ป่าหนาวไม่หนาวรัก
ความรักช่างเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ได้สบตากันครั้งแรก
นายหัวหนุ่มแห่งป่าหนาวพยายามบอกหัวใจตัวเองมาตลอดเวลาทุกครั้งที่ได้เจอหน้าเธอว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะรักใครได้อีกแล้วเพราะทั้งหัวใจตอนนี้มีเพียงแค่ปรายฟ้าคนเดียวเท่านั้นถึงแม้แฟนสาวได้จากเขาไปแล้ว หมอเคียวเพียงได้สบตานายหัวหนุ่มราวกับมีประกายไฟแล่นเข้าสู่ร่างกายเธอทันที ความรักทำให้เธอเข้าไปพัวพันกับการตายของปรายฟ้า และเหตุการณ์ครั้งนั้นนั่นเองผูกความสัมพันธ์ของเขากับเธอให้แน่นยิ่งกว่าเดิม เธอจะทำอย่างไรเมื่อเจอกับปัญหาใหญ่หลวง และเขาจะทำอย่างไรเลือกความรักครั้งเก่า หรือเลือกหัวใจตัวเอง
นายหัวหนุ่มแห่งป่าหนาวพยายามบอกหัวใจตัวเองมาตลอดเวลาทุกครั้งที่ได้เจอหน้าเธอว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะรักใครได้อีกแล้วเพราะทั้งหัวใจตอนนี้มีเพียงแค่ปรายฟ้าคนเดียวเท่านั้นถึงแม้แฟนสาวได้จากเขาไปแล้ว หมอเคียวเพียงได้สบตานายหัวหนุ่มราวกับมีประกายไฟแล่นเข้าสู่ร่างกายเธอทันที ความรักทำให้เธอเข้าไปพัวพันกับการตายของปรายฟ้า และเหตุการณ์ครั้งนั้นนั่นเองผูกความสัมพันธ์ของเขากับเธอให้แน่นยิ่งกว่าเดิม เธอจะทำอย่างไรเมื่อเจอกับปัญหาใหญ่หลวง และเขาจะทำอย่างไรเลือกความรักครั้งเก่า หรือเลือกหัวใจตัวเอง
Tags: รักหวานแหวว แววตาซึ้ง ๆ
ตอน: บทที่ 13-14
บทที่ 13 เมื่อหัวใจแทบสลาย
ดวงตาคมเข้มค่อย ๆ กระพริบเล็กน้อยเพื่อปรับระดับสายตาตัวเองให้เข้ากับแสงไฟที่กำลังสาดส่องทั่วห้องรับแขกของบ้านใหญ่ในขณะนี้ คิ้วเรียวเข้มค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกเจ็บที่มุมปากของตัวเอง พนาพรรษยกกายตัวเองขึ้นนั่งพร้อมกับยกมือขึ้นจับบริเวณที่ปวดตุบ ๆ แล้วกุมศีรษะตัวเองเอาไว้ มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ทำไมเขาถึงได้มานอนตรงนี้ แล้วทำไมพวกคนพวกนี้ถึงได้มาอยู่ตรงนี้ได้ ดวงตาค้มเข้มค่อย ๆ ปราดไปมองผู้คนที่อยู่รอบข้างที่ละคน ๆ ราวกับคิดตรองแล้วไปหยุดที่ต้นน้ำ ซึ่งยืนขึ้นเหมือนรับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ต้นน้ำค่อย ๆ ถอยออกไปหนึ่งก้าวเพื่อตั้งหลักเมื่อเห็นดวงตาคมเข้มของเพื่อนรักค่อย ๆ เบิกกว้างขึ้นเมื่อนึกถึงสถานการณ์ก่อนหน้านั้นออก
“เคียวหล่ะ ไอ้น้ำ เคียวอยู่ไหน มีใครออกไปช่วยเคียวหรือยัง”
ผิดคาด ต้นน้ำคิด นึกว่ามันจะพุ่งเข้าใส่เขาอย่างเต็มที่ ที่ไหนได้มันถามหาคุณเคียวก่อนเป็นอันดับแรก
“ฉันรอแกอยู่ ตอนนี้พายุสงบแล้ว เราจะออกไปตามหาคุณเคียวกะ....”
ต้นน้ำยังพูดไม่ทันจบประโยคดีร่างสูงก็โผเผออกไปจากบ้านวิ่งไปที่ท่าเรืออย่างรวดเร็วจนต้นน้ำ บุษราลัลน์ วิทวัส และมนัญญาที่เพิ่งทราบเรื่องวิ่งตามออกไปแทบไม่ทัน ร่างสูงของนายหัวกระโดดลงเรือที่จอดรอไว้ก่อนหน้านั้นแล้วอย่างเร่งรีบก่อนจะขับออกไปโดยที่ไม่ฟังเสียงตะโกนเรียกของบุษราลัลน์กับต้นน้ำเลย
“ป่าคะ บุษไปด้วย ป่า ป่าคะ”
บุษราลัลน์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะกระโดดลงเรือไปพร้อมกับวิทวัส มนัญญา และต้นน้ำที่ลงไปก่อนหน้านั้นแล้ว ลุงหวานกับลูกเรืออีกสามสี่คนลงเรืออีกลำแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อตามนายหัวหนุ่มของตัวเองไป
ความมืดรอบตัวและความหนาวเย็นจากลมทะเลทำให้ร่างบางที่ขยับตัวอย่างปวดร้าว ศีรษะเธอปวดแทบยกไม่ขึ้น เธอกำลังเป็นไข้ ขวัญพรรษค่อย ๆ ขยับร่างของตัวเองขึ้นนั่งแล้วกวาดสายตาไปรอบข้างอย่างหวาดกลัว เธอยังไม่ตายหรือนี่ หญิงสาวคิดถึงเรื่องก่อนหน้านั้นเธอหมดสติไปกลางทะเลหลังจากนั้นเธอก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลยจนตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหนาวเย็นปวดร้าวทั้งตัวแบบนี้ ร่างบางค่อย ๆ พยุงตัวเองขึ้นมาก่อนจะมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง แสงจันทร์ในคืนเดือนหงายช่วยให้เห็นทางเดินได้บ้างแม้จะเพียงลาง ๆ ก็เถอะ คุณหมอคนสวยมองไปตามทางเดินเล็ก ๆ ซึ่งน่าจะมีคนเดินไว้เป็นประจำเพราะมันเห็นเป็นแนวได้อย่างชัดเจน หญิงสาวตัดในใจเดินไปตามทางเดินเล็ก ๆ นั่น เธอต้องไปจากตรงนี้ก่อน มันไม่มีที่ซ่อนตัว และไม่น่าจะปลอดภัยถ้ามีใครที่ไม่รู้จักผ่านเข้ามา ถึงแม้มันจะเป็นที่ส่วนตัวก็เถอะ แต่ถ้ามีใครที่เธอไม่รู้จักมันอาจจะเป็นอันตรายสำหรับเธอได้ร่างบางเดินไปตามแนวทางที่เห็นรางเลือนนั้นอย่างช้า ๆ ทางที่ค่อย ๆ ชันขึ้นไปตามไหล่เขา หรือว่ามันจะเป็นทางที่ขึ้นไปยังอัฐิของปรายฟ้าเหมือนที่บุษราลัลน์บอกเอาไว้ หญิงสาวรัดอ้อมกอดของตัวเองแน่นเข้าอีกนิดเมื่อลมหนาวพัดผ่านร่างบางที่หนาวสั่นอยู่แล้วให้สั่นไปกว่าเดิมอีก ปากบางนั้นสั่นนิด ๆ เมื่อต้องกับสายลม คุณหมอพยายามฝืนร่างกายตัวเองให้เดินไปตามทางนั้นที่เห็นอย่างลางเลือน เวลาผ่านไปนานขนาดไหนเธอไม่อาจทราบได้ รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เธอเดินขึ้นมาจนสุดยอดเกาะหนาวแล้วก็ว่าได้เพราะตอนนี้เธอสามารถมองเห็นทะเลกว้างขนาดใหญ่ได้ถนัดตา แสงไฟจากเรือดวงเล็ก ๆ นั้นทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างยินดี มีคนมาตามหาเธอแล้ว หรือเธอจะลงไปข้างล่างดี แล้วถ้าไม่ใช่คนของเกาะหนาวหล่ะ ริมฝีปากที่ยิ้มอยู่เมื่อสักครู่หุบลงฉับพลัน ป่านนี้แล้วพี่ป่าจะรู้หรือเปล่าว่าเธอหายไป บุษราลัลน์จะบอกเขามั้ย เขาจะเป็นห่วงเธอมั้ยหรือว่าความโกรธเคืองเรื่องสวนนกทำให้เขาไม่สนใจเธอ ปล่อยเธอให้เผชิญชะตากรรมอย่างนี้เพียงลำพัง
“พี่ป่าจะโกรธเคียวขนาดนี้เลยหรือคะ”
เสียงสั่น ๆ ดังแผ่วเบาราวกับกลัวว่าถ้าเธอพูดแรงกว่านั้นใครบางคนจะได้ยินแล้วตอบกลับเธอมาด้วยคำตอบที่เธอกลัวแสนกลัว ดวงตากลมโตแดงก่ำขึ้นมาทันทีพร้อมกับน้ำตาที่คลอปริ่มดวงตากลมโตคู่นั้น สายตาหวาดกลัวค่อย ๆ กวาดสายตาไปรอบ ๆ ข้างแล้วต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นเจดีย์สีขาวสะอาดตาตั้งอยู่ที่ปลายยอดเขาแห่งนั้นด้านหลังเป็นป่ารกชัฎ รูปภาพขนาดเล็กครึ่งกระดาษเอสี่ของหญิงสาวคนหนึ่งติดไว้ตรงกลางเจดีย์ ขวัญพรรษค่อย ๆ เดินไปหยุดตรงหน้ารูปภาพนั้น ก่อนจะค่อย ๆ ทรุดนั่งลงกับพื้นดินที่ชื่นไปด้วยน้ำฝน
“คุณฟ้าหรือคะ เคียวเองนะคะ เคียวขอโทษที่ทำให้ของรักของคุณฟ้าตายหมด เคียวไม่รู้จริง ๆ ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เคียวยืนยันกับคุณฟ้าได้เลยว่าไม่ใช่เพราะเคียวแน่ ๆ แต่มันต้องมีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เคียวไม่รู้ว่าใคร คุณฟ้าจะโกรธเคียว เกลียดเคียวก็ได้ ถ้าคุณฟ้ารู้ว่าเป็นใครขอให้คุณฟ้าดลใจเคียวให้จับคนร้ายได้สักที แล้วอีกเรื่อง...เคียวขอโทษ แต่เคียวรักพี่ป่าจริง ๆ เคียวอยากดูแลพี่ป่า ไม่อยากให้พี่ป่าต้องเศร้าใจอีก คุณฟ้ารู้หรือเปล่าคะ ว่าตั้งแต่คุณฟ้าจากไปพี่ป่าไม่เคยยิ้ม หัวเราะอย่างมีความสุขสักที อาจเป็นเพราะพี่ป่าไม่สามารถลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ พี่ป่าเฝ้าโทษตัวเองตลอดเวลาว่าเป็นเพราะพี่ป่าที่ดูแลคุณฟ้าไม่ดี เลยทำให้คุณฟ้าเป็นแบบนี้ คุณฟ้าเองก็คงรักพี่ป่าและอยากให้พี่ป่ามีความสุข เคียวเองก็เหมือนกัน เคียวขออนุญาตรักพี่ป่า และดูแลพี่ป่านะคะ อย่าโกรธเคียวกับพี่ป่าเลย”
เสียงกระซิบปลิวไปกับสายลมที่พัดโชยมาอย่างแรง หญิงสาวถึงกับขนลุกซู่เมื่อคิดว่านี่คือคำรับรู้ของหญิงสาวผู้จากไปแล้ว
“ถ้าการตายของคุณฟ้ามีเงื่อนงำเหมือนที่เคียวสงสัย คุณฟ้าต้องช่วยเคียวเอาตัวคนร้ายมาให้ได้นะคะ เราจะได้รู้กันเสียทีว่าใครเป็นคนทำร้ายคุณฟ้า หรือว่าจริง ๆ แล้ว คุณฟ้าจมน้ำตายเอง”
เสียงลมกระโชกมาอย่างแรงอีกครั้งราวกับรับรู้ถึงคำบอกกล่าวของคุณหมอคนสวย ขวัญพรรษยิ้มให้กับรูปภาพนั้นอีกครั้งก่อนที่สายตาเธอจะไปปะทะเห็นอะไรบางอย่าง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อมองไปด้านหลังเจดีย์สีขาวที่เห็นต้นไม้ขึ้นรกเต็มไปหมด แต่ถ้ามองดูดี ๆ แล้วมันเหมือนกับมีทางเดินเล็ก ๆ ที่มีใครพยายามปกปิดเอาไว้ไม่ให้เห็นเดินเข้าไปในนั้นได้ ขวัญพรรษมองไปยังทะเลกว้างที่เริ่มเห็นเด่นชัดขึ้นอีกนิดเพราะแสงอาทิตย์กำลังจะสาดส่องอีกไม่กี่เพลาข้างหน้านี้ นี่มันจะเช้าแล้วหรือ คุณหมอคนสวยกอดอกเข้าหัวตัวเองให้แน่นขึ้นอีกครั้งเมื่อสายลมโชยพัดเข้าหนาตัวเธอจนเธอหนาวสั่นไปทั้งกาย ร่างบางเดินไปตามทางเดินด้านหลังเจดีย์นั้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เท้าขยับแรง ๆ เข้ากับพุ่มไม้เผื่อว่ามีสัตว์ร้ายอะไรมันจะได้หนีไปให้ไกลจากเธอ และเมื่อเดินเข้าไปได้สามก้าวดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นปากถ้ำที่ไม่ลึกมากอยู่ข้างหน้า นี่ถ้าไม่ได้สังเกตก็จะไม่มีใครทราบเลยว่ามีถ้ำอยู่ด้านหลังเจดีย์แห่งนี้ ร่างบางเดินเข้าไปช้า ๆ พื้นเฉอะแฉะภายในถ้ำไม่ได้ทำให้หญิงสาวรังเกียจแต่อย่างใด มันดีเสียอีกเธอสามารถหลบความหนาวเย็นจากสายลมที่พัดแรงบนยอดเขาแห่งนี้ได้ หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งแล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอทับโดนอะไรที่นิ่ม ๆ ดวงตากลมโตค่อย ๆ เพ่งมองสิ่งนั้นเพื่อให้สายตารับภาพที่เกิดขึ้นในความมืดสลัวได้อีกนิด
“เสื้อ...ของใครกัน”
คุณหมอคนสวยยกเสื้อสีดำขึ้นมาดูอย่างแปลกใจ ถ้าอย่างนั้นคงมีคนสังเกตเห็นถ้ำนี้ก่อนเธอแน่นอน แล้วเป็นใครหล่ะ สายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นกางเกงสีดำอีกตัวที่กองไว้ถัดไปอีกนิด ตัวเล็กจัง ไม่น่าจะเป็นของผู้ชายได้ หมวกนี่ด้วย ถ้าอย่างนั้นคงเป็นของผู้หญิง ผู้หญิง ใครกันหล่ะ
“โอ๊ย...ปวดหัวจังเลย”
คุณหมอคนสวยครางก่อนจะวางปูกางเกงไว้กับพื้นถ้ำอย่างน้อยมันก็ป้องกันไม่ให้เธอแข็งตายก็แล้วกัน ร่างบางยกเสื้อสีดำขึ้นมาห่มตัวเอง แล้วต้องแปลกใจเมื่อความหอมของน้ำหอมบางอย่างมันเตะปลายจมูกเธอ แสดงว่าเจ้าของเสื้อตัวนี้คงเพิ่งทิ้งไว้ที่นี่ไม่นาน และสิ่งที่ต้องแปลกใจกว่าก็คือของบางอย่างที่ร่วงหล่นบนตัวเธอเมื่อเธอสะบัดเสื้อขึ้นห่มตัวเองไว้
“ต่างหู เหมือนกันเลย”
หญิงสาวเพ่งดูสิ่งที่อยู่ในมือนั้นแล้วความคิดอะไรบางอย่างก็เปิดเผยออกมา มันอันเดียวกับที่บุษราลัลน์บอกว่าอยู่ที่ห้องแล้วมันมาอยู่นี่ได้อย่างไร เพราะอีกอันอยู่ที่วินนี่แน่นอน ถ้าอย่างนั้นบุษราลัลน์ต้องเกี่ยวข้องกับชุดดำแน่นอน และอาจจะเป็นคนที่ฆ่าปรายฟ้าตายก็เป็นได้ ฆาตรกรที่หาตัวอยู่ไม่ใช่ใครที่ไหน บุษราลัลน์นั่นเอง หญิงสาวค่อย ๆ หยิบต่างหูใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเอง เธอพยายามฝืนตัวเองให้ลืมตาอีกครั้ง และบอกกับตัวเองว่าอย่าหลับ แต่ร่างกายของเธอมันอ่อนแรงเหลือเกินแล้ว เธอความเจ็บป่วยไว้ไม่ไหว หนาวเหลือเกิน ร่างเล็ก ๆ ค่อย ๆ ขดตัวเข้าหาตัวเองแน่น เพราะความหนาวเย็น และอาการไข้ของตัวเองก่อนจะหลับตาลงแล้วความคิดทั้งหมดก็อันตทานหายไปปิดการรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ อีกครั้ง
แสงอาทิตย์ของวันใหม่ที่สาดส่องจากพระอาทิตย์ดวงโตกำลังพ้นขึ้นเหนือขอบทะเลที่อยู่ไกลแสนไกลนั้น แสงของมันทำให้เขาเห็นเรือสีขาวที่มีโลโก้ของป่าหนาวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นายหัวหนุ่มมองเรือที่ลอยคว้างกลางทะเลอย่างใจหาย ขอให้ร่างของคนที่เขาห่วงสุดหัวใจอยู่ในเรือนั้นเถอะ อย่าให้มันเป็นอย่างที่เขากลัวเลย
“เคียว เคียว พี่มาแล้ว เคียวอยู่ในนั้นหรือเปล่า”
เงียบไร้เสียงตอบรับ หัวใจที่เต้นแรงเมื่อครู่กลับเต้นแรงยิ่งกว่าเก่า ความหวาดกลัวเข้ามาเกาะกินหัวใจดวงโตของนายหัวหนุ่มทันที และเมื่อจอดเรือเทียบกับลำที่ลอยคว้างอยู่กลางทะเลนั้นแล้ว ดวงตาคมเข้มของนายหัวหนุ่มก็กวาดหาร่างบางของขวัญพรรษทันที ว่างเปล่า ดวงตาของเขาบอกว่าอย่างนั้น แล้วหญิงสาวหายไปไหน นายหัวกระโดดข้ามไปในเรือทันทีก่อนจะตะโกนเรียกหญิงสาวเสียหลง
“เคียว เคียว”
เหมือนเดิมเงียบสงัด มีเพียงเสียงคลื่น กับเสียงเครื่องยนต์ของเรืออีกสองลำที่กำลังจอดเทียบเรือเขาอยู่ขณะนี้
“ไอ้ป่า เห็นคุณเคียวมั้ย”
ต้นน้ำกระโดดขึ้นเรืออย่างรวดเร็วเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของเพื่อนรัก ใจของเขาก็ไม่ได้แล้ว
“มะ..ไม่มี น้ำหรือว่า..”
นายหัวแห่งป่าหนาวหยุดคำพูดไว้อย่างเฉียบพลัน ราวกับว่าถ้าเขาพูดออกไปสิ่งที่เขาคิดมันจะเป็นจริง เพียงแค่คิดเท่านั้นมันเหมือนกับมีเข็มนับร้อยนับพันทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจทันที
“มะ..ไมจริง..ฉะ..ฉันไม่เชื่อ”
นายหัวกล่าวออกมาเสียงสั่นพร่าก่อนจะกวาดสายตาไปรอบ ๆ ข้าง เรือลำเล็กนี้ลอยห่างออกมาจากเกาะหนาวไกลกว่าเดิมอีกหลายเท่า ถ้าหญิงสาวว่ายน้ำไปจากระยะตรงนี้ต่อให้เป็นนักกีฬาทีมชาติก็คงแทบขาดใจ แล้วขวัญพรรษหล่ะ ไม่ได้เป็นอะไรเลย แถมยังว่ายน้ำไม่เป็นด้วย
“ป่า ฉันว่าไปดูที่เกาะหนาวก่อนมั้ย คุณเคียวอาจจะว่ายไปที่นั่นก็ได้”
“ว่ายหรือ...เคียวว่ายน้ำไม่เป็น ไอ้น้ำ แกได้ยินมั้ยเคียวว่ายน้ำไม่เป็น”
คำตอบนั้นทำเอาต้นน้ำชาวาบไปทั้งตัว เขาไม่รู้เลยว่าขวัญพรรษว่ายน้ำไม่เป็น ไม่อย่างนั้นเขาคงยอมให้เพื่อนตัวเองเสี่ยงขับเรือออกมาตอนนั้นก็ได้
“เคียว อยู่ไหน อย่าล้อพี่เล่นแบบนี้สิ”
เสียงแหบพร่าของนายหัวตะโกนลั่นท้องทะเลกว้าง แต่ทุกอย่างกลับเงียบสงัดต้องย้ำความจริงที่เขาต้องยอมรับ
“ป่าคะ มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เรากลัวก็ได้ เดี๋ยวบุษขับเรือไปดูที่เกาะหนาวให้แล้วกันนะคะ”
บุษราลัลน์บอกแล้วกระโดดขึ้นเรืออีกลำที่ว่างอยู่แล้วขับออกไปทันที ไม่ได้รอขอคำอนุญาตจากใครเลย เหมือนเธอบอกไปอย่างนั้นเอง
“คุณป่าครับหรือว่าเราจะลองงะ...”
