ฤดูกาลรักที่กลางใจ ตอน คิมหันต์กับปัญชิกา
เพราะโชคชะตาทำให้คิมหันต์ได้พบกับปัญชิกาอีกครั้งพร้อมกับข้อเสนอที่น่าตกใจ...
นั่นคือเธอขอมีความสัมพันธ์กับเขาเพียงคืนเดียว!
Tags: คิมหันต์ ปัญชิกา ซัน ปุยฝ้าย ใช้หนี้ นางเอกน่าสงสาร

ตอน: ตอนที่ 26 และ 27

บทที่ 26


คุณหทัยกานต์แทบเป็นลมเมื่อเข้ามาเจอลูกชายในสภาพที่ต่างไปจากคิมหันต์คนเดิมอย่างสิ้นเชิง

ขวดเหล้าที่ถูกทิ้งเกลื่อนรอบโซฟา สภาพของเขาที่ราวกับไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน หน้าตาอิดโรยที่เริ่มมีหนวดเคราขึ้นทำให้หัวอกคนเป็นแม่ใจหายและเป็นห่วงจับใจ หลังจากที่นึกกังวลจนต้องเดินทางมาหาเมื่อความพยายามโทร.หาไม่รู้กี่ครั้งต้องล้มเหลวตลอด

เพิ่งเข้าใจวินาทีนี้ถึงสาเหตุที่คิมหันต์ไม่ได้เข้าบริษัทถึงสองวันติดกัน

หลังจากมองไปรอบห้องจนแน่ใจว่าลูกชายของท่านอยู่เพียงคนเดียว คำถามก็ดังขึ้นในความคิด

แล้วปุยฝ้ายไปไหน

หลังจากถอนหายใจราวกับจะระบายความกลัดกลุ้มและกังวล คุณหทัยกานต์ก็เข้าไปเขย่าตัวลูกชายที่ดูเหมือนจะยังไม่สร่างจากฤทธิ์สุราพลางร้องเรียก

“ซัน ตื่นเถอะลูก”

เมื่อภาพเลือนรางที่กระทบเข้าโสตประสาทคือใบหน้าของใครคนหนึ่ง หัวใจที่กระหวัดหาคนคนหนึ่งทั้งยามหลับและยามตื่นทำให้คิมหันต์เรียกขานออกไปด้วยใจโหยหา

“ปุยฝ้าย”

คุณหทัยกานต์ใจหายวูบนึกสังหรณ์ว่านี่อาจเป็นสาเหตุของการที่ลูกชายคนโตของเธอมีสภาพแบบนี้ ยิ่งได้ยินคำพูดต่อมาหัวอกคนเป็นแม่ก็สะท้าน

“กลับมาหาฉันแล้วใช่ไหม”

“ตาซัน”

คุณหทัยกานต์อ้าแขนออกรับมือของลูกชายที่ยื่นออกมาเหมือนจะไขว่คว้าเอาไว้ น้ำตาจากความสงสารเริ่มซึมออกมา
ความอบอุ่นที่สัมผัสได้ปลุกสติของคิมหันต์กระทั่งเริ่มรับรู้ได้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มนิ่งงันเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่เป็นภาพมายาที่เกิดจากความโหยหาในหัวใจของเขาเอง

เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ได้อยู่กับเขาอีกแล้ว

คิมหันต์บอกกับตัวเองอย่างเจ็บปวด เหล้าที่ดื่มเข้าไปช่วยบรรเทาความปวดร้าวและขมขื่นในหัวใจได้เพียงชั่วครู่ หากเมื่อสร่างเขาก็ต้องเจอกับความสิ้นหวังครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่นึกอยากตื่นขึ้นมารับรู้อะไรอีกแล้ว

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ตาซัน”

คำถามเจือสะอื้นของมารดาเหมือนน้ำเย็นที่ราดรดใบหน้าจนชายหนุ่มรู้สึกตัวเต็มที่ วูบนั้นคิมหันต์นึกสมเพชตัวเอง ที่ผ่านมาเขาดีแต่คอยทำให้ใครต่อใครเจ็บปวดตอนนี้คงถึงคราวกรรมสนองเขาบ้างจะได้รับรู้ว่าความเจ็บปวดที่กำลังกัดกร่อนหัวใจมันเป็นยังไง

ชายหนุ่มลุกขึ้นด้วยอาการโผเผเพราะยังไม่พร้อมตอบคำถามของมารดาในตอนนี้ ก่อนจะเดินไปทางห้องน้ำท่ามกลางสายตาห่วงใยของคุณหทัยกานต์ จากนั้นจึงออกมาประจันหน้ากับมารดาอีกครั้งด้วยความพร้อมที่มากกว่าเดิม

“หนูปุยฝ้ายไปไหน”

เพียงคำถามแรกคิมหันต์ก็จุกเสียดไปทั้งหัวใจ ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีสายตาเป็นห่วงของมารดายามตอบสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงแปร่งปร่า

“เธอไปแล้ว”

คุณหทัยกานต์ใจหายถึงแม้พอเดาได้อยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเขาในตอนที่ตอบคำถามท่านก็อดนึกย้อนไปถึงตอนที่คิมหันต์รู้เรื่องระหว่างปานฤทัยกับเหมันต์ไม่ได้

ตอนนั้นคิมหันต์มีแต่ความโกรธจนเหมือนพร้อมจะคลุ้มคลั่ง ไม่เหมือนตอนนี้ที่เหมือนคนที่กำลังหมดอาลัยตายอยาก

