คืนฝนพรำ
สองหนุ่มสาวเจอกันบังเอิญในคืนฝนพรำ
หล่อนจำเขาได้เสมอ แต่เขาดันจำหล่อนสลับกับเพื่อนสนิทของหล่อนเอง
เรื่องวุ่นๆ เริ่มขึ้น เมื่อหล่อนคิดว่าเขาคือ เนื้อคู่ แต่เพื่อนของหล่อนเอง ก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน
ทุกอย่างวุ่นวายเข้าไปอีก เมื่อหล่อนไปสร้างความวุ่นวายให้กับเขา เขาเลยไม่ชอบหล่อนนัก
หล่อนคงต้องเลือกระหว่างเพื่อน และคนที่แอบชอบ
แต่จะจบลงอย่างไร เมื่อหล่อนกับเขาต้องถูกจับแตงงานกัน เพราะคำสัญญาของพ่อแม่
หล่อนจำเขาได้เสมอ แต่เขาดันจำหล่อนสลับกับเพื่อนสนิทของหล่อนเอง
เรื่องวุ่นๆ เริ่มขึ้น เมื่อหล่อนคิดว่าเขาคือ เนื้อคู่ แต่เพื่อนของหล่อนเอง ก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน
ทุกอย่างวุ่นวายเข้าไปอีก เมื่อหล่อนไปสร้างความวุ่นวายให้กับเขา เขาเลยไม่ชอบหล่อนนัก
หล่อนคงต้องเลือกระหว่างเพื่อน และคนที่แอบชอบ
แต่จะจบลงอย่างไร เมื่อหล่อนกับเขาต้องถูกจับแตงงานกัน เพราะคำสัญญาของพ่อแม่
Tags: romantic comedy, หวานแหวว, หมอ, ทหารอากาศ
ตอน: ตอนที่3: รอได้
ตอนที่ 3
หลังจากที่ฉันตรวจคนไข้ในหอผู้ป่วยเสร็จ ฉันก็รีบไปออกตรวจผู้ป่วยนอกกับขิมดาราต่อ ขิมก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อคืนอยู่เวรก็แทบไม่ได้นอน แถมยังต้องตื่นเช้ามาตรวจคนไข้ใน ต่อด้วยคนไข้นอกอีก ไม่มีเวลาปลีกตัวไปกินข้าวเลยทีเดียว ฉันเข้าใจสถานการณ์นี้ดีนะ เพราะก็ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ทุกครั้งหลังอยู่เวรเหมือนกัน แต่ที่ไม่เหมือนกันคือ ขิมดารา ยังคงสวยเป๊ะ ทุกมุม ส่วนฉันนะถ้าหลังอยู่เวรละก็กลายเป็นหมีแพนด้าได้เลยล่ะ
ช่วงเช้าคนไข้มารอรับการตรวจมากมายเหมือนเดิม ส่วนมากก็เป็นคุณลุงคุณป้าที่มาติดตามเรื่องเบาหวาน ความดัน ไขมัน ไม่ก็พวกป่วยปลอมที่ชอบมาขอใบรับรองแพทย์ไปหยุดงานหลายวัน หรือแม่เด็กที่ลูกเพิ่งมีไข้ 1 ชั่วโมง ก็รีบพามา รพ.และอีกหลากหลายปัญหา ที่ไม่ได้คัดสรรค์ให้เรามาแก้ไขแต่อย่างใด จริงๆแล้วอาชีพของฉันก็คือ แก้ไขปัญหาให้คนอื่นทั้งวันนี่นนะ
ฉันไหว้คุณป้าคนหนึ่งที่อ้วนมาก แต่สามารถควบคุมระดับไขมัน และน้ำตาล ความดัน จนเป็นปกติ ฉันเลยเอ่ยชื่นชมคุณป้า และให้กำลังใจในการปฏิบัติตัวเช่นนี้ต่อ ไม่ใช่ดีแตกเพราะเจอขนมหวานเสียก่อน คุณป้ารู้สึกมีกำลังใจขึ้นเยอและบอกฉันว่า เคล็ดลับคือการเดินแกว่งแขนวันละครึ่งถึง 1 ชั่วโมง และร่ำลาฉันก่อนจะออกไป
ฉันละสายตาจากคุณป้า แล้วก้มหน้าพิมพ์ใบสั่งยาในคอมพิวเตอร์ให้เสร็จ ระหว่างนั้นก็มีคนไข้รายต่อไป เดินเข้ามาพอดี
ฉันมองจากหางตาก็เห็นว่าเป็นคุณลุงอายุผ่านวัยกางคนไปแล้วระยะหนึ่ง ลุงนั่งลงที่เก้าอี้คนไข้ข้างๆฉัน
“สวัสดีค่าลุง เป็นไงมาคะ" ฉันละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ แล้วรีบยกมือไหว้ ก่อนที่คุณลุงจะไหว้ฉัน
คุณลุงรีบรับไหว้ แล้วพูดด้วยท่าทีเหนื่อยๆ "สวัสดีคุณหมอ ลุงไอมากสองสามวันแล้ว ไอมากเหลือเกิน" พูดเสร็จ ก็ไอให้ฉันดูเป็นตัวอย่างพอหอมปากหอมคอ
ฉันมองดูลุงปราดเดียว ก็ดูว่ามีอาการหายใจหอบจริง "ไอมีเสมหะเปล่าคะลุง เปลี่ยนสีไหม" ถามเสร็จก็หยิบหูฟัง เตรียมตรวจปอดลุงทันที
ลุงพยักหน้าเศร้า "มีเสมหะ ขาวๆ แต่เมื่อคืนเหนื่อย ตื่นมาไอทั้งคืน" ตอบฉันเสร็จ คุณลุงก็รู้หน้าที่ดี นั่นคือยกเสื้อตัวเองขึ้น เพื่อให้ฉันวางหูฟังบนหน้าอก ตรวจเสียงปอด ซึ่งฉันได้ฟังและพบว่าเสียงวี้ดดังมาก
“โอ้ ลุงคะ เสียงปอดไม่ดีเลย ลุงเป็นหอบหืด หรือถุงลมโป่งพองด้วยเปล่าคะ" แล้วฉันก็หันไปหาจอคอมพิวเตอร์ กดดูประวัติการเจ็บป่วยเก่าๆของลุง อ้อ ลุงเป็นถุงลมโป่งพองจริงๆด้วย
“เป็นโรคถุงลองพองๆน่ะหมอ มียาพ่นด้วย ลุงก็พ่นทุกวันนะ นี่ไง" แล้วลุงก็หยิบหลอดยาพ่นจากถุงย่ามเก่าๆออกมาให้ดู
ฉันรับมาพิจารณาก็เห็นว่ากระบอกยาพ่นยังคงหนักอยู่ แต่ตัวกระบอกด้านนอกก็ดูเปรอะ และเก่า เหมือนผ่านการใช้มาแล้วจริงๆ
