ่นๆ…ถ้าเธอไม่อยากรอก็มาแช่ด้วยกันสิ…
ก็บอกแล้วว่าฉันไม่ถือ…”

“ไม่เอา…งั้นต้าไปอาบน้ำที่ห้องน้ำข้างล่างก็ได้…”

ว่าแล้วก็เดินลากกระโปรงฟูฟ่องทั้งๆที่ตายังปิดอยู่ เลยไม่รู้ว่าตอนนี้
แมวย่องกำลังจะตะปบหนู

“ว้าย…” อานิต้าร้องลั่นเมื่ออยู่ๆก็โดนเขากอดจากทางด้านหลัง
แล้วลากเธอเข้าห้องน้ำไป ไม่รอช้าเขารูดซิปด้านหลังของชุดออก ถอดชุดให้เธอทันที
อานิต้าตกใจตะครุบชุดไว้แต่ไม่ทัน มันหล่นไปกองอยู่ที่พื้นห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว

ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอกำลังใส่ชุดทูพีช! บนหนึ่งชิ้น ล่างหนึ่งชิ้น
ชิ้นเล็กๆและบางๆเสียด้วย แถมยังใส่ชุดดังกล่าวต่อหน้าคนที่กำลังสวมชุดวันพึชอยู่

อารามตกใจและความอายเข้าแทรก ด้วยไม่อยากให้เขาได้เห็นสภาพเกือบเปลือย
ของตัวเอง แทนที่จะวิ่งหนีออกไปนอกห้อง กลับกระโดดกอดเขาแน่นพร้อมกับบอกว่า

“อย่ามองนะ…ต้าไม่ให้มอง…” รีบสั่งเขาเสียงเข้มทีเดียว

“ไม่มองก็ได้…” วารินทร์บอกพร้อมฉุดรอยยิ้มพรายบนใบหน้า

...ตอนนี้ไม่ได้มองก็ไม่เป็นไร ในเมื่อได้สัมผัสเต็มๆแบบนี้
แหม…เนื้อแนบเนื้อเชียวนะ…

และกว่าจะรู้ตัว ก็เสียเปรียบวารินทร์ไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว
หากจะออกมาจากการกอดเขาก็ย่อมหมายความว่าเธอจะต้องเปลือยต่อหน้าต่อตาเขา

ไม่ๆ…อานิต้าเลยสั่งเขาว่า

“ปิดตาให้หน่อยสิ…ปิดตาเดี๋ยวนี้เลย…” วารินทร์ยิ้มแล้วถามว่า

“ถ้าปิดแล้วจะได้อะไร…”

“ก็แล้วทำไมต้องได้อะไรด้วย…”

“มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน…” ว่าพลางกระชับร่างที่กอดเขาอยู่เอาไว้แน่น

คราวนี้ 'หนูเผือก' เพิ่งรู้แน่แก่ใจว่าเธอหลงกล 'แมวดำ' เข้าให้อีกแล้ว…

แล้วจะหนีหรือจะสู้ได้อย่างไรในสภาพเช่นนี้

“งั้น…งั้น…อะไรคือ…ข้อแลกเปลี่ยน…” หญิงสาวเริ่มติดอ่างเมื่อใจเริ่มสั่น
อย่างคนที่รู้ตัวว่ากำลังขี่หลังเสืออยู่…จะลงจากหลังเสือคงไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว…

“เรียกพี่ว่าพี่รินทร์…ไหนลองเรียกซิ…เอาแบบหวานๆนะ แข็งๆทื่อๆไม่เอา…”
ข้อเสนอมาพร้อมกับเงื่อนไขเพียบ ทำเอาสาวเจ้าถึงกับนิ่งงันไปชั่วครู่

แต่วารินทร์หรือจะอนาทรร้อนใจในเม่ืออย่างไรเขาก็ได้กำไรทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่ดี…
เธอจะคิดนานไปสักชั่วโมงสองชั่งโมงเขาก็ไม่ว่า แถมจะไม่บ่นเลยสักคำ…