ลุงหวานแทบสะดุ้งตกเรือเมื่อได้ยินเสียงตะวาดกลับมาของคนเป็นเจ้านาย
“ไม่ เคียวต้องไม่เป็นอะไร”
นายหัวตอบกลับเสียงเข้มก่อนจะตวัดสายตาไปมองลุงหวานราวกับอาฆาตรกันมานาน
“ไอ้ป่าฉันว่าเราน่าจะลองเหมือนที่ลุงหวานบอก”
“ไม่..ฉันบอกว่าไม่ก็ไม่ เคียวต้องรอฉันอยู่แถว ๆ นี้แหล่ะ หรือไม่ก็อยู่ที่เกาะหนาว ฉันจะไปเกาะหนาว เคียวต้องว่ายน้ำไปที่นั่นแน่”
นายหัวแห่งป่าหนาวกล่าวเสียงเข้า แต่ในน้ำเสียงมันยังมีความไม่แน่ใจ ความกังวลใจ ความกลัวต่าง ๆ หลงเหลืออยู่ราวกับว่าเขาหลอกตัวเองเพื่อป้องกันความเจ็บปวดที่ได้รับ
“ป่า....ฉันว่าแกทำใจไว้บะ...”
“ไม่ ฉันบอกแล้ว เคียวไม่เป็นอะไร ไปเกาะหนาวกันเถอะ”
ร่างสูงของนายหัวหนุ่มสะบัดมือที่จับไหล่หนาของเขาไว้ราวกับปลอบโยนของต้นน้ำทิ้ง แล้วกระโดดขึ้นเรือขับออกไปทันที เขายังมีหวัง เขายังมีหวัง นายหัวหนุ่มบอกกับตัวเองพร้อมกับกัดกรามเข้าหากันอย่างหวาดกลัว ขอให้ดวงใจของเขายืนอยู่ที่เกาะหนาวเถอะ แล้วเขาจะไม่ขออะไรอีกเลย
“เคียวแกอยู่ไหน เคียว”
เสียงวินนี่ตะโกนเรียกเพื่อนสาวอย่างกังวลใจ ขอให้เกาะหนาวเป็นที่ที่เป็นเพื่อนสาวเธออยู่เถอะ ถ้าไม่อย่างนั้นป่าหนาวระเบิดแน่
“ไปเถอะโม คุณวินนี่ เราไปเกาะหนาวกัน ลุงหวานขับไปก่อนได้เลยครับ”
ต้นน้ำตะโกนบอกลุงหวานให้ขับเรือไปก่อนแล้วตัวเองขับตามไปทีหลัง
บุษราลัลน์จอดเรือก่อนจะกระโดดลงจากเรือเดินมองไปรอบ ๆ เกาะหนาวด้วยสีหน้าพึงพอใจ อย่างน้อยนังเคียวมารหัวใจของเธอมันก็ไม่อยู่ตรงนี้ หญิงสาวมองไปตามทางเดินเล็ก ๆ ที่ขึ้นไปด้านบนของยอดเขาบนเกาะก่อนจะตัดสินใจเดินขึ้นไปข้างบนเพื่อความรอบคอบ เธอต้องตรวจให้หมด
“คุณเคียว คุณเคียวคะ”
เสียงหวาน ๆ ตะโกนเรียกหาคุณหมอคนสวยด้วยรอยยิ้ม บุษราลัลน์ยิ้มมากกว่าเก่าเมื่อเรียกแล้วไร้เสียงตอบรอบของคุณหมอคนสวย
“อะไรกัน ง่าย ๆ แค่นี้เองเหรอ ไม่สมกับที่วางแผนไว้เลย”
เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นเมื่อเธอเดินขึ้นไปถึงยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของเจดีย์สีขาว แล้วมองไปที่รูปอย่างหมิ่น ๆ
“ฟ้า เธออยู่ตรงนี้เธอเห็นนังผู้หญิงใจง่ายคนใหม่ของป่าหรือเปล่า ฉันเตือนมันแล้ว แต่มันไม่ฟัง มันก็เป็นแบบนี้แหล่ะ โง่ โง่ กันทั้งนั้น ต่อไปเธอคงจะมีเพื่อนอีกคนแล้วนะฟ้า จะได้ไม่เหงา เธอต้องขอบใจฉันถึงจะถูก ปรายฟ้า”
บุษราลัลน์เอ่ยเสียงเบาราวกับต้องการพูดกับปรายฟ้าเพียงเท่านั้น ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสะใจ แล้วมองลงไปด้านล่างเมื่อเห็นเรือของพนาพรรษแล่นเข้ามาจอดที่ชายหาดเรียบร้อยแล้ว
“เสียใจด้วยนะคะ ป่า ในเมื่อบุษไม่ได้ คนอื่นก็ไม่ได้เหมือนกัน”
เสียงหวาน ๆ เปลี่ยนเป็นเข้มขึ้นทันทีเมื่อมองชายหนุ่มที่กำลังตะโกนเรียกขวัญพรรษอย่างทุรนทุรายอยู่ด้านล่างก่อนที่ร่างบางของบุษราลัลน์จะเดินทำหน้าสลดลงไป
“เคียว เคียวอยู่ไหน”
นายหัวแห่งป่าหนาวตะโกนเรียกหญิงสาวผู้เป็นดั่งดวงใจลั่นเกาะหนาว พร้อมกับกวาดสายตัวไปทั่ว ๆ มองหาเผื่อว่าหญิงสาวจะอยู่ที่ไหนที่หนึ่งในเกาะหนาวแห่งนี้
“เคียว พี่มาหาแล้ว พี่อยู่นี่ ไม่ต้องกลัวนะ ออกมาหาพี่เถอะ”
เงียบไร้เสียงตอบรับเหมือนเคย และเสียงเงียบนี้เปรียบเสมือนก้อนหินที่มันหล่นมาทับหัวใจของเขาในเวลานี้
“ได้โปรด เคียว...อย่าฆ่าที่ทั้งเป็นแบบนี้”
เสียงตะโกนนั้นไม่หยุด ร่างสูงเดินไปรอบเกาะพร้อมกับตะโกนเรียกไม่ขาด แต่สิ่งที่ได้รับมันกลับบั่นทอนความมั่นใจของเขาทิ้งจนหมดสิ้น
“เคียว...เคียว”
ต้นน้ำมองภาพนั้นอย่างเสียใจ เพื่อนเขารักขวัญพรรษมากขนาดนี้เลยหรือ แล้วทำไมเรื่องราวต่าง ๆ มันถึงเป็นเหมือนเดิมตามรอยเดิมทุกอย่าง ทำไมความรักของเพื่อนเขาไม่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ ทั้งที่พนาพรรษเพรียบพร้อมไปทุกอย่างทั้งรูปสัมบัติ คุณสมบัติ
“ลุงหวาน ให้พวกเราหาคุณเคียวให้ทั่วเกาะนะ”
“ครับคุณน้ำ”
ลุงหวานรับคำก่อนจะบอกให้คนงานหาคุณหมอคนสวย พร้อมกับตะโกนเรียกเสียงดังไม่ขาดสาย
“เคียว แกได้ยินฉันมั้ย เคียว”
วินนี่ตะโกนเรียกเพื่อนเสียงสั่น เขากลัวเหลือเกิน ทำไมเรื่องร้าย ๆ ถึงเกิดกับเพื่อนเขาได้นะ
เวลาผ่านไปจนสายแล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิม นายหัวแห่งป่าหนาวเดินกลับมาที่เก่าด้วยท่าทางเงียบ ไม่มีใครเดาออกได้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ ไหล่ที่เคยผึ่งผายตั้งตรงอยู่ตลอดเวลา บัดนี้ลู่ลงราวกับแบกอะไรที่หนักเอาไว้จนเกินจะทานทนไหว ดวงตาคมเข้มแดงก่ำ ปลายจมูกโด่งแดงก่ำด้วยเช่นกัน ริมฝีปากหนาโดนขบไว้จนแน่นเพื่อกลั้นความเสียใจไม่ให้มันหลุดออกมาให้คนอื่นได้ยิน ลูกผู้ชายอย่างเขาต้องอดทนกับเรื่องแบบนี้เสมอ
“คุณน้ำครับผมตามหารอบเกาะแล้ว ไม่มีวี่แววเลยครับ”
คนงานสองสามคนที่วิ่งกลับมา พร้อมกับลุงหวานบอกเสียงเดียวกัน แต่มันก็ไม่ได้เข้ามาในโสตประสาทของนายหัวหนุ่มแต่อย่างใด
“เจอมั้ยคะ บุษขึ้นไปหาด้านบนก็ไม่มี”
คำว่าด้านบนทำให้นายหัวเงยหน้าขึ้นไปมองแล้ววิ่งขึ้นไปตามทางเดินเล็ก ๆ ไปอย่างรวดเร็ว
“ป่าคะ บุษขึ้นไปแล้วไม่มีหรอกค่ะ ไม่ต้องขึ้นไปหรอก”
ร่างบางของบุษราลัลน์รีบวิ่งเข้าไปขวางร่างสูงใหญ่ของนายหัวไว้ทันที วิทวัสมองดูเห็นเหตุการณ์อย่างสงสัยว่าทำไมบุษราลัลน์ถึงกีดขวางไม่ให้พนาพรรษขึ้นไปข้างบน
“คุณบุษขึ้นไปแล้วจริงหรือเปล่าครับ”
วินนี่ถามบุษราลัลน์ออกไปทันที
“ขึ้นไปแล้วค่ะ ทำไมคะ คุณวินนี่นึกว่าบุษจะล้อเล่นกับเรื่องเป็นเรื่องตายแบบนี้หรือคะ บุษขึ้นไปแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรนอกจาก...อัฐิของฟ้า”
คำว่าอัฐิของฟ้าทำให้ดวงตาคมเข้มของพนาพรรษไหววูบขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่คำพูดของบุษราลัลน์ก็ไม่อาจกั้นขวางนายหัวหนุ่มไว้ได้ ชายหนุ่มเดินขึ้นไปอย่างไม่รั้งรออีกต่อไป ต้นน้ำเห็นดังนั้งจึงจูงมือมนัญญาขึ้นไปด้วย วินนี่เดินตามไปพร้อมกับลุงหวานและคนงานที่เหลือ พวกเขาเองก็อยากให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่ใจคิด ด้านบนคุณเคียวอาจจะอยู่ตรงนั้น
“เคียว เคียว อยู่ไหน”
เสียงห้าวของชายหนุ่มแหบพร่าขึ้นมาทันทีเมื่อต้องเอ่ยชื่อของหญิงสาวคนรักซึ่งตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้
“เคียวนี่ฉันเองนะ แกอยู่ไหน พวกฉันมาช่วยแกแล้ว”
วิทวัสตะโกนไม่ขาดเสียง
“คุณเคียวคะ นี่โมนะคะ คุณเคียวอยู่ตรงนี้หรือเปล่า”
เสียงทุกคนต่างผลัดกันร้องเรียกหาคุณหมอคนสวยไม่ขาดสาย เสียงทุกเสียงดังก้องไปทั่วขุนเขาแห่งเกาะป่าหนาวแต่ดูเหมือนร่างที่นอนขดหมดสติอยู่ในถ้ำด้านหลังเจดีย์จะไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น เพราะถ้าแค่เพียงได้ยิน หญิงสาวคงดิ้นรนตะเกียกตะกายเอาตัวเองออกมาจากความหนาวเย็นของถ้ำนั้นจงได้
นายหัวหนุ่มเดินไปหยุดหน้าเจดีย์สีขาวก่อนจะทรุดคุกเข้าลงกับพื้นหินอย่างหมดแรง เขาไม่ได้มาที่นี่เลย นานนับตั้งแต่ปรายฟ้าได้จากเขาไป เพราะเขาคิดว่าเขาทำใจไม่ได้ แต่แปลกพอมาเจอปรายฟ้าในตอนนี้ในใจเขากลับว่างเปล่าแต่สิ่งที่ร้อนรุ่มในใจของเขาขณะนี้คือชื่อของขวัญพรรษ เธอไปอยู่ไหน หรือว่ามันจะเป็นอย่างที่ลุงหวานบอก ถ้าเพียงเขาลงงมใต้น้ำดู แต่..ไม่..อย่างไรเขาก็ไม่เชื่อ มันต้องไม่เป็นแบบนั้น
“ฟ้า...ไม่เจอกันนานนะ ตั้งแต่ฟ้าไม่อยู่ ไม่มีเลยสักครั้งที่ป่าจะไม่คิดถึงฟ้า ไม่มีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่ป่าจะมีความสุข ป่าคิดว่าชีวิตนี้ป่าจะรักใครไม่ได้อีกแล้ว ป่ามีชีวิตอยู่เพื่อฟ้าคนเดียว แต่...พอเคียวเข้ามา ป่าถึงได้รู้ว่าชีวิตที่เหลือของป่าในตอนนี้มีเพื่อเคียวคนเดียว ฟ้า...ช่วยป่าที หาเคียวให้ป่าที ป่า...ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถ้าไม่มีเคียว ได้โปรด ได้โปรดเถอะ”
น้ำเสียงของนายหัวแห่งป่าหนาวเริ่มสั่นพร่า ก่อนจะเปลี่ยนเป็นติด ๆ ขัด ๆ เพราะเสียงสะอื้นที่ดังลอดออกมา ทำใหผู้คนที่ฟังอยู่รอบนอกมองดูด้วยความสงสาร ต้นน้ำกุมมือมนัญญาไว้แน่นเพื่อต้องการกำลังใจ เขาเองก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะเขา เพราะความรักเพื่อน ถ้ายอมให้พนาพรรษเสี่ยงออกเรือมา คงจะได้พบขวัญพรรษในลักษณะที่ดีกว่านี้ ถ้าไม่เจอตัว ก็อาจเจอศพ ไม่ใช่ไม่เจออะไรเลยแบบนี้มันทรมานสำหรับคนตามหาเหลือเกิน
“ฟ้า..ช่วยป่าที ตามเคียวให้ป่าที อย่าให้ใครเขาเอาเคียวไปอีกคนเลยนะ ป่าเจ็บเหลือเกินแล้ว”
น้ำตาค่อย ๆ ร่วงจากดวงตาคมเข้ม เขาพยายามแล้ว พยายามอดทนอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้เขาเจ็บเหลือเกิน แค่หายใจเขาก็เจ็บไปทั่วหัวใจของเขาแล้ว แล้วอย่างนี้เขายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือ โลกที่ไม่มีขวัญพรรษมันไม่น่าอยู่เลย มันเจ็บปวดเหลือเกิน
“ป่าฉันขอโทษ เป็นเพราะฉันเหมือนกัน ถ้าฉันไม่ห้ามแก ไม่ต่อยแกสลบ คุณเคียวอาจจะ...”
ต้นน้ำไม่กล้าพูดต่อเพราะรู้ว่าคำพูดนี้มันจะทำร้ายจิตใจของเพื่อนเขาขนาดไหน
“ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าเคียวจะทิ้งฉันไปแบบนี้ ตราบใดที่ยังไม่เห็นเคียว ฉันจะไม่คิดว่าเคียวเป็นอะไร”
เสียงสั่น ๆ ของนายหัวตอบกลับออกมา กรามหาขบเข้าหากันจนเป็นสันขึ้นที่ริมแก้ม
“ถึงขั้นนี้แล้วป่ายังคิดว่ามันจะรอดอีกหรือ คงจมน้ำตายเหมือนฟ้าแล้วมั้งกว่าจะได้ตัวก็ขึ้นอืดแล้ว”
เพราะความโกรธ ความอิจฉาอย่างเดียว เลยทำให้บุษราลัลน์ลืมตัว ลืมความลับที่ตัวเองเก็บกักไว้นาน ทุกสายตาหันไปมองที่บุษราลัลน์เป็นที่เดียว มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองรูปปรายฟ้าอย่างวิงวอนก็คือนายหัวแห่งป่าหนาวนั่นเอง
“ทุกคนกลับไปรอข้างล่างก่อนได้มั้ย ฉันอยากอยู่คนเดียว”
นายหัวแห่งป่าหนาวบอกเสียงแหบพร่าอย่างเก็บอารมณ์เสียใจเอาไว้ไม่อยู่
“แต่ว่า....”
“น้ำฉันขอร้อง”
คำขอร้องของนายหัวเป็นเหมือนคำศักดิ์สิทธิ์เพราะนาน ๆ ทีจะได้ยินนายหัวแห่งป่าหนาวขอร้องใครแบบนี้ ทำคนเดินลงไปด้านล่างกันหมดมีเพียงบุษราลัลน์เท่านั้นที่ยังอิดออดไม่เดินออกไปเสียที
“บุษ เห็นแก่การเป็นเพื่อน ลงไปก่อน”
หญิงสาวกระฟัดกระเฟียดออกไปอย่างไม่พอใจ หนอยนังฟ้า ตายไปแล้วยังจะมาเป็นมารขวางทางรักของเธออีก เมื่อไหร่นะพนาพรรษจะได้เป็นของเธอเพียงคนเดียว ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ ด้านอีกครั้งราวกับต้องการความแน่ใจอีกสักครั้งเขาอยากให้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันไปเท่านั้นเอง
“ฟ้า...ป่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่ฟ้าขับเรือออกมากลางทะเล พายุหนักขนาดนั้น ฟ้าออกมาได้อย่างไรกัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ป่าคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่ถ้าเป็นอุบัติเหตุจริงแล้วทำไมร้องเท้าอีกข้างนึงของฟ้ามันถึงกระเด็นไปอีกด้าน ป่าเก็บเรื่องทุกอย่างไว้เป็นความลับเพราะไม่อยากให้ทุกคนในฟาร์มแตกตื่น แต่ฟ้าวางใจได้ ป่าจะหาคนที่ทำร้ายฟ้าได้อย่างแน่นอน ฟ้า..รู้มั้ยช่วงที่ฟ้าไม่อยู่มันเหงามาก เจ็บปวดที่สุด ในความคิดของป่าตอนนั้น แต่แปลกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเคียวในวันนี้ มันทำให้ป่าไม่มีแรงแม้กระทั่งหายใจ ทุกอย่างเจ็บปวดไปหมด เจ็บจนคิดว่า ถ้าไม่มีชีวิตอยู่มันคงดีกว่านี้ เคียวเขาเป็นคนไม่อ่อนหวาน ซุ่มซ่าม พูดก็ไม่เพราะ แต่ก็เป็นคนที่ป่ารัก รักที่สุด....”