“พ่นทุกวันเลยเหรอคะ ไหนลุงพ่นให้หมอดูสิคะ ถ้าพ่นทุกวัน ทำไมอาการกำเริบเยอะจัง ไข้ลุงก็ไม่มีนี่นา" แล้วฉันก็ส่งกระบอกยาพ่นคืนเจ้าของ
คุณลุงที่หอบเล็กน้อย ก็ส่งมือกร้านจากการทำงานหนัก และผิวหนังที่เหี่ยวย่นตามวัยรับของคืน เฮ้อ ฉันเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารชาวบ้านแถวนี้ แก่แล้ว ไม่มีที่นาของตัวเอง จนก็จน ลูกหลานก็หนีไปหากินในกรุงเทพฯ ปล่อยให้คนแก่เฒ่าอยู่กันเอง
ย้อนมานึกถึงพ่อแม่ตัวเอง รู้สึกว่าฉันโชคดีที่ทีพวกท่าน และพวกท่านก็โชคดีที่ไม่ตกในสถานการณ์แบบนี้
“ก็พ่นอย่างนี้นะหมอ" แล้วลุงก็ใช้มือขวาจับกระบอกเขย่าตั้งตรง ตามทฤษฎีที่พวกฉันเรียนรู้มาเพื่อมาสอนคนไข้ใช้อย่างนั้นเลย พอเขย่าครบ 5 ครั้งเสร็จ ลุงก็จ่อปากกระบอกเข้ากับปากตัวเอง เตรียมหายใจเข้าออกลึกๆสามครั้ง พอมาถึงตรงนี้ฉันขมวดคิ้ว และรู้สึกว่าทำแบบนี้มันไม่ใช่ละ แต่พอจะห้ามว่าหยุดก่อน ลุงก็กำลังหายใจเข้าสุด พร้อมกดกระบอกพ่นแล้วสูดอากาศเปล่าเข้าปากเสียลึก แถมตอนหายใจเข้าสุดมีหลับตาพริ้ม อิ่มเอิบว่าทำถูกต้อง
ฉันหัวเราะเบาๆ "คุณลุงคะ เมื่อกี้ มันขาดขั้นตอนไหนไปหรือเปล่าคะ" ฉันทำตาแป๋วจ้องคุณลุง ลุงมองฉันทีหนึ่งด้วยแววตาซื่อบริสุทธิ์เช่นกัน แล้วมองกระบอก พ่นยา
“ก็ถูกทุกขั้นตอนนะหมอ" พูดแล้วก็ขมวดคิ้วสงสัยเป็นกำลัง
ฉันหัวเราะกว้างขึ้น แล้วหยิบกระบอกยามาจากมือคุณลุง ก่อนจะปลดฝาที่ส่วนปลายของกระบอกให้ลุงดู ลุงทำตาโตเหมือนประหลาดใจกับสิ่งมหัศจรรยสุดขีด
“คุณลุงลืมเปิดฝาค่ะ นั่นคือที่ผ่านมาลุงไม่เคย...”
“ลุงไม่เคยเปิดฝานั่นเลย อ้าว ลุงไม่รู้นี่ โถ่...” แล้วลุงก็หัวเราะไปกับฉัน "ขอบใจมากคุณหมอ แหมบางทีมันก็เส้นผมบังภูเขานะ นี่ลุงสูดอากาศบริสุทธิ์มาตลอดเลยสิ ก็ว่าทำไมยา รพ. ไม่ได้ผลเลย"
ส่วนฉันยังหัวเราะขำอยู่ แล้วหันไปพิมพ์สั่งการรักษา " โอเคคะ ลุงรู้แล้วนะคะว่าพลาดตรงไหน เดี๋ยวหมอสั่งพ่นยาที่ รพ. ให้ก่อนนะคะ แล้วเบิกยาพ่นกระบอกใหม่ให้ไปพ่นที่บ้าน ยาเก่าลุงหมดอายุแล้ว" แล้วฉันก็ขยิบตาให้ลุงทีหนึ่ง
“ข้อดีของเรื่องนี้คือลุง ไม่ได้พ่นยาหมดอายุแล้วกันค่ะ ฮ่าๆ" ฉันกับคุณลุงหัวเราะกันอีกครั้ง แล้วคุณลุงก็ร่ำลาจากไป
ฉันมองไปทีนาฬิกาผนังห้องตรวจ หา! 11.30 ไม่นะ ทำไมเวลามันเร็วอย่างนี้ล่ะ เดี๋ยวเที่ยงตรงฉันต้องออกไปทานข้าวกลางวันกับคุณอัศวินและขัยขิม อย่างนั้นเหรอ แล้วฉันควรทำตัวอย่างไรล่ะ ไม่ได้ๆ ฉันจะสติแตกไม่ได้ แล้วฉันก็ชะเง้อหน้าผ่านประตูห้องตรวจออกไปมองดูข้างหน้า ก็พบว่าคนไข้น้อยลงไปมากแล้ว และยังไม่มีใครมานั่งต่อคิวที่ห้องฉัน ฉันเลยหยิบสมุดบันทึกของฉันขึ้นมา ถ้าฉันคิดอะไรได้ ฉันจะรีบจดทันที นี่คือวิธีแก้ปัญหาเวลาเกิดเรื่องยุ่งยากใจของฉันอีกรูปแบบหนึ่ง
'ปัญหาที่จะเกิดขึ้นวันนี้ถ้าไปทานข้าวกลางวันกับขิมและคุณอัศวิน'
1.ฉันจะเป็น กขค ของทั้งสองคนนั่น และฉันจะนั่งทำหน้าไม่ถูก
2.มันจะเหมือนว่าฉันเอามีดมานั่งกรีดหัวใจตัวเองเล่นๆ
3.คุณอัศวินจำฉันได้ เพราะเขาบอกตอนเช้า แต่เขาจำฉันได้ในฐานะที่ฉันเป็นคนไหนไม่รู้
3.1จำได้ในฐานะที่ฉันเป็นคนราดโกโก้ใส่เพื่อนเขา เขาก็คงไม่ชอบขี้หน้าฉัน แล้วอาจจะพูดเชิงให้ฉันขอโทษ หรือพูดอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกผิดสักอย่าง
3.2จำได้ในฐานะที่ฉันเป็นคนที่เขาช่วยเหลือคืนนั้น และฉันดันไลน์ไปขอบคุณ แบบไ่ม่เปิดเผยตัว และเหมือนพวกโรคจิตที่ไปได้เบอร์เขามาจากไหนไม่รู้ และ เขามาเจอฉันตอนเช้าที่หอผู้ป่วย แต่ฉันกลับทำเป็นไม่รู้จักเขา เขาคงงงว่ายัยคนนี้เป็นคนยังไงกันแน่ รู้วาไลน์มาหาใคร แต่พอเจอตัวจริงกลับเงียบ
4.ฉันซี้แหงแก๋แน่
พอฉันจดทั้งหมดนี่ลงสมุดประจำตัว ฉันก็เริ่มคิดหาลู่ทางที่จะไม่ไปทานข้าวกลางวันวันนี้ดีกว่า ฉันต้องทำอะไรสักอย่างสิ ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง!
