บทเรียน (รัก) นอกตำรา
นพมัลลี นักศึกษาฝึกสอนที่จบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน
นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก
แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้
มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่
เธอต้องมาฝึกอยู่ในโรงเรียนพิชญ์ปรีชา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตของเธอที่เคยเปลี่ยนแปลงไปมา
หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้มาตลอด
จะเทียบไม่ได้เลยกับการมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่เพียงไม่กี่เดือน
นอกจากต้องรับมือกับพวกนักเรียนแสบที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เธอ
นพมัลลียังต้องมาระแวงกับ ตุนท์ ครูที่ปรึกษาร่วมที่เอาตัวมาวอแวกับเธอไม่เลิก
แต่ไม่ว่าปัญหาจะมากมายเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่นพมัลลีต้องทำคือการจบการศึกษาไปให้ได้
มีสิ่งล้ำค้าสิ่งหนึ่งในชีวิต...กำลังรอคอยเธออยู่
Tags: นพมัลลี ตุนท์ คมิก พิชญ์ปรีชา
ตอน: บทที่ 30 : เรื่องความรักนี่มันเข้าใจยากจริงๆ
บทที่ 30
“แกไปไหนมา!” เสียงเข้มห้วนฉุดขาของวากูรให้นิ่งอยู่กับที่ ชายหนุ่มชายตามองบิดาที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดย่างสามขุมตรงเข้ามา “แกกำลังคิดทำอะไร”
“ทำในสิ่งที่พ่อห้ามมาตลอด ผมจะเอาลูกกับเมียผมคืน”
“เมีย?” คนถามแค่นเสียงหัวเราะ หน้าตาบิดเบี้ยวหนักขึ้น “แกถึงกับสร้างหลักฐานปลอมๆ ขึ้นมาขู่เขา”
“พ่อรู้” วากูรกัดปากอย่างขุ่นเคือง นพมัลลีไม่เฉลียวใจเลยในเรื่องที่เขายกผลดีเอ็นเอมาขู่ ทั้งที่ตอนเขาหยิบยกมาใช้ก็อดประหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านเขาพยายามใกล้ชิดกับนวมลลิ์แล้ว แต่เด็กหญิงกลับออกปากไล่เขาอย่างไม่ใยดี ไม่มีเยื่อใยใดๆ แก่กัน ยิ่งมีทั้งครอบครัวของนพมัลลีคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เขาจึงไม่สามารถแตะต้อง หรือพาเด็กหญิงออกมาได้เลย เขาสิที่ต้องอาศัยให้ทนายครอบครัวไปสร้างหลักฐานนี้มาให้
“คนที่แกควรห่วงคือหนูฐานิษ แกทำเขาเจ็บช้ำ จนครอบครัวแทบตัดเป็นตัดตายกับฉัน แกไม่เคยแม้แต่จะมาแลดู กลับดีแต่ร่อนไปตามหาคนที่เขาไม่เหลียวมองแก ลูกแกแล้วยังไง เขาไม่ต้องการให้แกรับผิดชอบ แกก็แค่ลอยตัวต่อไป”
“ผมจะไม่เดินตามทางที่พ่ออยากให้เดินอีก ผมไม่รักฐานิษ และผมก็ไม่พร้อมจะปล่อยลูกไป การที่ผมดันทุรังอยู่กับฐานิษก็ไม่ต่างอะไรกับการไปหลอกลวงเขา ถึงเขาจะเคยรักผมยังไง จนถึงตอนนี้ผมได้ก้าวผ่านมา และทำร้ายเขาไปแล้ว เขาก็คงทั้งรักทั้งแค้นผม ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม”
คนฟังโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม ชี้นิ้วไปยังหน้าของลูกไม่รักดี นึกสรรหาคำด่าในโลกนี้ออกมา แต่ทุกอย่างล้วนจุกอยู่ในลำคอ สุดท้ายจึงเค้นออกมาได้เพียง “ออกไป! ฉันจะคิดว่าลูกฉันมันตายไปจากโลกนี้ เงินสักแดงเดียวฉันก็จะไม่ให้แก”
“พ่อ!” วากูรร้องอย่างตกใจ แต่เขาก็ได้สติโดยเร็ว ทำได้เพียงก้มหน้ารับทุกการตัดสินใจของพ่อ ที่จะไม่กระทบกับเส้นทางเดินที่เขาเลือก “ผมเข้าใจแล้วครับ”
หลังห้องไร้เงาบุตรชาย คนเป็นพ่อได้แต่ยืนกำหมัดนิ่งอยู่ชิดริมหน้าต่าง ความโกรธไม่ได้บรรเทาลงไป มีแต่ปรารถนาที่จะหยุดยั้งการตัดสินใจของบุตรชายเท่านั้น เขามีลูกชายคนเดียว และหญิงแปลกหน้า ธรรมดา ชาติตระกูลรึก็ไม่มีจะมาทำให้ธุรกิที่เขาสร้างมา หรือลูกชายที่เขาหมายมั่นให้สืบทอดงานถึงคราวสะดุดได้อย่างไร ครั้งนี้เขาก็เพียงแค่ถอย เพื่อให้ลูกชายตายใจ แล้วรอโอกาสเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีคนสืบทอด วากูรจะต้องไร้ความสุขและเงินทองตลอดชีวิต
ตุนท์กลับเข้ามาในบ้าน สีหน้าสงบราบเรียบ ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงในใจของเขากำลังรู้สึกสิ่งใด แม้แต่ร่างสวยงามเฉิดฉายข้างกายยังไม่นึกสอดปากหาเรื่องให้ตัวเองโดนดุด่าหนักขึ้นไปอีก หลายครั้งทำได้แค่แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ไม่ก็เบ้หน้าขัดใจ
“ทำไมเธอยังอยู่ที่นี่อีกนวลเพชร” ตุลาออกมาต้อนรับถึงหน้าบ้านด้วยน้ำเสียงไม่รับแขก สีหน้าเย็นยะเยียบพอกันกับลูกชาย ต่างหน่อยตรงที่ประกายตาของตุลาเจิดจ้าด้วยเพลิงโทสะ ขณะหันไปแยกเขี้ยวใส่หญิงสาวอีกคน “ดร.นวลเพชร เธอกล้ามากนะ”
“กล้าอะไรคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วทำหน้าตากวนประสาทใส่
“กล้ามาหลอกฉันน่ะสิ!”
“หลอกอะไรคะ”
คนสูงวัยกว่าโกรธจนหน้าจะมืด แต่ยังรวมสติได้ก่อน อธิบายความจริงลอดไรฟัน “เธอเป็นตำรวจ และที่มาอยู่ใกล้ลูกชายฉันก็ด้วยเรื่องงาน”
“รู้แล้วเหรอคะ...ตายแล้ววว” นวลเพชรลากเสียงยาว หน้าตาระรื่นเมื่อมองไปทางตุนท์ ซึ่งยืนนิ่งเฉย ไม่หืออือใดๆ
“และสำคัญคือเธอไม่ใช่เด็กนวลเพชรที่ฉันเคยอุปถัมภ์”
ตำรวจสาวเดาะลิ้นในปากทีหนึ่ง หัวเราะเหอะ ก่อนจะยกมือพนมไหว้อย่างนอบน้อม เต็มไปด้วยท่าทีกะล่อนของสาวที่ไม่มีใครต้อนได้จนมุม และเธอก็ไม่มานั่งรู้สึกสำนึกผิดในความผิดเล็กน้อยเหล่านี้ด้วย
“นั่นเป็นน้องสาวฝาแฝดฉันค่ะ เขาเพิ่งบินไปสัมมนาที่ต่างประเทศ แล้วก็เป็นคุณแม่ลูกสองไปแล้ว”
ความจริงเหล่านั้นเธอได้รับรู้หลังจากลินดาเข้ามาบอกความจริงหลังนางอุตส่าห์ปฐมพยาบาลลูกชายหล่อนให้ได้สติ
‘จริงๆ น้องไม่อยากหลอกเลยนะคะคุณพี่ แต่ตอนนั้นคุณพี่ไม่ฟังน้อง เอาแต่สั่งๆ น้องก็เลยต้องส่งฝาแฝดของนวลเพชรไปแก้ขัดกันตายค่ะ’
‘ฝาแฝด?’