นายหัวหนุ่มหยุดพูดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อก้อนสะอื้นมันจุกอยู่ที่คอหอยทำให้พูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ไหลรินไม่ขาดสาย ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว เขาสามารถอ่อนแอได้ และเขาก็อยากร้องไห้เหลือเกิน
“จะ..จริง..หรือ..ปะ..เปล่าคะ”
เสียงแหบพร่าที่ดังออกมาถึงแม้จะไม่เห็นตัวแต่มันก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับขนลุก เสียงขวัญพรรษนั่นเอง ชายหนุ่มกวาดสายตาไปทั่วทุกทิศมองหาร่างบอบบางของขวัญพรรษไม่ให้คลาดสายตาแม้แต่ตารางนิ้ว
“คะ..เคียว”
เสียงแหบพร่าของนายหัวแห่งป่าหนาตะโกนสุดเสียงเพื่อให้ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาตามหาได้ยินชัดเจน
“คะ..เคียวใช่มั้ย เคียวอยู่ตรงไหน ออกมาเถอะ ได้โปรด พี่จะตายอยู่แล้ว”
พนาพรรษมองหาพร้อมกับร้องเรียกให้หญิงสาวผู้เป็นดั่งดวงใจออกมาหาเขาเสียที มายืนยันว่าเขาไม่ได้ฝันไป และเสียงที่ได้ยินนั้นมีตัวตนอยู่จริง
“คะ..เคียวอยู่นี่”
พนาพรรษเงี่ยหูฟังเสียงที่เขาได้ยินลอยลมมา แม้เสียงนั้นจะดังเพียงแค่กระซิบ
“คะ...เคียว...อยู่ข้างหลังเจดีย์ พะ...พี่...ป่าช่วยเคียวออกไปที”
นายหัวแห่งป่าหนาวได้ยินชัดเจนอีกครั้งก่อนจะวิ่งไปหลังเจดีย์สีขาวเขาก็เพิ่งสังเกตเห็นเหมือนกันว่าข้างหลังนี้มีถ้ำอยู่ถ้าไม่มองลึกเข้าไปก็ไม่ทราบ พนาพรรษเดินแหวกพงหญ้าเข้าไปแต่พอเห็นร่างบางของขวัญพรรษเท่านั้น ดวงใจที่เคยแฟบไปเมื่อสักครู่กลับโป่งพอขึ้นมาราวกับมีใครใช้ที่สูบสูบลมให้เขาเสียแน่นเต็มปอด น้ำตาที่เริ่มหยุดไปเมื่อครู่ไหลคลอดวงตาเข้มเต็มไปหมด ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆ ร่างบางแล้วช้อนหลังหญิงสาวขึ้นยกขึ้นแนบอกกว้างของเขา
“เคียว....เคียวของพี่จริง ๆ...พี่นึกว่าเคียวจะทิ้งพี่ไปอีกคนแล้ว”
น้ำตาหยดใส่หน้าหญิงสาวจนคุณหมอคนสวยต้องลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนแรง เพราะตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอเหลือน้อยเต็มที
“ร้องทำไมคะ เคียวไม่เป็นไร แล้วพี่ป่าพูดกับคุณฟ้าจริงหรือเปล่า รักเคียวจริงหรือเปล่า หรือเรื่องเมื่อวานมันทำให้พี่ป่าหมดรักเคียวแล้ว”
น้ำเสียงสั่นพลิ้วของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มกดปากตัวเองลงกับปากบางนุ่มนิ่มเบา ๆ หนึ่งที ก่อนจะเปลี่ยนเป็นดูดดื่มเพื่อให้หญิงสาวได้รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร
“แค่นี้พอมั้ย ที่จะทำให้เคียวเชื่อว่าพี่รัก”
หญิงสาวยกมือสั่น ๆ ของตัวเองขึ้นเช็ดน้ำตาของนายหัวแห่งป่าหนาวอย่างเบามือ
“เคียวก็รักพี่ป่า”
นิ้วที่เช็ดน้ำตาให้เขาเมื่อสักครู่ร่วงผลอยลงกับพื้นอย่างหมดแรง ชายหนุ่มตกตะลึงเมื่อเป็นปฏิกิริยาของขวัญพรรษ
“เคียวเป็นอะไร เคียว เคียวครับ”
นายหัวแห่งป่าหนาวดังลั่นด้วยความตกใจ และเมื่อเขายกมือขึ้นทาบศีรษะของหญิงสาวจึงได้รู้ว่าหญิงสาวไข้ขึ้นสูงมาก ชายหนุ่มถอดเสื้อหนา ๆ ของตัวเองมาห่มร่างบางแล้วอุ้มคุณหมอคนสวยออกจากตรงนั้นลงไปยังด้านล่างที่มีหลายคนรอเขาอยู่
“ไอ้น้ำ เอาเรือออกเร็ว เคียวไม่สบาย ฉันเจอเคียวแล้ว”
ต้นน้ำหันไปยังต้นเสียงที่เขาได้ยินมาแต่ไกลแต่ยังไม่เห็นร่างของคนพูดสักที แต่เพียงครู่เดียว นายหัวแห่งป่าหนาวก็อุ้มร่างบางที่หมดสติของขวัญพรรษไว้ในอ้อมกอดก่อนจะอุ้มขึ้นเรือโดยไม่ให้ใครจับสักคนเดียว
“ไอ้น้ำออกเรือเร็ว เคียวไม่สบาย ต้องไปในเมือง”
ต้นน้ำถึงจะรู้สึกตกใจบ้าง แต่ก็ยินดีกับเพื่อนจริง ๆ ที่ขวัญพรรษยังไม่ตาย ชายหนุ่มเรียกวิทวัส กับมนัญญาขึ้นเรือก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ผู้หญิงอีกคนนึงมองอย่างเคียดแค้น มันตายยากเสียจริง แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อแกทนทาน ฉันก็จะหาแผนที่จะให้แกทานทนต่อไปไม่ไหวนังเคียว
“เคียว ได้ยินพี่มั้ย ลืมตาก่อนคนดี”
นายหัวแห่งป่าหนาวเอ่ยเสียงนุ่ม ต้นน้ำยิ้มออกมากเมื่อได้ยินเสียงอ่อนหวานของเพื่อนตัวเอง สงสัยจะไปไหนไม่รอดเสียแล้วไอ้ป่าเอ๊ย ที่ดุ ๆ กับพวกคนงานไหงกับขวัญพรรษถึงคนดีอย่างนั้น คนดีอย่างนี้ได้
“เคียว แกได้ยินฉันมั้ย รู้มั้ยหัวใจฉันเกือบวาย ถ้าพ่อจ๋า แม่จ๋าแกรู้เข้านะ ป่าหนาวต้องระเบิดแน่นอน”
วินนี้จับมือเพื่อนสาวไว้แน่น ถึงแม้จะรู้สึกแปลก ๆ ที่เพื่อนสาวอยู่ในอ้อมกอดของนายหัวแห่งป่าหนาวก็เถอะ แถมบอกว่าเป็นเมียอีก นี่นังเพื่อนรักเขามันลืมบอกเรื่องสำคัญแบบนี้กับเขาได้อย่างไรกัน หายก่อนแล้วกันนะ แม่จะเค้นให้เหลือแต่กาก
“วินนี่ วินนี่”
เสียงเรียกเบา ๆ แต่แหบพร่าของขวัญพรรษทำให้วิทวัสชะโงกหน้าไปดูหน้าเพื่อนใกล้ ๆ พอเห็นเพื่อนสาวลืมตาขึ้นมามองก็ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้พร้อมกับบีบมือเพื่อนรักไว้แน่นเช่นกัน
“มีอะไร แกไม่เป็นอะไรแล้ว ทีหลังต้องให้ฉันไปด้วยนะ เราเพื่อนกันทิ้งกันได้ไง”
วินนี่เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวโดนล้อ
“ร้องทำไม เคียวไม่เป็นไรสักหน่อย เหมือนพี่ป่าเลย”
คำว่าพี่ป่า ทำให้นายหัวก้มหน้าลงมองหน้าหวาน ๆ ของขวัญพรรษ
“รู้มั้ย พี่จะขาดใจตายเสียให้ได้ เมื่อรู้ว่าเคียวออกไปกลางทะเลตอนพายุเข้า ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก เพราะต่อไปนี้เคียวไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว มีพี่อยู่อีกคน ทำอะไรขอให้คิดถึงใจพี่บ้างว่าพี่จะอยู่ได้มั้ยถ้าไม่มีเคียว สัญญาแค่นี้ ให้พี่ได้หรือเปล่า”
คำสัญญาเรียกน้ำตาจากคนฟังอย่างมากมาย ขวัญพรรษน้ำตาไหลพรากเมื่อได้ยินถ้อยคำที่ซึ้ง ๆ แบบนี้ เธอไม่เคยคิดเลยว่านายหัวคนนี้จะน่ารัก จะอ่อนหวานกับเธอถึงเพียงนี้
“พี่ป่าไม่โกรธเคียวเรื่องนกพวกนั้นแล้วหรือคะ ตอนนั้นหน้าเคียวพี่ป่ายังไม่อยากจะมอง เคียวก็เลยรู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้ของรักของคุณฟ้าถูกทำร้าย เคียวแค่อยากขอโทษคุณฟ้าแค่นั้นเอง”
ขวัญพรรษอธิบายรายละเอียดเสียงเบาหวิว คอเริ่มแห้งเพราะไม่ได้กินน้ำมาหลายเพลาแล้ว พนาพรรษมองไปรอบ ๆ เห็นขวดน้ำโพลาลิสที่ยังไม่ได้เปิดไว้จึงเอื้อมไปหยิบแล้วเปิดให้หญิงสาวได้ดื่ม
“เบา ๆ เดี๋ยวสำลัก”
คำห้ามนั้นช้าไปเสียแล้วเพราะว่าร่างบางไอโขลก ๆ เพราะสำลักน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไปเมื่อสักครู่
“บอกแล้วให้เบา ๆ เรานี่ชอบทำอะไรให้พี่เป็นห่วงอยู่เรื่อย”
เสียงดุนั้นคนพูดตั้งใจดุอย่างเต็มที่ แต่ไหงออกมาหวานอย่างเงี้ย สำหรับคนฟังที่ยืนอมยิ้มรอบ ๆ
“คุณเคียวไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ยคะ เล่นเอาทั้งป่าหนาวไม่ได้หลับได้นอนกันเลย เพราะนายหัวจะตายเอาค่ะ”
ขวัญพรรษหัวเราะเบา ๆ กับคำล้อเลียนของมนัญญาซึ่งไม่ใช่เธออย่างแน่นอนแต่เป็นนายหัวของป่าหนาวนั่นเอง
“ยังมีหน้ามาหัวเราะ ใครทำให้พี่เป็นแบบนี้ ต่อไปนี้พี่จะไม่ปล่อยให้เคียวคลาดสายตาแม้แต่น้อย แล้วถ้าออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ เคียวต้องเรียนว่ายน้ำกับพี่เป็นอันดับแรก เข้าใจมั้ย”
“พี่ป่าเคียวปวดหัวจังเลย ปวดมากด้วย”
เท่านั้นเองเสียงบ่นเมื่อสักครู่ก็เปลี่ยนเป็นปลอบโยนก่อนจะตะโกนบอกต้นน้ำให้ขับเร็วกว่านี้อีกหน่อย ขวัญพรรษเอื้อมมือมาจับมือของวิทวัสไว้พร้อมกับสอดของบางอย่างใส่มือของวินนี่ จนวิสวัสมองอย่างแปลกใจ แต่เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนรักแล้ว เงียบไว้เท่านั้น เขาต้องทำแบบนั้น ก่อนจะยัดสิ่งที่เพื่อนสาวมอบให้ลงกระเป๋ากางเกงเก็บไว้อย่างแน่นหนา
....................................................................................................
บทที่ 14 เมื่อหัวใจกลับคืน
ร่างสูงของนายหัวแห่งป่าหนาวอุ้มร่างบางที่ยังคงตัวร้อนด้วยพิษไข้เข้าไปยังห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลชื่อดังในเมืองภูเก็ต โดยมีวินนี่ ต้นน้ำ และมนัญญาตามมาให้กำลังใจจนถึงโรงพยาบาล นางพยาบาลนำร่างที่นอนหมดเรี่ยวแรงบนเตียงรถเข็นก่อนจะเข็นเข้าห้องฉุกเฉินที่มีคุณหมอรออยู่ด้านในพร้อมอยู่แล้ว
“เคียวไม่เป็นไรนะ พี่จะรออยู่ข้างนอกเข้มแข็งไว้นะ”
เสียงของพนาพรรษถึงกับสั่นเมื่อก่อนเคยเห็นหญิงสาวผู้นี้แข็งแรงเสียนักหนา แต่ตอนนี้แค่ยืนคุณหมอคนสวยคนนี้ยังทำไม่ได้เลย
“เคียวไม่เป็นไรคะ พี่ป่าไปพักเถอะดูหน้าตัวเองซิ อย่างกับโจร หนวดไม่โกนเลยใช่มั้ยคะ”
ถึงแม้ดวงตาของเธอจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ แต่คุณหมอคนสวยก็พยายามทำให้บรรยากาศรอบข้างโดยเฉพาะกับพนาพรรษให้ดีขึ้นเมื่อเห็นนายหัวแห่งป่าหนาวเคร่งเครียดเกินไป
“ญาติคนไข้รอด้านนอกนะคะ”
นางพยาบาลบอกก่อนจะเข็นเตียงเข้าไปในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล นายหัวแห่งป่าหนาวยืนมองหน้าห้องฉุกเฉินที่นำร่างของหญิงคนรักเข้าไปอย่างกังวล
“ถึงมือหมอแล้วไม่เป็นไรหรอกป่า เชื่อฉันสิ”
ต้นน้ำยกมือขึ้นแตะไหล่หนา ๆ ของเพื่อนรักเบา ๆ เป็นเชิงปลอบ ก่อนเดินมานั่งข้างมนัญญากับวินนี่ที่นั่งตรงเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน
“คุณเคียวคงไม่เป็นอะไรหรอกวินนี่ทำใจดี ๆ ไว้”
มนัญญาปลอบคุณหมออีกคนที่ยังคงนั่งเครียดไม่ต่างจากชายหนุ่มที่ยืนกระสับกระส่ายอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
“โมเดินไปเข้าห้องน้ำกันหน่อยสิ”
มนัญญาถึงจะทำหน้าแปลกใจ แต่ก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะวิทวัสต้องการเพื่อนในยามนี้ มนัญญาหันไปขอตัวกับต้นน้ำก่อนจะเดินไปกันสองคน วิทวัสรอจังหวะนี้มานานแล้ว คุณหมอหนุ่มหัวใจสาวดึงร่างสวยได้รูปของมนัญญาเข้ากับฝาผนังซึ่งสามารถปิดกั้นสายตาผู้คนด้านนอกที่เดินไปมาได้อย่างดี
“มีอะไรวินนี่”
มนัญญาถามอย่างแปลกใจและตกใจกับการกระทำของวินนี่
“สัญญานะ ถ้าโมรู้ ต้องเงียบไว้อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เป็นอันขาดแม้แต่คุณน้ำเองก็เถอะ”
มนัญญาพยักหน้าอย่างงงกับการกระทำของวิทวัส ก่อนจะแปลกใจเมื่อชายหนุ่มหัวใจสาวล้วงของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“นี่คือสิ่งที่เคียวให้ฉันไว้ ฉันมั่นใจเพราะอีกข้างหนึ่งมันอยู่ที่ฉัน เราเก็บได้ตอนที่อยู่ในกรงนกวันเกิดเรื่อง และที่สำคัญเคียวมันเจอต่างหูอีกข้างในถ้ำข้างอัฐิคุณฟ้า ฉันว่ามันต้องเป็นของคน ๆ เดียวกันแน่นอน และต้องเป็นผู้หญิง”
มนัญญามองสิ่งที่อยู่ในมือวิทวัสอย่างตกใจ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เสียแล้ว และคนที่ต้องกลัวที่สุดน่าจะเป็นขวัญพรรษเพราะตอนนี้หญิงสาวได้รู้ความลับบางอย่างของมันแล้ว ถึงแม้มันจะยังไม่ทราบก็เถอะ
“หมายความว่า ต่างหูอันนี้มันอาจเกี่ยวข้องกับอะไร ๆ ที่เกิดขึ้นในป่าหนาวงั้นหรือคะ”
วิทวัสพยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่ทั้งสองจะเดินกลับไปรอขวัญพรรษที่หน้าห้องฉุกเฉินเหมือนเดิม เวลาผ่านไปเนิ่นนาน นานเสียจนนายหัวแห่งป่าหนาวแทบจะเปิดประตูเข้าไปถามหมอให้รู้เรื่องรู้ราว และก่อนจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกพร้อมกับร่างบางของคุณหมอคนสวยที่ตอนนี้ซีดเซียวนอนอยู่บนเตียงให้พยาบาลเข็นเข้าห้องพิเศษที่นายหัวแห่งป่าหนาวจัดเตรียมไว้แล้ว
“คนไข้เป็นอย่างไรบ้างครับ”
นายหัวแห่งป่าหนาวรีบเดินเข้าไปถามคุณหมอที่เดินตามหลังออกมาอย่างร้อนรน
“คนไข้มีอาการไข้สูงอาจเป็นเพราะโดนน้ำและอากาศที่เย็น ดีนะครับที่ไม่เป็นปอดบวม เราคงต้องให้คุณขวัญพรรษนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อนสักสามสี่วันนะครับ ถ้าอาการดีขึ้นก็กลับบ้านได้
“ครับ”
นายหัวแห่งป่าหนาวรับคำก่อนจะเดินตามนางพยาบาลที่เข็นเตียงของขวัญพรรษออกไปก่อนหน้านี้แล้ว รวมทั้งต้นน้ำ มนัญญา และวิทวัสที่เดินตามหลังมาอย่างติด ๆ
ภาพทุกอย่างในสายตาของขวัญพรรษตอนนี้มันเบลอ ๆ ไปหมด หญิงสาวค่อย ๆ เพ่งมองสิ่งที่อยู่รอบข้างอย่างสงสัย ที่นี่ที่ไหนกัน แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หญิงสาวขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันก่อนจะเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดเข้าสู่ระบบประสาทของเธอภาพต่าง ๆ ค่อย ๆ ทยอยเข้ามาในความทรงจำ ขวัญพรรษรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจับที่มือเธอเอาไว้ก่อนจะหันมามอง รอยยิ้มขึ้นประดับบนหน้าหวานทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร หญิงสาวดึงมือออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มอย่างเบามือ ก่อนจะยกมือบางขึ้นไล้ไปตามไรหนวดที่ขึ้นเป็นรอยเขียวขรึมขึ้นมาเนื่องจากไม่ได้ดโกนทำความสะอาด คุณหมอคนสวยยกมือขึ้นแตะเปลือกตาที่กำลังหลับสนิทเบา ๆ เพราะกลัวเขาจะตื่น นิ้วเรียวค่อย ๆ ไล่ไปตามจมูกโด่งเป็นสันจนถึงปากหนานุ่มที่เธอเคยสัมผัสถึงความนุ่มนวลของมันมาแล้ว เมื่อคิดถึงตรงนี้หญิงสาวถึงกับหน้าแดง
“หน้าแดงแบบนี้เป็นไข้หรือคิดอะไรลามกอยู่บอกพี่ใช่มั้ย”
คุณหมอคนสวยถึงกับตาโตมองหน้านายหัวหนุ่มอย่างตกใจ เขาตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วรู้หรือเปล่าว่าเธอทำอะไรไปบ้าง อ๊าย....แค่คิดก็อายแล้วยัยเคียว
“พะ...พี่ป่าตื่นแล้วหรือคะ”
คุณหมอถามเสียงเบาหวิว
“ก็ใครปลุกพี่หล่ะ”
นายหัวหนุ่มแห่งป่าหนาวตอบยิ้ม ๆ พร้อมกับสำรวจใบหน้างามนั้นอีกครั้ง ถึงมันจะยังซีดอยู่แต่ก็ดีกว่าเมื่อวานทำเอาเขาใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“เคียวเปล่าสักหน่อย แล้วไม่กลับไปป่าหนาวหรือคะ งานออกเยอะมาเฝ้าเคียวแบบนี้ใครจะคุมคนงานทำงานกัน”
เมื่อถูกอีกฝ่ายจับได้คุณหมอคนสวยจึงเปลี่ยนเรื่องพูด
“พี่ลางานแล้ว จะอยู่เฝ้าเคียวจนกว่าจะดีขึ้น หลังจากนั้นเคียวจะต้องไปพักฟื้นบ้านคุณแม่ของพี่”
“ฮ้า”
“ไม่ฮ้า หรอกเรื่องจริง เพราะพี่จะไม่ยอมเคียวอีกแล้ว อยู่ที่ป่าหนาวซนจนได้เรื่อง”
เสียงดุ ๆ ของนายหัวหนุ่มทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออกก็มันเป็นเรื่องจริงแค่เพียงเธอใจเย็นกว่านั้นอีกนิด ไม่คิดออกไปตอนพายุเข้าคงจะไม่เกิดเรื่องร้าย ๆ และมีคนอื่นเดือดร้อนเพราะเธออีก
“เคียวขอโทษ แต่โทษเคียวคนเดียวก็ไม่ได้ ก็พี่ป่าไม่เห็นพูดอะไรเลย ดูท่าทางจะเชื่อคุณบุษมากว่าเคียวเสียอีก”
“แล้วใครบอกให้พี่อย่าเพิ่งพูดเรื่องระหว่างเรา แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้วหล่ะ วันที่เคียวออกไปกับพายุพี่โมโหไอ้น้ำเลยเรียกเคียวว่าเมียเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้มีคนรู้เรื่องของเราแล้วอย่างน้อยเจ็ดคน”
ดวงตากลมของคุณหมอคนสวยเบิกโพลงขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่นายหัวแห่งป่าหนาวพูดออกไปเมื่อสักครู่
“รวมทั้งคุณวิทวัส โม แล้วก็ไอ้น้ำ ลุงหวาน......”
