ฤดูกาลรักที่กลางใจ ตอน คิมหันต์กับปัญชิกา
เพราะโชคชะตาทำให้คิมหันต์ได้พบกับปัญชิกาอีกครั้งพร้อมกับข้อเสนอที่น่าตกใจ...
นั่นคือเธอขอมีความสัมพันธ์กับเขาเพียงคืนเดียว!
Tags: คิมหันต์ ปัญชิกา ซัน ปุยฝ้าย ใช้หนี้ นางเอกน่าสงสาร

ตอน: ตอนที่ 12 และ 13

บทที่ 12


หลังอาบน้ำชำระร่างกาย คิมหันต์ก็พบว่าปัญชิกาเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว แม้ปกติเขาและเธอแทบไม่ได้คุยกันนักแต่ไม่รู้ทำไมเช้านี้เขาถึงรู้สึกถึงความเงียบผิดปกติ ชายหนุ่มลอบมองคนร่วมโต๊ะบ่อยครั้งโดยที่เขาเองก็หาเหตุผลให้กับตัวเองไม่ได้ แต่การที่ปัญชิกาเอาแต่จัดการอาหารของตัวเองราวกับจะปฏิบัติตามคำสั่งก่อนหน้านี้ที่เขาเคยบอกให้เธอทานอาหารให้มาก กลับยิ่งทำให้เขารู้สึกหนักอึ้งในอกอย่างบอกไม่ถูก

แวบหนึ่ง คิมหันต์อดคิดไม่ได้ว่าตอนนี้เหมือนคำพูดหรือคำสั่งที่เขาเคยบอกกับปัญชิกาไปกำลังจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาทีละเล็กทีละน้อย และเขาก็ไม่ชอบเอาเสียเลย

“วันหยุดที่จะถึงนี้ เธออยากไปไหนหรือเปล่า”

ปัญชิกาอยากคิดว่าตัวเองหูฝาดหากเมื่อเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารแล้วพบว่าคิมหันต์กำลังจับจ้องเธอราวกับรอฟังคำตอบที่ถามไปก่อนหน้านี้ หญิงสาวจึงยิ้มให้เมื่อมั่นใจแล้วว่าฟังไม่ผิด

“แล้วแต่คุณซันค่ะ”

คิมหันต์นิ่วหน้ากับคำตอบที่ไม่ตรงใจ เกือบเอ็ดออกไปว่าเขาถามเธอว่าอยากไปไหนหรือเปล่าไม่ใช่มาบอกว่าแล้วแต่เขา แต่สายตาก็ทันเหลือบไปเห็นว่าริมฝีปากของหญิงสาวสั่นระริกราวกับคนเจอเรื่องสะเทือนใจ และนั่นจึงยับยั้งคำพูดใด ๆ ทั้งปวงที่เกือบจะหลุดรอด ชายหนุ่มพานทานต่อไม่ลงและนึกขัดใจตัวเองที่ช่วงหลังดูเหมือนจะใส่ใจหญิงสาวมากเกินความจำเป็น ดังนั้นคิมหันต์จึงลุกขึ้นจากที่นั่งท่ามกลางความงุนงงของปัญชิกา

แม้แปลกใจกับจานอาหารของชายหนุ่มที่พร่องไปเล็กน้อย หากหญิงสาวก็ไม่ลืมที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง

“รอเดี๋ยวนะคะ ปุยฝ้ายจะไปชงกาแฟมาให้”

“ไม่ต้อง!”