“ทำไมต้องเรียกด้วย ในเมื่อเราไม่ใช่พี่น้องกันสักหน่อย…”
หญิงสาวให้เหตุผลที่ฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่เลย

“ก็ไม่ได้ให้เรียกในฐานะพี่เสียหน่อย…ให้เรียกในฐานะที่พี่เป็นสามีเธอไง…
สามีที่อายุมากกว่าเธอ…หรือเธอจะเรียกน้องรินทร์ก็ได้นะ…พี่ไม่ว่า”

วารินทร์เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวจาก ‘ฉัน’มาเป็น ‘พี่’ ตั้งแต่ตอนไหน
อานิต้าชักเริ่มสงสัย…แต่ฟังๆแล้วมันก็ดูรื่นหูดี…

“ว่าไง...” เขากระซิบชิดริมหูเธอ ลมหายใจร้อนๆไล้ผิวแก้ม
มือของเขาที่กอดเธออยู่เริ่มจะซุกซน…ทำเอาร่างบางที่โดนล็อคไว้เริ่มสั่น…
ปากคอจึงสั่นตาม

“กะ…กะ…ก็ได้…พี่รินทร์…”

“ใส่ขาเข้าไปด้วย…เอาแบบขายาวๆเหมือนที่แม่นาคเรียกพี่มากเลยนะ
เอาเวอร์ชัั่นนั้นเลย…”

อานิต้าอยากจะฟาดคนช่างต่อรองเหลือเกิน เธอพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงได้รวย
กับการซื้อขายหรือแปรรูปที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ต่างๆนัก…
เพราะปากอย่างนี้รึเปล่าไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆเขาช่างต่อรองจนกำไรเธอยิ่งหดลง
ตามเวลาขึ้นเรื่อยๆ…ยิ่งปล่อยไปนานๆกำไรก็ยิ่งหาย

ส่วนเขาน่ะหรือไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่มีขาดทุนเลย…เขาสามารถรอเธอตัดสินใจ
ได้โดยไม่เสียหายเลย มีแต่ได้กับได้…อานิต้าเลยตัดสินใจตามใจเขาไป

“ค่ะ…พี่รินทร์ขาาาาาาาา…” คราวนี้ลากขายาวๆสมใจวารินทร์เลยทีเดียว…

“โอเค…ปิดตาก็ปิดตา…” แล้ววารินทร์ก็ปิดตา อานิต้าเงยหน้าขึ้นมอง
ก็เห็นว่าเขาปิดตาจริงๆ แต่ลำแขนเขาที่โอบเธอเอาไว้เล่า ทำไมไม่ปล่อยเธอ
แล้วเธอจะไปไหนได้ยังไง...

“แขนด้วยซิ…ปล่อยตัวต้าด้วยสิ…” หญิงสาวบอก

“อ้าว…ก็ไม่เห็นบอกนิ…ว่าจะให้ทำอย่างอื่นด้วย…”

อ่า…อานิต้าครางในลำคอ…ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันจอมเจ้าเล่ห์…
หญิงสาวเลยเงยหน้าต่อว่าคนที่กำลังปิดตาด้วยความเจ็บใจที่เสียทีให้เขา...

“นักธุรกิจเจ้าเล่ห์…นายทุนหน้าเลือด…นายทุนสา…” คำว่า ‘มานย์’
กำลังจะออกจากปากแล้วแท้ๆ…แต่กลับโดนวารินทร์ฉกวูบลงมาปิดปากของเธอเสียสนิท…
เก็บถ้อยคำนั้นเอาไว้ด้วยจุมพิตอันแสนหวานที่เขาตั้งใจบรรจงมอบให้เธอ…

ก่อนจะพลิกกายเธอให้พิงกับผนังห้องน้ำ…กักเธอไว้ในกรงแขน…
ล้อมเธอเอาไว้ด้วยไอรัก…

อานิต้าแทบจะสำลักลมหายใจหากเขาไม่ผละออกจากริมฝีปากของเธอเสียก่อน…
แล้วก็ได้แต่หอบหายใจสูดอากาศเข้าปอดเมื่อได้รับอิสระ…