“พอเถอะค่ะ แค่นั้นก็หมดแล้วมั้ง”
คุณหมอคนสวยสวนขึ้นมาเสียงดัง มองนายหัวแห่งป่าหนาวที่ยิ้มหน้าเป็นอยู่อย่างหมั่นไส้
“ทีนี้เรามาคุยเรื่องที่เคียวขับเรือออกไปเสียที”
สำเสียงที่ดูสดใสเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม และเครียดขึ้นทันที เล่นเอาคุณหมอคนสวยถึงกับหน้าถอดสีในบัดดล
“เคียว ก็...แค่อยากไปขอโทษคุณฟ้าแค่นั้นเอง”
“แล้วทำไมไม่ฟังเวลาบุษเตือนว่ามีพายุเข้า รู้มั้ยว่ามันอันตรายขนาดไหนเสี่ยงออกไปแบบนั้น”
น้ำเสียงของชายหนุ่มเข้มขึ้นอีกนิดเมื่อกล่าวถึงเรื่องที่บุษราลัลน์บอกก่อนหน้านั้น
“คุณบุษบอกแค่ว่าให้เคียวรีบไปก่อนพายุจะมา แล้วอีกอย่างเคียวฝากบอกคุณบุษไปบอกพี่ป่าแล้วนี่ว่าเคียวจะออกไป ถ้าพี่ป่าตามไปตอนนั้นคงทันเคียวแน่นอน แล้วเคียวก็คงไม่ต้องลอยอยู่บนทะเลคนเดียวจนต้องเสี่ยงว่ายน้ำออกไปแบบนั้นทั้ง ๆ ที่ว่ายน้ำไม่เป็นหรอกค่ะ ดีนะที่เรือมีเสื้อฟองน้ำนิรภัยติดอยู่ไม่งั้นเคียวยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง”
น้ำเสียงอ่อน ๆ เล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างหวาด ๆ อยู่เหมือนกันว่าพนาพรรษเชื่อเธอหรือไม่
“อ้อ..นี่กลายเป็นว่าพี่ผิดที่ไม่ตามเคียวออกไปหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ พี่ป่าใจเย็น ๆ นะ เคียวแค่อธิบายให้ฟังเฉย ๆ ว่าเคียวฝากคุณบุษไปบอกพี่ป่าแล้ว เคียวไม่ได้เอาเรือออกไปโดยไม่ได้ขออนุญาตใครก่อน”
ขวัญพรรษรีบแก้ไขข้อกล่าวหาอย่างรีบร้อนกลัวชายหนุ่มจะเข้าใจผิดอีกครั้ง
“แต่บุษบอกเพียงแต่ว่า ห้ามเคียวแล้ว แต่เคียวไม่ฟัง”
“พี่ป่าก็เลยเชื่อคุณบุษ”
น้ำเสียงกล่าวงอน ๆ ขึ้นมาทันที
“ถ้าเชื่อแล้วพี่จะถามเคียวทำไมครับ”
นายหัวแห่งป่าหนาวเอ่ยเสียงนุ่มเมื่อเห็นว่าคุณหมอคนสวยเริ่มงอนเขาอีกแล้ว
“ทำไมพี่ป่าไม่บอกเคียวเรื่องคุณฟ้าคะ หรือว่าพี่ป่ายังไม่ลืมเธอ”
ชายหนุ่มมองหน้าคุณหมอคนสวยทันทีที่ได้ยินประโยคคำถามนี้
“ที่พี่ไม่บอกในตอนแรกเพราะคิดว่าไม่มีความจำเป็นอะไรต้องบอก เพราะฟ้าเขาก็ตายไปแล้ว ไม่ได้อยู่ให้เคียวระแวงเขาเสียเมื่อไหร่ และอีกอย่าง พี่รู้สึกละอายใจที่ต้องเอ่ยถึงเรื่องฟ้า มันทำให้พี่รู้สึกว่าตัวเองดูแลฟ้าได้ไม่ดีพอจึงเกิดเรื่องแบบนั้นกับฟ้าได้มันเปรียบเสมือนความผิดติดตัวพี่ ทั้ง ๆ ที่พี่คิดมาตลอดเวลาว่าจริง ๆ แล้วฟ้าจมน้ำตายเองหรือว่ามีคนทำให้ฟ้าต้องจมน้ำตาย”
นายหัวแห่งป่าหนาวบอกเรื่องที่เป็นความลับมานาน เขาเองก็คิดเรื่องนี้มาตลอดแต่ไม่อยากให้ในป่าหนาวต้องแตกตื่นถ้าต้องสอบถามว่าใครคือคนร้าย หรือตำรวจเข้ามาตรวจมันต้องมีผลกระทบต่อธุรกิจรีสอร์ตของเขาอย่างแน่นอน ทุกอย่างจึงต้องเก็บไว้เป็นความลับรวมถึงเรื่องคนชุดดำที่เริ่มเข้าหูเขาบ่อยเหลือเกิน
“ทำไมพี่ป่าถึงคิดว่าคุณฟ้าอาจโดนทำให้ตกน้ำตายคะ”
คุณหมอคนสวยถามขึ้นอย่างสงสัย
“รองเท้าอีกข้างหนึ่งของฟ้ากระเด็นไปไกลเกินกว่าที่คนตกน้ำจะทำตกไว้ แต่ตอนนั้นทุกคนตกใจเลยลืมคิดถึงเรื่องนี้ แต่พอพี่มีสติขึ้นพี่ถึงคิดเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด และที่สำคัญฟ้ากำเศษผ้าสีดำเอาไว้ในมือถึงแม้จะตายแต่ก็ฟ้าก็ยังกำไว้แน่น เพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่ฟ้าอยากบอกให้คนอื่นรู้ว่าใครคือฆาตรกร แต่พี่ก็ยังหาคนผิดมาลงโทษไม่ได้ พี่ก็คิดว่ามันต้องเกี่ยวกับพี่ เพราะมันทำร้ายแต่คนที่พี่รักของที่พี่รัก และอีกอย่างตอนนี้เคียวคือคนเดียวที่พี่รัก เคียวคือชีวิต พี่กลัวเหลือเกินว่าเหตุการณ์แบบเก่า ๆ มันจะย้อนกลับมาอีก เพราะฉะนั้นเวลานี้เคียวไปไหนต้องมีพี่ไปด้วยเข้าใจมั้ย เพราะถ้าเคียวเป็นอะไรไปพี่จะอยู่ได้อย่างไร เอ...หรือว่าพอเคียวตายปุ๊บ พี่รีบมีใหม่เลยดีกว่ามั้ย มันไม่น่ายาก”
หนอย...เมื่อกี้ยังหวานซึ่งอยู่ดี ๆ แล้วทำไมตอนท้ายถึงน่าเกลียดแบบนี้ ปากเล็ก ๆยกขึ้นจนแทบชนจมูกแก้มใส ๆ ป่องออกทันที จนนายหัวแห่งป่าหนาวหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ
“เคียวนี่เวลาโกรธแล้วดูง่ายจัง ตอนพี่เจอเราครั้งแรกพี่ยังแอบยิ้มเลย คนอะไรโมโหนิดโมโหหน่อยก็ชอบทำแก้มป่องอยู่เรื่อยเลย ไม่เมื่อยบ้างหรือไง”
นายหัวแห่งป่าหนาวคิดถึงตอนที่เจอกันครั้งแรกแล้วเขาทำให้คุณหมอคนสวยคนนี้ไม่พอใจเขาก็สังเกตจากแก้มป่อง ๆ นี่แหล่ะซึ่งตอนนั้นเขาเองก็อยากเอานิ้วจิ้มแก้มป่อง ๆ ให้มันยุบทันทีด้วยความหมั่นเขี้ยว
“พี่ป่าก็อย่าทำให้เคียวโกรธสิคะ ถามจริง ๆ นะคะ พี่ป่าโกรธเคียวเรื่องน้องนกตายหรือเปล่าคะ ความจริงแล้วเคียวรักพวกมันออก ที่บ้านเคียวยังมีตั้งสามตัวเลย ชื่อใบตอง ใบเตย ใบตาล น่ารักมั้ย แต่ของคุณฟ้าน่ารักมาก แต่ต้องมาตายแบบนี้เคียวสงสารพวกน้อง ๆจังเลย”
พอพูดถึงเรื่องนี้น้ำตาก็มาคลอที่ดวงตากลมอย่างรวดเร็ว มันสะเทือนใจเธอมาก และเมื่อคิดกลับกันว่ามันเป็นพวกน้อง ๆ สามใบของเธอ เธอคงใจแทบขาด
“พี่ไม่ได้โกรธ แต่ตอนนั้นมันตกใจนิดหน่อย เพราะคิดว่าสิ่งสุดท้ายที่ฟ้าทิ้งไว้ให้มันตายหมด อีกอย่างพี่ต้องขอโทษเคียวเพราะพี่เป็นคนทำให้เคียวเสียใจที่สุด พี่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้พี่พูดไปแบบนั้น พี่เสียใจ พี่กลัวเคียวโกรธ แต่มันก็สมควรให้เคียวโกรธ พี่บอกรักเคียวอยู่เมื่อคืนแท้ ๆ พอตอนเช้าพี่กลับเป็นคนทำร้ายเคียวด้วยฝีมือพี่เอง เคียวจะโกรธพี่ก็ได้นะ แต่อย่าเกลียดเพราะถ้าเคียวเกลียดพี่เมื่อไหร่พี่คงต้องเหมือนตายทั้งเป็น”
ชายหนุ่มมองหน้าคนรักแล้วเอื้อมมือไปลูบแก้มใส ๆ ของอีกฝ่ายอย่างเบามือ
“เคียวโกรธ แต่ไม่เคยมีสักเวลาที่เคียวจะนึกเกลียดพี่ป่า”
“น่ารักจริงเมียพี่”
“บ้า เคียวไม่ใช่”
เสียงที่เอ่ยเถียงออกไปสั่นเล็กน้อยด้วยความอาย ใบหน้าที่ซีดเมื่อสักครู่แดงก่ำขึ้นจนนายหัวแห่งป่าหนาวชอบใจว่าเขามีหาเรื่องที่จะทำให้หน้านี้แดงขึ้นได้อย่างไร
“อ้าว..อ้าว..พูดแบบนี้ มันเหมือนท้า”
นายหัวแห่งป่าหนาวร้องเสียงดัง ก่อนจะทำตากรุ้มกริ่มใส่ขวัญพรรษ
“ให้หายดีก่อน พี่จะทำให้รู้ว่าเคียวเป็นเมียพี่จริงหรือเปล่า”
คุณหมอคนสวยรีบคลุมผ้าห่มจนมิดศีรษะเพราะไม่อยากคุยกับเขา คุยแล้วมีแต่เรื่องเข้าตัว
“พี่ป่ากลับได้แล้ว เคียวจะนอน”
หญิงสาวไล่ชายหนุ่มทั้งที่อยู่ในผ้าห่มคลุมโปงเอาไว้
“พี่จะอยู่เฝ้าเคียว จะนอนก็นอนไป นอนดี ๆ พี่ไม่แกล้งแล้ว เอาผ้าห่มลงมา”
นายหัวแห่งป่าหนาวลุงขึ้นดึงผ้าห่มลงมาจนถึงหน้าอก ก่อนจะมองหน้าแดง ๆ นั้นอีกทีแล้วอาศัยจังหวะที่คุณหมอคนสวยเผลอจูบปากบางนุ่มหนึ่งทีอย่างแรก
“เฮ้อ...ค่อยเหมือนได้ชีวิตกลับมาหน่อย”
คุณหมอคนสวยมองหน้าคมเข้มของชายหนุ่มอย่างซึ้งใจกับคำพูดของเขาเมื่อสักครู่
“ถ้ายังไม่เลิกมองแบบนั้นก็ไม่ต้องนอนกันแล้ว ถ้าเราทำแบบนั้นกันในโรงพยาบาลมันคงตื่นเต้นพิลึกเคียวว่ามั้ย”
“บ้า ทำไมพี่ป่าเป็นคนแบบนี้ ลามก”
ว่าเขาเสร็จแล้วก็รีบหันหลังให้ทันทีก่อนจะหลับตาและตอนนั้นเองที่เธอไม่ทราบเลยว่าหลับไปตอนไหน อาจเป็นเราะความอ่อนเพลียที่ยังคงเหลืออยู่ และอาจเป็นเพราะยาของคุณหมอที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ชายหนุ่มมองหน้าของคนที่หลับไปแล้ว นิ้วเรียวยาวค่อย ๆ ลูบไปตามใบหน้าสวยหวานนั้นอย่างเบามือ ต่อไปนี้เขาสัญญากับตัวเองไว้แล้ว เขาจะไม่ปล่ยอให้อันตรายเข้ามาทำร้ายขวัญพรรษอีก ใครก็แล้วแต่ที่มันกำลังคิด หรือกำลังทำร้าย ทั้งเขา และขวัญพรรษ มันจะต้องได้บทเรียนเสียบ้างหลังจากปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านมานานหลายปีตามระยะเวลาที่ปรายฟ้าเสียชีวิตไป ต่อไปนี้เขาจะปกป้องดวงใจของเข้าให้ได้จะไม่ยอมเสียเธอให้ใครอีกแล้ว นายหัวก้มลงจุมพิตหน้าผากโหนกนูนได้รูปสวยอย่างรักใคร่ ก่อนจะมานอนข้างโซฟาที่มีไว้สำหรับให้ญาติคนไข้นอนนั่นเอง
รุ่งอรุณของวันใหม่ทำให้คนป่วยสดชื่นขึ้นบ้างหลังจากต้องทนเป็นคนป่วยให้นายหัวดูแลแทบจะไม่ได้ลุกไปไหน ข่าวคราวการเจ็บป่วยครั้งนี้ถูกปิดบังจากผู้เป็นบิดา มารดาและทุกคนที่ใกล้ชิด เพราะได้รับความร่วมมือดีจากวินนี่เพื่อนสนิทของเธอนั่นเอง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลต้องขมวดคิ้วเรียวอย่างแปลกใจ ใครกันที่โทรมาเช้าขนาดนี้ มือเรียวบางหยิบโทรศัพท์ที่ส่งเสียงให้เธอเริ่มรำคาญแล้ว พอมองที่หน้าจอโทรศัพท์ชื่อที่ปรากฎทำให้หญิงสาวถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“ฮัลโหล พ่อจ๋าคิดถึงจังเลย”
เสียงหวาน ๆ ทำให้คนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องถึงกับยิ้มด้วยความเอ็นดู ปนอิจฉานิด ๆ นี่ยังมีคนที่หญิงสาวคนนี้อ้อนได้มากกว่าเขาอีกหรือ
“ว่าไง ไอ้เคียว เดี๋ยวนี้ลืมพ่อลืมเชื้อไม่โทรหากันเลยนะ”
คนเป็นพ่อจ๋าทำเสียงดุใส่ลูกสาวเพียงคนเดียว แต่มีหรือคนเป็นลูกอย่างขวัญพรรษจะกลัว เพราะรู้อยู่แล้วว่าคนเป็นพ่อจ๋าทำเป็นดุไปอย่างนั้นเอง
“โห...เคียวคิดถึงออก ไม่ได้โทรหาแค่สองวันเอง น้อยใจไปได้ ไม่ใช่หนุ่ม ๆ แล้วนะพ่อจ๋า”
พัฒน์ยิ้มทันทีที่ได้ยินเสียงหยอกเย้าของลูกสาว สองวันมานี่เขารู้สึกว่าชีวิตของเขามันหดหู่เพราะไม่ได้ยินเสียงหวาน ๆ ของลูกสาวสุดที่รักนี่เอง ถึงแม้จะมีเสียงหวาน ๆ ของขวัญข้าวกระซิบข้างหูอยู่ทุกคืนก็เถอะ
“ใช่สิ พ่อมันแก่แล้ว นี่ถ้าแกสวยหวานเหมือนคนอื่นเขานะ พ่อคงคิดว่าแกมีแฟนแล้วเห็นแฟนดีกว่าพ่อแน่ ๆ”
เสียงของพัฒน์ที่ดังกลับมาทำให้ใบหน้าหวาน ๆ ที่ยิ้มสวยอยู่เมื่อครู่ หุบยิ้มทันที เมื่อได้ยินประโยคที่ทำให้ระเคืองใจของคนเป็นบิดา แล้วก็ยิ้มอย่างเต็มที่เมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามาใกล้ ๆ กับเธอพร้อมกับก้มลงหอมแก้มนวลนั้นเบา ๆ
“โห...พ่อว่าลูกสาวคนเดียวได้ไง เคียวออกจะสวย หวาน จนคนแถวนี้ติดใจ ไม่เชื่อลองถามมั้ย”
ประโยคสุดท้ายทำให้ร่างสูงที่เดินไปหากำไรกับคุณหมอคนสวยเมื่อสักครู่เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเห็นหญิงสาวเอ่ยพาดพิงถึงเขา แล้วพยักหน้าเมื่อคิดว่าหญิงสาวจะยื่นโทรศัพท์มือถือให้ตัวเอง
“ไอ้เคียวเอ๊ย...หน้าตาแค่พอใช้ได้อย่างแก ขายออกนะ พ่อจ๋าจะยกโรงสีให้เลย”
แก้มนวล ๆ ของคุณหมอคนสวยป่องขึ้นทันที จนนายหัวหนุ่มที่มองหญิงสาวยิ้มออกมานิด ๆ คงมีใครทำให้โกรธอีกหล่ะสิถึงได้แก้มป่องแบบนี้
“สักวันเถอะนะ พ่อจ๋าจะช็อค เคียวจะเอาลูกเขยไปหาถึงที่เลย”
คำพูดของลูกสาวคนสวยทำเอาคนเป็นพ่อเริ่มเหงื่อแตก หรือว่าจะจริง ถ้าจริงแล้วเขาจะทำอย่างไร
“เออ...ไว้พ่อจ๋าจะรอดูแล้วกัน แต่อย่าให้พ่อจ๋าแก่กว่านี้นะ เพราะสายตาตอนนั้นมันอาจไม่ดี เดี๋ยวดูลูกเขยไม่ชัด”
“พ่อจ๋าจำไว้เลย ไม่คุยกับพ่อจ๋าแล่ว...ฝากบอกแม่จ๋าด้วยว่าเคียวคิดถึง คิดถึงคนเดียวด้วย แค่นี้นะคะ รักแม่จ๋าคนเดียว”
น้ำเสียงงอน ๆ ของลูกสาวทำให้คนเป็นพ่อ และคนเป็นแฟนถึงกับอมยิ้มด้วยความเอ็นดู ถ้ามีใครมาขโมยความน่ารัก ความสดใสนี้ไปจากเขา เขาคงไม่ยอม นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนคิดเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะยังไม่เคยเจอหน้าซึ่งกันและกันก็เถอะ
“พี่แวะมาหาเคียวก่อน เดี๋ยวพี่จะไปบ้านแม่สักหน่อย อีกอย่างจะให้คนงานจัดห้องให้เคียวด้วย พอออกจากโรงพยาบาลเคียวก็ไปอยู่บ้านแม่พี่สักพักนึงก่อน พอให้อะไร ๆ มันดีขึ้นค่อยกลับไปป่าหนาว แล้วพอหายดีแล้วสิ่งแรกที่พี่จะทำคือฝึกให้เคียวว่ายน้ำ”
นายหัวหนุ่มเดินมานั่งบนเตียงคนไข้ที่คุณหมอคนสวยนอนยิ้มให้เขาอยู่
“ไปหาคุณภารตีก่อนก็ได้ ไม่เห็นต้องมาหาเคียวก่อนเลย”
คุณหมอคนสวยบอกนายหัวหนุ่มอย่างเกรงใจที่เขาต้องไปทางโน้นทีทางนี้ที
“เรียกแม่พี่ว่าอะไรนะ เรียกแบบนั้นได้ไง ไหนเรียกใหม่ เรียกแม่ได้ยินมั้ย เรียกแม่เหมือนที่เคียวเรียกแม่จ๋าของเคียวนั่นแหล่ะ”