ปัญชิกาชะงักกับน้ำเสียงเข้มจัดที่รั้งเธอเอาไว้ คิมหันต์ยามนี้แลดูไม่ต่างจากวันแรกที่เธอเจอ หล่อคมเข้มแต่ก็กระด้างและเย็นชา

คิมหันต์เบือนหน้าหนีสายตาของปัญชิกาเพราะรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังตั้งคำถามกับเขาว่าตัวเองทำอะไรผิด โดยไม่รู้เลยว่าการหันหน้าหนีของเขายิ่งทำให้เธอเสียใจ

“ฉันมีประชุมต้องรีบไป”

อาจเพราะรู้สึกว่าเช้าวันนี้เขาทำให้เธอเสียใจมามากแล้ว ไม่นับรวมเมื่อวานที่เขาทำให้เธอไม่ได้ทานอาหารมื้อเย็น ชายหนุ่มจึงยอมชี้แจงเพิ่มทั้งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด หากเมื่อเห็นปัญชิกาพยักหน้ารับด้วยสีหน้าซึม ๆ ชายหนุ่มก็นึกขัดใจตัวเองขึ้นมาอีกเพราะนึกอยากดึงเธอเข้ามากอดปลอบ

เขาคงกำลังจะเริ่มเป็นบ้า

ชายหนุ่มก่นว่าตัวเองอย่างหัวเสีย ความหงุดหงิดเพราะคิดว่าปัญชิกาเริ่มทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองเหมือนเช่นทุกทีทำให้คิมหันต์เดินลิ่วออกไปด้วยท่าทีเหมือนไม่แยแสว่าคนที่ถูกทิ้งไว้ทางเบื้องหลังจะรู้สึกเช่นไร

ความเหงาและไม่อยากนั่งจมอยู่กับความเศร้าทำให้ปัญชิกาตัดสินใจเปลี่ยนบรรยากาศ หญิงสาวก้าวออกจากคอนโดฯ ของคิมหันต์เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน จุดหมายแรกที่เธอไปคือแหล่งจำหน่ายต้นไม้ที่ตั้งอยู่เรียงรายตามข้างทางบนถนนสายหนึ่ง

ขณะเดินชมไม้ดอกไม้ประดับปัญชิกาก็ถูกใจต้นบลูฮาวายของร้านแห่งหนึ่งด้วยว่าเธอชอบสีม่วงและขนาดของดอกที่น่ารักของมัน ยิ่งคนขายปลูกเอาไว้ในกระถางแบบแขวนเธอก็ตั้งใจว่าจะนำไปประดับที่ระเบียงห้องอย่างน้อยสีสันสดใสของดอกไม้คงช่วยทำให้จิตใจสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง หลังจากคิดดีแล้วหญิงสาวจึงตัดสินซื้อทั้งหมด 4 กระถาง จากนั้นจึงเรียกรถแท็กซี่กลับไปคอนโดฯ

ขณะที่ปัญชิกากำลังหอบหิ้วถุงใส่กระถางต้นไม้ออกจากรถแท็กซี่เพื่อเข้าประตูคอนโดฯ หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครคนหนึ่ง กระทั่งเมื่อกำลังจะเดินไปขึ้นลิฟท์

“ให้ผมช่วยนะครับ”

ชายหนุ่มหน้าตาดีอายุราว 30 ปีเศษที่กำลังส่งยิ้มกระจ่างมาให้ทำให้ปัญชิกาต้องยิ้มตอบอัตโนมัติ เห็นเขามองไปที่ถุงใส่กระถางต้นไม้ของเธอยิ้ม ๆ ก่อนยื่นมือออกมาพลางทำท่าจะช่วยถือทำให้ปัญชิกาต้องเบี่ยงตัวหลบก่อนบอกด้วยท่าทีเกรงใจ

“ไม่เป็นไรค่ะ”

อธิวัฒน์ ฉัตรบดินทร์ ยังคงยิ้มได้ถึงแม้หญิงสาวที่เขาต้องตาทำท่าไม่ยอมรับไมตรี จังหวะนั้นลิฟท์ก็ลงมาพอดี ชายหนุ่มเปิดทางให้หญิงสาวก้าวนำเข้าไปแล้วจึงค่อยตามเข้าไป ก่อนหันไปถามด้วยสีหน้าที่ยังคงฉาบรอยยิ้ม

“ชั้นไหนครับ”

หลังจากแจ้งชั้นที่ต้องการพลางเอ่ยขอบคุณ ปัญชิกาก็คิดว่าคงจบลงเท่านั้นแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะคิดต่าง

