คิวปิด...ตัวกวนป่วนรัก
เมื่อเทพคิวปิดถูกลดหน้าที่ให้เป็นแค่ ‘เทพเบ๊’ คิวปิดสาวจึงเร่งปฎิบัติกอบกู้ศักดิ์ศรี แต่ดันแผลงศรพลาด ทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวตกหลุมรัก ‘พี่ชาย’ ของสาวคนรัก เรื่องป่วนๆ จึงเริ่มขึ้น !
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 6

ใบหน้าของเซเลน่าซุกอยู่บนหน้าอกที่ขยับไปตามแรงก้าวเท้าของรักษิต เสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะ ประกอบกับความอบอุ่นของวงแขนแข็งแรงทำให้คิวปิดสาวเคลิ้มเกือบหลับ จนกระทั่งลักกี้เห่าเสียงดังบอกว่า

“นายภูมิมา !”

“ไหน ?” เท่านั้นเอง ‘คนเป็นลม’ ผงกหัวขึ้นอย่างลืมตัว ยังผลให้ร่างเกือบร่วงหล่นจากวงแขนของรักษิต ถ้าเขาไม่ได้กอดหล่อนเอาไว้แน่นพอ


“ฟื้นแล้วเหรอ เป็นอะไรมากหรือเปล่า”

‘แปลกคนจริง ยังระแวงเราอยู่ แต่ก็ยังอุตส่าห์เป็นห่วง’...เซเลน่าคิดในใจขณะมองดวงตาคมที่มองหล่อนอย่างห่วงใย

“ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันไม่เป็นลมแล้ว” เซเลน่าดิ้นขลุกขลัก

รักษิตยอมปล่อยร่างหญิงสาว แล้วหันไปทักผู้ที่เพิ่งลงจากรถ “ภูมิ นายโผล่มาที่นี่ได้ไงวะ เมื่อคืนเพิ่งจะถึงญี่ปุ่น นายนี่เร็วยังกะนินจา”

“อืมม์” ภูมิตอบสั้นๆ ทำเอารักษิตแปลกใจ หากยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อ เซเลน่าก็แทรกขึ้นว่า

สวัสดีค่ะคุณพี่ภูมิ ฉันชื่อเซ...เอ่อ เอแคร์ค่ะ” คิวปิดสาวแนะนำตัวทันที สายตาจับจ้องบนหน้าอกข้างซ้ายของชายหนุ่มตรงตำแหน่งเดียวกับที่ลูกศรปักเข้าไป แต่ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ น่าจะเป็นเพราะว่าหล่อนมองด้วยสายตาของมนุษย์ จึงทำให้ไม่สามารถเห็นลูกศรของคิวปิดได้

ส่วนภูมินั้นยิ้มกลับตามมารยาท ก่อนหันไปสบตากับรักษิตเป็นเชิงถามว่าหล่อนเป็นใคร และความสนิทสนมก็ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจความหมายดี

“คนที่ยาขับรถชนไง” รักษิตตอบ

“หา ! คนนี้เหรอ” ภูมิอึ้ง ถ้าเขารู้ว่าหญิงสาวมีหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มขนาดนี้ เขาจะคัดค้านหัวชนฝา ไม่ยอมให้หล่อนเข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกับ ‘เพื่อนรัก’ ของเขาเด็ดขาด

“แล้วเมื่อตะกี้เป็นอะไร ทำไมถึงกับต้องอุ้มกันมาด้วย”

“ไม่รู้สิ อยู่ดีๆ เอแคร์ก็เป็นลม อยู่ดีๆ ก็ฟื้น” รักษิตเน้นหนักทุกคำคล้ายกับจะถามหญิงสาว

“เป็นไงล่ะคุณคิวปิด ทำอะไรไม่แนบเนียนเล้ย สงสัยต้องส่งไปเรียนการแสดงสักหน่อย” เจ้าสี่ขาซึ่งยืนฟังบทสนทนาของพวกมนุษย์อยู่แซว เลยถูก ‘คนไม่เนียน’ ค้อนวงโต

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“นายจะปล่อยผู้หญิงคนนั้นอยู่ในบ้านนายแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด แล้วยิ่งตอนกลางวัน ยาออกไปร้าน พงษ์ก็ไม่อยู่บ้าน นายต้องอยู่กับผู้หญิงคนนั้นตามลำพัง มันอันตรายมาก”

ภูมิพูดด้วยท่าทางร้อนใจราวกับว่าโลกกำลังจะแตก หลังจากพากันกลับเข้ามาในบ้าน แล้วภูมิก็หาเรื่องให้เซเลน่าพาลักกี้ไปไว้ในกรงหลังบ้าน เพื่อที่เขาจะได้อยู่กับรักษิตตามลำพัง

“คงไม่ขนาดนั้นมั๊ง ฉันก็จับตาดูเอแคร์ตลอด แล้วหมู่บ้านนี้ก็ไม่ใช่ว่าให้คนแปลกหน้าเข้าออกง่ายๆ ด้วย ถ้าเอแคร์จะพาพวกมายกเค้าบ้านฉัน คงยากหน่อย”

ภูมิใช้ความอดทนอย่างแรงกล้าในการยั้งปากไม่ให้พูดออกไปว่าเขาไม่ได้ห่วงเรื่องผู้หญิงคนนั้นจะพาพวกมายกเค้าบ้านอย่างที่รักษิตเข้าใจ แต่กลัวว่ารักษิตจะหวั่นไหวต่อความสวยของผู้หญิงคนนั้นต่างหาก ถึงแม้ที่ผ่านมาเพื่อนสนิทของเขาจะไม่เคยให้ความสนใจผู้หญิงคนไหน ทว่าภูมิก็ยังเชื่อในพลังธรรมชาติของเพศชายเพศหญิงที่จะดึงดูดกันเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกันมากๆ

‘ว่าแต่ทำไมเขาต้องทำท่าเหมือนหึงไอ้รักด้วยล่ะ’ ภูมิแปลกใจตัวเอง แล้วสะบัดหน้าไล่ความคิดตัวเอง

“เป็นอะไร” รักษิตถาม

“เปล่า” ปฏิเสธแล้วนึกขึ้นได้จึงหยิบกล่องหนังสีดำในถุงกระดาษซึ่งวางอยู่บนโต๊ะตัวเล็กหน้าโซฟาให้อีกฝ่าย “ฉันซื้อมาฝาก”

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องซื้อมา”

“แต่ฉันอยากให้นายจริงๆ รับไปเถอะนะ” ไม่พูดเปล่า ภูมิยังจับมือรักษิตขึ้นมา วางกล่องไว้บนมือของอีกฝ่าย “เปิดดูสิว่าชอบไหม”

รักษิตเปิดฝากล่อง จึงเห็นนาฬิกาเหล็กยี่ห้อหรูที่มองปราดเดียวก็คาดคะเนราคาได้ว่าไม่ต่ำกว่าหลักแสน แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับวัตถุราคาแพงลิบเลยสักนิด

“ก็สวยดี แต่นายก็รู้ว่าฉันไม่ถูกโฉลกกับของแพงๆ พวกนี้ นายเอาคืนไปเถอะ ฉันรับไม่ได้หรอก” เขาปิดฝา ส่งคืนให้คนซื้อ

“มันไม่ได้แพงอะไรเลย แค่นิดๆ หน่อยๆ เอง นายรับไปเถอะ ฉันอยากให้จริงๆ”

ค่าเงินของผู้ที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ต่างจากค่าเงินของผู้ที่ต้องเก็บหอมรอบริบทุกบาททุกสตางค์เอาไว้เลี้ยงดูและเป็นทุนการศึกษาให้น้องๆ ตั้งแต่อายุสิบเก้า

“เออ มันไม่แพงของนาย แต่มันแพงและไร้สาระสำหรับฉัน ฉันรับเอาไว้ไม่ได้จริงๆ โทษทีว่ะ” รักษิตวางมันไว้บนโต๊ะกระจก “เฮ้ย ! ถึงกับจะร้องไห้เลยเหรอวะ” ชายหนุ่มทักเมื่อเห็นดวงตาเล็กหยีภายใต้แว่นกรอบใสมีน้ำตาคลอรื้น

“จะบ้าเหรอ” ภูมิปฏิเสธพลางยิ้ม หากเจ้าตัวรู้ตัวว่าเป็นรอยยิ้มที่ฝืนเต็มทน ดังนั้นเขาจึงต้องรีบทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่อีกฝ่ายจะจับได้ว่าเขากำลังจะร้องไห้จริงๆ “งั้นฉันกลับก่อนก็แล้วกัน ไม่กวนนายแล้ว”

ภูมิกำลังจะเดินออกไป เป็นจังหวะเดียวกับที่เซเลน่ายกถาดแก้วน้ำมาเสิร์ฟให้ภูมิอันเป็นข้ออ้างให้ได้อยู่ใกล้ชิดเขาตามคำแนะนำของเจ้าลักกี้

“คุณพี่ภูมิจะไปไหนคะ” เซเลน่าถามแล้วรีบวางถาดแก้วน้ำไว้บนโต๊ะ ก้าวยาวๆ ไปขวางหน้าชายหนุ่ม

“กลับบ้าน” ภูมิตอบห้วนๆ ปกติเขาไม่เคยเสียมารยาทกับผู้หญิง แต่ทำไมเขาถึงได้ชังหน้าผู้หญิงคนนี้นัก

ซึ่งเซเลน่าก็พอจะจับความรู้สึกของภูมิที่มีต่อหล่อนได้ และรู้ด้วยว่าสาเหตุเกิดจากอะไร จึงไม่ถือสาเขา และยังมีสิ่งสำคัญต้องทำ คือหาที่ซ่อนเพื่อถอดสร้อยปีกนกออก กลายร่างเป็นคิวปิดติดตามนายภูมิกลับบ้าน เพื่อที่ว่าหลังจากนั้นหล่อนจะได้หายตัวไปหาเขาได้ทุกเวลา ไม่ต้องรอให้เขาเป็นฝ่ายมาที่นี่

“ฉันขึ้นห้องก่อนนะคะ ง่วงนอน” คิวปิดสาวหันหลังกำลังจะก้าวไปที่บันได หากถูกมือใหญ่ของรักษิตรั้งแขนเอาไว้

“เดี๋ยว” รักษิตสั่งเสียงแข็ง ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังยื้อให้หลุดจากพันธนาการ

“ปล่อยฉันนะ จะมาจับฉันทำไมเนี่ย !”

รักษิตทำเหมือนไม่ได้ยินคำร้องของหญิงสาว หันไปล่ำลาเพื่อนด้วยประโยคเดิมอย่างทุกครั้ง “ขับรถดีๆ ล่ะ”

และภูมิก็ตอบสนองกลับอย่างเช่นทุกครั้งด้วยการพยักหน้ารับ ก่อนเดินไปขึ้นรถซึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน

เซเลน่ามองตามหลังภูมิไปอย่างร้อนใจ ถ้าตามนายภูมิไปไม่ได้ หล่อนก็จะไม่รู้ที่อยู่ของเขา “ปล่อยฉันนะ ! ฉันจะขึ้นห้อง ฉันง่วงนอน คุณจะมาจับฉันไว้ทำไมกันเนี่ย !”