“หมอคะ มีคนไข้อีกคนหนึ่งค่ะ" เสียงพี่พยาบาลหน้าห้องบอกฉันเข้ามา ฉันรีบมองนาฬิกาที่ผนังห้อง 11.45น. ละ เยี่ยมมาก ฉันจะทำตัวให้ยุ่งที่สุด แล้วบอกว่าไม่ไปดีกว่า
ไม่นานนัก คนไข้รายใหม่ของฉันก็เดินเข้ามา เธอเป็นหญิงสาวสวยและหุ่นดี ผมยาวเงาถึงกลางหลัง สวมเสื้อยืด และเกางเกงยีนรัดรูป แต่หน้าเธอกลับซีดและดูไม่สบาย
“เชิญนั่งค่ะเป็นอะไรมาคะ" ฉันถามแล้วผายมือให้นั่ง
เธอคนนั้น ค่อยๆหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้ “ปวดท้องคะ” พุดแล้วทำหน้าเหยเก ดูเจ็บจริง
ฉันถามต่อ และคิดว่าจะถามให้เยอะและนานที่สุด "ปวดลักษณะไหนคะ ปวดบีบ ปวดจุก หรือ แสบ แล้ว ปวดบริเวณไหน"
เธอคนนั้นทำหน้าเจ็บมากขึ้นเมื่อขยับตัว ก่อนจะชี้ไปที่บริเวณท้องน้อยใต้สะดือ "ปวดตื้อๆคะ"
อืม...”ถ้าอย่างนั้นรบกวนนอนบนเตียงเลยคะ ขอหมอตรวจท้องหน่อย" แล้วฉันก็ค่อยๆพยุงเธอไปนอนบนเตียง ก่อนจะเอาผ้าคลุ่มปิดตั้งแต่หัวเหน่าลงไป
แล้วฉันก็ทำการตรวจเธอให้ละเอียดไปเรื่อย ฉันกดบริเวณท้องน้อย แล้วเธอก็บอกเจ็บ ตอนปล่อยมือจากบริเวณที่กดเธอก็ว่าเจ็บ ฉันกำลังจะใส่หูฟัง ฟังเสียงการทำงานของลำไส้ ก็พอดีขิมดาราเปิดประตูจากห้องตรวจข้างๆเข้ามาเฉย
“เฮ้เพืื่อน เที่ยงแล้ว ไปกันเถอะ คุณอัศวินมารอที่หน้าห้องแล้ว" หล่อนพูดด้วยเสียงกระดี๊กระด๊า เปี่ยมไปด้วยความสุขเสียเหลือเกิน
ฉันคิดในใจ ห๊ะ อะไรนะ ทำไมเขาถึงตรงเวลาอย่างนี้ แล้วฉันควรทำอย่างไรดีเนี่ย
ฉันแสร้งทำหันไปมองขิมแบบนิ่งๆ ประหนึ่งว่ายุ่งมาก มือก็กดท้องคนไข้ไปด้วย "ตรวจอยู่ยังไม่เสร็จเลย ไปกันก่อนดีกว่านะ" พูดเสร็จก็หันไปถามคนไข้ต่อด้วยมาดนิ่งๆ "มีปัสสาวะแสบขัดไหมคะ"
คนไข้สาวสวยกำลังจะอ้าปากตอบ แต่ยัยขิมดารากลับชิงแย่งพูดก่อน "ไม่ได้นะ! แกต้องไปฉันด้วย ยัยพริม" แล้วก็ยืนกอดอกอยู่ที่หน้าประตู
“ขิม เราตรวจอยู่นะ แล้วสรุปมีปัสสาวขัดไหมคะ" คนไข้ตอบเบาๆ ไม่มีค่ะ "มีไข้ ถ่ายเหลว อาเจียนไหมคะ" แล้วฉันก็ค่อยๆพยุงคนไข้ลุกจากเตียงหลังจากตรวจเสร็จ คนไข้ตอบเบาๆอีก ไม่มีค่ะ
ฉันพาคนไข้มานั่งเก้าอี้แล้วตัวเองก็นั่งประจำที่ตรวจ ยัยขิมดารายังคงจ้องฉันตาถมึงทึง ยกมือขึ้นมาจับริมฝีปากล่างของตัวเอง ซึ่งนี่เป็นท่าประจำตัว มีความหมายแสดงถึงว่า 'ร้อนรนมาก'
ฉันยังคงถามคนไข้ต่อไป เจ้าหล่อนก็เอามือกุมท้องน้อย ทำท่าปวด ฉันไม่ได้แกล้งคนไข้นะ ก็ยังถามไม่หมดจริงๆนี่นา
“ประจำเดือนมาล่าสุดเมื่อไรคะ วันแรกของครั้งสุดท้ายนะคะ" แล้วเจ้าหล่อนก็ทำท่าคิด เออดีลูก คิดไปนานๆนะจ๊ะ หมอรอได้ค่ะ
เสียงยัยขิมเอ่ยขึ้น น้ำเสียงบ่งบอกว่าเริ่มโมโห "ยัยพริม หล่อนจะให้ฉันไปกับเขาสองคนไม่ได้นะ ฉันจะไปบอกให้เขารอก่อน" แล้วขิมดาราก็หันหลังสะบัดผมสวยออกจากประตูเชื่อมห้องเราไป ฉันทำทีไม่ใส่ใจ ขณะพิมพ์ประวัติคนไข้ และผลการตรวจร่างกาย แต่ก็ไม่วายชำเลืองมองหน้าห้องว่าคุณอัศวินมานั่งรอจริงหรือเปล่า ซึ่งทำให้ฉันเห็นเต็มสองตาเลยว่า เขานั่งหล่อใส่แว่นเรย์แบนอยู่หน้าห้องตรวจฉันพอดี มองตรงมาทางห้องฉันด้วย แต่ฉันไม่รู้ว่าาสายตาของเขาเป็นอย่างไร มองไปทางไหน เพราะเขาใส่แว่นเลนส์ดำอยู่ ฉันรีบหลบตาทันที ซึ่งก็จังหวะเดียวกันกับที่ขิมดาราเดินออกมาหาเขา
แล้วฉันก็ได้คำตอบว่าแม่สาวน้อยคนนี้ ประจำเดือนปกติดี
“มีตกขาว หรือ เลือดออก ผิดปกติไหมคะ จากช่องคลอด" ฉันยังถามไม่หมดจริงๆนะ
หล่อนนิ่วหน้าคิด "มีตกขาวเหม็นคะ เป็นมาสองสามวันแล้ว"
ดีมากค่ะหนู นั่นคือสิ่งที่ทำให้หมอจะได้ไม่ต้องไปรับประทานอาหารเที่ยงค่ะ "ตกขาวสีอะไรคะ"
“เหลืองขุ่นๆค่ะ คันตรงนั้นด้วย"
ฉันยิ้มแปล้ให้สาวน้อย ขณะเธอมีสีหน้าปวดเช่นเดิม "เยี่ยมเลย หมอขอตรวจภายในหน่อยนะคะ" เจ้าหล่อนทำหน้าตกใจสุดขีด แต่ฉันไม่ได้ใส่ใจอะไร ฉันลุกขึ้นเดินออกไปหน้าห้อง ถึงแม้ไม่อยากจะเจอคุณอัศวินเลยก็เถอะ
ฉันเดินมาที่หน้าห้องตรวจแล้ว ยังมีพี่พยาบาลเหลือสองคน คนอื่นคงไปทานข้าวกลางวัน แต่พี่สองคนนี้ก็จ้องขิมดาราและคุณอัศวินที่กำลังคุยกันอยู่เป็นตาเดียวกัน จริงๆ ฉันก็จ้องสองคนนี้ด้วยเหมือนกันแหละ โถ่เอ๊ย
“อะแฮ่ม" ฉันกระแอมดัง ทำเอาทุกคนหันมามอง ยัยขิมมองฉันแล้วยิ้มกว้าง หน้าตามีความสุขมาก
“เสร็จแล้วใช่ไหม ไปกันเถอะ พริม" แล้วเดินเข้ามาจับมือฉัน คุณอัศวินก็ลุกขึ้น เดินตรงมาที่เราสองคน ฉันยิ้มให้เขาจางๆ พอเป็นมารยาททีหนึ่ง แล้วเขาก็ยิ้มแบบนั้นตอบเช่นกัน
“ยังเลย ต้องตรวจภายในด้วย พี่จั่นคะ รบกวนเตรียมห้องตรวจภายในหน่อยค่ะ" พูดเสร็จก็หันไปวางมาดหมอนิ่งๆใส่สองหนุ่มสาวนั่น
“ขิมคุณอัศวิน เคสนี้ยังไม่เสร็จจริงๆ ไปทานกันก่อนเลยดีกว่าค่ะ ไว้สะดวกครั้งหน้าค่อยว่ากัน" พอจบประโยค ขิมดาราบีบมือฉันแรงมาก แล้วกระซิบกระซาบประมาณว่า 'หล่อนห้ามทิ้งฉัน'
คุณอัศวินปลดแว่นกันแดดออก "ผมรอได้ครับ ไม่ต้องกังวล" พูดเสร็จ ก็ไปนั่งรอตามนั้นจริงๆ พร้อมกับหยิบหนังสือพิมพ์บนเก้าอี้ข้างๆมาอ่าน...
