ฤดูกาลรักที่กลางใจ ตอน คิมหันต์กับปัญชิกา
เพราะโชคชะตาทำให้คิมหันต์ได้พบกับปัญชิกาอีกครั้งพร้อมกับข้อเสนอที่น่าตกใจ...
นั่นคือเธอขอมีความสัมพันธ์กับเขาเพียงคืนเดียว!
นั่นคือเธอขอมีความสัมพันธ์กับเขาเพียงคืนเดียว!
Tags: คิมหันต์ ปัญชิกา ซัน ปุยฝ้าย ใช้หนี้ นางเอกน่าสงสาร
ตอน: ตอนที่ 23 และ 24
บทที่ 23
“หมายความว่ายังไงตาซันที่บอกว่าไม่ต้องหาสามีใหม่ให้ปุยฝ้าย แล้วก็จะไม่ให้ไปทำงานที่บริษัทแล้ว”
คุณหทัยกานต์ถามอย่างไม่เข้าใจหลังจากคิมหันต์กลับมาถึงบ้านแล้วตรงดิ่งเข้ามาพูดกับท่าน
“เพราะเธอยังเป็นผู้หญิงของผม”
“แต่ปุยฝ้ายไม่อยากอยู่กับซันไม่ใช่เหรอ”
คิมหันต์กัดฟันกับคำพูดจี้ใจดำของมารดา ก่อนบอกห้วน ๆ
“เธอไม่มีสิทธิตัดสินใจ”
“ทำไม”
เมื่อถูกคาดคั้นคิมหันต์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัด ไม่ชอบที่ต้องมาแจกแจงเหตุผลหรืออธิบายถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นมารดาของเขา แวบหนึ่งชายหนุ่มหวนนึกถึงหนังสือสัญญาที่ทำให้เขาได้ตัวเธอมา
“เพราะผมมีสิทธิเหนือตัวเธอ เธอมีหน้าที่ต้องทำตามความต้องการของผม”
คุณหทัยกานต์ชักแปร่งหูจนอดท้วงไม่ได้
“ซันไม่ใช่เจ้าชีวิตของหนูปุยฝ้ายนะ”
คิมหันต์จุดยิ้มเย็นชา ก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้คุณหทัยกานต์อึ้งงัน
“ผมเป็นมากกว่านั้น”
ชายหนุ่มทำท่าจะผละไปหากราวกับนึกอะไรได้ เจ้าตัวจึงหันมาบอกกับมารดาที่ยังคงนิ่งงัน
“แล้วผมก็จะกลับไปอยู่ที่คอนโดฯ เหมือนเดิมตั้งแต่วันนี้”
ขณะเฝ้ามองลูกชายคนโตเดินจากไป คุณหทัยกานต์ก็หวนนึกถึงคำพูดของลูกชายคนรองที่เคยบอกเอาไว้
“แต่ถ้าคุณแม่ยังดึงดันจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ผมก็คงห้ามอะไรไม่ได้นอกจากจะบอกว่า...คุณแม่อาจจะแปลกใจที่รู้ว่าจริง ๆ แล้วพี่ซันไม่ใช่คนอย่างที่คุณแม่คิด”
วินาทีนั้น คุณหทัยกานต์ได้แต่ถามกับตัวเองอย่างสับสนว่านี่คือคิมหันต์ ลูกชายของเธอที่เคยเป็นคนอ่อนโยนและมีน้ำใจคนนั้นแน่เหรอ หรือแท้จริงแล้วนี่คือตัวตนที่แท้จริงของเขากันแน่
เมื่อคิมหันต์กลับไปถึงคอนโดฯ อีกครั้งเวลาก็ล่วงเข้าเกือบสามทุ่มและพบว่าปัญชิกาเฝ้ารอเขาอยู่
เมื่อเห็นชายหนุ่มเลิกคิ้วข้างหนึ่งเหมือนจะถาม ปัญชิกาก็รีบบอกความต้องการของตัวเอง
“ฉันมีเรื่องจะตกลงกับคุณ”
“แทนตัวเองว่าปุยฝ้ายเหมือนเดิม”
ปัญชิกาชะงัก หากเมื่อสบเข้ากับแววตาเย็นชาของคิมหันต์ เธอก็ไม่อาจต้านทาน
“ปุยฝ้ายมีเรื่องจะตกลงกับคุณ”
“ว่ามา”
“ปุยฝ้าย อยากให้คุณซันกำหนดเวลาว่าจะให้ปุยฝ้ายอยู่ด้วยนานแค่ไหน”
อีกครั้งที่คิมหันต์เลิกคิ้วราวกับแปลกใจ ก่อนจุดยิ้มเย็นชาแล้วเอ่ยด้วยสุ้มเสียงเจือเยาะหยัน
“เดี๋ยวนี้รู้จักยื่นเงื่อนไขแล้วเหรอ”
เมื่อความเงียบคือสิ่งที่ได้ คิมหันต์ก็จับจ้องผู้หญิงของเขานิ่งนานราวกับการทำเช่นนั้นจะทำให้เขาพบคำตอบ
“จนกว่าฉันจะพอใจ”
ปัญชิกาน้ำตาจะหยด นี่คือคำตอบที่เธอกลัวมากที่สุดและเป็นคำตอบที่ทำร้ายเธออย่างโหดเหี้ยม จนกว่าเขาจะพอใจก็แปลว่าเธอต้องอยู่อย่างทนทุกข์และหวาดระแวงเพราะไม่รู้ว่าเขาจะเบื่อเธอวันไหน อาจเป็นวันนี้พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้
“ปุยฝ้ายขอคำตอบที่ชัดเจนได้ไหมคะ”
คิมหันต์อึ้งเมื่อปัญชิกาทำราวกับเรื่องนี้สำคัญนักหนา ยิ่งเห็นในดวงตาของเธอมีหยาดน้ำใสเอ่อคลอชายหนุ่มก็หงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก
“ทำไม! หรือกลัวจะหาผู้ชายคนใหม่มาเกาะไม่ทันถ้าเกิดฉันทิ้งเธอกะทันหัน”
ปัญชิกาปากสั่นน้ำตาจวนเจียนจะหยดเต็มที คำว่า ทิ้ง จากปากเขาทำให้หัวใจปวดแปลบ หญิงสาวพยายามกล้ำกลืนน้ำตาในขณะที่ชายหนุ่มคาดคั้นเสียงเข้ม
“ใช่หรือเปล่า!”