“เราคงต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ไปพร้อมๆกัน…”

ว่าพลางเชยคางของหญิงสาวด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกมือตวัดรอบเอวของเธอเอาไว้

“คราวหน้าคราวหลังอย่าพูดคำว่ามารอีกนะ ไม่ว่าจะมารไหนก็ไม่ให้พูด…
พี่ไม่ชอบคำๆนี้…” อานิต้าพยักหน้าอย่างยอมแพ้

“ต้าง่วงแล้วก็เพลียจริงๆนะคะ…ให้ต้าอาบน้ำนอนนะคะ…”

อานิต้าเลือกที่จะอ้อนวอนเขา เพราะเธอท้ังเพลียทั้งเหนื่อยทั้งคันเนื้อคันตัว

“อาบกับพี่นะ เดี๋ยวพี่อาบให้…จะถูหลังให้ด้วย…”

ว่าแล้วก็ยกร่างเธอขึ้นแล้วพาไปวางลงในอ่างน้ำ อานิต้าส่งสายตาอ้อนวอนเขาอีกรอบ
หากอีกฝ่ายหาได้สนไม่…เขาปล่อยน้ำนั้นทิ้งแล้วรอเปิดน้ำใหม่
ขณะนั้นก็คอยจัดการเอาฝักบัวมารดน้ำลงบนศีรษะของเธอ…สระผมให้
ไม่มีท่าทางอยากจะจับเธอกินอย่างที่เธอกังวลเลย…

อานิต้าทั้งเขินทั้งอายอย่างที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิง เพราะไม่เคยเลยสักครั้ง
ที่จะเกือบเปลือยต่อหน้าผู้ชายแบบนี้…เขาไม่คิดจะกำจัดชุดทูพีชของเธอ
และถึงจะทำ เธอก็ไม่มีทางยินยอมได้ง่ายๆแน่…

แค่นี้เธอก็อายจนไม่รู้ว่าจะเอาตัวไปวางไว้ที่ไหน แทบอยากจะมุดไปซ่อน
อยู่ในรูด้วยซ้ำ…ขณะเขาอาบน้ำให้ เธอจึงได้แต่ปิดตาไม่ยอมมองเขา

พอเสร็จเขาก็อุ้มเธอออกมา เช็ดผมให้…เป่าผมให้…แล้วปล่อยให้เธอ
ไปเปลี่ยนจากชุดคลุมอาบน้ำเป็นชุดนอน…ต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไปเปลี่ยนชุด…
แล้วกลับมารวมตัวกันตรงเตียงนอน ยืนกันอยู่คนละฟากฝั่ง
เขาใส่ชุดนอนสีน้ำเงินเข้ม ส่วนเธอใส่ชุดนอนสีชมพูอ่อน

อานิต้ามองเตียงนอนเหมือนมันเป็นสังเวียน มวยไทยไม่กลัว กลัวว่าจะมีมวยปล้ำ…

เธอไม่อยากขึ้นไปบนนั้นเลยทั้งๆที่ง่วงจนตาจะปิดอยู่รอมร่อแล้ว…

“ขึ้นไปนอนสิ จะยืนมองให้ได้อะไร” อานิต้ามองเขาที่ยืนอยู่อีกฟากของเตียง
อย่างไม่ไว้วางใจนัก แล้วเขาก็ทิ้งตัวลงนอน คว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว

“ขึ้นมานอนเถอะ…พี่ไม่ทำอะไรหรอกน่า…”
เขาหันมาบอกขณะจ้องเธอที่ยังไม่อาจตัดสินใจได้

…แต่งงานแล้วไงล่ะ…ก็ในเมื่อมันยังไม่พร้อมเลย
เธอไม่อยากจะอะไรทั้งนั้น นอกจากอยากนอนหลับ…
เพราะง่วงเหลือเกิน หญิงสาวเลยเปิดปากหาวจนคนที่มองอยู่ถึงกับยิ้มออกมา

