ฤดูกาลรักที่กลางใจ ตอน คิมหันต์กับปัญชิกา
เพราะโชคชะตาทำให้คิมหันต์ได้พบกับปัญชิกาอีกครั้งพร้อมกับข้อเสนอที่น่าตกใจ...
นั่นคือเธอขอมีความสัมพันธ์กับเขาเพียงคืนเดียว!
Tags: คิมหันต์ ปัญชิกา ซัน ปุยฝ้าย ใช้หนี้ นางเอกน่าสงสาร

ตอน: ตอนที่ 20 และ 21

บทที่ 20


นับจากคุณหทัยกานต์ปวารณาตนว่าจะเป็นคนหาสามีให้กับอดีตลูกสะใภ้ ท่านก็ไม่รอช้าที่จะเริ่มปฏิบัติการทันที

เริ่มแรกท่านสั่งให้คนทำความสะอาดห้องใหม่แล้วจัดการให้เด็กรับใช้เอาเสื้อผ้าและของใช้ปัญชิกาไปไว้ที่ห้องนั้น จากนั้นหญิงสาวก็ได้กรรมสิทธิ์ในห้องนอนใหม่ไม่ต้องนอนร่วมห้องกับคิมหันต์อีก อาจเพราะรู้ว่าปัญชิกายังคงลำบากใจท่านจึงให้สัญญาว่าจะรีบหาที่อยู่ใหม่ให้ถึงแม้หญิงสาวพยายามคัดค้านว่าเธอหาเองได้แต่ท่านก็ยืนกรานจะให้ทำตามความต้องการจนปัญชิกาจำต้องยอมรับ

ดังนั้น คืนนี้จึงเป็นคืนแรกที่ปัญชิกานอนแยกห้องกับคิมหันต์ อาจด้วยความไม่คุ้นชินหรือการไม่มีเขานอนเคียงข้างทำให้หญิงสาวต้องใช้เวลานานกว่าจะสามารถข่มตาให้หลับลง โดยไม่รู้เลยว่ามีใครอีกคนที่รู้สึกไม่ต่างกันกับเธอจนต้องตัดสินใจลงมาเดินเล่นที่สวนหลังบ้าน

คิมหันต์ยืนมองต้นบลูฮาวายที่เขานำมาจากคอนโดฯ เพื่อนำมาลงดินปลูกเอาไว้ที่สวนหลังบ้านพลางคิดคำนึง

“นี่เรียกว่าต้นบลูฮาวายค่ะ ปุยฝ้ายชอบตรงที่ดอกเล็ก ๆ สีม่วง แล้วยังดูแลง่ายด้วยนะคะถึงจะเอาไปไว้ตรงที่โล่งแจ้งมีแดดก็ไม่เป็นไรค่ะ ก็เลยตั้งใจว่าจะแขวนไว้ตรงระเบียงเวลาแสงแดดส่องกระทบกับดอกสีม่วงเล็ก ๆ นี่ปุยฝ้ายคิดว่าคงจะสวยน่าดู”

คำพูดของเธอในวันที่ซื้อต้นไม้พวกนี้หวนสู่ความนึกคิดจนทำให้คิมหันต์ยื่นมือไปแตะกลีบดอกเล็ก ๆ สีม่วงอย่างแผ่วเบา

“ถ้าปุยฝ้ายอยากได้ผู้ชายดี ๆ สักคนมาดูแล ถ้าอย่างนั้นแม่จะเป็นคนช่วยหาให้หนูเอง!”

เมื่อคำประกาศของมารดาดังก้องในสมอง ความอ่อนโยนที่พาดผ่านความรู้สึกเมื่อครู่ก็ถูกทำลายลงด้วยความขุ่นเคืองกระทั่งพลั้งเผลอหักดอกไม้เล็ก ๆ คามือ

ผู้ชายดี ๆ อย่างนั้นเหรอ แล้วเขาล่ะเลวมากนักเหรอไง

ชายหนุ่มคำรามในใจก่อนปาซากดอกไม้ลงบนพื้นดินด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว นึกขัดใจมารดาที่เต็มอกเต็มใจสรรหาสามีคนใหม่ให้กับอดีตลูกสะใภ้เหลือเกินทั้งที่เขาเป็นฝ่ายถูกสลัดทิ้งแท้ ๆ

ชายหนุ่มฮึ่มฮั่มอย่างขัดใจ

ก็ลองสิ ไม่ว่าหน้าไหนถ้าคิดจะมาสวมเขาให้กับเขาล่ะก็เขาจะตีให้แตกกระเจิงเลย คอยดู!