“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

“เรื่องอะไร เอาไว้คุยหลังฉันตื่นนะ ฉันนอนไม่นานหรอก”

“ไม่ได้ เพราะผมต้องรู้เดี๋ยวนี้ ว่าทำไมคุณถึงต้องหลบหน้าคนขายไอศกรีมด้วย”

เซเลน่ากลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ อดตามนายภูมิ แล้วยังจะต้องถูกคาดคั้นอีกหรือนี่

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

รถเก๋งคันหรูแล่นตรงมาจากหน้าประตูรั้วแล้วตีโค้งผ่านน้ำพุขนาดใหญ่เข้าจอดหน้าตึกด้วยความเร็วสูง ผิดวิสัยของผู้ที่มีนิสัยใจเย็น สุภาพ ไม่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เคยโกรธใครง่ายๆ แม้เขาจะเป็นถึงบุตรชายคนเดียวของเจ้าของคฤหาสน์ ‘วงษ์สุริยะ’ หลังนี้ ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นท่าทางปิดประตูรถอย่างแรง และสั่งเด็กรับใช้ด้วยเสียงเข้มว่า

“เดี๋ยวเอากระเป๋าท้ายรถขึ้นไปไว้บนห้องให้ด้วยนะ”
ก็อดที่จะต้องแปลกใจไม่ได้ ซึ่งรวมถึงดาลัดที่เพิ่งเดินออกมาจากในบ้านพอดีด้วย

“นี่ดาจะโชคดีหรือโชคร้ายดีคะเนี่ยที่ได้เห็นพี่ภูมิโมโหเป็นครั้งแรกในชีวิต” ดาลัดแซว ก่อนถาม “ว่าแต่ทำไมกลับมาเร็วจังเลยค่ะ เห็นคุณป้าบอกว่าพี่ภูมิไปญี่ปุ่น กว่าจะกลับก็อีกสี่ห้าวัน”

“งานเสร็จเร็ว เลยกลับ” เขาตอบห้วนๆ คิ้วหนาเหนือดวงตาเล็กหยีย่นเข้าหากันบ่งบอกอารมณ์หงุดหงิดของเจ้าของ

“ใครทำให้พี่ชายดาโมโหมาหรือคะ”

“ไม่มีอะไรหรอก” ภูมิปฏิเสธ

“ดาไม่เชื่อหรอกค่ะ บอกดามาซะดีๆ ว่าใครทำให้พี่ภูมิโมโห”

“พี่นั่งเครื่องมาทั้งคืนก็เลยเหนื่อยๆ น่ะ พี่ขอตัวก่อนนะ” ภูมิจึงบ่ายเบี่ยง เขาไม่มีอารมณ์จะสนทนาหรือให้ใครสอบสวนทั้งนั้น หากพอจะเดินไป ดาลัดก็คว้าแขนเอาไว้

“เดี๋ยวค่ะพี่ภูมิ ดาขอเบอร์พี่รักหน่อยสิคะ พอดีว่าดาทำเบอร์ของพี่รักที่พี่ยาเคยให้หายน่ะค่ะ”

ภูมิชะงักกึก อารมณ์อยากจะสนทนากลับมาทันที “จะเอาไปทำไม”

“ดาว่าจะร่วมหุ้นทำนิตยสารกับเพื่อนน่ะค่ะ คุยกันว่าจะเป็นแนววัยรุ่นน่ารักๆ ดาก็เลยอยากจะชวนพี่รักมาวาดการ์ตูนประกอบในเล่มด้วย พี่ภูมิว่าพี่รักจะสนใจไหมคะ”

ภูมิไม่ต้องเสียเวลาคิดมาก เขาแน่ใจว่าถ้ารักษิตพอมีเวลาว่าง รักษิตจะไม่ปฏิเสธ แต่ชายหนุ่มกลับให้คำตอบอีกฝ่ายไปว่า “ไม่สนใจหรอก ตอนนี้รักเขายุ่งๆ”

“ว้า...เสียดายจัง ดากับเพื่อนๆ เป็นแฟนคลับฝีมือวาดการ์ตูนของพี่รักกันทั้งนั้นเลย แต่ดาขอเบอร์พี่รักเอาไว้ก่อนดีกว่า ดาจะลองโทรไปถามดู เผื่อฟลุค” เอ่ยพลางหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าสะพายขึ้นมาเตรียมกดเบอร์ โดยไม่รู้ว่าความหวงแหนในตัวรักษิตกำลังแผ่ครอบงำจิตใจของญาติผู้พี่ ทำให้ผู้ที่เคยเชียร์รักษิตกับดาลัดให้รักกันกลับห้าม

“อย่าเพิ่งเอาเบอร์ไปเลย เดี๋ยวพี่ถามรักให้ก่อนก็แล้วกัน”

ภูมิก้าวขึ้นบันไดยาวไปยังห้องนอนส่วนตัว เดินงุ่นง่านอย่างคิดไม่ตก...ทำไมจู่ๆ ถึงรู้สึกแปลกประหลาดกับรักษิต ทั้งคิดถึง หวงแหน ไม่อยากให้ใครอยู่ใกล้ ถ้าเขาจะมีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกัน สิ่งนี้ก็น่าจะเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว พยายามคิดทบทวนว่าเคยมีสักเสี้ยววินาทีไหมที่เขาเผลอมองหรือรู้สึกหวั่นไหวเพศเดียวกัน

แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก คิดออกแค่ว่าเคยมีผู้ชายหุ่นบึ้กตามตื้อขอเบอร์โทรศัพท์เขาในร้านอาหาร เขาเลยให้เบอร์รองเท้าไปแทนจนต้องขึ้นโรงพักข้อหาทำร้ายร่างกาย