“ถ้าไม่มานอนดีๆ พี่จับปล้ำนะ…”

เขาเริ่มขู่ อานิต้าเลยได้แต่ทอดถอนใจแล้วทิ้งตัวลงนอนอีกฟากนึงของเตียง
ทางฝั่งของเธอ สอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกันกับเขา
แล้วเขยิบจนชิดติดริมขอบเตียงเพื่อจะได้ห่างๆกับเขาเข้าไว้…

แต่เขากลับเขยิบเข้ามาใกล้ แล้วคว้าร่างเธอเข้าไปกอดเอาไว้…

“พี่ชอบนอนกอดหมอนข้างทุกคืน ไม่งั้นนอนไม่หลับ…ต้าเป็นหมอนข้างให้พี่นะ…”

เขากระซิบบอกเธอพร้อมกับก้มลงหอมแก้มเธอกับจูบลงตรงกลางกระหม่อมของเธอ…
แล้วแนบกายกับแผ่นหลังของเธอ กอดเธอเอาไว้หลวมๆ…

แรกๆคนโดนกอดถึงกับกลั้นหายใจ จนสุดท้ายกลั้นไม่ไหว
จากที่เกร็งๆเลยค่อยๆผ่อนคลายเมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ากอดเธอเอาไว้…

ก่อนจะโล่งใจเมื่อได้ยินเสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอของเขา…
อานิต้าเลยพ่นลมหายใจแล้วพยายามพาตัวเองสู่ห้วงนิทรา
เพราะไม่อาจฝืนร่างกายที่ต้องการการพักผ่อนได้อีกต่อไป…





.............โปรดติดตามตอนต่อไป................


อารมณ์ตอนนี้กับตอนที่แล้วนี่มันคนละเรื่องเลย...ฮ่าาาาาา
เอา "จักรยานคู่รัก" มาเป็นของขวัญวันแต่งงาน เพราะสมัยเรียน
เคยได้โจทย์ให้ออกแบบจักรยาน เต่าเลยรวมกลุ่มกับเพื่อนชาวญี่ปุ่น
ออกแบบจักรยานคู่รักกันขึ้นมาค่ะ...สนุกมากเลยตอนนั้น...
คิดถึงช่วงเวลานั้น เลยเอาจักรยานคู่รักมาลงในนิยายซะเลย...ฮ่าาาาาา
เพราะเป็นคนนึงที่ชอบปั่นจักรยานมาก...ไปแม่สอดก็ไปส่องท่ารถจักรยานมือสองมา
ส่วนใหญ่ก็รับมาจากแดนปลาดิบทั้งนั้นเลย...

ตอนเรียนมีอะไรหลากหลายให้ทำ ไม่เหมือนตอนทำงาน ทำไมมันย่ำอยู่กับที่ก็ไม่รู้

เหอๆ...

ตอนหน้าถึงคิวหญิงวาแล้วค่ะ เอานางเอกไปไว้บนเนินข้าวโพดอย่างทอดทิ้ง
มาดูกันค่ะว่าหญิงวาจะอะไรยังไง...ฮ่าาาาา


ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาติดตามรวมทั้งนักอ่านเงานะคะ
ขอบคุณทุกๆไลค์ท่ีจิ้มให้กัน ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่คอยเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยน
ให้ความบันเทิงและแรงใจให้แก่เต่าด้วยค่ะ...^o^



........ตอบเม้นท์จ๊ะ...........

1.คุณcoonX3...เขาเรียกว่า เขาวัวไม่ไปข้างหลังค่ะ หรือ ดูช้างให้ดูหาง
ดูนางให้ดูแม่...ฮ่าาาา...ยกภาษิตไทยโบราณมาเลย...อิอิ
งานนี้นาดีมหมดสิทธิ์แล้วค่ะ...แต่ชีหาได้เดือดเท่าแม่ไม่...ฮ่าาาาา
เวลาสุนัขจนตรอก มันจะสู้อีกแบบค่ะ...