มือหนาประคองหน้าหวาน ๆ ไว้อย่างรักใคร่พร้อมกับย้ำประโยคหลังให้อีกฝ่ายได้ยินชัด ๆ
“ไม่เอา ไม่ใช่แม่จ๋าของเคียวสักหน่อย”
น้ำเสียงขึ้นจมูกพร้อมกับปากบางที่ยื่นน้อย ๆ เมื่อเอ่ยประโยคเมื่อสักครู่
“แน่ใจนะว่าไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นพี่จะได้ย้ำกันอีกครั้ง บนเตียงนี่แหล่ะ ว่าไงเอามั้ย”
คำขู่ของนายหัวหนุ่ม ทำให้คุณหมอคนสวยถอยหนีไปอีกนิด แล้วเหลือบไปมองตรงประตูเข้าห้องเพราะกลัวว่าจะมีใครโผล่เข้ามาตอนนี้
“พี่ป่าอย่าบ้านะ นี่มันโรงพยาบาลนะ”
คุณหมอคนสวยรีบบอกอีกฝ่ายเสียงหลงเพราะคิดว่าชายหนุ่มจะทำอย่างที่เขาขู่ไว้จริง ๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้ามาจนหน้าแทบจะติดกันอยู่แล้ว มือบางของหญิงสาวรีบยันอกกว้าง ๆ นั้นออกสุดฤทธิ์ แต่มันก็เหมือนกับการยันกำแพงหนา ๆ เอาไว้เพราะไม่มีท่าทางกำแพงชีวิตคนนี้จะขยับเขยื้อนไปไหนได้เลย แถมยังก้มลงหอมแก้มป่อง ๆ ของหญิงสาวอีกสองสามทีอย่างหากำไร
“พี่ป่า เคียวร้องจริง ๆ นะ ถ้าพี่ป่าทำบ้า ๆ แบบนั้น”
“ร้องสิ พยาบาลเอย หมอเอย ผู้ช่วยพยาบาลเอย เขาจะได้รู้กันเสียที พี่จะได้ไม่ต้องประกาศว่าเคียวเป็นเมียพี่ เป็นผู้หญิงที่พี่รัก”
ประโยคสุดท้ายฟังดูอ่อนหวานยิ่งนักจนคุณหมอคนสวยต้องมองสบตาหวาน ๆ ของนายหัวหนุ่ม แล้วชะโงกหน้าไปจูบปากเรียวได้รูปของนายหัวหนุ่มเร็ว ๆ หนึ่งทีเพื่อให้รางวัล เมื่อเห็นดวงตาที่บ่งบอกถึงความรัก ความห่วงใย ในดวงตาวาวหวานคู่นั้นของนายหัวหนุ่มแห่งป่าหนาว
“ให้มันจริงก็แล้วกัน ไม่งั้นเคียวเอาตาย”
คำขู่ของหญิงสาวทำเอานายหัวแห่งป่าหนาวถึงกับหัวเราะเพราะฟังกี่รอบน้ำเสียงนั้นไม่ได้น่ากลัวเลย
“พี่ก็ยอมตาย ถ้าเป็นเคียว”
เสียงห้าว ๆ ตอบคุณหมอคนสวยพร้อมกับก้มหน้าลงไปหลังจากเล็งไว้ที่ปากบางได้รูปนั้นมาหลายวินาทีแล้ว แล้วมันก็คงจะเป็นจริงถ้าไม่ติดนิ้วเรียว ๆ ที่ขวางทางเขาอยู่ขณะนี้
“ไม่ค่ะ รีบไปได้แล้ว วันนี้วินนี่จะมาเยี่ยมเคียวด้วย เคียวอยากคุยกับเพื่อนค่ะ”
ประโยคท้ายทำให้นายหัวแห่งป่าหนาวถึงกับถอยออกมานั่งหันหลังให้คุณหมอคนสวยอย่างรวดเร็ว
“ได้เพื่อนแล้วลืมผัวเลยนะ”
“อ๊าย...พี่ป่าพูดแบบนี้ได้ไง คนอื่นได้ยินแล้วจะคิดว่าเคียวเป็นคนอย่างไร”
มือบางตีที่หลังกว้างของชายหนุ่มเบา ๆ หนึ่งทีเมื่อได้ยินประโยคที่ทำให้ระคายหู
“หรือไม่จริง ไม่คิดว่าพี่จะน้อยใจบ้างหรือ ไล่พี่ไปไกล ๆ แบบนี้”
คำบอกของนายหัวแห่งป่าหนาวเริ่มทำให้หญิงสาวเอะใจขึ้นมานิดนึงก่อนจะชะโงกหน้ามองชายหนุ่มว่าโกรธหรือน้อยใจจริงหรือเปล่า แต่พอเห็นใบหน้าเฉยชาของนายหัว ใจดวงน้อย ๆ ของเธอก็เริ่มเต้นแรงขึ้นด้วยความกลัว กลัวว่าชายหนุ่มจะโกรธเธอจริง ๆ ลำแขนเรียวยาวเข้ากอดเอวหนาของนายหัวแห่งป่าหนาวจากด้านหลังของชายหนุ่มพร้อมกับแนบแก้มนุ่ม ๆ กับแผ่นหลังที่อบอุ่นและกว้างหนานั้นอย่างเอาใจอีกฝ่าย
“คนสำคัญในชีวิตเคียวมีไม่กี่คน แต่หนึ่งในคน ๆนั้นก็มีพี่ป่ารวมอยู่ด้วย พี่ป่าสำคัญสำหรับเคียวเสมอ สำคัญมากด้วย อย่าโกรธเคียวนะคะ เคียวแค่อยากคุยกันแบบเพื่อน ๆ กับวินนี่แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดว่าวินนี่สำคัญมากไปกว่าพี่ป่าเลย อะไรกันเป็นถึงนายหัวคุมคนงานตั้งหลายร้อยคนทำไมถึงใจน้อยด้วยเรื่องแค่นี้ ไหน เคียวขอดูหัวใจหน่อยสิว่ามันเล็กขนาดไหนกัน”
คุณหมอคนสวยถือโอกาสยกร่างบางของตัวเองไปนั่งบนตักกว้างของนายหัวแห่งป่าหนาว แล้วโอบรอบแขนเรียวไว้รอบคอแข็งแรงของเขา
“เอ...ยังไม่หายโกรธอีกหรือคะ ทำไงดีนะ เคียวนึกไม่ออกเลย”
น้ำเสียงหยอกเย้า เอาใจทำให้ชายหนุ่มพยายามเก็กหน้าให้ขรึมเอาไว้ ความจริงเขาไม่ได้โกรธอะไรเลย เพียงแต่แค่อยากแหย่สาวน้อยคนนี้เล่นเท่านั้นเอง
“เอ๊ะ..เอ๊ะ...ไม่บอก งั้นทำแบบนี้แล้วกัน”
ริมฝีปากเรียวได้รูปสีชมพูระเรื่อนั้นประกบแนบกับปากหนาได้รูปของนายหัวแห่งป่าหนาวอย่างแนบชิด พร้อมกับส่งปลายลิ้นไล้เรียวปากอย่างเรียกร้องให้ชายหนุ่มตอบสนองเธอ พนาพรรษถึงกับใจเต้นแรงเมื่อเจอปฏิกิริยาโต้ตอบของอีกฝ่าย มือหนาแข็งแรงดันร่างบางเข้าชิดอกกว้างพร้อมกับเผยอปากจูบตอบอีกฝ่ายอย่างเรียกร้องเหมือนกันจนหญิงสาวถึงกับสั่นไปทั้งตัวขณะนั่งบนตักกว้างของนายหัวแห่งป่าหนาว มือหนาแข็งแรงลูบไล้จากแผ่นหลังแล้วเลยมาถึงด้านหน้า สัมผัสกับอกนุ่มเย้ายวนมือของเขาเบา ๆ จนคุณหมอคนสวยต้องยกมือขึ้นมาจับมือหนานั้นไว้ก่อนที่มันจะเลยเถิดไปกว่านี้ พร้อมกับถอนริมฝีปากออกจากปากเข้มของชายหนุ่ม เธอยังไม่อยากอายพยาบาลหรือคุณหมอที่อาจจะเข้ามาได้
“ซนใหญ่แล้ว หายโกรธแล้วใช่มั้ยคะ เอ...หรือว่าไม่ได้โกรธ”
หญิงสาวตาโตเมื่อนึกได้ว่าเธออาจจะถูกหลอกจากใบหน้าเฉย ๆ ของนายหัวหนุ่มคนนี้
“พี่ยังไม่ได้บอกเลยว่าโกรธ แค่อยากดูว่าใครบางคนแคร์ความรู้สึกของพี่หรือเปล่า”
ชายหนุ่มประคองหน้าหวาน ๆ ของคุณหมอคนสวยไว้เต็มทั้งสองมือพร้อมกับส่งสายตาแวววาว กรุ่มกริ่มใส่หญิงสาวกัดริมฝีปากด้านล่างของตัวเองเล่นอย่างขัดใจเมื่อรู้ว่าโดนอีกฝ่ายต้มเสียจนเปื่อย
“แล้วแคร์มั้ยล่ะคะ เคียวทั้งแคร์ ทั้งห่วง ทั้งหวงพี่ป่าจะตายไป ไปได้แล้วค่ะ เดี๋ยวคะ..คุณแม่จะรอนาน”
ประโยคท้ายนั้นทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างพอใจ เมื่อได้ยินคนในอ้อมกอดเรียกชื่อมารดาของเขาถึงแม้จะยังขัดเขินบ้างก็ยังน่ารักในความรู้สึกของเขา ชายหนุ่มตัดใจยกร่างบางไปวางไว้บนเตียงของโรงพยาบาล ก่อนจะก้มจูบปากหวาน ๆ ของหญิงสาวอีกครั้งแล้วเดินออกไปจากห้องพักคนป่วยอย่างตัดใจ ถ้าเขาไม่ต้องรีบไปบอกเรื่องของขวัญพรรษกับคนเป็นแม่ เขาก็อยากอยู่หวานกับหญิงสาวคนนี้ต่อ แต่เรื่องที่กำลังจะไปบอกมารดาก็สำคัญกับเขามาก เขาต้องจัดการเรื่องนี้ให้มันถูกต้อง ถึงจะไม่ใช่ในเวลานี้ก็เถอะ แต่เขาก็อยากได้สิทธิ์ดูแลหญิงสาวในห้องอย่างเร็วที่สุด เพราะว่าตอนนี้เขาเป็นห่วงคุณหมอคนสวยเหลือเกิน
นายหัวแห่งป่าหนาวขับรถออกไปจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว จนลืมสังเกตว่ามีรถของฟาร์มมุกป่าหนาวขับเลี้ยวเข้ามาจอดในเวลาใกล้ ๆ กันกับที่เขาขับออกไป บุษราลัลน์ก้มหน้าลงเล็กน้อยเมื่อคิดว่านายหัวหนุ่มจะหันมามองแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอจึงขับรถเข้าไปจอดตรงที่ว่างที่ว่างอยู่ขณะนั้น
เธอแค่อยากดูว่าคุณหมอคนสวยคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมทุกอย่างถึงเข้าข้างมันได้ แผนของเธอพังไม่เป็นท่า ถ้าเพียงพนาพรรษไม่เป็นเห็นมันเสียก่อนเธอคิดว่าศพต่อไปต้องเป็นนังหมอคนสวยนี่แน่นอน
เสียงเคาะประตูห้องทำให้ขวัญพรรษเหลียวไปมองและยิ้มรับเพราะคิดว่าเป็นวินนี่เพื่อนรักของเธอ แต่คนที่เข้ามาทำให้รอยยิ้มนั้นจากหายไปนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้หายไปจากใบหน้าหวาน ๆของหญิงสาวเลย
“สวัสดีค่ะคุณบุษ”
คุณหมอเอ่ยทักก่อนเป็นคนแรกเมื่อเจอสายตาเย็นชามองมาที่เธออย่างแน่วแน่
“เก่งนี่ รอดมาได้”
“หมายความว่าอย่างไรคะ”
ขวัญพรรษรีบถามออกไปทันที เธอได้ยินไม่ผิดแน่นอน คำพูดนั้น สายตาแบบนี้ เย็นชา มองราวกับว่าไม่มีเธออยู่ตรงนี้เลย
“เปล่าค่ะ ฉันแค่บอกว่าเธอเก่ง หายป่วยแล้ว”
ดูเหมือนบุษราลัลน์จะเริ่มรู้สึกตัว จึงยิ้มให้คุณหมอคนสวยแล้วเดินเข้าไปใกล้คุณหมอคนสวยอีกนิด แล้วคิ้วเรียวก็ต้องขมวดเข้าหากันถึงแม้มันจะได้กลิ่นอ่อน ๆ ก็เถอะ แต่เธอว่ากลิ่นมันคุ้น ๆ หรือจะให้บอกมันก็กลิ่นเดียวกับที่เธอได้กลิ่นอยู่ขณะนี้ เป็นไปได้หรือที่บุษราลัลน์จะถอดเสื้อไว้ในถ้ำ แล้วถอดไว้ทำไม หรือว่าจะทิ้งมัน ทิ้งหรือ....หรือว่าไม่อยากให้ใครเห็น แล้วทำไมถึงไม่อยากให้ใครเห็น เพราะมันเป็นความลับหรือ บุษราลัลน์มีความลับอะไรถึงต้องปกปิดขนาดนี้
“ไม่ได้เก่งหรอกค่ะ ตอนแรกคิดว่ตัวเองต้องตายเสียอีก ดีที่เห็นถ้ำที่อยู่ด้านหลังโกฏของคุณฟ้า แต่แปลกนะคะ ในถ้ำนั่นมีชุดดำของใครก็ไม่รู้ทิ้งไว้ ฉันก็เลยเอาห่ม และที่แปลกสุด ๆ นะคะ มันมีกลิ่นน้ำหอม เหมือนกับฉันเคยได้กลิ่นที่ไหน แถวนี้หรือเปล่าน้า”
คุณหมอยื่นหน้าเข้าไปดมใกล้ ๆ บุษราลัลน์แล้วเหลือบสายตาขึ้นมองดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แต่ทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บุษราลัลน์ขยับออกไปนิดนึงแล้วมองขวัญพรรษด้วยรอยยิ้มนิด ๆ
“แหม คุณเคียวคะ น้ำหอมใครฉีดก็ฉีดได้ทั้งนั้นแหล่ะค่ะ”
บุษราลัลน์พยายามถอยตัวเองออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายไม่สงสัย เธอไม่ระวังตัวเลยวันนี้ เพราะไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะรู้เรื่องเสื้อพวกนั้น เห็นทีเธอต้องรีบกำจัดมันออกไปให้เร็ว ๆ เสียแล้ว
“แต่เคียวว่ากลิ่นมันเหมือนของคุณบุษเลยนะ”
ขวัญพรรษปล่อยระเบิดลูกแรกออกไปพร้อมกับแอบมองสังเกตอาการของหญิงสาวที่ยืนที่หน้าเธอขณะนี้
“ก็บุษบอกแล้ว น้ำหอมใครใช้ก็ได้ หรือว่าคุณเคียวไม่เคยได้กลิ่นนี้จากคนอื่น”
ก็จริงของบุษราลัลน์เธอได้กลิ่นน้ำหอมแบบนี้บ่อย ๆ ไป
“คุณเคียวจะบอกว่าเสื้อพวกนั้นเป็นของบุษหรือคะ แหม..มันจะไม่เป็นการใส่ร้ายกันจนเกินไปหรือคะ แล้วอีกอย่างถ้าเสื้อพวกนั้นมันเป็นของฆาตกร บุษก็ต้องเป็นฆาตรกรด้วยงั้นหรือคะ”
คำถามราบเรียบของบุษราลัลน์ทำให้ขวัญพรรษมองหญิงสาวอย่างมีสติ เริ่มคิดตามที่หญิงสาวบอก เธอยังมีหลักฐานไม่พอจะเอาแค่เรื่องต่างหู กับน้ำหอมมาวัดว่าบุษราลัลน์เป็นฆาตรกรไม่ได้ แต่เป็นผู้ต้องสงสัยในเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน
“เคียวขอโทษค่ะ ถ้ามันเป็นการล่วงเกินคุณบุษ เพียงแต่เคียวนึกได้ว่ามันเหมือนกันมากกว่า แต่ก็อย่างที่คุณบุษว่ากลิ่นนี้มีคนใช้เกลื่อนไปหมดทั้งถูก แพง ก๊อบ ของแท้ ดมไม่ออกเลยค่ะว่ามั้ยคะ”
อิ..อิ.ขอกัดนิดนึงแล้วกันนะว่าใช้ของโหล หมั่นไส้จริง ๆ ยืนตัวแข็งคอเชิดอยู่ได้ บุษราลัลน์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อีกครั้งพยายามระงับอารมณ์โกรธเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายยั่วว่าเธอใช้ของโหลราคาถูกเหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไป ให้มันพูดไปก่อนเถอะ มันจะพูดได้อีกไม่นานหรอก แล้วนักวิทยาศาสตร์คนสวยก็เดินออกไปจากห้องพักของคนป่วยโดยไม่มีคำร่ำลาอะไรทั้งสิ้นจนคุณหมอคนสวยยังงง ๆ กับการไปการมาของนักวิทยาศาสตร์ร่างบางเมื่อสักครู่
..............................................................................................................
ดวงตาคมเข้มค่อย ๆ กระพริบเล็กน้อยเพื่อปรับระดับสายตาตัวเองให้เข้ากับแสงไฟที่กำลังสาดส่องทั่วห้องรับแขกของบ้านใหญ่ในขณะนี้ คิ้วเรียวเข้มค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกเจ็บที่มุมปากของตัวเอง พนาพรรษยกกายตัวเองขึ้นนั่งพร้อมกับยกมือขึ้นจับบริเวณที่ปวดตุบ ๆ แล้วกุมศีรษะตัวเองเอาไว้ มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ทำไมเขาถึงได้มานอนตรงนี้ แล้วทำไมพวกคนพวกนี้ถึงได้มาอยู่ตรงนี้ได้ ดวงตาค้มเข้มค่อย ๆ ปราดไปมองผู้คนที่อยู่รอบข้างที่ละคน ๆ ราวกับคิดตรองแล้วไปหยุดที่ต้นน้ำ ซึ่งยืนขึ้นเหมือนรับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ต้นน้ำค่อย ๆ ถอยออกไปหนึ่งก้าวเพื่อตั้งหลักเมื่อเห็นดวงตาคมเข้มของเพื่อนรักค่อย ๆ เบิกกว้างขึ้นเมื่อนึกถึงสถานการณ์ก่อนหน้านั้นออก
“เคียวหล่ะ ไอ้น้ำ เคียวอยู่ไหน มีใครออกไปช่วยเคียวหรือยัง”
ผิดคาด ต้นน้ำคิด นึกว่ามันจะพุ่งเข้าใส่เขาอย่างเต็มที่ ที่ไหนได้มันถามหาคุณเคียวก่อนเป็นอันดับแรก
“ฉันรอแกอยู่ ตอนนี้พายุสงบแล้ว เราจะออกไปตามหาคุณเคียวกะ....”
