เงามาร (กำลังรีไรท์ค่ะ)
'วาลาดา' ตื่นขึ้นมาพร้อมกับการรับรู้ว่าตัวเองมีสามีมีลูกแล้ว
ที่สำคัญ สามีของเธอคือเพื่อนในวัยเยาว์ที่ห่างเหินกันไป
หลายปีแล้ว เธอไม่ได้มีใจให้เขา เขาเองก็เกลียดเธอ

เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือสามีของเพื่อนรักของเธอ


คำว่า "แย่งสามีเพื่อน"
กู่ก้องอยู่ในหัวและทำให้หัวใจของหญิงสาวแหลกสลาย...

เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปมีอะไรกับเขาตอนไหนจนมีลูก
กับเขาได้...แต่ลูกที่มีหน้าตาผสมผสานระหว่างเธอกับเขา
อย่างลงตัวทำให้เธอดื้นไม่หลุดกับหลักฐานการกระทำ
ของตัวเอง...

ความจริงดังกล่าว...ส่งให้ดาวดวงใหม่ที่ควรจรัสแสงแรงกล้า
อยู่บนฟากฟ้ากลับถูกกระชากลงมาให้แปดเปื้อนกลิ่นคาวคละคลุ้ง
ด้วยน้ำมือของใครบางคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเงาดำนั้น
หญิงสาวก็สุดจะคาดเดาได้...

หญิงสาวที่ควรมีความสุขไปบนหนทางอันดีงาม เส้นทางของดาว
กลับถูกดึงรั้งเข้ามาสู่เส้นทางของมาร...เมื่อถูกความมืดมน
ดุจเมฆดำเข้าครอบงำฝังจิตใจ...เปลี่ยนผู้หญิงที่เคยแสนดี
กลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจ...นั่นคือเธอที่กำลังถูกใครๆ
กล่าวขานอย่างไม่มีจบสิ้น...


ทางเดียวที่จะรอดพ้นไปได้ นั่นก็คือ เธอต้องต่อสู้กับมันให้ชนะ ต่อสู้กับเงามารที่คอยตามรังควานชีวิตเธอทั้งชีวิตให้ย่อยยับ

โดยไม่รู้เลยสักนิดว่า...เงามารที่เธอเห็นนั้นมีใครซ่อนอยู่
หลังเงานั่น...รอ...รอวัน...เพื่ออะไรบางอย่าง...

รอคอยและเฝ้าดูอยู่ข้างหลังอย่างอดทน...
ชักใยซึ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างพิถึพิถัน...และล้ำลึก...
วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบและรัดกุม

ช่างเป็นการรอคอยอันแสนยาวนาน รอให้เธอมีความสุขที่สุด
ประสบความสำเร็จที่สุด พอได้จังหวะเหมาะจึงเข้าโจมตี...
จนวาลาดาคาดไม่ถึงว่าจะมีใครอดทนรอคอยเพื่อจองเวรเธอ
ได้นานถึงเพียงนี้...ช่างเป็นการทุ่มเทที่น่ากลัวเหลือเกิน...

เธอรู้...รู้ว่าสิ่งที่สำคัญ...คือเธอจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือ
หลังจากโดนโจมตีจนย่อยยับอับปางนี้ต่อไปอย่างไร...
นั่นคือ...สิ่งที่เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่...

และอีกอย่างที่เธอจะต้องทำคือ...หาคนที่ซ่อนอยู่หลังเงานั้น
ให้เจอ! และถามให้รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร


และ...

หวังเพียงว่า...เธอจะไม่ถูกมันครอบงำได้อีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...เธอจะได้พบกับแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...ผู้ที่เธอได้ทำร้ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวจะให้อภัย
หวังเพียงว่า...เขาจะเข้าใจ เชื่อใจ อภัย และรักเธอ
หวังเพียงว่า...ยอดดวงใจซึ่งคือลูกน้อยจะปลอดภัย ไร้มลทิน






...ขอเพียงได้อยู่ดูแลคุ้มภายคุ้มใจคนที่รักตลอดไป...


...ขอเพียงคนที่เธอรักปลอดภัย เข้าใจ ให้อภัย
และรักเธอเท่านั้น....



Tags: ดราม่า ซุลก๊อตไนท์ วาลาดา นาดีม มาร มารร้าย ไสยศาสตร์ ญิน นุฮา อะสุเซน่า วารินทร์ อานิต้า

ตอน: บทที่ 48 หลบหน่อยพระเอกมา!


วารินทร์จูงมืออานิต้าลงเรือมาร่วมงานที่ถูกเชิญผ่านทางข้อความสั้นๆ
ที่ส่งมาทางโทรศัพท์มือถือเมื่อวานตอนค่ำ…

‘พรุ่งนี้บ่ายโมงตรง…เชิญร่วมงานวันวิวาห์มหาชน ณ เกาะรังรัก by ก๊อตซิลลา’

เขาก็เลยพาภรรยาเดินทางมายังเกาะแห่งนี้เพื่อมาดูหน้าก๊อตซิลลา
ว่ามันโผล่ขึ้นจากใต้ท้องทะเลมาทำอะไรที่เกาะแห่งนี้…
ทั้งที่ไอ้ก๊อตซิลล่ามันน่าจะตายไปแล้ว…

แต่พอจะเดินทางเข้างานดันไปเจอป้ายขนาดกลางปักไว้บนผืนทรายสีขาว
ที่เขียนเอาไว้ว่า ‘เขตปลอดผู้ร้าย’

“แล้วหน้าตาอย่างพี่รินทร์จะผ่านเซ็นเซอร์มั้ยคะ…”

อานิต้าหันมาทางสามีที่เธอติดสอยห้อยตามมาด้วย แต่พอมองเห็นบรรยากาศดีๆ
ของเกาะก็ชักเริ่มกังวลว่าคนที่มีหน้าตาอย่างผู้ร้ายเช่นเขาจะสร้างปัญหาให้เธอไหม…

และนั่นทำเอาคนที่หน้าไม่ใสแต่ใจใสแววหันมาจ้องมอง 'ยัยหนูเผือก'
ที่ภาพพจน์อย่างกับนางฟ้าตาคมกริบทีเดียว

“ถ้าพี่เข้าไปไม่ได้ แล้วทำไมไอ้ก๊อตซิลล่ามันใช้ให้พี่มา…
นั่นน่ะชื่อสัตว์ประหลาดตัวร้ายนะต้า…ถ้ามันเข้าไปได้ พี่ก็เข้าไปได้…”

ว่าแล้วก็อยากถีบป้ายนั้นให้ล้มลงไปนอนพะงาบๆจูบพื้นทรายเสียจริงๆ

ใครนะช่างเขียนมันขึ้นมาได้…อย่าให้รู้!

ไวเท่าความคิด วารินทร์ดึงป้ายนั้นขึ้นมาแล้วเดินถือเข้างานไปด้วย
ท่าทางไม่ได้แตกต่างจากวารินทร์ในอดีตที่ถูกแต่งตัวเป็นเจ้าเงาะป่า
ถือป้ายให้โรงเรียนในขบวนพาเหรด โดยได้รับการอ้อนวอนจากวาลาดา
เพราะถ้าไม่ใช่วาลาดาอ้อนวอนล่ะก็…คนอย่างเขาไม่มีทางแต่งตัวเป็นเงาะป่า
เพื่อไปเดินถือป้ายให้ใครๆเห็นแน่ๆ

และภาพนางฟ้ากับเงาะป่าที่เดินถือป้ายมาก็ตกอยู่ในสายตาของทุกคนในงาน
สร้างเสียงฮือฮาให้ไม่น้อยเมื่อป้ายนั้นใครๆก็อ่านออก

วารินทร์มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนที่เขามันใจว่าคือ…ไอ้ก๊อตซิลล่า…

มือนึงจับป้ายที่ตอนนี้คนถือมาใช้แรงปักหลักของป้ายกับพื้นทราย
อย่างกระแทกกระทั้น อีกมือเท้าสะเอวไว้

“นึกว่านายจะไม่มาซะแล้ว…” ซุลก๊อตไนท์เอ่ยทักกลั้วรอยยิ้ม
แววตาระยิบระยับเมื่อจับตาไปที่ป้ายสีแดงกับตัวคนถือ…

“ก็ว่าจะมาดูหน้ากะปอมยักษ์ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายอีกัวน่า...เห็นว่ามันขึ้นมา
จากใต้ท้องทะเลหลังจากดำน้ำมุดหายไปนานจนชาวบ้านเขานึกว่าตาย
และสูญพันธุ์ไปแล้ว”

วารินทร์บอกหมายจะยั่วอีกฝ่าย แต่มีหรือที่คนโดนยั่วจะไม่ยั่วกลับ

“นั่นมันไม่ใช่ญาติก๊อตซิลลา…ถ้านายตั้งใจจะมาตามหาญาติล่ะก็
ที่นี่ไม่มีกะปอมยักษ์และอีกัวน่าแน่…” วารินทร์ฉีกยิ้มกว้าง

