ฤดูกาลรักที่กลางใจ ตอน คิมหันต์กับปัญชิกา
เพราะโชคชะตาทำให้คิมหันต์ได้พบกับปัญชิกาอีกครั้งพร้อมกับข้อเสนอที่น่าตกใจ...
นั่นคือเธอขอมีความสัมพันธ์กับเขาเพียงคืนเดียว!
Tags: คิมหันต์ ปัญชิกา ซัน ปุยฝ้าย ใช้หนี้ นางเอกน่าสงสาร

ตอน: ตอนที่ 16 และ 17

บทที่ 16


บ้านสุวรรณอังกูรกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อคิมหันต์ปรากฏตัว และคนที่ดีใจมากที่สุดก็คือคุณหทัยกานต์

หัวอกคนเป็นแม่ตื้นตันและยินดีเพราะในที่สุดลูกชายคนโตก็ยอมกลับมาอยู่บ้านตามเดิม ยิ่งหวนนึกถึงเมื่อคืนตอนที่คิมหันต์กลับมาบ้านพร้อมกับบอกท่านว่าเขาทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งท้องและต้องการพาเธอมาอยู่ที่นี่โดยขอร้องให้ท่านช่วยดูแล คุณหทัยกานต์ก็ทั้งแปลกใจและตื่นเต้นที่รู้ว่ากำลังจะได้อุ้มหลาน เพิ่งเข้าใจถึงสาเหตุที่ลูกชายคนโตบอกเมื่อหลายเดือนก่อนตอนขอร้องไม่ให้ท่านตามไปดูแลเขาที่คอนโดฯ อีก

เมื่อลูกสะใภ้ทางพฤตินัยเงยหน้าขึ้นหลังจากก้มลงกราบ คุณหทัยกานต์ก็รู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูกหากยังนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน กระทั่งเมื่อคิมหันต์แนะนำ

“คุณแม่จำปุยฝ้ายได้ไหมครับ คนที่เคยขับรถชน...ของขวัญ” คำพูดตอนท้ายสะดุดเพราะความรู้สึกที่ยังติดค้างในใจ หากยามนั้นคุณหทัยกานต์ไม่ทันสังเกตเพราะความตื่นเต้นยินดี

“แม่จำได้แล้ว ถึงว่าสิหน้าคุ้น ๆ”

คุณหทัยกานต์รีบดึงตัวลูกสะใภ้ขึ้นมานั่งด้วยกันบนโซฟา แม้นึกแปลกใจและสงสัยหากท่านก็เก็บเอาไว้ในใจ ขณะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่ยังคงบ่งบอกถึงความตื่นเต้นและดีใจ

“ยินดีต้อนรับนะหนูปุยฝ้าย ขอให้คิดว่าแม่เป็นแม่ของหนูคนหนึ่งก็แล้วกัน”

ปัญชิกาน้ำตาคลอ ทั้งตื้นตันทั้งดีใจกับการแสดงออกของคุณหทัยกานต์ที่บอกถึงความยินดีและเต็มใจต้อนรับเธอเข้ามาเป็นสมาชิก ตอนแรกเธอยังอดนึกกลัวและหวาดหวั่นไม่ได้ว่าจะเจอกับการดูแคลนเหยียดหยามหรือถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าเธอพยายามจะจับคิมหันต์

คิมหันต์โล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นมารดาแสดงทีท่าต้อนรับลูกสะใภ้ไร้พิธีการ ก่อนเอ่ยขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”

“อ้าว! แม่นึกว่าวันนี้ซันจะหยุดงานอยู่บ้านซะอีก”

มารดาทักท้วงด้วยความเสียดายเพราะยังอยากอยู่กับลูกชายคนโตอีกหน่อย

คิมหันต์กำลังจะตอบ หากจังหวะนั้นเสียงใส ๆ ที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน

“พี่ซัน!”

หัวใจคิมหันต์ปวดแปลบเมื่อหันไปตามเสียงเรียกที่คุ้นหูและชินใจ สาวน้อยที่เคยเป็นต้นรักในหัวใจกำลังเดินแกมวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางร่าเริงสดใสเหมือนในวันวานที่เขายังคงจดจำได้ไม่เคยลืม

ปานฤทัยทั้งตื่นเต้นและยินดีที่ได้พบกับคิมหันต์อีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันหลายเดือน ความเคยชินทำให้เกือบโผเข้าหาหากยั้งทันเมื่อนึกถึงเรื่องบางอย่างได้

“เรื่องจริงใช่ไหมคะที่คุณแม่บอกว่าพี่ซันยอมกลับมาอยู่บ้านแล้ว”

ปานฤทัยตั้งคำถามด้วยความไม่แน่ใจกึ่งคาดหวัง เมื่อเช้านี้ตอนที่รู้จากมารดาในระหว่างร่วมโต๊ะทานอาหารมื้อเช้าว่าคิมหันต์จะกลับมาอยู่ที่นี่ เธอแทบไม่อยากเชื่อเพราะยังจดจำได้ดีถึงท่าทีเจ็บปวดและสิ้นหวังของคิมหันต์ในวันที่เหมันต์ประกาศความสัมพันธ์ของเขาและเธอ ภาพนั้นยังคงติดตาตรึงใจจนทำให้เธอรู้สึกผิดจวบจนบัดนี้ ยังเคยคิดอย่างใจหายและปวดใจด้วยซ้ำว่าคิมหันต์อาจไม่มีวันกลับมาอยู่บ้านสุวรรณอังกูรอีกเลยจนตลอดชีวิต

“ของขวัญ...”