น้ำเสียงยะเยือกถามของนางทำให้ลินดาชี้แจงออกมาหมดเปลือกว่านวลเพชรซึ่งเป็นเด็กกำพร้ามาแต่เกิด และในสมัยเรียนยังเป็นเพื่อนสนิทของตุนท์ ไม่กี่ปีหลังจากเรียนจบนวลเพชรก็พบน้องสาวซึ่งเป็นตำรวจติดยศบนบ่าไปแล้วมาตามหา แน่นอนว่าตุนท์รู้เรื่องนี้ดีมาตลอด ทั้งยังเป็นเพื่อนที่ดีกับน้องสาวของนวลเพชรอีกด้วย ตอนนางรับรู้มหากาพย์สองพี่น้องแฝดนั่นอย่างกับนั่งดูละครน้ำเน่าสักเรื่อง คดีนี้ที่นวลเพชรตัวปลอมที่มีชื่อจริงๆ ว่า พร้อมพิศ รับหน้าที่ดูแลอยู่กับญาติตำรวจของนาง
“เธอทำให้นพมัลลีเขาทะเลาะกับตุนท์รู้ตัวบ้างไหม”
ความผิดถูกโยนมาตรงหน้า แต่พร้อมพิศเป่าออกไปทางอื่น “ไม่ถูกนะคะคุณนาย ที่ตุนท์อารมณ์เสียเพราะผู้ชายที่มาติดพันแฟนเขาต่างหาก”
‘คุณนาย’ ถลึงตาดุเด็กคราวลูกที่จงใจเรียกนางอย่างประชด ธาตุแท้ไม่ยี่หระ เป็นสาวมั่นของพร้อมพิศดูอย่างไรก็แตกต่างกับท่าทางนุ่มนิ่ม หัวอ่อน มีกิริยามารยาท ว่าง่ายของคนพี่ลิบลับ “เธอจะหลับตาไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้!” ตุลาหันไปดุลูกชายอีกคน “ส่วนลูก เอาแต่ปิดปากเงียบ แม่รู้ว่าตุนท์ห่วงลี ไม่อยากให้ยุ่ง มันอันตราย แต่การไม่บอกอะไรเลย ก็เท่ากับลูกไม่ไว้ใจเขา คนเราจะใช้ชีวิตด้วยกันสิ่งหนึ่งที่ต้องทำคือการร่วมแบ่งปันเรื่องราวในชีวิต พูดคุยกัน ไม่ใช่คิดทำอะไรคนเดียวอย่างนี้”
“เสร็จงานแล้วฉันกลับก่อนดีกว่า” พร้อมพิศหันมาไหว้ลาตุลาอย่างนอบน้อมทีหนึ่งแล้วรีบไป ทิ้งสองแม่ลูกไว้ในบรรยากาศมาคุที่เธอแสนจะไม่ชอบ
ตุลาส่งเสียงฮึ่มฮั่ม ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรความรักของลูกชายจึงมีแต่อุปสรรค ไม่เพราะคนนั้น ก็คนโน้น ไม่จบไม่สิ้น พอดูจะไปได้ดีขึ้นมาหน่อยก็ถึงคราวระหองระแหงกันอีก
“ตุนท์ กำลังโมโหอะไรอยู่ใช่ไหม”
อาการนิ่งเงียบไม่พูดจาถึงคราวถูกกะเทาะออก ตุนท์ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม ส่ายหน้าช้าๆ ไม่เลย ถ้าคนที่จะโมโหควรเป็นตัวเขาที่โมโหตัวเองมากกว่า “ผมรู้ว่าลีอยู่ไหน แต่ผมกลับยังไม่อยากไปคุยกับเขา”
“น้อยใจ?”
“ลีไปกับหมอนั่น โดยไม่สนใจผม ไม่โทรบอกสักคำ”
มือที่ผ่านมาหลายห้าสิบปีวางบนไหล่ลุกชายอย่างที่รู้จักกันดี นางไม่เคยเห็นรู้ชายเสียเวลากลุ้มกับเรื่องผู้หญิงมาก่อน ตุนท์เป็นคนทุ่มเทกับสิ่งที่ทำมาเสมอ ที่ผ่านมาจึงทุ่มเทให้กับเรื่องเรียน แฟนที่เคยมีประเดี๋ยวประด๋าวไม่นานก็เลิก และส่วนใหญ่คนที่บอกเลิกจะเป็นฝ่ายหญิงเสมอ ทุกคนไม่เคยมองไปไกลถึงชีวิตแต่งงาน ในขณะที่ตุนท์ไม่เคยคิดคบใครระยะเวลาสั้นๆ ไม่นานก็เลิกกันมาก่อน นิสัยของตุนท์เป็นอย่างนี้จนถึงปัจจุบัน
“ใจเย็นๆ ตุนท์ ถ้าเขาไม่โทรมา ทำไมลูกไม่โทรไปล่ะ”
“ผมไม่อยากกวนลี”
ลูกชายทำหน้าเบ้หลังถูกมารดาซัดเพียะที่ต้นแขนไปทีหนึ่งหลังขัดหูคำพูดเขา “มาเกรงใจไม่เข้าเรื่อง หรือจะเจอหน้าเขาตอนโรงเรียนเปิดเลยดีล่ะ จบดร.แล้ว จะให้ชีวิตรักจบแค่ระดับอนุบาลหรือไง” ตุลาบ่นอุบ ก่อนจะถามอีกคำถามที่สงสัย “ว่าแต่ทำไมลินดาถึงรู้จักนวลเพชรดีนักล่ะ รู้ดีขนาดส่งพร้อมพิศมา แม่ล่ะสงสัย”
ตุนท์หัวเราะเบาๆ ออกเสียที “บลินด์เขาตามตื๊อน้องสาวอีกคนของนวลเพชรอยู่ครับ ผมเองก็สนิทกับทั้งนวลเพชร แล้วก็พร้อมพิศ”
“แล้วพร้อมพิศนี่มีแฟนหรือยัง แม่ล่ะไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้เลย”
“เขาเป็นเลสเบี้ยนครับ”
“...”
“อย่าโง่เลยนะลี” ดิศเข็นรถเข็นเลี้ยวไปตามยังแผนกอาหารในซุปเปอร์มาร์เก็ต มีนพมัลลีเดินตามไม่ห่าง หลังจากถูกโทรตามให้มารับรู้ปัญหาร้อยแปดที่อดีตแฟนเก่าก่อไว้ทั้งการระราน และข่มขู่ “แล้วก็ห้ามหนี ห้ามกลัว เราไม่ได้ทำอะไรผิดจะต้องหนีทำไม หรือจะขึ้นศาลก็เอาสิ เธอไม่มีอะไรไปแพ้หมอนั่นหรอก”
หญิงสาวเลือกผักไปเรื่อยๆ ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเย็นนี้จะทำเมนูอะไรรับประทาน ทางที่ดีควรพูดว่านิลุบลจะทำอะไรให้ทานมากกว่า เธอนอนไม่ค่อยหลับเพราะรับรู้เจตนาของวากูรดี ฝ่ายนั้นจะไม่ยอมถอยให้ง่ายๆ เขาคงตัดสินใจได้ตั้งแต่งานแต่งงานวันนั้นแล้ว เธอไม่ควรไปงานวันนั้นเลยจริงๆ นพมัลลีก้มหน้าเลือกผักไปโดยไม่รู้ว่าดิศหยุดเข็นรถ และกำลังอ้าปากค้าง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาพบ ‘แขกพิเศษ’ ตรงหน้า เธอจึงพลอยตาเบิกโตขึ้นไปด้วยอีกคน
“คุณนพมัลลี”
“คุณฐานิษ” นพมัลลีหาเสียงตัวเองในที่สุด หญิงสาวพยายามฉีกยิ้มให้หญิงสาวเบื้องหน้าที่กำลังมอบรอยยิ้มมาให้ แต่เธอกลับไม่ค่อยกล้าสบตาฐานิษนัก ถึงอย่างไรเธออาจไม่ใช่คนทำให้งานแต่งงานนั้นล่ม แต่เธอก็ปฏิเสธสาเหตุการมีอยู่ของตัวเองไม่ได้ ตอนนี้เธอจึงรู้สึกไม่ต่างจากวัวสันหลังหวะ
“คุณเจอกูรบ้างไหมคะ หลังจาก...” ฐานิษจงใจหยุดคำต่อนั้น ด้วยยังสะเทือนใจ และดวงตาของเธอยังมีความร้าวรานฉายออกมา วันนั้นที่เธอเฝ้าฝันถึงตลอด การสวมชุดเจ้าสาว มีเจ้าบ่าวที่เธอรักและศรัทธาอยู่เคียงข้าง กลายเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากยอมรับว่ามันคือความจริง
“...”
