บทเรียน (รัก) นอกตำรา
นพมัลลี นักศึกษาฝึกสอนที่จบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน
นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก
แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้
มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน
นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก
แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้
มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่
Tags: นพมัลลี ตุนท์ คมิก พิชญ์ปรีชา
ตอน: บทที่ 28 : อย่าโกรธในความงี่เง่าของผม
บทที่ 28
คมิกถูกบังคับให้สวมหมวกแก๊ป ใส่แว่น เสื้อยืดสีเทา กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบสีขาว ทุกอย่างเหมือนกันกับตุนท์
ร่างที่สูงใกล้เคียงกันเดินตามกันไปยังรถกึ่งแวน คมิกเดินอย่างเลื่อนลอย เขารู้สึกว่าทุกย่างก้าวกำลังพาเขาขยับเข้าไปใกล้ความตายของพ่อทุกขณะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้จักคนอย่างพ่อ ศักดิ์ศรีท่วมหัว ถ้าจู่ๆ โดนจับตัว พ่อเขาคงยอมตายดีกว่ายอมติดคุก จิตใจที่ไม่เคยรู้สึกรู้สาต่อสิ่งใดกำลังหดหู่จนถึงขีดสุด กระทั่งย่างก้าวที่ควรต้องก้าวออกไปก็ชะงักงันอยู่เพียงทางขึ้นรถ
ตุนท์หันกลับมามองด้วยความเข้าใจ เขาเองก็ไม่อยากจะบรรยายถึงแผนการทั้งหมดออกไป...ให้ทำร้ายจิตใจคมิกเพิ่มขึ้น
“ไปเถอะ พ่อของเธอรออยู่”
“ให้เขาปล่อยพ่อผมไปไม่ได้เหรอครับ” คมิกถามเสียงแผ่ว “เอาผมไปติดคุกแทนพ่อได้ไหม”
คนฟังถอนหายใจแผ่วเบา ส่ายหน้าช้าๆ “ใครทำคนนั้นก็ต้องรับ กรรมใดใครก่อ จะให้คนอื่นมาคืนสนองได้ยังไง”
“แต่เดี๋ยวนี้ก็มีแพะออกมาเยอะแยะ ขอแค่มีเงิน มีอำนาจ กี่รายก็รอดกันทั้งนั้น”
“เธอคิดว่าคนพวกนั้นมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีพอจะเปรียบถึงหรือไง ถึงเธอรอดพ้นผิด แต่คนที่รู้เรื่องราวในสังคมก็ลงประณามหยามเหยียดกันทั้งนั้น คนที่ทำผิด อาจรอดบทลงโทษทางกฎหมาย แต่ไม่มีทางรอดกฎทางสังคมไปได้หรอก หนึ่งคนชื่นชม แต่ก็อาจมีห้าคนที่ด่า”
“คนเรามันลืมง่ายจะตายไปครู” คมิกเถียงไม่ยอมแพ้ พ่อเขาก็เป็นหนึ่งคนที่ใช้เงินปิดปากคนมีอำนาจมาตลอด กระทั่งเขาเองที่เปิดประเด็นส่งพ่อตัวเองเข้าตะราง
“ความผิดที่ติดตัว ต่อให้คนลืมไป แต่ถ้าเผลอเราทำผิดขึ้นมาอีกครั้ง กระบวนการสาวไส้อดีตของเราก็จะเริ่มขึ้น” ตุนท์มีสีหน้าจริงจังขึ้น วางมือไปบนไหล่ของนักเรียนชายที่เขาไม่อยากให้ความเชื่อมั่นตลอดมาสั่นคลอน “จงเชื่อเถอะ ว่าที่เธอเชื่มอาตลอดว่าการค้ายามันไม่ดี ผิดจริง และพ่อเธอก็คือคนค้ายา เขาคือคนผิด ถึงจะไม่ถูกจับในวันนี้ ไม่นานชะตากรรมของเขาก็จะต้องเหมือนเดิม หรือต่อให้เขายังรอดไปได้ตลอด อีกกี่ชีวิตที่ต้องผจญกับยานรกนั่น”
“ฮีโร่ที่อกตัญญูน่ะเหรอครู”
“ไปคุยกับพ่อ แล้วเธอจะรู้ว่าท่านคิดยังไง”
คมิกสีหน้าไม่ได้ดีขึ้นจากเดิม แต่ก็ยอมขึ้นรถ และทำตามที่ตุนท์ว่าด้วยการขึ้นไปนั่งเบาะหลัง ก้มตัวลงต่ำที่สุด และห้ามโผล่ศีรษะขึ้นมาจนกว่าครูหนุ่มจะบอก เด็กหนุ่มก้มหน้าครุ่นคิดด้วยความหวาดหวั่น หัวใจเขามันเต้นในจังหวะเจ็บปวด แค่หายใจยังไม่อยากจะหายใจ น้ำตาค่อยๆ หยดลงเงียบๆ จากการกดดัน และอึดอัด แต่ไร้เสียงสะอื้น เขาได้แต่ปล่อยให้มันไหลลงมาเงียบๆ ราวกับรู้ว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ความจริงบางอย่างจะเกิดขึ้นตรงหน้าเขา
รถเคลื่อนตัวจอดช้าๆ และดับสนิทในเวลาไม่นานหลังออกจากบ้านมา คมิกได้รับคำสั่งให้ติดหูฟังไว้ที่หูตลอดเวลา โดยมีตุนท์เป็นคนลงมือติดให้ เด็กหนุ่มเหนื่อยกายและใจจนไม่อยากจะเอ่ยปากถามอะไรอีก ตอนนี้พวกเขาจะให้เขาเคลื่อนตัวไปไหนทำอะไร ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบหลังกระทำสิ่งที่เรียกว่าเปิดโปงคนชั่ว และหนึ่งในคนชั่วนั้นรวมถึง ‘พ่อ’ เขาด้วย
“พ่อผมจะไม่ตายใช่ไหมครู”
ตุนท์ชะงักไปนิด มือที่กำลังเอื้อมเปิดประตูเพียงจับไว้ตรงที่จับ เขาหันกลับมาตอบคำถามของคมิดอย่างใจเย็น “ถ้าไม่ทำอะไรผิดพลาด พ่อของเธอจะไม่ถึงตาย”
“ทำไม?”
“อย่าเพิ่งถามอะไรนักเลย ขอแค่อย่าขัดคำสั่ง ทุกๆ อย่างจะดีเอง” ตุนท์ชี้มือไปยังหูฟังข้างหูที่ยามนี้มีหมวกและผมดึงลงมาปิดไว้ อีกทั้งยังก้มตัวลงต่ำ และรอคอยประจำการประตูรถอีกด้าน ซึ่งเปิดออกไปด้านนอกได้เหมือนกับอีกด้านหนึ่ง “ค่อยๆ ออกไป อย่ากระโตกกระตาก และห้ามทำนอกแผน”
“ผมจะรู้ได้ยังไงว่า...”