ต้นน้ำยังพูดไม่ทันจบประโยคดีร่างสูงก็โผเผออกไปจากบ้านวิ่งไปที่ท่าเรืออย่างรวดเร็วจนต้นน้ำ บุษราลัลน์ วิทวัส และมนัญญาที่เพิ่งทราบเรื่องวิ่งตามออกไปแทบไม่ทัน ร่างสูงของนายหัวกระโดดลงเรือที่จอดรอไว้ก่อนหน้านั้นแล้วอย่างเร่งรีบก่อนจะขับออกไปโดยที่ไม่ฟังเสียงตะโกนเรียกของบุษราลัลน์กับต้นน้ำเลย
“ป่าคะ บุษไปด้วย ป่า ป่าคะ”
บุษราลัลน์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะกระโดดลงเรือไปพร้อมกับวิทวัส มนัญญา และต้นน้ำที่ลงไปก่อนหน้านั้นแล้ว ลุงหวานกับลูกเรืออีกสามสี่คนลงเรืออีกลำแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อตามนายหัวหนุ่มของตัวเองไป
ความมืดรอบตัวและความหนาวเย็นจากลมทะเลทำให้ร่างบางที่ขยับตัวอย่างปวดร้าว ศีรษะเธอปวดแทบยกไม่ขึ้น เธอกำลังเป็นไข้ ขวัญพรรษค่อย ๆ ขยับร่างของตัวเองขึ้นนั่งแล้วกวาดสายตาไปรอบข้างอย่างหวาดกลัว เธอยังไม่ตายหรือนี่ หญิงสาวคิดถึงเรื่องก่อนหน้านั้นเธอหมดสติไปกลางทะเลหลังจากนั้นเธอก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลยจนตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหนาวเย็นปวดร้าวทั้งตัวแบบนี้ ร่างบางค่อย ๆ พยุงตัวเองขึ้นมาก่อนจะมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง แสงจันทร์ในคืนเดือนหงายช่วยให้เห็นทางเดินได้บ้างแม้จะเพียงลาง ๆ ก็เถอะ คุณหมอคนสวยมองไปตามทางเดินเล็ก ๆ ซึ่งน่าจะมีคนเดินไว้เป็นประจำเพราะมันเห็นเป็นแนวได้อย่างชัดเจน หญิงสาวตัดในใจเดินไปตามทางเดินเล็ก ๆ นั่น เธอต้องไปจากตรงนี้ก่อน มันไม่มีที่ซ่อนตัว และไม่น่าจะปลอดภัยถ้ามีใครที่ไม่รู้จักผ่านเข้ามา ถึงแม้มันจะเป็นที่ส่วนตัวก็เถอะ แต่ถ้ามีใครที่เธอไม่รู้จักมันอาจจะเป็นอันตรายสำหรับเธอได้ร่างบางเดินไปตามแนวทางที่เห็นรางเลือนนั้นอย่างช้า ๆ ทางที่ค่อย ๆ ชันขึ้นไปตามไหล่เขา หรือว่ามันจะเป็นทางที่ขึ้นไปยังอัฐิของปรายฟ้าเหมือนที่บุษราลัลน์บอกเอาไว้ หญิงสาวรัดอ้อมกอดของตัวเองแน่นเข้าอีกนิดเมื่อลมหนาวพัดผ่านร่างบางที่หนาวสั่นอยู่แล้วให้สั่นไปกว่าเดิมอีก ปากบางนั้นสั่นนิด ๆ เมื่อต้องกับสายลม คุณหมอพยายามฝืนร่างกายตัวเองให้เดินไปตามทางนั้นที่เห็นอย่างลางเลือน เวลาผ่านไปนานขนาดไหนเธอไม่อาจทราบได้ รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เธอเดินขึ้นมาจนสุดยอดเกาะหนาวแล้วก็ว่าได้เพราะตอนนี้เธอสามารถมองเห็นทะเลกว้างขนาดใหญ่ได้ถนัดตา แสงไฟจากเรือดวงเล็ก ๆ นั้นทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างยินดี มีคนมาตามหาเธอแล้ว หรือเธอจะลงไปข้างล่างดี แล้วถ้าไม่ใช่คนของเกาะหนาวหล่ะ ริมฝีปากที่ยิ้มอยู่เมื่อสักครู่หุบลงฉับพลัน ป่านนี้แล้วพี่ป่าจะรู้หรือเปล่าว่าเธอหายไป บุษราลัลน์จะบอกเขามั้ย เขาจะเป็นห่วงเธอมั้ยหรือว่าความโกรธเคืองเรื่องสวนนกทำให้เขาไม่สนใจเธอ ปล่อยเธอให้เผชิญชะตากรรมอย่างนี้เพียงลำพัง
“พี่ป่าจะโกรธเคียวขนาดนี้เลยหรือคะ”
เสียงสั่น ๆ ดังแผ่วเบาราวกับกลัวว่าถ้าเธอพูดแรงกว่านั้นใครบางคนจะได้ยินแล้วตอบกลับเธอมาด้วยคำตอบที่เธอกลัวแสนกลัว ดวงตากลมโตแดงก่ำขึ้นมาทันทีพร้อมกับน้ำตาที่คลอปริ่มดวงตากลมโตคู่นั้น สายตาหวาดกลัวค่อย ๆ กวาดสายตาไปรอบ ๆ ข้างแล้วต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นเจดีย์สีขาวสะอาดตาตั้งอยู่ที่ปลายยอดเขาแห่งนั้นด้านหลังเป็นป่ารกชัฎ รูปภาพขนาดเล็กครึ่งกระดาษเอสี่ของหญิงสาวคนหนึ่งติดไว้ตรงกลางเจดีย์ ขวัญพรรษค่อย ๆ เดินไปหยุดตรงหน้ารูปภาพนั้น ก่อนจะค่อย ๆ ทรุดนั่งลงกับพื้นดินที่ชื่นไปด้วยน้ำฝน
“คุณฟ้าหรือคะ เคียวเองนะคะ เคียวขอโทษที่ทำให้ของรักของคุณฟ้าตายหมด เคียวไม่รู้จริง ๆ ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เคียวยืนยันกับคุณฟ้าได้เลยว่าไม่ใช่เพราะเคียวแน่ ๆ แต่มันต้องมีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เคียวไม่รู้ว่าใคร คุณฟ้าจะโกรธเคียว เกลียดเคียวก็ได้ ถ้าคุณฟ้ารู้ว่าเป็นใครขอให้คุณฟ้าดลใจเคียวให้จับคนร้ายได้สักที แล้วอีกเรื่อง...เคียวขอโทษ แต่เคียวรักพี่ป่าจริง ๆ เคียวอยากดูแลพี่ป่า ไม่อยากให้พี่ป่าต้องเศร้าใจอีก คุณฟ้ารู้หรือเปล่าคะ ว่าตั้งแต่คุณฟ้าจากไปพี่ป่าไม่เคยยิ้ม หัวเราะอย่างมีความสุขสักที อาจเป็นเพราะพี่ป่าไม่สามารถลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ พี่ป่าเฝ้าโทษตัวเองตลอดเวลาว่าเป็นเพราะพี่ป่าที่ดูแลคุณฟ้าไม่ดี เลยทำให้คุณฟ้าเป็นแบบนี้ คุณฟ้าเองก็คงรักพี่ป่าและอยากให้พี่ป่ามีความสุข เคียวเองก็เหมือนกัน เคียวขออนุญาตรักพี่ป่า และดูแลพี่ป่านะคะ อย่าโกรธเคียวกับพี่ป่าเลย”
เสียงกระซิบปลิวไปกับสายลมที่พัดโชยมาอย่างแรง หญิงสาวถึงกับขนลุกซู่เมื่อคิดว่านี่คือคำรับรู้ของหญิงสาวผู้จากไปแล้ว
“ถ้าการตายของคุณฟ้ามีเงื่อนงำเหมือนที่เคียวสงสัย คุณฟ้าต้องช่วยเคียวเอาตัวคนร้ายมาให้ได้นะคะ เราจะได้รู้กันเสียทีว่าใครเป็นคนทำร้ายคุณฟ้า หรือว่าจริง ๆ แล้ว คุณฟ้าจมน้ำตายเอง”
เสียงลมกระโชกมาอย่างแรงอีกครั้งราวกับรับรู้ถึงคำบอกกล่าวของคุณหมอคนสวย ขวัญพรรษยิ้มให้กับรูปภาพนั้นอีกครั้งก่อนที่สายตาเธอจะไปปะทะเห็นอะไรบางอย่าง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อมองไปด้านหลังเจดีย์สีขาวที่เห็นต้นไม้ขึ้นรกเต็มไปหมด แต่ถ้ามองดูดี ๆ แล้วมันเหมือนกับมีทางเดินเล็ก ๆ ที่มีใครพยายามปกปิดเอาไว้ไม่ให้เห็นเดินเข้าไปในนั้นได้ ขวัญพรรษมองไปยังทะเลกว้างที่เริ่มเห็นเด่นชัดขึ้นอีกนิดเพราะแสงอาทิตย์กำลังจะสาดส่องอีกไม่กี่เพลาข้างหน้านี้ นี่มันจะเช้าแล้วหรือ คุณหมอคนสวยกอดอกเข้าหัวตัวเองให้แน่นขึ้นอีกครั้งเมื่อสายลมโชยพัดเข้าหนาตัวเธอจนเธอหนาวสั่นไปทั้งกาย ร่างบางเดินไปตามทางเดินด้านหลังเจดีย์นั้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เท้าขยับแรง ๆ เข้ากับพุ่มไม้เผื่อว่ามีสัตว์ร้ายอะไรมันจะได้หนีไปให้ไกลจากเธอ และเมื่อเดินเข้าไปได้สามก้าวดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นปากถ้ำที่ไม่ลึกมากอยู่ข้างหน้า นี่ถ้าไม่ได้สังเกตก็จะไม่มีใครทราบเลยว่ามีถ้ำอยู่ด้านหลังเจดีย์แห่งนี้ ร่างบางเดินเข้าไปช้า ๆ พื้นเฉอะแฉะภายในถ้ำไม่ได้ทำให้หญิงสาวรังเกียจแต่อย่างใด มันดีเสียอีกเธอสามารถหลบความหนาวเย็นจากสายลมที่พัดแรงบนยอดเขาแห่งนี้ได้ หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งแล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอทับโดนอะไรที่นิ่ม ๆ ดวงตากลมโตค่อย ๆ เพ่งมองสิ่งนั้นเพื่อให้สายตารับภาพที่เกิดขึ้นในความมืดสลัวได้อีกนิด
“เสื้อ...ของใครกัน”
คุณหมอคนสวยยกเสื้อสีดำขึ้นมาดูอย่างแปลกใจ ถ้าอย่างนั้นคงมีคนสังเกตเห็นถ้ำนี้ก่อนเธอแน่นอน แล้วเป็นใครหล่ะ สายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นกางเกงสีดำอีกตัวที่กองไว้ถัดไปอีกนิด ตัวเล็กจัง ไม่น่าจะเป็นของผู้ชายได้ หมวกนี่ด้วย ถ้าอย่างนั้นคงเป็นของผู้หญิง ผู้หญิง ใครกันหล่ะ
“โอ๊ย...ปวดหัวจังเลย”
คุณหมอคนสวยครางก่อนจะวางปูกางเกงไว้กับพื้นถ้ำอย่างน้อยมันก็ป้องกันไม่ให้เธอแข็งตายก็แล้วกัน ร่างบางยกเสื้อสีดำขึ้นมาห่มตัวเอง แล้วต้องแปลกใจเมื่อความหอมของน้ำหอมบางอย่างมันเตะปลายจมูกเธอ แสดงว่าเจ้าของเสื้อตัวนี้คงเพิ่งทิ้งไว้ที่นี่ไม่นาน และสิ่งที่ต้องแปลกใจกว่าก็คือของบางอย่างที่ร่วงหล่นบนตัวเธอเมื่อเธอสะบัดเสื้อขึ้นห่มตัวเองไว้
“ต่างหู เหมือนกันเลย”
หญิงสาวเพ่งดูสิ่งที่อยู่ในมือนั้นแล้วความคิดอะไรบางอย่างก็เปิดเผยออกมา มันอันเดียวกับที่บุษราลัลน์บอกว่าอยู่ที่ห้องแล้วมันมาอยู่นี่ได้อย่างไร เพราะอีกอันอยู่ที่วินนี่แน่นอน ถ้าอย่างนั้นบุษราลัลน์ต้องเกี่ยวข้องกับชุดดำแน่นอน และอาจจะเป็นคนที่ฆ่าปรายฟ้าตายก็เป็นได้ ฆาตรกรที่หาตัวอยู่ไม่ใช่ใครที่ไหน บุษราลัลน์นั่นเอง หญิงสาวค่อย ๆ หยิบต่างหูใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเอง เธอพยายามฝืนตัวเองให้ลืมตาอีกครั้ง และบอกกับตัวเองว่าอย่าหลับ แต่ร่างกายของเธอมันอ่อนแรงเหลือเกินแล้ว เธอความเจ็บป่วยไว้ไม่ไหว หนาวเหลือเกิน ร่างเล็ก ๆ ค่อย ๆ ขดตัวเข้าหาตัวเองแน่น เพราะความหนาวเย็น และอาการไข้ของตัวเองก่อนจะหลับตาลงแล้วความคิดทั้งหมดก็อันตทานหายไปปิดการรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ อีกครั้ง
แสงอาทิตย์ของวันใหม่ที่สาดส่องจากพระอาทิตย์ดวงโตกำลังพ้นขึ้นเหนือขอบทะเลที่อยู่ไกลแสนไกลนั้น แสงของมันทำให้เขาเห็นเรือสีขาวที่มีโลโก้ของป่าหนาวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นายหัวหนุ่มมองเรือที่ลอยคว้างกลางทะเลอย่างใจหาย ขอให้ร่างของคนที่เขาห่วงสุดหัวใจอยู่ในเรือนั้นเถอะ อย่าให้มันเป็นอย่างที่เขากลัวเลย
“เคียว เคียว พี่มาแล้ว เคียวอยู่ในนั้นหรือเปล่า”
เงียบไร้เสียงตอบรับ หัวใจที่เต้นแรงเมื่อครู่กลับเต้นแรงยิ่งกว่าเก่า ความหวาดกลัวเข้ามาเกาะกินหัวใจดวงโตของนายหัวหนุ่มทันที และเมื่อจอดเรือเทียบกับลำที่ลอยคว้างอยู่กลางทะเลนั้นแล้ว ดวงตาคมเข้มของนายหัวหนุ่มก็กวาดหาร่างบางของขวัญพรรษทันที ว่างเปล่า ดวงตาของเขาบอกว่าอย่างนั้น แล้วหญิงสาวหายไปไหน นายหัวกระโดดข้ามไปในเรือทันทีก่อนจะตะโกนเรียกหญิงสาวเสียหลง
“เคียว เคียว”
เหมือนเดิมเงียบสงัด มีเพียงเสียงคลื่น กับเสียงเครื่องยนต์ของเรืออีกสองลำที่กำลังจอดเทียบเรือเขาอยู่ขณะนี้
“ไอ้ป่า เห็นคุณเคียวมั้ย”
ต้นน้ำกระโดดขึ้นเรืออย่างรวดเร็วเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของเพื่อนรัก ใจของเขาก็ไม่ได้แล้ว
“มะ..ไม่มี น้ำหรือว่า..”
นายหัวแห่งป่าหนาวหยุดคำพูดไว้อย่างเฉียบพลัน ราวกับว่าถ้าเขาพูดออกไปสิ่งที่เขาคิดมันจะเป็นจริง เพียงแค่คิดเท่านั้นมันเหมือนกับมีเข็มนับร้อยนับพันทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจทันที
“มะ..ไมจริง..ฉะ..ฉันไม่เชื่อ”
นายหัวกล่าวออกมาเสียงสั่นพร่าก่อนจะกวาดสายตาไปรอบ ๆ ข้าง เรือลำเล็กนี้ลอยห่างออกมาจากเกาะหนาวไกลกว่าเดิมอีกหลายเท่า ถ้าหญิงสาวว่ายน้ำไปจากระยะตรงนี้ต่อให้เป็นนักกีฬาทีมชาติก็คงแทบขาดใจ แล้วขวัญพรรษหล่ะ ไม่ได้เป็นอะไรเลย แถมยังว่ายน้ำไม่เป็นด้วย
“ป่า ฉันว่าไปดูที่เกาะหนาวก่อนมั้ย คุณเคียวอาจจะว่ายไปที่นั่นก็ได้”
“ว่ายหรือ...เคียวว่ายน้ำไม่เป็น ไอ้น้ำ แกได้ยินมั้ยเคียวว่ายน้ำไม่เป็น”
คำตอบนั้นทำเอาต้นน้ำชาวาบไปทั้งตัว เขาไม่รู้เลยว่าขวัญพรรษว่ายน้ำไม่เป็น ไม่อย่างนั้นเขาคงยอมให้เพื่อนตัวเองเสี่ยงขับเรือออกมาตอนนั้นก็ได้
“เคียว อยู่ไหน อย่าล้อพี่เล่นแบบนี้สิ”
เสียงแหบพร่าของนายหัวตะโกนลั่นท้องทะเลกว้าง แต่ทุกอย่างกลับเงียบสงัดต้องย้ำความจริงที่เขาต้องยอมรับ
“ป่าคะ มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เรากลัวก็ได้ เดี๋ยวบุษขับเรือไปดูที่เกาะหนาวให้แล้วกันนะคะ”
บุษราลัลน์บอกแล้วกระโดดขึ้นเรืออีกลำที่ว่างอยู่แล้วขับออกไปทันที ไม่ได้รอขอคำอนุญาตจากใครเลย เหมือนเธอบอกไปอย่างนั้นเอง
“คุณป่าครับหรือว่าเราจะลองงะ...”
ลุงหวานแทบสะดุ้งตกเรือเมื่อได้ยินเสียงตะวาดกลับมาของคนเป็นเจ้านาย
“ไม่ เคียวต้องไม่เป็นอะไร”
นายหัวตอบกลับเสียงเข้มก่อนจะตวัดสายตาไปมองลุงหวานราวกับอาฆาตรกันมานาน
“ไอ้ป่าฉันว่าเราน่าจะลองเหมือนที่ลุงหวานบอก”
“ไม่..ฉันบอกว่าไม่ก็ไม่ เคียวต้องรอฉันอยู่แถว ๆ นี้แหล่ะ หรือไม่ก็อยู่ที่เกาะหนาว ฉันจะไปเกาะหนาว เคียวต้องว่ายน้ำไปที่นั่นแน่”
นายหัวแห่งป่าหนาวกล่าวเสียงเข้า แต่ในน้ำเสียงมันยังมีความไม่แน่ใจ ความกังวลใจ ความกลัวต่าง ๆ หลงเหลืออยู่ราวกับว่าเขาหลอกตัวเองเพื่อป้องกันความเจ็บปวดที่ได้รับ
“ป่า....ฉันว่าแกทำใจไว้บะ...”
“ไม่ ฉันบอกแล้ว เคียวไม่เป็นอะไร ไปเกาะหนาวกันเถอะ”
ร่างสูงของนายหัวหนุ่มสะบัดมือที่จับไหล่หนาของเขาไว้ราวกับปลอบโยนของต้นน้ำทิ้ง แล้วกระโดดขึ้นเรือขับออกไปทันที เขายังมีหวัง เขายังมีหวัง นายหัวหนุ่มบอกกับตัวเองพร้อมกับกัดกรามเข้าหากันอย่างหวาดกลัว ขอให้ดวงใจของเขายืนอยู่ที่เกาะหนาวเถอะ แล้วเขาจะไม่ขออะไรอีกเลย
“เคียวแกอยู่ไหน เคียว”
เสียงวินนี่ตะโกนเรียกเพื่อนสาวอย่างกังวลใจ ขอให้เกาะหนาวเป็นที่ที่เป็นเพื่อนสาวเธออยู่เถอะ ถ้าไม่อย่างนั้นป่าหนาวระเบิดแน่
“ไปเถอะโม คุณวินนี่ เราไปเกาะหนาวกัน ลุงหวานขับไปก่อนได้เลยครับ”
ต้นน้ำตะโกนบอกลุงหวานให้ขับเรือไปก่อนแล้วตัวเองขับตามไปทีหลัง
บุษราลัลน์จอดเรือก่อนจะกระโดดลงจากเรือเดินมองไปรอบ ๆ เกาะหนาวด้วยสีหน้าพึงพอใจ อย่างน้อยนังเคียวมารหัวใจของเธอมันก็ไม่อยู่ตรงนี้ หญิงสาวมองไปตามทางเดินเล็ก ๆ ที่ขึ้นไปด้านบนของยอดเขาบนเกาะก่อนจะตัดสินใจเดินขึ้นไปข้างบนเพื่อความรอบคอบ เธอต้องตรวจให้หมด
“คุณเคียว คุณเคียวคะ”
เสียงหวาน ๆ ตะโกนเรียกหาคุณหมอคนสวยด้วยรอยยิ้ม บุษราลัลน์ยิ้มมากกว่าเก่าเมื่อเรียกแล้วไร้เสียงตอบรอบของคุณหมอคนสวย
“อะไรกัน ง่าย ๆ แค่นี้เองเหรอ ไม่สมกับที่วางแผนไว้เลย”
เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นเมื่อเธอเดินขึ้นไปถึงยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของเจดีย์สีขาว แล้วมองไปที่รูปอย่างหมิ่น ๆ
“ฟ้า เธออยู่ตรงนี้เธอเห็นนังผู้หญิงใจง่ายคนใหม่ของป่าหรือเปล่า ฉันเตือนมันแล้ว แต่มันไม่ฟัง มันก็เป็นแบบนี้แหล่ะ โง่ โง่ กันทั้งนั้น ต่อไปเธอคงจะมีเพื่อนอีกคนแล้วนะฟ้า จะได้ไม่เหงา เธอต้องขอบใจฉันถึงจะถูก ปรายฟ้า”
บุษราลัลน์เอ่ยเสียงเบาราวกับต้องการพูดกับปรายฟ้าเพียงเท่านั้น ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสะใจ แล้วมองลงไปด้านล่างเมื่อเห็นเรือของพนาพรรษแล่นเข้ามาจอดที่ชายหาดเรียบร้อยแล้ว
“เสียใจด้วยนะคะ ป่า ในเมื่อบุษไม่ได้ คนอื่นก็ไม่ได้เหมือนกัน”
เสียงหวาน ๆ เปลี่ยนเป็นเข้มขึ้นทันทีเมื่อมองชายหนุ่มที่กำลังตะโกนเรียกขวัญพรรษอย่างทุรนทุรายอยู่ด้านล่างก่อนที่ร่างบางของบุษราลัลน์จะเดินทำหน้าสลดลงไป
“เคียว เคียวอยู่ไหน”
นายหัวแห่งป่าหนาวตะโกนเรียกหญิงสาวผู้เป็นดั่งดวงใจลั่นเกาะหนาว พร้อมกับกวาดสายตัวไปทั่ว ๆ มองหาเผื่อว่าหญิงสาวจะอยู่ที่ไหนที่หนึ่งในเกาะหนาวแห่งนี้
“เคียว พี่มาหาแล้ว พี่อยู่นี่ ไม่ต้องกลัวนะ ออกมาหาพี่เถอะ”
เงียบไร้เสียงตอบรับเหมือนเคย และเสียงเงียบนี้เปรียบเสมือนก้อนหินที่มันหล่นมาทับหัวใจของเขาในเวลานี้
“ได้โปรด เคียว...อย่าฆ่าที่ทั้งเป็นแบบนี้”
เสียงตะโกนนั้นไม่หยุด ร่างสูงเดินไปรอบเกาะพร้อมกับตะโกนเรียกไม่ขาด แต่สิ่งที่ได้รับมันกลับบั่นทอนความมั่นใจของเขาทิ้งจนหมดสิ้น
“เคียว...เคียว”
ต้นน้ำมองภาพนั้นอย่างเสียใจ เพื่อนเขารักขวัญพรรษมากขนาดนี้เลยหรือ แล้วทำไมเรื่องราวต่าง ๆ มันถึงเป็นเหมือนเดิมตามรอยเดิมทุกอย่าง ทำไมความรักของเพื่อนเขาไม่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ ทั้งที่พนาพรรษเพรียบพร้อมไปทุกอย่างทั้งรูปสัมบัติ คุณสมบัติ
“ลุงหวาน ให้พวกเราหาคุณเคียวให้ทั่วเกาะนะ”
“ครับคุณน้ำ”
ลุงหวานรับคำก่อนจะบอกให้คนงานหาคุณหมอคนสวย พร้อมกับตะโกนเรียกเสียงดังไม่ขาดสาย
“เคียว แกได้ยินฉันมั้ย เคียว”
วินนี่ตะโกนเรียกเพื่อนเสียงสั่น เขากลัวเหลือเกิน ทำไมเรื่องร้าย ๆ ถึงเกิดกับเพื่อนเขาได้นะ
เวลาผ่านไปจนสายแล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิม นายหัวแห่งป่าหนาวเดินกลับมาที่เก่าด้วยท่าทางเงียบ ไม่มีใครเดาออกได้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ ไหล่ที่เคยผึ่งผายตั้งตรงอยู่ตลอดเวลา บัดนี้ลู่ลงราวกับแบกอะไรที่หนักเอาไว้จนเกินจะทานทนไหว ดวงตาคมเข้มแดงก่ำ ปลายจมูกโด่งแดงก่ำด้วยเช่นกัน ริมฝีปากหนาโดนขบไว้จนแน่นเพื่อกลั้นความเสียใจไม่ให้มันหลุดออกมาให้คนอื่นได้ยิน ลูกผู้ชายอย่างเขาต้องอดทนกับเรื่องแบบนี้เสมอ
“คุณน้ำครับผมตามหารอบเกาะแล้ว ไม่มีวี่แววเลยครับ”
คนงานสองสามคนที่วิ่งกลับมา พร้อมกับลุงหวานบอกเสียงเดียวกัน แต่มันก็ไม่ได้เข้ามาในโสตประสาทของนายหัวหนุ่มแต่อย่างใด
“เจอมั้ยคะ บุษขึ้นไปหาด้านบนก็ไม่มี”
คำว่าด้านบนทำให้นายหัวเงยหน้าขึ้นไปมองแล้ววิ่งขึ้นไปตามทางเดินเล็ก ๆ ไปอย่างรวดเร็ว
“ป่าคะ บุษขึ้นไปแล้วไม่มีหรอกค่ะ ไม่ต้องขึ้นไปหรอก”
ร่างบางของบุษราลัลน์รีบวิ่งเข้าไปขวางร่างสูงใหญ่ของนายหัวไว้ทันที วิทวัสมองดูเห็นเหตุการณ์อย่างสงสัยว่าทำไมบุษราลัลน์ถึงกีดขวางไม่ให้พนาพรรษขึ้นไปข้างบน
“คุณบุษขึ้นไปแล้วจริงหรือเปล่าครับ”
วินนี่ถามบุษราลัลน์ออกไปทันที
“ขึ้นไปแล้วค่ะ ทำไมคะ คุณวินนี่นึกว่าบุษจะล้อเล่นกับเรื่องเป็นเรื่องตายแบบนี้หรือคะ บุษขึ้นไปแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรนอกจาก...อัฐิของฟ้า”
คำว่าอัฐิของฟ้าทำให้ดวงตาคมเข้มของพนาพรรษไหววูบขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่คำพูดของบุษราลัลน์ก็ไม่อาจกั้นขวางนายหัวหนุ่มไว้ได้ ชายหนุ่มเดินขึ้นไปอย่างไม่รั้งรออีกต่อไป ต้นน้ำเห็นดังนั้งจึงจูงมือมนัญญาขึ้นไปด้วย วินนี่เดินตามไปพร้อมกับลุงหวานและคนงานที่เหลือ พวกเขาเองก็อยากให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่ใจคิด ด้านบนคุณเคียวอาจจะอยู่ตรงนั้น
“เคียว เคียว อยู่ไหน”
เสียงห้าวของชายหนุ่มแหบพร่าขึ้นมาทันทีเมื่อต้องเอ่ยชื่อของหญิงสาวคนรักซึ่งตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้
“เคียวนี่ฉันเองนะ แกอยู่ไหน พวกฉันมาช่วยแกแล้ว”
วิทวัสตะโกนไม่ขาดเสียง
“คุณเคียวคะ นี่โมนะคะ คุณเคียวอยู่ตรงนี้หรือเปล่า”
เสียงทุกคนต่างผลัดกันร้องเรียกหาคุณหมอคนสวยไม่ขาดสาย เสียงทุกเสียงดังก้องไปทั่วขุนเขาแห่งเกาะป่าหนาวแต่ดูเหมือนร่างที่นอนขดหมดสติอยู่ในถ้ำด้านหลังเจดีย์จะไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น เพราะถ้าแค่เพียงได้ยิน หญิงสาวคงดิ้นรนตะเกียกตะกายเอาตัวเองออกมาจากความหนาวเย็นของถ้ำนั้นจงได้
นายหัวหนุ่มเดินไปหยุดหน้าเจดีย์สีขาวก่อนจะทรุดคุกเข้าลงกับพื้นหินอย่างหมดแรง เขาไม่ได้มาที่นี่เลย นานนับตั้งแต่ปรายฟ้าได้จากเขาไป เพราะเขาคิดว่าเขาทำใจไม่ได้ แต่แปลกพอมาเจอปรายฟ้าในตอนนี้ในใจเขากลับว่างเปล่าแต่สิ่งที่ร้อนรุ่มในใจของเขาขณะนี้คือชื่อของขวัญพรรษ เธอไปอยู่ไหน หรือว่ามันจะเป็นอย่างที่ลุงหวานบอก ถ้าเพียงเขาลงงมใต้น้ำดู แต่..ไม่..อย่างไรเขาก็ไม่เชื่อ มันต้องไม่เป็นแบบนั้น
“ฟ้า...ไม่เจอกันนานนะ ตั้งแต่ฟ้าไม่อยู่ ไม่มีเลยสักครั้งที่ป่าจะไม่คิดถึงฟ้า ไม่มีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่ป่าจะมีความสุข ป่าคิดว่าชีวิตนี้ป่าจะรักใครไม่ได้อีกแล้ว ป่ามีชีวิตอยู่เพื่อฟ้าคนเดียว แต่...พอเคียวเข้ามา ป่าถึงได้รู้ว่าชีวิตที่เหลือของป่าในตอนนี้มีเพื่อเคียวคนเดียว ฟ้า...ช่วยป่าที หาเคียวให้ป่าที ป่า...ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถ้าไม่มีเคียว ได้โปรด ได้โปรดเถอะ”
น้ำเสียงของนายหัวแห่งป่าหนาวเริ่มสั่นพร่า ก่อนจะเปลี่ยนเป็นติด ๆ ขัด ๆ เพราะเสียงสะอื้นที่ดังลอดออกมา ทำใหผู้คนที่ฟังอยู่รอบนอกมองดูด้วยความสงสาร ต้นน้ำกุมมือมนัญญาไว้แน่นเพื่อต้องการกำลังใจ เขาเองก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะเขา เพราะความรักเพื่อน ถ้ายอมให้พนาพรรษเสี่ยงออกเรือมา คงจะได้พบขวัญพรรษในลักษณะที่ดีกว่านี้ ถ้าไม่เจอตัว ก็อาจเจอศพ ไม่ใช่ไม่เจออะไรเลยแบบนี้มันทรมานสำหรับคนตามหาเหลือเกิน
“ฟ้า..ช่วยป่าที ตามเคียวให้ป่าที อย่าให้ใครเขาเอาเคียวไปอีกคนเลยนะ ป่าเจ็บเหลือเกินแล้ว”
น้ำตาค่อย ๆ ร่วงจากดวงตาคมเข้ม เขาพยายามแล้ว พยายามอดทนอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้เขาเจ็บเหลือเกิน แค่หายใจเขาก็เจ็บไปทั่วหัวใจของเขาแล้ว แล้วอย่างนี้เขายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือ โลกที่ไม่มีขวัญพรรษมันไม่น่าอยู่เลย มันเจ็บปวดเหลือเกิน
“ป่าฉันขอโทษ เป็นเพราะฉันเหมือนกัน ถ้าฉันไม่ห้ามแก ไม่ต่อยแกสลบ คุณเคียวอาจจะ...”