เพราะถูกคาดคั้นในภาวะที่พูดไม่ออกและรู้ว่าถ้าเธอยังไม่ตอบเขาคงไม่หยุดแค่นี้ อีกทั้งรู้สึกเหนื่อยเต็มทีกับมุมมองที่เขามีต่อเธอ ปัญชิกาจึงใช้วิธีพยักหน้ารับทั้งที่ชอกช้ำใจ
คิมหันต์บอกไม่ถูกว่าความรู้สึกตอนนี้คืออะไร ทันทีที่เห็นปัญชิกาพยักหน้าชายหนุ่มทั้งผิดหวังทั้งขุ่นเคืองหากไม่ยอมรับว่าลึกลงไปแล้วก็ปวดใจด้วยเช่นกัน ดังนั้นชายหนุ่มจึงแค่นยิ้มเย้ยหยันก่อนบอกด้วยสุ้มเสียงดูแคลน
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เคยเอาเปรียบใครถ้าถึงวันที่ฉันเบื่อเธอจริง ๆ ยังไงซะเธอก็จะมีเงินก้อนหนึ่งติดตัวไปแน่ หรือถ้ากลัวว่าไม่พอฉันจะขอให้คุณแม่ช่วยหาสามีใหม่ให้เธอก็ยังได้”
“พอที!”
สุดที่ปัญชิกาจะทานทนได้อีก เสียงกรีดร้องมาพร้อมกับน้ำตาที่พร่างพรู รู้สึกเหมือนหัวใจเธออยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาที่กำลังเหยียบย่ำอย่างไม่ปรานีปราศรัย จนเธอนึกอยากให้ตัวเองปราศจากหัวใจไปเสียเลยจะได้ไม่ต้องรู้สึกรู้สา ไม่ต้องเจ็บปวดเหมือนอย่างทุกวันนี้
คิมหันต์ยืนอึ้งตัวชาตกใจกับเสียงกรีดร้องเหมือนคนเสียสติของปัญชิกา หัวใจชายหนุ่มเหน็บหนาวยิ่งเห็นเธอค่อย ๆ ทรุดลงไปนั่งกอดตัวเองอยู่บนพื้นเขาก็ทนไม่ได้
“เป็นบ้าอะไร!”
ชายหนุ่มโน้มตัวไปกระชากร่างเล็กขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจและใจหายที่เห็นเธอในสภาพนี้ แต่หญิงสาวเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงเมื่อถลาตามแรงกระชากแล้วซวนซบลงกับอกเขา จากนั้นหูของคิมหันต์ก็แทบแตกกับเสียงร้องไห้ของปัญชิกา
ร่างเล็กในอ้อมอกที่ยามนี้สั่นสะท้านราวกับลูกนกตกน้ำชวนให้คิมหันต์นึกสงสารขึ้นมาวูบหนึ่ง และอาจด้วยวูบนั้นเองที่ทำให้ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาโอบกอดราวกับจะให้ไออุ่น หากต้องยืนนิ่งเมื่อถูกปัญชิกาเอามือขยุ้มเสื้อด้านหน้าของเขาไว้อย่างแรงแล้วเอาแต่ร้องไห้ราวกับจะลงโทษที่เขาทำให้เธอเสียน้ำตา
“นิ่งซะ”
ชายหนุ่มพึมพำบอกกับเรือนผมหอมกรุ่น ไม่อยากบอกว่าเสียงร้องไห้ของเธอมันบีบหัวใจของเขา หากเมื่อปัญชิกายังเอาแต่ร้องไห้ คิมหันต์ก็ว้าวุ่นใจ
“ถ้าเธอมีลูกให้ฉัน ถึงตอนนั้น...ฉันอาจจะปล่อยเธอไป”
เสียงร้องไห้ชะงักไปและทำให้คิมหันต์นึกเยาะตัวเองที่หลุดปาก ชายหนุ่มโทษว่าคงเป็นเพราะเสียงร้องไห้ของเธอมีผลต่อสติของเขาจนทำให้มันฟั่นเฟือนไปชั่วขณะ
“ลูก...เหรอคะ”
นัยน์ตาแดงช้ำของคนที่แหงนขึ้นมามองทำให้คิมหันต์พอเดาได้ว่าปัญชิกาก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน ลูกของพวกเขาที่เพิ่งเสียไป
ลูก
ปัญชิกาน้ำตายิ่งไหลเมื่อนึกถึงชีวิตน้อย ๆ ที่ไม่มีโอกาสลืมตาดูโลก ยิ่งนึกก็ยิ่งเสียใจหากขณะเดียวกันก็เริ่มเพลียจากการร้องไห้ทำให้เปลือกตาค่อย ๆ ปิดลงทีละน้อย
เมื่อรู้สึกว่าร่างในอ้อมกอดตัวอ่อนเหมือนไร้กระดูกคิมหันต์ก็ก้มมองแล้วแทบไม่อยากเชื่อว่าปัญชิกาจะหลับไปทั้งอย่างนั้น ชายหนุ่มทั้งขำทั้งอ่อนใจก่อนกดจุมพิตหนัก ๆ บนเรือนผมอีกฝ่ายอย่างนึกหมั่นเขี้ยว จากนั้นจึงอุ้มคนขี้เซาไปวางบนเตียงนอน
บทที่ 24
ความรู้สึกแรกของปัญชิกาเมื่อรู้สึกตัวคืออึดอัด เมื่อลืมตาหญิงสาวจึงเข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร
ปัญชิกามองแผงอกกว้างที่เธอนอนซุกมาทั้งคืนราวกับไม่เคยเห็นในขณะที่สมองก็ทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“ถ้าเธอมีลูกให้ฉัน ถึงตอนนั้น...ฉันอาจจะปล่อยเธอไป”
อิสระของเธอต้องแลกกับลูกอย่างนั้นเหรอ
หญิงสาวขมไปทั้งใจก่อนค่อย ๆ ปลดมือของชายหนุ่มที่พาดตัวเธอออก จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไป โดยไม่รู้เลยว่าทันทีที่เธอเดินออกไปจากห้อง คนที่คิดว่ายังหลับก็ลืมตา