2.คุณPampam...หัวเรือหันแล้วค่ะ...ลมกำลังเปลี่ยนทิศ...
เหมือนจะสมใจคนในเงาบางคนค่ะงานนี้...ตอนนี้อานิต้ามีเงาะเป็นเกราะแล้วค่ะ...
(แต่ไม่ได้หมายถึงเอาเกราะเงาะป่ามาสวมหัวน้า โยไม่ได้หมายถึงเกราะ
แบบเกราะเพชรเจ็ดสี) ฮ่าาาาาา

3.คุณPat...อีกด้านของนางมารค่ะ...ซึ่งมันก็ย่อมต้องมีปฐมบทของมัน
คนเรากว่าจะโตมาได้ มันยิ่งกว่าต้นไม้เสียอีก...เพราะต้นไม้เกิดมา
ก็อยู่และโตอยู่ตรงนั้น ถ้าไม่โดนย้ายก็ไปไหนไม่ได้ แต่คนไม่ใช่...^^


4.คุณตุ๊งแช่....เย้...กลับมาแล้ว...วันที่ 1 ของเดือนจริงๆด้วยสิ...^o^
ไม่เห็นไอคอนสีเหลืองๆส้มๆน่ะ มันโหวงเหวงไปน้าาาาา...ฮ่าาาาา
แบบว่าไม่ต้องมีคำบรรยาย...อิอิอิ

เรื่องการสืบพันธุ์นั้นมันไม่ใช่แบบสปอร์ ไม่ใช่แบบแตกหน่อ
ไม่ใช่แบบแบ่งตัว ไม่ใช่แบบปอบ แต่เป็นแบบกระสือค่ะ...
สืบทอดผ่านกันทางน้ำลาย...ผู้ชายที่โดนน้ำลายกระสือเลยกลายร่าง
เป็นกระหังไง...ฮ่าาาาา อ๊ะๆๆ...ทำไมก๊อตไม่เป็น....วารินทร์ล่ะ...อิอิอิ
สองคนนี้โยฉีดเซรุ่มต้านเชื้อกระสือให้แล้วค่ะ เหอๆ

ส่วนก๊อตจะคืนชีพเมื่อไหร่ ใกล้แล้วค่ะใกล้แล้ว...เพราะปลากระตุกเบ็ด
ของเขาแล้วนี่...แต่ตอนนี้โดนไม้กวาดหยากไย่เล่นงานไปแล้ว...ฮ่าาาาา

ปล.อย่าเพิ่งงดปูซี...เรามีข้อตกลงกันอยู่น้า...เค้าจ่ายค่าตั๋ว(รถไฟ)
แล้วใครหนอบอกว่าจะจ่ายค่าปู(ทุกมื้อ)...มะเอาปูแถวนี้นะ ต้องปูที่ซัปโปโรโน่นเลย
รอบหน้าโน้นนะจ๊ะ...หยอดกระปุกค่าปูโล้ดดด 55555


5.คุณkonhin...แท้งไปแล้วค่ะ...หมดสิ้นคุณสมบัติทั้งหมดทั้งมวล
เพราะทายาทคือเงื่อนไขหลัก...งานนี้พี่นุแกมีแต่นั่งรับทรัพย์เนอะ...
แบบว่าคนมันจะรวย(ยิ่งๆข้ึนไป)ช่วยไม่ได้จริงๆ...ฮ่าาาาา

บทที่แล้ว เขียนให้เห็นมุมมืดของมารค่ะ...มันก็มีเศร้าๆกันบ้างน้า
ประมาณว่า...ฉันก็มีหัวใจ...อิอิอิ...คือใจแท้ๆก็ต้องการรักแท้
แต่อย่างที่พ่อของนาดีมเคยพูดไว้น่ะค่ะว่า สองแม่ลูกนั้นเก่งแต่แสวงหามา
กับทำลายสิ่งที่แสวงหามาเท่านั้น...รักษาอะไรไม่เป็น...ซึ่งก็ไม่เป็นจริงๆ
เพราะถ้ารู้จักรักษาสิ่งที่หามาได้ นาดีมกับแม่ก็ไม่ต้องเดินมาถึงทางตันแบบนี้...
ที่สำคัญ...สิ่งที่หามานั้นมันหามาด้วยวิธีการไม่ดีน่ะสิคะ...