‘มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา’

ชายหนุ่มถามตัวเองซ้ำหลายครั้ง แต่หาคำตอบไม่ได้ แล้วอย่างนี้เขาจะจัดการกับความรู้สึกผิดทำนองคลองธรรมที่มีต่อพี่ชายของหญิงสาวที่เขากำลังจะแต่งงานด้วยได้ยังไง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขณะที่ภูมิกำลังหาวิธีจัดการกับความรู้สึกตัวเอง รักษิตก็กำลังเค้นความจริงจากหญิงสาวที่เขามั่นใจว่าเป็นสิบแปดมงกุฎอยู่ในห้องรับแขก ว่าทำไมหล่อนถึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับคนขายไอศกรีมอยู่นานเป็นชั่วโมง หญิงสาวก็ให้คำตอบเดียวว่า

“จะให้ฉันพูดอีกนานไหมเนี่ย ว่าฉันไม่ได้แกล้ง...ไม่ได้แกล้ง ฉันเป็นลมจริงๆ อยู่ดีๆ มันก็หลับไปเลย แบบเนี้ย...” คิวปิดสาวลุกขึ้นยืน แล้วจู่ๆ ก็หลับตา ทิ้งร่างลงไปบนโซฟาหนังนุ่ม ปอยผมสีน้ำตาลหยักศกบดบังใบหน้า แล้วหล่อนก็แกล้งหลับอยู่อย่างนั้น

“ฮ่าๆๆ คุณคิวปิดนี่แอคติ้งดีอย่างกับดาราเกาหลี” เจ้าลายจุดที่นั่งหมอบอยู่บนพื้นข้างโซฟาชื่นชม

ส่วนรักษิตส่ายหน้าพลางนึก...ผู้หญิงคนนี้ ‘บ้า’ กว่าที่คิด

“พอได้แล้วคุณ ตอนอยู่ข้างนอกผมเห็นหรอกน่ะว่าคุณแกล้งเป็นลมยังไง”

แต่อีกฝ่ายยังนอนหลับตานิ่ง หัวคิ้วเรียวขมวดมุ่นกำลังคิดหาทางออกไปจากห้องไตร่สวนนี้ จึงไม่ได้ฟังสิ่งที่ชายหนุ่มพูด

เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีปฎิกิริยาตอบสนอง รักษิตก็เลยเดินเข้าไปโน้มตัวลงใกล้หน้าหญิงสาว กลิ่นหอมประหลาด จากเรือนผมสีน้ำตาลหยักศกลอยปะทะจมูกโด่ง ดึงดูดความสนใจให้เขาอยากจะโน้มตัวลงไปสูดดมใกล้ๆ เพื่อหาคำตอบว่ากลิ่นหอมประหลาดนั้นเป็นกลิ่นอะไรกันแน่ หากเขาก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่รุกล้ำหญิงสาวที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ประกอบกับเขาต้องการรู้สิ่งอื่นจากหล่อนมากกว่า

“ยอมรับมาซะดีๆ ว่าคุณรู้จักกับคุณลุงขายไอศกรีม” ถามพร้อมยกมือข้างหนึ่งยันไว้กับพนักโซฟา ร่างน้อยจึงดูคล้ายถูกพันธนาการไว้ด้วยวงแขนล่ำ

“เอ๊ะ ! ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้จักเขา คุณพี่รักฟังภาษามนุษย์ไม่ออกหรือไง” ดวงตากลมโตบนวงหน้าน่ารักลืมขึ้น แต่ลุกขึ้นไม่ได้เพราะติดแขนของเขา จึงถูกรักษิตไตร่สวนต่อ

“ถ้าไม่รู้จัก แล้วทำไมคุณต้องหลบหน้าเขาด้วย”

“ฉันไม่ได้หลบเขา”

“ไม่ได้หลบ แล้วคุณวิ่งไปหลังต้นไม้ทำไม”

“เอ่อ...ฉัน ฉันหลบแสงจากพระอาทิตย์” เซเลน่าใช้คำตอบตามคำแนะนำของลักกี้
แค่ลืมไปว่าแสงจากพระอาทิตย์เรียกว่า ‘แสงแดด’

“คุณหลบแดด ทำไม คุณกลัวดำหรือไง” รักษิตประชด

“อะไรคือดำ ดำเป็นใคร ทำไมฉันต้องกลัว” เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบ จึงคาดคั้น “ฉันถามว่าอะไรคือดำ ไม่ได้ยินหรือไง !”

“ช่างเถอะ ไม่มีอะไรดำหรอก” รักษิตบ่ายเบี่ยงอย่างเหนื่อยใจ “แต่คุณยอมรับกับผมมาเดี๋ยวนี้ดีกว่าว่าคุณรู้จักกับลุงคนขายไอศกรีมใช่ไหม”

เซเลน่าหมดความอดทน กระเด้งลุกขึ้นประจันหน้ากับเขา

“เอ๊ะ ! จะให้ฉันบอกอีกกี่ครั้งว่าฉันไม่รู้จัก” เขย่งเท้า ยกมือป้องปากตะโกนใส่หูของอีกฝ่าย “ได้ยินไหมว่าไม่รู้จัก ไม่รู้จัก ไม่รู้จ๊ากกก !”

รักษิตแสบแก้วหู หันไปจะตำหนิอีกฝ่าย แต่หญิงสาวอยู่ใกล้ร่างเขาเกินไป และโดยไม่ตั้งใจ ตัวใหญ่กำยำก็กระแทกร่างเล็กบางเสียกระเด็นลอยไปกองอยู่บนพื้น “โอ๊ย !”