เพราะไม่รู้ความคิดของคิมหันต์ ดังนั้นคุณหทัยกานต์จึงเริ่มปฏิบัติการขั้นต่อไปโดยทำเป็นไม่เห็นท่าทางเหมือนจะฆ่าคนของลูกชายคนโตและท่าทีอึดอัดใจของปัญชิกา

ธิวธวัศ ธนูลักษณ์ เจ้าของธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์แห่งหนึ่งซึ่งยังเป็นที่รู้จักของแวดวงสังคมในฐานะลูกชายคนเดียวของเจ้าของธนาคารแห่งหนึ่งอีกด้วย คือคนที่คุณหทัยกานต์แนะนำให้ปัญชิการู้จักในเย็นวันหนึ่งเมื่อเขาแวะนำของฝากจากต่างประเทศมาให้

ด้วยบุคลิกหน้าตาของชายหนุ่ม ปัญชิกาเชื่อมั่นว่าที่ผ่านมาเขาคงพบเจอสาวสวยมากมายและคงมีสาว ๆ คอยห้อมล้อมอยู่ไม่น้อย ดังนั้นหญิงสาวจึงแปลกใจที่เขายังมีเวลามาหาเธอได้แทบทุกเย็น

เพราะคำบอกของคุณหทัยกานต์ทำให้ปัญชิการู้ว่าบิดาของธิวธวัศและบิดาของคิมหันต์เป็นเพื่อนสนิทกัน สมัยก่อนสองครอบครัวไปมาหาสู่กันสม่ำเสมอกระทั่งเมื่อบิดาของคิมหันต์เสียชีวิตและธิวธวัศไปเรียนต่อต่างประเทศทำให้สองครอบครัวห่างเหินกันไปตามวันเวลา เพิ่งเริ่มกลับมาสนิทสนมกันอีกครั้งก็เมื่อธิวธวัศสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทและพาตัวเองมาสานความสัมพันธ์ใหม่ ทั้งที่คิมหันต์น่าจะยินดีต้อนรับการมาเยี่ยมเยียนของเพื่อนรุ่นน้องแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อดูจากปฏิกิริยาของเขา

“ที่บริษัทไม่มีอะไรให้ทำเหรอไง ธิว”

คำถามตีรวนดังขึ้นเมื่อทนหงุดหงิดจากการนั่งมองธิวธวัชเอาใจใส่ปัญชิกาอีกต่อไปไม่ไหว ก่อนปรายตาไปทางอดีตผู้หญิงของเขาที่นั่งอยู่ด้านตรงกันข้าม

ไม่มีมือหรือยังไงถึงต้องให้ไอ้ตี๋นี่คอยตักนั่นตักนี่ให้อยู่ตลอด

คิมหันต์นึกค่อนขอดอย่างหงุดหงิดแกมหมั่นไส้ เมื่อก่อนเขาก็เห็นเธอตักอาหารได้เองไม่ได้ทำเหมือนคนง่อยเปลี้ยที่ต้องมีคนช่วยบริการให้แบบนี้

ธิวธวัศยิ้มซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเขาเพราะยามยิ้มใบหน้าของชายหนุ่มชวนมองมากกว่าปกติ อาจเพราะเหตุนี้แม้รู้ว่าถูกตีรวนแต่เขาก็ยังยิ้มได้อย่างไม่รู้สึกรู้สาพลางให้คำตอบอย่างคนอารมณ์ดี

“มีครับ มีมากเสียด้วยจนกำลังคิดอยากจะหาผู้ช่วยส่วนตัวสักคน”

คิมหันต์ตาลุกวาบเมื่ออีกฝ่ายจบคำพูดด้วยการปรายตามองผู้หญิงข้างตัวราวกับจะบอกเป็นนัยว่าผู้ช่วยที่เขาหมายตาไว้คือใคร

ฝันไปเถอะ!

คิมหันต์คำรามในใจสายตาที่มองลูกชายของเพื่อนพ่อและยังเป็นเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งของเขาวาวโรจน์ราวกับมองศัตรูคู่แค้นก็ไม่ปาน แต่ดูเหมือนธิวธวัชไม่รับรู้เพราะความสนใจของชายหนุ่มยังคงจดจ่ออยู่กับหญิงสาวที่นั่งเคียงข้าง

“เอ่อ...ปุยฝ้ายตักเองได้ค่ะ”

เพราะทนต่อแรงพิฆาตในสายตาของคิมหันต์อีกไม่ไหว ปัญชิกาจึงบอกคนแสนดีที่ดูจะเอาใจใส่เธอมากเกินไปด้วยท่าทีเกรงใจ หากนั่นทำให้แว่วเสียงกัดฟันและคำพูดลอดไรฟันเบา ๆ ของใครสักคน

“เพิ่งจะพูดได้เรอะ”

ธิวธวัชยิ้มมากขึ้นทั้งที่นึกอยากหัวเราะเต็มที ก่อนปั้นหน้าเสียดายยามบอก

“ก็ได้ครับ”

ชายหนุ่มยังคงยิ้มยามกวาดตามองไปรอบ ๆ แล้วเมื่อเห็นว่าเหมันต์กำลังมองเขาด้วยแววตาครุ่นคิด ธิวธวัชก็ยิ้มกว้างขึ้นก่อนตั้งคำถามกลั้วหัวเราะหลังจากเหลือบมองปานฤทัยแวบหนึ่ง

“ไงไอซ์ เมื่อไรจะแต่งงานล่ะ”

ปานฤทัยแทบสำลักข้าวกับคำถามนั้นแว่วเสียงหัวเราะขำของมารดาที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ ก่อนได้ยินคำตอบของคนที่เป็นทั้งพี่ชายและคู่หมั้น

“ทันทีที่ของขวัญเรียนจบ”

จบคำพูดเหมันต์ก็ทอดตามองน้องน้อยด้วยแววตาที่ทำให้ทุกคนในห้องนั้นต่างสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของชายหนุ่มโดยไม่จำเป็นต้องพูดออกมา

ปัญชิกาสะท้านใจเมื่อทันเห็นแววเจ็บปวดจาง ๆ วาบขึ้นในดวงตาของคิมหันต์ สงสารเขาและเศร้าใจตัวเองจนแทบทานอะไรไม่ลง ก่อนชะงักงันยามได้ยินคำพูดที่ธิวธวัชบอกกับคุณหทัยกานต์

“คุณอาครับ ถ้าผมจะขอตัวคุณปุยฝ้ายไปช่วยงานผมที่บริษัท คุณอาจะอนุญาตไหมครับ”

“ไม่อนุญาต!”