“เขาคงมาหาคุณสินะคะ แล้วเขาสบายดีใช่ไหมคะ”
“ฉันไม่ได้สนใจเขาเลยค่ะ”
“แต่กูรเขาก็ยังตอแยคุณ”
นพมัลลีไม่รู้ว่าทุกคำของฐานิษเป็นคำประชดประชัน หรือพูดออกมาตอกย้ำใจตัวเองให้เจ็บปวดเล่นเฉยๆ เพราะเธอพูดกึ่งหยัน ใบหน้าก้มลงเล็กน้อย เธอคาดว่าฐานิษคงปกปิดความรวดร้าวในใจที่ถ่ายทอดออกมาทางดวงตา ซึ่งเธอเห็นว่ายังมีอยู่ตลอดการสนทนานี้
“เรื่องของฉันกับเขามันจบไปนานแล้ว ฉันไม่คิดรื้อฟื้นอะไรอีก และฉันเองก็มีคนที่ฉันรักแล้ว เขาดีมากจนฉันไม่อยากไปหาใคร ต่อให้วากูรตอแยฉันไปตลอดชีวิต ฉันก็จะไม่มีวันสนใจเขา”
ฐานิษนิ่งฟัง เธอเชื่อทุกคำที่นพมัลลีพูด วันนั้นเธอก็อยู่ประจักษ์ความรักของนพมัลลีกับแฟนหนุ่ม มือคู่นั้นไม่ปล่อยจากกันจนเธออิจฉา เธอเคยสงสัยว่าทำไมมือของวากูรจะเย็นเฉียบ อยู่ข้างกายเขาไม่เคยรู้สึกอบอุ่นใจจริงจัง เพราะเขาไม่เคยจริงใจกับเธอมาก่อน ในใจเขามีแค่ผู้หญิงตรงหน้าเธอ...คนที่ไม่รักเขา
“คุณว่างไหมคะ” ฐานิษยิ้มอ่อนหวานมาให้ ไม่ได้มองนพมัลลีเป็นศัตรู และนพมัลลีรับรู้ได้ชัด ทั้งในใจยังรู้สึกผิดไม่น้อย จึงตอบรับด้วยการพยักหน้ารับ พร้อมกับลากดิศไปเป็นเพื่อน แบ่งเบาความรู้สึกผิดในครั้งนี้ด้วยอีกคน
เขาไม่อยากคุยกับนพมัลลีทางโทรศัพท์...ตุนท์ออกมาจากรถ หยุดมองหน้าบ้านพักที่เขากับเธอเคยพักอยู่ข้างกันมาตลอดหลายเดือน ตอนนั้นเขายังจำความรู้สึกครั้งแรกที่พบนพมัลลีได้ หญิงสาวรู้หลบหลีก แต่ก็ไม่โง่ เธอวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาในเรื่องที่เธอไม่ชอบใจ และก็เลือกคนที่จะรับฟัง ตอนนั้นนพมัลลีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไม่ใช่แค่ ‘ครูดีกรีดร.’ แต่เธอไม่เคยเสแสร้งแกล้งทำ กระทั่งเขาอยากรู้จักอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นจนตัดสินใจย้ายมาพักที่บ้านพักในโรงเรียนแห่งนี้ ยิ่งได้อยู่ใกล้เขายิ่งรู้จักอีกฝ่าย จากความชอบ ความถูกใจ เขาเริ่มเข้าใจความเป็นนพมัลลีมากขึ้น นพมัลลีเป็นผู้หญิงที่เขานับถือ คนตัวเล้กๆ คนหนึ่งมีชีวิตขรุขระตลอดมา แต่เธอกลับยืนหยัด และก้าวอย่างแข็งแกร่ง ไม่จมอยู่กับอดีต ไม่โทษว่าเป็นความผิดของใคร เธอมีแค่ปัจจุบันที่อยากจะทำให้ดีที่สุด
ถ้าจะถามว่าเขาทำไมถึงรักผู้หญิงที่เต็มไปด้วยปัญหามากมายขนาดนี้ แทนที่จะรักผู้หญิงที่มีหน้าตาสังคมเท่ากันอย่างที่แม่เคยว่า หรือจะผู้หญิงธรรมดาชีวิตเรียบเรื่อย เขาก็คงตอบไม่ได้ วันนี้เขามาไกลกว่าจะกลับไปถามคำถามกิ๊กก็อกเหล่านั้น คนเราจะถามหาเหตุผลทำไมว่า...รักเพราะอะไร ในเมื่อตอนนี้ผลลัพธ์สุดท้ายคือเขารักทุกสิ่งที่นพมัลลีเป็นไปแล้ว เขารักทุกสิ่งที่เธอเป็นได้ ไม่ใช่เพราะความใจกว้างดังมหาสมุทร เพราะตุนท์เองก็รู้ว่าถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่นพมัลลี เขาเองก็คงไม่รู้สึกเข้าใจอย่างนี้
ปัญหาของคมิกจบไปแล้ว ตอนนี้คมิกจำเป็นต้องซ่อนตัวชั่วคราว กลบฝังชื่อตัวเองให้หายไป เพื่อความปลอดภัย และมีชีวิตต่อไปอย่างที่คมน์พ่อของคมิกขอร้องไว้
‘ผมจะมีชีวิตต่อไปครับครู ผมไม่มีวันตายง่ายๆ เด็ดขาด’
คมิกเองก็ได้เติบโตไปกับบทเรียนชีวิตของเขาที่ต้องแลกด้วยชีวิตของพ่อ ตุนท์ทำได้แค่เตือนไม่ให้เด็กหนุ่มจมอยู่กับความผิดแล้วเอาแต่โทษตัวเอง เขาหวังจะได้เห็นคมิกเติบโตเป็นคนแกร่ง จากเด็กหนุ่มนายน้อย กลับสู่เด็กหนุ่มธรรมดาที่ไร้ชื่อเดิม ไร้เงิน ฐานะ เหลือเพียงแค่ชีวิตที่ต้องเดินหน้าต่อไป
แต่ละคนล้วนมีบทเรียนชีวิตที่ไม่เหมือนกัน...
“พ่อตุนท์คะ” เสียงเรียกหวานมาพร้อมร่างเล็กที่วิ่งถลากึ่งกระโดดมาหาอย่างยินดี ตุนท์อ้าแขนรับเด็กแสบที่เขาต้องคอยสังเกตดูลมฝนว่าเด็กหญิงจะชอบขี้หน้าเขา หรือจะหมั่นไส้ขี้หน้าเขา วันนี้นวมลลิ์อยู่นโหมดอารมณ์ดีไม่เหม็นขี้หน้าเขา
“ไงครับตัวเล็ก ไม่เจอกันหลายวัน ไม่ดื้อให้แม่ลีปวดหัวใช่ไหม”
“ตัวเล็กเป็นเด็กดีค่ะ” เด็กหญิงยื่นปากทำหน้างอน “พ่อตุนท์ไม่เจ็บแล้วใช่ไหมคะ”
“เจ็บ?”
“แม่ลีบอกพ่อตุนท์เจ็บตัว นอนอยู่โรงพยาบาล แม่ลีร้องไห้หนักมากนะคะ” เด็กหญิงยังจำวันนั้นที่แม่ของตนทรุดลงร้องไห้ไม่เก็บอาการ
ตุนท์ได้ฟัง รู้สึกอุ่นวาบในใจ ฝ่ามือเล็กกอดคอเขาไว้ ลูบหลังปลอบอย่างที่เธอปลอบแม่ไปในวันนั้น “ตัวเล็กดีใจที่พ่อตุนท์ไม่ทิ้งแม่ลีไป ตัวเล็กสัญญาว่าจะดื้อให้น้อย ตัวเล็กไม่อยากเห็นแม่ลีเสียใจอีก”
ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดของเด็กหญิงที่เขาเฝ้ารอมานานในการเอาชนะใจดวงน้อยนี้ ในที่สุดเขาก็ได้รับการยอมรับจากนพมัลลีจริงๆ เสียที ตุนท์กลั้นยิ้มไม่อยู่ รู้สึกว่าการเจ็บของตัวคุ้มค่าเหลือเกิน เขาได้ช่วยทั้งคมิก และยังได้ใจนวมลลิ์
“พ่อตุนท์จะแข็งแรงให้มากๆ นะครับ”
“ห้ามทิ้งแม่ลีของตัวเล็กด้วยนะคะ แม่ลีน่าสงสาร”
“ไม่มีวันครับ พ่อตุนท์จะไม่ปล่อยมือแม่ลีไปไหนเด็ดขาด” ตุนท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจถามเด็กน้อยที่เขาคิดว่าจะไม่มีวันโกหก ถือว่าเขามาสืบข้อมูลในช่วงที่เขาวุ่นเรื่องคมิกก็ได้ “ช่วงที่พ่อตุนท์ไม่อยู่ มีใครมาวอแวตัวเล็กกับแม่ลีไหมครับ”
เด็กหญิงทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าถี่ บอกออกมาไม่ปิดบัง “ลุงคนนั้นมาหาตัวเล็กหลายครั้งเลยนะคะ”
“ลุงคนนั้นที่งานแต่งงานใช่ไหม”
“ค่ะ แต่ตัวเล็กไล่เขา ไม่อยู่ใกล้เขาเลยนะคะ”
ตุนท์กลั้นยิ้ม สัมผัสได้ว่านวมลลิ์ทำตามปากว่าไว้ในคราวนั้นจริงๆ “เพราะอะไรตัวเล็กถึงทำอย่างนั้นครับ”