“เอแคร์ !”

รักษิตตกใจ ความสงสัยถูกแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิด ชายหนุ่มปราดเข้าไปประคองร่างหญิงสาว “เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากหรือเปล่า”

เซเลน่ายังไม่ทันตอบ เสียงห้าวทุ้มของเจ้าผู้ช่วยลายจุดก็ดังขึ้น “ปิ๊งป่อง ! นึกออกแล้ว บีบน้ำตาด่วนเลยขอรับคุณคิวปิด บีบน้ำตา”

ใบหน้าของคิวปิดสาวที่หันไปมองเจ้าลายจุดเปี่ยมไปด้วยเครื่องคำถาม

“ร้องไห้หนักๆ คร่ำครวญเยอะๆ เอาน้ำตาออกมาให้ได้ นายรักของกระผมแพ้น้ำตา เอ้า ! มั่วมองอยู่ทำไม เอาเลยสิขอรับ”

“ฮือๆๆ ฮือๆๆ” จู่ๆ หญิงสาวก็ปล่อยโฮ ทำเอาหน้าคมเข้มถอดสี

“คุณเจ็บมากขนาดนั้นเลยเหรอ”

“เจ็บสิ คุณมาผลักฉันทำไม ฉันไปทำอะไรให้คุณ ฮือๆๆ”

ไม่น่าเชื่อว่าหล่อนจะสามารถบีบน้ำตาออกมาได้มากขนาดนี้ และไม่น่าเชื่อว่าแผนนี้จะได้ผลจริงๆ เพราะสีหน้าของชายหนุ่มอ่อนลง ไม่ทำหน้าเป็นยักษ์อย่างเมื่อตะกี้

“ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมขอโทษนะ” มือใหญ่หนาแตะแขนหญิงสาวแผ่วเบา ความจริงเซเลน่าไม่ได้โกรธเขาเลยสักนิด เพราะรู้ดีว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่ในเมื่อทุกอย่างกำลังเข้าทางก็ต้องรีบคว้าโอกาสทองเอาไว้

จู่ๆ หญิงสาวก็สะบัดมือชายหนุ่มออก ยันกายลุกขึ้นจากพื้น ทำท่าจะเดินไป

“คุณจะไปไหน” รักษิตถาม

“ไปให้พ้นจากคุณน่ะสิ เดี๋ยวพอฉันบอกว่าฉันไม่รู้จักผู้ชายคนนั้น คุณก็จะโกรธแล้วก็จะทำร้ายฉันอีก ฉันกลัว” ตอบพลางร้องไห้ ก่อนจะหันหลังเตรียมวิ่งออกไป

แต่รักษิตคว้าแขนเล็ก แล้วแรงดึงก็ทำให้ร่างบางเซเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตน เขากลัวหล่อนจะเซล้มไปอีกจึงใช้วงแขนยึดเอวบางเอาไว้แน่น ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กันจนแทบสัมผัสได้ถึงไออุ่นๆ ของลมหายใจ

“ชะอุ๋ย ! ไม่ใช่เรื่องหมา หลบก่อนดีฝ่า” ลักกี้ลุกขึ้น วิ่งออกไปทางประตูที่เปิดอ้าเอาไว้

ส่วนรักษิตยังกอดหญิงสาวที่มีน้ำตานองหน้าอยู่อย่างลืมตัว หัวใจของเขาอ่อนยวบ เป็นอย่างที่ลักกี้บอก จุดอ่อนของรักษิตคือเห็นน้ำตาของผู้หญิงไม่ได้ เขาจะรู้สึกผิดมากถ้าทำให้ผู้หญิงซึ่งเป็นเพศที่อ่อนแอกว่าร้องไห้

ครั้งหนึ่งสมัยเด็กเขาเคยทำให้รักษิยาร้องไห้เพราะตกจากจักรยานที่เขาขี่แข่งกับเพื่อน น้องสาวของเขาร้องไห้ด้วยความตกใจกลัวไม่หยุด รักษิตก็ไม่ยอมปลอบเพราะไม่อยากให้น้องสาวอ่อนแอมากเกินไป

จนกระทั่งบิดาของเขามาพบและรู้เรื่องเข้าก็ทำโทษเรื่องที่ประมาทจนน้องสาวเจ็บตัว และอบรมสั่งสอนว่าผู้ชายคนไหนที่ทำร้ายผู้หญิงทั้งทางร่างกายและจิตใจนับว่าไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย สวรรค์สร้างเพศชายมาให้แข็งแรงกว่าเพื่อคอยปกป้องเพศหญิงไม่ใช่ทำร้าย

รักษิตจดจำและปฏิบัติตามคำสอนของพ่อตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นอกจากรักษิยาแล้ว เขาก็ไม่เคยทำให้ผู้หญิงคนไหนร้องไห้อีกเลย ตราบจนกระทั่งตอนนี้เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบปี หญิงสาวที่กำลังร้องไห้กระซิกอยู่ในอ้อมกอดของเขาจึงเป็นผู้หญิงคนที่สองที่เขาทำให้ร้องไห้

“ผมขอโทษ”

“ฉันไม่เชื่อคุณหรอก ทีฉันพูดอะไร คุณยังไม่เชื่อฉันเลย ฮือๆๆ”..บีบน้ำตากดดันอีกฝ่ายสุดพลัง

“โอเคๆ ผมเชื่อคุณแล้ว ต่อไปนี้ผมจะไม่ถาม ไม่คาดคั้นอะไรคุณอีก ผมสัญญา”

ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะน้ำเสียงอันอ่อนโยนหากหนักแน่น หรือดวงตาคมกริบอันทรงพลังที่ทำให้เซเลน่าเชื่อสนิทใจว่าเขาจะทำได้อย่างที่พูด ต่อไปนี้เขาจะไม่สงสัยในตัวหล่อนอีก หล่อนก็จะได้ปฏิบัติภารกิจถอนลูกศรจากหัวใจของนายภูมิได้อย่างสะดวกสักที

“โอเค๊ ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่คาดคั้น พยายามบีบบังคับให้ฉันพูดอะไรในสิ่งที่ฉันไม่อยากพูดอีก ฉันก็จะสัญญากับคุณ ว่าฉันจะไม่พาใครมายกเค้าบ้านคุณ” ประโยคท้าย รักษิตเคยพูดกับภูมิ และเซเลน่าก็เข้าใจความหมายของมันได้อย่างกระจ่างเพราะลักกี้ช่วยอธิบาย

“คุณหายห่วงได้ อย่างนี้ยุติธรรมดีไหม”

“ดี แต่ถ้าไม่แอบฟังคนอื่นคุยกันด้วยก็จะดีมาก” ใบหน้าคมเข้มที่มองหล่อนมีรอยยิ้มบางๆ ปรากฎขึ้น

‘เขายิ้มให้หล่อน !’ เซเลน่าดีใจ

“ว่าแล้วยังจะมายิ้มอีก” รักษิตถามเมื่อเห็นวงหน้าสวยอมยิ้ม

รอยยิ้มหุบลง “เปล่า”

“เปล่าอะไร ก็ผมเห็นอยู่”

“ไหนว่าจะไม่คาดคั้นฉันอีกไง” โดนย้อนกลับ รักษิตก็เลยเงียบ “แล้วเมื่อไหร่คุณจะปล่อยฉันสักที ฉันอึดอัด”

รักษิตรู้สึกตัว จึงคลายมือออกจากร่างบาง ดวงตาคมเข้มหลุบต่ำลงด้วยความประหม่าและเก้อเขิน ตามประสาผู้ชายที่ทั้งชีวิตไม่เคยกอดผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่แม่และน้องสาว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ผ่านไปอีกหนึ่งวันกับชีวิตบนโลกมนุษย์ เซเลน่ายังได้แต่เฝ้าคอยว่าเมื่อไหร่นายภูมิจะปรากฏตัวอีก วันนี้คิวปิดสาวเลือกที่จะอยู่ที่บ้านกับ ‘คนรักคนใหม่’ ของนายภูมิแทนที่จะติดตาม ‘คนรักคนเก่า’ ไปร้านขนมตามคำชวนของหญิงสาว เพราะดูจากรูปการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทำให้มั่นใจว่าโอกาสที่นายภูมิจะมาหารักษิตนั้นมีมากกว่า

แต่ตอนนี้บ่ายโมงกว่าแล้ว นายภูมิก็ยังไม่มา ส่วนคุณพี่รักพอทำสปาเก็ตตี้ให้หล่อนทานเป็นอาหารกลางวันเสร็จก็เข้าไปขลุกตัวอยู่ในห้องทำงาน เซเลน่าช่วยล้างจานตามอย่างที่เห็นรักษิยาทำเสร็จก็เลยเดินออกมาคอยนายภูมิที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เดินผ่านซุ้มดอกไม้นานาพรรณที่ส่งกลิ่นหอมกระจายก็อดไม่ได้ที่จะหยุดชื่นชมความงามของสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น บนเทือกเขาโอลิมปัสก็มีดอกไม้ รูปร่างและสีสันของมันสวยงามมาก ทว่าไม่มีกลิ่นหอมเฉกเช่นดอกไม้บนโลก ฉะนั้นเซเลน่าจึงชอบดอกไม้ของพวกมนุษย์มากกว่า

คิวปิดสาวใช้ปลายนิ้วลูบไล้กลีบสีขาวนวลของดอกไม้ที่มีกลีบเป็นชั้นๆ คุณพี่รักเคยบอกว่ามันชื่อ ‘ดอกพุด’ แล้วโน้มตัวสูดดมกลิ่นหอมอันน่าหลงใหล...นึกอยากเก็บขึ้นไปฝากเพื่อนๆ คิวปิดสาวบนเทือกเขาโอลิมปัสชะมัด

“หอมมากใช่ไหมขอรับ เพราะกระผมเพิ่งฉี่ใส่เมื่อตะกี้เอง” เสียงห้าวทะเล้นดังขึ้น พอเห็นหญิงสาวผงะก็หัวเราะก๊าก “ฮาๆๆ กระผมพูดเล่นขอรับ ดอกไม้อยู่ตั้งสูงกระผมจะไปฉี่ใส่ได้ยังไง”

“นายนี่เล่นอะไรก็ไม่รู้ ฉันตกใจแทบแย่”

ตั้งแต่เป็นมนุษย์เต็มร้อย เซเลน่าก็ปฎิบัติตัวอย่างมนุษย์ทั่วไป รวมทั้งเรื่องการขับถ่าย โดยที่หล่อนไม่ต้องเรียนรู้หรือให้ใครมาสอน เพราะร่างกายมันเรียกร้องให้หล่อนทำด้วยตัวเอง “แล้วนี่หายไปไหนมา”

“ไปงีบมาครับ กระผมถือคติที่ว่า อิ่มแล้วนั่งเมื่อยหลังตายชัก คิคิ” เจ้าลายจุดหัวเราะคิกคักอย่างหมาอารมณ์ดี “คุณคิวปิดชอบดอกไม้หรือขอรับ”