“ฟังคำสั่ง อย่าทำอะไรผลีผลามไม่คิดหน้าคิดหลังอีก ครั้งนี้ไม่ใช่แค่พ่อของเธอที่อยู่ในอันตราย ตัวเธอเองก็เหมือนกัน”
ตุนท์มองเด็กนักเรียนของตัวเองพยักหน้ารับทั้งที่ขอบตาแดงเรื่อ เขาอยากจะปลอบเด็กชายให้มากกว่านี้ แต่ก็รู้ว่าคำปลอบมิสู้การปล่อยให้คนๆ หนึ่งเติบโตขึ้นด้วยการเผชิญหน้ากับความจริง ปล่อยให้คมิกได้เรียนรู้จากการกระทำของตัวเอง ซึ่งกลายเป็นดาบสองคมทิ่มแทงใจตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ การยืนอยู่บนความถูกต้องของคมิกไม่ต่างจากขอบเหวที่มีพ่อร่วงหล่นลงขอบก้น
ร่างที่หมอบอยู่เผยอหน้าให้สายตาอยู่แค่ระดับขอบกระจก เพ่งมองร่างของคมิกที่เดินหลังตรงอยู่ในแวดล้อมฝูงชนที่เดินขวักไขว่สวนไปมาเพื่อเข้าห้างสรรพสินค้า คมิกหยุดยืนตรงกลางลาน ร่างสูงยืนมั่นคง มือหยิบเครื่องสื่อสารขึ้นมากดรับ ตุนท์ลอบสังเกตอย่างเงียบเชียบ คอยกวาดตามองว่าในระยะตามตึกสูงมีใครอื่นอีกหรือไม่ เขานึกถึงบทสนทนาที่ช่วงนี้มักแอบประชุมเคร่งเครียดกับเพื่อนจนดึกดื่นอยู่เสมอ แม้จะประชุมผ่านทางโทรศัพท์ กระทั่งเมื่อคืนนี้
‘ตุนท์ ต่อให้เรายื้อเรื่องต่อไป เชื่อฉันเถอะว่าสุดท้ายผลของมันก็ยังเหมือนเดิม ทางที่ดีเราควรล่อมันออกมา’
‘ล่อ...ด้วยชีวิตของคนสองคนอย่างนั้นเหรอ’
‘งานใหญ่ บางครั้งก็จำต้องแลก นายก็รู้ ว่าเสี่ยคมน์ เขาเป็นมาเฟียใหญ่มือสกปรก กว่าจะมีวันนี้เขาก็ฆ่าคนมาไม่น้อยเหมือนกัน’
‘แล้วลูกเขาล่ะทำผิดอะไร’ การตอกกลับของตุนท์ ทำให้ญาติตำรวจหน่วยปราบปรามเงียบด้วยจนคำพูด
‘แต่เราจะไม่เสียสละอะไรเลยไม่ได้’
‘ฉันเองก็จะไม่ยอมเสียสละลูกศิษย์ของฉันไปเปล่าๆ เหมือนกัน’
‘นายจะทำอะไร ตัวตายตัวแทนงั้นเหรอ’
มือของตุนท์กำเข้าหากันแน่น เขามั่นใจจว่าในไม่ช้าจะต้องมีการเคลื่อนไหว เพราะตอนนี้คมิกกำลังคุยโทรศัพท์ และเดินไปมาไม่อยู่นิ่ง สีหน้าร้อนรน และมองหาไปทั่ว...อีกไม่นานคมิกจะต้องพบพ่อของเขา
ตุนท์หยิบโทรศัพท์ออกมา กดข้อความสั้นๆ อย่างที่นึกออกในตอนนี้ส่งไปหาคนที่เขารัก และเป็นห่วงสุดหัวใจ
‘ลี ผมรักคุณ ผมอยากแต่งงาน อยากเป็นพ่อที่ดีของลูกเสมอ ถ้าผมจะมีโอกาส...อย่าโกรธในความงี่เง่าของผมเลยนะลี’
โทรศัพท์ถูกปิดและเก็บเข้าที่ ตุนท์ได้รับสัญญาณทางหูฟังที่เขาเองก็ติดไว้ข้างหูว่าพบกลุ่มคนเคลื่อนไหวอยู่บริเวณอาคาร และมั่นใจว่าคือกลุ่มคนที่ตามหา ไม่นานคมิกก็กลับเข้ามาในรถด้วยความขุ่นเคือง เด็กหนุ่มหายใจแรงอย่างโกรธแค้นที่จนแล้วจนเล่าก็จำต้องปฏิบัติตามคำสั่งของตำรวจที่มองไม่เห็นอย่างเคร่งครัด เขาไม่กล้าทำพลาดอย่างที่ทำกับพ่ออีกแล้ว
“พ่อผมจะปลอดภัยใช่ไหมครู”
คนฟังยิ้มบางเบา โล่งอกที่คมิกไม่ดื้อให้เขาปวดหัวกับการคิดหาทางรับมือ ตุนท์จับบ่าเด็กหนุ่มบีบทีหนึ่งแทนคำขอบคุณ แล้วก้าวลงออกจากรถทางประตูฝั่งตัวเอง เขาเดินปนในฝูงชน มุ่งไปทิศทางที่มั่นใจว่าคมน์อยู่ตรงนั้น...ตู้โทรศัพท์
ปัง! เสียงกระสุนนัดแรกดังขึ้น คมน์ทรุดลงบนพื้น มือยังจับโทรศัพท์ไว้ไม่ปล่อย เขาทันได้ยินสิ่งที่คมน์กระซิบเตือนโทรศัพท์ด้วยใจกระวนกระวาย
“อย่าออกมา แกเชื่อพ่อเป็นครั้งสุดท้ายนะคมิก อย่าออกมาจากรถ!”