คำตอบเสียงกระด้างนั้นไม่ได้มาจากคนที่ธิวธวัชพูดด้วย หากมาจากผู้ชายอีกคนที่รู้สึกว่าเส้นความอดทนของเขาถูกใครสักคนเอากรรไกรมาตัดฉับ

“หืม...” ธิวธวัชทำน้ำเสียงและหน้าตาราวกับสงสัยนักหนาว่าคิมหันต์เกี่ยวอะไรด้วย ทั้งที่กำลังฝืนกลั้นหัวเราะจนปวดแก้มจะแย่อยู่แล้ว “พี่ซันเป็นผู้ปกครองของคุณปุยฝ้ายเหรอครับ ขอโทษทีครับที่ผมเข้าใจผิดก็ตอนคุณอาแนะนำบอกว่าเป็นหลานสาวในอุปการะ”

ถึงตอนนี้คิมหันต์ก็กัดฟันกรอดแทบจะทนข่มอกข่มใจอีกต่อไปไม่ไหว ร่ำ ๆ จะสั่งสอนเพื่อนรุ่นน้องที่เขาเริ่มนึกชังน้ำหน้าเต็มที แต่ทันเหลือบไปเห็นว่ามารดากำลังมองมาและนั่นจึงทำให้รู้สึกตัว

“พี่ไม่ใช่ผู้ปกครองของปุยฝ้าย!”

เพราะเขาเป็นมากกว่านั้น

คิมหันต์ต่อประโยคถัดมาในหัวใจที่กำลังคุกรุ่น ก่อนเอ่ยต่ออย่างไม่สนใจว่าใครจะรู้สึกยังไง

“แต่พี่คิดว่าปัญชิกาไม่เหมาะจะทำงานที่ไหนเพราะเธอไม่เคยทำงานมาก่อน นายไปหาคนอื่นเถอะ”

คำบอกตอนท้ายราวมีนัยบางอย่างแฝงอยู่ และเหมือนธิวธวัชเองก็รับรู้ได้เช่นกันหากชายหนุ่มยังคงยิ้มได้อย่างใจเย็นและนึกสนุกยามต่อปากต่อคำด้วยถ้อยคำที่คงมีเพียงคิมหันต์เข้าใจ

“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจสอน”

คิมหันต์สบถในใจนึกแช่งชักหักกระดูกหนุ่มรุ่นน้องที่ริอ่านจะสวมเขาให้กับเขา ก่อนโพล่งขึ้นอย่างเหลืออด

“ไม่ได้ เพราะพี่จะให้เธอไปทำงานที่บริษัท”

คำประกาศนั้นทำให้ปัญชิกาทั้งตกใจและคาดไม่ถึง หากดูเหมือนคิมหันต์เองก็งันไปกับคำพูดของตัวเองเช่นกัน

“อ้าว! อย่างนั้นเหรอครับ”

ธิวธวัชยังคงพูดยิ้ม ๆ ราวกับไม่รู้สึกถึงบรรยากาศอึมครึม ก่อนหันไปบอกกับปัญชิการาวกับไม่รู้ว่านั่นยิ่งทำให้ใครบางคนโกรธจัด

“แต่ถ้าคุณปุยฝ้ายอยากเปลี่ยนใจมาทำงานกับผมเมื่อไรก็เชิญนะครับ ผมเต็มใจต้อนรับ”

กร๊อบ!

เสียงนั้นดึงความสนใจของปัญชิกาทันที หญิงสาวหน้าเสียเมื่อเห็นว่ายามนี้มือของคิมหันต์กำลังมีของเหลวสีแดงไหลออกมาตามง่ามนิ้ว และในอุ้งมือของเขาก็น่าจะเป็นเศษของแก้วน้ำเนื้อบาง

“คุณซัน!”

ความตกใจทำให้ปัญชิกาลืมตัวลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วปราดเข้าไปหาชายหนุ่มก่อนใคร หญิงสาวมือสั่นขณะดึงมือของชายหนุ่มที่ชุ่มไปด้วยเลือดขึ้นมามอง หัวใจพลอยเจ็บตามจนน้ำตาคลอเบ้ายามถามเสียงสั่น

“เจ็บมากไหมคะ”

ความโกรธที่ยังคงคุกรุ่นกระทั่งทำให้เขาลืมตัวบีบแก้วน้ำจนแตกคามือทำให้ชายหนุ่มสะบัดมือออกจากมือหญิงสาวแล้วกระชากเสียงใส่

“ไม่ต้องยุ่ง!”