เพราะคิมหันต์ตัดสินใจกลับไปอยู่บ้านสุวรรณอังกูรชายหนุ่มจึงไม่ได้ซื้ออะไรมาเก็บเอาไว้ ปัญชิกาจึงพบเพียงน้ำดื่มเมื่อเปิดตู้เย็น หญิงสาวถอนหายใจอย่างผิดหวังเมื่อลองเปิดตู้ติดผนังก็พบเพียงบะหมี่สำเร็จรูป
เมื่อพบเพียงความว่างเปล่าไม่มีทั้งคนและอาหารบนโต๊ะ คิมหันต์ก็นิ่วหน้ากำลังคิดจะเดินตามหาหางตาก็เหลือบไปเห็นร่างเล็กตรงระเบียง
“อาหารเช้าล่ะ”
“ในตู้เย็นไม่มีอะไรเลยค่ะนอกจากน้ำเปล่า”
คิมหันต์นิ่งไปเพิ่งนึกออกว่าตอนที่ตัดสินใจกลับไปอยู่บ้าน มารดาส่งคนมาทำความสะอาดคอนโดฯ ตอนนั้นก็คงจัดการกับของสดในตู้เย็นด้วย
“ส่วนในตู้ติดผนังมีแค่มาม่ากับกาแฟ คุณซันจะทานกาแฟไหมคะปุยฝ้ายจะไปชงให้”
คิมหันต์ใจชื้นเมื่อปัญชิกายังมีทีท่าใส่ใจเขาเหมือนเดิม
“ไม่ล่ะ ออกไปหาอะไรข้างนอกทานกันดีกว่า”
เพราะเห็นปัญชิกายิ้มคิมหันต์จึงคิดไม่ถึงว่าคำตอบที่ได้จะเป็น
“ปุยฝ้ายไม่ไปนะคะ”
“ทำไม”
“เพราะ...” ปัญชิกาเบือนหน้าไปนอกระเบียงเพื่อซ่อนสีหน้าจากอีกฝ่ายยามเอ่ยต่อ “ถ้าใครมาเห็นปุยฝ้ายอยู่กับคุณซัน ก็อาจจะทำให้คนอื่นนึกดูถูกคุณซันเอาได้”
คิมหันต์นิ่วหน้าไม่ชอบใจคำพูดของปัญชิกาจนต้องเอ็ด
“เหลวไหล! พูดอะไรของเธอ”
“คุณซันไปเถอะค่ะ ปุยฝ้ายจะต้มมาม่าทาน”
ชายหนุ่มนิ่งไปยามพินิจสีหน้าของหญิงสาว บางอย่างในท่าทีของเธอทำให้เขาไม่สบายใจเมื่อหวนนึกถึงปฏิกิริยาเมื่อคืนของหญิงสาวชายหนุ่มจึงตัดสินใจ
“งั้นทำเผื่อฉันด้วยละกัน”
คิมหันต์เห็นความคาดไม่ถึงในแววตาของปัญชิกาแต่หญิงสาวกลับไม่พูดอะไรเมื่อหมุนตัวเพื่อไปทำตามคำสั่ง วูบนั้นเขารู้สึกแน่นในอกและใจหายแต่ก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร
กลางดึกคืนนั้น หลังตักตวงความสุขจากเรือนร่างของปัญชิกาจนเธอเพลียผล็อยหลับไปนานแล้ว คิมหันต์ก็ยังไม่อาจข่มตาให้หลับตามหญิงสาวไปได้เหมือนอย่างทุกครั้งเพราะบางอย่างที่ยังคงรบกวนจิตใจ
ชายหนุ่มนึกถึงเรื่องตอนเช้า เมื่อเขาต้องการทานบะหมี่สำเร็จรูปเธอก็ทำมาให้ พอเขาบอกว่าอยากดื่มกาแฟเธอก็ไปชงมาให้เหมือนเคย ทั้งที่ปัญชิกาก็ยังว่าง่ายและทำตามความต้องการของเขาเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี ยิ่งนึกถึงก่อนหน้านี้เมื่อเขาแสดงออกถึงความปรารถนาในตัวของเธอปัญชิกาก็ยินดีตอบสนองไม่ได้ขัดขืน แต่ความไม่สบายใจก็ยังไม่จางหาย
“ถ้าเธอมีลูกให้ฉัน ถึงตอนนั้น...ฉันอาจจะปล่อยเธอไป”
คิมหันต์รู้ คำพูดของเขาทำร้ายจิตใจของเธอ ทั้งที่เพิ่งเสียลูกไปแต่เขาก็ยังยื่นเงื่อนไขบ้า ๆ นั่นให้อีก
ทำไมเขาถึงชอบทำให้เธอเสียใจนัก
ชายหนุ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ทั้งที่แน่ใจว่าเขาไม่ได้มีความสุขกับการทำให้เธอเสียใจหรือร้องไห้แต่ก็ไม่เคยห้ามตัวเองให้เลิกทำร้ายจิตใจของเธอ
หรือเพราะเธอก้าวเข้ามาในช่วงเวลาที่เขากำลังต้องการระบายความเจ็บปวดในหัวใจ
คิมหันต์เริ่มสับสน ยอมรับว่าการกลับไปอยู่บ้านสุวรรณอังกูรก่อนหน้านี้ไม่ได้นำความเจ็บปวดเจียนตายมาให้อย่างที่เคยนึกกลัว แม้หัวใจยังแปลบปลาบยามเห็นเหมันต์และปานฤทัย แต่เขาพบว่าตัวเองไม่ได้เจ็บจนนึกอยากคลุ้มคลั่งเหมือนอย่างในช่วงแรก
เพราะความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ถูกเขาถ่ายเทไปไว้ที่ปัญชิกาแล้วอย่างนั้นเหรอ
วินาทีนั้น ชายหนุ่มนึกสะท้อนใจและเริ่มมองเห็นด้านมืดของตัวเองอย่างชัดเจน ยิ่งนึกทบทวนถึงวันที่ตัดสินใจใช้เงินเพื่อเอาตัวเธอมารองรับอารมณ์ หลังจากนั้นก็พยายามทำให้เธอกลายเป็นตุ๊กตามีชีวิตที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพอใจโดยไม่เคยหยุดคิดเลยว่าเธอก็เป็นคนที่มีเลือดเนื้อมีชีวิตและมีหัวใจเหมือนอย่างเขา คิมหันต์ก็เริ่มปวดหนึบที่กลางใจโดยเฉพาะเมื่อหวนนึกถึงปฏิกิริยาล่าสุดของเธอเมื่อคืนที่ทำให้เขาตกใจเหลือเกิน