คิมหันต์เรียกขานคนที่เคยทำให้เขาเฝ้าฟูมฟักต้นรักมานานปีด้วยหัวใจโหยหา การได้เจอหน้าและได้ยินเสียงนำมาซึ่งความสุขใจแกมเจ็บปวด และความรู้สึกเหล่านั้นก็ถูกถ่ายทอดผ่านแววตาที่ทอดมองเพราะเจ้าตัวไม่ทันตั้งรับ

ปัญชิกาเสียดร้าวไปทั้งใจเมื่อประจักษ์แก่ตาถึงทีท่าของคิมหันต์ ภาพในอดีตถูกซ้อนทับกับปัจจุบันยิ่งทำให้มั่นใจว่าหัวใจของคิมหันต์ไม่เหลือพื้นที่ว่างให้กับใคร

คุณหทัยกานต์ก็อึ้งไปเมื่อเห็นทีท่าของลูกชายคนโต รับรู้ด้วยความสะเทือนใจถึงความรู้สึกของคิมหันต์ หัวอกคนเป็นแม่พลอยเจ็บไปด้วยเพราะไม่สามารถปัดเป่าความเจ็บปวดให้ได้ ทำเพียงเฝ้ามองอย่างห่วงใยและหวังว่าสักวันคิมหันต์จะเจอคนที่ทำให้หัวใจของเขากลับมาเติมเต็มเหมือนเดิม ไม่ขาดวิ่นเหมือนอย่างทุกวันนี้

ไม่แน่ว่าบางที คนคนนั้นอาจเข้ามาในชีวิตของลูกชายเธอแล้วก็เป็นได้

ความคิดนั้นพลันผุดขึ้นเมื่อนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้พร้อมกับสายตาเหลือบไปเห็นทีท่าของปัญชิกา หัวอกคนเป็นแม่จึงอดวาดหวังไม่ได้

“ของขวัญคิดถึง อยากให้พี่ซันกลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม”

ถ้อยคำของน้องน้อยสั่นคลอนหัวใจคิมหันต์ แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยขัดใจปานฤทัยเพราะหัวใจที่ยกให้กับเธอไปแล้วนานนับปี

“กลับมาอยู่บ้านของเรา...นะคะ”

หากตอนแรกคิมหันต์ไม่คิดกลับมาเขาก็คงเปลี่ยนใจในตอนนี้เพราะไม่อาจต้านทานการเว้าวอนทั้งจากแววตาและคำพูดของน้องสาวได้ ปานฤทัยยังคงมีอิทธิพลต่อเขาเสมอชายหนุ่มเกือบคว้าตัวน้องรักเข้ามาสวมกอดเพราะแรงปรารถนาในหัวใจหากเสียงเรียกของใครอีกคนหยุดยั้งเขาไว้เสียก่อน

“พี่ซัน”

วินาทีที่ประจันหน้ากับศัตรูหัวใจ คิมหันต์ก็กัดฟันแน่นเพราะความเจ็บปวดที่เหมือนใครปามีดมาปักอก ชายหนุ่มสบตาน้องชายที่กำลังจับจ้องมาราวกับจะเตือนเขาอยู่ในที ก่อนเบือนหน้าหนีเพราะชนักที่ติดอยู่ในหัวใจ

ทั้งที่เคยประกาศว่าเขาพร้อมยอมรับหากปานฤทัยเลือกใคร แต่เอาเข้าจริงเมื่อปานฤทัยตัดสินใจเลือกเหมันต์ เขากลับทำใจให้ยอมรับไม่ได้ รู้สึกเจ็บปวดและละอายใจจนไม่อยากสู้หน้าเหมันต์กระทั่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจปลีกตัวออกไปอยู่ตามลำพัง

เหมันต์นิ่งมองพี่ชายครู่หนึ่ง ด้วยพอมองออกและเข้าใจถึงความรู้สึกของคิมหันต์ทำให้ชายหนุ่มพูดออกไปเพียง

“กลับมาอยู่บ้านเถอะพี่ซัน”

คิมหันต์ฝืนหักใจเมินหนีสายตาของปานฤทัยและเหมันต์ หากนั่นทำให้ปะทะเข้ากับดวงตาแดงเรื่อของปัญชิกา

อาการนิ่งงันของพี่ชายคนโตทำให้ทั้งเหมันต์และปานฤทัยเพิ่งรับรู้ได้ถึงการมีตัวตนของใครอีกคน

“พี่ปุยฝ้าย”

ปานฤทัยร้องเรียกอย่างตื่นเต้นและดีใจเมื่อเจอคนที่เธอไม่คิดฝันว่าจะได้พบอีก หญิงสาวโผเข้าไปสวมกอดหญิงสาวรุ่นพี่ที่เธอนึกถูกชะตากระทั่งนับถือเป็นพี่สาวคนหนึ่ง ก่อนตั้งคำถามอย่างดีอกดีใจ

“พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”

หากเมื่อหลุดปากออกไป คำพูดของมารดาเมื่อเช้าก็พลันผุดขึ้นมาจากความทรงจำ

“ตาซันจะพาเมียมาอยู่ที่นี่”

คงไม่ใช่

ปานฤทัยครางในอกอย่างไม่อยากเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อเมื่อมารดาเป็นคนให้คำตอบด้วยตัวเอง

“หนูปุยฝ้ายจะมาอยู่ที่นี่ในฐานะพี่สะใภ้ของลูกยังไงล่ะ ของขวัญ”

ปัญชิกาไม่กล้าสบตาใครเมื่อเธอตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนภายหลังการประกาศของคุณหทัยกานต์ หัวใจหวั่นไหวด้วยเกรงจะไม่เป็นที่ยอมรับ ดังนั้นจึงแทบตั้งตัวไม่ทันเมื่อปานฤทัยจับมือเธอไปเขย่าแรง ๆ ด้วยสีหน้าแววตาสดใสและรอยยิ้มกระจ่างตา

“ยินดีต้อนรับนะคะพี่ปุยฝ้าย ทีนี้พี่ก็เป็นพี่สาวของขวัญแล้วจริง ๆ ขวัญดีใจจัง”

“ยินดีต้อนรับครับ” เหมันต์เอ่ยด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ เพราะนึกขำปนเอ็นดูท่าทางของคู่หมั้น ก่อนชะงักงันกับคำบอกต่อมาของมารดา

“แล้วเร็ว ๆ นี้หนูปุยฝ้ายก็กำลังจะมีหลานให้กับพวกเราด้วยนะ”