ปัญชิกาน้ำตาคลอเมื่อคนที่เธอแสนห่วงเดินหนีไปทันทีที่พูดจบ แม้กลัวว่าจะยิ่งทำให้เขาโกรธแต่ความเป็นห่วงมีมากกว่าทำให้หญิงสาวตัดสินใจตามชายหนุ่มไป

ดูเหมือนการกระทำของคิมหันต์จะทำให้ทุกคนที่เหลือพร้อมใจกันยุติการทานอาหารโดยอัตโนมัติ หากยังคงมีเพียงธิวธวัชที่หัวเราะในลำคอได้ ชายหนุ่มหันไปบอกกับคุณหทัยกานต์ที่ยามนี้สีหน้าก็ไม่สู้ดีนักจากการที่ลูกชายคนโตทำร้ายตัวเองจนได้เลือด

“แย่เลย พี่ซันเล่นมาแผนสูงใช้วิธีเจ็บตัวแบบนี้ผมว่าเราเลิกแผนนี้กันดีกว่าครับ”

เหมันต์ให้ความสนใจทันทีที่รู้ว่าข้อสันนิษฐานของเขาเป็นความจริง มารดาของเขากับเพื่อนคนนี้วางแผนกันปั่นหัวคิมหันต์อย่างที่นึกเอาไว้

“จริง ๆ วันนี้ผมก็ตั้งใจจะมาบอกคุณอาเหมือนกันว่าผมคงต้องขอเลิกเล่นละครเรื่องนี้ เพราะไม่อยากเสี่ยงเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ดูท่าพี่ซันอาจลืมตัวฆ่าผมตายเร็ว ๆ นี้”

คุณหทัยกานต์ฟังแล้วก็ยิ่งทำหน้าไม่ดี ครั้นจะแย้งว่าคิมหันต์คงไม่ทำอย่างนั้นท่านก็พูดได้ไม่เต็มปากเพราะนับวันท่านก็เห็นมุมอื่นในตัวเขาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ดูเหมือนคิมหันต์ที่ใจดีใจเย็นคนนั้นจะหายสาญสูญไปแล้ว

ธิวธวัชหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของคุณหทัยกานต์ เขาก็แค่พูดเล่นไปอย่างเองนั้นเพราะเริ่มนึกเห็นใจคิมหันต์ขึ้นมาต่างหาก ผู้ชายด้วยกันทำไมจะดูไม่ออกทีนี้ก็เหลือแค่ว่าคิมหันต์จะเข้าใจตัวเองเมื่อไรเท่านั้นเอง

คล้องหลังธิวธวัชที่ขอตัวกลับไปแล้ว เหมันต์ก็หันมาให้ความสนใจกับมารดาด้วยการตั้งคำถาม

“คิดดีแล้วเหรอครับที่พาคนนอกมาทำร้ายลูกชายตัวเอง”

น้ำเสียงเย็นชาของลูกชายคนรองส่งผลให้คุณหทัยกานต์สะอึกพูดไม่ออกเพราะใจจริงก็รู้สึกผิดตั้งแต่เห็นคิมหันต์ทำร้ายตัวเองจนเลือดตกแล้ว

“พี่ไอซ์ ทำไมพูดกับคุณแม่แบบนี้ล่ะคะ”

ปานฤทัยทักท้วงด้วยนึกสงสารมารดาถึงแม้ในใจก็คิดไม่ต่างกันนัก หญิงสาวคิดว่าตัวเองเข้าใจดีว่าทำไมเหมันต์ถึงต้องการปกป้องคิมหันต์

ความรักของเธอกับเขาแลกมาด้วยความเจ็บปวดของคิมหันต์ จึงไม่แปลกที่เหมันต์จะยังคงแบกรับความรู้สึกผิดที่มีต่อพี่ชายมาจนถึงตอนนี้ ยิ่งเห็นมารดาร่วมมือกับคนอื่นซ้ำเติมคิมหันต์เขาก็คงทนไม่ได้ถึงแม้รู้ว่าผู้เป็นแม่ไม่ได้คิดร้ายนอกจากต้องการดัดนิสัยลูกชายคนโตเท่านั้น

เหมันต์ไม่สนใจคู่หมั้นเมื่อยังคงจับจ้องมารดาราวกับจะทวงถามความยุติธรรมให้แก่พี่ชายของเขา ก่อนถอนหายใจเมื่อเห็นความรู้สึกผิดและเสียใจในแววตาของผู้เป็นแม่

“แม่ไม่ได้ตั้งใจ”

“ผมรู้ว่าคุณแม่รักและเป็นห่วงอยากช่วยเหลือพี่ซัน แต่สำหรับเรื่องนี้ผมว่าเราควรรอจนกว่าเขาจะเป็นฝ่ายออกปากขอความช่วยเหลือเองดีกว่า” ชายหนุ่มเงียบไปนิดก่อนทำให้คนเป็นแม่ต้องครุ่นคิดกับคำพูดต่อมา “แต่ถ้าคุณแม่ยังดึงดันจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ผมก็คงห้ามอะไรไม่ได้นอกจากจะบอกว่า...คุณแม่อาจจะแปลกใจที่รู้ว่าจริง ๆ แล้วพี่ซันไม่ใช่คนอย่างที่คุณแม่คิด”

“หมายความว่ายังไงไอซ์”