คนเป็นแม่เสียดร้าวในอกเมื่ออดนึกไม่ได้ว่าหรือคิมหันต์จะถูกพิษของต้นรักเป็นรอบสอง ปากที่บอกว่าไม่และสายตาที่เหมือนไม่ใยดี ทุกอย่างนั่นตรงกันข้ามกับสิ่งที่กำลังรู้สึกในหัวใจอย่างนั้นเหรอ

“ซัน ตอบแม่มาตามตรง ลูกรักหนูปุยฝ้ายใช่ไหม”

คำถามนั้นทำให้หัวใจคิมหันต์กระตุก รู้สึกหนาวเยือกเหมือนกำลังถูกแช่แข็งอยู่ใต้กองหิมะ ชายหนุ่มนิ่งเงียบท่ามกลางสายตาเห็นใจและสงสารของมารดา

คุณหทัยกานต์ถอนหายใจเมื่อพอเดาได้ว่าคิมหันต์ยังไม่พร้อมสำหรับการพูดเรื่องนี้ หรือบางทีอาจเป็นที่หัวใจของเขามากกว่า ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องพูด

“ทำไมไม่เข้าบริษัท”

ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเขาโหมทำงานจนได้รับเลือกติดอันดับหนึ่งในสิบของนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง แต่มาตอนนี้ดูเหมือนไฟในหัวใจของคิมหันต์จะดับมอดลงไปจนไม่เหลืออีกแล้ว

เมื่อลูกชายยังคงไม่ตอบ คนเป็นแม่ก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้งทั้งเหนื่อยใจทั้งสงสาร แต่ก็จำต้องใช้ไม้แข็ง

“ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์เลย รู้หรือเปล่าว่าที่บริษัทมีงานที่รอลูกเข้าไปเซ็นอนุมัติมากแค่ไหนแล้วยังคนอื่น ๆ ที่ไม่สามารถทำงานต่อไปได้หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากลูกอีกล่ะ แล้วอย่างนี้บริษัทจะเดินหน้าไปได้ยังไง ซันทำแบบนี้จะไม่ไร้ความรับผิดชอบไปหน่อยเหรอ”

คำตำหนิจากมารดาทำให้คิมหันต์นิ่งงัน ความรู้สึกผิดและสามัญสำนึกรับผิดชอบพากันโหมซัมจนความเจ็บปวดและสิ้นหวังแทบจะถูกกลบ หลังจากเงียบไปครู่ชายหนุ่มก็บอกเสียงเรียบ

“อีกครึ่งชั่วโมงผมจะเข้าไปบริษัท”

คุณหทัยกานต์สะท้านใจเมื่อลูกชายของท่านเดินกลับเข้าไปห้องนอนเพื่อเตรียมแต่งตัวออกไปบริษัท แม้เสียใจที่ท่านทำเหมือนใจดำกับเขาแต่การได้เห็นคิมหันต์ลุกขึ้นมาอีกครั้งไม่จมจ่อมอยู่กับความสิ้นหวังอีก หัวอกคนเป็นแม่ก็เริ่มเบาใจขึ้นหากก็เพียงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงแววตาว่างเปล่าและท่าทางของลูกชายคนโต

เหมือนคิมหันต์กลายเป็นหุ่นยนต์ที่ปราศจากหัวใจไปแล้ว

คนเป็นแม่คิดคำนึงอย่างสะเทือนใจ ก่อนตั้งคำถามที่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบ

แล้วหัวใจของเขาล่ะโบยบินไปอยู่เสียที่ไหน


เพราะไม่ไว้ใจให้คิมหันต์อยู่เพียงลำพัง คุณหทัยกานต์จึงใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งทำให้ลูกชายคนโตยอมกลับมาอยู่บ้านสุวรรณอังกูร หากครั้งนี้ปฏิกิริยาที่คิมหันต์มีต่อปานฤทัยแตกต่างไปจากเดิมจนน่าใจหาย

หลายครั้งที่คุณหทัยกานต์สังเกตเห็นว่าลูกชายคนโตของเธอไม่ยอมมองหน้าปานฤทัย แม้บางทีอาจจะสบตากันโดยบังเอิญแต่ท่านก็ไม่เห็นแววตาเจ็บร้าวของเขาอีกแล้ว ตรงกันข้ามในแววตาของเขายังสะท้อนร่องรอยบางอย่างจาง ๆ จนทำให้ท่านทั้งตกใจและสะเทือนใจ

คุณหทัยกานต์รู้ ทุกวันนี้ปานฤทัยก็ยังเฝ้าโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้ปัญชิกาต้องเสียลูกไป หลายครั้งที่ท่านเห็นลูกสาวนั่งร้องไห้ถึงบางครั้งจะมีเหมันต์คอยปลอบประโลมแต่ก็เหมือนไม่ได้ช่วยอะไร สภาพจิตใจของปานฤทัยก็คงย่ำแย่ไม่ต่างกัน ยิ่งมาเจอกับสายตาที่แปรเปลี่ยนไปของคิมหันต์ ท่านก็อดนึกสงสารลูกสาวไม่ได้

ปานฤทัยแทบทานข้าวไม่ลงขณะลอบมองพี่ชายคนโตด้วยสายตาสะท้อนความเจ็บปวด ตั้งแต่คิมหันต์ยอมกลับมาอยู่บ้านอีกครั้งตามคำขอแกมบังคับของมารดา หญิงสาวก็พบว่าคิมหันต์ไม่ใช่พี่ชายคนเดิมของเธออีกต่อไปแล้ว หลายครั้งที่เขาเมินหนีสายตาของเธอเหมือนคนที่มีชนักบางอย่างในหัวใจ หากเมื่อบังเอิญปะทะสายตากันเข้าอย่างไม่ทันหลบเลี่ยงเธอก็ทรมานหัวใจเหลือเกินกับวี่แววบางอย่างที่ปรากฏให้เห็น หากสิ่งสำคัญเหนืออื่นใดนั่นคือตั้งแต่กลับมาเขาไม่เคยพูดกับเธอแม้แต่คำเดียว