ปานฤทัยทำตาโตกับข่าวดีรอบสอง ดวงหน้าอ่อนเยาว์ยิ่งกระจ่างสดใสจากความยินดีที่ล้นปรี่ในใจ

“จริงเหรอคะพี่ปุยฝ้าย โอ๊ย! ขวัญดีใจจัง ดีใจมาก ๆ เลย ไม่ได้แล้วสิขวัญต้องโทร. ไปบอกพี่พรรษซะหน่อย ไม่งั้นรายนั้นอาจโกรธเอาได้ถ้ามารู้ทีหลัง”

ปัญชิกาน้ำตาคลออย่างตื้นตันกับความจริงใจที่สัมผัสได้ แม้ปานฤทัยนับว่าเป็นศัตรูหัวใจที่เธอคงไม่มีวันเอาชนะ แต่เธอก็ทำใจให้เกลียดผู้หญิงคนนี้ไม่ลง

“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณมาก”

เหมันต์ละสายตาจากน้องรักที่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นแล้วหันไปทางพี่ชายคนโต ก่อนออกปากจากความรู้สึกในใจ

“ดีใจด้วยนะพี่ซัน”

แม้เป็นคำพูดสั้น ๆ หากคิมหันต์ก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจเต็มเปี่ยมและนั่นยิ่งทำให้นึกละอายใจ ชายหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งพูดไม่ออก ในขณะที่เหมันต์กลับทำเหมือนเข้าใจและยอมรับได้ทุกอย่างยามหันไปบอกกับคู่หมั้นสาวด้วยแววตาฉายชัดถึงความรักและเอ็นดูล้นหัวใจ

“ไปกันได้แล้วของขวัญ เดี๋ยวไม่ทันเข้าเรียน”

คนถูกเรียกทำหน้ามุ่ยอย่างขัดใจเพราะยังอยากคุยต่อ หากเพราะเกรงว่าความโอ้เอ้ของเธออาจทำให้เหมันต์เข้าบริษัทช้าหลังจากต้องขับรถไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยทำให้หญิงสาวจำใจผละจากปัญชิกา หากไม่วายบอก

“ไว้ค่อยคุยกันตอนขวัญกลับมาจากเรียนนะคะ”

ขณะมองตามเหมันต์และปานฤทัยที่กำลังเดินเคียงกันออกไป แววตาของคิมหันต์ก็ยังสะท้อนถึงความเจ็บปวดจนปัญชิกาพลอยปวดร้าวตาม ทั้งสงสารเขาและตัวเองจนน้ำตาซึม

“เอาล่ะ ขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเถอะ แม่สั่งให้คนทำความสะอาดไว้แล้ว ถ้าหนูปุยฝ้ายไม่ชอบใจตรงไหนหรืออยากเปลี่ยนอะไรก็บอกได้เลยนะ”

คุณหทัยกานต์เข้าไกล่เกลี่ยบรรยากาศซึมเศร้าของลูกชายและลูกสะใภ้ ก่อนยิ้มให้เมื่อคิมหันต์ออกปากขอตัวไปทำงาน

ปัญชิกาสะท้อนใจเมื่อคิมหันต์เดินจากไปโดยไม่คิดจะล่ำลาเธอ อดคิดไม่ได้ว่าเขาเหมือนจะไล่ตามหัวใจที่โบยบินไปต่อหน้าเมื่อครู่ จนหลงลืมไปว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็มีหัวใจเช่นเดียวกัน

“ไป...ไปพักผ่อนก่อนเถอะ แล้วถ้าอยากทานอะไรก็บอกนะ แม่จะได้ให้คนทำเอาไว้”

คำบอกของคุณหทัยกานต์ทำให้ปัญชิกาต้องดึงตัวเองออกมาจากความหม่นเศร้า หญิงสาวฝืนยิ้มก่อนออกเดินตามการโอบประคองของอีกฝ่ายเพื่อขึ้นบันไดไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นบน



บทที่ 17


การได้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านสุวรรณอังกูร แม้ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีแต่ในขณะเดียวกันปัญชิกาก็ต้องแลกกับความเจ็บปวดและชอกช้ำของหัวใจ

หญิงสาวเคยถามกับตัวเอง หากเธอไม่ได้ระแคะระคายถึงความรู้สึกที่คิมหันต์มีต่อปานฤทัยมาก่อนจะดีกว่านี้หรือเปล่า เพราะอย่างน้อยเธอคงเข้าใจท่าทีห่วงใยเอาใจใส่และแววตาที่สะท้อนความรู้สึกของเขาว่าเป็นเพียงความรู้สึกของพี่ชายที่มีต่อน้องสาวเท่านั้น

เมื่อนึกถึงหลายครั้งหลายคราที่เธอต้องมาเจอกับแววตาเจ็บปวดของคิมหันต์ในทุกครั้งที่เขาเจอเหมันต์กับปานฤทัย ปัญชิกาก็แน่นในอกกับความรู้สึกเจ็บปวดที่ร่วมรับรู้กับคนที่เธอรัก

ปัญชิกาวางมือลงบนหน้าท้องพลางลูบไล้อย่างอ่อนโยนราวกับจะปลุกปลอบใจตัวเองและลูกในท้องว่าถึงแม้เขาไม่ได้ต้องการเธอ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังต้องการลูกเมื่อดูจากความเอาใจใส่ของเขาที่มีให้กับเธอในช่วงหลัง

หญิงสาวพยายามขับไล่ความเศร้าซึมในหัวใจเพราะเกรงจะมีผลกระทบต่อเด็กในครรภ์ แค่รู้ว่าลูกของเขาและเธอถือกำเนิดขึ้นมาเธอก็หลงรักจนสุดหัวใจตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้าด้วยซ้ำ

“แม่รักหนูนะลูก”

ปัญชิกากระซิบบอกด้วยความปรารถนาอย่างสุดใจที่อยากให้ลูกในท้องรับรู้ถึงความรักของเธอ ก่อนปิดเปลือกตาลงและค่อย ๆ ดำดิ่งสู่ห้วงนิทราพร้อมกับความคิดคำนึงสุดท้าย