ยามพินิจคนข้างตัวที่ยามนี้ไม่รู้ว่ากำลังจมอยู่ในฝันดีหรือฝันร้าย คิมหันต์ก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนในหัวใจของเขา นึกถึงการกระทำเห็นแก่ตัวของตนเอง นึกถึงปัญชิกาที่เขาทำให้เธอต้องเสียน้ำตาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน และสุดท้ายนึกถึงลูกของพวกเขาทั้งสองคน
เพราะรู้ว่าเขามันคนไร้หัวใจ ลูกถึงได้ไม่อยากเกิดมา
ชายหนุ่มนึกอย่างขมขื่นจำได้ติดตาถึงความเจ็บปวดเสียใจของหญิงสาวยามที่รู้ว่าเสียลูกไป แต่เขากลับยังซ้ำเติมเธออย่างเลือดเย็นด้วยการให้ความหวังว่าจะยอมปล่อยหากเธอมีลูกให้กับเขาอีก
ตั้งแต่เกิดมาคิมหันต์ไม่เคยนึกเกลียดตัวเองจับใจเท่ากับตอนนี้ นึกชิงชังตัวเองที่ไม่เคยมองย้อนกลับไปถึงการกระทำที่ผ่านมาและไม่เคยสำนึกว่าตนเองเลวร้ายกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งมากเพียงไหน
ความสำนึกเสียใจปะปนกับความอ่อนโยนจนหล่อหลอมหัวใจให้เริ่มอ่อนไหว คิมหันต์ดึงร่างเล็กเข้ามาสวมกอดอย่างทะนุถนอมราวกับเธอเป็นสิ่งล้ำค่าก่อนกดจุมพิตแผ่วตรงข้างขมับดุจจะใช้การกระทำนั้นทดแทนความเลวร้ายทั้งปวงในอดีต
“ขอโทษ”
-----------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ มาแปะนิยายตอนแรกแบบซึมหน่อย ๆ ว่าทำไมเราถึงปั้นพระเอกน่าชังแบบนี้ออกมาได้ เฮ้ออออออ (เพิ่งจะคิดได้เรอะ) ก็เลยแก้ตัวด้วยการแปะอีกตอนเพื่อลบความซึมของตัวเอง (เหมือนจะเกี่ยวกันเน๊อะ ^^)
หลังจากนี้พี่ซันจะเข้าสู่โหมดสำนึกตัวแล้ว ลุ้น ๆ ว่าจะทำให้คนอ่านใจอ่อนให้อภัยได้รึเปล่า 555
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ
konhin : ปุยฝ้ายเข้าข่ายนั้นเต็มตัวค่ะ เพราะรักจึงยอมทำได้ทุกอย่าง แต่ส่วนตัวแล้วพันวลีว่าคนที่คิดแบบนี้น่าสงสารค่ะ ทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก แต่ลืมที่จะรักตัวเองซะงั้น
ปิ่นนลิน : 555 ชอบจังตอนแถมรูปสะบัดหน้า นั่นสำหรับพระเอกโดยเฉพาะใช่มั้ยคะ
coonX3 : ถึงตอนนี้คิดว่าปุยฝ้ายก็คงอยากเข้มแข็งขึ้นแล้วล่ะค่ะเพราะมาถึงจุดที่คงทนไม่ไหวอีกแล้ว
sugar : ขอบคุณค่ะ ถ้าคนอ่านรู้สึกสนุกคนแต่งก็ดีใจ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะพอตอบโจทย์เรื่องความร้ายของคุณซันได้บ้างรึเปล่า แหะ..แหะ..เหลือไม่กี่ตอนก็จบแล้วค่ะ
กาซะลองพลัดถิ่น : เสียวสันหลังแทนนายซันเลยเหมือนมีคนรอสมน้ำหน้าวันที่ถูกกรรมสนอง 555 แต่นายซันก็แย่มากจริง ๆ ค่ะ การทำให้ปุยฝ้ายรู้สึกแย่ถึงขนาดมองว่าตัวเองด้อยค่าไม่มีความหมายได้เนี่ย ไม่ธรรมดาจริง ๆ (หมายถึงร้ายชนิดไม่ธรรมดานะคะ)
นักอ่านเหนียวหนึบ : พี่ซันจะเลิกทำตัวร้ายกาจแล้วคร้า แล้วปุยฝ้ายก็จะไม่เก็บกดอีกแล้ว
“หมายความว่ายังไงตาซันที่บอกว่าไม่ต้องหาสามีใหม่ให้ปุยฝ้าย แล้วก็จะไม่ให้ไปทำงานที่บริษัทแล้ว”
คุณหทัยกานต์ถามอย่างไม่เข้าใจหลังจากคิมหันต์กลับมาถึงบ้านแล้วตรงดิ่งเข้ามาพูดกับท่าน
“เพราะเธอยังเป็นผู้หญิงของผม”
“แต่ปุยฝ้ายไม่อยากอยู่กับซันไม่ใช่เหรอ”
คิมหันต์กัดฟันกับคำพูดจี้ใจดำของมารดา ก่อนบอกห้วน ๆ
“เธอไม่มีสิทธิตัดสินใจ”
“ทำไม”
เมื่อถูกคาดคั้นคิมหันต์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัด ไม่ชอบที่ต้องมาแจกแจงเหตุผลหรืออธิบายถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นมารดาของเขา แวบหนึ่งชายหนุ่มหวนนึกถึงหนังสือสัญญาที่ทำให้เขาได้ตัวเธอมา
“เพราะผมมีสิทธิเหนือตัวเธอ เธอมีหน้าที่ต้องทำตามความต้องการของผม”
คุณหทัยกานต์ชักแปร่งหูจนอดท้วงไม่ได้
“ซันไม่ใช่เจ้าชีวิตของหนูปุยฝ้ายนะ”