เขาคงนึกโทษเธอที่ทำให้ลูกของเขาต้องตาย

หญิงสาวบอกกับตัวเองอย่างเจ็บปวดและขมขื่นยอมรับโดยดุษฎีว่าต่อจากนี้คงไม่มีคิมหันต์คนเดิมอีกแล้ว ความขมปร่าในลำคอทำให้ฝืนทานต่อไม่ลงกระทั่งต้องออกปากขอตัวแล้วเดินออกไปท่ามกลางสายตาห่วงใยของมารดาและเหมันต์

“อย่าโทษของขวัญ”

น้ำเสียงเย็นชาของเหมันต์ดึงคิมหันต์ให้หันกลับมาเผชิญหน้า ชายหนุ่มนิ่งไปกับสายตาเย็นชาที่แฝงความเอาจริงของน้องชาย รู้ว่าเหมันต์คงไม่พอใจนักที่เขาทำเย็นชากับน้องรัก

ใช่ว่าเขาอยากทำแบบนี้แต่ทุกครั้งที่มองหน้าปานฤทัยถ้อยคำของปัญชิกาก็ผุดขึ้นมาจากความทรงจำ

“เวลาเห็นของขวัญอยู่กับคุณไอซ์ คุณซัน...ก็เสียใจมากไม่ใช่เหรอคะ”

เขายังจำสีหน้าแววตาเจ็บปวดของเธอได้จนถึงทุกวันนี้

“เจ็บปวดใช่ไหมคะ ยิ่งเวลาเห็นของขวัญกับคุณไอซ์อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าใครก็มองออกว่าคู่นั้นเขารักกันมากแค่ไหน”

คิมหันต์ขบฟันแน่นเมื่อหัวใจเริ่มไหวระลอกจากความเจ็บปวดยามนึกถึงคนที่ทิ้งเขาไปแล้ว ก่อนถ่ายเทความเจ็บปวดของตนออกไปทางน้ำคำโต้กลับน้องชายด้วยสีหน้าแววตาเย็นชาไม่แพ้กัน

“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าให้เธอเข้ามาใกล้ฉันอีก”

ท่ามกลางความตกตะลึงของคุณหทัยกานต์และเหมันต์ คิมหันต์ก็ลุกพรวดขึ้นแล้วเดินออกไปราวกับไม่สนใจความรู้สึกของใคร

ปานฤทัยน้ำตาร่วงเธอทันเข้ามาได้ยินการโต้คำระหว่างกันของคู่หมั้นกับคิมหันต์เพราะเปลี่ยนใจจากที่ตั้งใจจะเดินเล่นข้างนอกเป็นการกลับเข้าไปในห้องหนังสือ หญิงสาวรีบเบี่ยงตัวหลบเมื่อทันเห็นคิมหันต์เดินออกมาจากห้องอาหาร

“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าให้เธอเข้ามาใกล้ฉันอีก”

หญิงสาวสะเทือนใจเมื่อประจักษ์ว่ายามนี้เธอไม่ได้เป็นขวัญใจของทุกคนที่บ้านหลังนี้อีกต่อไปแล้ว เมื่อดูจากท่าทีของคิมหันต์ตอนนี้

ก็เธอทำให้เขาเสียลูกไปทั้งคน ก็น่าอยู่หรอกที่เขาจะเกลียดชังเธอ

แม้พยายามหาเหตุผลมารองรับ แต่ปานฤทัยก็ยังไม่อาจห้ามน้ำตาตัวเองได้เมื่อนึกต่อไปถึงปัญชิกา หญิงสาวก็ยิ่งโทษตัวเองที่ทำให้คิมหันต์ต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง

“อย่าร้องไห้”

น้ำเสียงอ่อนโยนที่มาพร้อมกับอ้อมกอดอบอุ่นจากทางด้านหลัง ถึงไม่หันไปมองปานฤทัยก็รู้ว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเหมันต์ หญิงสาวยิ่งสะอื้นหนักในขณะที่ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนแน่นเข้าเหมือนจะบอกให้รู้ว่าอย่างน้อยเธอก็ยังมีเขา

“ของขวัญ...จะไม่เข้าใกล้พี่ซันอีก”

เหมันต์ปวดใจกับน้ำคำติดสะอื้นของน้องรัก ทั้งเข้าใจและสงสารเพราะรู้ดีว่าปานฤทัยกำลังรู้สึกเช่นไร หากอีกใจแม้นึกเห็นใจคิมหันต์แต่เขาก็ยังอดโกรธไม่ได้

ไม่เกินไปหน่อยเหรอที่โยนความผิดมาให้ของขวัญฝ่ายเดียว

ชายหนุ่มบรรจงจุมพิตบนเรือนผมของคนในอ้อมแขนพลางพึมพำปลอบให้เลิกร้องไห้ กระทั่งเสียงสะอื้นค่อยซาลงพร้อมหัวใจของเขาที่เริ่มคลายจากความรู้สึกบีบรัด

“พี่รู้...เธอไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้”

ท่ามกลางความรู้สึกเจ็บปวดคำพูดของเหมันต์ช่วยปัดเป่าความเสียใจไปได้บ้างแม้ไม่ทั้งหมดแต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น เพราะนั่นเป็นคำพูดของคนที่เธอรักและเขาก็รักเธอ