6.คุณแว่นใส...แท้งค่ะ...งานนี้แท้ง เด็กในท้องหกเดือนกว่าๆ ยากท่ีจะรอด...
เรื่องนิสัย แกะกันมา ลอกเลียนแบบกันมาค่ะ...ปลูกอะไรไว้ก็ได้ย่อมอย่างนั้น...อิอิ

7.คุณHabibi...นาดีมแท้งลูกชายจ่ะ...ส่วนงานแต่งราบรื่นสุดๆ
เพราะนางมารของเต่านอนอยู่ใน I see you (ฉันเห็นเธอ)เหอๆ...

เลยได้แต่นอนเห็นแต่ลุกขึ้นมาทำอะไรไม่ได้...ว่าแต่นาดีมน่าสงสารจริงอ่ะ...อิอิ

โยก็ว่าแต่ละคนก็มีเหตุผลของการกระทำ เพียงแต่ว่าเหตุผลนั้นมันถูกทำนอง
คลองธรรมหรือเปล่าเท่านั้นเอง...^^

8.คุณyasta...งานนี้วงจรปิดนรกมองเห็น กรรมเลยขี่ฟีโน่ตามทัน ไล่่มารทุกวัน
นาดีมเลยแหกโค้งเข้าไปนอนในไอซียูเลยอ่ะสิ...ฮ่าาาาาา


9.คุณคิมหันตุ์...เด็กไม่ได้เกิดมา นับว่าโชคดีไป...ฮ่าาาาา
แต่น่าสงสารค่ะ...เขียนอะไรแบบนี้แล้วหดหู่จริงๆนะ...
เวลาเจอของจริงหดหู่กว่านี้อีก...เรื่องแบบนี้มีเยอะมากในสังคมเราเดี๋ยวนี้ค่ะ
เด็กเกิดมาบริสุทธิ์ทุกคน...แต่พ่อแม่และสังคมรอบตัวนี่แหล่ะที่ค่อยๆ
แต้มสีให้เขา...เราเองทำอะไรไม่ได้มากมายหรอกค่ะ...ถึงอยากช่วยก็ช่วยได้แค่
ชั่วครั้งชั่วคราว...ช่วยในระยะยาวได้ลำบากมาก...นอกจากจะสอนคุณธรรม
ให้เขายึดไว้...มีช่วงหนึ่งเข้าไปคลุกคลีกับปัญหาเด็กบ้านแตก
เชื่อมั้ยคะว่า เต่าหดหู่จนไม่สามารถเขียนภาพได้แม้แต่ภาพเดียว...หยุดเขียนไปเลย...
อารมย์สุนทรีย์ในชีวิตบินหายไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รุ้...เจอพี่ที่เขาเป็นศิลปินมาพูดคุย
ด้วยเรื่องที่พี่เขาไปอยู่ช่วยเหลือเด็กๆที่มีปัญหาครอบครัว เลยได้เปิดอกคุยกัน...
คุยถูกคอกันมากเลยค่ะ เพราะพี่เขาก็บอกว่าเขียนภาพไม่ได้เลยเป็นเวลาห้าปีเต็ม...
ถ้าวาดก็ได้แต่พวกดาร์คๆออกมา...ซึ่งพี่แกบอกว่ามันไม่ใช่แนวของแกเลย...
แกเลยหยุดวาดไปพักใหญ่...โยเองยังเขียนรูปไม่ได้...ตอนนี้ก็ยัง...
เพราะเป็นคนชอบวาดรูปต้นไม้ใบหญ้า พวกดอกไม้งาม...
มันเลยวาดไม่ได้ดั่งที่ต้องการสักที...ก็เลยเลิกวาดเลิกจับพู่กันไปนานแล้ว...
แต่ยังเขียนนิยายได้อยู่...ซึ่งมันก็ออกมาแบบเสริฟมาม่าเลย...ฮ่าาาาาา