ปัง! อีกสามก้าวที่ตุนท์กำลังจะถึงตัวคมน์ ร่างของเขาสัมผัสถึงวัตถุชนิดหนึ่งพุ่งกระแทกใส่ด้านหลังเขาจนเจ็บ ก่อนจะมีนัดที่สอง และสามตามมา ประชาชนในบริเวณนี้ลุกฮือวิ่งแตกพล่านกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ตุนท์ทรุดร่างลงกับพื้น เขาได้ยินเสียงกระสุนที่ทางเจ้าหน้าที่กำลังปะทะกับผู้ร้ายอย่างชัดเจน พอๆ กับความเจ็บปวด น่าเสียดายที่มีเสื้อเกราะเพียงตัวเดียว และเขาก็สละเสื้อตัวนั้นให้กับคมิก เพื่อป้องกันความผิดพลาด
สายตาของชายที่ผ่านโลกมาไม่น้อยสบกันกับเขาผ่านพื้นราบที่กำลังอาบไปด้วยเลือดของทั้งคู่ คมน์ยิ้มปากซีดเซียว ดวงตาเหนื่อยล้าค่อยๆ ปรือปิดลงช้าๆ
“ขอบคุณครู”
ตุนท์กัดฟันยิ้มรับ ไม่มีแรงเขยื้อนกายอีก “ผมทำตามสัญญา ผมจะดูแลเขา ถ้าผมยังมีโอกาส”
สิ้นคำพูดเจ้าหน้าที่ก็กรูล้อมมาช่วยเหลือพวกเขา ก่อนสำนึกรู้สุดท้ายจะเลือน ตุนท์นึกอย่างพอใจที่คมิกไม่ได้ออกมาอย่างที่รับปากไว้ เขารู้...คมิกเองก็กำลังเจ็บปวดมากไม่ต่างจากเขา แต่เป็นที่ใจ
‘ลี ผมรักคุณ ผมอยากแต่งงาน อยากเป็นพ่อที่ดีของลูกเสมอ ถ้าผมจะมีโอกาส...อย่าโกรธในความงี่เง่าของผมเลยนะลี’
นพมัลลีขมวดคิ้วอ่านข้อความในโทรศัพท์ที่ส่งเข้ามาหลังจากเธอเพิ่งตกลงปัญหาในครอบครัวจบลง หญิงสาวยังไม่ทันโล่งอก สิ่งที่เธออ่านกำลังสร้างปมในใจแก่เธอ หรือที่ผ่านมาตุนท์จะไม่เคยเข้าใจเลยว่าเธอรู้สึกอย่างไรบ้าง ปัญหาที่มีในตอนนี้เธอจะปล่อยผ่านเลยไปไม่ได้...ยังไม่ใช่ตอนนี้
แต่เธอไม่ได้รู้สึกโกรธเขาเลย ตรงกันข้าม แค่คำว่ารักหัวใจของเธอก็อ่อนยวบให้อภัยลงโดยง่าย และเหลือทิ้งไว้เพียงความสงสัยว่าเพราะเหตุใดตุนท์จึงเลือกส่งข้อความนี้มาให้เธอ
หรือเกิดเรื่องอะไรกับเขา
ทันทีที่นึกอย่างนั้น หัวใจของเธอก็หล่นวูบโดยไม่รู้สาเหตุ ความกระวนกระวายจู่โจมจนเธอตั้งรับไม่ติด สังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา หญิงสาวยกมือทาบบริเวณอกซ้าย หน้าตาไม่สู้ดี
“เป็นอะไรไปลี” ทวิชเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง เห็นอาการนิ่งงันของหลานสาวหลังอ่านข้อความบางอย่างในโทรศัพท์เขาจึงพลอยเป็นห่วง ในตอนนี้เขาไม่ต้องการให้มีเรื่องใดมาตอกย้ำนพมัลลีอีกแล้ว
“ฉันกลัว...” คนไม่เคยแสดงออกว่ากลัวผ่านทางคำพูดหลุดออกมา
ความกังวล คลางใจอยู่กับตัวเธอได้ไม่นานเมื่อโทรศัพท์ของเธอมีสายเข้า หญิงสาวขมวดคิ้วมองเบอร์แปลก ขณะกดรับสายด้วยความไม่มั่นใจ
“ครูลีครับ” เสียงของคมิกดังขึ้นอยู่ข้างหู นพมัลลีใจเต้นตึกตัก ภาวนาให้ความคิดด้านลบของเธอไม่ถูกต้อง “ครูตุนท์กับพ่อผมเขา...” แล้วเสียงโหยหวนของคมิกก็ดังลั่นภายในหู เสียงร้องเจ็บปวดราวกับสูญเสียสิ่งสำคัญในโลกนี้ไป นพมัลลีถือโทรศัพท์ค้างไว้อย่างนั้น สมองมึนงงคล้ายยังไม่ตื่นดี ที่จริงเธอภาวนาให้ตัวเองกำลังฝันอยู่ แต่โลกใบนี้ยังคงกระหน่ำจ้วงมีดแทงลงใส่ชีวิตเธอไม่หยุดหย่อนเลยสักครั้ง
ทุกครั้งที่ชีวิตเธอกำลังจะจบลงด้วยดี เขาจะมาพรากความสงบสุขนั้นไปจากเธอ และครั้งนี้มันร้ายแรงกว่าทุกครั้ง น้ำตาของนพมัลลีหยดร่วงหลังฟังปลายสายที่เป็นนายตำรวจนายหนึ่งรับมาบอกเล่าความจริงแทน เขาพยายามที่จะใช้ความใจเย็นเข้าลูบ แต่ก็ยังไม่เย็นพอจะลบความร้อนรุ่มในใจ และน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอ
“ไม่จริง! คุณโกหก เมื่อเช้านี้ตุนท์ยังพูดกับฉัน เขายังชงชาให้ฉันดื่ม เขายัง...” ถ้อยคำมามายสิ้นสุดลง ร่างที่เคยแกร่งร่วงลงกับพื้น รู้สึกความหวังในชีวิตพังทลายลงตรงหน้าไม่เหลือชิ้นดี น่าแปลกที่เธอเพิ่งรู้เอาในตอนนี้ว่าตุนท์สำคัญกับชีวิตของเธอขนาดไหน เขาสำคัญกว่าพ่อ ในตอนที่เธอรู้ว่าพ่อทิ้งเธอไปแต่เล็ก เขาสำคัญกว่าอาที่สุดท้ายก็มาก้มหน้าสำนึกผิดกับสิ่งที่เคยร้ายต่อเธอ เขาสำคัญกว่าแม่ที่เลี้ยงเธอ แต่ไม่เคยใยดีเธอสักครั้ง ตุนท์คือความหวังในชีวิตที่ไร้หางเสือของเธอ ครั้งหนึ่งชีวิตไร้ค่าของเธอมีหวังอีกครั้งได้เพราะนวมลลิ์ เด็กหญิงตัวน้อยทำให้เธอรู้คุณค่าในชีวิต แต่ตุนท์คือคนที่หยิบยื่นความสุขที่แท้จริงที่เธอเมินเฉย และกลบไว้ด้วยบาดแผลในใจ ตุนท์ฉุดดึงเธอออกมาจากเงาอดีต และไม่เคยคิดปล่อยมือเธอเลยสักครั้ง
เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดของผู้หญิงอายุยี่สิบห้าที่กำลังครวญไม่ต่างจากเด็กกลายเป็นจุดสนใจ แม้มัลลิยาจะใจร้ายเพียงใดก็ยังใจดำเมินเฉยไปไม่ได้ หรือแม้แต่มะลิที่ออกไปจากห้องยังต้องกลับเข้ามา นวมลลิ์ที่ได้ยินเสียงแม่ถึงกับวิ่งมาถึงตัวคนร้องในเวลาอันรวดเร็ว และใช้อ้อมกอดเล็กๆ ของตัวเองกอดแม่ไว้แน่น ทุกคนไม่พูดอะไร แต่ต่างมอง และยืนอยู่ไม่ไกล เมื่อถึงคราวจำเป็น คราวที่นพมัลลีแสดงออกถึงความเสียใจอย่างที่สุด ครอบครัวที่เธอคิดว่าจอมปลอมที่สุด กลับไม่มีใครสักคนที่จะก้าวขาออกจากห้องนี้
หญิงสาวมองแล้วหัวเราะทั้งน้ำตาราวกับคนบ้า เธอเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างในเวลาไม่ถึงสิบนาที รู้ว่าใครที่เธอสูญเสียไปไม่ได้ และใครที่เธอไม่เคยคาดหวังว่าจะอยู่ข้างเธอ กลับไม่ตอกย้ำเหยียบความอ่อนแอเธออีก
“ไปโรงพยาบาล” นพมัลลีรวบรวมสติที่เหลืออยู่น้อยนิดให้กลับมา เธอไม่กล้าปล่อยเวลาให้ช้าไปกว่านี้แม้แค่เสี้ยววินาที
‘ลี ผมรักคุณ ผมอยากแต่งงาน อยากเป็นพ่อที่ดีของลูกเสมอ ถ้าผมจะมีโอกาส...อย่าโกรธในความงี่เง่าของผมเลยนะลี’
ข้อความที่ตุนท์ส่งมากระจ่างชัด นพมัลลีกำโทรศัพท์ไว้กับตัวเองแน่นขณะที่ทวิชอาสาจะขับรถพาเธอไปส่งโรงพยาบาล มัลลิยา และนิลุบลอาสาที่จะดูแลนวมลลิ์ให้ชั่วคราวหลังจากรู้เรื่องทั้งหมด ซึ่งเธอภูมิใจที่นวมลลิ์ไม่ใช่คนที่เข้าใจยาก ตลอดการเดินทางนพมัลลีต้องคอยแหงนหน้ากลั้นไม่ให้น้ำตาไหล มือผสานกันตรงหน้าตักก่นด่าตัวเองในใจที่โง่เง่าปฏิเสธคำขอแต่งงานของตุนท์ โง่เง่าที่เห็นค่าความรักของเขาเบาเท่าขนนก เธอดูถูกความรักของตุนท์มากมาย และมองเห็นแค่ปัญหาตัวเอง
เธอต่างหากที่งี่เง่า ไม่ใช่ตุนท์เลย เขาไม่เคยทำอะไรผิด และมีแต่ทำให้เธอรู้สึกผิดที่เธอรักตอบเขาได้ไม่มากพอ
ถ้าพรุ่งนี้เธอตื่นมาแล้วพบว่าไม่มีเขาล่ะ...ความคิดด้านร้ายผลักดันให้น้ำตาที่ยังไม่แห้งดีไหลออกมาช้าๆ แน่นอนคำตอบเดียวที่หญิงสาวนึกออกคือเธอไม่พร้อมจะคิดถึงวันนั้น ไม่พร้อมจะยืนเผชิญชีวิตที่ไม่มีมืออุ่นของเขาให้จับ รอยยิ้มอบอุ่นของเขาที่บอกว่าพร้อมให้บริการเธอตลอดเวลา เธอเป็นเพียงคนเห็นแก่ตัว ที่ไม่ยอมสูญเสียตุนท์ให้กับใคร แม้แต่ความตาย
…………………………………………….
คุณ konhin อีกนิดเดียวจะหลุดพ้น แต่ก็ยังไม่หลุดนะคะ T^T
คุณ ร้อยวจี ใกล้จบแล้วค่า แต่... เหอะๆ หัวเราะรู้สึกผิด ตอนนี้ไม่โหดร้ายเนอะ
คุณ ผักหวาน บทนี้ลีเองก็เจียนจะบ้าแล้วล่ะค่ะ ชีวิตไม่เคยจะสุขได้สุด แต่ทุกข์นี่กระหน่ำซัดเต็มที่จริงๆ ไม่ใช่แค่คุณผักหวานที่สวมบทหนูลีแล้วสิ้น ต่อให้คนเขียนเองมาสวมก็ต้องตายไปสักปัญหาที่ลีเจอเหมือนกันค่ะ
คุณ violette ตอนนี้ยิ่งต้องแกร่งให้ได้ค่ะ คือลีล้มโครมใหญ่ทีเดียว
พี่ ลูกฟูก ตอนนี้คิดอยู่นานว่าจะลงตอนไหน ให้ตัวเองโดนดราม่าน้อยสุด แอร๊ย เหลืออีกไม่มากก็จะจบค่ะ ความหวานยังไม่มาเยือน อันนี้ออมดราม่ากว่า ฮรือ
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ สัญญาว่าจะหวานแหววกิ่งก่องแก้วให้ได้มากที่สุดนะคะ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่ก็ไม่นานเกินรอ เอ๊ะ?