แม้ไม่มีคำพูดเมื่อเหมันต์เกาะกุมมือปานฤทัยแล้วพากันเดินเคียงข้างออกไป หากหัวใจสองดวงต่างก็รู้ดี

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขากับเธอไม่มีวันแยกจากกันอย่างแน่นอน



บทที่ 27


หลายเดือนแล้วที่คุณหทัยกานต์ต้องปวดหัวใจกับความเปลี่ยนแปลงของลูกชายคนโต คราวที่คิมหันต์ผิดหวังจากปานฤทัยเขายังไม่เคยมีท่าทีหมดอาลัยตายอยากแบบนี้ แม้ทุกวันนี้ชายหนุ่มยังคงไปทำงานตามปกติแต่ท่านก็อดคิดไม่ได้ว่าคิมหันต์ทำทุกอย่างเหมือนเป็นหุ่นยนต์มากกว่าจะเป็นคนมีชีวิตและจิตใจ

เมื่อนานวันเข้าคุณหทัยกานต์ก็หมดความอดทนจนตัดสินใจทำบางอย่าง ซึ่งเพียงหนึ่งอาทิตย์ท่านก็ได้รับข่าวดี

วันนี้หลังจากคิมหันต์ออกไปบริษัทและเหมันต์กับปานฤทัยออกไปจากบ้านแล้ว คุณหทัยกานต์ก็แต่งตัวแล้วเรียกคนขับรถให้ขับรถพาไปส่งที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง

ด้วยอำนาจของเงินทำให้คุณหทัยกานต์สามารถง้างปากคนดูแลอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้จนเชื่อมั่นได้ว่า หลักฐานที่นักสืบซึ่งท่านว่าจ้างให้ตามหาปัญชิกาจนรู้ว่าหญิงสาวมาพักอาศัยอยู่ที่นี่เป็นความจริง และเมื่อรู้ว่าวันนี้หญิงสาวยังไม่ลงมาจากห้องพักเพื่อออกไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งเหมือนทุกวันที่ผ่านมา ท่านก็เริ่มร้อนใจจนขอร้องคนดูแลให้พาขึ้นไปที่ห้องพักของหญิงสาว

บนห้องพักชั้นสามตรงมุมสุดด้านในฝั่งซ้ายมือคือห้องพักของอดีตลูกสะใภ้ หลังจากคนดูแลเคาะประตูเรียกได้สักพัก คุณหทัยกานต์ก็สมใจเมื่อได้พบหน้าคนที่ท่านอยากเจอ


คิมหันต์นิ่วหน้าเมื่อพบว่ามารดาโทร.เข้ามือถือของเขา แวบแรกชายหนุ่มนึกห่วงว่ามีใครเป็นอะไรหรือเปล่าหากเมื่อรับสายจึงค่อยเบาใจเมื่อฟังจากน้ำเสียงที่ยังคงเป็นปกติของผู้เป็นแม่ ชายหนุ่มตอบปฏิเสธเมื่อมารดาถามว่าเขามีงานด่วนอะไรหรือเปล่า ก่อนอึ้งงันเมื่อท่านบอกให้เขาไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งกำลังจะซักถามท่านก็ชิงตัดสายไปเสียก่อน

ความร้อนใจทำให้ชายหนุ่มรีบขับรถไปยังโรงพยาบาลด้วยความเร็วสูง ขณะกำลังดับเครื่องยนต์เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มรีบกดรับเมื่อเห็นชื่อมารดาปรากฏที่หน้าจอ

ห้อง 305

คิมหันต์ทบทวนพลางกวาดตามองหาหมายเลขห้องที่มารดาบอก กระทั่งมาถึงห้องที่เป็นจุดหมาย หลังจากเคาะให้สัญญาณหนึ่งครั้งชายหนุ่มก็ผลักเข้าไปอย่างร้อนใจ ก่อนชะงักงันอยู่กับที่เมื่อเห็นหน้าคนที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง

“มาเร็วเหมือนกันนี่”

เสียงของมารดาทำให้คิมหันต์หลุดจากมนต์สะกด ชายหนุ่มถอนสายตาจากภาพที่เขาอยากคิดว่าตัวเองกำลังฝัน แล้วจึงพบว่าคุณหทัยกานต์กำลังส่งยิ้มให้เหมือนจะเป็นกำลังใจ

“แม่เอาโอกาสมาให้ซันแล้วนะ ครั้งนี้อย่าปล่อยให้หลุดมือไปอีกล่ะ”

นั่นคือคำบอกสุดท้ายก่อนที่มารดาจะเดินออกไปข้างนอกเพื่อให้เขาได้มีเวลาตั้งรับกับโอกาสที่ท่านนำมาส่งมอบให้ด้วยตัวเอง


เมื่อปัญชิการู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งหลังจากหลับสนิทไปเพราะฤทธิ์ยาที่ได้รับ หญิงสาวก็ต้องกระพริบตาปริบกับห้องที่ไม่คุ้นตาก่อนนิ่งทบทวนถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้

การปรากฏตัวของคุณหทัยกานต์ที่หน้าประตูห้องของอพาร์ทเม้นท์เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคิดฝันมาก่อน หากหญิงสาวก็ไม่มีสมองหรือกะจิตกะใจจะคิดอ่านอะไรได้มากกว่านั้นเพราะอาการไข้อันเกิดจากการคร่ำเครียดกับการทำงานและความอ่อนเพลียจากการนอนไม่หลับมาเป็นเวลานาน ความทรงจำสุดท้ายคือสีหน้าของคุณหทัยกานต์ในตอนที่เธอฝืนพยุงตัวเดินไปเปิดประตูห้องทั้งที่ศีรษะหนักอึ้งจนแทบทรงตัวไม่ไหว แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็กลายเป็นสีดำ

ท่านคงพาเธอมาส่งโรงพยาบาล

หญิงสาวให้ข้อสรุปกับตัวเองพลางยันกายลุกขึ้นนั่ง หากวินาทีนั้นปัญชิกาก็สัมผัสได้ว่าภายในห้องนี้ไม่ได้มีเธออยู่เพียงลำพัง หญิงสาวใจสั่นรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าใครอีกคนที่อยู่ไม่ไกลจากเธอนักเป็นใครไปไม่ได้

“คุณซัน...”