งานศิลป์ทุกชนิด ไม่ใช่จะบ่งบอกชีวิตคนเขียนหรือชีวิตของคนสร้างสรรค์เสมอไปหรอกค่ะ
แต่แน่นอนอยู่อย่างคือ มันมักเป็นสิ่งที่คนเขียนพบเจอมา...จะเจอด้วยตัวเอง
หรือไปคลุกคลีกับคนที่เจอมา...ก็เท่านั้นเองค่ะ...หรืออาจจะทั้งสองอย่างมารวมกัน...อิอิ
ส่วนจินตนาการก็แค่วัตถุดิบมาปรุงแต่งเท่านั้น(อันนี้ในกรณีที่เขียนแนวดราม่านะคะ)...
ส่วนแนวเพ้อฝันนั่นก็...อีกเรื่องนึง...ฮ่าาาาาาา




....ขอให้นักอ่านมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์พูนสุขนะคะ....


"เต่าโย"






yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2558, 01:33:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2558, 01:48:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 3619





<< บทที่ 36 เสียศูนย์ สูญเสีย   บทที่ 38 แมงมุม VS ไม้กวาดหยากไย่ >>
coonX3 2 เม.ย. 2558, 04:20:17 น.
สมใจเงาะแหละงานนี้ มาดูต่อว่าแผนนี้ของเงาะจะคุ้มกันต้นจากมารได้มั้ย แล้วฝั่งมารจะเอาอะไรมาสู้อีก


konhin 2 เม.ย. 2558, 04:40:30 น.
นาดีมแท้ง อืมมม งั้นสมบัติก็หลุดป่ะ แต่พี่นุจะฟ้องศาลเอาหรือเปล่าอีกเรื่อง แต่นางแม่ตัวดีนี่แบบ ฉันไม่ผิดๆๆ เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส โทษฝ่ายอื่นหมดเลย แต่ อย่าลืมนะ แพ้มาแล้วรอบ จะไม่มีคนนอกแคลงเคลืองเลยเหรอ พยายามใช้สื่อช่วย แต่มันไม่เกี่ยวกับศาลป่ะ??(คาดหวังว่าาาา)
รินทร์ได้แต่งแล้วในที่สุด สมหวังแล้วระดับหนึ่ง ยอมเปิดไพ่กับน้าเล็กแล้ว ทีนี้ต้องมาเดิมพันกันว่าน้าเล็กจะทำยังไง

ตอนหน้าเอาพี่นุกลับมาหรือยังคะ คิดถึงเฮีย


Pat 2 เม.ย. 2558, 06:30:49 น.
เปลี่ยนโหมดแทบไม่ทัน เงาะของต้านี่ลูกล่อลูกชนแพรวพราว ค่อนไปทางโรแมนติกอีกต่างหากเห็นหน้าตาร้ายๆอย่างนั้น งานนี้ได้ใจสาวไปเยอะเลยนะพ่อคุณ


Pampam 2 เม.ย. 2558, 07:37:41 น.
มารตัวแม่นี่โกหกได้สุดยอดโดยไม่รู้สึกอะไรเลย


yapapaya 2 เม.ย. 2558, 08:42:53 น.
มารตัวแม่ โกหกหน้าด้านๆ อิจฉาเงาะจริงๆได้กินนางฟ้าแล้ว


แว่นใส 2 เม.ย. 2558, 08:43:07 น.
นายเงาะนี่หวานจนน่าอิจฉาเชียว


yasta 2 เม.ย. 2558, 08:59:04 น.
แหม..กลายเป็นเงาะเชื่อมในกระป๋องซะแล้ว นายวารินทร์ของเรา
ดีใจด้วยนะ เป็นฝั่งเป็นฝาสักที


ตุ๊งแช่ 2 เม.ย. 2558, 09:25:28 น.
มารเสร็จไปหนึ่ง ถ้าจะฟื้นยากซะแล้วสิ

มารตัวแม่นี่พิษเยอะจริงๆ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้สุดยอด

แหมๆๆๆ...จอมโจร..นี่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวจริงๆ..มุ้งมิ้ง..ฟรุ้งฟริ้งเลยน๊า..