ส่งผ้าเช็ดหน้าให้นะคะ อีกไม่นานฟ้าหลังฝนต้องสวยงามเสมอ ตอนนี้โดนเมฆก้อนยักษ์ พายุลูกใหญ่ไปก่อนนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน แสดงความคิดเห็นมากค่า (คนเขียนใจดี ไม่ใจร้ายหรอกค่ะ)
คมิกถูกบังคับให้สวมหมวกแก๊ป ใส่แว่น เสื้อยืดสีเทา กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบสีขาว ทุกอย่างเหมือนกันกับตุนท์
ร่างที่สูงใกล้เคียงกันเดินตามกันไปยังรถกึ่งแวน คมิกเดินอย่างเลื่อนลอย เขารู้สึกว่าทุกย่างก้าวกำลังพาเขาขยับเข้าไปใกล้ความตายของพ่อทุกขณะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้จักคนอย่างพ่อ ศักดิ์ศรีท่วมหัว ถ้าจู่ๆ โดนจับตัว พ่อเขาคงยอมตายดีกว่ายอมติดคุก จิตใจที่ไม่เคยรู้สึกรู้สาต่อสิ่งใดกำลังหดหู่จนถึงขีดสุด กระทั่งย่างก้าวที่ควรต้องก้าวออกไปก็ชะงักงันอยู่เพียงทางขึ้นรถ
ตุนท์หันกลับมามองด้วยความเข้าใจ เขาเองก็ไม่อยากจะบรรยายถึงแผนการทั้งหมดออกไป...ให้ทำร้ายจิตใจคมิกเพิ่มขึ้น
“ไปเถอะ พ่อของเธอรออยู่”
“ให้เขาปล่อยพ่อผมไปไม่ได้เหรอครับ” คมิกถามเสียงแผ่ว “เอาผมไปติดคุกแทนพ่อได้ไหม”
คนฟังถอนหายใจแผ่วเบา ส่ายหน้าช้าๆ “ใครทำคนนั้นก็ต้องรับ กรรมใดใครก่อ จะให้คนอื่นมาคืนสนองได้ยังไง”
“แต่เดี๋ยวนี้ก็มีแพะออกมาเยอะแยะ ขอแค่มีเงิน มีอำนาจ กี่รายก็รอดกันทั้งนั้น”
“เธอคิดว่าคนพวกนั้นมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีพอจะเปรียบถึงหรือไง ถึงเธอรอดพ้นผิด แต่คนที่รู้เรื่องราวในสังคมก็ลงประณามหยามเหยียดกันทั้งนั้น คนที่ทำผิด อาจรอดบทลงโทษทางกฎหมาย แต่ไม่มีทางรอดกฎทางสังคมไปได้หรอก หนึ่งคนชื่นชม แต่ก็อาจมีห้าคนที่ด่า”
“คนเรามันลืมง่ายจะตายไปครู” คมิกเถียงไม่ยอมแพ้ พ่อเขาก็เป็นหนึ่งคนที่ใช้เงินปิดปากคนมีอำนาจมาตลอด กระทั่งเขาเองที่เปิดประเด็นส่งพ่อตัวเองเข้าตะราง
“ความผิดที่ติดตัว ต่อให้คนลืมไป แต่ถ้าเผลอเราทำผิดขึ้นมาอีกครั้ง กระบวนการสาวไส้อดีตของเราก็จะเริ่มขึ้น” ตุนท์มีสีหน้าจริงจังขึ้น วางมือไปบนไหล่ของนักเรียนชายที่เขาไม่อยากให้ความเชื่อมั่นตลอดมาสั่นคลอน “จงเชื่อเถอะ ว่าที่เธอเชื่มอาตลอดว่าการค้ายามันไม่ดี ผิดจริง และพ่อเธอก็คือคนค้ายา เขาคือคนผิด ถึงจะไม่ถูกจับในวันนี้ ไม่นานชะตากรรมของเขาก็จะต้องเหมือนเดิม หรือต่อให้เขายังรอดไปได้ตลอด อีกกี่ชีวิตที่ต้องผจญกับยานรกนั่น”
“ฮีโร่ที่อกตัญญูน่ะเหรอครู”
“ไปคุยกับพ่อ แล้วเธอจะรู้ว่าท่านคิดยังไง”
คมิกสีหน้าไม่ได้ดีขึ้นจากเดิม แต่ก็ยอมขึ้นรถ และทำตามที่ตุนท์ว่าด้วยการขึ้นไปนั่งเบาะหลัง ก้มตัวลงต่ำที่สุด และห้ามโผล่ศีรษะขึ้นมาจนกว่าครูหนุ่มจะบอก เด็กหนุ่มก้มหน้าครุ่นคิดด้วยความหวาดหวั่น หัวใจเขามันเต้นในจังหวะเจ็บปวด แค่หายใจยังไม่อยากจะหายใจ น้ำตาค่อยๆ หยดลงเงียบๆ จากการกดดัน และอึดอัด แต่ไร้เสียงสะอื้น เขาได้แต่ปล่อยให้มันไหลลงมาเงียบๆ ราวกับรู้ว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ความจริงบางอย่างจะเกิดขึ้นตรงหน้าเขา
รถเคลื่อนตัวจอดช้าๆ และดับสนิทในเวลาไม่นานหลังออกจากบ้านมา คมิกได้รับคำสั่งให้ติดหูฟังไว้ที่หูตลอดเวลา โดยมีตุนท์เป็นคนลงมือติดให้ เด็กหนุ่มเหนื่อยกายและใจจนไม่อยากจะเอ่ยปากถามอะไรอีก ตอนนี้พวกเขาจะให้เขาเคลื่อนตัวไปไหนทำอะไร ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบหลังกระทำสิ่งที่เรียกว่าเปิดโปงคนชั่ว และหนึ่งในคนชั่วนั้นรวมถึง ‘พ่อ’ เขาด้วย
“พ่อผมจะไม่ตายใช่ไหมครู”
ตุนท์ชะงักไปนิด มือที่กำลังเอื้อมเปิดประตูเพียงจับไว้ตรงที่จับ เขาหันกลับมาตอบคำถามของคมิดอย่างใจเย็น “ถ้าไม่ทำอะไรผิดพลาด พ่อของเธอจะไม่ถึงตาย”
“ทำไม?”
“อย่าเพิ่งถามอะไรนักเลย ขอแค่อย่าขัดคำสั่ง ทุกๆ อย่างจะดีเอง” ตุนท์ชี้มือไปยังหูฟังข้างหูที่ยามนี้มีหมวกและผมดึงลงมาปิดไว้ อีกทั้งยังก้มตัวลงต่ำ และรอคอยประจำการประตูรถอีกด้าน ซึ่งเปิดออกไปด้านนอกได้เหมือนกับอีกด้านหนึ่ง “ค่อยๆ ออกไป อย่ากระโตกกระตาก และห้ามทำนอกแผน”
“ผมจะรู้ได้ยังไงว่า...”
