เงามาร (กำลังรีไรท์ค่ะ)
'วาลาดา' ตื่นขึ้นมาพร้อมกับการรับรู้ว่าตัวเองมีสามีมีลูกแล้ว
ที่สำคัญ สามีของเธอคือเพื่อนในวัยเยาว์ที่ห่างเหินกันไป
หลายปีแล้ว เธอไม่ได้มีใจให้เขา เขาเองก็เกลียดเธอ

เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือสามีของเพื่อนรักของเธอ


คำว่า "แย่งสามีเพื่อน"
กู่ก้องอยู่ในหัวและทำให้หัวใจของหญิงสาวแหลกสลาย...

เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปมีอะไรกับเขาตอนไหนจนมีลูก
กับเขาได้...แต่ลูกที่มีหน้าตาผสมผสานระหว่างเธอกับเขา
อย่างลงตัวทำให้เธอดื้นไม่หลุดกับหลักฐานการกระทำ
ของตัวเอง...

ความจริงดังกล่าว...ส่งให้ดาวดวงใหม่ที่ควรจรัสแสงแรงกล้า
อยู่บนฟากฟ้ากลับถูกกระชากลงมาให้แปดเปื้อนกลิ่นคาวคละคลุ้ง
ด้วยน้ำมือของใครบางคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเงาดำนั้น
หญิงสาวก็สุดจะคาดเดาได้...

หญิงสาวที่ควรมีความสุขไปบนหนทางอันดีงาม เส้นทางของดาว
กลับถูกดึงรั้งเข้ามาสู่เส้นทางของมาร...เมื่อถูกความมืดมน
ดุจเมฆดำเข้าครอบงำฝังจิตใจ...เปลี่ยนผู้หญิงที่เคยแสนดี
กลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจ...นั่นคือเธอที่กำลังถูกใครๆ
กล่าวขานอย่างไม่มีจบสิ้น...


ทางเดียวที่จะรอดพ้นไปได้ นั่นก็คือ เธอต้องต่อสู้กับมันให้ชนะ ต่อสู้กับเงามารที่คอยตามรังควานชีวิตเธอทั้งชีวิตให้ย่อยยับ

โดยไม่รู้เลยสักนิดว่า...เงามารที่เธอเห็นนั้นมีใครซ่อนอยู่
หลังเงานั่น...รอ...รอวัน...เพื่ออะไรบางอย่าง...

รอคอยและเฝ้าดูอยู่ข้างหลังอย่างอดทน...
ชักใยซึ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างพิถึพิถัน...และล้ำลึก...
วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบและรัดกุม

ช่างเป็นการรอคอยอันแสนยาวนาน รอให้เธอมีความสุขที่สุด
ประสบความสำเร็จที่สุด พอได้จังหวะเหมาะจึงเข้าโจมตี...
จนวาลาดาคาดไม่ถึงว่าจะมีใครอดทนรอคอยเพื่อจองเวรเธอ
ได้นานถึงเพียงนี้...ช่างเป็นการทุ่มเทที่น่ากลัวเหลือเกิน...

เธอรู้...รู้ว่าสิ่งที่สำคัญ...คือเธอจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือ
หลังจากโดนโจมตีจนย่อยยับอับปางนี้ต่อไปอย่างไร...
นั่นคือ...สิ่งที่เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่...

และอีกอย่างที่เธอจะต้องทำคือ...หาคนที่ซ่อนอยู่หลังเงานั้น
ให้เจอ! และถามให้รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร


และ...

หวังเพียงว่า...เธอจะไม่ถูกมันครอบงำได้อีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...เธอจะได้พบกับแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...ผู้ที่เธอได้ทำร้ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวจะให้อภัย
หวังเพียงว่า...เขาจะเข้าใจ เชื่อใจ อภัย และรักเธอ
หวังเพียงว่า...ยอดดวงใจซึ่งคือลูกน้อยจะปลอดภัย ไร้มลทิน






...ขอเพียงได้อยู่ดูแลคุ้มภายคุ้มใจคนที่รักตลอดไป...


...ขอเพียงคนที่เธอรักปลอดภัย เข้าใจ ให้อภัย
และรักเธอเท่านั้น....



Tags: ดราม่า ซุลก๊อตไนท์ วาลาดา นาดีม มาร มารร้าย ไสยศาสตร์ ญิน นุฮา อะสุเซน่า วารินทร์ อานิต้า

ตอน: บทที่ 38 แมงมุม VS ไม้กวาดหยากไย่



วารินทร์นั่งจ้องมองอานิต้าที่กำลังนั่งสางผมยาวสลวยก่อนเคล้าขึ้นเป็นมวย
ปักปิ่นมีตุ้มห้อยระลงเคลียแก้มนวลราวกับนางฟ้านางสวรรค์สวยหยดหยาดฟ้ามาดิน

เธอหันมายิ้มหวานให้เขาแล้วเดินมาหา ปีนขึ้นมาบนเตียงแล้วยกแขน
โอบรอบคอเขา…ถามเขาว่า…

“พี่รินทร์ขาอยากให้ต้าทำอะไรให้…บอกได้นะคะ…”

“เขี่ยหูให้พี่หน่อยสิ…” เฮ้ย เมื่อกี้เขาพูดว่่าไงนะ…ไม่ๆๆ เขาไม่ได้ปรารถนาเช่นนั้น…

“ได้สิคะ…งั้นนอนลงค่ะ เดี๋ยวต้าจะเขี่ยหูให้…” แล้วเธอก็จับให้เขา
นอนตะแคงก่อนจะนั่งลงแล้วเขี่ยขี้หูให้เขา

โอ้ว…มีคนเขี่ยหูให้เช่นนี้ ช่างรู้สึกดีจริงๆ…เพียงไม่นานเขาก็คว้าตัวเธอ
เข้ามากอดคลอเคลีย แสนสุขใจยิ่งนัก ไม่คิดว่าการมีเมียมันดีอย่างนี้นี่เอง
รู้อย่างนี้แต่งงานไปนานแล้ว…

เธอป้องปัดแกล้งขัดขืน เขาก็ไม่ย่อท้อ ลุกขยับไปดับไฟ
แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร อนิจจา…ตกใจตื่นเสียก่อน…

ทว่า พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าอานิต้านั่งมองเขาด้วยแววตาเอาเรื่องเลยทีเดียว…

“เมื่อกี้ทำอะไรต้ารู้มั้ยคะ…” เสียงของเธอเอาเรื่องพอๆกับแววตา

“พี่ทำอะไรครับ…” เขาทำไม่รู้ไม่ชี้ จริงๆก็ไม่ได้รู้อะไรมากมาย
รู้แค่ว่าฝันดีจนเกือบได้กระชับความสัมพันธ์กับเธอแล้ว
ถ้าไม่ตกใจตื่นขึ้นมาเสียก่อนน่ะนะ

“ก็…” อานิต้าพูดไม่ออกแถมยังก้มหน้าเขินขวย เขาเลยฉวยมือเธอแล้วจุมพิต
ไม่รอช้าคว้าร่างงามมากกกอด…หญิงสาวดิ้นขลุกขลัก

“ปล่อยต้านะ…”

“ไม่…เมื่อกี้พี่ฝันดีจนอยากให้ฝันเป็นจริงซะแล้วสิ…” ไม่พูดเปล่า
เขาก้มลงหอมแก้มสาว เธอป้องปัดขัดขืนเหมือนในฝันไม่มีผิดเพี้ยน

คราวนี้เขาจะไม่ยอมหยุดอีกแล้ว วารินทร์เดินหน้าต่อด้วยการปลดปราการ
ที่คอยบดบังความงามของเธอออก…จนได้เห็นความงามต่อหน้าต่อตา
จ้องแล้วก็อยากสัมผัส เมื่อสัมผัสก็อยากกระชับความสัมพันธ์ขั้นต่อไป…

แต่พอได้ยินเสียงไก่ก็พลันตกใจตื่นอีกครั้ง…นี่มันอะไรกัน ไก่ที่ไหนมาขันล่ะเนี่ย…

วารินทร์หงุดหงิดเมื่อรู้ว่าเมื่อกี้ที่คิดว่าไม่ได้ฝันก็กลับฝันไป…
แล้วไก่เล่า ไก่ที่ไหนมาขันปลุกเขา นี่มันกลางกรุงเทพมหานครนะ…
บ้านอานิต้าเลี้ยงหรือ…หือ…ไม่ใช่แน่…

วารินทร์ขยี้ตามองหาที่มาของไก่…หรือเราจะฝันไปอีกรอบ…
ชายหนุ่มหยิกตัวเองดูก็รู้ว่าเจ็บ และที่เจ็บกว่าก็คือโดนฝ่ามืออรหันต์
ของหมอนข้างฟาดมาโดนลำแขนเข้าเต็มๆทั้งๆที่ยังหลับตาพริ้ม…
มือนั้นตะกุยตะกายหาอะไรบางอย่าง…ควานสะเปะสะปะพร้อมเสียงครางเบาๆในลำคอ…