ถึงเขาไม่รักเธอ แต่อย่างน้อยแค่เขามีความรักให้กับลูกของเธอบ้าง เธอก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

กว่าคิมหันต์จะกลับมาถึงบ้านในวันนั้นเวลาก็ล่วงเข้าเกือบสองทุ่ม ชายหนุ่มร้อนใจเมื่อนึกถึงใครบางคนที่ป่านนี้คงเข้านอนแล้ว ก่อนนึกถึงตัวการที่ทำให้เขาต้องกลับมาช้าด้วยความรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง

เพราะลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่งติดต่อเจรจาระบุมาว่าต้องการคุยธุรกิจกับเขาโดยตรงทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ทั้งที่ไม่ชอบใจเลยที่อีกฝ่ายขอนัดคุยกันเย็นนี้ นั่นจึงทำให้เขาไม่สามารถกลับมาถึงบ้านในเวลาเดิมได้

เมื่อเข้าไปในห้องนอนคิมหันต์ก็ตรงดิ่งไปหาเป้าหมาย ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรหนัก ๆ กดทับพลันหายวับในวินาทีที่เห็นร่างเล็กซึ่งกำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง

ชายหนุ่มนึกเสียดายที่วันนี้ไม่ได้กลับมาอยู่ร่วมทานมื้อเย็นกับปัญชิกาเหมือนที่ผ่านมาและไม่ได้ไถ่ถามอาการของเธอเหมือนเฉกเช่นทุกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลูกในท้องหรือไรถึงทำให้เขานึกห่วงเธอจนต้องรีบกลับบ้านตรงเวลาทุกวันจนแทบกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว

คิมหันต์ยืนมองคนบนเตียงนิ่งนานราวกับต้องการดื่มด่ำกับช่วงเวลาเหล่านี้ ก่อนหักใจยอมถอยห่างออกมาเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำชำระร่างกาย


วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันหยุด เมื่อคิมหันต์รู้ว่าปัญชิกามีนัดจะไปเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้ากับปานฤทัย เพราะฝ่ายหลังตั้งใจไปหาซื้อชุดเพื่อใส่ไปร่วมงานวันคล้ายวันเกิดของเพื่อน ชายหนุ่มก็อาสาเป็นคนขับรถให้หลังจากรู้ว่าเหมันต์ไปไม่ได้เพราะติดนัดลูกค้า

ปัญชิกายิ้มราวกับดีใจทั้งที่ลึกลงไปแล้วเธอคิดว่าที่คิมหันต์ยอมเสนอตัวไปด้วยคงเป็นเพราะปานฤทัยมากกว่า หญิงสาวยังคงฝืนยิ้มเมื่อวางมือลงบนหน้าท้องด้วยท่าทีทะนุถนอมราวกับจะปลอบประโลมหัวใจของลูกน้อยและหัวใจของตัวเอง

“เป็นอะไร ปวดท้องเหรอ”

เพราะทุกอากัปกริยาของปัญชิกาอยู่ภายใต้สายตาของเขาตลอด เมื่อเห็นเธอลูบท้องคิมหันต์ก็ถามขึ้นอย่างร้อนรนแกมกังวล และความรู้สึกทั้งหมดก็สะท้อนออกมาทางสีหน้าโดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว

ปัญชิกาใจเต้นแรงเมื่อสบกับแววตาที่สะท้อนความรู้สึกของคิมหันต์ ทั้งดีใจหากขณะเดียวกันก็อดเศร้าใจไม่ได้

“เปล่าค่ะ”

ได้ยินคำตอบคิมหันต์ก็ค่อยโล่งใจ ดูเหมือนนับวันเขาจะยิ่งห่วงปัญชิกาจนตัวเองยังแทบไม่อยากเชื่อ หรือนี่จะเป็นผลจากการที่เธอกำลังตั้งท้องลูกของเขา

“ขวัญพร้อมแล้วค่ะ ไปกันหรือยังคะพี่ปุยฝ้าย”

น้ำเสียงสดใสที่มาพร้อมกับการปรากฏตัวของสาวน้อยนามปานฤทัยสะกดคิมหันต์ให้นิ่งงัน ขณะเดียวกันก็ทำให้ปัญชิกาแปลบปลาบหัวใจ ไม่เคยชาชินถึงแม้จะเห็นภาพทำนองนี้มาไม่รู้กี่ครั้ง หญิงสาวฝืนยิ้มยามบอก

“เราไม่ต้องเรียกรถแล้วค่ะ เพราะคุณซันจะช่วยขับรถให้”

“ว๊าว! โชคดีจัง”

ขวัญใจประจำบ้านสุวรรณอังกูรออกปากอย่างดีใจโดยไม่ติดใจอะไร หญิงสาวเข้าใจเอาเองว่าการที่คิมหันต์มีปัญชิกาและลูกที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นมาในไม่ช้า นั่นแปลว่าพี่ชายคนโตของเธอไม่ได้คิดหรือหลงเหลือความรู้สึกใด ๆ ให้กับเธออีกแล้วนอกจากในฐานะพี่ชายกับน้องสาว ดังนั้นเจ้าตัวจึงไม่คิดอะไรทั้งสิ้นเมื่อเดินไปเกาะแขนคิมหันต์เหมือนในอดีตที่เคยทำมาพลางบอกเสียงใสด้วยคำพูดที่เคยชิน

“ขอบคุณนะคะ ขวัญรักพี่ซันจังเลย”

ลมหายใจคิมหันต์สะดุดกับคำพูดคุ้นหูชินใจถึงแม้ไม่ได้ยินมานาน หัวใจยังคงเจ็บแปลบแต่นับว่าเบาลงเมื่อเทียบกับเมื่อหลายเดือนก่อน ราวกับว่าหัวใจเขาเริ่มชาชินหรือรับมือกับความเจ็บปวดได้บ้างแล้ว