“ฟังคำสั่ง อย่าทำอะไรผลีผลามไม่คิดหน้าคิดหลังอีก ครั้งนี้ไม่ใช่แค่พ่อของเธอที่อยู่ในอันตราย ตัวเธอเองก็เหมือนกัน”
ตุนท์มองเด็กนักเรียนของตัวเองพยักหน้ารับทั้งที่ขอบตาแดงเรื่อ เขาอยากจะปลอบเด็กชายให้มากกว่านี้ แต่ก็รู้ว่าคำปลอบมิสู้การปล่อยให้คนๆ หนึ่งเติบโตขึ้นด้วยการเผชิญหน้ากับความจริง ปล่อยให้คมิกได้เรียนรู้จากการกระทำของตัวเอง ซึ่งกลายเป็นดาบสองคมทิ่มแทงใจตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ การยืนอยู่บนความถูกต้องของคมิกไม่ต่างจากขอบเหวที่มีพ่อร่วงหล่นลงขอบก้น
ร่างที่หมอบอยู่เผยอหน้าให้สายตาอยู่แค่ระดับขอบกระจก เพ่งมองร่างของคมิกที่เดินหลังตรงอยู่ในแวดล้อมฝูงชนที่เดินขวักไขว่สวนไปมาเพื่อเข้าห้างสรรพสินค้า คมิกหยุดยืนตรงกลางลาน ร่างสูงยืนมั่นคง มือหยิบเครื่องสื่อสารขึ้นมากดรับ ตุนท์ลอบสังเกตอย่างเงียบเชียบ คอยกวาดตามองว่าในระยะตามตึกสูงมีใครอื่นอีกหรือไม่ เขานึกถึงบทสนทนาที่ช่วงนี้มักแอบประชุมเคร่งเครียดกับเพื่อนจนดึกดื่นอยู่เสมอ แม้จะประชุมผ่านทางโทรศัพท์ กระทั่งเมื่อคืนนี้
‘ตุนท์ ต่อให้เรายื้อเรื่องต่อไป เชื่อฉันเถอะว่าสุดท้ายผลของมันก็ยังเหมือนเดิม ทางที่ดีเราควรล่อมันออกมา’
‘ล่อ...ด้วยชีวิตของคนสองคนอย่างนั้นเหรอ’
‘งานใหญ่ บางครั้งก็จำต้องแลก นายก็รู้ ว่าเสี่ยคมน์ เขาเป็นมาเฟียใหญ่มือสกปรก กว่าจะมีวันนี้เขาก็ฆ่าคนมาไม่น้อยเหมือนกัน’
‘แล้วลูกเขาล่ะทำผิดอะไร’ การตอกกลับของตุนท์ ทำให้ญาติตำรวจหน่วยปราบปรามเงียบด้วยจนคำพูด
‘แต่เราจะไม่เสียสละอะไรเลยไม่ได้’
‘ฉันเองก็จะไม่ยอมเสียสละลูกศิษย์ของฉันไปเปล่าๆ เหมือนกัน’
‘นายจะทำอะไร ตัวตายตัวแทนงั้นเหรอ’
มือของตุนท์กำเข้าหากันแน่น เขามั่นใจจว่าในไม่ช้าจะต้องมีการเคลื่อนไหว เพราะตอนนี้คมิกกำลังคุยโทรศัพท์ และเดินไปมาไม่อยู่นิ่ง สีหน้าร้อนรน และมองหาไปทั่ว...อีกไม่นานคมิกจะต้องพบพ่อของเขา
ตุนท์หยิบโทรศัพท์ออกมา กดข้อความสั้นๆ อย่างที่นึกออกในตอนนี้ส่งไปหาคนที่เขารัก และเป็นห่วงสุดหัวใจ
‘ลี ผมรักคุณ ผมอยากแต่งงาน อยากเป็นพ่อที่ดีของลูกเสมอ ถ้าผมจะมีโอกาส...อย่าโกรธในความงี่เง่าของผมเลยนะลี’
โทรศัพท์ถูกปิดและเก็บเข้าที่ ตุนท์ได้รับสัญญาณทางหูฟังที่เขาเองก็ติดไว้ข้างหูว่าพบกลุ่มคนเคลื่อนไหวอยู่บริเวณอาคาร และมั่นใจว่าคือกลุ่มคนที่ตามหา ไม่นานคมิกก็กลับเข้ามาในรถด้วยความขุ่นเคือง เด็กหนุ่มหายใจแรงอย่างโกรธแค้นที่จนแล้วจนเล่าก็จำต้องปฏิบัติตามคำสั่งของตำรวจที่มองไม่เห็นอย่างเคร่งครัด เขาไม่กล้าทำพลาดอย่างที่ทำกับพ่ออีกแล้ว
“พ่อผมจะปลอดภัยใช่ไหมครู”
คนฟังยิ้มบางเบา โล่งอกที่คมิกไม่ดื้อให้เขาปวดหัวกับการคิดหาทางรับมือ ตุนท์จับบ่าเด็กหนุ่มบีบทีหนึ่งแทนคำขอบคุณ แล้วก้าวลงออกจากรถทางประตูฝั่งตัวเอง เขาเดินปนในฝูงชน มุ่งไปทิศทางที่มั่นใจว่าคมน์อยู่ตรงนั้น...ตู้โทรศัพท์
ปัง! เสียงกระสุนนัดแรกดังขึ้น คมน์ทรุดลงบนพื้น มือยังจับโทรศัพท์ไว้ไม่ปล่อย เขาทันได้ยินสิ่งที่คมน์กระซิบเตือนโทรศัพท์ด้วยใจกระวนกระวาย
“อย่าออกมา แกเชื่อพ่อเป็นครั้งสุดท้ายนะคมิก อย่าออกมาจากรถ!”
ปัง! อีกสามก้าวที่ตุนท์กำลังจะถึงตัวคมน์ ร่างของเขาสัมผัสถึงวัตถุชนิดหนึ่งพุ่งกระแทกใส่ด้านหลังเขาจนเจ็บ ก่อนจะมีนัดที่สอง และสามตามมา ประชาชนในบริเวณนี้ลุกฮือวิ่งแตกพล่านกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ตุนท์ทรุดร่างลงกับพื้น เขาได้ยินเสียงกระสุนที่ทางเจ้าหน้าที่กำลังปะทะกับผู้ร้ายอย่างชัดเจน พอๆ กับความเจ็บปวด น่าเสียดายที่มีเสื้อเกราะเพียงตัวเดียว และเขาก็สละเสื้อตัวนั้นให้กับคมิก เพื่อป้องกันความผิดพลาด
สายตาของชายที่ผ่านโลกมาไม่น้อยสบกันกับเขาผ่านพื้นราบที่กำลังอาบไปด้วยเลือดของทั้งคู่ คมน์ยิ้มปากซีดเซียว ดวงตาเหนื่อยล้าค่อยๆ ปรือปิดลงช้าๆ
“ขอบคุณครู”
ตุนท์กัดฟันยิ้มรับ ไม่มีแรงเขยื้อนกายอีก “ผมทำตามสัญญา ผมจะดูแลเขา ถ้าผมยังมีโอกาส”
สิ้นคำพูดเจ้าหน้าที่ก็กรูล้อมมาช่วยเหลือพวกเขา ก่อนสำนึกรู้สุดท้ายจะเลือน ตุนท์นึกอย่างพอใจที่คมิกไม่ได้ออกมาอย่างที่รับปากไว้ เขารู้...คมิกเองก็กำลังเจ็บปวดมากไม่ต่างจากเขา แต่เป็นที่ใจ