โอ๊ยยยยย ก็บอกว่าไม่ไปไงงงงง
“หมอคะ เที่ยงแล้ว เจ้าหน้าที่ห้องนั้นเขาไปทานข้าวกันหมดแล้วคะ ต้องรอหลังบ่ายโมงคะ" พี่จั่น พยาบาลประจำห้องตรวจผู้ป่วยนอกเอ่ยอย่างยิ้มแย้มใจดี ขณะที่มือก็เก็บของใส่กระเป๋าตัวเอง เป็นการบอกเป็นนัยว่า 'พี่จะไปกิข้าวแล้วเหมือนกันคะ'
ขิมดารายิ้มแยกเขี้ยวใส่ฉัน แล้วเสียงประตูห้องเปิดเสียดสีกับพื้นก็ดังขึ้น คนไข้ชะเง้อหน้ามามองฉันด้วยสีหน้าอายๆ
“หมอคะ หนูไม่อยากตรวจภายใน หมอสั่งยาให้เฉยๆได้ไหมคะ" แล้วยิ้มแห้งๆ
ฉันมองคนไข้สาวทีหนึ่ง มองขิมดาราที่ยักคิ้วชั่วร้ายให้ทีหนึ่ง มองพี่จั่นที่ยิ้มตาใส แต่มือเริ่มกดโทรศัพท์มือถือ
เออออออ อยากได้อะไร หมอจัดให้ค่าาาา
ฉันสูดหายใจเข้าลึก แกะมือออกจากขิมดารา ขณะที่แม่ตัวดีปล่อยมือ และหัวเราะเบาๆ ฉันเดินกลับเข้าห้องตรวจ พูดกับคนไข้แบบขอไปที หล่อนนะหล่อน ไม่อยากได้รับการตรวจตามมาตรฐานเหรอยะ
“คือเท่าที่หมอสงสัยนะคะ คิดว่าเป็นมดลูกอักเสบ แต่จริงๆแล้วควรตรวจภายในยืนยันด้วย แต่ก็ไม่เป็นไรคะ หมอจะสั่งยากินไปให้แล้วกันคะ" คนไข้ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มพยักหน้าดีใจ หล่อนหายปวดแล้วเหรอยะ
ฉันพิมพ์ใบสั่งยา มียากินแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ และยาเหน็บ....เยี่ยม ฉันรู้แล้ว ฉันจะทำให้มันล่าช้าเข้าไปอีก สองคนนั้นจะได้รำคาญ อาจจะรอไม่ไหวกันเลยทีเดียว
ยาตัวนี้เอาไว้เหน็บ แก้คัน ในช่องคลอดสินะ...หึหึ
ฉันรีบพิมพ์ แล้วกดส่งใบสั่งยาแบบออนไลน์ ข้อมูลคงขึ้นที่ห้องยาทันที ฉันหันไปยิ้มสวยกับคนไข้
“ช่วงนี้งดเพศสัมพันธุ์ก่อนนะคะ แล้วทานยาที่หมอให้ ให้ครบนะคะ สวัสดีค่ะ" เรายกมือไหว้กัน แล้วหล่อนก็เดินออกไปรอที่หน้าห้องรับยา
ฉันยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง ขณะก้มหน้าเก็บของ แล้วขิมดาราก็เปิดประตูเข้ามาเร่งอีกครั้ง
“เร็วเข้า คุณอัศวินรอนานแล้วนะ" แล้วใบหน้าสวยก็ทำหน้านิ่งคิ้วขมวด
ฉันก็ได้แต่เออ ออ แล้วก็ค่อยๆลุกไปล้างมือ ล้างมือช้าๆ ค่อยๆบรรจงล้างให้สะอาด ตอนนี้คิดว่าขิมาดาราคงยืนเท้าสะเอวอยู่เป็นแน่ ฮ่าๆ
“นี่หล่อนจงใจใช่มั้ย หือ ยัยพริมา!” ขิมดาราพูดเสียงกร้าวหน้าประตู
ฉันทำตาใสซื่อ แอบมองข้ามไหล่หล่อนไป เห็นคุณอัศวินยังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อแบบทองไม่รู้ร้อน
“เปล่านี่ ก็เสร็จแล้วนี่ไง ไปกันเถอะ" แล้วฉันก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย ส่วนในใจคิดว่า ทำไมเภสัชกรไม่โทรมาสักทีนะ
ฉันเดินออกไปหน้าห้องตรวจกับขิมดารา หล่อนหายโกรธฉันทันที แล้วหันไปยิ้มกว้างให้นายทหารอากาศสุดหล่อทีเห็นว่าเราสองคนพร้อมแล้ว จีงวางหนังสือพิมพ์ลง แต่แล้ว เสียงโทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์พยาบาลก็ดังขึ้นช่วยชีวิตฉัน
พี่จั่นรับโทรศัพท์ สีหน้าเริ่มหงุดหงิด สงสัยหิว หนูขอโทษค่ะพี่...
ฉันมองพี่จั่น ขณะที่ขิมดาราฉุดแขนฉันให้เดินไปข้างหน้า ส่วนคุณอัศวินก็พูดกับเราสองคนว่า 'พร้อมแล้วนะครับ?'
พี่จั่นรับโทรศัพท์ไม่นาน ก็เงยหน้ามาแจ้งฉันทันเวลาพอดี "หมอคะ ห้องยาบอกว่าหมอสั่งยาผิดค่ะ ตัวยา clotrimazole เหน็บช่องคลอด หมอสั่งเป็นยากินค่ะ"
ฉันมองหน้าพี่จั่น มองหน้าขิมที่ตาถลึง มองหน้านายอัศวิน ที่อมยิ้มกลั้นขำ แล้วฉันก็หัวเราะ
“ฮ่าๆ ค่ะ รีบมากไปหน่อย สั่งผิดเลย เดี๋ยวแก้ให้นะคะ ขิม คุณอัศวิน ไปกันก่อนเลยไหมคะ เพราะต้องเปิดคอมพ์คีย์ยาใหม่อีก"
ขิมดาราจ้องฉันแบบโกรธจัด แล้วบีบแขนฉัน 'หล่อนจะเล่นงี้ใช่ไหม' เธอกระซิบเบาๆ
ฉันกระซิบกลับบ้าง 'เล่นไรยะ ก็ฉันสั่งผิด'
'ไม่ ฉันรู้ว่าหล่อนจงใจ' ขิมแยกเขี้ยวส่งมา
ฉันกำลังจะแยกเขี้ยวกลับบ้างก็พอดี นายอัศวิน แทรกขึ้นแบบสุภาพบุรุษสุดๆ "รอไปด้วยกันแหละครับ วันนี้ผมว่าง ผมรอได้ครับ”
โอ๊ย!....