ปัญชิกามองภาพความสนิทสนมของพี่น้องตรงหน้าด้วยความรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ไม่อยากมองและไม่อยากได้ยิน รวมถึงไม่อยากเห็นอีกแล้วว่าคิมหันต์กำลังมองปานฤทัยด้วยสายตาแบบไหน เขาเจ็บ เธอก็เจ็บ เพียงแต่ครั้งนี้ความเจ็บปวดเหมือนมากกว่าที่ผ่านมา หญิงสาวเอามือกุมท้องเมื่อเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บหน่วงจนต้องรีบข่มความเสียใจและน้อยใจเอาไว้โดยที่ครั้งนี้คิมหันต์ไม่ทันเห็น

หญิงสาวจำต้องฝืนยิ้มเมื่อปานฤทัยส่งยิ้มให้อย่างสดใส ยอมรับด้วยหัวใจว่าเธอรักและเอ็นดูสาวน้อยที่เป็นดั่งดวงใจของทุกคนในบ้านเหมือนเช่นคนอื่น ดังนั้นต่อให้เจ็บช้ำและเสียใจสักเพียงใดแต่เธอก็ไม่เคยนึกเกลียดชัง ตรงกันข้ามยิ่งรู้จักปานฤทัยความน่ารักสดใสของเธอทำให้ปัญชิกายิ่งยอมรับด้วยความพ่ายแพ้ว่าไม่มีวันที่เธอจะทำให้คิมหันต์ปันเศษเสี้ยวหัวใจมาให้กับเธอ

ยอมรับเถอะว่าที่ผ่านมา เธอก็แค่หลอกตัวเองว่าพอใจแล้วที่ได้อยู่กับเขา แต่แท้ที่จริงแอบหวังไว้มากกว่านั้น

ขอให้ในหัวใจของเขามีพื้นที่เล็ก ๆ ให้กับเธอบ้าง นั่นต่างหากคือความหวังที่เธอไม่เคยกล้าที่จะยอมรับกับตัวเอง

ปัญชิกายิ้มออกมาอย่างขมขื่นความรู้สึกสะท้อนออกทางแววตาที่ทอดมอง โชคร้ายที่จังหวะนั้นคิมหันต์เหลือบมาเห็น

คิมหันต์นิ่วหน้าเมื่อในหัวเกิดคำถามขึ้นฉับพลันว่าทำไมแววตาของเธอถึงเหมือนคนได้รับความเจ็บปวดนักหนา หากเมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ชายหนุ่มก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของน้องสาวแล้วเดินเข้าไปหา

“ปวดท้องเหรอ”

คำถามรอบสองที่ไม่ต่างจากครั้งแรกยิ่งตอกย้ำว่าเขาให้ความสำคัญกับลูกในท้องมากแค่ไหน หญิงสาวนึกอยากยิ้มแล้วบอกว่าเธอไม่เป็นไร หากความเจ็บปวดในหัวใจและช่วงท้องทำให้พูดไม่ออก ไม่รู้ตัวสักนิดว่าสีหน้าของเธอส่งผลเพียงไรต่อคนเฝ้ามอง

คิมหันต์รู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเมื่อเห็นปัญชิกาเอามือกุมท้องอีกครั้งด้วยสีหน้าเจ็บปวด ไม่ได้สนใจแม้ปานฤทัยจะตามเข้ามายืนขนาบอีกข้างด้วยสีหน้ากังวล

“พี่ปุยฝ้ายปวดท้องเหรอคะ...” ปานฤทัยตั้งคำถามก่อนกระตุ้นคนที่ตอนนี้เหมือนกลายเป็นหุ่นไปแล้ว “พี่ซัน พาพี่ปุยฝ้ายไปหาหมอเถอะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไม่เป็นไร”

คำบอกของปัญชิกาทำให้คนอื่นพากันชะงัก กระนั้นปานฤทัยก็ยังไม่วางใจ

“แต่ไปหาหมอหน่อยก็ดีนะคะ”

ปัญชิกาฝืนยิ้มให้กับสีหน้าแววตาเป็นกังวลของอีกฝ่ายก่อนร้องอุทานเมื่อถูกคิมหันต์อุ้มขึ้นมาโดยไม่บอกล่วงหน้า

“คุณซัน ปล่อยเถอะค่ะ”

“อยู่เฉย ๆ ฉันจะพาเธอไปหาหมอ”

“ไม่ต้องค่ะ ปุยฝ้ายไม่ได้เป็น...” คำพูดต่อจากนั้นไม่ทันได้หลุดรอดเมื่อถูกขัดจากคนหน้าดุ

“ไปให้หมอตรวจก่อนแล้วฉันถึงจะเชื่อ”

ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของคิมหันต์ทำให้ปัญชิกาไม่กล้าโต้แย้งอีก นอกจากยอมอยู่นิ่ง ๆ ในอ้อมอกอุ่นที่เธอโหยหา โดยมีปานฤทัยเดินกึ่งวิ่งตามหลังด้วยความเป็นห่วง

อาจเพราะรู้สึกผิดและไม่สบายใจที่เป็นต้นเหตุให้ใคร ๆ ต้องพากันร้อนใจและเป็นห่วง หลังจากนายแพทย์ยืนยันผลการตรวจว่าเด็กในครรภ์ยังปกติปัญชิกาจึงยืนยันว่าจะไปเดินห้างสรรพสินค้ากับปานฤทัย ทำให้คิมหันต์จำต้องตามใจทั้งที่นึกอยากพาหญิงสาวกลับไปพักผ่อนที่บ้านมากกว่า

ตลอดเวลาของการเดินห้างสรรพสินค้าปัญชิกาตกอยู่ภายใต้สายตาของคิมหันต์ กระนั้นหญิงสาวก็ไม่อึดอัดกลับรู้สึกหัวใจพองโตด้วยซ้ำกับท่าทีห่วงใยของเขา เริ่มรับรู้ถึงความหวานที่แทรกซึมเข้ามาในเนื้อใจยามยืนมองคิมหันต์กำลังเลือกชุดคลุมท้องให้กับเธอด้วยตัวเอง ท่าทีใส่ใจและจริงจังของเขาทำให้เธออดยิ้มไม่ได้