วารินทร์มองหมอนข้างพลางหาเสียงไก่ขันที่ปลุกเขาจากฝันหวานแล้วก็เจอมัน
เล้าไก่มันอยู่ในโทรศัพท์มือถือของยัยหมอนข้างนี่เอง…

ให้ตายเถอะ…แม่คุณตั้งนาฬิกาปลุกเป็นเสียงไก่ขัน…

“โอ้…อานิต้า…” วารินทร์ครางแล้วขยับตัวเพื่อไปหยิบมือถือของเธอมากดปุ่มปิดเสียง
พอเสียงไก่หยุดขัน มือที่ควานไปมาบนพื้นเบาะก็หยุดตาม
แถมยังมีรอยยิ้มเต็มดวงหน้าทั้งๆที่ดวงตายังหลับพริ้มอยู่

วารินทร์ได้แต่ส่ายหน้าให้คนขี้เซา…ขนาดนาฬิกาปลุกเสียงไก่ขันดังลั่นห้อง
ก็ยังเอาไม่อยู่…ชีวิตเขาต่อจากนี้คงสนุกพิลึกแน่…

ชายหนุ่มมองนาฬิกาก็เห็นว่าอีกไม่นานก็เข้าสู่เวลาละหมาดแล้ว
เขาจึงลุกขึ้นจากที่นอน มองหมอนข้างอย่างอาลัย พอลับหลังไม่ทันไร
ก็ได้ยินเสียงดังมาจากมือถือเธออีกครั้ง คราวนี้เป็นเสียงอะซาน
หรือเสียงประกาศเมื่อเข้าสู่เวลาละหมาดเพื่อปลุกหรือเตือนให้คนได้รู้ตัวว่า
ได้เวลาละหมาดแล้ว…

วารินทร์ยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าหญิงสาวไฮเทคขนาดดาวน์โหลดโปรแกรมอะซาน
มาไว้ในมือถืออย่างนี้ แสดงว่าเมื่อเข้าเวลาละหมาดแต่ละครั้ง
เธอก็จะได้ยินเสียงดังเตือนถึงเวลาละหมาดจากมือถือทุกครั้งสินะ

…น่ารักจริงเมียเรา คิดแล้วก็ก้มลงหอมแก้มนั้น...ก่อนจะตกใจในความขี้เซา
ของอานิต้้าที่ขนาดไก่ขันกับเสียงอะซานก็ยังเอาไม่อยู่
ได้ยินแต่เสียงครางเบาๆในลำคอว่า

“แม่ขา…ต้าขอเวลาอีกนิด สิบห้านาทีเอง…เดี๋ยวค่อยลุกไปละหมาดนะจ๊ะแม่จ๋า…”

แหม…เสียงออดอ้อนหวานเสียเหลือเกิน…แม่จ๊ะแม่จ๋า
นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นพี่รินจ๊ะพี่รินทร์จ๋าจะดีแค่ไหนหนอ…

คิดแล้วก็ก้มลงกระซิบบอกคนขี้เซาให้ตื่น…แต่เรียกเท่าไหร่เธอก็ไม่ยอมตื่น
แถมยังผลักเขาเสียกระเด็นแทบตกเตียง

“ออกไปนะเจ้าจีต้าร์…ใครให้แกมายุ่งในห้องเค้า…ไปนอนห้องแม่แกโน้นไป…
นี่ห้องต้านะ…” วารินทร์หันมองไปรอบๆตัว ใครกัน...เจ้าจีตาร์…
หรือว่าแมว…อานิต้าเลี้ยงแมวหรือ…

“เค้าจะนอน อย่ามากวน…” ถึงไม่บอกก็รู้แล้วว่าจะนอน…
แต่เขาจะกวน…ป่วนให้ตื่นเลย…

“น้องต้าคนสวยของพี่ จะตื่นมาดีๆหรือจะให้พี่ปล้ำแต่เช้า…”

วารินทร์เริ่มส่งเสียงขู่ฟ่อๆ แต่ไม่ได้ผล…อานิต้าหาได้สะทกสะท้านไม่
เธอยังนอนหลับตาพริ้มแถมยังคว้าเอาหมอนรองศีรษะของเขาไปกอดแทนหมอนข้างอีก…

ชายหนุ่มตัั้งใจจะก้มลงไปหอมแก้ม แต่ไม่อยากให้อะไรๆเลยเถิด
เดี๋ยวจะเสียการเสียงานหมด เลยตัดใจลุกขึ้นไปอาบน้ำ

ออกจากห้องน้ำมา อานิต้าก็ยังนอนกอดหมอนเขาอยู่ในท่าเดิม
วารินทร์ส่ายหน้าไหวๆ เดินไปยังที่ทำละหมาด

พอละหมาดเสร็จ กลับพบว่าเธอก็ยังคงนอนหลับสนิทแต่อยู่ในท่าใหม่…
คือท่านอนคว่ำ พับเข่าสองข้างวางก้นลงบนส้นเท้าทั้งสอง

…ให้ตายเถอะ…นี่มันท่านอนของเด็กไม่กี่ขวบชัดๆ
แต่ก็ไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นท่าหนึ่งท่าใดของโยคะก็เป็นได้…
เขาเคยเห็นสาวๆมักชอบทำกัน…เธอคงตื่นขึ้นมาเพื่อทำโยคะเป็นการออกกำลังกาย
แต่เช้าแบบนี้…งั้นไหนขอดูหน่อยซิว่ากำลังออกกำลังกายหรือว่ากำลังหลับกันแน่…

วารินทร์เลยนั่งลงบนเตียง เขยิบไปดูคนที่กำลังนอนทำท่าพิสดารอยู่…
แล้วจึงได้รู้ว่าอานิต้าไม่ได้ตื่นขึ้นมาทำโยคะแต่ประการใด

เพราะเธอหลับ…หลับครับหลับ หลับสนิทเสียด้วย…

วารินทร์ส่ายหน้าก่อนจะจับร่างที่กำลังนอนในท่านั้นขึ้นนั่งคล้ายจะกอดเอาไว้

“อะไรกันอีกล่ะนี่…” เธอบ่น แต่ก็ยังคงซบหน้าลงตรงอกของเขา
แล้วก็หลับ…หลับต่อได้อีก...สุดยอดมากเมียเรา...สุดยอดจริงๆ

“ต้าง่วงค่ะ ง่วงมาก ไม่รู้ทำไม…” เธอบอกเสียงแผ่วแล้วก็หลับต่อไป
ซ้ำยังเอามือกอดเขาเอาไว้แน่น…วารินทร์คลี่ยิ้มมองใบหน้าใส
แก้มนวลผ่องไร้ริ้วรอยของเธอที่กำลังคลอเคลียอยู่ตรงแผ่นอกของเขา

…ช่างน่าเอ็นดูอะไรเยี่ยงนี้…นางฟ้าของเขา…แต่ทำไมขี้เซาเหลือเกิน

“ต้า…ตื่นเถอะ…” วารินทร์เรียกหญิงสาวในอ้อมอก

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขามีหญิงสาวมานอนอยู่ในอ้อมอกเช่นนี้
มันช่างรู้สึกดีและอุ่นซ่านไปทั่วทั้งใจ…

แม้อยากจะอยู่ในท่านี้นานๆ แต่เขาก็ไม่อยากให้เธอขาดละหมาด…
จึงก้มลงจุมพิตให้เจ้าหญิงนิทราตื่นจากหลับฝัน…

แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ เมื่อเจ้าหญิงนิทราลืมตาตื่น จ้องตาเขาแป๋วแหววทีเดียว
ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ แล้วผวาสะดุ้งสุดตัว…กระโดดหนีเขา
ไปนั่งพับเพียบอยู่อีกฟากของเตียง

“คุณมาทำอะไรที่นี่…” เสียงนั้นถามเขา สงสัยจะยังตื่นไม่เต็มที่แน่ๆ

“พี่…ต้องเรียกพี่ว่าพี่…พี่รินทร์ขาาาาาา…” เขาจงใจลากเสียงขายาวๆ
เพื่อเตือนสติอีกฝ่าย ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วเหมือนมันจะใช้ได้ผล
แก้มเธอแดงปลั่งเหมือนมะเขือเทศเลยทีเดียว

“หรือว่าลืม…จะได้เตือนด้วยท่ายากๆ…” เท่านั้นแหล่ะ อานิต้า
ก็กระโดดลงจากเตียงแล้วคว้าหมอนไปกอด

“บ้า…ต้า ต้า…ไม่ได้ลืม…แต่…แต่…”

“แต่อะไร…” เขาลากเสียงยานคางถามเธอด้วยสีหน้ายียวนกวนอารมณ์
หญิงสาวมองไปทางนาฬิกาแล้วยิ้มออกมา

“ต้าต้องไปละหมาดค่ะ…ไปก่อนนะคะ เดี๋ยวหมดเวลา…” ว่าแล้วก็รีบโกย
วิ่งเข้าห้องน้ำไป ก่อนจะไปไม่วายโยนหมอนใส่หน้าเขาด้วย