คุณหทัยกานต์เสียงสั่นใจไม่ดีกับคำพูดของลูกชายคนรอง หมายความว่ายังไงที่ว่าคิมหันต์ไม่ใช่คนอย่างที่ท่านคิด จะบอกว่าท่านไม่รู้จักลูกชายตัวเองดีพออย่างนั้นเหรอ

เหมันต์ถอนหายใจไม่ตอบอะไรขณะดึงคู่หมั้นลุกขึ้นจากเก้าอี้ ปล่อยให้ผู้เป็นแม่เริ่มสับสนกับสิ่งที่เขาบอก


แม้มั่นใจเต็มร้อยว่าปัญชิกาต้องตามเข้ามาทำแผลให้กับเขาแน่ แต่เมื่อหญิงสาวเดินผ่านประตูห้องเข้ามาพร้อมกล่องพยาบาลขนาดเล็ก ชายหนุ่มก็รู้สึกถึงหัวใจของตัวเองที่มันพองโตขึ้นมาอย่างน่าแปลก

“เข้ามาทำไม”

ปัญชิกาหน้าเสียเมื่อเจอกับความเย็นชาเหมือนไม่ต้อนรับของคิมหันต์ หากความเป็นห่วงที่ผลักดันเธอก็ทำให้ตอบกลับไป

“ปุยฝ้ายจะมาทำแผลให้คุณซันค่ะ”

พูดจบเจ้าตัวก็รีบดึงมือของคิมหันต์มาดูโดยไม่หวั่นว่าจะถูกผลักไสเป็นรอบสอง ไม่รู้สักนิดว่าสีหน้าแววตาร้อนใจของเธอทำให้คนเฝ้ามองเริ่มใจอ่อน

“เจ็บมากไหมคะ”

คิมหันต์มองหน้าคนถามที่ยามนี้ทำหน้าเหมือนเป็นคนเจ็บเสียเองแล้วก็นึกอยากถามออกไปว่าเธอหรือเขากันแน่ที่เจ็บ แต่หยาดน้ำที่คลอเต็มเบ้าตาของปัญชิกาทำให้พูดไม่ออก

“ไปหาหมอไหมคะ”

“ไม่ต้อง แผลแค่นี้ไกลหัวใจ”

คำบอกนั้นราวจะปลอบคนที่ทำหน้าจวนเจียนร้องไห้ ก่อนสำทับเสียงเข้ม

“ถ้าจะทำแผลก็รีบ ๆ เข้า”

ไม่ต้องให้บอกซ้ำสองปัญชิการีบลงมือทันที ตลอดเวลาเหล่านั้นหญิงสาวไม่รู้สักนิดว่าทุกสีหน้าของเธอตกอยู่ภายใต้การจับจ้องแบบตาไม่กระพริบของคิมหันต์ ชายหนุ่มเหมือนถูกเธอสะกดจนไม่รู้ตัวกระทั่งได้ยินเสียงเธอบอก

“เสร็จแล้วค่ะ”

สีหน้าโล่งใจของหญิงสาวทำให้คิมหันต์เกือบยิ้มเพราะเธอทำเหมือนเป็นคนเจ็บมากกว่าเขาเสียอีก หากชายหนุ่มก็ซ่อนความรู้สึกไว้ภายใต้สีหน้าเฉยชา

“คุณซันทานยาแก้ปวดหน่อยนะคะ”

ชายหนุ่มนิ่งมองทั้งแก้วน้ำและเม็ดยาสีขาวที่ถูกยื่นมาให้ก่อนยอมรับมาทำตามอย่างว่าง่าย ขณะเดียวกันก็แอบลอบมองหญิงสาวไปด้วยโดยไม่ให้เธอรู้ตัว หัวใจกระตุกยามเห็นเธอแย้มยิ้มราวมีเรื่องยินดีนักหนาเมื่อเขาส่งคืนแก้วที่ว่างเปล่าให้

“แล้วเธอจะต้องอยู่เฝ้าเผื่อฉันเป็นไข้ด้วยหรือเปล่า”

อะไรไม่รู้ดลใจให้ชายหนุ่มหลุดปากพูดออกไปแบบนั้น และนั่นไม่เพียงทำให้ปัญชิกาชะงักแต่เขาเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน ก่อนกลบเกลื่อนด้วยการบอกเสียงเข้ม

“ไปได้แล้ว ฉันจะนอน”

ปัญชิกาถอนหายใจกับคำไล่ราวไม่ใยดี ทั้งที่เมื่อครู่นี้เขาทำให้หัวใจเธอเต้นแรงกับคำถามก่อนหน้านั้น หญิงสาวเก็บกล่องพยาบาลแล้วเดินออกไปอย่างว่าง่าย โดยไม่รู้เลยว่าสิ้นเสียงปิดประตูเจ้าของห้องก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรง



บทที่ 21


อาจเป็นโชคดีของปัญชิกาแต่เป็นโชคร้ายสำหรับคิมหันต์ที่บาดแผลของเขาไม่มีผลต่อร่างกายที่แข็งแรง เพราะชายหนุ่มผ่านคืนนั้นมาได้โดยไม่เป็นไข้จากการอักเสบของบาดแผลอย่างที่ปัญชิกานึกกังวล