หลังจากมองพี่ชายคนโตขะมักเขม้นกับการเลือกชุดให้พี่สะใภ้ได้สักพัก ปานฤทัยก็ขยับตัวเข้าใกล้ปัญชิกาก่อนเอ่ยกระเซ้าเสียงเบาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“เห็นพี่ซันรักพี่ปุยฝ้ายมากขนาดนี้ ขวัญเริ่มอิจฉาหน่อย ๆ แล้วสิ”

หัวใจปัญชิกากระตุกพร้อมกับรอยยิ้มที่เริ่มเจื่อนจางเมื่อคำพูดของปานฤทัยทำให้สำนึกถึงความจริงบางอย่าง หากหญิงสาวก็พูดไม่ออกนอกจากฟังสาวน้อยข้าง ๆ เจื้อยแจ้วต่ออย่างสดใส

“อยากรู้จังถ้าพี่ปุยฝ้ายคลอดเจ้าตัวเล็กออกมาแล้วพี่ซันจะยิ่งอาการหนักหรือเปล่า อีกหน่อยขวัญก็คงไม่มีความหมายเพราะพี่ซันคงทั้งรักทั้งหลงพี่ปุยฝ้ายและเจ้าตัวเล็ก...” เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของปัญชิกา ปานฤทัยก็หัวเราะเสียงใสก่อนเอ่ยต่อด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ “อย่าทำหน้าแบบนี้สิคะ ขวัญแค่พูดล้อเล่นเท่านั้นเอง”

ปัญชิกาฝืนยิ้มทั้งที่สะเทือนใจ

อีกหน่อยขวัญก็คงไม่มีความหมาย

หญิงสาวทวนคำพูดของอีกฝ่ายอยู่ในใจ ความขมขื่นยิ่งทับถมหัวใจยามตั้งคำถามกับตัวเองอย่างปวดร้าว

จะมีวันนั้นจริงเหรอ วันที่ปานฤทัยไม่มีความหมายอีกแล้วสำหรับคิมหันต์

หลังจากซื้อชุดคลุมท้องให้ปัญชิกา คิมหันต์ก็รับหน้าที่หอบหิ้วสัมภาระด้วยความเต็มใจ ชายหนุ่มไม่รู้ตัวว่าทั้งที่ปานฤทัยอยู่ใกล้แต่ความสนใจของเขากลับจดจ่ออยู่ที่ผู้หญิงอีกคนมากกว่า

ชายหนุ่มนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกได้ถึงความเงียบผิดปกติของปัญชิกานับจากเขาแยกตัวไปจ่ายเงิน ท่าทางเศร้า ๆ ของเธอทำให้เขาหายใจขัด นึกอยากถามเหลือเกินว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่าแต่จนรอดจนรอดก็ไม่ได้พูด ดังนั้นระหว่างทั้งคู่จึงมีเพียงเสียงเจื้อยแจ้วสดใสของปานฤทัยแทรกอยู่เป็นระยะ ก่อนทั้งหมดจะตัดสินใจกลับเมื่อปานฤทัยได้ชุดไปร่วมฉลองงานวันคล้ายวันเกิดของเพื่อนตามที่ตั้งใจเอาไว้

เพราะมัวแต่ขบคิดเรื่องของปัญชิกากระทั่งมาถึงลานจอดรถ ดังนั้นเมื่อจู่ ๆ ปานฤทัยก็เซมาชนเขาแล้วทำท่าจะเป็นฝ่ายล้มลงทำให้คิมหันต์ต้องรีบดึงน้องสาวเข้ามากอดเอาไว้โดยอัตโนมัติ แล้วจึงพบสาเหตุว่าเป็นเพราะเด็กชายจอมซนวัยประมาณห้าขวบคนหนึ่งผลักรถเข็นเล่นจนมาชนถูกปานฤทัยเข้าอย่างจัง

ปัญชิกาได้แต่ยืนตัวแข็งเหมือนถูกสาปในวินาทีที่เห็นคิมหันต์ตระกองกอดปานฤทัยไว้ในอก รู้สึกเหมือนหัวใจถูกเคลือบด้วยก้อนน้ำแข็งกระทั่งชาไปทั้งตัวไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ รวมถึงมองไม่เห็นว่ายังมีรถเข็นอีกคันกำลังพุ่งตรงเข้ามาหาเธอด้วยความเร็วและแรงซึ่งเกิดจากฝีมือของเด็กชายจอมซนคนเดิม

“ปุยฝ้าย!!!”

เสียงสะท้อนก้องของคิมหันต์คือสิ่งสุดท้ายในการรับรู้ของปัญชิกาก่อนที่เธอจะถูกผลักให้จมดิ่งสู่ความมืดมิดพร้อมกับความเจ็บปวดรวดร้าวที่ราวกับร่างกายของเธอกำลังถูกฉีกกระชาก


แม้เวลานี้ข้างตัวเขาคือปานฤทัยซึ่งกำลังร้องไห้อย่างเสียขวัญ แต่ยามนี้คิมหันต์กลับไม่มีแก่ใจจะกอดและปลอบประโลมน้องรักเหมือนในวันวานเพราะความคิดทั้งหมดทั้งมวลพากันไปรวมอยู่ที่คนเจ็บซึ่งถูกหามเข้าไปในห้องฉุกเฉินก่อนหน้านี้

ชายหนุ่มปิดเปลือกตาลงพร้อมกับภาพที่ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้นพลันผุดขึ้นมา

วินาทีที่รถเข็นของพุ่งเข้ากระแทกใส่ปัญชิกา เขาเห็นเธอทำหน้าเจ็บปวดก่อนล้มลงไปกระแทกบนพื้น ทุกอย่างยิ่งเลวร้ายเมื่อเขาไปถึงตัวเธอและอุ้มขึ้นมา

“พี่ซัน! เลือด!”