คำเรียกขานมาพร้อมฝีเท้าของชายหนุ่มที่หยุดลงข้างเตียง ปัญชิกาบอกไม่ถูกว่ายามนี้เธอกำลังรู้สึกเช่นไร ทั้งที่เป็นฝ่ายหนีเขามาเองแท้ ๆ แต่วินาทีที่ได้เห็นหน้าได้สบสายตากับเขาที่แม้เธอยังมองไม่ออกว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไร แต่เธอกลับดีใจเหลือเกินที่ได้เจอเขาอีกครั้ง หากขณะเดียวกันก็ปรารถนาจะให้ตัวเองหายตัวไปจากที่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน

คิมหันต์ตีบตันไปทั้งลำคอ หัวใจทั้งขมทั้งหวานปะปนกันยามได้สบตากับปัญชิกาอีกครั้งหลังจากหลายเดือนที่ผ่านมาเขาจมอยู่กับความสิ้นหวังจนเคยคิดว่าคงไม่มีวันสิ้นสุดจนกว่าจะหมดลมหายใจ มีอยู่หลายครั้งที่ความทุกข์ทรมานจากความคิดถึงผลักดันเขาจนคิดจะออกตามหาเพื่อขอให้เธอกลับมาอยู่กับเขาอีกครั้ง หากเมื่อนึกถึงการกระทำเลวร้ายที่ผ่านมาของตัวเอง นึกถึงน้ำตาของเธอที่หยาดหยดเสมอยามอยู่กับเขา ชายหนุ่มก็ฝืนข่มใจหักห้ามความต้องการของตัวเองเพราะไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวไปมากกว่านี้

แต่วินาทีนี้เมื่อเธอกลับมาอยู่ตรงหน้าเหมือนโอกาสที่ลอยมาอีกครั้ง คิมหันต์ก็ปรารถนาสุดใจจะกอดเธอให้สมกับความคิดถึง หากชายหนุ่มก็ไม่กล้าทำได้แค่เอ่ยออกไปเสียงแปร่งปร่า

“ทำไมไม่รอฉัน”

ประโยคแรกที่ได้รับปัญชิกาไม่แน่ใจนักว่านั่นคือคำถามหรือคำต่อว่าของเขากันแน่ หญิงสาวจึงนิ่งเงียบทั้งที่นึกอยากร้องไห้เหลือเกิน

“รู้หรือเปล่าว่าฉันรู้สึกยังไงที่กลับไปเจอห้องว่างเปล่าที่ไม่มีเธอ”

หญิงสาวน้ำตาซึมพลางขบริมฝีปากที่กำลังสั่นระริกจากความสะเทือนใจ ทั้งคำพูดและน้ำเสียงของเขาทำให้เธอทั้งปวดใจและรู้สึกผิด

“ปุยฝ้ายขอโทษ...”

หญิงสาวสะอื้นบอกอาการปวดหัวเริ่มทวีจากการฝืนกลั้นน้ำตาแต่ทำไม่สำเร็จ อาจเพราะเตรียมใจว่าจะเจอกับคำต่อว่าหรือวาจาเชือดเฉือนหัวใจ ดังนั้นเมื่อคิมหันต์ปาดน้ำตาให้เธอด้วยสัมผัสที่แม้ไม่อ่อนโยนหากก็ทำให้เธอทั้งตกใจและนึกไม่ถึงจนได้แต่นิ่งงัน

“นั่นควรเป็นคำพูดของฉันต่างหาก”

ท่ามกลางความงงงันและสับสนของคนป่วยคิมหันต์ก็ฝืนยิ้มออกมาทั้งที่หัวใจไม่ได้รู้สึกด้วยสักนิด สีหน้าซีดเซียวของเธอและความรู้สึกว่าเธอผอมลงไปกว่าเดิมทำให้ชายหนุ่มนึกโทษตัวเอง

ปัญชิกาอยากคิดว่าตอนนี้เธอกำลังฝันไป ความว่างเปล่าเย็นชาในแววตาของคิมหันต์ที่เธอเคยเจอจนชินตาดูเหมือนมีแววละมุนบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหว หากอาการปวดตุบ ๆ ในหัวก็คล้ายประท้วงต่อการที่เธอพยายามจะขบคิด

คิมหันต์ถอนหายใจให้กับความสามารถพิเศษของตัวเอง ไม่ว่าเมื่อไรเขาก็ยังคงทำให้เธอร้องไห้ออกมาได้เสมอ ชายหนุ่มแค่นยิ้มเมื่อเกิดคำถามขึ้นในใจ หากปัญชิการู้ว่าน้ำตาของเธอทำให้เขาหายใจไม่ค่อยออก เธอจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่าน้ำตาของเธออาจทำให้เขาตายทั้งเป็นได้

“ยกโทษให้ฉันได้ไหม”