“ชอบ มนุษย์นี่น่าอิจฉานะ ธรรมชาติสร้างอะไรดีๆ เพื่อมนุษย์ตั้งมากมาย”

“แล้วบนที่-ที่คุณคิวปิดอยู่ ไม่มีดอกไม้หรือขอรับ”

“มี แต่ก็ไม่มีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ของมนุษย์หรอก ว่าแต่คนที่นี่ชอบดอกไม้สีขาวกันเหรอ” เซเลน่าเพิ่งสังเกตเห็นว่าดอกไม้ส่วนใหญ่ที่ปรากฎอยู่ในสวนของบ้านหลังนี้มักจะมีสีขาว ทั้งดอกพุด ดอกโมก ดอกแก้ว ดอกมะลิ

“คงงั้นมั้งขอรับ เท่าที่กระผมรู้มา ดอกไม้พวกนี้คุณแม่ลักขณาเป็นคนปลูกน่ะขอรับ”

“คุณแม่ลักขณา ?”

“คุณแม่หรือเป็นผู้ให้กำเนิดนายรัก นายน้องยา และนายพงษ์ไงขอรับ ที่คุณแม่ณาปลูกดอกไม้สีขาวเพราะว่าคุณพ่อรักเกียรติพ่อของนายๆ และเป็นสาระมีของคุณแม่ณาเกิดวันพฤหัสบดีขอรับ นั่นแน่ๆๆ งงอะดิ๊ ว่าเกี่ยวอะไรกัน” ลักกี้ยกขาหน้าแซว เมื่อเห็นคิ้วเรียวขมวดมุ่น

“นายว่าฉันควรจะงงไหมล่ะ”

“ควรขอรับ แต่ไม่ต้องห่วง กระผมจะทำหน้าที่ชี้แจ้งให้เข้าใจเอง คืออย่างนี้ขอรับ คุณแม่ณาของนายๆ เนี่ย เป็นคนที่เชื่อเรื่องดวงมาก”

“อะไรคือดวง”

“ว่าแล้วว่าต้องถาม กระผมเองก็หาคำจำกัดความให้ชัดๆ ไม่ได้หรอกนะขอรับ แต่ก็ประมาณว่าถ้าอยากรุ่งเรืองร่ำรวย มีชีวิตดีๆ ก็ต้องทำอะไรที่เสริมดวงชะตาของเรา” หากอีกฝ่ายยังทำหน้างง ลักกี้เลยตัดบทว่า

“เรื่องดงเรื่องดวงช่างมันเถอะขอรับ เอาเป็นว่าสรุปง่ายๆ เลยคือว่าที่คุณแม่ณาปลูกดอกไม้สีขาวซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะท่านเชื่อว่าผู้ที่เกิดวันพฤหัสอย่างคุณพ่อรักเกียรติควรจะต้องปลูกดอกไม้สีขาวเอาไว้ในบ้าน เพื่อเสริมให้คุณพ่อรักเกียรติรุ่งเรืองขอรับ”

คิวปิดสาวพยักหน้าหงึกหงัก เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็พอสรุปใจความได้ว่าดอกไม้สีขาวพวกนี้ปลูกขึ้นมาเพราะหวังผลประโยชน์ ไม่ได้ปลูกไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น

มนุษย์นี่สามารถหาผลประโยชน์ได้กับทุกเรื่องจริงๆ น่าทึ่งชะมัด’ เซเลน่าคิดในใจ

“แฮะ...คุณคิวปิดคนสวยขอรับ” ลักกี้ยกขาหน้าสะกิดท่อนขาเรียว

“มีอะไร” เซเลน่านั่งยองๆ หันหน้าชนกับอีกฝ่าย

“คุณคิวปิดเป็นเทพแห่งความรัก สามารถใช้ลูกศรทำให้ใครตกหลุมรักกันก็ได้ใช่ไหมขอรับ”

“แน่น๊อน” เซเลน่ายักคิ้วอย่างภูมิใจ ทว่าไม่ได้บอกว่าพวกคิวปิดหมดหน้าที่นั่นไปแล้ว

“แฮะๆๆ งั้นถ้ากระผมยอมเป็นผู้ช่วยคุณคิวปิดจนทุกอย่างสำเร็จไปด้วยดี กระผมขออะไรอย่างได้ไหมขอรับ”

“ได้สิ ว่ามาเลย”

“คิคิ...เขิลลลจัง” ลักกี้ทิ้งตัวนอนบนพื้น เกลือกกลิ้งไปมา “เขิลๆๆๆๆ”

“เขินก็ไม่ต้องบอก ฉันไปละ” เซเลน่าเอือมระอากับลีลาเล่นตัวขอวเจ้าลายจุด แล้วจะลุกขึ้น

“อะๆๆ บอกแล้วขอรับ” มันงับชายเสื้อหญิงสาวเอาไว้ พออีกฝ่ายนั่งลงเหมือนเดิม จึงปล่อยชายเสื้อ แล้วฉีกยิ้มทำตาหวานพริ้ม ก่อนบอก “คือ กระผมอยากให้คุณคิวปิดช่วยแผลงศรให้น้องสายไหมของคุณมายด์ ที่อยู่ซอยข้างๆ ตกหลุมรักกระผมหน่อยน่ะขอรับ”

“น้องสายไหม ? แฟนนายเหรอ”

“อุ๊ย ! คุณคิวปิดอะ พูดไรไม่รู้ บ้าๆๆๆๆ !” ลักกี้นอนแผ่บนพื้น ยกขาหน้าส่ายไปมาในอากาศ “น้องสายไหมยังไม่ได้แฟนของกระผมหรอกขอรับ น้องเขาเพิ่งมาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ได้ไม่นาน กระผมเพิ่งเคยเห็นน้องเขาแค่ครั้งเดียวเอง”