วารินทร์รับหมอนมากอดไว้แล้วได้แต่ส่ายหน้าไหวๆ

ชีวิตเขา…โอ้…ใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเหมือนกันนะเนี่ย…
หวังว่าเขาคงไม่ต้องมาคอยนั่งปลุกเธอแบบเช้านี้ในทุกๆเช้าที่ตื่นขึ้นมา
ได้ยินเสียงไก่ขันนั่นหรอกนะ…เพราะขนาดไก่ส่งเสียงดังขนาดนั้นยังไม่นำพา…
เขาคงต้องพยายามสรรหาวิธีปลุกดีๆมาปลุกเธอเสียแล้ว…

อย่างน้อย...จุมพิตเมื่อครู่ดูจะได้ผลทีเดียว…คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มกริ่ม…
เอาเถิดแค่นี้ ชีวิตก็มีสีสันขึ้นเป็นกองแล้ว…



และเช้าวันนั้นเองที่นุฮามาหาเขาพร้อมกับกล่องของขวัญวันแต่งงาน
ขอโทษเขาที่เมื่อวานไม่สามารถมาร่วมงานได้เพราะว่าติดต่องานอยู่ที่ดูไบ
เพิ่งจะเดินทางกลับมาถึงเมื่อค่ำ…พร้อมกับบอกข่าวดีแก่เขาเมื่อส่งมือถือมาให้
ภาพบนมือถือคือภาพของวาลาดาที่กำลังอยู่ในชุดตั้งครรภ์กำลังยืนถือ
ไม้กวาดหยากไย่หน้าตาประหลาดๆ ไม่ไกลกันนักมีลูกชายนั่งถูพื้นห้องอยู่
ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก…

“ใครส่งมาครับ…” วารินทร์ถาม ทว่านุฮากลับส่ายหน้า

“เบอร์ใครไม่รู้เหมือนกัน ตั้งใจจะสืบหาดู แต่คิดว่าคนถ่ายคงแอบถ่ายมามากกว่า…”
วารินทร์ส่ายหน้าพร้อมกับเฉลยว่า

“มันคือภาพจากกล้องวงจรปิดครับพี่…” นุฮาเพ่งมองภาพน้ันอีกครั้ง
แล้วก็เห็นจริงดังวารินทร์ว่า

“พี่เองก็เพิ่งได้รับภาพนี้เมื่อตะกี้นี้แหล่ะ…ว่าแต่ใครกันส่งภาพมาให้ดู
แล้วเขาต้องการอะไร…” นุฮาเอ่ยราวกับจะปรึกษาอีกฝ่าย ส่วนอานิต้าได้แต่นั่งนิ่ง
หากสมองไม่ได้นิ่งตาม

“หรือวาถูกลักพาตัวไป…แล้วเอาไปซ่อนไว้ เขาคงส่งมาเพื่อต้องการ
ค่าไถ่ตัวหรืออาจจะต้องการต่อรองอะไรกับทางเราหรือเปล่าพี่…”
นุฮาส่ายหน้าพร้อมกับให้ข้อสังเกตว่า

“ถ้าอย่างนั้น ทำไมถึงมีแต่รูป ไม่เห็นบอกอะไรเลยสักอย่าง
แล้วเท่าที่ดู วากับลูกก็ไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไรเลย…”

“ได้ข่าวว่าลุงหมานก็หายตัวไปเลยไม่ใช่หรือพี่นุ…ทางตำรวจเอง
ก็ยังตามหาตัวแกไม่เจอเหมือนกัน เขาออกไปด้วยกันหรือเปล่าพี่”
วารินทร์ตั้งข้อสังเกตอีกครั้ง

“นายคิดว่าลุงหมานจะไฮเทคพอที่จะมีการตั้งกล้องวงจรปิดแล้ว
ส่งภาพพวกนี้มาให้พี่หรือ…มันเป็นไปได้ยากมาก…” นุฮาโบกไม้โบกมือ
ปฏิเสธอย่างแข็งขัน

“ผมแค่คิดว่า…บางทีวาน่าจะหายตัวไปกับลุงหมานไงพี่นุ…หรือพี่ไม่คิดแบบนี้เลย…
ผมน่ะ แอบคิดมาตั้งแต่วันนั้นแล้ว…” นุฮาคลี่ยิ้มออกมา…

“นายรู้ไรมั้ยรินทร์…ตอนนี้พี่สงสัยทางทีมตำรวจนำสืบคดีนี้มากที่สุด…
ถามอะไรก็ตอบไม่เคลียร์สักอย่าง…ขอดูผลชันสูตรกระดูกในที่เกิดเหตุก็ไม่ได้…
บอกว่ามันจะทำให้เสียรูปคดี…ทำราวกับว่าพี่คือหนึ่งในผู้ต้องสงสัยงั้นแหล่ะ…
ขนาดพ่อพี่ไปขอดูยังไม่ยอม…มีผู้ใหญ่ทางนั้นออกหน้ารับ…”

“ใหญ่ขนาดไหนครับพี่…” วารินทร์อดไม่ได้ที่จะถาม เขาเองก็ออกจะสงสัย
เรื่องคดีของซุลก๊อตไนท์เหลือกำลัง แต่ด้วยบารมีของเขาแล้ว
มันไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้ ต่อให้มีเพื่อนผองอยู่ในนั้น
ข้อมูลเหล่านั้นก็ถูกปิดกั้นทุกทาง…

“ขนาดที่พ่อพี่ต่อกรไม่ได้ก็แล้วกัน…” นุฮาเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“เรื่องนี้มันชักมีกลิ่นทะแม่งๆแล้วนะพี่นุ…ผมว่า…บางที…”

วารินทร์ลังเลที่จะเอ่ยออกไป ทว่านุฮากลับรู้ใจเลยชิงพูดเสียก่อน

“นี่อาจเป็นเกมล่าหัวพญามารของไอ้ก๊อตมันใช่มั้ย…” วารินทร์ยิ้มที่มุมปาก

“ไอ้หมอนั่นมันซับซ้อนนะพี่…ใครก็ยากจะเดาทางมันได้…
เพราะว่าใครๆก็ไม่เคยได้รู้จักมันจริงๆสักคน…ขนาดผมเรียนกับมันมาตั้งหลายปี…
ก็ยังอ่านมันไม่ออก…” นุฮาหัวเราะเลยทีเดียวเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว

“แล้วพี่ล่ะ…พี่เล่นกับมันมาตั้งแต่มันเพิ่งเกิดแท้ๆ…ถ้านี่เป็นเกมของมัน
พี่จะลากคอมันไปโยนทะเลให้ไปฟัดกับฉลามดู…จะได้รู้ว่าระหว่างมันกับฉลาม
ใครจะแพ้ใครจะชนะ…” นุฮาคาดโทษบุคคลที่สามด้วยน้ำเสียงหมายมาด
ทำเอาวารินทร์ถึงกับยิ้มกว้าง

“ผมว่าฉลามน่าจะแพ้มันนะพี่…เพราะมันว่ายน้ำเก่ง…” ไม่วายกระเซ้าเย้าแหย่
อีกฝ่ายแก้เครียดจนได้ หากเมื่อก้มมองดูภาพในมือถือดูอีกที
กลับเจออะไรบางอย่างที่ไม่คาดคิด…

“พี่นุ…วายิ้มให้กล้องนะพี่…พ่ีดูดีๆสิ…เขายิ้มให้กล้องเหมือนว่าเห็นมันเลย
คนอย่างวาเขารักโลกส่วนตัวมากพอตัว คงไม่ชอบให้ใครมาสอดส่องดูพฤติกรรมตัวเอง
อยู่ตลอดเวลาแน่ๆ...เชื่อเถอะ...งานนี้มีเฮแน่...”
นุฮารับไปดูแล้วก็หัวเราะออกมา

“ให้ตายเถอะ…ยัยวาคงจับตัวการที่มันแอบซ่อนกล้องได้แล้วชัวร์ๆ…
เห็นไม้กวาดหยากไย่นั้นแล้วก็พอเดาได้ไม่ยากว่า...แมงมุมกำลังจะโดนไล่ที่…
งานนี้มันได้ฟื้นคืนชีพไม่ช้านี้แน่ๆ…เชื่อพี่สิ...ไอ้บ้านั่นมันยังไม่ตายจริงๆ…”

คราวนี้นุฮาหัวเราะลั่นเลยทีเดียว ทำเอาวารินทร์อดขำไม่ได้เมื่อเห็นว่าภาพนั้น
มันบ่งบอกชัดเจนว่าวาลาดาที่ถือไม้กวาดหยากไย่อยู่ในมือแล้วกำลังยิ้มให้กล้องอยู่นั้น
คิดจะทำอะไรต่อไป…

“มันแสบจริงๆนะพี่…” วารินทร์อดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงคนที่เขาคิดว่า
ตายไปแล้วหลายเดือน…แถมยังสุ้มทำอะไรกับลูกเมียแบบนั้น...

เขาไม่เชื่อหรอกว่าไอ้ก๊อตมันจะไม่รู้ฤทธิ์วาลาดาเวลาโดนบุกรุกความเป็นส่วนตัว
โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่มันก็ยังกล้าทีี่จะทำ...อยากเห็นหน้ามันตอนเจอฤทธิ์
ไม้กวาดหยากไย่เข้าไปจริงๆ...