คำพูดที่เธอไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ยินทำให้ปัญชิกายิ่งน้ำตาร่วง แม้ยังไม่เข้าใจว่าอะไรที่เปลี่ยนแปลงคิมหันต์ไปจากเดิมแต่หญิงสาวก็ไม่มีเวลามานั่งคิดเพราะอาการสะอื้นที่รุนแรงขึ้นจนเหมือนจะยิ่งทำให้ในหัวปวดมากขึ้นกว่าเดิม

คิมหันต์ตกใจเมื่อปัญชิกามีอาการเหมือนหายใจไม่ทัน หลังจากรีบกดกริ่งฉุกเฉินที่หัวเตียงชายหนุ่มก็พยายามปลอบคนเจ็บ

“หยุดร้องเถอะ เธอกำลังไม่สบายนะ”

ไม่นานนักพยาบาลก็รีบเข้ามาในห้อง หลังจากตรวจเช็คอาการพร้อมกับอาการสะอื้นของคนป่วยค่อยซาลง พยาบาลสาวก็หันไปบอกกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแฝงแววตำหนิอยู่ในที

“คนป่วยยังมีอาการไข้สูงอยู่ค่ะ อย่าเพิ่งทำให้รู้สึกสะเทือนใจมากนักเพราะมันจะไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย”

คิมหันต์รับคำสั้น ๆ ไม่ได้รอจนพยาบาลออกไปจากห้องด้วยซ้ำเมื่อกลับมาให้ความสนใจกับคนป่วยเมื่อเอ่ยประโยคที่เหมือนกับบอกตัวเองอยู่ในที

“นอนเถอะ ฉันจะรอจนกว่าเธอจะหายดี”

คนป่วยไม่โต้แย้งเพราะความปวดร้าวในศีรษะที่เหมือนกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ความอ่อนเพลียทำให้ดิ่งสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาที่ยังคงจับจ้องไม่คลาดคลาของคิมหันต์ ราวกับชายหนุ่มเกรงว่าหากเขาเผลอละสายตาไปจากเธอในวินาทีใดปัญชิกาก็อาจหายไปจากชีวิตของเขาอีกครั้ง

หลังจากได้นอนเต็มอิ่มหนึ่งคืนอีกทั้งได้รับยาเข้าไปเต็มที่อาการไข้ของปัญชิกาก็ทุเลา ทว่าร่างกายที่เริ่มแข็งแรงกลับตรงกันข้ามกับหัวใจที่อ่อนแอลง

ปัญชิกาสับสนและมึนงงกับความนิ่งเงียบของคิมหันต์ เขาดูแปลกไปจากความคุ้นชินของเธอราวกับชายหนุ่มที่เคยเย็นชาและสามารถทำให้เธอเสียน้ำตาได้ทุกครั้งคนนั้นไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง ไม่นับรวมแววตาแปลก ๆ ของเขาที่ใช้มองเธอในบางครั้ง

ความอ่อนโยนที่ไม่คุ้นชินของเขาทำให้หลายครั้งปัญชิกานึกอยากร้องไห้ หัวใจเหมือนไม่เคยหลาบจำว่าที่ผ่านมาเขาทำให้เธอช้ำใจมากแค่ไหน หญิงสาวพยายามนึก นึก แล้วก็นึกว่าเขาเคยทำร้ายจิตใจเธอยังไง มีบางครั้งพยายามแข็งใจจะทำเมินเฉย แต่จนแล้วจนรอดหัวใจก็ยังไม่เข้มแข็งพอ

หรือความรักที่เธอมีต่อเขามันซึมเข้าไปในกระแสเลือดเสียแล้ว วิธีเดียวที่ทำได้คงต้องเป็นการกรีดเลือดออกมาจนหมดตัว

ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหทัยกานต์ ปัญชิกามั่นใจว่าคิมหันต์และเธอคงไม่มีวันหวนกลับมาเจอกันอีกเพราะคนอย่างเขาคงไม่มีทางออกตามหาเธอให้เสียศักดิ์ศรี

เพราะคิดเช่นนั้นหญิงสาวจึงไม่เข้าใจว่าทำไมคิมหันต์ถึงยังคงคอยเฝ้าดูแลเธอไม่ห่าง หากการได้อยู่ใกล้ชิดกันอีกครั้งก็นำมาทั้งความสุขและความเศร้าในหัวใจ

เคยคิดว่าถ้าออกจากชีวิตของเขามาแล้วเธอก็คงหาประตูแห่งความสุขเจอแต่ดูเหมือนประตูบานนั้นไม่ได้สร้างเอาไว้ให้สำหรับเธอ เพราะเอาเข้าจริง ๆ ตั้งแต่ก้าวออกมาจากชีวิตของเขาเธอไม่เคยนอนหลับสนิทได้เลยสักคืน

เธอคงเคยชินกับการมีเขานอนเคียงข้างไปแล้ว

หญิงสาวยิ้มอย่างขมใจเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลซึ่งเธอสามารถหลับได้สนิท แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาหรือเป็นเพราะรู้ว่าเขายังคงอยู่ใกล้ ๆ กันแน่

จนกระทั่งเมื่อนายแพทย์บอกว่าเธอสามารถกลับบ้านได้แล้ว ปัญหาที่ไม่เคยเกิดก็เริ่มต้นขึ้น

“แม่จะพาหนูกลับบ้านของเรา”

คำบอกของคุณหทัยกานต์ส่งผลให้ปัญชิกานิ่งงัน หญิงสาวหันไปมองคิมหันต์แล้วก็พบว่าเขากำลังจับตามองเธอเงียบ ๆ ด้วยแววตาที่เธอยังคงอ่านไม่ออก