แต่เมื่อรู้ว่ามารดาจัดการหาคอนโดฯ แห่งหนึ่งไว้ให้กับปัญชิกาและทุกอย่างพร้อมสำหรับการเข้าไปอยู่ได้ทันที คิมหันต์ก็หงุดหงิดขึ้นมาฉับพลันโดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงหญิงสาวก็จะออกจากบ้านหลังนี้แล้วเข้าไปอยู่ในคอนโดฯ แห่งนั้น

“แล้วใครจะเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ฉัน”

“เดี๋ยวแม่ให้ป้าอ่อนช่วยเปลี่ยนให้ละกัน”

คิมหันต์กัดฟันเมื่อคำบอกของมารดายิ่งทำให้หัวเสีย

“อยากรีบไปให้พ้นจากฉันเร็วขนาดนี้เชียวเหรอ”

สุดท้ายก็หันไปลงกับปัญชิกาที่ยามนี้ยืนซึมไม่พูดไม่จา ก่อนหุนหันออกไปด้วยท่าทางหัวเสีย

แต่ดูเหมือนมารดาจะคิดว่าเขายังหงุดหงิดไม่พอเพราะเมื่อรู้ว่าปัญชิกาเรียนจบมาทางด้านบริหารธุรกิจ ท่านก็ใช้อำนาจในฐานะอดีตผู้บริหารเตรียมส่งหญิงสาวเข้าไปในแผนกบัญชีของบริษัท ครั้นพอเขาทักท้วงท่านก็ยกเอาคำพูดที่เขาบอกกับธิวธวัชในตอนที่ชายหนุ่มคนนั้นเปรยว่าจะขอปัญชิกาไปช่วยงานขึ้นมาแย้งจนทำให้เขาพูดไม่ออกนอกจากจำใจยอมรับ

สี่วันก่อนจะถึงวันเริ่มต้นทำงานของปัญชิกา เหมันต์และปานฤทัยก็ถูกส่งตัวให้มารับหญิงสาวที่คอนโดฯ เพื่อพาเธอไปเลือกซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปทำงาน โดยคุณหทัยกานต์เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด


ถึงแม้พยายามไม่คิดถึงใครคนหนึ่งที่ตั้งแต่เธอก้าวออกมาจากบ้านสุวรรณอังกูรแล้วไม่เคยได้เห็นหน้าเขาอีกเลย แต่ทุกค่ำคืนยามอยู่ลำพังในห้องปัญชิกาก็พบว่าความคิดถึงที่เธอมีต่อเขามากเสียจนทำให้เธอร้องไห้ออกมาได้เสมอ

แค่สักครั้งหนึ่งเขาจะคิดถึงเธอบ้างไหม

หญิงสาวถามกับตัวเองอย่างเศร้าใจยามแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ยามนี้มีเพียงแสงดาวระยิบระยับกระจายอยู่เต็มท้องฟ้า พลางส่งใจไปหาคนที่เธอคิดถึงเขามากเหลือเกิน

ขณะเดียวกันคนที่ปัญชิกาคิดถึงก็กำลังมายืนมองต้นบลูฮาวายเหมือนทุกคืนที่ผ่านมายามเขาถูกความคิดถึงใครคนหนึ่งรุมทึ้งจนนอนไม่หลับ

ตั้งแต่ปัญชิกาออกไปจากบ้านหลังนี้คิมหันต์ก็ไม่นึกอยากอยู่ที่นี่อีกชายหนุ่มอยากกลับไปอยู่คอนโดฯ เหมือนเดิมแต่ก็นึกเกรงใจมารดา อีกทั้งคิดว่าต่อให้เขาเปลี่ยนสถานที่โรคนอนไม่หลับก็คงไม่หายอยู่ดี

ป่านนี้เธอคงนอนหลับไปแล้ว

คิมหันต์รำพึงกับตัวเอง ไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่ผ่านมาปัญชิกาเป็นเหมือนยานอนหลับของเขากระทั่งเมื่อไม่มีเธอนอนข้าง ๆ เหมือนเคย ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนค่อย ๆ ออกเดินไปท่ามกลางสายลมยามค่ำคืนพร้อมกับหวังว่าโรคนอนไม่หลับของเขาคงจะหายไปในไม่ช้า


ในที่สุดเช้าวันแรกของการเริ่มต้นทำงานก็มาถึง ปัญชิกาตื่นนอนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นเป็นครั้งแรกที่เธอได้ทำงานในสายอาชีพตั้งแต่เรียนจบเพราะที่ผ่านมาต้องอยู่บ้านคอยรับใช้และทำตามความต้องการของบิดามารดาบุญธรรมมาโดยตลอด

เสียงกริ่งหน้าประตูห้องดังขึ้นในขณะที่เธอกำลังจะชงกาแฟ หญิงสาวเข้าใจว่าคงเป็นเหมันต์และปานฤทัยตามที่คุณหทัยกานต์บอกเอาไว้ว่าจะให้ทั้งคู่มารับเธอเพื่อพาไปส่งที่บริษัท ถึงแม้เธอยืนยันว่าเธอไปเองได้แต่สุดท้ายก็ขัดใจคุณหทัยกานต์ไม่ได้

รอยยิ้มต้อนรับบนใบหน้าค่อย ๆ จางหายเมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูไม่ใช่คนที่เธอคิด

“คุณซัน”

คิมหันต์นึกขัดใจเมื่อเห็นว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของปัญชิกาเหือดหายไปแทบทันทีที่เห็นหน้าเขา อารมณ์ขุ่นขวางทำให้อดไม่ได้ต้องประชดเสียงขุ่น