“แล้วมันยังมีหน้าส่งภาพนี้มาอีก…ไอ้นี่มันสุดยอดของการกวนประสาทชาวบ้านจริงๆ…”

“ผมว่ามันฉลาดดีนะพี่…ส่งมาแค่ภาพเดียว เราก็รู้ความเป็นไปได้หมด คุ้มเกินคุ้ม…”

“ใช่…อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าวากับตาหนูอยู่ดีไม่ทุกข์ร้อนอันใด…”

“แถมยังท้องลูกอีกคนด้วย…” วารินทร์เสริม ไม่วายหันไปทางอานิต้า

“เธอเองต้องเป็นให้ได้เหมือนวานะต้า วาเขานำไปสองแล้ว…
ของเราเอาแฝดสยามเลยแล้วกัน…” นุฮาหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นสีหน้า
ท่าทางขวยเขินของเจ้าสาวหมาดๆของวารินทร์ที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา

“พี่นุล่ะ…หัวเราะคนอื่น…เมื่อไหร่จะมีกับเขามั่ง…”

“เออ…พอได้เมียแล้วทับถมคนอื่นทันทีนะเอ็ง…” นุฮาใช้ศัพท์เฉพาะกิจทันที…

“สร้างคานมานานหลายปี…ปีนี้ขอสร้างครอบครัวบ้างสิพี่…
อยากได้อาณาจักรหญ่ายๆ…” ดูมันคุยเบ่งทั้งๆที่ยังไม่มีลูกสักคน

“เอาสักคนให้ได้ก่อนมั้ย…แล้วค่อยสร้างเป็นอาณาจักร…”

“พ่ีนุอย่าห่วง…ผมมีโรงงานผลิตแล้ว…พี่ล่ะ…เมื่อไหร่จะเปิดกิจการ”
ดูมันทับถมคนไม่มีเมีย…

“รอเอ็งมีแฝดสยามก่อนเหอะ…” นุฮาท้า…วารินทร์จึงรับคำท้าทันที

“สิ้นปีนี้…พี่ไหวหรือเปล่า…”

“หาเมียให้ได้ภายในเก้าเดือน…กับผลิตลูกแฝดสยามให้ได้ภายในเก้าเดือนเนี่ย…
เอ็งว่าอะไรยากกว่าวะรินทร์…ฮ่าๆๆ”
นุฮาหัวเราะลั่นทีเดียวเมื่อได้เอาคืนวารินทร์จนสำเร็จ

“ถ้าหาเมียมันง่ายกว่าผลิตลูกแฝดสยาม พี่คงไม่รอมาสามสิบแปดฝน
สามสิบแปดหนาวหรอกว่ามั้ย…” วารินทร์ไม่วายโต้คืน…อย่างเขามีหรือจะยอมง่ายๆ

“ใครสามสิบแปด…แค่สามสิบห้า…” นุฮาแก้ไขข้อมูลทันทีอย่างไม่ยอมให้ใครมาเข้าใจผิด

“สามสิบห้าก็สามสิบห้า ผมก็ไม่ได้ว่าว่าพี่หน้าแก่กว่าอายุนะ…”

วารินทร์แหย่นุฮาเล่น ก่อนจะโต้ตอบและพูดคุยกันเรื่องอะไรอีกมากมาย
เพราะไม่ได้เจอะเจอพูดคุยกันมาเป็นเดือนๆ…เนื่องจากต่างฝ่ายก็ต่างยุ่ง
กับเรื่องของตัวเอง…จนไปจบที่เรื่องของนาดีมที่ยังไม่ฟื้น อาการยังอยู่ในขั้นโคม่า…

ซึ่งทั้งสามคนต่างตกลงกันว่าจะเก็บเรื่องของซุลก๊อตไนท์ไว้เป็นความลับ...
เพราะเชื่อว่าอีกไม่นาน…ซุลก๊อตไนท์จะต้องฟื้นคืนชีพอย่างแน่นอน…




ทางด้านวาลาดา…เมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่วันจะเข้าสู่เดือนรอมะฎอน
ซึ่งมุสลิมทั่วทุกมุมโลกต่างทราบกันดีว่าเมื่อเดือนรอมะฎอนอันประเสริฐมาถึง
บรรดาประตูของสวรรค์จะถูกเปิดและบรรดาประตูของนรกจะถูกปิด
และชัยฏอน (มารร้าย) จะถูกล่าม

ซึ่งนอกจากมุสลิมจะทำการถือศีลอดในเดือนนี้แล้ว ยังต้องละซึ่งการกระทำ
ความผิดบาป ปฏิบัตตนให้อยู่ในครรลองของศาสนา เช่น ไม่โกหก ไม่นินทาว่าร้าย
ไม่อิจฉาริษยา ไม่เข่นฆ่าทำลายกัน และเป็นเดือนที่ห้ามการทำสงคราม รบราฆ่าฟัน…

และที่สำคัญ…ในเดือนนี้…คนตายที่อยู่ในหลุมฝังศพจะถูกงดเว้นจากการถูกลงโทษ…
จะได้กลับมาเยี่ยมเยือนลูกหลานตามแต่พระประสงค์ของพระเจ้า…

ชัยตอนหรือมารร้ายจะถูกล่ามโซ่ตรวนเอาไว้…ไม่ให้ออกมายุยงมนุษย์ในการก่อความ
วุ่นวายบนหน้าแผ่นดิน...

และแน่นอนว่าเงามารที่คอยพยายามติดตามเธอและใครๆจะถูกล่ามโซ่ไว้ด้วยเช่นกัน…

ดังนั้น…วาลาดาจึงหวังให้เดือนอันประเสริฐที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้…
เดือนที่เธอรักและรอคอยการมาถึง จะนำพาคนรักที่พรากจากหากยังหายใจอยู่
กลับมาหาเธออีกครั้ง… มาเยี่ยมเยือนเธอและลูก…มาให้เธอพบเจอ…

เธออยากเจอเขา…อยากกลับไปหาครอบครัวเหลือเกิน…
แม้ท่ีนี่จะสงบแค่ไหน หากก็ไร้ซึ่งญาติสนิทแลมิตรสหายที่เคยรักและผูกพันธ์กันมา…

วาลาดาจึงเริ่มปฏิบัติการทำความสะอาดบ้านหลังน้อยครั้งใหญ่
แม้ปกติจะคอยทำความสะอาดในทุกๆวัน หากก็ยังไม่เคยได้ทำ
แบบจัดหนักจัดเต็มเลยสักครั้ง วันนี้เธอจึงตั้งใจว่าจะต้องขจัดหยากไย่
ที่เกาะอยู่บนเพดานห้องให้สิ้นซาก

เธอไม่ได้เกลียดแมงมุม ออกจะชอบมัน มองมันว่าน่ารักด้วยซ้ำ
แต่การที่บ้านมีหยากไย่มันทำให้ภาพพจน์กุลสตรีที่ดีงามสิ้นค่่าหมดความหมาย
ถ้าแม่รู้แม่ต้องต่อว่าเธอ พี่สาวต้องประณามเธอแน่ๆที่ปล่อยให้หยากไย่เต็มเพดานห้อง…

“ฉันไม่ได้อยากจะไล่ที่พวกแกเลยนะเจ้าแมงมุม…แต่บ้านของพวกแก
มันทำให้บ้านของฉันดูไม่น่าพิสมัยเอาซะเลย…เพื่อภาพพจน์ที่ดีงาม
ของสตรีศรีสยามอย่างฉัน…พวกแกไปหาที่อยู่ใหม่ในป่าเถอะนะ…”

สตรีศรีสยามมองเจ้าแมงมุมแล้วได้แต่ลอบถอนใจ
มันถึงวันที่เธอต้องกอบกู้เอกราชคืนมาแล้วล่ะ…แม้ไม่อยากกำจัดผู้รุกราน
หากนี่มันคือ บ้านของเธอ ไม่ใช่บ้านร้าง

วาลาดามองหาอาวุธ หากนึกขึ้นได้ว่า ลุงหมานมักจะลืมซื้อหามาให้ทุกครั้ง
ขอไปกี่ครั้งๆลุงหมานเป็นต้องลืมทุกครั้งไป

…ไม่เป็นไร…เธอทำมันขึ้นมาเองก็ได้…จะเป็นไรไป ออกแบบบ้านได้เป็นหลังๆ
กี่หลังก็ยังไหว กับอีแค่ไม้กวาดหยากไย่ ไม่คณามือวาลาดาหรอกน่า…

คิดแล้วจึงเริ่มจัดการหาไม้ที่มีขนาดความยาวพอจะไต่ไปถึงเพดานห้อง
ซึ่งไม่ยากเลย…ไม่นานวาลาดาก็ได้ไม้ขนาดพอดิบพอดีมาไว้ในมือ
มองดูลูกชายที่นั่งเล่นของเล่นบนพื้นห้องแล้วได้แต่ยิ้มออกมา…