ฉันเลยต้องรีบไปแก้ใบสั่งยา จากนั้นก็โดนยัยขิมจูงคอไปร่วมรับประทานอาหารเที่ยงกับนายเรืออากาศสุดหล่อจนได้!
หลังจากที่ฉันตรวจคนไข้ในหอผู้ป่วยเสร็จ ฉันก็รีบไปออกตรวจผู้ป่วยนอกกับขิมดาราต่อ ขิมก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อคืนอยู่เวรก็แทบไม่ได้นอน แถมยังต้องตื่นเช้ามาตรวจคนไข้ใน ต่อด้วยคนไข้นอกอีก ไม่มีเวลาปลีกตัวไปกินข้าวเลยทีเดียว ฉันเข้าใจสถานการณ์นี้ดีนะ เพราะก็ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ทุกครั้งหลังอยู่เวรเหมือนกัน แต่ที่ไม่เหมือนกันคือ ขิมดารา ยังคงสวยเป๊ะ ทุกมุม ส่วนฉันนะถ้าหลังอยู่เวรละก็กลายเป็นหมีแพนด้าได้เลยล่ะ
ช่วงเช้าคนไข้มารอรับการตรวจมากมายเหมือนเดิม ส่วนมากก็เป็นคุณลุงคุณป้าที่มาติดตามเรื่องเบาหวาน ความดัน ไขมัน ไม่ก็พวกป่วยปลอมที่ชอบมาขอใบรับรองแพทย์ไปหยุดงานหลายวัน หรือแม่เด็กที่ลูกเพิ่งมีไข้ 1 ชั่วโมง ก็รีบพามา รพ.และอีกหลากหลายปัญหา ที่ไม่ได้คัดสรรค์ให้เรามาแก้ไขแต่อย่างใด จริงๆแล้วอาชีพของฉันก็คือ แก้ไขปัญหาให้คนอื่นทั้งวันนี่นนะ
ฉันไหว้คุณป้าคนหนึ่งที่อ้วนมาก แต่สามารถควบคุมระดับไขมัน และน้ำตาล ความดัน จนเป็นปกติ ฉันเลยเอ่ยชื่นชมคุณป้า และให้กำลังใจในการปฏิบัติตัวเช่นนี้ต่อ ไม่ใช่ดีแตกเพราะเจอขนมหวานเสียก่อน คุณป้ารู้สึกมีกำลังใจขึ้นเยอและบอกฉันว่า เคล็ดลับคือการเดินแกว่งแขนวันละครึ่งถึง 1 ชั่วโมง และร่ำลาฉันก่อนจะออกไป
ฉันละสายตาจากคุณป้า แล้วก้มหน้าพิมพ์ใบสั่งยาในคอมพิวเตอร์ให้เสร็จ ระหว่างนั้นก็มีคนไข้รายต่อไป เดินเข้ามาพอดี
ฉันมองจากหางตาก็เห็นว่าเป็นคุณลุงอายุผ่านวัยกางคนไปแล้วระยะหนึ่ง ลุงนั่งลงที่เก้าอี้คนไข้ข้างๆฉัน
“สวัสดีค่าลุง เป็นไงมาคะ" ฉันละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ แล้วรีบยกมือไหว้ ก่อนที่คุณลุงจะไหว้ฉัน
คุณลุงรีบรับไหว้ แล้วพูดด้วยท่าทีเหนื่อยๆ "สวัสดีคุณหมอ ลุงไอมากสองสามวันแล้ว ไอมากเหลือเกิน" พูดเสร็จ ก็ไอให้ฉันดูเป็นตัวอย่างพอหอมปากหอมคอ
ฉันมองดูลุงปราดเดียว ก็ดูว่ามีอาการหายใจหอบจริง "ไอมีเสมหะเปล่าคะลุง เปลี่ยนสีไหม" ถามเสร็จก็หยิบหูฟัง เตรียมตรวจปอดลุงทันที
ลุงพยักหน้าเศร้า "มีเสมหะ ขาวๆ แต่เมื่อคืนเหนื่อย ตื่นมาไอทั้งคืน" ตอบฉันเสร็จ คุณลุงก็รู้หน้าที่ดี นั่นคือยกเสื้อตัวเองขึ้น เพื่อให้ฉันวางหูฟังบนหน้าอก ตรวจเสียงปอด ซึ่งฉันได้ฟังและพบว่าเสียงวี้ดดังมาก
“โอ้ ลุงคะ เสียงปอดไม่ดีเลย ลุงเป็นหอบหืด หรือถุงลมโป่งพองด้วยเปล่าคะ" แล้วฉันก็หันไปหาจอคอมพิวเตอร์ กดดูประวัติการเจ็บป่วยเก่าๆของลุง อ้อ ลุงเป็นถุงลมโป่งพองจริงๆด้วย
“เป็นโรคถุงลองพองๆน่ะหมอ มียาพ่นด้วย ลุงก็พ่นทุกวันนะ นี่ไง" แล้วลุงก็หยิบหลอดยาพ่นจากถุงย่ามเก่าๆออกมาให้ดู
ฉันรับมาพิจารณาก็เห็นว่ากระบอกยาพ่นยังคงหนักอยู่ แต่ตัวกระบอกด้านนอกก็ดูเปรอะ และเก่า เหมือนผ่านการใช้มาแล้วจริงๆ
“พ่นทุกวันเลยเหรอคะ ไหนลุงพ่นให้หมอดูสิคะ ถ้าพ่นทุกวัน ทำไมอาการกำเริบเยอะจัง ไข้ลุงก็ไม่มีนี่นา" แล้วฉันก็ส่งกระบอกยาพ่นคืนเจ้าของ
คุณลุงที่หอบเล็กน้อย ก็ส่งมือกร้านจากการทำงานหนัก และผิวหนังที่เหี่ยวย่นตามวัยรับของคืน เฮ้อ ฉันเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารชาวบ้านแถวนี้ แก่แล้ว ไม่มีที่นาของตัวเอง จนก็จน ลูกหลานก็หนีไปหากินในกรุงเทพฯ ปล่อยให้คนแก่เฒ่าอยู่กันเอง
ย้อนมานึกถึงพ่อแม่ตัวเอง รู้สึกว่าฉันโชคดีที่ทีพวกท่าน และพวกท่านก็โชคดีที่ไม่ตกในสถานการณ์แบบนี้
“ก็พ่นอย่างนี้นะหมอ" แล้วลุงก็ใช้มือขวาจับกระบอกเขย่าตั้งตรง ตามทฤษฎีที่พวกฉันเรียนรู้มาเพื่อมาสอนคนไข้ใช้อย่างนั้นเลย พอเขย่าครบ 5 ครั้งเสร็จ ลุงก็จ่อปากกระบอกเข้ากับปากตัวเอง เตรียมหายใจเข้าออกลึกๆสามครั้ง พอมาถึงตรงนี้ฉันขมวดคิ้ว และรู้สึกว่าทำแบบนี้มันไม่ใช่ละ แต่พอจะห้ามว่าหยุดก่อน ลุงก็กำลังหายใจเข้าสุด พร้อมกดกระบอกพ่นแล้วสูดอากาศเปล่าเข้าปากเสียลึก แถมตอนหายใจเข้าสุดมีหลับตาพริ้ม อิ่มเอิบว่าทำถูกต้อง
ฉันหัวเราะเบาๆ "คุณลุงคะ เมื่อกี้ มันขาดขั้นตอนไหนไปหรือเปล่าคะ" ฉันทำตาแป๋วจ้องคุณลุง ลุงมองฉันทีหนึ่งด้วยแววตาซื่อบริสุทธิ์เช่นกัน แล้วมองกระบอก พ่นยา
“ก็ถูกทุกขั้นตอนนะหมอ" พูดแล้วก็ขมวดคิ้วสงสัยเป็นกำลัง
ฉันหัวเราะกว้างขึ้น แล้วหยิบกระบอกยามาจากมือคุณลุง ก่อนจะปลดฝาที่ส่วนปลายของกระบอกให้ลุงดู ลุงทำตาโตเหมือนประหลาดใจกับสิ่งมหัศจรรยสุดขีด
“คุณลุงลืมเปิดฝาค่ะ นั่นคือที่ผ่านมาลุงไม่เคย...”