“ตัวเล็กรู้ว่าแม่ลีไม่ชอบเขา แม่ลีชอบพ่อตุนท์ แล้วลุงคนนั้นก็เคยพูดไม่ดีกับแม่ลี ตัวเล็กไม่ชอบเขาค่ะ พ่อตุนท์ดีกว่าลุงคนนั้นเยอะเลย”
คำพูดน่าฟังทำให้ตุนท์มอบรางวัลด้วยการหอมแก้มนิ่มไปทีหนึ่งอย่างหมั่นเขี้ยว หลังจากนั้นเขาก็ยังมีเวลาคุยเล่นกับนวมลลิ์อีกหลายชั่วโมงจนถึงเวลานอนหลับตอนบ่ายที่มัลลิยามาพาอีกฝ่ายไปเข้านอน ก่อนจะรั้งตัวไว้เพื่อขอให้อยู่คุยด้วยกันก่อน
การสนทนาอันน่าเศร้า ผสมกับความเข้าใจทำให้นพมัลลีได้เพื่อนเพิ่มมาคนหนึ่ง แทนที่จะเป็นศัตรู เธอเสียดายที่ตัวเองมีส่วนทำให้ชีวิตของฐานิษพบเจอความเศร้า ถ้าเธอไม่ปรากฏตัวให้วากูรได้พบ ชีวิตของฐานิษคงจะลงเอยกับอีกฝ่ายไป แต่แล้วเธอก็ได้แต่ถามตัวเองอีกครั้ง แล้วฐานิษยังจะมีความสุขจริงๆ อย่างนั้นเหรอ เมื่อสุดท้ายในใจของวากูรยังคงยึดติดกับเธอเช่นเดิม
“เรื่องความรักนี่มันเข้าใจยากจริงๆ เลยนะ” ดิศพูดอย่างหดหู่ เขาเองก็พลอยรู้สึกแย่ไปด้วย ถึงฐานิษจะพูดถามส่วนใหญ่ถึงวากูรว่าเป็นอย่างไรบ้าง หรือมารบกวนนพมัลลีอย่างไร จนกระทั่งนพมัลลีจำต้องบอกเล่าเรื่องลูกออกไปให้ฐานิษรู้ ซึ่งอีกฝ่ายมีท่าทางอึ้งทั้งที่พอรู้มาก่อนหน้าบ้างแล้ว
“ความรักมันก็เหมือนดาบสองคมนะครู ถ้ารักนั้นได้รักตอบ ก็มีความสุขกันไป แต่ถ้ารักนั้นนอกจากไม่ได้รักตอบ คนๆ นั้นยังไม่รู้จักยอมรับหรือปล่อยวาง เขาก็จะหลุดพ้นวังวนที่เขาสร้างขึ้นมาเองไม่ได้” นพมัลลีเดินเคียงดิศเข้ามาในบ้าน ไม่ทันสังเกตว่าตอนผ่านใต้เงาไม้ใหญ่มามีใครยืนอยู่ “ครั้งหนึ่งฉันเคยคิดอยากแก้แค้นวากูรที่มาหลอกฉัน แต่ฉันก็ไม่กล้าพอ ฉันคิดว่าการหนีไปให้พ้นจะดีกว่า แต่ฉันก็รู้ว่าสุดท้ายคนเราจะหนีไปไม่ได้ตลอด เจ็ดแปดปีผ่านมา สุดท้ายฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับเขา เพราะวันนั้นฉันไม่นั่งเคลียร์กับเขาให้จบไป วันนี้มันถึงยืดเยื้อ แล้วก็ลากให้ผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องอีกคนให้ต้องเจ็บปวด ฉันไม่โทษตัวเองไม่ได้ว่านี่ก็ถือเป็นความผิดของฉัน”
“แล้วกับคุณตุนท์ล่ะ เธอคิดยังไง” ดิศเหลือบไปเห็นตุนท์ที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกล เข้าใจโยนหินถามทางให้ ฉวยโอกาสตอนที่นพมัลลียังไม่รู้ตัวว่าตุนท์อยู่ด้วยนี้ทันที แม้แต่รถของตุนท์จอดอยู่ นพมัลลีก็ไม่ทันสังเกต เพราะจิตใจยังหนักอึ้งจากการพูดคุยกับฐานิษอยู่
“เกี่ยวกันไหมเนี่ยครู”
“ก็ถือเป็นเรื่องความรักเหมือนกัน หรือไม่จริง ตอบมาเถอะน่า ตอนนี้เธอคิดจะทำยังไงเรื่องของคุณตุนท์”
นพมัลลีกัดปากครุ่นคิด “เขาคืออีกครึ่งชีวิตของฉัน” เธอไม่ได้ตอบเกินจริงเลยสักนิด หลังจากเกือบสูญเสียเขาไปเธอตระหนักถึงความสำคัญของตุนท์มากขึ้น “ฉันดีใจที่ชีวิตของฉันได้พบเขาค่ะ เขาเป็นดาวนำโชคที่ฉันนึกว่าจะไม่ได้เจอ”
“ขอบคุณครับ” นพมัลลีสะดุ้งกับอ้อมกอดที่โอบล้อมเธอจากด้านหลัง สายตาหันมองหาครูดิศก็พบฝ่ายนั้นโบกมือ ทำหน้าล้อเลียนก่อนจะรีบจากไปไม่อยู่ขัดจังหวะ พอตั้งสติ และหัวใจให้สงบได้ ร่างกายเธอก็เริ่มคุ้นชินพอที่จะเอนไปพิงอกเขา เธอคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นนี้มากที่สุด ตั้งแต่เกิดเรื่องจนเขาเข้าโรงพยาบาลเธอก็แสนจะหงุดหงิดกับนวลเพชร แต่ก็ไม่กล้าหึงหวงออกมาจนน่าเกลียด และในใจเธอยังย้ำให้เชื่อใจเขาอยู่เสมอ
“ไม่อายผีสางเทวดาเหรอคะ ตะวันยังไม่ตกดิน” นพมัลลีพูดแก้กระดาก แก้มขึ้นสีระเรื่อ
“พวกเขาไม่กล้าออกมาขัดความสุขของคุณหรอกครับ” ตุนท์ตอบทีเล่นทีจริง มองเข้าไปในบ้านก็พบว่าไม่มีใครออกมาขัดขวางการแสดงออกความรักของเขากับนพมัลลี
“คุณมาอยู่ที่นี่ มาทำธุระที่โรงเรียนเหรอคะ” คนถูกกอดแกล้งถาม อารมณ์แง่งอนอย่างที่ผู้หญิงพึงมีตีรื้นในอก เขาทำให้เธองอนมาตั้งนาน ไม่ยักรู้ว่าเขาจะรู้ตัวหรือเปล่า
“มาทำธุระส่วนตัวกับลีต่างหาก สำคัญระดับความมั่นคงในชีวิตผมเลยนะ ถ้าไม่รีบสะสาง สงสัยผมนอนไม่หลับไปอีกนาน คุณพร้อมจะฟังทุกเรื่องที่ผมจะบอกไหม” เสียงทุ้มกระซิบชัดริมหู ก่อนจะฉวยโอกาสดอมดมผิวแก้มเนียนให้ชื่นใจทีหนึ่ง สมกับที่เขาทรมานใจมาตลอด “ก่อนจะคุยเรื่องอื่นๆ ผมต้องขอโทษที่ทำให้ลีงอน”
“ใครงอน เปล่าซะหน่อย”
“เรื่องของนวลเพชร แน่ใจนะว่าลีไม่ได้งอน ไม่หึงไม่หวงผมเลย ถ้าไม่หึงเลยนี่ ผมเองก็ชักจะงอน อุตส่าห์ให้เขามายั่วให้คุณหึง”
“อะไรนะคะ!” น้ำเสียงเย็นเยียบ หรี่ตามองอย่างมาดร้ายคล้ายแม่เสือเตรียมตะปบเหยื่อของนพมัลลีทำให้ตุนท์ชักหวาดๆ แทนที่จะปล่อยเสือสาวให้หลุดจากอ้อมกอด เขากลับกระชับกอดแน่นขึ้น เกยคางวางบนไหล่อย่างเอาใจ รีบเล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นให้นพมัลลีรู้ ไม่คิดปิดบังใดๆ อีก เพราะเขาเชื่อที่แม่บอก...ชีวิตคู่ไม่ใช่ชีวิตใครชีวิตมัน มีอะไรก็จำต้องแชร์ แม้แต่เรื่องส่วนตัว
พอเล่าจนจบร่างที่เคยส่งกระแสหงุดหงิดออกมาก็คลายลง ตุนท์โล่งใจเปลาะหนึ่ง “หายงอนแล้วใช่ไหม”
“ใครงอนคะ” คนปากแข็งปฏิเสธ “ฉันเองก็มีเรื่องจะบอกคุณเรื่องหนึ่งเหมือนกันค่ะ สำคัญมาก น่าจะลบล้างเรื่องที่คุณคิดว่าผิดต่อฉันได้เหมือนกัน”
“คงไม่ร้ายแรงใช่ไหม”
“ไม่ร้ายแรงเลยค่ะ” นพมัลลีเป็นฝ่ายยิ้มประจบใส่ตาคนมองบ้าง
ตุนท์สังหรณ์ใจว่ามันต้อง ‘ร้ายแรงมาก’ แน่ๆ ได้แต่กลั้นใจถามไม่ให้ค้างคาใจ “เรื่องอะไรเหรอลี”
“ฉันจะไปเรียนต่อที่ออสเตรียสักสองสามปี จะพาตัวเล็กไปด้วย ฉันไม่ได้ขออนุญาตคุณนะคะ แค่บอกไว้เฉยๆ ตอนนี้ฉันจะรอจัดการเรื่องของวากูรให้เรียบร้อยก่อนไป”
“ให้ตายเถอะ!”
.....................................................