นุฮา..ไม่มาร่วมงานด้วยเหรอ..

เอ๊ะ เรามีสัญญิง..สัญญา..กันเหรอ.....จำไม่ได้ายยย...ย..



คิมหันตุ์ 2 เม.ย. 2558, 09:36:45 น.
อ่านแล้วยังรุ้สึกว่าน้าเล็กรักเงาะมากกกกกกกกไม่น่าโหดได้เลย แต่ว่าซีนงานแต่งเนี่ยอารมน่าร้ากกกกกมาก. ไม่เหมือนงานเร่งรีบเลย. ตาเงาะเนี่ยทำออกมาได้ดีจริงๆ


RdoubleC 2 เม.ย. 2558, 13:20:32 น.
ไม่เคยเจอคนแบบนาดีมรึเปล่า(ไม่แน่ใจ)
คือไม่คิดว่า จะเป็นคนที่ดาร์ค(ไปเลย)ขนาดนี้ เอ๊ะ รึยังเทาๆ
สงสัยเลี่ยงที่จะเจอคนประเภทนี้ด้วยล่ะ... งงกับตัวเอง เอิ๊กๆ

มารายงานตัวค่ะ หายไปหลายตอนรุย
กลับมาอีกที ว้าว นาดีม นาดีม นาดีม เพียบเบยยยย

ตอนหวานๆอย่างตอนนี้ขอไม่พูดนะคะ คือมันจะเขินเองอ่าคะ
โม้ตอนก่อนหน้าดีกว่า

เล่นกับมารนี้ เราเคยอ่านเรื่องหนึ่งค่ะ เป็นนักร้องเพลงบลู(เขียนถูกมั้ยหว่า)ผิวสี
แกมีฐานะที่ยากจนมาก เสียงก็ไม่เพราะถ้าจะร้องเพลง
จู่ๆมีวันหนึ่งแกร้องเพลงแล้วตรึงใจคนได้ซะงั้น
โด่งดังมากอยู่ช่วงหนึ่ง และตายไปในวัยหนุ่ม

เขาว่ากันว่า แกขายวิญญาณให้ซาตานค่ะ บรึยยยย
จริงไม่จริง ไม่รู้ แต่กลัววววววววว

อ่านเรื่องนี้เลยนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมา

และหนังเรื่องลองของค่ะ มีตัวละคร ญ ที่ทำเสน่ใส่ตัวเอกชายของเรื่อง
ที่พอตอนจบเรื่อง เขาเล่าว่า 'ของที่เราทำ จะติดตัวเราไปจนตาย'

กำลังคอยดูว่าคุณโยจะให้นาดีมจบในรูปแบบไหน อิอิ หนุกๆ


Habibi 2 เม.ย. 2558, 18:54:39 น.
นาดีมแท้งo_O...คือ...แม่นาดีมร้ายมากกกกเลย....ชอบตอนนี้นะค่ะต้องขอบอกว่าฟินมาก...อ่านไปยิ้มไปมีความสุขนะค่ะ....อยากได้จักรยานคู่รักจังเลย...ไม่ได้ไว้ขี่กับคู่รักนะค่ะ(กำลังจะเข้า17ปี้เองค่ะ^^)จะตั้งโชว์นะค่ะ..ขอให้ต้ากับรินทร์รักกันนานๆนะค่ะ....คิดถึงตาหนูแล้วๆๆค่ะ
ขอให้คุณโยมีสุขภาพแข็งแรงนะค่ะ


Pampam 3 เม.ย. 2558, 09:39:49 น.
ขอเงาะในน้ำเชื่อมกระป๋องหนึ่ง ยังมีเหลืออีกไหมคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account