“มันก็ญาติๆกันกับกิ้งก่ากลายพันธุ์นั่นแหล่ะน่า…ต่างกันก็แค่ปากมันพ่นไฟได้
พระเอกอย่างฉันก็เลยต้องมาปราบปรามสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ให้สิ้นซาก…
เพราะมันส่งข้อความไปบอกฉันว่าให้มาจัดการมันได้ที่เกาะนี่…
และฉัน...ก็มาถึงแล้ว…”

“โดยมีป้ายนี้เป็นอาวุธ?” ซุลก๊อตไนท์ยั่ววารินทร์ต่อพร้มมองอาวุธในมือผู้ปราบปราม
สัตว์ประหลาดที่ว่า

“มันคือฝีมือนายใช่มั้ยไอ้ก๊อต…ซิลลา” เขารู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่า
ไอ้หมอนี่มันชอบหาเรื่องแหย่ชาวบ้าน เห็นหน้านิ่งแบบนี้มันนี่แหล่ะ
ตัวการหาเรื่องแหย่เขาได้ตลอด…แถมยังตีหน้าตายได้สนิท
เลยมีเรื่องหวุดหวิดจะขึ้นสังเวียนกับมันมาแล้วหลายรอบ…

“ที่ไหนๆก็มีป้ายเตือนกันทั้งนั้น…พระเอกอย่างนายจะไปกังวลอะไรกับป้ายนี้…”

ยังคงแหย่ไม่ได้เลิกรา ทำให้วาลาดาที่อยู่ห่างๆเดินเข้ามาห้ามทัพ
ด้วยรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้สองคนนี้ปะทะฝีปากกันนานเกินสามนาที
ย่อมต้องมีการพ่นไฟใส่กันในเวลาต่อมาแน่ๆ…

“รินทร์…ต้า…เข้ามากินน้ำก่อนสิ มาร้อนๆ…”

วารินทร์หันไปมองวาลาดาในชุดเจ้าสาวแล้วได้แต่ยิ้มหวานตอบกลับไป

“ได้ยินเสียงของวะวาแล้วค่อยยังชั่วหน่อย บรรยากาศค่อยดีขึ้น…”

ว่าพลางก็กระแทกไหล่ซุลก๊อตไนท์พร้อมกับพูดว่า

“ผู้ร้ายน่ะหลบหน่อย…เห็นมั้ยพระเอกมา…”

แล้วก็โยนป้ายผู้ร้ายในมือไปให้เจ้าของมันทันที ซุลก๊อตไนท์เกือบรับแทบไม่ทันเลยทีเดียว

“เข้าไปในงานกันเถอะนางเอกของพี่…” แล้วก็โอบเอวอานิต้าเข้างานไป
ทิ้งให้ผู้ร้ายอย่างซุลก๊อตไนท์ยื่นส่ายหน้าไหวๆ เสียงของมันช่างดังคับงาน
โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องขยายเสียงแต่อย่างใด เดินไปตรงไหนก็มีแต่
จะทำให้ผู้คนแตกต่ื่น…ด้วยสีหน้าดุดันที่ไม่ว่าจะพยายามยิ้มให้หวานสักแค่ไหน
ก็ยังหาความหวานแทบไม่เจอ…ท่าทางดูกร่างๆนั่นอีก…

ถ้าไม่ได้รู้จักเนื้อแท้กันล่ะก็…ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าวารินทร์จะเป็นพ่อนักบุญตัวจริง…

“พระเอกก็พระเอก…นอกจากพี่นุแล้วฉันคงต้องยกให้นายอีกคน”

ซุลก๊อตไนท์เปรยเหมือนใกล้จะปลงได้แล้ว มันมาคุตั้งแต่ตอนที่
เจ้าสาวเห็นหน้าเขาแล้วดันเรียกชื่อพี่นุ แถมในงานเลี้ยงก็คอยแต่จะ
เข้าไปกระแซะพี่นุตลอด ถามโน่นถามนี่อย่างสนอกสนใจ…

แต่งตัวหล่อมาแค่ไหนก็ดึงเธอเอาไว้ข้างกายไม่ได้
แล้วนี่…พอเจ้าพระเอกเรื่องเงาะป่าคนล่าสุดมาถึงงาน
คุณเธอก็รีบเสนอหน้าออกมารับพร้อมคอยบริการโน่นนี่ให้อีก…

ทั้งๆที่เขายังไม่ได้รับบริการใดๆจากคุณเธอเลย…ไม่เลยสักนิด…

เขามันก็คงเป็นแค่…กะปอมยักษ์ที่แม้กระทั่งก๊อตซิลลาก็ไม่อยากนับญาติจริงๆนั่นแหล่ะ…




วาลาดามองหาซุลก๊อตไนท์ที่อยู่ๆก็หายไปจากงานเลี้ยง
เพราะมัวแต่คอยดูแลคนอื่นๆจนลืมดูแลเขา ไม่รู้ว่าเขาได้กินอะไรไปบ้างแล้วหรือยัง…
เพราะเห็นว่ายุ่งตลอดงานเช่นกัน…

“เห็นพ่อมั้ยตาหนู…” ไม่รู้จะถามใครแล้ว เพราะถามไปก็ไม่มีใครรู้
เลยทรุดเข่าลงถามลูกชาย แล้วก็ได้คำตอบในที่สุดอย่างไม่คาดคิด
เพราะลูกชี้ไปทางหน้าหาด

“พ่อไปทางโน้นครับ…” วาลาดาเลยฝากลูกชายไว้กับน้องสาว
ที่มาร่วมงานในวันนี้ด้วย รวมทั้งสมาชิกคนอื่นๆในครอบครัวเธอ
ก็ต่างมากันพร้อมหน้าพร้อมตา…นั่นจึงทำให้เธอที่่ห่างหายจากทุกคน
ไปหลายเดือนมีเรื่องมากมายให้ต้องคุยและถามไถ่คนโน้นคนนี้

โดยเฉพาะรสากับพี่นัทก็แพ็คคู่เดินทางมาด้วย…นั่นเลยทำให้เธอ
เพลิดเพลินจนลืมคนสำคัญอีกคนไป…

วาลาดาจึงเดินไปตามทางที่ลูกชายชี้ไป เพราะเชื่อในแววตาช่างสังเกตของเด็กๆ…
เวลาเธอลืมของอะไรไว้บางครั้งถามลูก ลูกก็เดินไปหยิบมาให้…

ความสะเพร่าของเธอถูกเติมเต็มด้วยลูกน้อยอยู่บ่อยคร้ัง…

ก่อนไปไม่วายจัดผัดไทกุ้งสดตักใส่จานกระดาษติดมือไปด้วยพร้อมน้ำหวานในแก้ว…

และเพราะชุดที่ค่อนข้างรุ่มร่ามพอปะทะกับลมทะเลอย่างจังทำให้
กระโปรงปลิวสยายจนต้องคอยระวังของที่ถืออยู่ในมือไม่ให้หกเรี่ยราดใส่ชุด…


ซุลก๊อตไนท์ที่หลบความวุ่นวายออกมาหาที่สงบนั่งรับลมอยู่ตรงข้างๆโขดหินใหญ่
ที่มีต้นไม้รกครึ้ม…มองดูเกลียวคลื่นกำลังม้วนตัวสวยงามซัดกระทบ
กับโขดหินเล็กใหญ่ตรงเบื้องหน้า ทำให้น้ำทะเลสาดกระเซ็นเป็นละอองเล็กๆ

“อยากให้วาอยู่ด้วยมั้ยก๊อต…” เสียงนั้นดังแหวกเสียงคลื่นเข้ามา
ทำให้คนที่กำลังอินกับบรรยากาศแห่งท้องทะเลสีครามหันมามอง
หญิงสาวที่อยู่ในชุดเจ้าสาวที่ตอนนี้โดนลมทะเลพัดสะบัดราวกับ
ภาพนางฟ้านางสวรรค์ที่กำลังโรยตัวลงมาจากฟากฟ้า
ต่างแค่นางฟ้าตนนี้กำลังตั้งครรภ์อยู่เท่านั้น…

คนที่กำลังงอนๆวาลาดาอยู่เลยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินหันกลับไปยังภาพท้องทะเลต่อ

“ใครน้า…ทำให้ก๊อตต้องระเห็ดระเหมานั่งทำมิวสิควิดิโออยู่ตรงนี้ได้”

ว่าพลางยื่นจานผัดไทในมือให้เขาพร้อมแก้วน้ำหวาน
หากคนที่กำลังงอนทำเป็นไม่รับรู้สิ่งใด วาลาดาเลยก้มลงหอมแก้มเขาทั้งสองข้าง

“กินหน่อยเถอะ…กินพร้อมกันสามคนก็ได้…” ไม่วายคะยั้นคะยอเขา
ที่เหมือนจะไม่ได้ยินเสียงเธอเลย วาลาดาจึงค่อยๆหย่อนบั้นท้าย
ที่เริ่มขยายตัวจากก่อนท้องนั่งลงบนผืนทรายสะอาดข้างๆเขา

ก่อนจะยกแก้วน้ำไปจ่อที่ปากเขา ให้รู้ไปสิว่าจะใจแข็งไปได้อีกกี่นาทีกัน
หากเขากลับไม่ยอมอ้าปาก วาลาดาเลยยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเสียเอง

“อ๊าา…หวานจริงๆ…” เสียงนั้นเริ่มยั่วคนที่กำลังงอนไม่เลิก…

เสร็จแล้วก็วางแล้วลงตรงโขดหินด้านหลังที่สูงเหนือศีรษะยามนั่งลงขึ้นไปนิดหน่อย
พิงกับหินอีกก้อนเพื่อไม่ให้มันล้ม

เขามาแอบนั่งรับลงทะเลอยู่ในซอกหินที่โอบล้อมรอบด้าน มีทางออกแค่สองทางคือ
ทางน้ำกับทางที่เธอเดินเข้ามาเท่านั้น เลยทำให้กว่าเธอจะหาเขาเจอ
ก็เหนื่อยแทบแย่…

แต่ที่ตรงนี้น่านั่งจริงๆน่ันแหล่ะ…เหมือนนั่งอยู่ในบ้านโขดหินยังไงก็ไม่รู้
คนที่นั่งอยู่ข้างๆก็เหมือนจะทำตัวคล้ายโขดหินเข้าไปทุกที

…ใช่เขาคนเดียวเสียเมื่อไหร่ที่มักจะหาเธอเจอเวลาเธอเลือกจะปลีกตัวจากผู้คน
เธอเองก็เหมือนจะมีเรดาห์จับทิศทางเขาได้อยู่เหมือนกัน
มันบอกไม่ถูกว่าเพราะอะไรทำไมถึงหาเขาจนเจอได้แบบนี้…

วาลาดาม้วนเส้นผัดไทยด้วยซ้อมแล้วยกขึ้นจ่อปากเขาอีกเป็นการยั่วน้ำลาย
แต่ก็ไม่เป็นผล เขาไม่สนใจมัน ไม่เป็นไร เธอกินเองก็ได้

ว่าแล้วก็จับยัดเจ้าเส้นผัดไทเข้าปาก แล้วม้วนต่อนำไปจ่อที่ปากเขาอีก
โขดหินที่หายใจได้ไม่ขยับเขยื้อน เธอเลยจับยัดมันเข้าปากตัวเองไปอีกคำ
เคี้ยวตุุ้ยๆๆอย่างเอร็ดอร่อย พูดยั่วคนไม่ยอมกินไปด้วย…

“อร่อยจัง…” คราวนี้หมายจะยั่วให้สำเร็จ เลยไปนั่งตรงหน้าเขา
ป้อนเส้นผัดไทไปจ่อให้ที่ปากเขาอีก…ตั้งใจว่าถ้าคราวนี้เขาไม่ยอมกิน
เธอจะเลิกง้อ พอกันที วาลาดาจ้องตาเขานิ่งขณะป้อนของกินให้เขา

“ไม่กินก็ไม่ต้องกิน…วากินเองก็ได้…กินให้หมดนี่แหล่ะ” ว่าแล้วก็
ยัดผัดไทเข้าปากคำแล้วคำเล่า เคี้ยวๆกลืน…จนปากมันแผล็บก็ยังไม่รู้ตัว

คราวนี้เส้นเริ่มติดคอ สำลักหน้าดำหน้าแดง…

คนที่มองอยู่เลยทนมองไม่ไหว งอนต่อไปไม่รอด ต้องรีบตบหลังเธอ
ให้สำรอกเส้นออกมา…น้ำหูน้ำตาไหลทีเดียวกว่าจะรอดปลอดภัย

ซุลก๊อตไนท์หยิบแก้วน้ำส่งให้คนที่หน้าดำหน้าแดงดื่ม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่าย
ไม่ยอมยื่นมือรับเขาเลยต้องป้อนให้ วาลาดาดื่มน้ำอย่างว่าง่าย

“กินมูมมามเหมือนตาหนูแบบนี้ไงเส้นมันถึงลำเลียงไม่ทัน…”

เขาบ่นว่าเสียงขรึมทีเดียว วาลาดาเลยตีต้นแขนเขาไปอย่างเจ็บใจไม่ยั้ง…

“แล้วดูสิ…แต่งหน้ามาซะสวย ปากมันแผล็บเชียว…” ว่าพลางหยิบ
ผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปากให้วาลาดาหลังจากที่มือนั่นหยุดตีเขาแล้ว

อยากทุบก็ทุบไป ใช่ว่าจะเจ็บเสียเมื่อไหร่กัน แรงอย่างกับมด…

“ไม่มีลิปมันประเทศไหนจะมันเท่าลิปมันยี่ห้อผัดไทแล้วล่ะ…”
วาลาดาได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับค้อนเขาตาพลิกตาคว่ำ

“คนทาก็ทาซะเกินขอบเขตของปากเชียว…” วิจารณ์เสร็จก็ส่ายหน้าไปมา
แล้วก็หยิบจานผัดไทที่เหลือขึ้นมากินด้วยความหิว

ก็เขายังไม่ได้กินอะไรเลย…ก่อนหน้านี้ก็มัวแต่ยุ่งวุ่นกับเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ได้ว่างเว้น
พอเริ่มงอนเจ้าสาวก็ลืมความหิวไป พอโดนยั่วน้ำลายจากเธอแบบซึ่งๆหน้า
น้ำย่อยมันก็เริ่มกลับมาทำหน้าที่ประท้วงใหญ่…

วาลาดามองคนกินผัดไทแล้วได้แต่ส่ายหน้า

“ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง…” พูดจบก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นที่เขาใช้
เช็ดปากให้เธอเมื่อครู่ขึ้นเช็ดปากให้เขาบ้างเมื่อเขาฟาดผัดไทเธอเสียเกล้ียง
ภายในไม่กี่นาที…คนกินจุอย่างเขาผัดไทแค่นี้เอาไม่อยู่แน่ๆ
แถมน้ำหวานที่เหลือเขาก็ยกดื่มรวดเดียวหมด…

ซุลก๊อตไนท์มองคนที่พยายามเช็ดปากให้เขาด้วยแววตาเป็นประกาย

ใช่ว่าจะหายหิว แต่เขารู้แล้วว่าจะทำยังไงให้อิ่ม…

ไวเท่าความคิด สองมือใหญ่ประคองใบหน้างามผ่องผุดผาด
แล้วโน้มหน้าลงประกบริมฝีปากกับกลีบกุหลาบอ่อนนุ่มตรงหน้าอย่างละเมียดละไม
หยอกเย้าด้วยการขบเปลือกปากล่างของเธอแล้วดึงก่อนจะบดเบียด
แนบชิดอีกครั้งอย่างดื่มด่ำ

วาลาดาจากที่เมื่อก่อนจูบไม่เป็นเลยก็เริ่มมีประสบการณ์จากการร่ำเรียนมาจากเขา
จึงตอบรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ…

เมื่อซุลก๊อตไนท์ผละออกมาวาลาดาจึงเอ่ยกับเขาว่า

“ต้องรอเวลาส่งตัวเข้าหอก่อนนะก๊อต…” ชายหนุ่มยิ้มบางใช้หัวแม่มือ
ไล้ไปตามริมฝีปากล่างของเธออย่างหลงใหลก่อนจะใช้หัวแม่มือกับนิ้วชี้
บีบริมฝีปากล่างของหญิงสาวเล่น…

“ก๊อตต้องกินข้าวถึงจะอิ่มรู้มั้ย…” วาลาดาบอกเขาให้เขาเลิกเล่น
อะไรที่จะเป็นการปลุกเร้าอารมณ์เธอ

“กินนางฟ้าแถวนี้ก็อิ่มได้เหมือนกัน…” เขาว่าก่อนจะก้มลงมาอีกครั้ง
วาลาดารีบหลบทันทีอย่างจังหวะ

“ไม่เอานะก๊อต…วาอายฟ้าดิน…”

“แค่จูบ…ไม่ต้องรอส่งตัวเข้าหอก็ได้นี่…” เขาว่าอย่างเอาแต่ใจ

“นะวานะ…” เริ่มส่งเสียงออดอ้อนอีกแล้ว ทีก่อนหน้านี้ล่ะทำเป็นงอน

“ไม่!” วาลาดาส่งเสียงเฉียบขาด เพราะรู้ว่าจูบเดียวไม่เคยพอ
แล้วเขาก็ชอบเถลไถล ห้ามก็ไม่ค่อยจะฟัง…

“เดี๋ยวพอเธอใกล้ๆคลอดกับตอนหลังคลอดมารวมกัน…ฉันก็คงต้อง
ถือศีลอดไปอีกหลายเดือนเลยนะ…” วาลาดาก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
ออกจะเข้าใจหัวอกเขา…เพราะในการเป็นภรรยา นอกจากจะต้องเข้าใจสามีแล้ว
ยังต้องอดทนอดกลั้นอย่างมากมายด้วย...เพียงแต่...