“นี่เรียกว่าต้นอะไรครับ”

“บลูฮาวายค่ะ”

หญิงสาวจำต้องตอบตามมารยาท แต่ชายหนุ่มแปลกหน้ากลับต้องการสานสัมพันธ์ต่อ

“ผมชื่ออธิวัฒน์นะครับเพิ่งย้ายมาอยู่เมื่ออาทิตย์ก่อน ชั้นเดียวกับคุณเลย ถ้ายังไงฝากตัวด้วยนะครับ”

ปัญชิกาต้องยิ้มรับและยื่นมือไปรับนามบัตรที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ หลังจากกวาดตามองครู่หนึ่งหญิงสาวจึงรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นทนายความอิสระ

“ปัญชิกาค่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือติดต่อผมได้เสมอนะครับ”

อาจด้วยท่าทีเป็นมิตรของชายหนุ่มทำให้ครั้งนี้ปัญชิกายอมรับไมตรีได้อย่างสนิทใจ หญิงสาวยิ้มตอบพลางเอ่ยขอบคุณในจังหวะที่ประตูหน้าลิฟท์เปิดออกพอดี

ทว่ารอยยิ้มของปัญชิกาก็ค่อย ๆ จางหายเมื่อสายตาเหลือบไปสบเข้ากับแววตาแสนคุ้นเคยของใครคนหนึ่ง

“คุณซัน!”



บทที่ 13


คิมหันต์ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างเขากับปัญชิกาใครเป็นฝ่ายแปลกใจมากกว่ากันสำหรับการเผชิญหน้ากันในตอนนี้ แต่ที่รู้แน่ ๆ ก็คือการได้มาเจอเธออยู่กับผู้ชายอีกคนที่เขาไม่รู้จักแถมทั้งคู่ยังยิ้มให้กันราวกับคนคุ้นเคยกันมานาน มันทำให้เขาแปลกใจมากเพราะเพิ่งเข้าใจว่า...ความรู้สึกของคนที่อยากฆ่าใครสักคนให้ตายคามือมันเป็นยังไง!

คิมหันต์ฝืนข่มความรู้สึกเดือดจัดในอกเอาไว้ภายใต้สีหน้าเย็นชาเมื่อเห็นชายหนุ่มแปลกหน้าหันมามองเขาด้วยแววตากังขา ไม่พูดอะไรทั้งสิ้นยามดึงปัญชิกาให้ออกห่างจากชายหนุ่มคนนั้นหากเมื่อหางตาเห็นว่าชายหนุ่มแปลกหน้ายังตามออกมาจากลิฟท์คิมหันต์ก็ขบฟันแน่น

“แอบนัดกันตอนฉันไม่อยู่งั้นเหรอ!”

ชายหนุ่มเค้นเสียงลอดไรฟันถามไม่รู้ตัวสักนิดว่ายามนี้เขาแทบจะทำให้ข้อมือเล็ก ๆ ของหญิงสาวหักเพราะแรงบีบอันเกิดจากความโกรธ

ปัญชิกาน้ำตาจะหยดเพราะปวดข้อมือจากการที่เขาบีบเต็มแรง กำลังจะออกปากขอร้องแต่ไม่ทันชายหนุ่มอีกคน

“ขอโทษนะครับ คุณกำลังทำให้เธอเจ็บ”

การถือวิสาสะเอาตัวเข้ามาแทรกกลางของชายหนุ่มที่เขานึกเขม่นหน้าตั้งแต่แรกเห็น ทำให้คิมหันต์ยิ่งโกรธหากในแววตาที่กวาดมองอีกฝ่ายกลับเย็นชาตรงกันข้ามกับความรู้สึกที่กำลังปะทุอยู่ภายในใจ

“อย่ามายุ่ง!”