ตอนแรกตั้งใจจะออกไปหาพวกดอกหญ้ามาทำเป็นไม้กวาด
หากไม่อยากพาลูกตะลอนออกไปข้างนอกจึงเปลี่ยนใจหาเศษผ้ามาผูกปม
ที่ปลายของไม้แทนก่อนจะหาผ้ามาคลุมศีรษะและปิดจมูกเอาไว้
หลังจากนั้นก็เดินไปจัดการหาหมวกปิดหูมาสวมให้ลูกน้อย ก่อนจะสวมหน้ากาก
ปิดจมูกให้ลูก แม้ลูกน้อยจะขัดขืนในตอนแรก แต่พอเธออธิบายว่า

“เรากำลังจะทำความสะอาดบ้านจ่ะ…เผื่อว่าพ่อมา…บ้านจะได้สะอาดๆไง…”

เท่านั้นแหล่ะ เจ้าตัวเล็กก็เข้าใจได้ไม่ยาก แถมยังกระวีกระวาด
จะช่วยทำความสะอาดบ้านด้วยอีกแรง หาผ้าถูพื้นมาช่วยถูๆพื้นอย่างเช่นทุกครั้ง
ที่เธอบอกว่าจะทำความสะอาดบ้าน แรกๆจะคอยดูเธอทำแล้วเลียนแบบท่าทางของเธอ…

เด็กวัยนี้เป็นวัยที่ชอบเลียนแบบสิ่งต่างๆ วันก่อนไปยืนอยู่ที่ใต้ต้นกัลปพฤกษ์
แหงนหน้ามองดูนกกาเหว่าที่ส่งเสียงร้องอยู่บนต้นกัลปพฤกษ์แล้วเลียนเสียงนกกาเหว่า
อยู่นาน…จนถูกลุงหมานได้ยินถึงกับล้อว่า

…เจ้าตัวเล็กเลียนเสียงได้เหมือนแม่นกกาเหว่าอย่างกับเป็นลูกนกกาเหว่าเลยทีเดียว…

นกอะไรร้องให้ได้ยิน เจ้าตัวเล็กเลียนเสียงตามทุกตัว…
นี่ถ้าเจอฤดูฝน ได้ยินเสียงกบเขียดร้อง เธอคงได้นอนฟังเสียงลูกกบตัวนี้
ร้องระงมแข่งกับพ่อกบแม่กบที่ร้องขอฝนหรือเพราะสนุกสนานกับการเล่นน้ำฝน
อย่างไม่ต้องสงสัย…

ส่วนเรื่องปีนป่ายน้ัน ยอมรับเลยว่าได้ดีเอ็นเอของซุลก๊อตไนท์มาไม่น้อย…
มันไม่ได้แปะแค่ที่ปลายจมูกอย่างเดียว ต้นกล้วยกี่ต้นๆข้างบ้าน
เจ้าตัวเล็กพยายามหาทางปีนขึ้นทุกครั้งที่เธอเผลอ…ถ้าเห็นว่าหายไปไหน หาไม่ยากเลย
แค่ชะเง้อหน้าไปดูต้นกล้วยก็จะเห็นลิงตัวน้อยคอยปีนขึ้นปีนลง

ท่าที่เอาแขนขาทั้งสองกอดกระหวัดโอบรัดต้นกล้วยเอาไว้ราวกับว่ารักใคร่มันนักหนา
ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก…เหมือนลูกลิงที่พยายามปีนต้นกล้วยด้วยความมานะอย่างแรงกล้า
ปีนแล้วรูดลงมาแต่ก็ไม่วายปีนขึ้นไปใหม่ ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่ยอมแพ้

เห็นจอมปลวกที่ตรงไหนก็คอยแต่จะปีนขึ้นไปให้ถึงยอดปลวก
ก่อนจะไปนั่งบนยอดปลวกนั้น สีหน้าแววตาเมื่อพิชิตยอดปลวกได้ราวกับว่าสมใจ
ที่ได้เป็นจ้าวแห่งปฐพีที่อยู่เหนือบัลลังก์จักรพรรดิผู้เกรียงไกรก็มิปาน…
สงสัยพอโตไปคงไม่แคล้วต้องหาเรื่องไปปีนยอดภูเขาไฟฟูจิเหมือนเธอแน่ๆ...

พอเห็นรากไทรห้อยลงมาก็ดูจะนึกสนุกขึ้นมาทั้งๆที่เธอไม่เคยสอนสั่งเลยแม้สักนิด…
เจ้าตัวเล็กก็ใช้มือทั้งสองฉวยรากไทรแล้วออกแรงถีบตัวเอง ห้อยโหนไปมา

แหม…ช่างเหมือนทาร์ซานเจ้าป่าไม่มีผิดเพี้ยน…
ทำให้นึกไปถึงอดีตเจ้าของตำแหน่งนี้ขึ้นมาตะหงิดๆอยู่ร่ำไป…

ทำไมหนอ ลูกเนี่ยก็ลูกของเธอเหมือนกัน…ใยถึงได้ไปเอาดีเอ็นเอของพ่อ
มามากกว่าของแม่อย่างนี้…

ซุลก๊อตไนท์จะรับรู้ไหมนะว่าลูกของเขาเอาเยี่ยงอย่างเขามาไม่น้อยเลย…
จะเหมือนเธอหน่อยก็ตรงที่ชอบหาเหาใส่หัว...ชอบชักปัญหาเข้าตัว
ชักศึกเข้าบ้านนี่แหล่ะ...ใช่เลย

ตอนนั้นที่ลุงหมานพาไปเดินเล่น เจ้าตัวเล็กเจอต้นระกำแล้วนึกอยากเข้าไปใกล้
หมายจะใช้ความเป็นซุลก๊อตไนท์ในสายเลือดปีนขึ้นต้นระกำอย่างคนที่กำลัง
จะหาเหาใส่หัวเช่นเธอที่มักจะชักศึกเข้าบ้านโดยไม่รู้เท่าทัน…

ถ้าลุงหมานคว้าตัวเอาไว้ไม่ทัน ได้เจอหนามระกำตำเนื้อตัวแน่ๆ…เจ็บอย่าบอกใคร…
คนเคยๆอย่างเธอรู้ซึ้งดี…ว่าหนามระกำมันทิ่มแทงได้ระกำแค่ไหน…
ต้นสละน้องของต้นระกำก็ดูจะไม่ได้แตกต่างกันเลยถ้าวัดกันที่หนามแหลมคมของมัน

ไม่ว่าจะหนามระกำหรือหนามสละ มันล้วนแล้วแต่ทิ่มตำคนที่หาเรื่อง
เข้าไปข้องแวะกับมันได้ไม่น้อยหน้ากันเลย

…เพียงแต่ผลสละมันหวานฉ่ำกว่าผลระกำที่เปรี้ยวจี๊ดเท่านั้นเอง…

“ตาหนูลูก…” วาลาดาเรียกลูกน้อยพร้อมกับกวักมือให้เข้ามาใกล้ๆ

“คับ…” เสียงตอบรับพร้อมใบหน้าน้อยๆที่เงยขึ้นมามองแม่ มือละจากผ้าเช็ดพื้น
ที่ถูไปถูมาอยู่ที่เดียวอยู่หลายนาทีแล้ว…วาลาดาเลยจัดการเอาผ้าปิดจมูกของลูก
ที่เลือนหลุดลงมาเข้าไปสวมให้เหมือนเดิม

“แม่กำลังจะเอาหยากไย่ลงมา ตาหนูต้องอยู่ห่างๆและไกลๆนะครับ…”

เจ้าตัวเล็กพยักหน้าแล้วเดินออกห่างจากมารดาที่ถือไม้หวาดหยากไย่
แล้วลงมือเช็ดถูพื้นต่อไป…

หากเมื่อเริ่มปฏิบัติการไล่ที่แมงมุมไปได้แค่ศอกไม่ถึงวา
วาลาดาที่กำลังเพลิดเพลินก็ถึงกับสะดุดตากับแมงมุมหน้าตาประหลาดๆ
ที่ซ่อนตัวอยู่ตรงมุมห้อง จนต้องเพ่งสายตามองดูอย่างสนอกสนใจ

เพียงไม่นานคนที่อยู่กับอาคารบ้านเรือนและระบบนิรภัยก็กระตุกมุมปาก
ก่อนจะยกสูงด้วยแววตาวาววับ

…วันนี้คงไม่ใช่แค่ได้ไล่ที่แมงมุมน้อยในบ้านอย่างเดียวซะแล้วละมั้งเนี่ย…

เพิ่งรู้ว่าบ้านน้อยหลังนี้ก็มีพ่อพญาแมงมุมคอยออกลูกออกหลานไปทั่วทั้งบ้านเชียว
เมื่อเจอตัวพ่อพญาวาลาดาก็เดินหาลูกสมุนแมงมุมขุนพลตัวอื่นๆที่หลบซ่อนตัว
อยู่ในที่ที่คิดว่าใช่…แล้วก็พบว่ามันมีไม่น้อยเลยทีเดียว แถมยังพบสหายแมงมุม
อย่างเคร่ืองดักฟังด้วย…