“ตรงนี้มัน…เอิ่ม…ไม่อ่ะ…วาว่ามันไม่เหมาะสม…วาไม่ใช่นางเงือกเกยตื้น”

ซุลก๊อตไนท์ยิ้มกว้างก่อนจะปล่อยมือทั้งสองออกมาแต่โดยดี…
วาลาดาส่งยิ้มให้เขาที่เขาแสนจะเข้าใจอกเข้าใจเธอ

หากยังไม่ทันไร เขากลับโฉบริมฝีปากลงมา คราวนี้มันดูดุดัน
และแฝงความเร่าร้อนเอาไว้…

วาลาดาที่ตั้งตัวแทบไม่ทันรู้สึกอ่อนระทวยไปกับลีลาปล้นจูบของเขา
ที่เข้าจู่โจมโดยไม่รู้ตัว…ฝ่ามือที่ยันแผ่นอกเขาไว้เริ่มเปลี่ยนเป็นยกขึ้น
ประคองใบหน้าเขาแทน ตอบรับความหวานล้ำจากเขาแล้วหยอกล้อ
ลิ้นอุ่นๆนั่นอย่างน่ารัก…

“ออดอ้อนแบบนี้เนี่ย…เดี๋ยวก็ได้กลายเป็นนางเงือกเกยตื้นจริงๆนะรู้มั้ย”

ซุลก๊อตไนท์กระซิบบอกเบาๆตรงขมับของวาลาดาเมื่อเขา
แนบแก้มกับเธอขณะโอบกอดเธอเอาไว้

...ไม่อยากรังแกคนท้องกลางแจ้งให้อายฟ้าดิน…

“ลมเย็นน่านอนจัง…” วาลาดาเปรยออกมาเบาๆ

“ก็นอนสิ…นอนบนตักฉันนี่แหล่ะ…ทรายที่นี่สะอาด…”

“วากลัวว่าชุดจะเสีย…”

“ไม่เสียหรอก ทรายออกจะละเอียด ไม่เชื่อลองนอนดู…” เขาบอก
พร้อมกับรั้งศีรษะเธอให้นอนลงบนตักของเขา…แม้จะมีผ้าคลุ้มเกะกะอยู่บ้าง
หากก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด

วาลาดาจึงนอนเหยียดขาโดยวางศีรษะไว้บนตักของเขา ส่วนเขาก็นั่งพิงโขดหิน
มองมาทางเธอไม่วางตา

“วาชอบที่นี่จัง…” วาลาดาบอกเขา

“ชอบก็อยู่ต่อ…”

“เขาจะให้อยู่เหรอ…”

“ทำไมจะไม่อยากให้อยู่…พี่รังเขาใจดีนะ…ยิ่งพี่สิ้นยิ่งใจดี…ฉันเอง
ก็อยากให้เธอได้อยู่พักผ่อนที่นี่จนกว่าจะคลอด…เพราะที่นี่มีทุกอย่างพรั่งพร้อม…
มีพยาบาลผู้หญิงทำคลอดด้วย…” วาลาดาช้อนตาขึ้นมองเขาพร้อมกับยิ้มกว้าง

“ต้องเป็นผู้หญิงสินะ…”

“ใช่…ครั้งก่อนที่เธอคลอดฉันก็ระบุว่าในห้องคลอดต้องมีแต่ผู้หญิงเท่านั้น…
ไม่งั้นฉันจะอาละวาดให้โรงพยาบาลแตก…”

วาลาดาแอบปลื้มเขาขึ้นมาอย่างไรก็ไม่รู้…เพราะเธอเองก็อายนะ
ถ้าจะให้ชายอื่นนอกจากเขามาล่วงรู้ความลับของจุดซ่อนเร้นในกายเธอ

“เหนื่อยม้ัย…เห็นวันนี้เดินแบกท้องทั้งวัน…” เขาถามอย่างอาทร

“หายเหนื่อยตั้งแต่ก๊อตถามแล้ว…มันหายไปเลย…”

“ถ้าเธอรู้จักจีบฉันแบบนี้ตั้งแต่ตอนมัธยมนะวา ฉันคงไม่คิดจะไป
หวั่นไหวหรือไขว้เขวกับใครให้เสียเวลาเสียความรู้สึกหรอก…”

“บ้าสิ…ถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าวาเปรี้ยวขนาดจีบผู้ชาย วาได้โดนลงหวายหลังลายสิ…
พ่อบอกว่า…ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว ผู้ชายเขาถึงจะให้เกียรติ ไม่มาดูถูกเอาง่ายๆ
แม้เกียรติมันจะกินไม่ได้ แต่มันจะช่วยรักษาคุณค่าให้กับตัวเรา…”

วาลาดายิ้มบาง เมื่อนึกถึงคำสอนของพ่อกับแม่ที่เฝ้าย้ำเตือนเธอในเรื่องนี้

“พ่อบอกว่า…คุณค่าของผู้หญิงไม่ได้อยู่ที่พรหมจรรย์อย่างเดียว
แต่อยู่ที่การรักนวลสงวนตัว…เพราะผู้ชายบางคนไม่ได้ให้ค่าของพรหมจรรย์
มากไปกว่าความยากง่ายในการได้ผู้หญิงคนหนึ่งมา…

แม่ม่ายบางคนยังดูมีคุณค่าที่น่าทะนุถนอมกว่าผู้หญิงโสดอีกมากมาย”

วาลาดาลอบถอนใจ เธอเองก็เคยคิดว่า ทำไมผู้ชายชอบแย่งแม่ม่ายกัน
ทั้งๆที่มีสาวโสดครึ่งค่อนโลกรอพวกเขาอยู่

หากคำพูดพ่อในวันวานยังคงฉายชัดอยู่ในใจเสมอ…
พ่อผู้ซึ่งสอนสั่งหวังให้ลูกสาวรอดพ้นปากเสือปากจระเข้และปากเหยี่ยวปากปู…
พ่อผู้รู้จักเพศเดียวกันกับท่านเป็นอย่างดี

“เพราะมีผู้หญิงมากมายพลีความบริสุทธิ์ให้ผู้ชายโดยที่ผู้ชายไม่ได้ใส่ใจ
อยากทะนุถนอมมอบความมั่นคงให้เธอเหล่านั้นเลย เพราะเห็นเธอ
เป็นเพียงแค่ครูผู้มอบประสบการณ์…เป็นแบบฝึกหัด เป็นลานจอดรถ
เป็นเครื่องระบายความใคร่ เป็นเพียงทางผ่าน เพื่อก้าวต่อไป…

พ่อเลยบอกวาว่า ถ้าเขาไม่มาขอแต่งงาน และยังไม่ได้แต่งงานกับเขา
อย่ายอมส่งเนื้อเข้าปากเสือเด็ดขาด…”

แล้วาลาดาก็ต้องหยุดเมื่อรู้ว่าพ่อเคยเสียใจและผิดหวังกับเธอแค่ไหน…

“แต่วาก็ทำให้พ่อแม่ผิดหวังจนได้…ตอนนั้นวาคงทำตัวแย่มากเลยใช่มั้ยก๊อต…”

“ก็เธอไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้รู้สึกตัว พอๆกับฉันที่ไม่มีสติพอจะยั้งตัวเอง
ตอนนั้นรู้เพียงแต่อารมณ์มันมาเต็ม…ไม่มีอะไรจะหยุดมันได้…”
ชายหนุ่มพยายามปลอบเธอ

“ก๊อตก็เลยดูถูกวาสารพัดเลย…ต่อว่าวาได้เจ็บแสบมาก…วาจำได้หมดนะจะบอกให้”

ใครบ้างจะลืมความทรงจำอันเจ็บปวดแบบน้ันได้ เพียงแค่วางเฉยและอภัย
ทำให้ไม่ได้นำมาใส่ใจครุ่นคิดให้จิตวุ่นวายก็เท่านั้น...

“ลืมๆมันไปบ้างก็ได้นะ…ฉันเองก็พูดไปเพราะเชื่อว่าเธอทำแบบนั้น
ด้วยนิสัยและสันดานของเธอเอง ไม่คิดนี่ว่าเธอจะถูกมารครอบงำ…”

“แล้วก๊อตเชื่อวาจริงๆเมื่อไหร่ตอนไหน…” ซุลก๊อตไนท์ยิ้มกว้าง…

เขาเองมั่นใจแล้วว่านาดีมเองก็คงรู้ว่าเขาหมดความเชื่อมั่นในตัวเธอตั้งแต่ตอนไหน
เพราะมันคือวันที่เขาเชื่อหมดใจว่านาดีมไม่ใช่นางฟ้า
ไม่ใช่เจ้าหญิงผู้บอบบาง น่าทะนุถนอม ไม่ใช่ผู้หญิงแสนดี
แต่เป็นนางมารร้าย มันคือวันที่...