คุณ konhin ใช่ค่า ที่จริงถ้าตามกฎหมายแล้วลีสามารถฟ้องร้องวากูรได้ แต่ถึงทำได้ลีก็ไม่ทำ เพราะไม่อยากให้ลูกไปวุ่นวายกับวากูรอีก โชคดีที่ตัวเล็กทำตามสัญญาปากว่าที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับวากูรอีกค่ะ ^_^
คุณ ผักหวาน ตัวละครเรื่องนี้ส่วนใหญ่มีความผิดพลาดในอดีตทั้งนั้นค่ะ เกือบทุกตัวละครจริงๆ อยากแสดงให้เห็นว่าคนทุกคนไม่ได้เป็นสีขาว ชีวิตแต่ละคนก็เจอะเจอไม่เหมือนกัน บางคนชีวิตดีๆ ตลอดอย่างฐานิษ ยังมาหักกลางคันได้เพราะผู้ชายคนเดียว ส่วนลีชีวิตเขาบิดเบี้ยวตั้งแต่พ่อแม่เขาแล้ว ชีวิตตัวเองก็ตุปัดตุเป๋มาตลอด แต่ก็ยังยืนหยัดได้ค่ะ
คุณ กาซะลองพลัดถิ่น ลีจะคิดผิดหรือเปล่า ต้องรอดูว่าตุนท์จะจัดการยังไงนะคะ ฮา
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ กลัวโดนเคาะอีกที เลยรีบมาคลายปมจากตอนที่แล้วให้ค่ะ อิอิ
หายไปหลายวันเพราะปวราหนีเที่ยวใต้มาสามวันค่ะ หนีร้อนไปเที่ยวเขื่อน ^^ สงกรานต์แล้วก็ขอให้เดินทางกันอย่างปลอดภัย มีความสุขสดชื่นกันถ้วนหน้านะคะ มาอัพฉลองสงกรานต์หน่อย ฮิ้ว ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และทุกความเห็นค่า
“แกไปไหนมา!” เสียงเข้มห้วนฉุดขาของวากูรให้นิ่งอยู่กับที่ ชายหนุ่มชายตามองบิดาที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดย่างสามขุมตรงเข้ามา “แกกำลังคิดทำอะไร”
“ทำในสิ่งที่พ่อห้ามมาตลอด ผมจะเอาลูกกับเมียผมคืน”
“เมีย?” คนถามแค่นเสียงหัวเราะ หน้าตาบิดเบี้ยวหนักขึ้น “แกถึงกับสร้างหลักฐานปลอมๆ ขึ้นมาขู่เขา”
“พ่อรู้” วากูรกัดปากอย่างขุ่นเคือง นพมัลลีไม่เฉลียวใจเลยในเรื่องที่เขายกผลดีเอ็นเอมาขู่ ทั้งที่ตอนเขาหยิบยกมาใช้ก็อดประหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านเขาพยายามใกล้ชิดกับนวมลลิ์แล้ว แต่เด็กหญิงกลับออกปากไล่เขาอย่างไม่ใยดี ไม่มีเยื่อใยใดๆ แก่กัน ยิ่งมีทั้งครอบครัวของนพมัลลีคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เขาจึงไม่สามารถแตะต้อง หรือพาเด็กหญิงออกมาได้เลย เขาสิที่ต้องอาศัยให้ทนายครอบครัวไปสร้างหลักฐานนี้มาให้
“คนที่แกควรห่วงคือหนูฐานิษ แกทำเขาเจ็บช้ำ จนครอบครัวแทบตัดเป็นตัดตายกับฉัน แกไม่เคยแม้แต่จะมาแลดู กลับดีแต่ร่อนไปตามหาคนที่เขาไม่เหลียวมองแก ลูกแกแล้วยังไง เขาไม่ต้องการให้แกรับผิดชอบ แกก็แค่ลอยตัวต่อไป”
“ผมจะไม่เดินตามทางที่พ่ออยากให้เดินอีก ผมไม่รักฐานิษ และผมก็ไม่พร้อมจะปล่อยลูกไป การที่ผมดันทุรังอยู่กับฐานิษก็ไม่ต่างอะไรกับการไปหลอกลวงเขา ถึงเขาจะเคยรักผมยังไง จนถึงตอนนี้ผมได้ก้าวผ่านมา และทำร้ายเขาไปแล้ว เขาก็คงทั้งรักทั้งแค้นผม ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม”
คนฟังโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม ชี้นิ้วไปยังหน้าของลูกไม่รักดี นึกสรรหาคำด่าในโลกนี้ออกมา แต่ทุกอย่างล้วนจุกอยู่ในลำคอ สุดท้ายจึงเค้นออกมาได้เพียง “ออกไป! ฉันจะคิดว่าลูกฉันมันตายไปจากโลกนี้ เงินสักแดงเดียวฉันก็จะไม่ให้แก”
“พ่อ!” วากูรร้องอย่างตกใจ แต่เขาก็ได้สติโดยเร็ว ทำได้เพียงก้มหน้ารับทุกการตัดสินใจของพ่อ ที่จะไม่กระทบกับเส้นทางเดินที่เขาเลือก “ผมเข้าใจแล้วครับ”
หลังห้องไร้เงาบุตรชาย คนเป็นพ่อได้แต่ยืนกำหมัดนิ่งอยู่ชิดริมหน้าต่าง ความโกรธไม่ได้บรรเทาลงไป มีแต่ปรารถนาที่จะหยุดยั้งการตัดสินใจของบุตรชายเท่านั้น เขามีลูกชายคนเดียว และหญิงแปลกหน้า ธรรมดา ชาติตระกูลรึก็ไม่มีจะมาทำให้ธุรกิที่เขาสร้างมา หรือลูกชายที่เขาหมายมั่นให้สืบทอดงานถึงคราวสะดุดได้อย่างไร ครั้งนี้เขาก็เพียงแค่ถอย เพื่อให้ลูกชายตายใจ แล้วรอโอกาสเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีคนสืบทอด วากูรจะต้องไร้ความสุขและเงินทองตลอดชีวิต
ตุนท์กลับเข้ามาในบ้าน สีหน้าสงบราบเรียบ ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงในใจของเขากำลังรู้สึกสิ่งใด แม้แต่ร่างสวยงามเฉิดฉายข้างกายยังไม่นึกสอดปากหาเรื่องให้ตัวเองโดนดุด่าหนักขึ้นไปอีก หลายครั้งทำได้แค่แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ไม่ก็เบ้หน้าขัดใจ
“ทำไมเธอยังอยู่ที่นี่อีกนวลเพชร” ตุลาออกมาต้อนรับถึงหน้าบ้านด้วยน้ำเสียงไม่รับแขก สีหน้าเย็นยะเยียบพอกันกับลูกชาย ต่างหน่อยตรงที่ประกายตาของตุลาเจิดจ้าด้วยเพลิงโทสะ ขณะหันไปแยกเขี้ยวใส่หญิงสาวอีกคน “ดร.นวลเพชร เธอกล้ามากนะ”
“กล้าอะไรคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วทำหน้าตากวนประสาทใส่
“กล้ามาหลอกฉันน่ะสิ!”
“หลอกอะไรคะ”
คนสูงวัยกว่าโกรธจนหน้าจะมืด แต่ยังรวมสติได้ก่อน อธิบายความจริงลอดไรฟัน “เธอเป็นตำรวจ และที่มาอยู่ใกล้ลูกชายฉันก็ด้วยเรื่องงาน”
“รู้แล้วเหรอคะ...ตายแล้ววว” นวลเพชรลากเสียงยาว หน้าตาระรื่นเมื่อมองไปทางตุนท์ ซึ่งยืนนิ่งเฉย ไม่หืออือใดๆ
“และสำคัญคือเธอไม่ใช่เด็กนวลเพชรที่ฉันเคยอุปถัมภ์”
ตำรวจสาวเดาะลิ้นในปากทีหนึ่ง หัวเราะเหอะ ก่อนจะยกมือพนมไหว้อย่างนอบน้อม เต็มไปด้วยท่าทีกะล่อนของสาวที่ไม่มีใครต้อนได้จนมุม และเธอก็ไม่มานั่งรู้สึกสำนึกผิดในความผิดเล็กน้อยเหล่านี้ด้วย
“นั่นเป็นน้องสาวฝาแฝดฉันค่ะ เขาเพิ่งบินไปสัมมนาที่ต่างประเทศ แล้วก็เป็นคุณแม่ลูกสองไปแล้ว”
ความจริงเหล่านั้นเธอได้รับรู้หลังจากลินดาเข้ามาบอกความจริงหลังนางอุตส่าห์ปฐมพยาบาลลูกชายหล่อนให้ได้สติ
‘จริงๆ น้องไม่อยากหลอกเลยนะคะคุณพี่ แต่ตอนนั้นคุณพี่ไม่ฟังน้อง เอาแต่สั่งๆ น้องก็เลยต้องส่งฝาแฝดของนวลเพชรไปแก้ขัดกันตายค่ะ’
‘ฝาแฝด?’
น้ำเสียงยะเยือกถามของนางทำให้ลินดาชี้แจงออกมาหมดเปลือกว่านวลเพชรซึ่งเป็นเด็กกำพร้ามาแต่เกิด และในสมัยเรียนยังเป็นเพื่อนสนิทของตุนท์ ไม่กี่ปีหลังจากเรียนจบนวลเพชรก็พบน้องสาวซึ่งเป็นตำรวจติดยศบนบ่าไปแล้วมาตามหา แน่นอนว่าตุนท์รู้เรื่องนี้ดีมาตลอด ทั้งยังเป็นเพื่อนที่ดีกับน้องสาวของนวลเพชรอีกด้วย ตอนนางรับรู้มหากาพย์สองพี่น้องแฝดนั่นอย่างกับนั่งดูละครน้ำเน่าสักเรื่อง คดีนี้ที่นวลเพชรตัวปลอมที่มีชื่อจริงๆ ว่า พร้อมพิศ รับหน้าที่ดูแลอยู่กับญาติตำรวจของนาง
“เธอทำให้นพมัลลีเขาทะเลาะกับตุนท์รู้ตัวบ้างไหม”
ความผิดถูกโยนมาตรงหน้า แต่พร้อมพิศเป่าออกไปทางอื่น “ไม่ถูกนะคะคุณนาย ที่ตุนท์อารมณ์เสียเพราะผู้ชายที่มาติดพันแฟนเขาต่างหาก”
‘คุณนาย’ ถลึงตาดุเด็กคราวลูกที่จงใจเรียกนางอย่างประชด ธาตุแท้ไม่ยี่หระ เป็นสาวมั่นของพร้อมพิศดูอย่างไรก็แตกต่างกับท่าทางนุ่มนิ่ม หัวอ่อน มีกิริยามารยาท ว่าง่ายของคนพี่ลิบลับ “เธอจะหลับตาไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้!” ตุลาหันไปดุลูกชายอีกคน “ส่วนลูก เอาแต่ปิดปากเงียบ แม่รู้ว่าตุนท์ห่วงลี ไม่อยากให้ยุ่ง มันอันตราย แต่การไม่บอกอะไรเลย ก็เท่ากับลูกไม่ไว้ใจเขา คนเราจะใช้ชีวิตด้วยกันสิ่งหนึ่งที่ต้องทำคือการร่วมแบ่งปันเรื่องราวในชีวิต พูดคุยกัน ไม่ใช่คิดทำอะไรคนเดียวอย่างนี้”
“เสร็จงานแล้วฉันกลับก่อนดีกว่า” พร้อมพิศหันมาไหว้ลาตุลาอย่างนอบน้อมทีหนึ่งแล้วรีบไป ทิ้งสองแม่ลูกไว้ในบรรยากาศมาคุที่เธอแสนจะไม่ชอบ
ตุลาส่งเสียงฮึ่มฮั่ม ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรความรักของลูกชายจึงมีแต่อุปสรรค ไม่เพราะคนนั้น ก็คนโน้น ไม่จบไม่สิ้น พอดูจะไปได้ดีขึ้นมาหน่อยก็ถึงคราวระหองระแหงกันอีก
“ตุนท์ กำลังโมโหอะไรอยู่ใช่ไหม”
อาการนิ่งเงียบไม่พูดจาถึงคราวถูกกะเทาะออก ตุนท์ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม ส่ายหน้าช้าๆ ไม่เลย ถ้าคนที่จะโมโหควรเป็นตัวเขาที่โมโหตัวเองมากกว่า “ผมรู้ว่าลีอยู่ไหน แต่ผมกลับยังไม่อยากไปคุยกับเขา”
“น้อยใจ?”