‘ลี ผมรักคุณ ผมอยากแต่งงาน อยากเป็นพ่อที่ดีของลูกเสมอ ถ้าผมจะมีโอกาส...อย่าโกรธในความงี่เง่าของผมเลยนะลี’
นพมัลลีขมวดคิ้วอ่านข้อความในโทรศัพท์ที่ส่งเข้ามาหลังจากเธอเพิ่งตกลงปัญหาในครอบครัวจบลง หญิงสาวยังไม่ทันโล่งอก สิ่งที่เธออ่านกำลังสร้างปมในใจแก่เธอ หรือที่ผ่านมาตุนท์จะไม่เคยเข้าใจเลยว่าเธอรู้สึกอย่างไรบ้าง ปัญหาที่มีในตอนนี้เธอจะปล่อยผ่านเลยไปไม่ได้...ยังไม่ใช่ตอนนี้
แต่เธอไม่ได้รู้สึกโกรธเขาเลย ตรงกันข้าม แค่คำว่ารักหัวใจของเธอก็อ่อนยวบให้อภัยลงโดยง่าย และเหลือทิ้งไว้เพียงความสงสัยว่าเพราะเหตุใดตุนท์จึงเลือกส่งข้อความนี้มาให้เธอ
หรือเกิดเรื่องอะไรกับเขา
ทันทีที่นึกอย่างนั้น หัวใจของเธอก็หล่นวูบโดยไม่รู้สาเหตุ ความกระวนกระวายจู่โจมจนเธอตั้งรับไม่ติด สังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา หญิงสาวยกมือทาบบริเวณอกซ้าย หน้าตาไม่สู้ดี
“เป็นอะไรไปลี” ทวิชเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง เห็นอาการนิ่งงันของหลานสาวหลังอ่านข้อความบางอย่างในโทรศัพท์เขาจึงพลอยเป็นห่วง ในตอนนี้เขาไม่ต้องการให้มีเรื่องใดมาตอกย้ำนพมัลลีอีกแล้ว
“ฉันกลัว...” คนไม่เคยแสดงออกว่ากลัวผ่านทางคำพูดหลุดออกมา
ความกังวล คลางใจอยู่กับตัวเธอได้ไม่นานเมื่อโทรศัพท์ของเธอมีสายเข้า หญิงสาวขมวดคิ้วมองเบอร์แปลก ขณะกดรับสายด้วยความไม่มั่นใจ
“ครูลีครับ” เสียงของคมิกดังขึ้นอยู่ข้างหู นพมัลลีใจเต้นตึกตัก ภาวนาให้ความคิดด้านลบของเธอไม่ถูกต้อง “ครูตุนท์กับพ่อผมเขา...” แล้วเสียงโหยหวนของคมิกก็ดังลั่นภายในหู เสียงร้องเจ็บปวดราวกับสูญเสียสิ่งสำคัญในโลกนี้ไป นพมัลลีถือโทรศัพท์ค้างไว้อย่างนั้น สมองมึนงงคล้ายยังไม่ตื่นดี ที่จริงเธอภาวนาให้ตัวเองกำลังฝันอยู่ แต่โลกใบนี้ยังคงกระหน่ำจ้วงมีดแทงลงใส่ชีวิตเธอไม่หยุดหย่อนเลยสักครั้ง
ทุกครั้งที่ชีวิตเธอกำลังจะจบลงด้วยดี เขาจะมาพรากความสงบสุขนั้นไปจากเธอ และครั้งนี้มันร้ายแรงกว่าทุกครั้ง น้ำตาของนพมัลลีหยดร่วงหลังฟังปลายสายที่เป็นนายตำรวจนายหนึ่งรับมาบอกเล่าความจริงแทน เขาพยายามที่จะใช้ความใจเย็นเข้าลูบ แต่ก็ยังไม่เย็นพอจะลบความร้อนรุ่มในใจ และน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอ
“ไม่จริง! คุณโกหก เมื่อเช้านี้ตุนท์ยังพูดกับฉัน เขายังชงชาให้ฉันดื่ม เขายัง...” ถ้อยคำมามายสิ้นสุดลง ร่างที่เคยแกร่งร่วงลงกับพื้น รู้สึกความหวังในชีวิตพังทลายลงตรงหน้าไม่เหลือชิ้นดี น่าแปลกที่เธอเพิ่งรู้เอาในตอนนี้ว่าตุนท์สำคัญกับชีวิตของเธอขนาดไหน เขาสำคัญกว่าพ่อ ในตอนที่เธอรู้ว่าพ่อทิ้งเธอไปแต่เล็ก เขาสำคัญกว่าอาที่สุดท้ายก็มาก้มหน้าสำนึกผิดกับสิ่งที่เคยร้ายต่อเธอ เขาสำคัญกว่าแม่ที่เลี้ยงเธอ แต่ไม่เคยใยดีเธอสักครั้ง ตุนท์คือความหวังในชีวิตที่ไร้หางเสือของเธอ ครั้งหนึ่งชีวิตไร้ค่าของเธอมีหวังอีกครั้งได้เพราะนวมลลิ์ เด็กหญิงตัวน้อยทำให้เธอรู้คุณค่าในชีวิต แต่ตุนท์คือคนที่หยิบยื่นความสุขที่แท้จริงที่เธอเมินเฉย และกลบไว้ด้วยบาดแผลในใจ ตุนท์ฉุดดึงเธอออกมาจากเงาอดีต และไม่เคยคิดปล่อยมือเธอเลยสักครั้ง
เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดของผู้หญิงอายุยี่สิบห้าที่กำลังครวญไม่ต่างจากเด็กกลายเป็นจุดสนใจ แม้มัลลิยาจะใจร้ายเพียงใดก็ยังใจดำเมินเฉยไปไม่ได้ หรือแม้แต่มะลิที่ออกไปจากห้องยังต้องกลับเข้ามา นวมลลิ์ที่ได้ยินเสียงแม่ถึงกับวิ่งมาถึงตัวคนร้องในเวลาอันรวดเร็ว และใช้อ้อมกอดเล็กๆ ของตัวเองกอดแม่ไว้แน่น ทุกคนไม่พูดอะไร แต่ต่างมอง และยืนอยู่ไม่ไกล เมื่อถึงคราวจำเป็น คราวที่นพมัลลีแสดงออกถึงความเสียใจอย่างที่สุด ครอบครัวที่เธอคิดว่าจอมปลอมที่สุด กลับไม่มีใครสักคนที่จะก้าวขาออกจากห้องนี้
หญิงสาวมองแล้วหัวเราะทั้งน้ำตาราวกับคนบ้า เธอเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างในเวลาไม่ถึงสิบนาที รู้ว่าใครที่เธอสูญเสียไปไม่ได้ และใครที่เธอไม่เคยคาดหวังว่าจะอยู่ข้างเธอ กลับไม่ตอกย้ำเหยียบความอ่อนแอเธออีก