“วันที่ได้อ่านการ์ดใบนั้นที่เธอเอามาให้…”

นั่นคือวันแห่งการคิดบัญชีย้อนหลัง วันที่เขาเริ่มวางแผนสิ่งต่างๆ…
วันที่เขาไม่คิดจะลดละเลิกที่จะจัดการกับผู้อยู่เบื้องหลังที่เขามั่นใจว่ามีมากกว่านาดีม…

เพราะเชื่อว่านาดีมไม่สามารถคิดการณ์ใหญ่แบบนั้นได้เพียงลำพัง
ในขณะที่ยังมีอายุไม่กี่ขวบปี…

และไม่ใช่แค่วางแผนแต่เขาได้ลงมือปฏิบัติตามแผนการณ์ต่างๆมาโดยตลอด…
ไม่เคยหยุดแม้แต่วันเดียว

มันไม่ใช่ความแค้นหรือทำเพื่อสนองความแค้น แต่เป็นเพราะเขา
ต้องการยุติความวุ่นวายทุกอย่างท่ีจะต้องมีมาเรื่อยๆอย่างไม่หยุดหย่อน

เขาหวังจะตัดไฟเสียแต่มันยังไม่ลามไหม้หมดทุ่ง…

อะไรที่เคยเสียหายไปก่อนหน้านี้แม้มันจะกลับไปแก้ไขได้ยากยิ่ง
แต่เขาก็มีวิธีที่พอจะช่วยบรรเทาความเสียหายเหล่านั้นให้ดูดีขึ้นกว่าเดิม…

“ฉันจึงต้องส่งการ์ดใบนั้นไปเตือนเขา…ให้เขาได้รู้ตัวไว้…
ว่าเขาจะต้องเจอกับอะไรต่อจากนี้…เพราะฉันไม่ชอบลอบกัด…
แต่อยากสู้กันในแบบที่ศัตรูก็รู้ตัวว่าฉันพร้อมที่จะสู้ยิบตาทีเดียว…”

วาลาดาผุดลุกขึ้นทันทีพร้อมกับหันมาจ้องมองซุลก๊อตไนท์

“ตายแล้ว…ก๊อตส่งการ์ดน้ันไปให้ดีมหรือ…ป่านนี้เขามิต้องวิ่งเต้นกันใหญ่แล้วหรือก๊อต…
ไปทำให้ไก่ตื่นแบบนี้ ระวังจะเจอดีเข้านะ ก๊อตอย่าประมาทผู้หญิง
เพราะว่า…เวลาผู้หญิงแค้นมันน่ากลัว…เธอสามารถทำได้ทุกอย่าง…
อย่างที่ผู้ชายก็อาจคาดไม่ถึง…”

“เธอถึงต้องช่วยฉัน…เราจะต้องช่วยกันเพื่อจะได้รอดไปด้วยกันนะวา”
ซุลก๊อตไนท์บอกวาลาดา

“เพราะนาดีมจะไม่มีวันยอมหย่าให้ฉันง่ายๆ เนื่องจากใบทะเบียนนั่น
คือไพ่ใบสุดท้ายที่เธอมีในมือตอนนี้…เธอไม่มีวันทิ้งมันง่ายๆหรอก…”

“ก๊อตจะฟ้องหย่าดีมหรือ…” วาลาดาเลิกคิ้วสูง เพราะเธอไม่สนับสนุน
ให้เขาทำแบบนั้น เนื่องจากมันจะส่งผลกระทบในหลายๆด้าน

“ไม่หรอก…เพราะคนที่จะฟ้องหย่าฉันคือนาดีมต่างหาก…”

“หา!”

“และเขาจะฟ้องเรียกค่าเสียหายกับเธอด้วย…” ซุลก๊อตไนท์เฉลยอีกนิด

“ทำไมล่ะ…วาทำไรผิดอ่ะ…” วาลาดาที่ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรผิด
ถามออกไปอย่างซื่อตรง ทำให้จอมวางแผนถึงกับยิ้มบาง

“ตามหลักกฎหมายแล้วนาดีมมีสิทธิ์ฟ้องหย่าฉันและสามารถเรียกร้องค่่าทดแทน
พร้อมค่าเสียหายทั้งจากฉันและจากเธอได้…

เพราะว่าเราสองคนไปละเมิดสิทธิอันชอบธรรมของเขาซึ่งเป็นภรรยา
ตามกฎหมายของฉัน…ยิ่งมีประจักษ์พยานว่าฉันกับเธอละเมิดสิทธิ์เขา
ด้วยการแต่งงานกันอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ มันยิ่งง่ายต่อการที่เขาจะหาเหตุ
เพื่อยื่นเรื่องฟ้องหย่าต่อฉันได้…แถมยังเรียกร้องค่าเสียหายต่างๆที่เขาอยากจะเรียกร้อง
ได้อีกเป็นหางว่าว…ทั้งจากฉันและจากเธอ…”

ซุลก๊อตไนท์บอกโดยหาได้สะทกสะท้านแต่อย่างใดไม่…

“แล้วทำไมตอนที่ดีมกับก๊อตแต่งงานกันทั้งที่วามีทะเบียนสมรสอยู่ในมือขณะนั้น
วาไม่เห็นจะเรียกร้องอะไรอย่างที่ก๊อตว่ามาเลยล่ะ…วายอมง่ายไปใช่มั้ยตอนนั้นน่ะ…”
อดไม่ได้ที่จะตัดพ้อต่อว่าตัวเองขึ้นมา

“ก็เธอไม่รู้ไม่ใช่หรือ…”

“จะหาว่าวาโง่ล่ะสิ…” ชายหนุ่มฉุดยิ้มที่มุมปาก

“เธอไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์และไม่ใช่คนโลภมากอยากได้โน่นได้นี่นี่นา…
เลยไม่ได้คิดหาวิธีการให้ได้น่ันได้นี่ทั้งๆที่เธอมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง…

และเธอก็แสนจะเบ่ือกับความยุ่งยากวุ่นวาย…ว่าแต่ถ้าเธอรู้เธอจะไปเรียกร้อง
ให้ศาลช่วยบังคับฉันกับนาดีมให้ชดใช้ค่าเสียหายให้เธอรึเปล่าล่ะ…”

วาลาดาสะบัดหน้าหวือ…แทบไม่ต้องคิดเลย…เธอไม่ทำแน่ๆ…เพราะ…

“วาไม่ทำหรอก…เพราะความเสียหายที่วาได้รับมันประเมิณค่าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ…
เรื่องเงินวาไม่ได้เดือดร้อน ถ้าวาเดือดร้อนเรื่องเงินก็เป็นอีกเรื่องนึง…อีกอย่าง…”

วาลาดากลืนน้ำลายลงคอให้กับเหตุผลที่แท้จริงในการยอมง่ายๆของเธอในครั้งนั้น
โดยแทบจะไม่เรียกร้องสิ่งใดๆจากใครเลย

“ตอนนั้นลึกๆแล้ววารู้สึกผิดต่อดีมด้วยส่วนหนึ่ง…และต่อแม่ก๊อตด้วย
เพราะอยากได้ลูกสะใภ้อีกคนมาทำหน้าที่ศรีสะใภ้

ที่สำคัญแม่ก๊อตยังบอกว่าก๊อตต้องการให้วาหย่าให้เพื่อคืนความชอบธรรมให้ดีมไป…
วาก็เลยไม่มีเหตุผลให้ต้องนอนกอดทะเบียนสมรสนั่นต่อไป…
ไม่รู้จะเอาชนะนาดีมไปเพื่ออะไรอีก… เพราะยังไงเขาก็ชนะไปแล้วเห็นๆ…”

วาลาดาหยุดเพียงนิดก่อนจะสบตาซุลก๊อตไนท์นิ่ง
เพื่อจะบอกความในใจของเธอในตอนนั้นกับเขาอย่างซื่อตรงว่า

“และเพราะวาทำผิดมาแต่ต้น…วามาทีหลัง…วาควรถอย…
และเพราะยังรักก๊อตอยู่มากเลยยังตัดใจถอยจนสุดทางไม่ไหว…
เลยยอมๆอยู่ในสภาพแบบนั้นไป…แม้ดูทำตัวไร้ค่าไร้ศักดิ์ศรีในสายตาคนอื่น
หรือแม้แต่ในสายตาตัวเองสักแค่ไหนก็ตาม…

แต่ในส่วนลึกแล้ว...วาอยากนอนกอดก๊อตมากกว่านอนกอดศักดิ์ศรีน่ะสิ…

ถ้าวาจะโง่และใจง่าย…วาก็โง่และใจง่่ายที่ตรงนี้แหล่ะ…
วายอมรับว่าวาก็แค่ผู้หญิงอ่อนแอ…ไม่ได้ใช้สมองกับเรื่องพวกนี้นักหรอก…”

ซุลก๊อตไนท์โอบศีรษะนั่นเข้ามาแนบอกเขาพร้อมกับบอกกับเธอว่า

“ฉันกับแม่รู้ดีว่าได้ทำร้ายเธอแค่ไหนในตอนนั้น…แต่เราต้องทำ
แม่ฉันเองก็เริ่มเอะใจแล้ว…ฉันเลยท้าให้แม่พิสูจน์เพื่อวัดใจนาดีม…
แม่ถึงยอมร่วมกับแผนการของฉัน…