“ลีไปกับหมอนั่น โดยไม่สนใจผม ไม่โทรบอกสักคำ”
มือที่ผ่านมาหลายห้าสิบปีวางบนไหล่ลุกชายอย่างที่รู้จักกันดี นางไม่เคยเห็นรู้ชายเสียเวลากลุ้มกับเรื่องผู้หญิงมาก่อน ตุนท์เป็นคนทุ่มเทกับสิ่งที่ทำมาเสมอ ที่ผ่านมาจึงทุ่มเทให้กับเรื่องเรียน แฟนที่เคยมีประเดี๋ยวประด๋าวไม่นานก็เลิก และส่วนใหญ่คนที่บอกเลิกจะเป็นฝ่ายหญิงเสมอ ทุกคนไม่เคยมองไปไกลถึงชีวิตแต่งงาน ในขณะที่ตุนท์ไม่เคยคิดคบใครระยะเวลาสั้นๆ ไม่นานก็เลิกกันมาก่อน นิสัยของตุนท์เป็นอย่างนี้จนถึงปัจจุบัน
“ใจเย็นๆ ตุนท์ ถ้าเขาไม่โทรมา ทำไมลูกไม่โทรไปล่ะ”
“ผมไม่อยากกวนลี”
ลูกชายทำหน้าเบ้หลังถูกมารดาซัดเพียะที่ต้นแขนไปทีหนึ่งหลังขัดหูคำพูดเขา “มาเกรงใจไม่เข้าเรื่อง หรือจะเจอหน้าเขาตอนโรงเรียนเปิดเลยดีล่ะ จบดร.แล้ว จะให้ชีวิตรักจบแค่ระดับอนุบาลหรือไง” ตุลาบ่นอุบ ก่อนจะถามอีกคำถามที่สงสัย “ว่าแต่ทำไมลินดาถึงรู้จักนวลเพชรดีนักล่ะ รู้ดีขนาดส่งพร้อมพิศมา แม่ล่ะสงสัย”
ตุนท์หัวเราะเบาๆ ออกเสียที “บลินด์เขาตามตื๊อน้องสาวอีกคนของนวลเพชรอยู่ครับ ผมเองก็สนิทกับทั้งนวลเพชร แล้วก็พร้อมพิศ”
“แล้วพร้อมพิศนี่มีแฟนหรือยัง แม่ล่ะไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้เลย”
“เขาเป็นเลสเบี้ยนครับ”
“...”
“อย่าโง่เลยนะลี” ดิศเข็นรถเข็นเลี้ยวไปตามยังแผนกอาหารในซุปเปอร์มาร์เก็ต มีนพมัลลีเดินตามไม่ห่าง หลังจากถูกโทรตามให้มารับรู้ปัญหาร้อยแปดที่อดีตแฟนเก่าก่อไว้ทั้งการระราน และข่มขู่ “แล้วก็ห้ามหนี ห้ามกลัว เราไม่ได้ทำอะไรผิดจะต้องหนีทำไม หรือจะขึ้นศาลก็เอาสิ เธอไม่มีอะไรไปแพ้หมอนั่นหรอก”
หญิงสาวเลือกผักไปเรื่อยๆ ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเย็นนี้จะทำเมนูอะไรรับประทาน ทางที่ดีควรพูดว่านิลุบลจะทำอะไรให้ทานมากกว่า เธอนอนไม่ค่อยหลับเพราะรับรู้เจตนาของวากูรดี ฝ่ายนั้นจะไม่ยอมถอยให้ง่ายๆ เขาคงตัดสินใจได้ตั้งแต่งานแต่งงานวันนั้นแล้ว เธอไม่ควรไปงานวันนั้นเลยจริงๆ นพมัลลีก้มหน้าเลือกผักไปโดยไม่รู้ว่าดิศหยุดเข็นรถ และกำลังอ้าปากค้าง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาพบ ‘แขกพิเศษ’ ตรงหน้า เธอจึงพลอยตาเบิกโตขึ้นไปด้วยอีกคน
“คุณนพมัลลี”
“คุณฐานิษ” นพมัลลีหาเสียงตัวเองในที่สุด หญิงสาวพยายามฉีกยิ้มให้หญิงสาวเบื้องหน้าที่กำลังมอบรอยยิ้มมาให้ แต่เธอกลับไม่ค่อยกล้าสบตาฐานิษนัก ถึงอย่างไรเธออาจไม่ใช่คนทำให้งานแต่งงานนั้นล่ม แต่เธอก็ปฏิเสธสาเหตุการมีอยู่ของตัวเองไม่ได้ ตอนนี้เธอจึงรู้สึกไม่ต่างจากวัวสันหลังหวะ
“คุณเจอกูรบ้างไหมคะ หลังจาก...” ฐานิษจงใจหยุดคำต่อนั้น ด้วยยังสะเทือนใจ และดวงตาของเธอยังมีความร้าวรานฉายออกมา วันนั้นที่เธอเฝ้าฝันถึงตลอด การสวมชุดเจ้าสาว มีเจ้าบ่าวที่เธอรักและศรัทธาอยู่เคียงข้าง กลายเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากยอมรับว่ามันคือความจริง
“...”
“เขาคงมาหาคุณสินะคะ แล้วเขาสบายดีใช่ไหมคะ”
“ฉันไม่ได้สนใจเขาเลยค่ะ”
“แต่กูรเขาก็ยังตอแยคุณ”
นพมัลลีไม่รู้ว่าทุกคำของฐานิษเป็นคำประชดประชัน หรือพูดออกมาตอกย้ำใจตัวเองให้เจ็บปวดเล่นเฉยๆ เพราะเธอพูดกึ่งหยัน ใบหน้าก้มลงเล็กน้อย เธอคาดว่าฐานิษคงปกปิดความรวดร้าวในใจที่ถ่ายทอดออกมาทางดวงตา ซึ่งเธอเห็นว่ายังมีอยู่ตลอดการสนทนานี้
“เรื่องของฉันกับเขามันจบไปนานแล้ว ฉันไม่คิดรื้อฟื้นอะไรอีก และฉันเองก็มีคนที่ฉันรักแล้ว เขาดีมากจนฉันไม่อยากไปหาใคร ต่อให้วากูรตอแยฉันไปตลอดชีวิต ฉันก็จะไม่มีวันสนใจเขา”
ฐานิษนิ่งฟัง เธอเชื่อทุกคำที่นพมัลลีพูด วันนั้นเธอก็อยู่ประจักษ์ความรักของนพมัลลีกับแฟนหนุ่ม มือคู่นั้นไม่ปล่อยจากกันจนเธออิจฉา เธอเคยสงสัยว่าทำไมมือของวากูรจะเย็นเฉียบ อยู่ข้างกายเขาไม่เคยรู้สึกอบอุ่นใจจริงจัง เพราะเขาไม่เคยจริงใจกับเธอมาก่อน ในใจเขามีแค่ผู้หญิงตรงหน้าเธอ...คนที่ไม่รักเขา
“คุณว่างไหมคะ” ฐานิษยิ้มอ่อนหวานมาให้ ไม่ได้มองนพมัลลีเป็นศัตรู และนพมัลลีรับรู้ได้ชัด ทั้งในใจยังรู้สึกผิดไม่น้อย จึงตอบรับด้วยการพยักหน้ารับ พร้อมกับลากดิศไปเป็นเพื่อน แบ่งเบาความรู้สึกผิดในครั้งนี้ด้วยอีกคน
เขาไม่อยากคุยกับนพมัลลีทางโทรศัพท์...ตุนท์ออกมาจากรถ หยุดมองหน้าบ้านพักที่เขากับเธอเคยพักอยู่ข้างกันมาตลอดหลายเดือน ตอนนั้นเขายังจำความรู้สึกครั้งแรกที่พบนพมัลลีได้ หญิงสาวรู้หลบหลีก แต่ก็ไม่โง่ เธอวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาในเรื่องที่เธอไม่ชอบใจ และก็เลือกคนที่จะรับฟัง ตอนนั้นนพมัลลีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไม่ใช่แค่ ‘ครูดีกรีดร.’ แต่เธอไม่เคยเสแสร้งแกล้งทำ กระทั่งเขาอยากรู้จักอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นจนตัดสินใจย้ายมาพักที่บ้านพักในโรงเรียนแห่งนี้ ยิ่งได้อยู่ใกล้เขายิ่งรู้จักอีกฝ่าย จากความชอบ ความถูกใจ เขาเริ่มเข้าใจความเป็นนพมัลลีมากขึ้น นพมัลลีเป็นผู้หญิงที่เขานับถือ คนตัวเล้กๆ คนหนึ่งมีชีวิตขรุขระตลอดมา แต่เธอกลับยืนหยัด และก้าวอย่างแข็งแกร่ง ไม่จมอยู่กับอดีต ไม่โทษว่าเป็นความผิดของใคร เธอมีแค่ปัจจุบันที่อยากจะทำให้ดีที่สุด
ถ้าจะถามว่าเขาทำไมถึงรักผู้หญิงที่เต็มไปด้วยปัญหามากมายขนาดนี้ แทนที่จะรักผู้หญิงที่มีหน้าตาสังคมเท่ากันอย่างที่แม่เคยว่า หรือจะผู้หญิงธรรมดาชีวิตเรียบเรื่อย เขาก็คงตอบไม่ได้ วันนี้เขามาไกลกว่าจะกลับไปถามคำถามกิ๊กก็อกเหล่านั้น คนเราจะถามหาเหตุผลทำไมว่า...รักเพราะอะไร ในเมื่อตอนนี้ผลลัพธ์สุดท้ายคือเขารักทุกสิ่งที่นพมัลลีเป็นไปแล้ว เขารักทุกสิ่งที่เธอเป็นได้ ไม่ใช่เพราะความใจกว้างดังมหาสมุทร เพราะตุนท์เองก็รู้ว่าถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่นพมัลลี เขาเองก็คงไม่รู้สึกเข้าใจอย่างนี้
ปัญหาของคมิกจบไปแล้ว ตอนนี้คมิกจำเป็นต้องซ่อนตัวชั่วคราว กลบฝังชื่อตัวเองให้หายไป เพื่อความปลอดภัย และมีชีวิตต่อไปอย่างที่คมน์พ่อของคมิกขอร้องไว้
‘ผมจะมีชีวิตต่อไปครับครู ผมไม่มีวันตายง่ายๆ เด็ดขาด’
คมิกเองก็ได้เติบโตไปกับบทเรียนชีวิตของเขาที่ต้องแลกด้วยชีวิตของพ่อ ตุนท์ทำได้แค่เตือนไม่ให้เด็กหนุ่มจมอยู่กับความผิดแล้วเอาแต่โทษตัวเอง เขาหวังจะได้เห็นคมิกเติบโตเป็นคนแกร่ง จากเด็กหนุ่มนายน้อย กลับสู่เด็กหนุ่มธรรมดาที่ไร้ชื่อเดิม ไร้เงิน ฐานะ เหลือเพียงแค่ชีวิตที่ต้องเดินหน้าต่อไป
แต่ละคนล้วนมีบทเรียนชีวิตที่ไม่เหมือนกัน...