“ผิดหวังสินะที่ไม่ใช่นายไอซ์”

ปัญชิกากระพริบตาปริบอย่างตั้งรับไม่ทัน ทั้งที่ตอนเห็นหน้าเขาหัวใจเธอเต้นแรงด้วยความยินดีต่างกับตอนนี้ที่เหมือนจะค่อย ๆ เต้นช้าลงเพราะสีหน้าท่าทางไม่พอใจของเขา หากเมื่อนึกถึงคำบอกของคุณหทัยกานต์หญิงสาวจึงตั้งคำถามทั้งที่รู้ว่าเสี่ยงต่อการทำให้คิมหันต์ยิ่งโมโห

“คุณไอซ์รออยู่ข้างล่างเหรอคะ”

คนฟังขบฟันแน่นกับคำถามขวางหู ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงที่ใกล้คำราม

“เสียใจด้วยถ้าทำให้ผิดหวัง แต่ฉันมาที่นี่คนเดียว”

ท่าทางคุกคามของคิมหันต์ทำให้ปัญชิกาเผลอถอยหลังด้วยความหวาดหวั่น หากนั่นไม่ต่างกับการเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในอาณาเขต

คิมหันต์กวาดตามองรอบห้องที่มารดาเป็นคนจัดหามาให้อดีตลูกสะใภ้แล้วก็อดนึกเขม่นไม่ได้

ให้อยู่ที่บ้านเหมือนเดิมก็ดีแล้ว ไม่รู้ทำไมยังจะต้องหาคอนโดฯ ให้อีก

“เธอกำลังทำอะไรอยู่”

“ปุยฝ้าย...เอ่อ...ฉันกำลังจะชงกาแฟค่ะ”

ชายหนุ่มนิ่วหน้าเมื่อสะดุดหู ก่อนตั้งคำถามเสียงดุไม่แพ้แววตา

“ทำไมไม่แทนตัวเองว่าปุยฝ้ายเหมือนเดิม”

“เพราะ...ฉันคิดว่าทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว”

“อ้อ!”

ชายหนุ่มทำเสียงต่ำในลำคอราวกับเข้าใจหากสายตาที่ใช้กวาดมองทั่วร่างบางกลับตรงกันข้าม หลังจากแค่นยิ้มอย่างเย็นชาน้ำคำถางถางก็ตามมาติด ๆ

“เพราะเมื่อก่อนเป็นผู้หญิงของฉัน ก็เลยยอมทำได้ทุกอย่างแม้แต่แทนตัวเองว่าปุยฝ้ายเพื่อเอาอกเอาใจ แต่ตอนนี้พอแม่ของฉันสนับสนุนเรื่องจะหาผัวคนใหม่ให้เธอก็เลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องมาคอยเอาใจฉันอีกแล้วสินะ”

ปัญชิกาสะอึก ทั้งแสบร้อนผิวหน้าและเคืองตากับวาจาเชือดเฉือนที่เขาไม่เคยลังเลที่จะใช้เพื่อทำร้ายเธอ หญิงสาวตัดสินใจไม่ตอบโต้เพราะเกรงว่าจะทำให้ตัวเองขายหน้าหากหลั่งน้ำตาออกมาต่อหน้าเขา แต่ดูเหมือนเธอคิดผิดเพราะเพียงแค่หันหลังให้เพื่อเดินหนีคิมหันต์ก็กระชากให้หันกลับไป

“ฉันพูดแทงใจดำเธอสินะ!”

หลังจากที่ผ่านมาถูกชายหนุ่มเหยียบย่ำหัวใจจนแทบไม่เหลือชิ้นดี ถึงตอนนี้ความอดทนของปัญชิกาก็หมดลง หญิงสาวสะบัดตัวหนีจากการเกาะกุมก่อนโต้กลับเสียงสั่นจากความกดดันที่ทับถมในใจ

“ใช่!”

เพียงคำแรกที่หญิงสาวโต้กลับด้วยแววตาวาววับคิมหันต์ก็ชะงักงันอย่างนึกไม่ถึง ที่ผ่านมาเขาเคยชินกับปัญชิกาในสภาพของกระต่ายขี้ตื่นตกใจง่าย เพิ่งเห็นกับตาในตอนนี้ว่าแม่ตุ๊กตามีชีวิตก็สามารถกลายร่างเป็นแม่เสือสาวได้ในพริบตา เพราะยังตั้งรับไม่ทันกับมาดใหม่ของหญิงสาวทำให้คิมหันต์ได้แต่ยืนนิ่งขณะรับฟังคำพูดเสียดแทงจิตใจ

“ในเมื่อตอนนี้ฉันไม่จำเป็นต้องพึ่งคุณ ไม่จำเป็นต้องทนรองรับอารมณ์ให้คุณอีก แล้วทำไมฉันยังจะต้องแคร์ ต้องมาแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นเพื่อเอาใจคุณ ต่อจากนี้...” หยุดไปนิดเมื่อเจ้าตัวมองตอบแววตาตื่นตะลึงของชายหนุ่มแล้วเค้นเสียงแปร่งปร่าจากแรงกดดันในหัวใจ “ถ้ามีผู้ชายคนไหนที่คุณแม่ของคุณท่านเห็นว่าเหมาะสม ฉันจะหอบเสื้อผ้าไปอยู่กับเขาทันที!”