แม่ฉันอาจเคยรังเกียจเธอนะวา แต่วันนั้น…ท่านมาบอกฉันในภายหลังว่า…
ท่านประทับใจเธอ…ค่อนข้างแน่ใจว่าเธอรักฉันจริง…แถมยังหาทางวางแผน
เพื่อไปสืบเรื่องราวในบ้านฉันอีก…แม่เลยเอาภาพนาดีมและอะไรๆที่เกี่ยวกับนาดีม
ที่ฉันเคยเก็บๆเอาไว้ในตู้ขึ้นมาวางโชว์์ยั่วตายั่วใจเธอ…เพื่อกระตุ้นด้านมืดของเธอ
ให้ออกมาแสดง แต่เธอก็ไม่แสดงมันออกมา…แม่ฉันบอกว่าเธอเอาชนะ
ด้านมืดของตัวเองได้…”

“แต่วาเสียใจมากนะก๊อต…ที่ก๊อตไม่มีรูปวาแม้แต่รูปเดียวเลย…
ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับวาเลยสักนิด…”

“ใครว่าฉันไม่มี…ฉันเก็บไว้เพียบเลย…แล้วฉันจะเอามาให้เธอดู”

คนฟังเริ่มใจชื้นขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะวกกลับไปยัง
เรื่องนาดีมต่อ เพราะเรื่องอื่นค่อยเคลียร์กันทีหลังได้อีก…เธอยังติดใจเรื่องนี้ไม่หาย

“แล้วทำไมก๊อตถึงมั่นใจว่านาดีมต้องฟ้องเราสองคน”

“ก็เพราะนาดีมมีทนายความมือดีที่เก่งเรื่องพวกนี้อยู่ในมือ…
ไอ้หมอนั่นไม่มีวันทิ้งประเด็นนี้ไปง่ายๆแน่…เขาจะได้ใช้ความสามารถ
และนาดีมก็จะมีลูกเล่นอีกมากมายงัดขึ้นมาเพื่อจะสังหารฉันกับเธอ…
พร้อมๆกับตีแผ่ให้คนในสังคมเชื่อว่าเขาถูกฉันกับเธอทำร้ายจิตใจอย่างแสนสาหัส…

ไม่เชื่อเธอก็คอยดูฤทธิ์เดชเพื่อนคนนี้ของเธอก็แล้วกัน
ฉันมั่นใจว่า…เขาวัวไม่ไปข้างหลัง…ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่
แต่ถ้าจะให้แน่ต้องดูที่ยาย…”

ชายหนุ่มมั่นอกมั่นใจว่าเขาคาดการณ์ไว้ไม่ผิด
เพราะประตูทุกบานสำหรับนาดีมถูกปิดตายหมดแล้ว
ทางที่จะไปได้สบายๆมีทางนี้แค่ทางเดียว…และเธอจะต้องเลือกใช้เส้นทางนี้
ในการเอาตัวรอดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย…

“แล้วก๊อตจะยอมให้เขาทำแบบนั้นหรือ…”

“ก็ต้องให้เกียรติในการต่อสู้ของคนอื่นบ้าง…” เขาว่าด้วยสีหน้าเรียบๆ
ไม่ได้มีแววทุกข์กังวลอันใด

“แล้วใจก๊อตจะไม่บอกวาเลยรึไงว่ามีแผนอะไรบ้าง หรือไม่ไว้ใจวา”

ซุลก๊อตไนท์ส่ายหน้า…ยกมือประคองใบหน้าของเธอ สบตาคู่นั้นนิ่ง

“ยิ่งกว่าไว้ใจ…แต่ไม่อยากให้กังวลใจ เธอกำลังท้อง ฉันไม่อยากให้เธอเครียด
การคลอดลูกเป็นทุกข์หนักและยากลำบากมาก…ถ้าเธอเครียด ลูกจะเครียดตาม
แล้วเขาจะออกมาจากท้องเธอยากขึ้น

ดังนั้น…เธอต้องผ่อนคลาย…วางทุกอย่างไว้ในมือฉัน…อย่าไปคิดอะไรให้มาก…”

ว่าแล้วเขาก็ก้มลงประทับริมฝีปากกับจมูกปลายแหลมลงบนหน้าผากวาลาดา

“บางครั้ง...การไม่รู้ย่อมดีกว่า…และปลอดภัยกว่า…”
แล้วเขาก็วางมือลงบนหน้าท้องของเธอ ลูบเบาๆไปมา

“ฉันอยากให้ลูกมีสุขภาพกายและใจที่ดีนะวา…เพราะเขาเป็นของขวัญล้ำค่าอีกชิ้น
ที่ฉันได้รับมา…และเธอคือผู้รักษา…นี่คือภาระหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่สำหรับเธอนะ…
เธอแบกไว้แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว...มากพอแล้วจริงๆ...”

เขายิ้มหวานละมุนก่อนจะรั้งตัวเธอเข้าไปกอด…




เมื่อกลับเข้ามาในงานอีกครั้งก็ใกล้ค่ำแล้ว…ทั้งสองเดินประคองกันมา
อย่างกะหนุงกะหนิง พาลทำเอาเจ้าของเกาะถึงกับอมยิ้มนึกถึงวันวานของตนขึ้นมา

และยังทำเอาคนอื่นๆถึงกับแซวว่าแอบไปฮันนิมูนก่อนส่งตัวเข้าห้องหอ

“ฉันกับวาเข้าหอมาเป็นปีๆแล้วรินทร์…คงจะไม่ตื่นเต้นเหมือนคู่อื่นๆ
...ใช่มั้ยครับพี่นุ…”

ไม่วายหันไปแหย่นุฮาที่ดูเหมือนจะไม่ยอมห่างกายเจ้าสาวของตัวเองเลย…

ซุลก๊อตไนท์ไม่เคยเห็นสภาพลูกผู้พี่เป็นเช่นนี้มาก่อนเลยสักครั้ง

…ท่าจะอาการหนักนะเนี่ย…

“อย่าทำมาพูดดี…ฉันกับนายยังมีเรื่องที่ต้องสะสางกันอีกเพียบ…”
นุฮาไม่วายคาดโทษ

“อย่าเพิ่งใจร้อนเลยพี่นุ…ผมให้พี่ได้เอาคืนสมใจแน่ แต่ขอต่อเวลาออกไปได้มั้ย…
ให้มารหมดอิทธิฤทธิ์ซะก่อน…” นุฮาได้แต่ลอบถอนใจ
ลูกไม้แบบนี้มันเคยงัดเอามาใช้กับเขาประจำ

“ว่าแต่…นี่ก็ได้เวลาส่งตัวเข้าหอแล้วนี่ จะมัวทำอะไรกันอยู่…เข้าหอครับเข้าหอ…”

คนเคยเป็นเจ้าบ่่าวมาแล้วสี่ครั้งส่งเสียงเชิญชวนเสียดังลั่นงาน
ทำให้แขกเหรื่อถึงกับหัวเราะครืน…ไม่เว้นผู้หลักผู้ใหญ่ในงาน
ที่คืนนี้มีห้องพักสำรองเอาไว้ทุกคนแล้ว…ส่วนผู้ประสงค์จะเดินทางกลับทันที
ก็จะมีเรือรับส่งเป็นช่วงๆ…และเท่าที่สังเกตดูแล้วผู้คนเริ่มบางตาลงเหลือเพียงญาติสนิท
ไม่กี่คนเท่านั้น…

“อ้อ…รินทร์…ฉันมีของขวัญวันแต่งงานให้นายด้วย…โทษทีที่ให้ช้าไป
แต่คิดว่านายน่าจะดีใจที่ได้เห็นมัน…” ว่าแล้วก็เดินผลุบหายเข้าไป
ในบ้านพักส่วนตัวของเขาในเกาะนี้…แล้วเดินกลับมาพร้อมสิ่งที่อยู่ในมือ
ก่อนจะยื่นส่งมันให้วารินทร์

“กล้องถ่ายรูปเนี่ยนะ…” วารินทร์รู้ดีว่าเพื่อนเก่าเพ่ือนแก่อย่างซุลก๊อตไน์
ชอบสะสมกล้องถ่ายรูป แต่ไม่คิดว่ามันจะซื้อกล้องถ่ายรูปให้เขาเป็นของขวัญวันแต่งงาน

“เปิดดูอะไรๆข้างในซะก่อน…” เมื่อวารินทร์เปิดเข้าไปดูภาพที่ถูกเก็บบันทึกไว้
ในกล้องตัวนี้ โดยเฉพาะภาพวิดีโอเคลื่อนไหวที่มีเขากับนาดีมเป็นพระ-นางของเรื่อง
ที่กำลังแสดงฉากอัศจรรย์กันอยู่บนแคร่ภายในห้องที่มีแสงสลัวราง หากภาพทุกช็อต
มันกลับชัดเจน ทำเอาวารินทร์ถึงกับเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าจะมีอะไรแบบนี้ด้วย…
ไม่คิดเลยว่าภาพวันนั้นจะถูกบันทึกเอาไว้ด้วยซ้ำไป

เขาเงยหน้าจากภาพขึ้นมองซุลก๊อตไนท์อย่างไม่คาดคิด

“ถึงกับอึ้งไปเลยรึ…โทษทีนะที่ฉันเสียมารยาทดูมันไปแล้วด้วย…
แต่ฉันไม่ได้ก๊อปปี้มันเอาไว้ในที่ใดๆของโลกนี้…และยังไม่มีใครได้เห็นเพิ่ม
จากฉันหรือได้ก๊อปปี้มันด้วย…นายจะเก็บไว้ดูเล่นหรือจะลบไปก็ได้นะ
ฉันยกมันให้นายแล้ว…" คนพูดหยุดนิดนึงเพื่อย้ำหนักในประโยคถัดมาว่า