“พ่อตุนท์คะ” เสียงเรียกหวานมาพร้อมร่างเล็กที่วิ่งถลากึ่งกระโดดมาหาอย่างยินดี ตุนท์อ้าแขนรับเด็กแสบที่เขาต้องคอยสังเกตดูลมฝนว่าเด็กหญิงจะชอบขี้หน้าเขา หรือจะหมั่นไส้ขี้หน้าเขา วันนี้นวมลลิ์อยู่นโหมดอารมณ์ดีไม่เหม็นขี้หน้าเขา
“ไงครับตัวเล็ก ไม่เจอกันหลายวัน ไม่ดื้อให้แม่ลีปวดหัวใช่ไหม”
“ตัวเล็กเป็นเด็กดีค่ะ” เด็กหญิงยื่นปากทำหน้างอน “พ่อตุนท์ไม่เจ็บแล้วใช่ไหมคะ”
“เจ็บ?”
“แม่ลีบอกพ่อตุนท์เจ็บตัว นอนอยู่โรงพยาบาล แม่ลีร้องไห้หนักมากนะคะ” เด็กหญิงยังจำวันนั้นที่แม่ของตนทรุดลงร้องไห้ไม่เก็บอาการ
ตุนท์ได้ฟัง รู้สึกอุ่นวาบในใจ ฝ่ามือเล็กกอดคอเขาไว้ ลูบหลังปลอบอย่างที่เธอปลอบแม่ไปในวันนั้น “ตัวเล็กดีใจที่พ่อตุนท์ไม่ทิ้งแม่ลีไป ตัวเล็กสัญญาว่าจะดื้อให้น้อย ตัวเล็กไม่อยากเห็นแม่ลีเสียใจอีก”
ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดของเด็กหญิงที่เขาเฝ้ารอมานานในการเอาชนะใจดวงน้อยนี้ ในที่สุดเขาก็ได้รับการยอมรับจากนพมัลลีจริงๆ เสียที ตุนท์กลั้นยิ้มไม่อยู่ รู้สึกว่าการเจ็บของตัวคุ้มค่าเหลือเกิน เขาได้ช่วยทั้งคมิก และยังได้ใจนวมลลิ์
“พ่อตุนท์จะแข็งแรงให้มากๆ นะครับ”
“ห้ามทิ้งแม่ลีของตัวเล็กด้วยนะคะ แม่ลีน่าสงสาร”
“ไม่มีวันครับ พ่อตุนท์จะไม่ปล่อยมือแม่ลีไปไหนเด็ดขาด” ตุนท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจถามเด็กน้อยที่เขาคิดว่าจะไม่มีวันโกหก ถือว่าเขามาสืบข้อมูลในช่วงที่เขาวุ่นเรื่องคมิกก็ได้ “ช่วงที่พ่อตุนท์ไม่อยู่ มีใครมาวอแวตัวเล็กกับแม่ลีไหมครับ”
เด็กหญิงทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าถี่ บอกออกมาไม่ปิดบัง “ลุงคนนั้นมาหาตัวเล็กหลายครั้งเลยนะคะ”
“ลุงคนนั้นที่งานแต่งงานใช่ไหม”
“ค่ะ แต่ตัวเล็กไล่เขา ไม่อยู่ใกล้เขาเลยนะคะ”
ตุนท์กลั้นยิ้ม สัมผัสได้ว่านวมลลิ์ทำตามปากว่าไว้ในคราวนั้นจริงๆ “เพราะอะไรตัวเล็กถึงทำอย่างนั้นครับ”
“ตัวเล็กรู้ว่าแม่ลีไม่ชอบเขา แม่ลีชอบพ่อตุนท์ แล้วลุงคนนั้นก็เคยพูดไม่ดีกับแม่ลี ตัวเล็กไม่ชอบเขาค่ะ พ่อตุนท์ดีกว่าลุงคนนั้นเยอะเลย”
คำพูดน่าฟังทำให้ตุนท์มอบรางวัลด้วยการหอมแก้มนิ่มไปทีหนึ่งอย่างหมั่นเขี้ยว หลังจากนั้นเขาก็ยังมีเวลาคุยเล่นกับนวมลลิ์อีกหลายชั่วโมงจนถึงเวลานอนหลับตอนบ่ายที่มัลลิยามาพาอีกฝ่ายไปเข้านอน ก่อนจะรั้งตัวไว้เพื่อขอให้อยู่คุยด้วยกันก่อน
การสนทนาอันน่าเศร้า ผสมกับความเข้าใจทำให้นพมัลลีได้เพื่อนเพิ่มมาคนหนึ่ง แทนที่จะเป็นศัตรู เธอเสียดายที่ตัวเองมีส่วนทำให้ชีวิตของฐานิษพบเจอความเศร้า ถ้าเธอไม่ปรากฏตัวให้วากูรได้พบ ชีวิตของฐานิษคงจะลงเอยกับอีกฝ่ายไป แต่แล้วเธอก็ได้แต่ถามตัวเองอีกครั้ง แล้วฐานิษยังจะมีความสุขจริงๆ อย่างนั้นเหรอ เมื่อสุดท้ายในใจของวากูรยังคงยึดติดกับเธอเช่นเดิม
“เรื่องความรักนี่มันเข้าใจยากจริงๆ เลยนะ” ดิศพูดอย่างหดหู่ เขาเองก็พลอยรู้สึกแย่ไปด้วย ถึงฐานิษจะพูดถามส่วนใหญ่ถึงวากูรว่าเป็นอย่างไรบ้าง หรือมารบกวนนพมัลลีอย่างไร จนกระทั่งนพมัลลีจำต้องบอกเล่าเรื่องลูกออกไปให้ฐานิษรู้ ซึ่งอีกฝ่ายมีท่าทางอึ้งทั้งที่พอรู้มาก่อนหน้าบ้างแล้ว
“ความรักมันก็เหมือนดาบสองคมนะครู ถ้ารักนั้นได้รักตอบ ก็มีความสุขกันไป แต่ถ้ารักนั้นนอกจากไม่ได้รักตอบ คนๆ นั้นยังไม่รู้จักยอมรับหรือปล่อยวาง เขาก็จะหลุดพ้นวังวนที่เขาสร้างขึ้นมาเองไม่ได้” นพมัลลีเดินเคียงดิศเข้ามาในบ้าน ไม่ทันสังเกตว่าตอนผ่านใต้เงาไม้ใหญ่มามีใครยืนอยู่ “ครั้งหนึ่งฉันเคยคิดอยากแก้แค้นวากูรที่มาหลอกฉัน แต่ฉันก็ไม่กล้าพอ ฉันคิดว่าการหนีไปให้พ้นจะดีกว่า แต่ฉันก็รู้ว่าสุดท้ายคนเราจะหนีไปไม่ได้ตลอด เจ็ดแปดปีผ่านมา สุดท้ายฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับเขา เพราะวันนั้นฉันไม่นั่งเคลียร์กับเขาให้จบไป วันนี้มันถึงยืดเยื้อ แล้วก็ลากให้ผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องอีกคนให้ต้องเจ็บปวด ฉันไม่โทษตัวเองไม่ได้ว่านี่ก็ถือเป็นความผิดของฉัน”
“แล้วกับคุณตุนท์ล่ะ เธอคิดยังไง” ดิศเหลือบไปเห็นตุนท์ที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกล เข้าใจโยนหินถามทางให้ ฉวยโอกาสตอนที่นพมัลลียังไม่รู้ตัวว่าตุนท์อยู่ด้วยนี้ทันที แม้แต่รถของตุนท์จอดอยู่ นพมัลลีก็ไม่ทันสังเกต เพราะจิตใจยังหนักอึ้งจากการพูดคุยกับฐานิษอยู่
“เกี่ยวกันไหมเนี่ยครู”
“ก็ถือเป็นเรื่องความรักเหมือนกัน หรือไม่จริง ตอบมาเถอะน่า ตอนนี้เธอคิดจะทำยังไงเรื่องของคุณตุนท์”
นพมัลลีกัดปากครุ่นคิด “เขาคืออีกครึ่งชีวิตของฉัน” เธอไม่ได้ตอบเกินจริงเลยสักนิด หลังจากเกือบสูญเสียเขาไปเธอตระหนักถึงความสำคัญของตุนท์มากขึ้น “ฉันดีใจที่ชีวิตของฉันได้พบเขาค่ะ เขาเป็นดาวนำโชคที่ฉันนึกว่าจะไม่ได้เจอ”
“ขอบคุณครับ” นพมัลลีสะดุ้งกับอ้อมกอดที่โอบล้อมเธอจากด้านหลัง สายตาหันมองหาครูดิศก็พบฝ่ายนั้นโบกมือ ทำหน้าล้อเลียนก่อนจะรีบจากไปไม่อยู่ขัดจังหวะ พอตั้งสติ และหัวใจให้สงบได้ ร่างกายเธอก็เริ่มคุ้นชินพอที่จะเอนไปพิงอกเขา เธอคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นนี้มากที่สุด ตั้งแต่เกิดเรื่องจนเขาเข้าโรงพยาบาลเธอก็แสนจะหงุดหงิดกับนวลเพชร แต่ก็ไม่กล้าหึงหวงออกมาจนน่าเกลียด และในใจเธอยังย้ำให้เชื่อใจเขาอยู่เสมอ