“ลุงไม่เคยเปิดฝานั่นเลย อ้าว ลุงไม่รู้นี่ โถ่...” แล้วลุงก็หัวเราะไปกับฉัน "ขอบใจมากคุณหมอ แหมบางทีมันก็เส้นผมบังภูเขานะ นี่ลุงสูดอากาศบริสุทธิ์มาตลอดเลยสิ ก็ว่าทำไมยา รพ. ไม่ได้ผลเลย"
ส่วนฉันยังหัวเราะขำอยู่ แล้วหันไปพิมพ์สั่งการรักษา " โอเคคะ ลุงรู้แล้วนะคะว่าพลาดตรงไหน เดี๋ยวหมอสั่งพ่นยาที่ รพ. ให้ก่อนนะคะ แล้วเบิกยาพ่นกระบอกใหม่ให้ไปพ่นที่บ้าน ยาเก่าลุงหมดอายุแล้ว" แล้วฉันก็ขยิบตาให้ลุงทีหนึ่ง
“ข้อดีของเรื่องนี้คือลุง ไม่ได้พ่นยาหมดอายุแล้วกันค่ะ ฮ่าๆ" ฉันกับคุณลุงหัวเราะกันอีกครั้ง แล้วคุณลุงก็ร่ำลาจากไป
ฉันมองไปทีนาฬิกาผนังห้องตรวจ หา! 11.30 ไม่นะ ทำไมเวลามันเร็วอย่างนี้ล่ะ เดี๋ยวเที่ยงตรงฉันต้องออกไปทานข้าวกลางวันกับคุณอัศวินและขัยขิม อย่างนั้นเหรอ แล้วฉันควรทำตัวอย่างไรล่ะ ไม่ได้ๆ ฉันจะสติแตกไม่ได้ แล้วฉันก็ชะเง้อหน้าผ่านประตูห้องตรวจออกไปมองดูข้างหน้า ก็พบว่าคนไข้น้อยลงไปมากแล้ว และยังไม่มีใครมานั่งต่อคิวที่ห้องฉัน ฉันเลยหยิบสมุดบันทึกของฉันขึ้นมา ถ้าฉันคิดอะไรได้ ฉันจะรีบจดทันที นี่คือวิธีแก้ปัญหาเวลาเกิดเรื่องยุ่งยากใจของฉันอีกรูปแบบหนึ่ง
'ปัญหาที่จะเกิดขึ้นวันนี้ถ้าไปทานข้าวกลางวันกับขิมและคุณอัศวิน'
1.ฉันจะเป็น กขค ของทั้งสองคนนั่น และฉันจะนั่งทำหน้าไม่ถูก
2.มันจะเหมือนว่าฉันเอามีดมานั่งกรีดหัวใจตัวเองเล่นๆ
3.คุณอัศวินจำฉันได้ เพราะเขาบอกตอนเช้า แต่เขาจำฉันได้ในฐานะที่ฉันเป็นคนไหนไม่รู้
3.1จำได้ในฐานะที่ฉันเป็นคนราดโกโก้ใส่เพื่อนเขา เขาก็คงไม่ชอบขี้หน้าฉัน แล้วอาจจะพูดเชิงให้ฉันขอโทษ หรือพูดอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกผิดสักอย่าง
3.2จำได้ในฐานะที่ฉันเป็นคนที่เขาช่วยเหลือคืนนั้น และฉันดันไลน์ไปขอบคุณ แบบไ่ม่เปิดเผยตัว และเหมือนพวกโรคจิตที่ไปได้เบอร์เขามาจากไหนไม่รู้ และ เขามาเจอฉันตอนเช้าที่หอผู้ป่วย แต่ฉันกลับทำเป็นไม่รู้จักเขา เขาคงงงว่ายัยคนนี้เป็นคนยังไงกันแน่ รู้วาไลน์มาหาใคร แต่พอเจอตัวจริงกลับเงียบ
4.ฉันซี้แหงแก๋แน่
พอฉันจดทั้งหมดนี่ลงสมุดประจำตัว ฉันก็เริ่มคิดหาลู่ทางที่จะไม่ไปทานข้าวกลางวันวันนี้ดีกว่า ฉันต้องทำอะไรสักอย่างสิ ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง!