คิมหันต์จุดยิ้มเย็นชา ก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้คุณหทัยกานต์อึ้งงัน
“ผมเป็นมากกว่านั้น”
ชายหนุ่มทำท่าจะผละไปหากราวกับนึกอะไรได้ เจ้าตัวจึงหันมาบอกกับมารดาที่ยังคงนิ่งงัน
“แล้วผมก็จะกลับไปอยู่ที่คอนโดฯ เหมือนเดิมตั้งแต่วันนี้”
ขณะเฝ้ามองลูกชายคนโตเดินจากไป คุณหทัยกานต์ก็หวนนึกถึงคำพูดของลูกชายคนรองที่เคยบอกเอาไว้
“แต่ถ้าคุณแม่ยังดึงดันจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ผมก็คงห้ามอะไรไม่ได้นอกจากจะบอกว่า...คุณแม่อาจจะแปลกใจที่รู้ว่าจริง ๆ แล้วพี่ซันไม่ใช่คนอย่างที่คุณแม่คิด”
วินาทีนั้น คุณหทัยกานต์ได้แต่ถามกับตัวเองอย่างสับสนว่านี่คือคิมหันต์ ลูกชายของเธอที่เคยเป็นคนอ่อนโยนและมีน้ำใจคนนั้นแน่เหรอ หรือแท้จริงแล้วนี่คือตัวตนที่แท้จริงของเขากันแน่
เมื่อคิมหันต์กลับไปถึงคอนโดฯ อีกครั้งเวลาก็ล่วงเข้าเกือบสามทุ่มและพบว่าปัญชิกาเฝ้ารอเขาอยู่
เมื่อเห็นชายหนุ่มเลิกคิ้วข้างหนึ่งเหมือนจะถาม ปัญชิกาก็รีบบอกความต้องการของตัวเอง
“ฉันมีเรื่องจะตกลงกับคุณ”
“แทนตัวเองว่าปุยฝ้ายเหมือนเดิม”
ปัญชิกาชะงัก หากเมื่อสบเข้ากับแววตาเย็นชาของคิมหันต์ เธอก็ไม่อาจต้านทาน
“ปุยฝ้ายมีเรื่องจะตกลงกับคุณ”
“ว่ามา”
“ปุยฝ้าย อยากให้คุณซันกำหนดเวลาว่าจะให้ปุยฝ้ายอยู่ด้วยนานแค่ไหน”
อีกครั้งที่คิมหันต์เลิกคิ้วราวกับแปลกใจ ก่อนจุดยิ้มเย็นชาแล้วเอ่ยด้วยสุ้มเสียงเจือเยาะหยัน
“เดี๋ยวนี้รู้จักยื่นเงื่อนไขแล้วเหรอ”
เมื่อความเงียบคือสิ่งที่ได้ คิมหันต์ก็จับจ้องผู้หญิงของเขานิ่งนานราวกับการทำเช่นนั้นจะทำให้เขาพบคำตอบ
“จนกว่าฉันจะพอใจ”
ปัญชิกาน้ำตาจะหยด นี่คือคำตอบที่เธอกลัวมากที่สุดและเป็นคำตอบที่ทำร้ายเธออย่างโหดเหี้ยม จนกว่าเขาจะพอใจก็แปลว่าเธอต้องอยู่อย่างทนทุกข์และหวาดระแวงเพราะไม่รู้ว่าเขาจะเบื่อเธอวันไหน อาจเป็นวันนี้พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้
“ปุยฝ้ายขอคำตอบที่ชัดเจนได้ไหมคะ”
คิมหันต์อึ้งเมื่อปัญชิกาทำราวกับเรื่องนี้สำคัญนักหนา ยิ่งเห็นในดวงตาของเธอมีหยาดน้ำใสเอ่อคลอชายหนุ่มก็หงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก
“ทำไม! หรือกลัวจะหาผู้ชายคนใหม่มาเกาะไม่ทันถ้าเกิดฉันทิ้งเธอกะทันหัน”
ปัญชิกาปากสั่นน้ำตาจวนเจียนจะหยดเต็มที คำว่า ทิ้ง จากปากเขาทำให้หัวใจปวดแปลบ หญิงสาวพยายามกล้ำกลืนน้ำตาในขณะที่ชายหนุ่มคาดคั้นเสียงเข้ม
“ใช่หรือเปล่า!”
เพราะถูกคาดคั้นในภาวะที่พูดไม่ออกและรู้ว่าถ้าเธอยังไม่ตอบเขาคงไม่หยุดแค่นี้ อีกทั้งรู้สึกเหนื่อยเต็มทีกับมุมมองที่เขามีต่อเธอ ปัญชิกาจึงใช้วิธีพยักหน้ารับทั้งที่ชอกช้ำใจ
คิมหันต์บอกไม่ถูกว่าความรู้สึกตอนนี้คืออะไร ทันทีที่เห็นปัญชิกาพยักหน้าชายหนุ่มทั้งผิดหวังทั้งขุ่นเคืองหากไม่ยอมรับว่าลึกลงไปแล้วก็ปวดใจด้วยเช่นกัน ดังนั้นชายหนุ่มจึงแค่นยิ้มเย้ยหยันก่อนบอกด้วยสุ้มเสียงดูแคลน
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เคยเอาเปรียบใครถ้าถึงวันที่ฉันเบื่อเธอจริง ๆ ยังไงซะเธอก็จะมีเงินก้อนหนึ่งติดตัวไปแน่ หรือถ้ากลัวว่าไม่พอฉันจะขอให้คุณแม่ช่วยหาสามีใหม่ให้เธอก็ยังได้”
“พอที!”
สุดที่ปัญชิกาจะทานทนได้อีก เสียงกรีดร้องมาพร้อมกับน้ำตาที่พร่างพรู รู้สึกเหมือนหัวใจเธออยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาที่กำลังเหยียบย่ำอย่างไม่ปรานีปราศรัย จนเธอนึกอยากให้ตัวเองปราศจากหัวใจไปเสียเลยจะได้ไม่ต้องรู้สึกรู้สา ไม่ต้องเจ็บปวดเหมือนอย่างทุกวันนี้
คิมหันต์ยืนอึ้งตัวชาตกใจกับเสียงกรีดร้องเหมือนคนเสียสติของปัญชิกา หัวใจชายหนุ่มเหน็บหนาวยิ่งเห็นเธอค่อย ๆ ทรุดลงไปนั่งกอดตัวเองอยู่บนพื้นเขาก็ทนไม่ได้
“เป็นบ้าอะไร!”