"ส่วนกล้องตัวนี้ถ้านายอยากคืนให้เจ้าของเขา...นาดีมคงดีใจสุดๆถ้าได้รับมัน
จากมือของนาย…และนายควรจะไปคืนเจ้าของเขาซะ…
เพราะเหมือนมันจะเป็นสาเหตุหลักๆให้เขาเข้าไปนอนอยู่ในไอซียู…”

วารินทร์จ้องซุลก๊อตไนท์นิ่งทีเดียว ไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณมันหรือตั๊นหน้ามันดี…

“ใช่ค่ะ…ต้าจำได้แล้ว…วันนั้นเหมือนเขาจะคว้าอะไรติดมือไปด้วย
ต้าไม่แน่ใจว่าใช่กล้องหรือเปล่า…” อานิต้าแทรกขึ้นมาเหมือนจะนึกได้
ทำเอาวารินทร์ถึงกับหันมามองภรรยาอย่างเอาเรื่องเลยทีเดียว

“นี่เมียนายก็ได้เห็นภาพนี้แบบสดๆเลยรึรินทร์…โธ่…เรื่องมันไม่น่าจะเศร้าขนาดนี้”

คราวนี้วารินทร์แน่ใจแล้วว่าเขาอยากตั๊นหน้ามันมากกว่าจะเอ่ยขอบคุณมัน…
ก่อนจะให้นึกสงสัยขึ้นมาตะหงิดๆ

“แล้วทำไมนายไม่ใช้มันต่อรองให้นาดีมหย่ากับนาย…เพราะฉันคิดว่า
นายคงอยากได้ใบหย่าจากนาดีมอยู่นะ…หลักฐานชิ้นนี้มันช่วยนายได้
อย่างไม่ต้องสงสัย…” คนถูกถามคลี่ยิ้ม

“เอาเพื่อนไปขายมันไม่เจริญหรอกน่า…” และน่ันทำให้วารินทร์
คิดได้แล้วว่่าเขาควรจะ…

“ขอบใจนายมากนะที่ช่วยเก็บมันมาให้ฉัน…” ว่าแล้วก็รีบลบภาพนั้นทันที
โดยไม่คิดจะดูซ้ำสองให้เสียลูกกะตา…

“แล้วฉันจะเอามันไปคืนเจ้าของด้วยมือฉันเอง…”

วารินทร์บอกเสียงหนักแน่น แววตานิ่งลึกยิ่งนัก…

"ใส่เกราะกันกระสุนไปด้วยน่าจะดีนะ..." ไม่วายสัพยอกวารินทร์
ทำเอาวารินทร์ได้แต่ยืนแค่นยิ้มออกมา ก่อนจะรู้โล่งใจที่ไม่มีอะไรแบบนี้
มาคอยกวนใจเขาอีกต่อไป เว้นแต่อานิต้าเท่าน้ัน...เขาไม่แน่ใจ
ว่าเธอจะซีเรียสกับอะไรแบบนี้แค่ไหน...แม้เขาจะยังไม่ได้เสียตัว
และความบริสุทธิ์ให้นาดีมก็ตาม

“อ้าวพี่นุ…ทำไมไม่พาบัวเข้าห้องหอ…มารอคู่ผมกับคู่นายรินทร์อยู่ทำไม…”

ซุลก๊อตไนท์เสร็จธุระจากวารินทร์ที่ยืนเคียงกันกับอานิต้าที่ปลีกตัวออกมา
ให้ห่างจากผู้คนเพื่อเคลียร์ธุระส่วนตัว แล้วหันกลับไปหมายจะจูงมือวาลาดา
ที่ยืนห่างออกไป ก็พบว่านุฮากับอะสุเซน่ายังไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเลย

“ก็ผู้ใหญ่เขาอยากให้ไปพร้อมๆกัน…” นุฮาบอกออกไปทั้งๆที่พยายาม
ซ่อนความอายเอาไว้ไม่น้อย ในชีวิตไม่เคยอายขนาดนี้มาก่อน
ไอ้ก๊อตมันช่างหาเรื่องแกล้งเขาได้ตลอดจริงๆ อย่าให้ถึงทีเขาบ้างก็แล้วกัน

“งั้นโทษทีพี่…ที่ทำให้เสียเวลาอันเป็นส่วนตัวไปหลายนาที…ไป…เข้าหอกันเถอะเรา…”

ว่่าแล้วก็ชวนกันเข้าที่พักเสียที

วารินทร์ได้แต่ส่ายหน้าให้ซุลก๊อตไนท์…เขาเชื่อแล้วว่ามันคือ 'ก๊อตซิลลา'
ที่ส่งข้อความไปหาเขาเพื่อเชิญเขามาร่วมงาน

…มันเข้าใจเอาชื่อสัตว์ประหลาดตัวนี้มาเป็นนามแฝง…ดูสมน้ำสมเนื้อดีทีเดียว






............โปรดติดตามตอนต่อไป...............


จอมโจรขโมยซีน ปะทะ กับก๊อตซิลลานะรอบนี้...ฮ่าาาา



ใครเป็นพระเอกก็รู้ๆกันอยู่...คนไม่ใช่เลยต้องหลบ...อิอิ

มาดูกันต่อว่าแผนของมารจะใช่อย่างที่ก๊อตสันนิษฐานไว้รึเปล่า...

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามค่ะ ขอบคุณทุกๆไลค์ที่กดให้กัน
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์ที่เป็นกำลังใจให้เต่า...^^



มาให้เช้าตรู่ เพราะเต่่าขาสั้นปั่นช้า...อิอิ



......ตอบเมนท์จ่ะ.........


1.คุณร้อยวจี...มาต่อให้กันแล้วจ่ะ...และทิ้งให้ลุ้นต่อ อิอิ

2.คุณcoonX3...บุคคลสำคัญอย่างแขกรับเชิญกิติมศักดิ์ยังมีอีกค่ะ
บุคคลที่ว่านี้สำคัญมากทีเดียว...อิอิ

3.คุณkonhin...ก๊อตห่วงสวัสดิภาพของลูกเมียและอีกหลายชีวิตอ่ะจิ
เลยต้องพามาแต่งกันที่เกาะรังรักอ่ะค่ะ...อิอิ...
ตอนนี้มารใกล้จะทิ้งไพ่ใบสุดท้ายแล้วค่ะ
ปล.ปกติโยจะอัพนิยายหลังเที่ยงคืนน่ะค่ะ นอกเสียจากว่ามันติดพันจน
ปั่นช้าเลยร่นเวลาไปเป็นในเวลาอื่นๆแทน...เฮะๆ

4.คุณพัชรี...โยย้อนอ่านคอมเม้นท์คุณพัชรีในตอนอื่นๆที่ทิ้งไว้ให้อ่านแล้วนะคะ
เลยทำให้รู้ว่า...พี่นุมีแฟนคลับแล้ว...ฮ่าๆๆๆๆ พี่นุแย่งซีนก๊อตอ่ะ...
เพราะคาแรกเตอร์พี่แกคือ อบอุ่น น่ารักนิดๆ อารมณ์ดี ซื่อตรง ใจเด็ด
ไม่เจ้าเล่ห์แสนกลเหมือนอิตาก๊อต คือนิสัยคล้ายๆหญิงวา เพียงแต่ไม่ได้
โลกสวยเหมือนวาเท่านั้นเอง...ไม่แปลกน้าาา ถ้าจะมีใครตกหลุมรักพี่นุแกบ้าง
ว่าแต่...ก๊อตล่ะคะ...วารินทร์ไรงี้ พอจะมีเศษใจเหลือไว้ให้สองหนุ่มนี้บ้างรึเปล่า ^^


5.คุณnapt...ตอนนี้โยมาให้ค้างต่ออีกนิด...ฮ่าาาา
ร้านสุดทางรักอยู่ในคานน้อย คอยรักอ่ะสิคะ...ยังไม่เห็นว่าเขาจะปิดรับสมัคร
สมาชิกน้าาาาา...มีรับสมัครสมาชิกคานอยู่ตลอดเลย...ตกจากคาน
เมื่อไหร่ก็มีบริการจัดงานแต่งให้ด้วย...อิอิอิ


6.คุณPat...นอกจากพี่นุจะชอบแย่งซีนก๊อตแล้ว...ยังมีจอมโจรขโมยซีน
อีกคนที่โผล่มาเป็นพระเอกของงานอีกค่ะ...ก็เงาะนี่น้าาาาา...อิอิอิ
เรื่องค่าตัวนี้ขอบอกค่ะว่า งบเริ่มบานแล้ว...แต่ละคนที่มาก็อยากจะเด่น
เกินหน้าเกินตาพระเอกเต่ากันทั้งน้านนนน...ต้องปาดเหงื่อให้ก๊อตกันเลย...
นี่ยังเหลืออีกสองสามท่านที่กำลังต่อรองอยู่ค่ะว่าจะยอมเข้าฉากให้มั้ย...อิอิอิ
อันนั้นเขาค่อนข้างมีระดับ เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอ่ะค่ะ...อิอิ