โอ้ว…พ่อแมงมุมของเธอ…ช่างเล่นซ่อนหาได้ดีจริงๆ
ถึงว่าสิ…ขอไม้กวาดหยากไย่ลุงหมานไปคราวใดไม่เคยได้มาสักที…
ทั้งบ้านมีแต่ไม้กวาดพื้น เก้าอี้สักตัวก็ไม่มี…มีแต่โต๊ะเตี้ยๆ…

พ่อแมงมุมดูจะฉลาดแสนรู้เสียเหลือเกิน…

วาลาดาฉีกยิ้มหวานให้กับกล้องตัวน้อยที่เป็นเสมือนดวงตาของพ่อแมงมุม
ที่คงซ่อนตัวชักใยมานานก่อนเธอจะมาอยู่ที่นี่อย่างไม่ต้องสงสัย

…เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปได้ยังไงนะ…มันไม่น่าพลาดเลยจริงๆ อย่างนี้เขาเรียกว่า…
ตายน้ำตื้นได้ใช่มั้ยเนี่ย

…นี่ก็แสดงว่า ทุกๆการกระทำ ทุกๆคำพูดของเธอและลูกรวมทั้งของลุงหมาน
ที่เกิดขึ้นภายในบ้านหลังนี้ได้ถูกสุ้มมอง ถูกดักฟังและอาจจะถูกบันทึกมาตลอดเลยใช่มั้ย…

ซุลก๊อตไนท์! เขาจะยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว!

วาลาดาครางชื่อเขาอยู่ในหัวอก ก่อนจะเดินไปยังห้องนอนและห้องน้ำ
เพื่อมองหาลูกสมุนแมงมุม…

และแล้วเธอก็พบว่าในห้องนอนมีเพียบ…โชคดีที่ในห้องน้ำไม่มี ถ้าขืนมีล่ะน่าดู!

“แม่…ตัวไรคับ…” เจ้าตัวเล็กที่เดินตามเธอมาต้อยๆคงจะมองตามเธอมา
แล้วคงได้เจอดวงตาของพ่อเขาเข้าให้แล้วล่ะสิ

…โธ่เอ๊ย…มันไม่ได้ซ่อนจนมองไม่เห็นเสียหน่อย แต่อะไรหนอมาบังตาเธอ
ไม่ให้เงยหน้าขึ้นไปมองมัน…

เจ้าตัวเล็กที่ชี้แมงมุมที่ว่าอยู่จะรู้มั้ยว่าตอนนี้แม่ของเขาอยากจะกระโดดขย้ำคอ
พ่อของเขาให้จมเขี้ยวแค่ไหน

…ระวังนะก๊อต ใครบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของวาลาดาโดยไม่ได้รับอนุญาต...ระวังไว้!
…คิดจะเป็นถ้ำมองดูเมียฟรีๆไม่มีเสียล่ะ…

“แมงมุมลูก…แมงมุมตัวร้ายเชียวล่ะ…” วาลาดาคำรามในลำคอ
เมื่อจ้องมองไปยังลูกสมุนแมงมุม

“แต่พวกลูกสมุนแมงมุมพวกนี้มันไม่รู้ลูกว่าที่นี่เจ้าที่แรง…”

“ลูกจะ-หมุนแมงมุม?” เสียงใสพูดไม่ชัดทำเอาคนฟังถึงกับหัวเราะเบาๆ

“ใช่ลูก…พวกนี้คือลูกสมุนแมงมุม…”

“มานมีป้อมั้ยคับ…” ถามได้ดีมากลูกแม่

“มีซี…พ่อมันคิดจะมาเบ่งไม่ดูซอย…แม่ว่าจะสอยให้มันร่วงเป็นพวงเลย…”

วาลาดาเปรยกับลูกขณะมองกล้องวงจรปิดด้วยแววตาหมายมาด…
พาลทำเอาคนโดนเธอจ้องตาผ่านกล้องถึงกับหนาวๆร้อนๆได้ไม่น้อยทีเดียว

…รู้ตัวว่ากำลังจะเจอดีเข้าให้แล้ว!

“ไต่ยั๊วเยี๊ยไปทั่วบ้านเลยนะเจ้าแมงมุม…บอกพ่อแกว่าทำอะไรไว้…ระวังนะ…”

วาลาดาคาดโทษ งานนี้ต้องเอาคืน! คราวนี้เอาจริงแน่นอน!

“แมงมุมน่าฉงฉาน…” เสียงน้อยๆเอ่ยขัดจังหวะคนกำลังของขึ้น…

ตอนแรกก็ไม่ได้อยากจะไล่ที่สักเท่าไหร่ เพราะนึกสงสารแมงมุมเหมือนลูกน่ันแหล่ะ
แต่เห็นมันชักใยไปทั่ว อย่างนี้ให้สงสารได้ยังไงไหว

ถ้ามีแค่สมุนแมงมุม ไม่พ่วงสหายอย่างเครื่องดักฟังมาด้วยคงพออภัยกันได้บ้าง

…นี่อะไร…เขาคิดจะล้อมชีวิตวาลาดาหรือ…เอามาไว้บนเนินข้าวโพดนี้ไม่พอ
ยังไม่สาแก่ใจ ยังบังอาจคิดจะโอบล้อมเธอเอาไว้ในอุ้งมือเขาทั่วทุกทิศทางรึ

…มันจะยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว!

เพียงไม่นานวาลาดาก็เริ่มปฏิบัติการกำจัดหยากไย่เป็นอันดับแรก…
โดยใช้ไม้กวาดหยากไย่เฉพาะกิจที่เธอทำขึ้นมาทลายรังของแมงมุมไปเรื่อยๆ…

แมงมุมตัวจริงวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง เหลือแต่แมงมุมยักษ์ตัวพ่อและบรรดาสมุนที่ยังอยู่ดี…

วาลาดาร้องเพลงไปขจัดใยแมงมุมไปด้วย

“แมงมุมลายตัวนั้น…ฉันเห็นมันซมซานเหลือทน…วันหนึ่งมันถูกฝน...
ไหลลงจากบนหลังคา…” เจ้าตัวเล็กเช็ดพื้นไปก็โยกตัวไปมา
พยายามร้องเพลงเลียนเสียงแม่ไปด้วย…

พอแม่เริ่มร้องเพลงอะนาซีด มือน้อยๆที่กำลังถูพื้นอยู่ก็ลุกข้ึนไปหยิบไม้กวาดพื้น
มาขี่แล้ววิ่งโหยงเหยงเหมือนได้ขี่ม้าไปตามจังหวะเพลงของแม่…

วาลาดาได้แต่ส่ายหน้าให้เจ้าตัวเล็กที่ดูจะมีอารมณ์สุนทรีย์ได้ตลอด
เธอเองก็กำลังมีความสุขกับการมองดูผู้บุกรุกพื้นที่ส่วนตัว...
ก่อนจะค่อยๆกำจัดลูกสมุนของพ่อแมงมุมออกไปทีละตัวสองตัว…
ด้วยไม้กวาดหยากไย่ อาวุธอันทรงพลังในมือเธอ!

อวสานแมงมุมผู้คอยชักใยอยู่เบื้องหลังและคอยสอดส่องความเป็นไปของสองแม่ลูก
มาตลอดหลายเดือน

…ดี…จะได้โผล่หน้ามาให้ดูเต็มๆ…หลบได้หลบดีนัก…

คนที่ตั้งใจจะฝากให้เธอเลี้ยงดูลูกสมุนแมงมุมพวกนั้นมาตลอด
ถึงกับนั่งยิ้มให้กับหน้าจอมือถือของตนเมื่อรู้ว่าลูกสมุนแมงมุมที่ส่งไป
ถูกทำลายย่อยยับจนสิ้นซากลงแล้ว…

แม้แต่สหายก็คงไปอยู่เป็นเพื่อนสมุนแมงมุมในป่าหลังจากโดนไล่ที่
ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…เพราะทั้งภาพทั้งเสียงที่ได้เห็นและได้ยินให้หายเหงา
ให้หายคิดถึงมาตลอดหลายเดือนเลือนหายไปหมดแล้ว

…จบกันชีวิตคนหลังเงา!

ข้าวโพดที่ส่งไปให้ก็ถูกรีเทิร์นกลับมา…อาหารอร่อยๆกับขนมน่าทาน
ท่ีได้รับบรรณการมาตลอดในช่วงหลังๆถูกปลดออกจากชีวิต…
เส้นทางลำเลียงถูกตัดขาด วาลาดากำลังประกาศสงครามกับเขา
ทั้งๆที่เดือนที่ถูกห้ามการทำสงครามกำลังจะมาถึงแล้วแท้ๆ…

แม่ศรีเรือนของเขาขยันเกินเหตุจนเกิดเพศภัยทำให้แมงมุมต้องเดือดร้อน
อพยพโยกย้ายถิ่นฐานกันอลหม่่าน

…เชื่อเลยว่า…เจ้าที่เขาแรงจริงๆ…

ไม่มีเลยที่จะเอ็นดูรักใคร่ใยดีต่อกัน เห็นมันแล้วก็น่าจะทะนุถนอมเลี้ยงดูอย่างดีสิ
ไหงมาไล่ที่กันแบบนี้…

เห็นทีต้องไปเจรจาให้รู้ความว่าเธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่ที่ลูกสมุนของเขา!