“ไม่อายผีสางเทวดาเหรอคะ ตะวันยังไม่ตกดิน” นพมัลลีพูดแก้กระดาก แก้มขึ้นสีระเรื่อ
“พวกเขาไม่กล้าออกมาขัดความสุขของคุณหรอกครับ” ตุนท์ตอบทีเล่นทีจริง มองเข้าไปในบ้านก็พบว่าไม่มีใครออกมาขัดขวางการแสดงออกความรักของเขากับนพมัลลี
“คุณมาอยู่ที่นี่ มาทำธุระที่โรงเรียนเหรอคะ” คนถูกกอดแกล้งถาม อารมณ์แง่งอนอย่างที่ผู้หญิงพึงมีตีรื้นในอก เขาทำให้เธองอนมาตั้งนาน ไม่ยักรู้ว่าเขาจะรู้ตัวหรือเปล่า
“มาทำธุระส่วนตัวกับลีต่างหาก สำคัญระดับความมั่นคงในชีวิตผมเลยนะ ถ้าไม่รีบสะสาง สงสัยผมนอนไม่หลับไปอีกนาน คุณพร้อมจะฟังทุกเรื่องที่ผมจะบอกไหม” เสียงทุ้มกระซิบชัดริมหู ก่อนจะฉวยโอกาสดอมดมผิวแก้มเนียนให้ชื่นใจทีหนึ่ง สมกับที่เขาทรมานใจมาตลอด “ก่อนจะคุยเรื่องอื่นๆ ผมต้องขอโทษที่ทำให้ลีงอน”
“ใครงอน เปล่าซะหน่อย”
“เรื่องของนวลเพชร แน่ใจนะว่าลีไม่ได้งอน ไม่หึงไม่หวงผมเลย ถ้าไม่หึงเลยนี่ ผมเองก็ชักจะงอน อุตส่าห์ให้เขามายั่วให้คุณหึง”
“อะไรนะคะ!” น้ำเสียงเย็นเยียบ หรี่ตามองอย่างมาดร้ายคล้ายแม่เสือเตรียมตะปบเหยื่อของนพมัลลีทำให้ตุนท์ชักหวาดๆ แทนที่จะปล่อยเสือสาวให้หลุดจากอ้อมกอด เขากลับกระชับกอดแน่นขึ้น เกยคางวางบนไหล่อย่างเอาใจ รีบเล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นให้นพมัลลีรู้ ไม่คิดปิดบังใดๆ อีก เพราะเขาเชื่อที่แม่บอก...ชีวิตคู่ไม่ใช่ชีวิตใครชีวิตมัน มีอะไรก็จำต้องแชร์ แม้แต่เรื่องส่วนตัว
พอเล่าจนจบร่างที่เคยส่งกระแสหงุดหงิดออกมาก็คลายลง ตุนท์โล่งใจเปลาะหนึ่ง “หายงอนแล้วใช่ไหม”
“ใครงอนคะ” คนปากแข็งปฏิเสธ “ฉันเองก็มีเรื่องจะบอกคุณเรื่องหนึ่งเหมือนกันค่ะ สำคัญมาก น่าจะลบล้างเรื่องที่คุณคิดว่าผิดต่อฉันได้เหมือนกัน”
“คงไม่ร้ายแรงใช่ไหม”
“ไม่ร้ายแรงเลยค่ะ” นพมัลลีเป็นฝ่ายยิ้มประจบใส่ตาคนมองบ้าง
ตุนท์สังหรณ์ใจว่ามันต้อง ‘ร้ายแรงมาก’ แน่ๆ ได้แต่กลั้นใจถามไม่ให้ค้างคาใจ “เรื่องอะไรเหรอลี”
“ฉันจะไปเรียนต่อที่ออสเตรียสักสองสามปี จะพาตัวเล็กไปด้วย ฉันไม่ได้ขออนุญาตคุณนะคะ แค่บอกไว้เฉยๆ ตอนนี้ฉันจะรอจัดการเรื่องของวากูรให้เรียบร้อยก่อนไป”
“ให้ตายเถอะ!”
.....................................................
คุณ konhin ใช่ค่า ที่จริงถ้าตามกฎหมายแล้วลีสามารถฟ้องร้องวากูรได้ แต่ถึงทำได้ลีก็ไม่ทำ เพราะไม่อยากให้ลูกไปวุ่นวายกับวากูรอีก โชคดีที่ตัวเล็กทำตามสัญญาปากว่าที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับวากูรอีกค่ะ ^_^
คุณ ผักหวาน ตัวละครเรื่องนี้ส่วนใหญ่มีความผิดพลาดในอดีตทั้งนั้นค่ะ เกือบทุกตัวละครจริงๆ อยากแสดงให้เห็นว่าคนทุกคนไม่ได้เป็นสีขาว ชีวิตแต่ละคนก็เจอะเจอไม่เหมือนกัน บางคนชีวิตดีๆ ตลอดอย่างฐานิษ ยังมาหักกลางคันได้เพราะผู้ชายคนเดียว ส่วนลีชีวิตเขาบิดเบี้ยวตั้งแต่พ่อแม่เขาแล้ว ชีวิตตัวเองก็ตุปัดตุเป๋มาตลอด แต่ก็ยังยืนหยัดได้ค่ะ
คุณ กาซะลองพลัดถิ่น ลีจะคิดผิดหรือเปล่า ต้องรอดูว่าตุนท์จะจัดการยังไงนะคะ ฮา
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ กลัวโดนเคาะอีกที เลยรีบมาคลายปมจากตอนที่แล้วให้ค่ะ อิอิ
หายไปหลายวันเพราะปวราหนีเที่ยวใต้มาสามวันค่ะ หนีร้อนไปเที่ยวเขื่อน ^^ สงกรานต์แล้วก็ขอให้เดินทางกันอย่างปลอดภัย มีความสุขสดชื่นกันถ้วนหน้านะคะ มาอัพฉลองสงกรานต์หน่อย ฮิ้ว ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และทุกความเห็นค่า
ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 เม.ย. 2558, 00:13:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 เม.ย. 2558, 00:13:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 1857
<< บทที่ 29 : ผีจับคน | บทที่ 31 : ยินดีรับฝากตลอดชีพ >> |
alittledog 15 เม.ย. 2558, 00:38:26 น.
คุณตุลย์โดนเอาคืน.....
คุณตุลย์โดนเอาคืน.....
นักอ่านเหนียวหนึบ 15 เม.ย. 2558, 00:53:59 น.
น่ารักมากกกก ค่อยยังชั่ววววว
ปล่อยให้นายปฏิกูร จมอยู่กับความคิดบ้าๆ นั่นต่อไปเลยยย นานนนานนนนน
น่ารักมากกกก ค่อยยังชั่ววววว
ปล่อยให้นายปฏิกูร จมอยู่กับความคิดบ้าๆ นั่นต่อไปเลยยย นานนนานนนนน
กาซะลองพลัดถิ่น 15 เม.ย. 2558, 01:09:13 น.
ตุนท์มาแล้ว แหม หวานซะ ดีใจไปกับลีและเด็กแสบด้วยเลย
วากูรทำไปเพื่ออะไร หลอกให้ลีกลัว รักแต่ทำแบบนี้ ไม่ไหวนะ
ตุนท์มาแล้ว แหม หวานซะ ดีใจไปกับลีและเด็กแสบด้วยเลย
วากูรทำไปเพื่ออะไร หลอกให้ลีกลัว รักแต่ทำแบบนี้ ไม่ไหวนะ
konhin 15 เม.ย. 2558, 08:46:22 น.
โล่งอก ที่เปิดใจคุยกัน
โล่งอก ที่เปิดใจคุยกัน
ผักหวาน 15 เม.ย. 2558, 14:37:13 น.
คุณตุนท์ทำเอาคุณแม่ตุลาโดนอำซะนานสองนายเลยค่ะ กว่าจะเฉลยเรื่องนวลเพชรตัวปลอม 5555
คุณตุนท์ทำเอาคุณแม่ตุลาโดนอำซะนานสองนายเลยค่ะ กว่าจะเฉลยเรื่องนวลเพชรตัวปลอม 5555
violette 15 เม.ย. 2558, 18:57:33 น.
5555 นั่นตุน จะโดนทิ้งแล้ว
5555 นั่นตุน จะโดนทิ้งแล้ว