“หมอคะ มีคนไข้อีกคนหนึ่งค่ะ" เสียงพี่พยาบาลหน้าห้องบอกฉันเข้ามา ฉันรีบมองนาฬิกาที่ผนังห้อง 11.45น. ละ เยี่ยมมาก ฉันจะทำตัวให้ยุ่งที่สุด แล้วบอกว่าไม่ไปดีกว่า
ไม่นานนัก คนไข้รายใหม่ของฉันก็เดินเข้ามา เธอเป็นหญิงสาวสวยและหุ่นดี ผมยาวเงาถึงกลางหลัง สวมเสื้อยืด และเกางเกงยีนรัดรูป แต่หน้าเธอกลับซีดและดูไม่สบาย
“เชิญนั่งค่ะเป็นอะไรมาคะ" ฉันถามแล้วผายมือให้นั่ง
เธอคนนั้น ค่อยๆหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้ “ปวดท้องคะ” พุดแล้วทำหน้าเหยเก ดูเจ็บจริง
ฉันถามต่อ และคิดว่าจะถามให้เยอะและนานที่สุด "ปวดลักษณะไหนคะ ปวดบีบ ปวดจุก หรือ แสบ แล้ว ปวดบริเวณไหน"
เธอคนนั้นทำหน้าเจ็บมากขึ้นเมื่อขยับตัว ก่อนจะชี้ไปที่บริเวณท้องน้อยใต้สะดือ "ปวดตื้อๆคะ"
อืม...”ถ้าอย่างนั้นรบกวนนอนบนเตียงเลยคะ ขอหมอตรวจท้องหน่อย" แล้วฉันก็ค่อยๆพยุงเธอไปนอนบนเตียง ก่อนจะเอาผ้าคลุ่มปิดตั้งแต่หัวเหน่าลงไป
แล้วฉันก็ทำการตรวจเธอให้ละเอียดไปเรื่อย ฉันกดบริเวณท้องน้อย แล้วเธอก็บอกเจ็บ ตอนปล่อยมือจากบริเวณที่กดเธอก็ว่าเจ็บ ฉันกำลังจะใส่หูฟัง ฟังเสียงการทำงานของลำไส้ ก็พอดีขิมดาราเปิดประตูจากห้องตรวจข้างๆเข้ามาเฉย
“เฮ้เพืื่อน เที่ยงแล้ว ไปกันเถอะ คุณอัศวินมารอที่หน้าห้องแล้ว" หล่อนพูดด้วยเสียงกระดี๊กระด๊า เปี่ยมไปด้วยความสุขเสียเหลือเกิน
ฉันคิดในใจ ห๊ะ อะไรนะ ทำไมเขาถึงตรงเวลาอย่างนี้ แล้วฉันควรทำอย่างไรดีเนี่ย
ฉันแสร้งทำหันไปมองขิมแบบนิ่งๆ ประหนึ่งว่ายุ่งมาก มือก็กดท้องคนไข้ไปด้วย "ตรวจอยู่ยังไม่เสร็จเลย ไปกันก่อนดีกว่านะ" พูดเสร็จก็หันไปถามคนไข้ต่อด้วยมาดนิ่งๆ "มีปัสสาวะแสบขัดไหมคะ"
คนไข้สาวสวยกำลังจะอ้าปากตอบ แต่ยัยขิมดารากลับชิงแย่งพูดก่อน "ไม่ได้นะ! แกต้องไปฉันด้วย ยัยพริม" แล้วก็ยืนกอดอกอยู่ที่หน้าประตู
“ขิม เราตรวจอยู่นะ แล้วสรุปมีปัสสาวขัดไหมคะ" คนไข้ตอบเบาๆ ไม่มีค่ะ "มีไข้ ถ่ายเหลว อาเจียนไหมคะ" แล้วฉันก็ค่อยๆพยุงคนไข้ลุกจากเตียงหลังจากตรวจเสร็จ คนไข้ตอบเบาๆอีก ไม่มีค่ะ
ฉันพาคนไข้มานั่งเก้าอี้แล้วตัวเองก็นั่งประจำที่ตรวจ ยัยขิมดารายังคงจ้องฉันตาถมึงทึง ยกมือขึ้นมาจับริมฝีปากล่างของตัวเอง ซึ่งนี่เป็นท่าประจำตัว มีความหมายแสดงถึงว่า 'ร้อนรนมาก'
ฉันยังคงถามคนไข้ต่อไป เจ้าหล่อนก็เอามือกุมท้องน้อย ทำท่าปวด ฉันไม่ได้แกล้งคนไข้นะ ก็ยังถามไม่หมดจริงๆนี่นา
“ประจำเดือนมาล่าสุดเมื่อไรคะ วันแรกของครั้งสุดท้ายนะคะ" แล้วเจ้าหล่อนก็ทำท่าคิด เออดีลูก คิดไปนานๆนะจ๊ะ หมอรอได้ค่ะ
เสียงยัยขิมเอ่ยขึ้น น้ำเสียงบ่งบอกว่าเริ่มโมโห "ยัยพริม หล่อนจะให้ฉันไปกับเขาสองคนไม่ได้นะ ฉันจะไปบอกให้เขารอก่อน" แล้วขิมดาราก็หันหลังสะบัดผมสวยออกจากประตูเชื่อมห้องเราไป ฉันทำทีไม่ใส่ใจ ขณะพิมพ์ประวัติคนไข้ และผลการตรวจร่างกาย แต่ก็ไม่วายชำเลืองมองหน้าห้องว่าคุณอัศวินมานั่งรอจริงหรือเปล่า ซึ่งทำให้ฉันเห็นเต็มสองตาเลยว่า เขานั่งหล่อใส่แว่นเรย์แบนอยู่หน้าห้องตรวจฉันพอดี มองตรงมาทางห้องฉันด้วย แต่ฉันไม่รู้ว่าาสายตาของเขาเป็นอย่างไร มองไปทางไหน เพราะเขาใส่แว่นเลนส์ดำอยู่ ฉันรีบหลบตาทันที ซึ่งก็จังหวะเดียวกันกับที่ขิมดาราเดินออกมาหาเขา
แล้วฉันก็ได้คำตอบว่าแม่สาวน้อยคนนี้ ประจำเดือนปกติดี
“มีตกขาว หรือ เลือดออก ผิดปกติไหมคะ จากช่องคลอด" ฉันยังถามไม่หมดจริงๆนะ
หล่อนนิ่วหน้าคิด "มีตกขาวเหม็นคะ เป็นมาสองสามวันแล้ว"
ดีมากค่ะหนู นั่นคือสิ่งที่ทำให้หมอจะได้ไม่ต้องไปรับประทานอาหารเที่ยงค่ะ "ตกขาวสีอะไรคะ"
“เหลืองขุ่นๆค่ะ คันตรงนั้นด้วย"
ฉันยิ้มแปล้ให้สาวน้อย ขณะเธอมีสีหน้าปวดเช่นเดิม "เยี่ยมเลย หมอขอตรวจภายในหน่อยนะคะ" เจ้าหล่อนทำหน้าตกใจสุดขีด แต่ฉันไม่ได้ใส่ใจอะไร ฉันลุกขึ้นเดินออกไปหน้าห้อง ถึงแม้ไม่อยากจะเจอคุณอัศวินเลยก็เถอะ
ฉันเดินมาที่หน้าห้องตรวจแล้ว ยังมีพี่พยาบาลเหลือสองคน คนอื่นคงไปทานข้าวกลางวัน แต่พี่สองคนนี้ก็จ้องขิมดาราและคุณอัศวินที่กำลังคุยกันอยู่เป็นตาเดียวกัน จริงๆ ฉันก็จ้องสองคนนี้ด้วยเหมือนกันแหละ โถ่เอ๊ย
“อะแฮ่ม" ฉันกระแอมดัง ทำเอาทุกคนหันมามอง ยัยขิมมองฉันแล้วยิ้มกว้าง หน้าตามีความสุขมาก
“เสร็จแล้วใช่ไหม ไปกันเถอะ พริม" แล้วเดินเข้ามาจับมือฉัน คุณอัศวินก็ลุกขึ้น เดินตรงมาที่เราสองคน ฉันยิ้มให้เขาจางๆ พอเป็นมารยาททีหนึ่ง แล้วเขาก็ยิ้มแบบนั้นตอบเช่นกัน
“ยังเลย ต้องตรวจภายในด้วย พี่จั่นคะ รบกวนเตรียมห้องตรวจภายในหน่อยค่ะ" พูดเสร็จก็หันไปวางมาดหมอนิ่งๆใส่สองหนุ่มสาวนั่น
“ขิมคุณอัศวิน เคสนี้ยังไม่เสร็จจริงๆ ไปทานกันก่อนเลยดีกว่าค่ะ ไว้สะดวกครั้งหน้าค่อยว่ากัน" พอจบประโยค ขิมดาราบีบมือฉันแรงมาก แล้วกระซิบกระซาบประมาณว่า 'หล่อนห้ามทิ้งฉัน'
คุณอัศวินปลดแว่นกันแดดออก "ผมรอได้ครับ ไม่ต้องกังวล" พูดเสร็จ ก็ไปนั่งรอตามนั้นจริงๆ พร้อมกับหยิบหนังสือพิมพ์บนเก้าอี้ข้างๆมาอ่าน...