ส่วนทางด้านคุณหญิงวรลักษณ์เดือดร้อนหนักเมื่อหากล้องที่มีคลิปที่ลูกสาวหวงแหน
หนักหนาจนทำให้เกิดเหตุต้องไปนอนโรงพยาบาลได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ถามใครก็ไม่มีใครรู้ จับมือใครดมก็ไม่ได้

จำได้แค่ว่าคืนนั้นตอนเห็นลูกสาวลงไปนอนฟุบกับพื้นท่ามกลางกองเลือด
นางก็แทบคิดอะไรไม่ออก นึกได้แค่ว่าได้ทิ้งกล้องถ่ายรูปนั้นเอาไว้บนพื้นห้อง
แล้วก็ลืมมันไปเสียสนิท พอมานึกได้อีกที…มันก็ไม่อยู่แล้ว

นางกะจะใช้คลิปดังกล่าวต่อรองบางอย่างกับวารินทร์ แต่มันก็หายไปจนได้…

มันเหมือนชีวิตที่เดินมาตั้งนานหลายพันหลายล้านไมล์เพื่อจะมาเจอทางตัน…

นาดีมจะรอดหรือไม่ไม่มีใครหยั่งรู้ แต่งานนี้นางต้องรอด!






........โปรดติดตามตอนต่อไป...........


มีแต่คนเจอดีนะตอนนี้.....ฮ่าาาาาา
ทั้งแมงมุมไทย แมงมุมฝรั่ง โดนกันหมด... ^o^
ตอนนี้ขนตัวละครมาให้หลายตัว...^^

มาดูกันต่อค่ะว่า พ่อแมงมุมไทยจะทำอย่างไรกับเจ้าของไม้กวาดหยากไย่
ีที่บังอาจไปไล่ที่ลูกสมุนของเขา...555


ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามรวมทั้งนักอ่านเงาด้วยนะจ๊ะ
ขอบคุณไลค์ที่จิ้มให้ค่ะ ขอบคุณกำลังใจที่ส่งมาให้เต่ามีแรงสปีด...^o^



...........ตอบเม้นท์จ๊ะ...........

1.คุณcoonX3...อ้อยเข้าปากเงาะ เย้ย เขาเรียกว่าอ้อยเข้าปากช้างค่ะ...อิอิอิ
แผนของมารไม่รู้ รู้แต่ว่าแผนของก๊อตกำลังได้ผลดีเยี่ยมที่เดียว เหอๆ

2.คุณkonhin...สมบัติหลุดชัวร์ค่ะงานนี้ สองแม่ลูกเจอตอและทางตันแล้ว
เพียงแต่กำลังหาช่องทางเพื่อมุดรูไปให้ได้อยู่...ต้องมาดูกันต่อไป
ว่ามุดได้หรือไม่ได้ยังไง...แต่เชื่อว่างานนี้...มารกำลังโดนดี...
ส่วนเรื่องสื่อนั้น ไม่เกี่ยวกับศาลค่ะ เพราะศาลพิจารณากันที่ตัวของหลักฐาน
และพยานค่ะ...ถ้าไร้ซึ่งหลักฐานและพยาน ถือว่ายากที่จะฟ้องร้องอะไร
ส่วนสื่อที่คนมักเอามาใช้กัน ส่วนใหญ่ก็หวังเพียงเพื่อทำลายเครดิตคนอื่น
ทำให้ความเชื่อถือในคนๆนั้นน้อยลงไปในสายตาคนในสังคม...
เรียกได้ว่า หมายทำลายชื่อเสียงและความไว้วางใจของอีกฝ่าย...ซึ่งทางกฎหมาย
แล้วมันคนละเรื่องกันค่ะ กฎหมายก็มีวิธีการของกฎหมาย...

ตอนนี้กำลังจัดแจงพี่นุอยู่ค่ะ...ว่าจะปล่อยเฮียออกมาอีกรอบ...
เพราะเห็นนั่งรับทรัพย์อื้ออยู่คนเดียวเลยงานนี้...อิอิ

3.คุณPat...เขาเรียกว่า คารมเป็นต่อรูปหล่อเป็นรองค่ะงานนี้...ฮ่าาาา
สาวๆบางคนก็ชอบผู้ชายแนวๆพ่อเงาะของเต่าค่ะ...อิอิอิ
อย่างพวกดาราตลกเนี่ย...เห็นได้เมียสวยๆกันทั้งน้านนนนนนน...
ระดับนางบงนางแบบก็มี...เหอๆ...ทั้งๆที่หน้าตาสุดแสนจะบรรยายเลยอ่ะ
ยิ่งกว่าตัวร้ายในละครซะอีกนา...ฮ่าาาาาา


4.คุณPampam...มารตัวแม่นั้นต้องยิ่งกว่ามารตัวลูกค่ะ...
เพราะว่าเป็นแม่มาร...ฮ่าาาาาา...คนที่ชินกับการโกหกย่อมไม่รู้สึกผิดอะไร
กับการต้องโกหก...ประมาณว่า โกหกได้หน้าตาย...
ส่วนเงาะกระป๋องในน้ำเชื่อมนั้นโยมีแค่กระป๋องเดียวค่ะ ต้องไปแย่งกับอานิต้าเอาน้าาาา


โดยเฉพาะตอนนี้ ตอนที่ยังไม่ทันโดนงัดฝาแกะกิน....ฮ่าาาา


5.คุณyapapaya...คุณหญิงวรลักษณ์มีหน้ากากเพียบค่ะ...
ลื่นยิ่งกว่าปลาไหลเสียอีกนา...อิอิ...ส่วนเงาะของเราก็ได้กอดนางฟ้า
ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้กินนะคะ...เกือบๆละ...อิอิ

6.คุณแว่นใส...เงาะใส่น้ำเชื่อมค่ะ...รอบนี้เงาะแปรรูปจ่ะ...อิอิอิ
ปกติเงาะก็หวานอยู่แล้ว ยิ่งได้ใส่น้ำเชื่อมเติมน้ำแข็งหน่อยๆ
อร่อยเหาะเลยน้าาาาาา...ฮ่าๆๆๆ

7.คุณyasta...ชอบจังเลยค่ะ...ฉายา...เงาะเชื่อมในกระป๋อง...
เห็นภาพเงาะโดนคว้านเม็ดแล้วเอาไปแช่ในน้ำเชื่อมก่อนจะปิดกระป๋อง
พร้อมส่งออก...แหม...มันเป็นเงาะกึ่งสำเร็จรูปเลยน้า...
เหลือแค่งัดกระป๋องออกแล้วกิน...แค่นั้นเอง...อิอิอิ
แต่เรื่องนี้ นอกจากจะมีเงาะกึ่งสำเร็จรูปสำหรับส่งออกแล้ว
ยังมีมาม่าซึ่งเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยจ๊ะ...ฮ่าาาาาาา

8.คุณตุ๊งแช่...ฟื้นยาก แต่ก็ไม่ยากที่จะฟื้นน้า...ลุกได้คราวนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร
ขึ้นอีก...ยิ่งรู้ว่าสูญเสียอาจจะยิ่งเดือดกว่าเดิมหลายเท่าก็ได้...แม่ชะโดดุร้ายน้าาา
ส่วนมารตัวแม่ ต้องสุดยอดกว่ามารตัวลูกค่ะ...เหมือนแม่งูเห่ากับลูกงูเห่าเลยเนอะ อิอิ
ส่วนจอมโจร (ทำไมถึงได้ฉายานี่นะพ่อเงาะของเต่า) ก็อยากมีบทได้มุ้งมิ้งๆ
บ้างซี ปล่อยให้ก๊อตมุ้งๆมิ้งๆคนเดียวในเรื่องนี้ได้อย่างไร...แหม คนอื่นเขามีสาวๆ
ให้กอด เงาะเต่าก็อยากกับเขามั่ง โดนแรงยุด้วยอีก...เหอๆ
แต่พี่นุเนี่ยยังนะ...ว่าจะหาให้อยู่ค่ะ...อิอิอิ

และแล้วก็มีคนเอะใจว่าทำไมพี่นุสุดหล่อของเต่าถึงไม่มาร่วมงานของตารินทร์...เหอๆ
ไม่ใช่ว่าโยไม่ได้จ่ายค่าตัวให้เฮียแกน้า...เฮียแกมีธุรงธุระของแก...
เพราะพ่อเงาะก็แต่งแบบปุบปับอะไรเยี่ยงนี้ด้วย...คนหล่อคิวเยอะอย่างพี่นุ
แกก็คงจัดสรรเวลาไม่ทัน...แบบว่า ต้องเดินสายโชว์ตัวน่ะนะ...ฮ่าาาาาาาาาา