น้ำเสียงตื่นตกใจของปานฤทัยทำให้เขาเพิ่งสังเกตว่ามีหยดเลือดกองเล็กอยู่บนพื้นก่อนจะพบภายหลังว่ามาจากร่างเล็กในอ้อมแขน

เธอต้องไม่เป็นอะไร

คิมหันต์พร่ำภาวนาด้วยหัวใจที่ร้อนรนและทุรนทุรายอย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขารู้สึกได้ถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินคนข้างตัวสะอื้นถาม

“พี่ซัน...พี่ปุยฝ้ายจะไม่เป็นอะไร...ใช่ไหมคะ”

ปุยฝ้ายจะไม่เป็นอะไร

ประโยคนั้นดังแค่ในความคิดเพราะชายหนุ่มเกิดอาการปากหนักอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อภาพเลวร้ายผุดขึ้นมาอีกครั้งจากความทรงจำ ภาพที่เลือดของเธอหลั่งไหลออกมาดูช่างมากมายเหลือเกินในความรู้สึกของเขา และมันทำให้เขาเริ่มกลัวจับใจ

ไม่เป็นไร เธอต้องไม่เป็นไร

คิมหันต์เพียรบอกกับตัวเองซ้ำ ๆ ด้วยถ้อยคำเดิม ๆ แทบไม่รับรู้ถึงสิ่งรอบข้างเพราะทุกความนึกคิดและหัวใจพากันไปรวมตัวอยู่ที่ปัญชิกาเพียงคนเดียว

ช่วงเวลาแห่งความทรมานดูราวกับไม่มีวันสิ้นสุด กว่าประตูห้องฉุกเฉินจะถูกเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของนายแพทย์ที่กำลังก้าวออกมาเพื่อแจ้งข่าวแก่ญาติคนเจ็บ

คุณหมอสูงวัยแทบผงะด้วยความตกใจเมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งกระโจนมาถึงตัวแล้วตั้งคำถามร้อนรนด้วยสีหน้าแววตาที่ไม่ว่าใครก็มองออกว่าคนที่เขากำลังถามหามีความสำคัญมากเพียงไหน

“ปัญชิกา! เมียผมเป็นยังไงบ้างครับ”


“แม่จ๋า ช่วยหนูด้วย”

เสียงเด็กร้องขอความช่วยเหลือที่แว่วอยู่ไม่ไกลเรียกร้องให้ปัญชิกาต้องใช้ความพยายามมากขึ้นท่ามกลางม่านหมอกที่ดูเหมือนจะปกคลุมไปทั่วบริเวณ

ปัญชิกาปวดใจอย่างบอกไม่ถูกยามได้เสียงร้องไห้กระซิกสลับกับการร้องขอให้เธอช่วยเหลือของเด็กน้อยที่ไม่ว่าเธอจะเฝ้าเดินไปตามทิศทางของเสียงแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เจอสักที สุดท้ายหญิงสาวก็ร้องไห้ออกมา ร้อง...ทั้งที่ไม่รู้ว่าทำไม หรืออาจเพราะสงสารที่ไม่อาจช่วยเหลือเด็กน้อยที่เธอไม่เคยเห็นหน้าก็เป็นได้

แม้เริ่มรู้สึกอ่อนล้าหากเธอก็ยังรวบรวมเรี่ยวแรงยื่นมือออกไปข้างหน้าถึงถูกขัดขวางจากม่านหมอกหนาทึบที่ราวกับจะปิดกั้นเธอและเด็กน้อยเอาไว้ หากครั้งนี้หญิงสาวรู้สึกถึงความอบอุ่นบางอย่างที่เธอสัมผัสได้ซึ่งเป็นเหมือนพลังที่มองไม่เห็นและขณะเดียวกันก็ช่วยปลุกปลอบหัวใจให้หายเศร้า ปัญชิกาพยายามยึดความอบอุ่นที่เป็นคล้ายลำแสงเอาไว้หากวินาทีต่อมาก็รู้สึกราวกับร่างของเธอกำลังถูกดูดไปจากที่ตรงนั้น

คิมหันต์ทั้งยินดีและใจหายเมื่อในที่สุดคนที่เฝ้ารอให้ลืมตาก็เริ่มขยับเปลือกตาขึ้นมาทีละน้อย หากปลายหางตาที่มีน้ำใส ๆ ไหลซึมออกมาด้วยก็ทำให้หายใจขัด ๆ ราวกับมีบางอย่างกดทับอยู่กลางอก

“คุณซัน”

เมื่อเห็นหน้าคนที่อยู่ในหัวใจ ปัญชิกาก็เรียกขานออกไปอัตโนมัติแล้วจึงพบว่าเสียงของเธอฟังดูแหบแห้งจนน่าตกใจ

“ตื่นแล้วเหรอ”

ปัญชิกาได้แต่นิ่งงันเมื่อสายตาจับภาพของคิมหันต์ได้ชัดเจนขึ้น หน้าตาอิดโรยที่ราวกับไม่ได้นอนและหนวดเคราที่เริ่มขึ้นจาง ๆ ราวกับไม่ได้โกนดูแปลกตาแต่ขณะเดียวกันก็ชวนให้นึกใจหายอย่างไม่มีสาเหตุ

ความอบอุ่นตรงบริเวณมือทำให้ปัญชิกาเพิ่งประจักษ์ว่าคิมหันต์กำลังกุมมือของเธอเอาไว้ หญิงสาวมองไปรอบห้องที่ไม่คุ้นตาก่อนถาม

“ที่นี่ที่ไหนคะ”

ดูเหมือนคำถามนี้ของเธอจะทำให้เขาอึ้งไปเป็นครู่ ก่อนเธอจะได้คำตอบที่ทำให้เริ่มสังหรณ์ใจอย่างประหลาด

“โรงพยาบาล”

ปัญชิกาอึ้งไปชั่วขณะก่อนที่สมองจะประมวลภาพเหตุการณ์บางอย่างขึ้นในหัวและมันก็ส่งผลให้เธอเย็นวาบไปทั้งตัวและหัวใจยามค่อย ๆ ยื่นมือสั่นเทาอีกข้างไปวางไว้บนหน้าท้อง

“ลูก...” พูดออกมาได้แค่นั้นหญิงสาวก็สะอื้นอย่างรุนแรงรับรู้ได้โดยไม่ต้องให้ใครบอกว่าลูกน้อยที่เป็นดั่งตัวแทนของเขา เด็กตัวเล็ก ๆ ที่เธอเฝ้ารอคอยวันที่จะได้พบหน้า...เขาไม่อยู่กับเธอแล้ว

“ปุยฝ้าย...”