ชายหนุ่มโน้มตัวไปกระชากร่างเล็กขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจและใจหายที่เห็นเธอในสภาพนี้ แต่หญิงสาวเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงเมื่อถลาตามแรงกระชากแล้วซวนซบลงกับอกเขา จากนั้นหูของคิมหันต์ก็แทบแตกกับเสียงร้องไห้ของปัญชิกา
ร่างเล็กในอ้อมอกที่ยามนี้สั่นสะท้านราวกับลูกนกตกน้ำชวนให้คิมหันต์นึกสงสารขึ้นมาวูบหนึ่ง และอาจด้วยวูบนั้นเองที่ทำให้ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาโอบกอดราวกับจะให้ไออุ่น หากต้องยืนนิ่งเมื่อถูกปัญชิกาเอามือขยุ้มเสื้อด้านหน้าของเขาไว้อย่างแรงแล้วเอาแต่ร้องไห้ราวกับจะลงโทษที่เขาทำให้เธอเสียน้ำตา
“นิ่งซะ”
ชายหนุ่มพึมพำบอกกับเรือนผมหอมกรุ่น ไม่อยากบอกว่าเสียงร้องไห้ของเธอมันบีบหัวใจของเขา หากเมื่อปัญชิกายังเอาแต่ร้องไห้ คิมหันต์ก็ว้าวุ่นใจ
“ถ้าเธอมีลูกให้ฉัน ถึงตอนนั้น...ฉันอาจจะปล่อยเธอไป”
เสียงร้องไห้ชะงักไปและทำให้คิมหันต์นึกเยาะตัวเองที่หลุดปาก ชายหนุ่มโทษว่าคงเป็นเพราะเสียงร้องไห้ของเธอมีผลต่อสติของเขาจนทำให้มันฟั่นเฟือนไปชั่วขณะ
“ลูก...เหรอคะ”
นัยน์ตาแดงช้ำของคนที่แหงนขึ้นมามองทำให้คิมหันต์พอเดาได้ว่าปัญชิกาก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน ลูกของพวกเขาที่เพิ่งเสียไป
ลูก
ปัญชิกาน้ำตายิ่งไหลเมื่อนึกถึงชีวิตน้อย ๆ ที่ไม่มีโอกาสลืมตาดูโลก ยิ่งนึกก็ยิ่งเสียใจหากขณะเดียวกันก็เริ่มเพลียจากการร้องไห้ทำให้เปลือกตาค่อย ๆ ปิดลงทีละน้อย
เมื่อรู้สึกว่าร่างในอ้อมกอดตัวอ่อนเหมือนไร้กระดูกคิมหันต์ก็ก้มมองแล้วแทบไม่อยากเชื่อว่าปัญชิกาจะหลับไปทั้งอย่างนั้น ชายหนุ่มทั้งขำทั้งอ่อนใจก่อนกดจุมพิตหนัก ๆ บนเรือนผมอีกฝ่ายอย่างนึกหมั่นเขี้ยว จากนั้นจึงอุ้มคนขี้เซาไปวางบนเตียงนอน
บทที่ 24
ความรู้สึกแรกของปัญชิกาเมื่อรู้สึกตัวคืออึดอัด เมื่อลืมตาหญิงสาวจึงเข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร
ปัญชิกามองแผงอกกว้างที่เธอนอนซุกมาทั้งคืนราวกับไม่เคยเห็นในขณะที่สมองก็ทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“ถ้าเธอมีลูกให้ฉัน ถึงตอนนั้น...ฉันอาจจะปล่อยเธอไป”
อิสระของเธอต้องแลกกับลูกอย่างนั้นเหรอ
หญิงสาวขมไปทั้งใจก่อนค่อย ๆ ปลดมือของชายหนุ่มที่พาดตัวเธอออก จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไป โดยไม่รู้เลยว่าทันทีที่เธอเดินออกไปจากห้อง คนที่คิดว่ายังหลับก็ลืมตา
เพราะคิมหันต์ตัดสินใจกลับไปอยู่บ้านสุวรรณอังกูรชายหนุ่มจึงไม่ได้ซื้ออะไรมาเก็บเอาไว้ ปัญชิกาจึงพบเพียงน้ำดื่มเมื่อเปิดตู้เย็น หญิงสาวถอนหายใจอย่างผิดหวังเมื่อลองเปิดตู้ติดผนังก็พบเพียงบะหมี่สำเร็จรูป
เมื่อพบเพียงความว่างเปล่าไม่มีทั้งคนและอาหารบนโต๊ะ คิมหันต์ก็นิ่วหน้ากำลังคิดจะเดินตามหาหางตาก็เหลือบไปเห็นร่างเล็กตรงระเบียง
“อาหารเช้าล่ะ”
“ในตู้เย็นไม่มีอะไรเลยค่ะนอกจากน้ำเปล่า”
คิมหันต์นิ่งไปเพิ่งนึกออกว่าตอนที่ตัดสินใจกลับไปอยู่บ้าน มารดาส่งคนมาทำความสะอาดคอนโดฯ ตอนนั้นก็คงจัดการกับของสดในตู้เย็นด้วย
“ส่วนในตู้ติดผนังมีแค่มาม่ากับกาแฟ คุณซันจะทานกาแฟไหมคะปุยฝ้ายจะไปชงให้”
คิมหันต์ใจชื้นเมื่อปัญชิกายังมีทีท่าใส่ใจเขาเหมือนเดิม
“ไม่ล่ะ ออกไปหาอะไรข้างนอกทานกันดีกว่า”
เพราะเห็นปัญชิกายิ้มคิมหันต์จึงคิดไม่ถึงว่าคำตอบที่ได้จะเป็น
“ปุยฝ้ายไม่ไปนะคะ”
“ทำไม”
“เพราะ...” ปัญชิกาเบือนหน้าไปนอกระเบียงเพื่อซ่อนสีหน้าจากอีกฝ่ายยามเอ่ยต่อ “ถ้าใครมาเห็นปุยฝ้ายอยู่กับคุณซัน ก็อาจจะทำให้คนอื่นนึกดูถูกคุณซันเอาได้”
คิมหันต์นิ่วหน้าไม่ชอบใจคำพูดของปัญชิกาจนต้องเอ็ด
“เหลวไหล! พูดอะไรของเธอ”
“คุณซันไปเถอะค่ะ ปุยฝ้ายจะต้มมาม่าทาน”