โอ๊ยยยยย ก็บอกว่าไม่ไปไงงงงง
“หมอคะ เที่ยงแล้ว เจ้าหน้าที่ห้องนั้นเขาไปทานข้าวกันหมดแล้วคะ ต้องรอหลังบ่ายโมงคะ" พี่จั่น พยาบาลประจำห้องตรวจผู้ป่วยนอกเอ่ยอย่างยิ้มแย้มใจดี ขณะที่มือก็เก็บของใส่กระเป๋าตัวเอง เป็นการบอกเป็นนัยว่า 'พี่จะไปกิข้าวแล้วเหมือนกันคะ'
ขิมดารายิ้มแยกเขี้ยวใส่ฉัน แล้วเสียงประตูห้องเปิดเสียดสีกับพื้นก็ดังขึ้น คนไข้ชะเง้อหน้ามามองฉันด้วยสีหน้าอายๆ
“หมอคะ หนูไม่อยากตรวจภายใน หมอสั่งยาให้เฉยๆได้ไหมคะ" แล้วยิ้มแห้งๆ
ฉันมองคนไข้สาวทีหนึ่ง มองขิมดาราที่ยักคิ้วชั่วร้ายให้ทีหนึ่ง มองพี่จั่นที่ยิ้มตาใส แต่มือเริ่มกดโทรศัพท์มือถือ
เออออออ อยากได้อะไร หมอจัดให้ค่าาาา
ฉันสูดหายใจเข้าลึก แกะมือออกจากขิมดารา ขณะที่แม่ตัวดีปล่อยมือ และหัวเราะเบาๆ ฉันเดินกลับเข้าห้องตรวจ พูดกับคนไข้แบบขอไปที หล่อนนะหล่อน ไม่อยากได้รับการตรวจตามมาตรฐานเหรอยะ
“คือเท่าที่หมอสงสัยนะคะ คิดว่าเป็นมดลูกอักเสบ แต่จริงๆแล้วควรตรวจภายในยืนยันด้วย แต่ก็ไม่เป็นไรคะ หมอจะสั่งยากินไปให้แล้วกันคะ" คนไข้ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มพยักหน้าดีใจ หล่อนหายปวดแล้วเหรอยะ
ฉันพิมพ์ใบสั่งยา มียากินแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ และยาเหน็บ....เยี่ยม ฉันรู้แล้ว ฉันจะทำให้มันล่าช้าเข้าไปอีก สองคนนั้นจะได้รำคาญ อาจจะรอไม่ไหวกันเลยทีเดียว
ยาตัวนี้เอาไว้เหน็บ แก้คัน ในช่องคลอดสินะ...หึหึ
ฉันรีบพิมพ์ แล้วกดส่งใบสั่งยาแบบออนไลน์ ข้อมูลคงขึ้นที่ห้องยาทันที ฉันหันไปยิ้มสวยกับคนไข้
“ช่วงนี้งดเพศสัมพันธุ์ก่อนนะคะ แล้วทานยาที่หมอให้ ให้ครบนะคะ สวัสดีค่ะ" เรายกมือไหว้กัน แล้วหล่อนก็เดินออกไปรอที่หน้าห้องรับยา
ฉันยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง ขณะก้มหน้าเก็บของ แล้วขิมดาราก็เปิดประตูเข้ามาเร่งอีกครั้ง
“เร็วเข้า คุณอัศวินรอนานแล้วนะ" แล้วใบหน้าสวยก็ทำหน้านิ่งคิ้วขมวด
ฉันก็ได้แต่เออ ออ แล้วก็ค่อยๆลุกไปล้างมือ ล้างมือช้าๆ ค่อยๆบรรจงล้างให้สะอาด ตอนนี้คิดว่าขิมาดาราคงยืนเท้าสะเอวอยู่เป็นแน่ ฮ่าๆ
“นี่หล่อนจงใจใช่มั้ย หือ ยัยพริมา!” ขิมดาราพูดเสียงกร้าวหน้าประตู
ฉันทำตาใสซื่อ แอบมองข้ามไหล่หล่อนไป เห็นคุณอัศวินยังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อแบบทองไม่รู้ร้อน
“เปล่านี่ ก็เสร็จแล้วนี่ไง ไปกันเถอะ" แล้วฉันก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย ส่วนในใจคิดว่า ทำไมเภสัชกรไม่โทรมาสักทีนะ
ฉันเดินออกไปหน้าห้องตรวจกับขิมดารา หล่อนหายโกรธฉันทันที แล้วหันไปยิ้มกว้างให้นายทหารอากาศสุดหล่อทีเห็นว่าเราสองคนพร้อมแล้ว จีงวางหนังสือพิมพ์ลง แต่แล้ว เสียงโทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์พยาบาลก็ดังขึ้นช่วยชีวิตฉัน
พี่จั่นรับโทรศัพท์ สีหน้าเริ่มหงุดหงิด สงสัยหิว หนูขอโทษค่ะพี่...
ฉันมองพี่จั่น ขณะที่ขิมดาราฉุดแขนฉันให้เดินไปข้างหน้า ส่วนคุณอัศวินก็พูดกับเราสองคนว่า 'พร้อมแล้วนะครับ?'
พี่จั่นรับโทรศัพท์ไม่นาน ก็เงยหน้ามาแจ้งฉันทันเวลาพอดี "หมอคะ ห้องยาบอกว่าหมอสั่งยาผิดค่ะ ตัวยา clotrimazole เหน็บช่องคลอด หมอสั่งเป็นยากินค่ะ"
ฉันมองหน้าพี่จั่น มองหน้าขิมที่ตาถลึง มองหน้านายอัศวิน ที่อมยิ้มกลั้นขำ แล้วฉันก็หัวเราะ
“ฮ่าๆ ค่ะ รีบมากไปหน่อย สั่งผิดเลย เดี๋ยวแก้ให้นะคะ ขิม คุณอัศวิน ไปกันก่อนเลยไหมคะ เพราะต้องเปิดคอมพ์คีย์ยาใหม่อีก"
ขิมดาราจ้องฉันแบบโกรธจัด แล้วบีบแขนฉัน 'หล่อนจะเล่นงี้ใช่ไหม' เธอกระซิบเบาๆ
ฉันกระซิบกลับบ้าง 'เล่นไรยะ ก็ฉันสั่งผิด'
'ไม่ ฉันรู้ว่าหล่อนจงใจ' ขิมแยกเขี้ยวส่งมา
ฉันกำลังจะแยกเขี้ยวกลับบ้างก็พอดี นายอัศวิน แทรกขึ้นแบบสุภาพบุรุษสุดๆ "รอไปด้วยกันแหละครับ วันนี้ผมว่าง ผมรอได้ครับ”
โอ๊ย!....
ฉันเลยต้องรีบไปแก้ใบสั่งยา จากนั้นก็โดนยัยขิมจูงคอไปร่วมรับประทานอาหารเที่ยงกับนายเรืออากาศสุดหล่อจนได้!
ภาพพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 เม.ย. 2558, 12:13:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 เม.ย. 2558, 12:15:11 น.
จำนวนการเข้าชม : 1310
<< ตอนที่ 2 : จำได้ | ตอนที่4: คือใคร >> |
LOLIN 19 เม.ย. 2558, 09:40:46 น.
มาต่อเลยค่ะไรต์ ลุ้นๆ
มาต่อเลยค่ะไรต์ ลุ้นๆ
ภาพพิมพ์ 19 เม.ย. 2558, 14:08:27 น.
มีคนติดตามดีใจจังเลยค่า มาต่อแน่นอนค่า
มีคนติดตามดีใจจังเลยค่า มาต่อแน่นอนค่า