“แล้วรู้ได้ไงว่าน้องเขาชื่อสายไหม”

“กระผมเรียกเองขอรับ ก็น้องเขาตัวเล็ก...ขาว...ขนฟู...อวบ หน้าตาจิ้มลิ้ม สเปคกระผมเลยอ๊ะ คุณคิวปิดช่วยแผลงศรให้น้องสายไหมรักกระผมด้วยนะขอรับ นะๆๆ คุณคิวปิด”

“อือ...ขอคิดดูก่อน ว่าทำหน้าที่ผู้ช่วยได้ดีแค่ไหน”

“ได้เลยขอรับ แล้วคุณคิวปิดจะได้เห็น ว่าเพื่อน้องสายไหม กระผมทำได้ทุกอย่างอยู่แล้นนน มา...คุณคิวปิด มาจับมือทำสัญญากันหน่อย” ลักกี้ยกขาหน้า ยื่นไปข้างหน้า

เซเลน่าจับท่อนขาลายจุด เขย่าเบาๆ “ได้เลย เจ้าสหายของฉัน”

ทั้งสองหัวเราะกันอย่างอารมณ์ดี เลยไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองมาจากในบ้านอยู่นานแล้ว

ภาพหญิงสาวกับเจ้าลักกี้นั่งสนทนากันเป็นวรรคเป็นเวร ทำให้เขาต้องคิดทบทวนเรื่องหล่อนเป็นสิบแปดมงกุฎใหม่ เพราะว่ายิ่งรู้จักกันมากขึ้นเท่าไหร่ ความสงสัยเรื่องหล่อนเป็นสิบแปดมงกุฎก็ยิ่งน้อยลง เนื่องจากเขาเชื่อว่าคงไม่มีมิจฉาชีพคนไหนที่จะมีอารมณ์มานั่งคุยและวิ่งเล่น หัวเราะเอิ๊กอ๊ากกับสุนัขของบ้านเป้าหมายได้อย่างนี้

รักษิตยอมรับกับตัวเองวงหน้าน่ารักที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้นช่างเหมือนใบหน้าของการ์ตูนผู้หญิงจากจินตนาการที่เขามักวาดให้เป็นนางเอกของเรื่อง รวมทั้งการ์ตูนเรื่อง “นิล” ที่เขากำลังจะเข้าไปเสนอให้ช่องละครในอีกไม่กี่วันนี้ด้วย

พลันโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในห้องทำงานก็ดังขึ้น รักษิตละสายตาจากเซเลน่าหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย

“ครับคุณพลอย”

ปลายสายคือ พลอยชมพู เพื่อนบ้านสาวโสดที่ตั้งปณิธานจะให้รักษิตช่วยดึงลงจากคาน จึงคอยตามเทียวไล้เทียวขื่อชายหนุ่มมานานหลายปี แต่ยังไม่สำเร็จ ทว่าก็ทำให้พลอยชมพูสนิทสนมกับรักษิต เลยรู้ว่าเขาไม่ใช่แค่มีฝีมือด้านการวาดการ์ตูน แต่เขายังมีวินัย มีความรับผิดชอบในการทำงานมาก ในฐานะเลขาส่วนตัวของผู้อำนวยการใหญ่ของสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง ทำให้ได้พบผู้คนที่ปรารถนาอยากจะได้ชื่อเสียงจากผลงานของตัวเองมากมาย แต่กลับละเลยที่จะพัฒนางาน หากเลือกที่จะใช้วิธี ‘ประจบ’ คนใหญ่คนโตให้ได้มีโอกาสแสดงผลงาน แล้วที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของดวง
ส่วนผู้ที่จะให้ผลงานเป็นสิ่งสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองอย่างรักษิตนั้นมีน้อยเลยเกิน

ฉะนั้นคนดีๆ อย่างนี้มีหรือว่าพลอยชมพูจะไม่สนับสนุน ดังนั้นเมื่อทางสถานีต้องการการ์ตูนที่มีเนื้อหาส่งเสริมคุณธรรมไปออกอากาศ พลอยชมพูจึงมาบอกรักษิต และช่วยทำหน้าที่ติดต่อประสานงาน คอยรายงานความคืบหน้าให้ตั้งแต่ต้น

และครั้งนี้ รักษิตก็คาดคิดว่าหญิงสาวจะโทรมารายงานความคืบหน้าเหมือนเดิม แต่ผิดคาด !

เพราะน้ำเสียงของปลายสายไม่ได้หวานจ๋อยเหมือนเดิม แต่พลอยชมพูตะโกนด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า

“คุณรักคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ !”

***********************************************

ปล.
ตอบคุณ saralun : น้องเซเลน่าฝากบอกว่าอยากแก้ได้ไวๆ เหมือนกันค่ะ แต่ยังคิดหาทางไม่ได้เยย ^^

ตอบคุณ เบญจามินทร์ : อิอิ ลักกี้ยังมีงานต้องช่วยนางเอกอีกเยอะเลยค่ะ คอยติดตามนะคะ

และขอบคุณทุกท่านที่ช่วยติดตามนะคะ ^^



สาธิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ค. 2554, 19:19:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ค. 2554, 19:19:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1534





<< ตอน 5   ตอน 7 >>
วิรัตต์ยา 12 ก.ค. 2554, 21:07:36 น.
ลักกี้น่าร้ากกกกกกกกกกกก

สมัครเป็นแฟนคลับลักกี้ค่ะ


เบญจามินทร์ 13 ก.ค. 2554, 13:09:41 น.
ชอบลักกี้เหมือนกันจ้ะ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account