แม้รู้สึกได้ถึงความเป็นอริของอีกฝ่ายหากอธิวัฒน์ก็ไม่สนใจ เพราะเมื่อหญิงสาวที่เขาถูกตาถูกใจตั้งแต่แรกเห็นกำลังได้รับความเจ็บปวดเขาก็ไม่อาจทนนิ่งเฉย ชายหนุ่มเข้าไปปลดมือคิมหันต์ออกจากการเกาะกุมปัญชิกาแล้วทำท่าเหมือนจะเข้ามากางกั้นหญิงสาวไปให้พ้นจากคิมหันต์

วินาทีนั้น คิมหันต์รู้สึกเหมือนทุกอย่างตรงหน้ากลายเป็นสีแดงเข้ม ชายหนุ่มไม่หยุดคิดใด ๆ เมื่อปล่อยหมัดตรงเข้าไปตรงสันกรามของคนที่เข้ามาขวางกั้นระหว่างเขาและปัญชิกา ได้ยินเสียงหวีดร้องเบา ๆ ของคนใกล้ตัวในวินาทีที่ชายหนุ่มแปลกหน้าเซถลาลงไปกองบนพื้น

หลังจากสลัดศีรษะเพื่อให้หายมึนงงและเอามือเช็ดเลือดตรงมุมปากออกไป อธิวัฒน์ก็ตั้งท่าจะกระโจนไปตอบโต้คนที่ใช้กำลังกับเขาก่อน หากกำปั้นที่เตรียมง้างมีอันต้องค้างกลางอากาศเพราะปัญชิกาเอาตัวเข้ามาขวาง

คิมหันต์รู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นเมื่อปัญชิกาโผเข้ามาขวางไว้ในจังหวะที่กำปั้นของอีกฝ่ายจะประเคนเข้าใส่ กำลังจะคว้าตัวเธอก็พอดีชายหนุ่มอีกคนหยุดมือไว้ได้ทัน

“ทำอะไรโง่ ๆ ห๊ะ!”

เมื่อหายจากตกใจคิมหันต์ก็กระชากตัวปัญชิกาเข้ามาใกล้แล้วตะคอกออกไปอย่างลืมตัว หัวใจยังคงเต้นแรงไม่เป็นจังหวะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

ถึงตอนนี้ปัญชิกาก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่ได้ ตอนที่เห็นคิมหันต์กำลังจะถูกทำร้ายเธอคิดอะไรไม่ออกนอกจากต้องช่วยเขา หากเมื่อเขาปลอดภัยไม่มีอะไรบุบสลายหญิงสาวจึงปล่อยให้น้ำตาจากความโล่งใจไหลรินลงมา

ทนายความหนุ่มอึ้งไปกับภาพที่เห็นตรงหน้า ท่าทีระหว่างคนทั้งคู่ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจเข้าไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่สมควรเข้าเสียแล้ว แวบหนึ่งชายหนุ่มอดมองไปยังปัญชิกาไม่ได้ด้วยความเสียดายก่อนตัดใจหันหลังเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง

เมื่อกลับเข้ามาในห้อง อารมณ์ของคิมหันต์ก็เริ่มเย็นลงจนกระทั่งสังเกตถึงถุงใส่กระถางต้นไม้ในมือของปัญชิกา ชายหนุ่มนิ่งไปเป็นครู่ก่อนตั้งคำถามหญิงสาวที่ยามนี้ตาแดงเรื่อจากการร้องไห้

“เธอออกไปซื้อต้นไม้มาเหรอ”

“ค่ะ...” เพราะคิดว่าคิมหันต์คงโกรธ ปัญชิกาจึงเอ่ยต่อด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษค่ะที่ปุยฝ้ายไม่ได้ขออนุญาตคุณซันก่อน”

เมื่อเห็นคิมหันต์ยังเอาแต่จ้องหน้าเธอโดยไม่พูดอะไร ปัญชิกาก็เริ่มทำตัวไม่ถูกพลางทบทวนถึงสาเหตุก่อนตัดสินใจชี้แจง

“ปุยฝ้ายไม่ได้นัดกับใครนะคะ กับผู้ชายคนเมื่อกี้ก็เพิ่งรู้จักกันตอนจะขึ้นลิฟท์เขาอาสาจะช่วยถือของ...”