“แต่...” เพราะไม่อยากกลับไปจมอยู่กับวังวนของความเสียใจปัญชิกาจึงขยับปากจะปฏิเสธแต่ไม่ทันคุณหทัยกานต์ที่รีบชิงดักคอ

“อย่าทำให้แม่เสียใจเลยนะ”

ปัญชิกาพูดไม่ออกเพราะยังจำได้ว่าท่านดีกับเธอมากแค่ไหน ดังนั้นหญิงสาวจึงจำใจตกลงโดยไม่ทันเห็นรอยยิ้มสมใจของคุณหทัยกานต์

เพราะอยากให้ลูกชายได้อยู่กับปัญชิกาตามลำพังคุณหทัยกานต์จึงอาสาไปชำระค่ารักษาพยาบาล โดยไม่รู้เลยว่าทันทีที่ท่านปิดประตูลง คิมหันต์ก็เหมือนจะปิดโอกาสของตัวเองด้วยเช่นกัน

“ถ้าเธอไม่เต็มใจ ฉันจะไปบอกคุณแม่ให้เอง”

คิมหันต์หักใจบอกในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับใจเมื่อพอเดาได้ว่าปัญชิกาคงอึดอัดใจ เขายอมเป็นฝ่ายไม่มีความสุขดีกว่าจะทำให้เธอไม่มีความสุขเหมือนอย่างที่ผ่านมา

เขาทำร้ายเธอมามากแล้ว

แต่เพราะปัญชิกาไม่รู้ความในใจของคิมหันต์ หญิงสาวจึงแปรความหมายของคำพูดเขาว่าเป็นเพราะชายหนุ่มไม่ต้องการเธออีกแล้ว

“ไม่ต้องห่วงค่ะ” หญิงสาวเงียบไปเล็กน้อยเพื่อข่มความสะเทือนใจเอาไว้ก่อนเอ่ยต่อด้วยเสียงพร่าสั่นจากความน้อยใจและเสียใจ “ปุยฝ้ายจะไม่ไปวุ่นวายกับคุณซันอีก แล้วก็จะไม่ทำให้...ผู้หญิงของคุณซันต้องคิดมาก”

คำพูดตอนท้ายสะดุดเพราะคิดว่าป่านนี้คิมหันต์คงมีผู้หญิงคนใหม่มาแทนที่เธอแล้ว แม้เจ็บปวดหากเธอก็ซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ก้มต่ำจึงไม่เห็นว่าคำพูดของเธอมีผลเช่นไร

คิมหันต์นิ่วหน้ากับคำพูดขัดหูในตอนท้าย ชายหนุ่มนิ่งมองหญิงสาวเนิ่นนานราวกับจะให้ทะลุไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ

“ผู้หญิงของฉันมีแค่คนเดียว และคนคนนั้นก็คือเธอ”

คำพูดของเขาทำให้หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะจนต้องเงยหน้าขึ้นมองแล้วจึงสบเข้ากับดวงตาสีดำเข้มที่ยามนี้ฉายชัดถึงความจริงจังจนทำให้หัวใจหวั่นไหว

“คุณซัน...”

คิมหันต์รับรู้ได้ถึงความสับสนและหวั่นไหวที่ถักทออยู่ในแววตาของหญิงสาว ชายหนุ่มฝืนยิ้มด้วยใจที่หวั่นหวาด เกรงเหลือเกินว่าเธอจะไม่ยอมยกโทษให้ต่อความเลวร้ายที่ผ่านมาของเขา

“ขอโอกาสให้ฉันได้ไหม”

ท่ามกลางความงุนงงเพราะยังตั้งตัวไม่ติด คิมหันต์ก็ทำให้ปัญชิกาแทบหลอมละลายไปกับแววตามุ่งมั่นที่แม้ไม่อ่อนโยนแต่ก็จริงจังจนหญิงสาวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หัวใจยังไม่ทันกลับมาเต้นเป็นปกติชายหนุ่มก็ทำให้ปัญชิกาหวั่นไหวเป็นคำรบสองเมื่อฉวยมือเธอขึ้นมากุมพร้อมคำขอที่ทำให้ตกตะลึง

“ช่วยกลับมาเป็นผู้หญิงของฉันอีกครั้งนะปุยฝ้าย”


------------------------------------------------------------------------------------------------



สวัสดีค่ะ...กลับจากทำงานปุ๊ปก็รีบมาอัพให้ปั๊บ


ตอนที่แล้วมีแต่คนร่วมด้วยช่วยกันสมน้ำหน้านายซัน 555 งั้นพันวลีขอเป็นแนวร่วมด้วยดีกว่า ^^


อ่านตอนนี้จบอาจทำให้นึกขัดใจ โมโห คันมือคันไม้อยากซัดนายซันขึ้นมาใช่มั้ยคะ ไว้ดูกันว่าตอนหน้านายซันจะแก้ตัวได้รึเปล่า


ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ



Pat : สองปีเลยเหรอคะ ขืนนานขนาดนั้นกลัวว่าพี่ซันจะขาดใจตายไปก่อนน่ะสิคะ 555



ปิ่นนลิน : 555 เชื่อค่ะว่าปิ่นน่าจะโหดจริง ๆ แต่ทำไม๊..ทำไมถึงแต่งเรื่องน่ารักชวนอมยิ้ม ชวนหลงรักพี่เอกะพี่บีได้ซะขนาดนั้นน้อ ^^



konhin : ปุยฝ้ายไม่ทำตามสัญญาทั้งนั้นล่ะค่ะ เพราะถ้าต้องแลกกับลูกเชื่อว่าคงยากที่ใครจะทำใจได้...นายซันใจร้ายเกินไปแล้ว เฮ้อออออออ



yasta : เจอแล้วหนึ่งในคนที่สมน้ำหน้าพี่ซัน...อยากให้กรรมสนองยังไงดีคะถึงจะสาสมกับความใจร้ายของผู้ชายคนนี้ แต่คิดไปคิดมา ถ้านายซันเจ็บปุยฝ้ายก็คงเจ็บกว่านะคะ (ถ้าอ่านแล้วอิน คนแต่งก็ยิ้มหน้าบานค่ะ)



coonX3 : อีกหนึ่งเสียงที่สมน้ำหน้านายซัน...แต่คงยากนะคะถ้าคนที่อ่อนแอทางจิตใจมาตลอดอย่างปุยฝ้ายจะลุกขึ้นมาเข้มแข็งได้ในเวลาอันรวดเร็ว ยิ่งอ่อนแอเพราะรักแบบนี้ เฮ้อออออ



ผักหวาน : สารภาพค่ะ...อ่านคอมเม้นท์คุณผักหวานจบ หัวเราะขำออกมาเลย โชคดีที่ไม่มีคนอยู่ใกล้ ๆ 555 เอ..แต่ปุยฝ้ายจะไปตลาดนานเกินไปมั้ยคะ ^^



กาซะลองพลัดถิ่น : รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะดัง ๆ อย่างสะใจ..คิดว่าถ้ามีหักมุมแบบนั้นได้มีอึ้งกันแน่ ยังไงก็ต้องให้ซาตานร้ายออกไปจากร่างนายซันก่อนค่ะ ไม่งั้นขืนให้เจอปุยฝ้ายก่อน ผู้ชายคนนี้คงได้ถูกผีสิงอีกรอบแน่ ^^



violette : เห็นด้วยค่ะถ้าท้องตอนหนีคงลำบากแย่



หมูบูลิน : ใช่ค่ะ กว่านายซันจะสำนึก ปุยฝ้ายก็ทนไม่ไหวจนต้องหนี




พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 เม.ย. 2558, 19:41:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2558, 19:41:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1792





<< ตอนที่ 23 และ 24   ตอนที่ 28 และ 29 >>
กาซะลองพลัดถิ่น 17 เม.ย. 2558, 20:01:38 น.
โอกาสแก้ตัวมาถึงแล้ว นายซัน อย่ารีรอต่อไป
เหมันต์กับของขวัญ บางครั้งควรพิจารณาตัวเองบ้างนะ โดยเฉพาะคนเป็นน้อง ...อย่างเหมันต์


ปิ่นนลิน 17 เม.ย. 2558, 20:56:01 น.
อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำร้อยนะ คุณซัน
คิดก่อนพูดบ้างงงง ///จะว่าไปพระเอกเราสองคนนี่ปากไว ปากร้ายกันทั้งคู่ อิอิ


violette 17 เม.ย. 2558, 21:39:50 น.
คิดยังไงก็พูดออกมาทั้งคู่ แล้วจะเข้าใจเนอะ
งานนี้คุณแม่ช่วยแท้ๆนายซันเอ้ยย


konhin 17 เม.ย. 2558, 23:48:14 น.
ของขวัญ ชีจะเวิ่นเว้อไปไหน พี่ซันเจ็บเพราะเมียจากไปต่างหากเล่า แหมมม อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางสิ
นายซันก็โหหหห ถึงจุดต่ำสุดแล้วดิ แล้วก็หัดคิดให้ได้ด่วนนะ ไม่งั้นเมียไม่กลับมาอยู่ด้วย


coonX3 18 เม.ย. 2558, 03:07:44 น.
ถ้ายังเจ็บจากรักเก่า แล้วจะเริ่มใหม่อย่างสมบูรณ์ได้ไง อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ช่วยตัวเองให้มากแล้วกัน


หมูบูลิน 18 เม.ย. 2558, 06:34:57 น.
คราวนี้ทำตัวดีล่ะนายซัน


Zephyr 19 เม.ย. 2558, 18:51:00 น.
เฮีย เอาอดีตที่เฮียเคยพูดดีๆกะของขวัญมาพูดกับฝ้ายบ้างได้มั้ย
ปากน่ะจะเสีย บูด เน่า ไปไหน
คิดก่อนพูดซี่ แต่ละคำ
โอ้ยยยยย ขนาดสำนึกแล้วยังจะพูดสั้นกระชับ เข้าใจได้หลายทางอีกเว้


ผักหวาน 22 เม.ย. 2558, 16:31:03 น.
ปุยฝ้ายป่าวไปตลาดซะได้ 555

แหม ทีงี้ หุ่นน้ำแข็งอย่างพี่ซันต้องเจอแบบไหนดีน๊า จะได้ไม่กั๊กไม่กลัวดอกพิกุลจะร่วง
ทำไมชอบพูดอะไรที่มันตรงข้ามกับความคิดคะพี่ซันขา

ว่าแต่ ทุกคนอาจเป็นเหมือนคุณซันก็ได้ เมื่อผิดหวังมา ก็เฝ้าโทษคนอื่น แต่ไม่เคยโทษตัวเอง อย่างพี่ซันก็โทษหนูของขวัญที่เหมือนทำให้ปุยฝ้ายต้องแท้งลูกไป แก้ตัวใหม่ซะทีนะคะพี่ซันขา ไม่งั้นหนูปุยฝ้ายไปไม่กลับจริงๆ นะเตง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account