ชายหนุ่มนิ่งไปยามพินิจสีหน้าของหญิงสาว บางอย่างในท่าทีของเธอทำให้เขาไม่สบายใจเมื่อหวนนึกถึงปฏิกิริยาเมื่อคืนของหญิงสาวชายหนุ่มจึงตัดสินใจ
“งั้นทำเผื่อฉันด้วยละกัน”
คิมหันต์เห็นความคาดไม่ถึงในแววตาของปัญชิกาแต่หญิงสาวกลับไม่พูดอะไรเมื่อหมุนตัวเพื่อไปทำตามคำสั่ง วูบนั้นเขารู้สึกแน่นในอกและใจหายแต่ก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร
กลางดึกคืนนั้น หลังตักตวงความสุขจากเรือนร่างของปัญชิกาจนเธอเพลียผล็อยหลับไปนานแล้ว คิมหันต์ก็ยังไม่อาจข่มตาให้หลับตามหญิงสาวไปได้เหมือนอย่างทุกครั้งเพราะบางอย่างที่ยังคงรบกวนจิตใจ
ชายหนุ่มนึกถึงเรื่องตอนเช้า เมื่อเขาต้องการทานบะหมี่สำเร็จรูปเธอก็ทำมาให้ พอเขาบอกว่าอยากดื่มกาแฟเธอก็ไปชงมาให้เหมือนเคย ทั้งที่ปัญชิกาก็ยังว่าง่ายและทำตามความต้องการของเขาเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี ยิ่งนึกถึงก่อนหน้านี้เมื่อเขาแสดงออกถึงความปรารถนาในตัวของเธอปัญชิกาก็ยินดีตอบสนองไม่ได้ขัดขืน แต่ความไม่สบายใจก็ยังไม่จางหาย
“ถ้าเธอมีลูกให้ฉัน ถึงตอนนั้น...ฉันอาจจะปล่อยเธอไป”
คิมหันต์รู้ คำพูดของเขาทำร้ายจิตใจของเธอ ทั้งที่เพิ่งเสียลูกไปแต่เขาก็ยังยื่นเงื่อนไขบ้า ๆ นั่นให้อีก
ทำไมเขาถึงชอบทำให้เธอเสียใจนัก
ชายหนุ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ทั้งที่แน่ใจว่าเขาไม่ได้มีความสุขกับการทำให้เธอเสียใจหรือร้องไห้แต่ก็ไม่เคยห้ามตัวเองให้เลิกทำร้ายจิตใจของเธอ
หรือเพราะเธอก้าวเข้ามาในช่วงเวลาที่เขากำลังต้องการระบายความเจ็บปวดในหัวใจ
คิมหันต์เริ่มสับสน ยอมรับว่าการกลับไปอยู่บ้านสุวรรณอังกูรก่อนหน้านี้ไม่ได้นำความเจ็บปวดเจียนตายมาให้อย่างที่เคยนึกกลัว แม้หัวใจยังแปลบปลาบยามเห็นเหมันต์และปานฤทัย แต่เขาพบว่าตัวเองไม่ได้เจ็บจนนึกอยากคลุ้มคลั่งเหมือนอย่างในช่วงแรก
เพราะความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ถูกเขาถ่ายเทไปไว้ที่ปัญชิกาแล้วอย่างนั้นเหรอ
วินาทีนั้น ชายหนุ่มนึกสะท้อนใจและเริ่มมองเห็นด้านมืดของตัวเองอย่างชัดเจน ยิ่งนึกทบทวนถึงวันที่ตัดสินใจใช้เงินเพื่อเอาตัวเธอมารองรับอารมณ์ หลังจากนั้นก็พยายามทำให้เธอกลายเป็นตุ๊กตามีชีวิตที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพอใจโดยไม่เคยหยุดคิดเลยว่าเธอก็เป็นคนที่มีเลือดเนื้อมีชีวิตและมีหัวใจเหมือนอย่างเขา คิมหันต์ก็เริ่มปวดหนึบที่กลางใจโดยเฉพาะเมื่อหวนนึกถึงปฏิกิริยาล่าสุดของเธอเมื่อคืนที่ทำให้เขาตกใจเหลือเกิน
ยามพินิจคนข้างตัวที่ยามนี้ไม่รู้ว่ากำลังจมอยู่ในฝันดีหรือฝันร้าย คิมหันต์ก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนในหัวใจของเขา นึกถึงการกระทำเห็นแก่ตัวของตนเอง นึกถึงปัญชิกาที่เขาทำให้เธอต้องเสียน้ำตาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน และสุดท้ายนึกถึงลูกของพวกเขาทั้งสองคน
เพราะรู้ว่าเขามันคนไร้หัวใจ ลูกถึงได้ไม่อยากเกิดมา
ชายหนุ่มนึกอย่างขมขื่นจำได้ติดตาถึงความเจ็บปวดเสียใจของหญิงสาวยามที่รู้ว่าเสียลูกไป แต่เขากลับยังซ้ำเติมเธออย่างเลือดเย็นด้วยการให้ความหวังว่าจะยอมปล่อยหากเธอมีลูกให้กับเขาอีก
ตั้งแต่เกิดมาคิมหันต์ไม่เคยนึกเกลียดตัวเองจับใจเท่ากับตอนนี้ นึกชิงชังตัวเองที่ไม่เคยมองย้อนกลับไปถึงการกระทำที่ผ่านมาและไม่เคยสำนึกว่าตนเองเลวร้ายกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งมากเพียงไหน
ความสำนึกเสียใจปะปนกับความอ่อนโยนจนหล่อหลอมหัวใจให้เริ่มอ่อนไหว คิมหันต์ดึงร่างเล็กเข้ามาสวมกอดอย่างทะนุถนอมราวกับเธอเป็นสิ่งล้ำค่าก่อนกดจุมพิตแผ่วตรงข้างขมับดุจจะใช้การกระทำนั้นทดแทนความเลวร้ายทั้งปวงในอดีต
“ขอโทษ”