7.คุณPampam...ยังพอมีดารามาร่วมสมทบกันอีกคับคั่ง...นั่งนับดูดีๆนะคะ
เพราะยังเหลืออีกหลายตอนกว่าจะจบ...อิอิอิ ถ้าไม่กลัวว่าคานจะหักเนี่ย
เต่าจะยกมาทั้งเรื่องเลย...ฮ่าาาาา

8.คุณmhengjhy...หายไปเลยอ่ะ...เต่าก็ว่าหายไปหนายยยย...
ขอบคุณค่ะที่เข้ามาส่งเสียงให้เต่าได้รับรู้ในเรื่องนี้ด้วย...
ว่าแต่...ก๊อตล่ะคะ...ไม่มีใครอยู่ข้างก๊อตเลยหรือคะ...
โธ่...สงสารก๊อตจัง มีแต่คนเข้าข้างพี่นุ...อิอิ

9.คุณตุ๊งแช่...จอมโจรขโมยซีนมาอีกแล้วค่ะ...มาอีกแล้ว...
มาเพื่อแย่งซีนก๊อตกับพี่นุโดยเฉพาะ...เหอๆ

ว่าแต่ที่ลุ้นให้รีบส่งตัวเข้าหอนั้น คงไม่ใช่ว่ากำลังลุ้นคู่ก๊อตชิมิ
แบบว่า...คู่น้ีฟิลลิ่งมันคงไม่ใช่แล้ว เพราะคงต้องไปลุ้นว่าเมื่อไหร่จะคลอดแทน..เหอๆ
เต่ารู้น้า...ว่าลุ้นคู่พี่นุกะบัวอยู่...อิอิ

ส่วนนามสกุลมารแต่ละอันช่างหน้าเอาไปต่อท้ายนาดีมเสียนี่กระไร...
โดยเฉพาะมารซึมลึกเนี่ย...มันทำให้เต่านึกถึงแผ่นผ้าอนามัยไงก็ไม่รู้สิ
แบบว่า กันซึมเปื้อนจากด้านข้าง ทำให้ซึมลึก...เหอๆๆ
แหม...นาดีมกับผ้าอนามัยมันไม่น่าจะจิ้นไปทางเดียวกันได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ

มะกรูดต้นนั้นอายุมากไปรึเปล่า...ถ้าอายุมากไปมันก็ไม่อยากคลอดลูกแล้วนะคะ
แบบว่าคลอดไม่ไหว ไม่มีแรงเบ่งไรงี้ ต้องมะกรูดสาวๆค่ะ...อายุยังไม่มาก
รับรองว่าให้ผลดกเกินคาด...แถมหนามก็แหลมยาวสุดยอด ทิ่มตำผู้ท่ีคิด
จะไปสอยลูกมัน...นั่นก็เป็นอีกหนึ่งในการแสดงออกถึงความหวงลูกมันด้วยหนา ฮ่าๆๆๆๆ

บัวก็เป็นผู้หญิงน้าาาา...มานก็ต้องมีเขินบ้างจิ...
โดนพี่นุจีบขนาดนั้นไม่เขินได้อย่างไรไหว อิอิอิ

ปล.ถึงบ้านเต่าจะมีผู้ชายเยอะกว่าผู้หญิงหลายเท่า
แต่ผู้หญิงเสียงดังกว่าค่ะ...(เสียงร้องนะคะ) ^o^
เวลาตีกันทีไร ผู้หญิงเสียงดังตลอด เพราะฝั่งผู้ชายชอบแหย่ ส่วนฝั่งผู้หญิงก็ขี้แย
แหม...ลงตัวมาก...คนที่ปวดหัวมิใช่ใคร
นอกจากเหล่าผู้ชมและคณะกรรมการกลาง อิอิอิ

10.คุณแว่นใส...ไปเที่ยวได้ตลอดเลยค่ะ หมอรังกับสิ้นรักไม่ว่า...
สำหรับสมาชิกคานน้อย...อิอิอิ

11.คุณคนเหงา...สองแม่ลูกรู้เอาก็วันงานแล้วค่ะ ถึงอยากจะมาก็มาไม่ทัน
หรือต่อให้มาทันก็ไม่มีทางได้เข้าเกาะค่ะ...เกาะเขามีเซ็นเซอร์มารได้น้าาาา อิอิ
ประกาศสงครามพร้อมรบแล้วค่ะ...แล้วแต่ว่าใครจะงัดอะไรออกมา...^^

12.คุณyapapaya...ตาก๊อตยังมีกองหนุนอีกใช้ได้ทีเดียวค่ะ...
ส่วนฝ่ายพญามารก็คงไม่ยอมน้อยหน้า (แหม ฟังๆดูเหมือนเรากำลังพูดเรื่อง
หนังจีนกำลังภายในเลยอ่ะ...) อิอิ




.


..........ขอให้สุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้านะคะ................

"เต่าโย"




yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 เม.ย. 2558, 05:30:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ค. 2564, 15:32:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 3512





<< บทที่ 47 วันวิวาห์มหาชน (50%)   บทพิเศษ Chapter 2 >>
Pampam 20 เม.ย. 2558, 07:58:40 น.
ตอนนั้นยังสงสัยอยู่เลยว่าใครที่ขโมยกล้องไป ดีใจที่เป็นก๊อต ไม่อย่างนั้นวารินทร์ได้ซวยอีก
ถูกต้องแล้วค่ะลุ้นคู่พี่นุกับบัว เพราะคู่ก๊อตกับวาเขาไปไหนถึงไหนกันแล้ว


konhin 20 เม.ย. 2558, 08:14:35 น.
โหหหห ตั้งใจจริง นะเนี่ยแผนนี้ รอดูค่ะ ว่ามารจะตกหลุมเดินตามแผนหรือเปล่า ในเมื่อวางแผนล่อ เชื่อว่าต้องมีกล้องอัดไว้ตอนพยายามเผา?? แบบว่าส่งข้อมูลผ่าน wifi ไปเก็บไว้อีกที่ ยังไงก็มีแบ็คอัพ เอาน่า เค้าเชื่ออออว่าก๊อตแผนสูง
ปล ไม่รู้ว่าจะรู้ทันได้ทุกแผนหรือเปล่า เค้าเดาได้แค่นี้


แว่นใส 20 เม.ย. 2558, 08:19:03 น.
มีฉากหวานเป็นระยะเลยนะ


ร้อยวจี 20 เม.ย. 2558, 08:59:21 น.
สุดยอดเลย ขอยกนิ้วให้


ตุ๊งแช่ 20 เม.ย. 2558, 09:24:32 น.
ไปถึงผ้าอนามัยได้ไง

ต้นมะกรูด ปีเดียวเองงง แก่ซะแล้ววว

ก๊อตซิลลา ก้เถอะ ยังไงก็แพ้ทาง ก๊อตวาลี่...


yapapaya 20 เม.ย. 2558, 11:09:31 น.
พาเงาะป่ามาเข้าฉากด้วย เจอแล้วจอมโจรขโมยกล้อง ฮิฮิ หลักฐานสำคัญซะด้วย มารจะเดินตามแผนก๊อตซิล่าหรือเปล่าติดตามขมกันยาวๆ รอลุ้นกันต่อไป


coonX3 20 เม.ย. 2558, 11:40:13 น.
ฮาได้อีก มาดูต่อว่าแผนจะสำเร็จมั้ย


พัชรี 21 เม.ย. 2558, 08:37:44 น.
เจ้าเงาะวารินทร์ เราก็ชอบนะ ก็อตก็น่ารัก
แต่พี่นุน่ารักที่สุดอ่ะ เข้ากะหนูบัวจริงๆ
จริงแล้วนาดีมเป็นคนน่าสงสารนะ มีแม่เป็นแบบอย่างแบบนี้.......เราพยายามเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเท่าทึ่จะทำได้นะ เห็นชัดมากว่าลูกทำตามแบบเราทุกอย่างจริงๆ ตัวอย่างง่ายๆคือเธอจะไม่ทำอะไรเลยวันหยุด จะเป็นแบบชุดนอนชุดเที่ยวชุดเดียวกัน ซึ่งตอนเล็กๆไม่ใช่แบบนี้เลย เห็นแม่เอาแต่นอนตลอดตอนวันหยุดไง


napt 21 เม.ย. 2558, 15:10:50 น.
พี่นุกลายเป็นหนุ่มขี้อายซะละ 55
ลุ้นสองคู่เลยนะ ว่าจะหวานกันอีท่าไหน คู่ก๊อตไม่ห่วงเรื่องความหวานละ 555
รอดูวิถีมาร จะจัดอะไรมาสู้


หนูน้อยผู้โดดเดี่ยวคนหนึ่ง 20 ส.ค. 2565, 21:29:32 น.
แงงง ไรท์คะะ กลับมาอัพต่อได้แล้วนะคะ รอมาหลายเดือนแน้ววววว คิดถึงตาหนูจะแย่แล้วค่าไรท์ แหะๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account