ต้นน้ำไม่กล้าพูดต่อเพราะรู้ว่าคำพูดนี้มันจะทำร้ายจิตใจของเพื่อนเขาขนาดไหน
“ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าเคียวจะทิ้งฉันไปแบบนี้ ตราบใดที่ยังไม่เห็นเคียว ฉันจะไม่คิดว่าเคียวเป็นอะไร”
เสียงสั่น ๆ ของนายหัวตอบกลับออกมา กรามหาขบเข้าหากันจนเป็นสันขึ้นที่ริมแก้ม
“ถึงขั้นนี้แล้วป่ายังคิดว่ามันจะรอดอีกหรือ คงจมน้ำตายเหมือนฟ้าแล้วมั้งกว่าจะได้ตัวก็ขึ้นอืดแล้ว”
เพราะความโกรธ ความอิจฉาอย่างเดียว เลยทำให้บุษราลัลน์ลืมตัว ลืมความลับที่ตัวเองเก็บกักไว้นาน ทุกสายตาหันไปมองที่บุษราลัลน์เป็นที่เดียว มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองรูปปรายฟ้าอย่างวิงวอนก็คือนายหัวแห่งป่าหนาวนั่นเอง
“ทุกคนกลับไปรอข้างล่างก่อนได้มั้ย ฉันอยากอยู่คนเดียว”
นายหัวแห่งป่าหนาวบอกเสียงแหบพร่าอย่างเก็บอารมณ์เสียใจเอาไว้ไม่อยู่
“แต่ว่า....”
“น้ำฉันขอร้อง”
คำขอร้องของนายหัวเป็นเหมือนคำศักดิ์สิทธิ์เพราะนาน ๆ ทีจะได้ยินนายหัวแห่งป่าหนาวขอร้องใครแบบนี้ ทำคนเดินลงไปด้านล่างกันหมดมีเพียงบุษราลัลน์เท่านั้นที่ยังอิดออดไม่เดินออกไปเสียที
“บุษ เห็นแก่การเป็นเพื่อน ลงไปก่อน”
หญิงสาวกระฟัดกระเฟียดออกไปอย่างไม่พอใจ หนอยนังฟ้า ตายไปแล้วยังจะมาเป็นมารขวางทางรักของเธออีก เมื่อไหร่นะพนาพรรษจะได้เป็นของเธอเพียงคนเดียว ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ ด้านอีกครั้งราวกับต้องการความแน่ใจอีกสักครั้งเขาอยากให้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันไปเท่านั้นเอง
“ฟ้า...ป่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่ฟ้าขับเรือออกมากลางทะเล พายุหนักขนาดนั้น ฟ้าออกมาได้อย่างไรกัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ป่าคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่ถ้าเป็นอุบัติเหตุจริงแล้วทำไมร้องเท้าอีกข้างนึงของฟ้ามันถึงกระเด็นไปอีกด้าน ป่าเก็บเรื่องทุกอย่างไว้เป็นความลับเพราะไม่อยากให้ทุกคนในฟาร์มแตกตื่น แต่ฟ้าวางใจได้ ป่าจะหาคนที่ทำร้ายฟ้าได้อย่างแน่นอน ฟ้า..รู้มั้ยช่วงที่ฟ้าไม่อยู่มันเหงามาก เจ็บปวดที่สุด ในความคิดของป่าตอนนั้น แต่แปลกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเคียวในวันนี้ มันทำให้ป่าไม่มีแรงแม้กระทั่งหายใจ ทุกอย่างเจ็บปวดไปหมด เจ็บจนคิดว่า ถ้าไม่มีชีวิตอยู่มันคงดีกว่านี้ เคียวเขาเป็นคนไม่อ่อนหวาน ซุ่มซ่าม พูดก็ไม่เพราะ แต่ก็เป็นคนที่ป่ารัก รักที่สุด....”
นายหัวหนุ่มหยุดพูดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อก้อนสะอื้นมันจุกอยู่ที่คอหอยทำให้พูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ไหลรินไม่ขาดสาย ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว เขาสามารถอ่อนแอได้ และเขาก็อยากร้องไห้เหลือเกิน
“จะ..จริง..หรือ..ปะ..เปล่าคะ”
เสียงแหบพร่าที่ดังออกมาถึงแม้จะไม่เห็นตัวแต่มันก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับขนลุก เสียงขวัญพรรษนั่นเอง ชายหนุ่มกวาดสายตาไปทั่วทุกทิศมองหาร่างบอบบางของขวัญพรรษไม่ให้คลาดสายตาแม้แต่ตารางนิ้ว
“คะ..เคียว”
เสียงแหบพร่าของนายหัวแห่งป่าหนาตะโกนสุดเสียงเพื่อให้ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาตามหาได้ยินชัดเจน
“คะ..เคียวใช่มั้ย เคียวอยู่ตรงไหน ออกมาเถอะ ได้โปรด พี่จะตายอยู่แล้ว”
พนาพรรษมองหาพร้อมกับร้องเรียกให้หญิงสาวผู้เป็นดั่งดวงใจออกมาหาเขาเสียที มายืนยันว่าเขาไม่ได้ฝันไป และเสียงที่ได้ยินนั้นมีตัวตนอยู่จริง
“คะ..เคียวอยู่นี่”
พนาพรรษเงี่ยหูฟังเสียงที่เขาได้ยินลอยลมมา แม้เสียงนั้นจะดังเพียงแค่กระซิบ
“คะ...เคียว...อยู่ข้างหลังเจดีย์ พะ...พี่...ป่าช่วยเคียวออกไปที”
นายหัวแห่งป่าหนาวได้ยินชัดเจนอีกครั้งก่อนจะวิ่งไปหลังเจดีย์สีขาวเขาก็เพิ่งสังเกตเห็นเหมือนกันว่าข้างหลังนี้มีถ้ำอยู่ถ้าไม่มองลึกเข้าไปก็ไม่ทราบ พนาพรรษเดินแหวกพงหญ้าเข้าไปแต่พอเห็นร่างบางของขวัญพรรษเท่านั้น ดวงใจที่เคยแฟบไปเมื่อสักครู่กลับโป่งพอขึ้นมาราวกับมีใครใช้ที่สูบสูบลมให้เขาเสียแน่นเต็มปอด น้ำตาที่เริ่มหยุดไปเมื่อครู่ไหลคลอดวงตาเข้มเต็มไปหมด ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆ ร่างบางแล้วช้อนหลังหญิงสาวขึ้นยกขึ้นแนบอกกว้างของเขา
“เคียว....เคียวของพี่จริง ๆ...พี่นึกว่าเคียวจะทิ้งพี่ไปอีกคนแล้ว”
น้ำตาหยดใส่หน้าหญิงสาวจนคุณหมอคนสวยต้องลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนแรง เพราะตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอเหลือน้อยเต็มที
“ร้องทำไมคะ เคียวไม่เป็นไร แล้วพี่ป่าพูดกับคุณฟ้าจริงหรือเปล่า รักเคียวจริงหรือเปล่า หรือเรื่องเมื่อวานมันทำให้พี่ป่าหมดรักเคียวแล้ว”
น้ำเสียงสั่นพลิ้วของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มกดปากตัวเองลงกับปากบางนุ่มนิ่มเบา ๆ หนึ่งที ก่อนจะเปลี่ยนเป็นดูดดื่มเพื่อให้หญิงสาวได้รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร
“แค่นี้พอมั้ย ที่จะทำให้เคียวเชื่อว่าพี่รัก”
หญิงสาวยกมือสั่น ๆ ของตัวเองขึ้นเช็ดน้ำตาของนายหัวแห่งป่าหนาวอย่างเบามือ
“เคียวก็รักพี่ป่า”
นิ้วที่เช็ดน้ำตาให้เขาเมื่อสักครู่ร่วงผลอยลงกับพื้นอย่างหมดแรง ชายหนุ่มตกตะลึงเมื่อเป็นปฏิกิริยาของขวัญพรรษ
“เคียวเป็นอะไร เคียว เคียวครับ”
นายหัวแห่งป่าหนาวดังลั่นด้วยความตกใจ และเมื่อเขายกมือขึ้นทาบศีรษะของหญิงสาวจึงได้รู้ว่าหญิงสาวไข้ขึ้นสูงมาก ชายหนุ่มถอดเสื้อหนา ๆ ของตัวเองมาห่มร่างบางแล้วอุ้มคุณหมอคนสวยออกจากตรงนั้นลงไปยังด้านล่างที่มีหลายคนรอเขาอยู่
“ไอ้น้ำ เอาเรือออกเร็ว เคียวไม่สบาย ฉันเจอเคียวแล้ว”
ต้นน้ำหันไปยังต้นเสียงที่เขาได้ยินมาแต่ไกลแต่ยังไม่เห็นร่างของคนพูดสักที แต่เพียงครู่เดียว นายหัวแห่งป่าหนาวก็อุ้มร่างบางที่หมดสติของขวัญพรรษไว้ในอ้อมกอดก่อนจะอุ้มขึ้นเรือโดยไม่ให้ใครจับสักคนเดียว
“ไอ้น้ำออกเรือเร็ว เคียวไม่สบาย ต้องไปในเมือง”
ต้นน้ำถึงจะรู้สึกตกใจบ้าง แต่ก็ยินดีกับเพื่อนจริง ๆ ที่ขวัญพรรษยังไม่ตาย ชายหนุ่มเรียกวิทวัส กับมนัญญาขึ้นเรือก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ผู้หญิงอีกคนนึงมองอย่างเคียดแค้น มันตายยากเสียจริง แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อแกทนทาน ฉันก็จะหาแผนที่จะให้แกทานทนต่อไปไม่ไหวนังเคียว
“เคียว ได้ยินพี่มั้ย ลืมตาก่อนคนดี”
นายหัวแห่งป่าหนาวเอ่ยเสียงนุ่ม ต้นน้ำยิ้มออกมากเมื่อได้ยินเสียงอ่อนหวานของเพื่อนตัวเอง สงสัยจะไปไหนไม่รอดเสียแล้วไอ้ป่าเอ๊ย ที่ดุ ๆ กับพวกคนงานไหงกับขวัญพรรษถึงคนดีอย่างนั้น คนดีอย่างนี้ได้
“เคียว แกได้ยินฉันมั้ย รู้มั้ยหัวใจฉันเกือบวาย ถ้าพ่อจ๋า แม่จ๋าแกรู้เข้านะ ป่าหนาวต้องระเบิดแน่นอน”
วินนี้จับมือเพื่อนสาวไว้แน่น ถึงแม้จะรู้สึกแปลก ๆ ที่เพื่อนสาวอยู่ในอ้อมกอดของนายหัวแห่งป่าหนาวก็เถอะ แถมบอกว่าเป็นเมียอีก นี่นังเพื่อนรักเขามันลืมบอกเรื่องสำคัญแบบนี้กับเขาได้อย่างไรกัน หายก่อนแล้วกันนะ แม่จะเค้นให้เหลือแต่กาก
“วินนี่ วินนี่”
เสียงเรียกเบา ๆ แต่แหบพร่าของขวัญพรรษทำให้วิทวัสชะโงกหน้าไปดูหน้าเพื่อนใกล้ ๆ พอเห็นเพื่อนสาวลืมตาขึ้นมามองก็ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้พร้อมกับบีบมือเพื่อนรักไว้แน่นเช่นกัน
“มีอะไร แกไม่เป็นอะไรแล้ว ทีหลังต้องให้ฉันไปด้วยนะ เราเพื่อนกันทิ้งกันได้ไง”
วินนี่เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวโดนล้อ
“ร้องทำไม เคียวไม่เป็นไรสักหน่อย เหมือนพี่ป่าเลย”
คำว่าพี่ป่า ทำให้นายหัวก้มหน้าลงมองหน้าหวาน ๆ ของขวัญพรรษ
“รู้มั้ย พี่จะขาดใจตายเสียให้ได้ เมื่อรู้ว่าเคียวออกไปกลางทะเลตอนพายุเข้า ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก เพราะต่อไปนี้เคียวไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว มีพี่อยู่อีกคน ทำอะไรขอให้คิดถึงใจพี่บ้างว่าพี่จะอยู่ได้มั้ยถ้าไม่มีเคียว สัญญาแค่นี้ ให้พี่ได้หรือเปล่า”
คำสัญญาเรียกน้ำตาจากคนฟังอย่างมากมาย ขวัญพรรษน้ำตาไหลพรากเมื่อได้ยินถ้อยคำที่ซึ้ง ๆ แบบนี้ เธอไม่เคยคิดเลยว่านายหัวคนนี้จะน่ารัก จะอ่อนหวานกับเธอถึงเพียงนี้
“พี่ป่าไม่โกรธเคียวเรื่องนกพวกนั้นแล้วหรือคะ ตอนนั้นหน้าเคียวพี่ป่ายังไม่อยากจะมอง เคียวก็เลยรู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้ของรักของคุณฟ้าถูกทำร้าย เคียวแค่อยากขอโทษคุณฟ้าแค่นั้นเอง”
ขวัญพรรษอธิบายรายละเอียดเสียงเบาหวิว คอเริ่มแห้งเพราะไม่ได้กินน้ำมาหลายเพลาแล้ว พนาพรรษมองไปรอบ ๆ เห็นขวดน้ำโพลาลิสที่ยังไม่ได้เปิดไว้จึงเอื้อมไปหยิบแล้วเปิดให้หญิงสาวได้ดื่ม
“เบา ๆ เดี๋ยวสำลัก”
คำห้ามนั้นช้าไปเสียแล้วเพราะว่าร่างบางไอโขลก ๆ เพราะสำลักน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไปเมื่อสักครู่
“บอกแล้วให้เบา ๆ เรานี่ชอบทำอะไรให้พี่เป็นห่วงอยู่เรื่อย”
เสียงดุนั้นคนพูดตั้งใจดุอย่างเต็มที่ แต่ไหงออกมาหวานอย่างเงี้ย สำหรับคนฟังที่ยืนอมยิ้มรอบ ๆ
“คุณเคียวไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ยคะ เล่นเอาทั้งป่าหนาวไม่ได้หลับได้นอนกันเลย เพราะนายหัวจะตายเอาค่ะ”
ขวัญพรรษหัวเราะเบา ๆ กับคำล้อเลียนของมนัญญาซึ่งไม่ใช่เธออย่างแน่นอนแต่เป็นนายหัวของป่าหนาวนั่นเอง
“ยังมีหน้ามาหัวเราะ ใครทำให้พี่เป็นแบบนี้ ต่อไปนี้พี่จะไม่ปล่อยให้เคียวคลาดสายตาแม้แต่น้อย แล้วถ้าออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ เคียวต้องเรียนว่ายน้ำกับพี่เป็นอันดับแรก เข้าใจมั้ย”
“พี่ป่าเคียวปวดหัวจังเลย ปวดมากด้วย”
เท่านั้นเองเสียงบ่นเมื่อสักครู่ก็เปลี่ยนเป็นปลอบโยนก่อนจะตะโกนบอกต้นน้ำให้ขับเร็วกว่านี้อีกหน่อย ขวัญพรรษเอื้อมมือมาจับมือของวิทวัสไว้พร้อมกับสอดของบางอย่างใส่มือของวินนี่ จนวิสวัสมองอย่างแปลกใจ แต่เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนรักแล้ว เงียบไว้เท่านั้น เขาต้องทำแบบนั้น ก่อนจะยัดสิ่งที่เพื่อนสาวมอบให้ลงกระเป๋ากางเกงเก็บไว้อย่างแน่นหนา
....................................................................................................