-----------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ มาแปะนิยายตอนแรกแบบซึมหน่อย ๆ ว่าทำไมเราถึงปั้นพระเอกน่าชังแบบนี้ออกมาได้ เฮ้ออออออ (เพิ่งจะคิดได้เรอะ) ก็เลยแก้ตัวด้วยการแปะอีกตอนเพื่อลบความซึมของตัวเอง (เหมือนจะเกี่ยวกันเน๊อะ ^^)
หลังจากนี้พี่ซันจะเข้าสู่โหมดสำนึกตัวแล้ว ลุ้น ๆ ว่าจะทำให้คนอ่านใจอ่อนให้อภัยได้รึเปล่า 555
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ
konhin : ปุยฝ้ายเข้าข่ายนั้นเต็มตัวค่ะ เพราะรักจึงยอมทำได้ทุกอย่าง แต่ส่วนตัวแล้วพันวลีว่าคนที่คิดแบบนี้น่าสงสารค่ะ ทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก แต่ลืมที่จะรักตัวเองซะงั้น
ปิ่นนลิน : 555 ชอบจังตอนแถมรูปสะบัดหน้า นั่นสำหรับพระเอกโดยเฉพาะใช่มั้ยคะ
coonX3 : ถึงตอนนี้คิดว่าปุยฝ้ายก็คงอยากเข้มแข็งขึ้นแล้วล่ะค่ะเพราะมาถึงจุดที่คงทนไม่ไหวอีกแล้ว
sugar : ขอบคุณค่ะ ถ้าคนอ่านรู้สึกสนุกคนแต่งก็ดีใจ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะพอตอบโจทย์เรื่องความร้ายของคุณซันได้บ้างรึเปล่า แหะ..แหะ..เหลือไม่กี่ตอนก็จบแล้วค่ะ
กาซะลองพลัดถิ่น : เสียวสันหลังแทนนายซันเลยเหมือนมีคนรอสมน้ำหน้าวันที่ถูกกรรมสนอง 555 แต่นายซันก็แย่มากจริง ๆ ค่ะ การทำให้ปุยฝ้ายรู้สึกแย่ถึงขนาดมองว่าตัวเองด้อยค่าไม่มีความหมายได้เนี่ย ไม่ธรรมดาจริง ๆ (หมายถึงร้ายชนิดไม่ธรรมดานะคะ)
นักอ่านเหนียวหนึบ : พี่ซันจะเลิกทำตัวร้ายกาจแล้วคร้า แล้วปุยฝ้ายก็จะไม่เก็บกดอีกแล้ว
พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 เม.ย. 2558, 04:05:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 เม.ย. 2558, 04:05:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 1775
<< ตอนที่ 20 และ 21 | ตอนที่ 26 และ 27 >> |
coonX3 15 เม.ย. 2558, 04:36:56 น.
เสียปุยฝ้ายไปแล้วจะรู้สึก
เสียปุยฝ้ายไปแล้วจะรู้สึก
konhin 15 เม.ย. 2558, 08:45:06 น.
เห็นด้วย ว่าคนแบบปุยฝ้ายน่าสงสาร
พี่ซันได้เห็นความแตกต่างแล้ว ระหว่างคนที่ทำตามคำสั่งด้วยใจ กับคนที่ทำๆไปเหมือนหุ่น
เห็นด้วย ว่าคนแบบปุยฝ้ายน่าสงสาร
พี่ซันได้เห็นความแตกต่างแล้ว ระหว่างคนที่ทำตามคำสั่งด้วยใจ กับคนที่ทำๆไปเหมือนหุ่น
กาซะลองพลัดถิ่น 15 เม.ย. 2558, 17:34:35 น.
โอ้วววว ขอใช้คำว่า (เลวมาก) เลยได้ไหมคะ ขอโทษกับคำ ๆ นี้คะ ...คือทำไมต้องเหยียบย่ำกันขนาดนั้น
ซันน่าจะนึกย้อนหลังไปนะ ว่าทำไมปุยฝ้ายถึงได้มาอยู่กับนาย แล้วทำไมถึงได้ไปซ้ำเติมแผลเก่าให้มันระบม เป็นหนองอีก
ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้ขนาดนี้ ความอดทนสิ้นสุดแล้ว มันน่ากลัวกว่าที่คิดนะนายซัน
โอ้วววว ขอใช้คำว่า (เลวมาก) เลยได้ไหมคะ ขอโทษกับคำ ๆ นี้คะ ...คือทำไมต้องเหยียบย่ำกันขนาดนั้น
ซันน่าจะนึกย้อนหลังไปนะ ว่าทำไมปุยฝ้ายถึงได้มาอยู่กับนาย แล้วทำไมถึงได้ไปซ้ำเติมแผลเก่าให้มันระบม เป็นหนองอีก
ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้ขนาดนี้ ความอดทนสิ้นสุดแล้ว มันน่ากลัวกว่าที่คิดนะนายซัน
violette 15 เม.ย. 2558, 18:57:16 น.
กรี๊ดดดด สนุกมากค่า อ่านรวดเดียวเลยแล้วอยากตบพระเอกมากกกกกกกก
อยากให้เอาคืนเยอะๆ สงสารปุยฝ้าย นี่ก็ยอมจังเล้ยยย 555อินค่ะไม่ชอบผู้ชายปากร้ายแบบนี้เลย
กรี๊ดดดด สนุกมากค่า อ่านรวดเดียวเลยแล้วอยากตบพระเอกมากกกกกกกก
อยากให้เอาคืนเยอะๆ สงสารปุยฝ้าย นี่ก็ยอมจังเล้ยยย 555อินค่ะไม่ชอบผู้ชายปากร้ายแบบนี้เลย
LAM 19 เม.ย. 2558, 12:32:54 น.
พี่ซันกำลังสำนึกได้ใช่ไหมนี่ เป็นกำลังใจให้พันวลีเสมอนะคะ
พี่ซันกำลังสำนึกได้ใช่ไหมนี่ เป็นกำลังใจให้พันวลีเสมอนะคะ
Zephyr 19 เม.ย. 2558, 18:29:07 น.
อ่านแล้วซึมตาม
เฮียคิดได้ยัง
ถ้าคิดได้จะอภัยให้
ยังคิดไม่ออกนี่ ก็
เสียปุยฝ้ายไปเลยไป ฮึ
อ่านแล้วซึมตาม
เฮียคิดได้ยัง
ถ้าคิดได้จะอภัยให้
ยังคิดไม่ออกนี่ ก็
เสียปุยฝ้ายไปเลยไป ฮึ