ปล.ทำไมถึงลืมสัญญาของเราล่ะพี่มากขาาาาาาา...สัญญาใต้ต้นกัลปพฤกษ์ไง
พี่มากลืมแล้วหรืออออออออ...อย่างไรนาคก็จะไม่รอพี่มากที่ใต้ต้นกัลปพฤกษ์...
ดั่งหิงห้อย เย้ย ดั่งเต่าน้อยเฝ้าคอยจนชีพวาย...ส่วนพี่มากก็ไปรอนาค
ที่ทางหนูเผือกก็แล้วกัน....(คงได้เจอกันละงานนี้) 55555

9.คุณคิมหันตุ์...น้าเล็กรักเงาะค่ะ รักเหมือนลูกนั่นเลย...นั่นคืออุปสรรคของนาดีม
ที่สำคัญ ใช่ว่าน้าเล็กแกจะโง่ให้โดนสนตะพายได้ง่ายๆด้วยสิ...
ผู้ชายเวลาดีก็ดีนะ แต่บทจะร้าย ก็ร้ายได้น่าดูชม...เหอๆ
ส่วนซีนงานแต่ง ตารินทร์คงรอวันนี้มานานละ...ได้ทีก็เอาให้มันสุดเหวี่ยงไปเลย
จัดซะตัวเองหล่อกว่าทุกวันในชีวิตที่ผ่านมาว่างั้นค่ะ...ฮ่าๆๆๆ

10.คุณRdoubleC...อย่างนาดีมนี่ยังไม่ถึงกับดาร์คมากๆน้า...
เพราะในชีวิตจริง คนที่ร้ายกว่านี้มีไม่น้อยเลย...เพียงแต่สังคมอาจไม่ได้รับรู้
เท่านาดีมในเรื่องเท่าน้ันเอง...อิอิ

ก็ว่าหายไปนานหลายตอนเลยอ่ะ...ช่วงหลังๆมานี้ยกในนาดีมฉายเดี่ยวค่ะ...อิอิ

โยเป็นคนนึงที่เรียนด้านวิทยาศาสตร์มา...แม้ไม่ได้เรียนจนถึงที่สุด
แต่ก็ติดตามความเคลื่อนไหวเรื่อยๆมา และรู้สึกจะมีอยู่เรื่องนี้แหล่ะค่ะ เรื่องของสิ่งลี้ลับนี้
ที่วิทยาศาสตร์หาคำตอบให้ไม่ได้ เรียกว่ายังไม่มีอุปกรณ์และเครื่องมือ
ไปพิสูจน์ได้...ซึ่งสำหรับโยนั้น สิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์
โยจะไม่สรุปว่ามันไม่มีอยู่จริง...แต่จะเชื่อตามที่ตัวเองศรัทธา...

้เรื่องนี้มีสรุปเกี่ยวกับมาร ตามศรัทธาและตามความรู้ของเต่าโย...
และไม่ใช่แค่ "ของที่เราทำ จะติดตัวเราไปจนตาย" หรอกค่ะ
แต่ทุกๆการกระทำของเราจะติดตัวเราไปจนตายด้วย...
ยิ่งบาปที่ได้ทำไว้มันก็ย่อมจะเป็น 'ตราบาป' แก่คนทำไปชั่วชีวิตเช่นกัน...
แม้จะมีการให้อภัยเกิดขึ้น แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า บาปนั้นจะถูกลบเลือน
ไปจากผู้คนในสังคมได้ง่ายๆ...โดยเฉพาะจากคนที่ทำมัน...
เหมือนว่ามันได้ถูกประทับตราลงไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เริ่มทำมัน...
ส่วนจะหนักหรือเบา หนาหรือบาง ขึ้นอยู่กับการกระทำว่าทำผิดซ้ำๆแค่ไหน...

ดังนั้น...บทสรุปของทุกตัวละครในเรื่องนี้มีในแบบที่อาจจะไม่โดนใจคนอ่านทุกคน
แต่ก็ต้องมาดูกันค่ะว่าจะอะไรยังไงน้าาาาาาา...


11.คุณHabibi...จักรยานคู่รักมีขายอยู่นา...อิอิ
แต่จักรยานคู่รักแบบของรินทร์กับต้าน่าจะยังไม่มีขายน้า...ฮ่าาาาา
จริงๆที่เขาเรียกว่าจักรยานคู่รัก เพราะเวลาปั่นนั้นมันจะมีกลไกที่สอดประสานกันค่ะ

ทำให้คนรักกันรับรู้ได้ถึงความสัมพันธ์เวลาก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน...
นี่แหล่ะๆที่ทำให้เต่าโยรักงานแนวนี้นัก...แต่ได้ทำเฉพาะตอนเรียน
ในชีวิตการทำงานมันไม่มีใครมาซาบซึ้งกับอะไรเทือกนี้เท่าไหร่...

ปล.จริงๆน่าจะเรียกเต่าโยว่าพี่ได้ค่ะ...เพราะว่าอายุห่างกันเกินรอบเลยจ๊ะ
อนุญาตให้เรียกพี่ได้ตามสบายถ้าอยากจะเรียกนะจ๊ะ...
พี่ไม่ถือ(เหมือนตารินทร์ไง)ฮ่าาาาาา ^o^ ดีใจจ่ะที่ทำให้นักอ่านมีความสุขได้
ทั้งๆที่มาม่่าอืดแทบจะทั้งเรื่องเลยยยย...อิอิ



........ขอให้สุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์พูนสุขกันถ้วนหน้านะคะ...

"เต่าโย"





yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 เม.ย. 2558, 18:08:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 เม.ย. 2558, 18:08:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 3460





<< บทที่ 37 ของขวัญวันแต่งงาน   บทที่ 40 อ้อนรัก >>
yapapaya 3 เม.ย. 2558, 19:25:17 น.
มาเจิมคนแรก เจอแมงมุมขยุ้มหลังคา เสร็จวาลาดาแน่ๆตาซุก๊อตไนล์


แว่นใส 3 เม.ย. 2558, 19:43:59 น.
ถูกจับได้แล้ว เมื่อไหร่จะโผล่มานะ


Pampam 3 เม.ย. 2558, 21:05:00 น.
ก๊อตใกล้คืนชีพแล้ว ถ้าไม่คืนชีพในเร็ววันอาจตายด้วยน้ำมือวาก็เป็นได้


coonX3 3 เม.ย. 2558, 21:58:50 น.
ก๊อตเตรียมตัวได้เลย วาจัดการก๊อตเต็มที่ ส่วนแม่มารยังไม่ยอมอีกหนะ ไม่รักลูกเลยจริงๆ หวังว่าจะมีทางรอดนะ ส่วนกล้อง ต้องมีใครบางคนในบ้านหลังนั้นที่แอบซ่อนอยู่เก็บไปแน่ๆ หลักฐานชัดเจนสำหรับการปลดจากผู้ครองสมบัติ


Habibi 4 เม.ย. 2558, 00:59:09 น.
ก็อตเสร็จวาแน่ๆ...คราวนี้คงจะเป็นสงครามระหว่างพ่อแมงมุมกับแม่ไม้กวาดหยากไย่แล้วสิ...ตาหนูมาทีไรเป็นอันต้องยิ้มตลอด...ยังฟินได้อีกกับต้าและรินทร์...ความร้ายของ
แม่มารเพิ่มทวีคูณได้เรื่อยๆเลย...กล้องอยู่กับใคร?ลุ้นๆๆ...
ปล.เกรงใจจังค่ะจะเรียกว่า"พี่โย"...แต่ก็......สู้ๆๆขอให้มีงานเขียนสนุกๆให้เราได้อ่านกันเยอะๆเลยนะค่ะ...รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ...พี่โย
ปล.อีก...คิดถีงลูกปาดจังเลย....^_^


konhin 4 เม.ย. 2558, 01:52:48 น.
โดนคนเขียนหลอกบ่อยๆ วาเหมือนจะลุกขึ้นสู้กับก๊อตหลายครั้งแระ สุดท้ายก็ยอมๆไปซะงั้น ครั้งนี้เค้าขอไม่เชื่อ เดี๋ยววาก็ยอมๆอีก ฮึ


คิมหันตุ์ 4 เม.ย. 2558, 01:57:55 น.
แฝงร่างเป็นแมงมุม เกาะข้าวโพดมาตะนาน อิอิ โดนทะลายรังเลย อิอิ


ตุ๊งแช่ 4 เม.ย. 2558, 08:45:25 น.
ตาย!!!! งานนี้ก๊อตไม่รอดแน่ๆ...

เริ่มหลงเมียละซี นายรินทร์

ถึงบางอ้อ เล่นเอาพี่นุมาเปิดตอน.. แต่คู่เขาไม่ใช่หมวดบัวรึ.. เห็นฮีมองตาปริบๆ..วันก่อน..



napt 4 เม.ย. 2558, 12:32:37 น.
ช่วงนี้งานยุ่งมาก เลยเพิ่งได้กลับมาตะลุยอ่านแก้เครียด
ใกล้เฉลยปมหมดแล้วด้วยสิ เรื่องนี้สนุกนะคะ
แอบเดามารได้แต่แรกด้วย ดีใจที่เดาถูก
เป็นกำลังใจให้กับงานเขียนทุกเรื่องนะคะ ยังรออ่านอยู่ค่ะ แม้อาจจะช้าหน่อย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account