ยังแจกแจงรายละเอียดไม่จบ คิมหันต์ก็ชิงขัดขึ้นเสียงเรียบด้วยท่าทีเหมือนไม่ใส่ใจ

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”

ปัญชิกาสะอึก เพราะแวบหนึ่งเธอเผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่าสาเหตุที่ทำให้คิมหันต์ลงมือกับทนายความหนุ่มคนนั้น บางทีอาจเป็นเพราะ...ความหวง

เลิกคิดเลิกหวังลม ๆ แล้ง ๆ เสียทีเถอะ

หญิงสาวบอกกับตัวเองอย่างขมขื่น

ขณะเฝ้ามองปัญชิกา คิมหันต์ก็นึกย้อนถึงสาเหตุที่ทำให้เขาไปเจอเธอในลิฟท์

เพราะเธอทำให้เขาไม่มีสมาธิกับการทำงานดังนั้นเมื่อถึงเวลาเลิกงานเขาจึงตัดสินใจกลับโดยไม่ได้คิดจะโหมทำงานเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนหลายเดือนที่ผ่านมา แต่เมื่อกลับมาถึงแทนที่จะเจอคนที่เขาอยากเห็นหน้าแต่กลับเป็นว่าเขาพบเพียงความว่างเปล่า เมื่อคิดจะติดตามตัวก็เพิ่งสำนึกได้ถึงเรื่องบางอย่างจนกระทั่งตัดสินใจจะออกไปซื้อโทรศัพท์มือถือให้กับปัญชิกาเพราะไม่อยากกลับมาเจอเข้ากับความว่างเปล่าและคำถามกับตัวเองว่าเธอไปไหน

คิมหันต์ถอนหายใจพลางลดสายตาจากใบหน้าของหญิงสาวหากนั่นทำให้สะดุดเข้ากับบางสิ่งในมือของเธอ ชายหนุ่มยื่นมือออกไปดึงมันออกจากมือของหญิงสาว แล้วก็อึ้งไป

“เขาให้เธอเหรอ”

“ค่ะ”

คิมหันต์ไม่พูดอะไรยามฉีกนามบัตรออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยท่ามกลางความอึ้งงันของปัญชิกา

“ต่อไปไม่ต้องไปเจอมันอีก”

“ค่ะ”

“ถ้ามันมาชวนไปไหนก็ไม่ต้องไป”

“ค่ะ”

คิมหันต์ยิ้มตรงมุมปากอย่างพอใจเมื่อปัญชิกาตอบรับทุกคำสั่งของเขา อารมณ์ดีขึ้นจนเริ่มให้ความสนใจเรื่องอื่นเมื่อเห็นปัญชิกากำลังเอากระถางแบบแขวนที่มีไม้ดอกสีม่วงเล็ก ๆ ออกมาจากถุงพลาสติกด้วยท่าทีทะนุถนอม

“เธอซื้อต้นอะไรมา ทำไมดอกมันเป็นสีม่วง ๆ”

ปัญชิกายิ้มสดใสเมื่อคิมหันต์แสดงทีท่าใส่ใจ ก่อนชี้แจงอย่างกระตือรือร้น

“นี่เรียกว่าต้นบลูฮาวายค่ะ ปุยฝ้ายชอบตรงที่ดอกเล็ก ๆ สีม่วง แล้วยังดูแลง่ายด้วยนะคะถึงจะเอาไปไว้ตรงที่โล่งแจ้งมีแดดก็ไม่เป็นไรค่ะ ก็เลยตั้งใจว่าจะแขวนไว้ตรงระเบียงเวลาแสงแดดส่องกระทบกับดอกสีม่วงเล็ก ๆ นี่ปุยฝ้ายคิดว่าคงจะสวยน่าดู”

คิมหันต์ทั้งอึ้งทั้งทึ่ง นับตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ปัญชิกาพูดประโยคยาว ๆ กับเขา สีหน้าแววตาของเธอเป็นประกายชวนมองโดยเฉพาะยามพูดถึงดอกไม้เล็ก ๆ ที่เขาเพิ่งเคยได้ยินชื่อ