คิมหันต์ได้แต่ขานเรียกคนเจ็บที่ยามนี้ราวกับจะขาดใจไปกับการร้องไห้สะอึกสะอื้นจนเนื้อตัวสั่น ที่ผ่านมาน้ำตาของเธอมีผลต่อเขาเสมอ เพียงแต่ครั้งนี้การร้องไห้ของเธอมีผลต่อหัวใจของเขาอย่างรุนแรง

ยามนี้ปัญชิกาไม่รับรู้ใด ๆ แม้กระทั่งเสียงปลอบโยนของคิมหันต์หรืออ้อมกอดอบอุ่นของเขาที่เธอเฝ้าปรารถนาก็ยังไม่สามารถดึงเธอออกมาจากความรู้สึกที่ราวกับหัวใจกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง เพราะสิ่งที่อยู่ในการรับรู้และเข้าใจมีเพียงสิ่งเดียวที่เธอยังไม่อาจทำใจให้ยอมรับ

แม้กระทั่งลูก...ก็ยังไม่ต้องการเธอ


----------------------------------------------------------------------------------------------------


มาแปะตอนใหม่ด้วยความรู้สึกผิดนิด ๆ ว่าจะทำให้คนอ่านเศร้าไปหรือเปล่า แหะ..แหะ (หัวเราะกร่อย ๆ พร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด)


เรื่องนี้มันอาจทำให้อ่านไปแล้วหงุดหงิด ขัดใจ หรือบางทีอาจเศร้าไปบ้าง แต่ก็มาจากความตั้งใจของพันวลี (เอ๊ะ..ยังไง) คือหมายถึงว่ามาจากความตั้งใจมุ่งมั่นน่ะค่ะ ดังนั้นก็ช่วยอดทนกันต่อไปเถอะนะคะ ^^


ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ



Pat : แหะ...แหะ ขัดใจแต่ยังไม่ถอดใจอ่านใช่มั้ยคะ ^^



LAM : พี่ซันเป็นพวกปากหนักค่ะ กรรมเลยตกกับนางเอกที่ชอบคิดมากอย่างปุยฝ้าย ขอบคุณแทนพี่ซันอีกครั้งนะคะที่ยังคงชอบพระเอกคนนี้ (แปลว่า LAM ชอบพระเอกแนวร้าย ๆ สิคะ) คิดว่าช่วงสงกรานต์ LAM คงไปเที่ยวก็ขอให้สนุกและมีความสุขมาก ๆ นะคะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มอบให้กันเสมอ



Zephyr : จำได้ว่า Zephyr เคยบอกไว้ตั้งแต่เรื่องก่อนแล้วว่าไม่ชอบพี่ซันเพราะรู้สึกประมาณว่าเหมือนเป็นตัวร้าย พอมาเรื่องนี้ถึงพี่ซันจะเป็นพระเอกแต่ก็คงคิดว่าเป็นผู้ร้ายมากกว่าใช่มั้ยคะ...ยังรับรู้ได้ค่ะว่าขัดใจมาก ๆ ทั้งพระนางที่ไม่ได้ดั่งใจ แต่พออ่านคอมเม้นท์ที่ถามว่าสองคนนี้เคยคุยกันเกินสิบประโยคมั้ยทำให้ต้องมาทบทวนไล่อ่านดูแล้วได้ข้อสรุปว่า...เอ่อ...เหมือน ๆ จะไม่เกินนะคะ 555



yasta : พี่ซันใจร้ายเกินไปใช่มั้ยคะ แต่ยังไงก็อย่าเพิ่งเกลียดกันเลยน๊าเก็บใจไว้สงสารพี่ซันบ้าง



กาซะลองพลัดถิ่น : ขอบคุณนะคะสำหรับคอมเม้นท์ที่ทำให้พันวลีอยากรู้มากว่าไบโพลาร์คืออะไร พอไปลองเสิร์ชดูจึงรู้และได้ข้อสรุปว่าน่าจะใช่ 555 ขอบคุณมาก ๆ ค่ะที่ทำให้ได้ความรู้เพิ่มเติม และรู้สึกว่าพี่ซันน่าจะเข้าข่ายมาก ๆ ^^








พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 เม.ย. 2558, 21:20:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 เม.ย. 2558, 21:47:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1716





<< ตอนที่ 14    ตอนที่ 20 และ 21 >>
lookpud 10 เม.ย. 2558, 21:39:51 น.


konhin 10 เม.ย. 2558, 22:52:59 น.
แท้งเลยเหรอ??


กาซะลองพลัดถิ่น 11 เม.ย. 2558, 05:01:07 น.
น่าสงสารปุยฝ้าย แต่ตอนนี้รำคาญของขวัญนิดหน่อย เพราะเธอทำเหมือนไร้เดียงสาเกินไปไหม ซันเจ็บเจียนตายเพราะใคร
ความสนิทสนมห่าง ๆ หน่อยก็ดี แล้วนี่มาทำเขาเสียลูกไปอีก....เป็นใคร ๆ ก็ต้องคิดเหมือนปุยฝ้ายนั้นแหละคะ


LAM 19 เม.ย. 2558, 11:52:28 น.
น่าสงสารปุยฝ้ายจังเลยพันวลี ว่าแต่..ปุยฝ้ายต้องแท้งจริง ๆ หรือ


Zephyr 19 เม.ย. 2558, 16:42:36 น.
ว้า แท้งจริงเหรอ
แง เด็กซนบ้านั่น ต้องรับผิดชอบๆๆๆๆๆๆ
เข็นรถยังไง ชนซะปุยฝ้ายแท้งเลย

พี่ซันๆๆๆ รู้ตัวได้แล้ว ตอนนี้สายตาเฮียไม่มีของขวัญแล้วน้าาาา
มีแต่ฝ้ายๆๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account