“ไปโรงพยาบาล” นพมัลลีรวบรวมสติที่เหลืออยู่น้อยนิดให้กลับมา เธอไม่กล้าปล่อยเวลาให้ช้าไปกว่านี้แม้แค่เสี้ยววินาที
‘ลี ผมรักคุณ ผมอยากแต่งงาน อยากเป็นพ่อที่ดีของลูกเสมอ ถ้าผมจะมีโอกาส...อย่าโกรธในความงี่เง่าของผมเลยนะลี’
ข้อความที่ตุนท์ส่งมากระจ่างชัด นพมัลลีกำโทรศัพท์ไว้กับตัวเองแน่นขณะที่ทวิชอาสาจะขับรถพาเธอไปส่งโรงพยาบาล มัลลิยา และนิลุบลอาสาที่จะดูแลนวมลลิ์ให้ชั่วคราวหลังจากรู้เรื่องทั้งหมด ซึ่งเธอภูมิใจที่นวมลลิ์ไม่ใช่คนที่เข้าใจยาก ตลอดการเดินทางนพมัลลีต้องคอยแหงนหน้ากลั้นไม่ให้น้ำตาไหล มือผสานกันตรงหน้าตักก่นด่าตัวเองในใจที่โง่เง่าปฏิเสธคำขอแต่งงานของตุนท์ โง่เง่าที่เห็นค่าความรักของเขาเบาเท่าขนนก เธอดูถูกความรักของตุนท์มากมาย และมองเห็นแค่ปัญหาตัวเอง
เธอต่างหากที่งี่เง่า ไม่ใช่ตุนท์เลย เขาไม่เคยทำอะไรผิด และมีแต่ทำให้เธอรู้สึกผิดที่เธอรักตอบเขาได้ไม่มากพอ
ถ้าพรุ่งนี้เธอตื่นมาแล้วพบว่าไม่มีเขาล่ะ...ความคิดด้านร้ายผลักดันให้น้ำตาที่ยังไม่แห้งดีไหลออกมาช้าๆ แน่นอนคำตอบเดียวที่หญิงสาวนึกออกคือเธอไม่พร้อมจะคิดถึงวันนั้น ไม่พร้อมจะยืนเผชิญชีวิตที่ไม่มีมืออุ่นของเขาให้จับ รอยยิ้มอบอุ่นของเขาที่บอกว่าพร้อมให้บริการเธอตลอดเวลา เธอเป็นเพียงคนเห็นแก่ตัว ที่ไม่ยอมสูญเสียตุนท์ให้กับใคร แม้แต่ความตาย
…………………………………………….
คุณ konhin อีกนิดเดียวจะหลุดพ้น แต่ก็ยังไม่หลุดนะคะ T^T
คุณ ร้อยวจี ใกล้จบแล้วค่า แต่... เหอะๆ หัวเราะรู้สึกผิด ตอนนี้ไม่โหดร้ายเนอะ
คุณ ผักหวาน บทนี้ลีเองก็เจียนจะบ้าแล้วล่ะค่ะ ชีวิตไม่เคยจะสุขได้สุด แต่ทุกข์นี่กระหน่ำซัดเต็มที่จริงๆ ไม่ใช่แค่คุณผักหวานที่สวมบทหนูลีแล้วสิ้น ต่อให้คนเขียนเองมาสวมก็ต้องตายไปสักปัญหาที่ลีเจอเหมือนกันค่ะ
คุณ violette ตอนนี้ยิ่งต้องแกร่งให้ได้ค่ะ คือลีล้มโครมใหญ่ทีเดียว
พี่ ลูกฟูก ตอนนี้คิดอยู่นานว่าจะลงตอนไหน ให้ตัวเองโดนดราม่าน้อยสุด แอร๊ย เหลืออีกไม่มากก็จะจบค่ะ ความหวานยังไม่มาเยือน อันนี้ออมดราม่ากว่า ฮรือ
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ สัญญาว่าจะหวานแหววกิ่งก่องแก้วให้ได้มากที่สุดนะคะ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่ก็ไม่นานเกินรอ เอ๊ะ?
ส่งผ้าเช็ดหน้าให้นะคะ อีกไม่นานฟ้าหลังฝนต้องสวยงามเสมอ ตอนนี้โดนเมฆก้อนยักษ์ พายุลูกใหญ่ไปก่อนนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน แสดงความคิดเห็นมากค่า (คนเขียนใจดี ไม่ใจร้ายหรอกค่ะ)
ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 เม.ย. 2558, 01:09:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 เม.ย. 2558, 01:09:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 1574
<< บทที่ 27 : เจรจาภายในครอบครัว | บทที่ 29 : ผีจับคน >> |
กาซะลองพลัดถิ่น 5 เม.ย. 2558, 03:08:04 น.
ทำไมเราอ่านบทนี้เสร็จ มันรู้สึกอึน ๆ มึน ๆ เจ็บยังไงไม่รู้ สงสารลีจัง
ถ้า ๆ เป็นชีวิตจริง ลูกผู้หญิงอย่างลีคงเป็นคนที่แข็งและแกร่งยิ่งกว่าชายอกสามศอกอีก อะไรจะเจอซ้ำเจอซ้อนกระหน่ำยิ่งกว่าสึนามิ
หลายระลอกจัง เมื่อไหร่ ลี จะได้พบกับความสุข หวังไว้ว่า ไรเตอร์คงจะไม่ใจร้ายให้ตุนท์ตายหรอกนะคะ คือมันโหดร้ายเกินไปอ่ะคะ
ทำไมเราอ่านบทนี้เสร็จ มันรู้สึกอึน ๆ มึน ๆ เจ็บยังไงไม่รู้ สงสารลีจัง
ถ้า ๆ เป็นชีวิตจริง ลูกผู้หญิงอย่างลีคงเป็นคนที่แข็งและแกร่งยิ่งกว่าชายอกสามศอกอีก อะไรจะเจอซ้ำเจอซ้อนกระหน่ำยิ่งกว่าสึนามิ
หลายระลอกจัง เมื่อไหร่ ลี จะได้พบกับความสุข หวังไว้ว่า ไรเตอร์คงจะไม่ใจร้ายให้ตุนท์ตายหรอกนะคะ คือมันโหดร้ายเกินไปอ่ะคะ
coonX3 5 เม.ย. 2558, 05:10:42 น.
เมื่อไรลีจะมีความสุขกับเค้าจริงๆซักที หวังว่าตุนท์จะไม่เป็นไรนะ
เมื่อไรลีจะมีความสุขกับเค้าจริงๆซักที หวังว่าตุนท์จะไม่เป็นไรนะ
นักอ่านเหนียวหนึบ 5 เม.ย. 2558, 07:42:38 น.
เคาะหัวไรเตอร์เบาๆ ทีนึง โทดฐานทำร้ายจิตใจ ชิ
เคาะหัวไรเตอร์เบาๆ ทีนึง โทดฐานทำร้ายจิตใจ ชิ
kaelek 5 เม.ย. 2558, 09:38:22 น.
ที่อ่านมาทั้งหมด ไม่ซึมเท่าบทนี้สินะ#เช็ดน้ำตาแป๊บ
ที่อ่านมาทั้งหมด ไม่ซึมเท่าบทนี้สินะ#เช็ดน้ำตาแป๊บ