ปัญชิกามองท่าทีนิ่งเงียบของคิมหันต์แล้วอดไม่ได้ที่จะคิดไปอีกทาง หญิงสาวหน้าสลดลงยามเอ่ยเสียงแผ่ว

“ถ้าคุณซันไม่ชอบ ปุยฝ้าย...เอาไปให้คนอื่นก็ได้ค่ะ”

ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อหญิงสาวกลับมาเป็นคนเดิมที่เขาคุ้นชิน

สำหรับเธอแล้วเขาคงเป็นคนใจร้ายมากสินะ

“เธออยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ”

ดูเหมือนแค่นั้นก็ทำให้ปัญชิกาพอใจแล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอีกครั้งเมื่อหญิงสาวใช้รอยยิ้มแทนคำขอบคุณ ก่อนจะเดินเข้าไปแย่งกระถางมาจากหญิงสาว

“เอาล่ะ จะให้วางตรงไหนก็บอกมาละกัน”

ปัญชิกายิ้มมากขึ้นอดคิดไม่ได้ว่าต้นบลูฮาวายเหมือนจะนำโชคดีมาให้เธอเมื่อดูจากการที่วันนี้คิมหันต์ใจดีกับเธอเป็นพิเศษ หากเมื่อเห็นชายหนุ่มเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสูงราวกับจะถามหญิงสาวก็ไม่รีรอที่จะเดินนำไปยังจุดหมายที่เธอตั้งใจเอาไว้


---------------------------------------------------------------------------------------------


แปะ แปะ สองตอนค่ะ...อย่าเพิ่งเบื่อ หงุดหงิดกับนิสัยเสียของพี่ซันนะคะ 555 (ไม่อยากบอกเล้ยว่าหลังจากนี้นายคนนี้จะหนักข้อกว่านี้ ^^)



ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ



Zephyr : เรื่องพูดให้คนเจ็บนี่ต้องยกให้พี่ซันคนหนึ่งค่ะ ไม่รู้ไปเอาความปากร้ายมาจากไหน 555


นักอ่านเหนียวหนึบ : เอ่อ...ตอนที่แล้ว นักอ่านเหนียวหนึบน่าจะคอมเม้นท์ผิดเรื่องนะคร้า ^^


ปอยอะนะ : เห็นด้วยอีกหนึ่งเสียงค่ะ น่าหาตะกร้อให้นายคนนี้ซะจริง ^^




พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 เม.ย. 2558, 20:37:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 เม.ย. 2558, 20:57:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1609





<< ตอนที่ 8 และ 9   ตอนที่ 14 >>
Zephyr 7 เม.ย. 2558, 21:32:59 น.
โฮ้ยยยยยย ขอสกายคิก ขาคู่พี่ซัน หลายๆที
ฮึ้ยยยยยยยๆๆๆๆๆๆๆ ขัดใจนิสัยแบบนี้ ปากสุนัข จริงๆเล้ยยยย
อ้ากกกก พี่ชายแสนดี หายไปไหน


konhin 7 เม.ย. 2558, 23:03:53 น.
สงสัยว่านายซันจะเข้าวัยทอง ผีเข้าผีออก


LAM 7 เม.ย. 2558, 23:32:41 น.
ดีใจค่ะที่วันนี้เปิดมาเจอหลายตอนเลย ชอบมาก ๆ ทีพี่ซันก็อาจจะเจอคู่แข่งบ้างแล้ว เริ่มหวงน้องปุยฝ้ายแล้วใช่มั๊ย กลับมาอัพต่อเร็ว ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้พันวลีเสมอค่ะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 11 เม.ย. 2558, 23:08:01 น.
อุ่ยยย เค้าขอโท้ดดดดดด

เค้ามะได้ตั้งใจ ขอโทษจริงๆ นะฮะ
กลับมาอินกะพี่ซันต่อฮะ
><


นักอ่านเหนียวหนึบ 11 เม.ย. 2558, 23:08:56 น.
พยายามลบเม้นท์ให้ แต่ลบไม่ได้อ่า ><


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account