คำพูดจากแรงอารมณ์ของปัญชิกาสิ้นสุดพร้อมกับเส้นความอดทนของคิมหันต์ขาดผึง วินาทีที่ได้ยินว่าเธอจะหอบเสื้อผ้าไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น ในหัวชายหนุ่มก็ขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกนอกจากกระชากร่างเล็กกลับมาอีกครั้งแล้วก้มหน้าลงบดขยี้กลีบปากเล็ก ๆ อย่างรุนแรงราวกับจะลงทัณฑ์ต่อการพูดจาไม่คิดของเธอ

ความเจ็บที่ได้รับทำให้ปัญชิกาผงะหนีหากยิ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายเมื่อคิมหันต์ตรึงท้ายทอยเธอแน่นเข้าพลางเพิ่มแรงบดเบียดมากขึ้นไปอีกจนหญิงสาวรู้สึกเหมือนปากของเธอกำลังจะไหม้

กว่าคิมหันต์จะยอมยุติการลงทัณฑ์ ปัญชิกาก็ทั้งเจ็บทั้งแสบราวกับปากของเธอเพิ่งถูกแผดเผาจากประกายไฟ ทำไม่ได้แม้กระทั่งจะขบริมฝีปากที่กำลังสั่นระริก ความเจ็บที่ได้รับทั้งกายและใจกลั่นออกมาเป็นน้ำตาแห่งความคับแค้น

คิมหันต์เบือนหน้าหนีน้ำตาของปัญชิกาที่เหมือนจะประณามความใจร้ายของเขา ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอเจ็บถึงเพียงนี้ แต่วินาทีที่ได้ยินคำพูดบาดหูเขาก็เหมือนไม่มีสติ หากเมื่อหันกลับมามองปัญชิกาอีกครั้งชายหนุ่มก็อดถอนหายใจไม่ได้ยามพินิจสภาพของเธอ เส้นผมที่หลุดลุ่ยจากการรวบเอาไว้และกลีบปากช้ำของหญิงสาวทำให้ต้องฝืนข่มใจยามเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบสนิทราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ไปแต่งหน้าซะใหม่ ฉันให้เวลาสิบห้านาที”


--------------------------------------------------------------------------------------------


สวัสดีค่ะ วันนี้ขอมาอัพสองตอนรวดเพราะอยากให้นายซันถูกด่า เอ๊ย! ไม่ใช่ (แต่ก็คิดแวบ ๆ แบบนั้นเหมือนกัน 555)



ดูท่าว่าต่อมสำนึกของนายซันจะอยู่ลึกมากเพราะตอนนี้ก็ยังไร้วี่่แววว่าจะคิดได้ ^^



ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ




coonX3 : คงอีกนานค่ะกว่าไอ้คนใจร้ายจะรู้สำนึก ^^



konhin : 555 สงสัยคงทิ่มตาทิ่มใจซะจนนายซันบีบแก้วแตกคามือ ^^



Pat : เหมือนมองไม่เห็นทางที่นายซันจะรู้สึกตัวเลยค่ะ ^^



กาซะลองพลัดถิ่น : ถึงคุณแม่ห้าม เชื่อว่าคนเห็นแก่ตัวนึกถึงแต่ตัวเองอย่างนายซันก็คงไม่ฟังค่ะ ^^




พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 เม.ย. 2558, 04:13:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 เม.ย. 2558, 04:13:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1770





<< ตอนที่ 16 และ 17   ตอนที่ 23 และ 24 >>
konhin 13 เม.ย. 2558, 04:45:21 น.
คุณแม่ยังไม่เลิกอ่ะ นายไอซ์เตือนแล้วนะ เฮ้อ
ส่วนนายซัน น่าจะโดนโกรธหนักๆ ปุยฝ้ายหัดลับเล็บแหลมๆได้แล้ว ฟ้อนเล็บซักทีน่าจะดี (แซวเฉยๆ)


กาซะลองพลัดถิ่น 13 เม.ย. 2558, 13:01:04 น.
เกลียดพระเอก เอาแต่ใจ ปากก็ร้าย ทำเขาท้องแล้วยังทำร้ายจิตใจเขาอีก เฮ้อ ....


coonX3 13 เม.ย. 2558, 13:45:24 น.
ปุยฝ้ายพยายามตัดใจเลิกชอบนายซันเฮอะ ปล่อยให้นายคนนั้นรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต สู้ๆๆ เปลี่ยนตัวเอง อย่ายอมนายซันง่ายๆอีก


ปิ่นนลิน 13 เม.ย. 2558, 13:54:53 น.
สู้ๆ หนูปุยฝ้าย


นักอ่านเหนียวหนึบ 13 เม.ย. 2558, 19:37:51 น.
อืมมมม นี่คือแขนงหนึ่งของนิยายตบจูบใช่ป้ะ น่อววววว


LAM 19 เม.ย. 2558, 12:17:17 น.
พี่ซันยังใจร้ายเหมือนเดิมเลย


Zephyr 19 เม.ย. 2558, 18:09:42 น.
โฮ่ยยยยยย พี่ซันจะหายบ้ารึยัง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account