บทที่ 14 เมื่อหัวใจกลับคืน
ร่างสูงของนายหัวแห่งป่าหนาวอุ้มร่างบางที่ยังคงตัวร้อนด้วยพิษไข้เข้าไปยังห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลชื่อดังในเมืองภูเก็ต โดยมีวินนี่ ต้นน้ำ และมนัญญาตามมาให้กำลังใจจนถึงโรงพยาบาล นางพยาบาลนำร่างที่นอนหมดเรี่ยวแรงบนเตียงรถเข็นก่อนจะเข็นเข้าห้องฉุกเฉินที่มีคุณหมอรออยู่ด้านในพร้อมอยู่แล้ว
“เคียวไม่เป็นไรนะ พี่จะรออยู่ข้างนอกเข้มแข็งไว้นะ”
เสียงของพนาพรรษถึงกับสั่นเมื่อก่อนเคยเห็นหญิงสาวผู้นี้แข็งแรงเสียนักหนา แต่ตอนนี้แค่ยืนคุณหมอคนสวยคนนี้ยังทำไม่ได้เลย
“เคียวไม่เป็นไรคะ พี่ป่าไปพักเถอะดูหน้าตัวเองซิ อย่างกับโจร หนวดไม่โกนเลยใช่มั้ยคะ”
ถึงแม้ดวงตาของเธอจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ แต่คุณหมอคนสวยก็พยายามทำให้บรรยากาศรอบข้างโดยเฉพาะกับพนาพรรษให้ดีขึ้นเมื่อเห็นนายหัวแห่งป่าหนาวเคร่งเครียดเกินไป
“ญาติคนไข้รอด้านนอกนะคะ”
นางพยาบาลบอกก่อนจะเข็นเตียงเข้าไปในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล นายหัวแห่งป่าหนาวยืนมองหน้าห้องฉุกเฉินที่นำร่างของหญิงคนรักเข้าไปอย่างกังวล
“ถึงมือหมอแล้วไม่เป็นไรหรอกป่า เชื่อฉันสิ”
ต้นน้ำยกมือขึ้นแตะไหล่หนา ๆ ของเพื่อนรักเบา ๆ เป็นเชิงปลอบ ก่อนเดินมานั่งข้างมนัญญากับวินนี่ที่นั่งตรงเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน
“คุณเคียวคงไม่เป็นอะไรหรอกวินนี่ทำใจดี ๆ ไว้”
มนัญญาปลอบคุณหมออีกคนที่ยังคงนั่งเครียดไม่ต่างจากชายหนุ่มที่ยืนกระสับกระส่ายอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
“โมเดินไปเข้าห้องน้ำกันหน่อยสิ”
มนัญญาถึงจะทำหน้าแปลกใจ แต่ก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะวิทวัสต้องการเพื่อนในยามนี้ มนัญญาหันไปขอตัวกับต้นน้ำก่อนจะเดินไปกันสองคน วิทวัสรอจังหวะนี้มานานแล้ว คุณหมอหนุ่มหัวใจสาวดึงร่างสวยได้รูปของมนัญญาเข้ากับฝาผนังซึ่งสามารถปิดกั้นสายตาผู้คนด้านนอกที่เดินไปมาได้อย่างดี
“มีอะไรวินนี่”
มนัญญาถามอย่างแปลกใจและตกใจกับการกระทำของวินนี่
“สัญญานะ ถ้าโมรู้ ต้องเงียบไว้อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เป็นอันขาดแม้แต่คุณน้ำเองก็เถอะ”
มนัญญาพยักหน้าอย่างงงกับการกระทำของวิทวัส ก่อนจะแปลกใจเมื่อชายหนุ่มหัวใจสาวล้วงของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“นี่คือสิ่งที่เคียวให้ฉันไว้ ฉันมั่นใจเพราะอีกข้างหนึ่งมันอยู่ที่ฉัน เราเก็บได้ตอนที่อยู่ในกรงนกวันเกิดเรื่อง และที่สำคัญเคียวมันเจอต่างหูอีกข้างในถ้ำข้างอัฐิคุณฟ้า ฉันว่ามันต้องเป็นของคน ๆ เดียวกันแน่นอน และต้องเป็นผู้หญิง”
มนัญญามองสิ่งที่อยู่ในมือวิทวัสอย่างตกใจ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เสียแล้ว และคนที่ต้องกลัวที่สุดน่าจะเป็นขวัญพรรษเพราะตอนนี้หญิงสาวได้รู้ความลับบางอย่างของมันแล้ว ถึงแม้มันจะยังไม่ทราบก็เถอะ
“หมายความว่า ต่างหูอันนี้มันอาจเกี่ยวข้องกับอะไร ๆ ที่เกิดขึ้นในป่าหนาวงั้นหรือคะ”
วิทวัสพยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่ทั้งสองจะเดินกลับไปรอขวัญพรรษที่หน้าห้องฉุกเฉินเหมือนเดิม เวลาผ่านไปเนิ่นนาน นานเสียจนนายหัวแห่งป่าหนาวแทบจะเปิดประตูเข้าไปถามหมอให้รู้เรื่องรู้ราว และก่อนจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกพร้อมกับร่างบางของคุณหมอคนสวยที่ตอนนี้ซีดเซียวนอนอยู่บนเตียงให้พยาบาลเข็นเข้าห้องพิเศษที่นายหัวแห่งป่าหนาวจัดเตรียมไว้แล้ว
“คนไข้เป็นอย่างไรบ้างครับ”
นายหัวแห่งป่าหนาวรีบเดินเข้าไปถามคุณหมอที่เดินตามหลังออกมาอย่างร้อนรน
“คนไข้มีอาการไข้สูงอาจเป็นเพราะโดนน้ำและอากาศที่เย็น ดีนะครับที่ไม่เป็นปอดบวม เราคงต้องให้คุณขวัญพรรษนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อนสักสามสี่วันนะครับ ถ้าอาการดีขึ้นก็กลับบ้านได้
“ครับ”
นายหัวแห่งป่าหนาวรับคำก่อนจะเดินตามนางพยาบาลที่เข็นเตียงของขวัญพรรษออกไปก่อนหน้านี้แล้ว รวมทั้งต้นน้ำ มนัญญา และวิทวัสที่เดินตามหลังมาอย่างติด ๆ
ภาพทุกอย่างในสายตาของขวัญพรรษตอนนี้มันเบลอ ๆ ไปหมด หญิงสาวค่อย ๆ เพ่งมองสิ่งที่อยู่รอบข้างอย่างสงสัย ที่นี่ที่ไหนกัน แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หญิงสาวขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันก่อนจะเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดเข้าสู่ระบบประสาทของเธอภาพต่าง ๆ ค่อย ๆ ทยอยเข้ามาในความทรงจำ ขวัญพรรษรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจับที่มือเธอเอาไว้ก่อนจะหันมามอง รอยยิ้มขึ้นประดับบนหน้าหวานทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร หญิงสาวดึงมือออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มอย่างเบามือ ก่อนจะยกมือบางขึ้นไล้ไปตามไรหนวดที่ขึ้นเป็นรอยเขียวขรึมขึ้นมาเนื่องจากไม่ได้ดโกนทำความสะอาด คุณหมอคนสวยยกมือขึ้นแตะเปลือกตาที่กำลังหลับสนิทเบา ๆ เพราะกลัวเขาจะตื่น นิ้วเรียวค่อย ๆ ไล่ไปตามจมูกโด่งเป็นสันจนถึงปากหนานุ่มที่เธอเคยสัมผัสถึงความนุ่มนวลของมันมาแล้ว เมื่อคิดถึงตรงนี้หญิงสาวถึงกับหน้าแดง
“หน้าแดงแบบนี้เป็นไข้หรือคิดอะไรลามกอยู่บอกพี่ใช่มั้ย”
คุณหมอคนสวยถึงกับตาโตมองหน้านายหัวหนุ่มอย่างตกใจ เขาตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วรู้หรือเปล่าว่าเธอทำอะไรไปบ้าง อ๊าย....แค่คิดก็อายแล้วยัยเคียว
“พะ...พี่ป่าตื่นแล้วหรือคะ”
คุณหมอถามเสียงเบาหวิว
“ก็ใครปลุกพี่หล่ะ”
นายหัวหนุ่มแห่งป่าหนาวตอบยิ้ม ๆ พร้อมกับสำรวจใบหน้างามนั้นอีกครั้ง ถึงมันจะยังซีดอยู่แต่ก็ดีกว่าเมื่อวานทำเอาเขาใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“เคียวเปล่าสักหน่อย แล้วไม่กลับไปป่าหนาวหรือคะ งานออกเยอะมาเฝ้าเคียวแบบนี้ใครจะคุมคนงานทำงานกัน”
เมื่อถูกอีกฝ่ายจับได้คุณหมอคนสวยจึงเปลี่ยนเรื่องพูด
“พี่ลางานแล้ว จะอยู่เฝ้าเคียวจนกว่าจะดีขึ้น หลังจากนั้นเคียวจะต้องไปพักฟื้นบ้านคุณแม่ของพี่”
“ฮ้า”
“ไม่ฮ้า หรอกเรื่องจริง เพราะพี่จะไม่ยอมเคียวอีกแล้ว อยู่ที่ป่าหนาวซนจนได้เรื่อง”
เสียงดุ ๆ ของนายหัวหนุ่มทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออกก็มันเป็นเรื่องจริงแค่เพียงเธอใจเย็นกว่านั้นอีกนิด ไม่คิดออกไปตอนพายุเข้าคงจะไม่เกิดเรื่องร้าย ๆ และมีคนอื่นเดือดร้อนเพราะเธออีก
“เคียวขอโทษ แต่โทษเคียวคนเดียวก็ไม่ได้ ก็พี่ป่าไม่เห็นพูดอะไรเลย ดูท่าทางจะเชื่อคุณบุษมากว่าเคียวเสียอีก”
“แล้วใครบอกให้พี่อย่าเพิ่งพูดเรื่องระหว่างเรา แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้วหล่ะ วันที่เคียวออกไปกับพายุพี่โมโหไอ้น้ำเลยเรียกเคียวว่าเมียเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้มีคนรู้เรื่องของเราแล้วอย่างน้อยเจ็ดคน”
ดวงตากลมของคุณหมอคนสวยเบิกโพลงขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่นายหัวแห่งป่าหนาวพูดออกไปเมื่อสักครู่
“รวมทั้งคุณวิทวัส โม แล้วก็ไอ้น้ำ ลุงหวาน......”
“พอเถอะค่ะ แค่นั้นก็หมดแล้วมั้ง”
คุณหมอคนสวยสวนขึ้นมาเสียงดัง มองนายหัวแห่งป่าหนาวที่ยิ้มหน้าเป็นอยู่อย่างหมั่นไส้
“ทีนี้เรามาคุยเรื่องที่เคียวขับเรือออกไปเสียที”
สำเสียงที่ดูสดใสเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม และเครียดขึ้นทันที เล่นเอาคุณหมอคนสวยถึงกับหน้าถอดสีในบัดดล
“เคียว ก็...แค่อยากไปขอโทษคุณฟ้าแค่นั้นเอง”
“แล้วทำไมไม่ฟังเวลาบุษเตือนว่ามีพายุเข้า รู้มั้ยว่ามันอันตรายขนาดไหนเสี่ยงออกไปแบบนั้น”
น้ำเสียงของชายหนุ่มเข้มขึ้นอีกนิดเมื่อกล่าวถึงเรื่องที่บุษราลัลน์บอกก่อนหน้านั้น
“คุณบุษบอกแค่ว่าให้เคียวรีบไปก่อนพายุจะมา แล้วอีกอย่างเคียวฝากบอกคุณบุษไปบอกพี่ป่าแล้วนี่ว่าเคียวจะออกไป ถ้าพี่ป่าตามไปตอนนั้นคงทันเคียวแน่นอน แล้วเคียวก็คงไม่ต้องลอยอยู่บนทะเลคนเดียวจนต้องเสี่ยงว่ายน้ำออกไปแบบนั้นทั้ง ๆ ที่ว่ายน้ำไม่เป็นหรอกค่ะ ดีนะที่เรือมีเสื้อฟองน้ำนิรภัยติดอยู่ไม่งั้นเคียวยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง”
น้ำเสียงอ่อน ๆ เล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างหวาด ๆ อยู่เหมือนกันว่าพนาพรรษเชื่อเธอหรือไม่
“อ้อ..นี่กลายเป็นว่าพี่ผิดที่ไม่ตามเคียวออกไปหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ พี่ป่าใจเย็น ๆ นะ เคียวแค่อธิบายให้ฟังเฉย ๆ ว่าเคียวฝากคุณบุษไปบอกพี่ป่าแล้ว เคียวไม่ได้เอาเรือออกไปโดยไม่ได้ขออนุญาตใครก่อน”
ขวัญพรรษรีบแก้ไขข้อกล่าวหาอย่างรีบร้อนกลัวชายหนุ่มจะเข้าใจผิดอีกครั้ง
“แต่บุษบอกเพียงแต่ว่า ห้ามเคียวแล้ว แต่เคียวไม่ฟัง”
“พี่ป่าก็เลยเชื่อคุณบุษ”
น้ำเสียงกล่าวงอน ๆ ขึ้นมาทันที
“ถ้าเชื่อแล้วพี่จะถามเคียวทำไมครับ”
นายหัวแห่งป่าหนาวเอ่ยเสียงนุ่มเมื่อเห็นว่าคุณหมอคนสวยเริ่มงอนเขาอีกแล้ว
“ทำไมพี่ป่าไม่บอกเคียวเรื่องคุณฟ้าคะ หรือว่าพี่ป่ายังไม่ลืมเธอ”
ชายหนุ่มมองหน้าคุณหมอคนสวยทันทีที่ได้ยินประโยคคำถามนี้
“ที่พี่ไม่บอกในตอนแรกเพราะคิดว่าไม่มีความจำเป็นอะไรต้องบอก เพราะฟ้าเขาก็ตายไปแล้ว ไม่ได้อยู่ให้เคียวระแวงเขาเสียเมื่อไหร่ และอีกอย่าง พี่รู้สึกละอายใจที่ต้องเอ่ยถึงเรื่องฟ้า มันทำให้พี่รู้สึกว่าตัวเองดูแลฟ้าได้ไม่ดีพอจึงเกิดเรื่องแบบนั้นกับฟ้าได้มันเปรียบเสมือนความผิดติดตัวพี่ ทั้ง ๆ ที่พี่คิดมาตลอดเวลาว่าจริง ๆ แล้วฟ้าจมน้ำตายเองหรือว่ามีคนทำให้ฟ้าต้องจมน้ำตาย”
นายหัวแห่งป่าหนาวบอกเรื่องที่เป็นความลับมานาน เขาเองก็คิดเรื่องนี้มาตลอดแต่ไม่อยากให้ในป่าหนาวต้องแตกตื่นถ้าต้องสอบถามว่าใครคือคนร้าย หรือตำรวจเข้ามาตรวจมันต้องมีผลกระทบต่อธุรกิจรีสอร์ตของเขาอย่างแน่นอน ทุกอย่างจึงต้องเก็บไว้เป็นความลับรวมถึงเรื่องคนชุดดำที่เริ่มเข้าหูเขาบ่อยเหลือเกิน
“ทำไมพี่ป่าถึงคิดว่าคุณฟ้าอาจโดนทำให้ตกน้ำตายคะ”
คุณหมอคนสวยถามขึ้นอย่างสงสัย
“รองเท้าอีกข้างหนึ่งของฟ้ากระเด็นไปไกลเกินกว่าที่คนตกน้ำจะทำตกไว้ แต่ตอนนั้นทุกคนตกใจเลยลืมคิดถึงเรื่องนี้ แต่พอพี่มีสติขึ้นพี่ถึงคิดเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด และที่สำคัญฟ้ากำเศษผ้าสีดำเอาไว้ในมือถึงแม้จะตายแต่ก็ฟ้าก็ยังกำไว้แน่น เพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่ฟ้าอยากบอกให้คนอื่นรู้ว่าใครคือฆาตรกร แต่พี่ก็ยังหาคนผิดมาลงโทษไม่ได้ พี่ก็คิดว่ามันต้องเกี่ยวกับพี่ เพราะมันทำร้ายแต่คนที่พี่รักของที่พี่รัก และอีกอย่างตอนนี้เคียวคือคนเดียวที่พี่รัก เคียวคือชีวิต พี่กลัวเหลือเกินว่าเหตุการณ์แบบเก่า ๆ มันจะย้อนกลับมาอีก เพราะฉะนั้นเวลานี้เคียวไปไหนต้องมีพี่ไปด้วยเข้าใจมั้ย เพราะถ้าเคียวเป็นอะไรไปพี่จะอยู่ได้อย่างไร เอ...หรือว่าพอเคียวตายปุ๊บ พี่รีบมีใหม่เลยดีกว่ามั้ย มันไม่น่ายาก”
หนอย...เมื่อกี้ยังหวานซึ่งอยู่ดี ๆ แล้วทำไมตอนท้ายถึงน่าเกลียดแบบนี้ ปากเล็ก ๆยกขึ้นจนแทบชนจมูกแก้มใส ๆ ป่องออกทันที จนนายหัวแห่งป่าหนาวหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ
“เคียวนี่เวลาโกรธแล้วดูง่ายจัง ตอนพี่เจอเราครั้งแรกพี่ยังแอบยิ้มเลย คนอะไรโมโหนิดโมโหหน่อยก็ชอบทำแก้มป่องอยู่เรื่อยเลย ไม่เมื่อยบ้างหรือไง”
นายหัวแห่งป่าหนาวคิดถึงตอนที่เจอกันครั้งแรกแล้วเขาทำให้คุณหมอคนสวยคนนี้ไม่พอใจเขาก็สังเกตจากแก้มป่อง ๆ นี่แหล่ะซึ่งตอนนั้นเขาเองก็อยากเอานิ้วจิ้มแก้มป่อง ๆ ให้มันยุบทันทีด้วยความหมั่นเขี้ยว
“พี่ป่าก็อย่าทำให้เคียวโกรธสิคะ ถามจริง ๆ นะคะ พี่ป่าโกรธเคียวเรื่องน้องนกตายหรือเปล่าคะ ความจริงแล้วเคียวรักพวกมันออก ที่บ้านเคียวยังมีตั้งสามตัวเลย ชื่อใบตอง ใบเตย ใบตาล น่ารักมั้ย แต่ของคุณฟ้าน่ารักมาก แต่ต้องมาตายแบบนี้เคียวสงสารพวกน้อง ๆจังเลย”
พอพูดถึงเรื่องนี้น้ำตาก็มาคลอที่ดวงตากลมอย่างรวดเร็ว มันสะเทือนใจเธอมาก และเมื่อคิดกลับกันว่ามันเป็นพวกน้อง ๆ สามใบของเธอ เธอคงใจแทบขาด
“พี่ไม่ได้โกรธ แต่ตอนนั้นมันตกใจนิดหน่อย เพราะคิดว่าสิ่งสุดท้ายที่ฟ้าทิ้งไว้ให้มันตายหมด อีกอย่างพี่ต้องขอโทษเคียวเพราะพี่เป็นคนทำให้เคียวเสียใจที่สุด พี่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้พี่พูดไปแบบนั้น พี่เสียใจ พี่กลัวเคียวโกรธ แต่มันก็สมควรให้เคียวโกรธ พี่บอกรักเคียวอยู่เมื่อคืนแท้ ๆ พอตอนเช้าพี่กลับเป็นคนทำร้ายเคียวด้วยฝีมือพี่เอง เคียวจะโกรธพี่ก็ได้นะ แต่อย่าเกลียดเพราะถ้าเคียวเกลียดพี่เมื่อไหร่พี่คงต้องเหมือนตายทั้งเป็น”
ชายหนุ่มมองหน้าคนรักแล้วเอื้อมมือไปลูบแก้มใส ๆ ของอีกฝ่ายอย่างเบามือ
“เคียวโกรธ แต่ไม่เคยมีสักเวลาที่เคียวจะนึกเกลียดพี่ป่า”
“น่ารักจริงเมียพี่”
“บ้า เคียวไม่ใช่”
เสียงที่เอ่ยเถียงออกไปสั่นเล็กน้อยด้วยความอาย ใบหน้าที่ซีดเมื่อสักครู่แดงก่ำขึ้นจนนายหัวแห่งป่าหนาวชอบใจว่าเขามีหาเรื่องที่จะทำให้หน้านี้แดงขึ้นได้อย่างไร
“อ้าว..อ้าว..พูดแบบนี้ มันเหมือนท้า”
นายหัวแห่งป่าหนาวร้องเสียงดัง ก่อนจะทำตากรุ้มกริ่มใส่ขวัญพรรษ
“ให้หายดีก่อน พี่จะทำให้รู้ว่าเคียวเป็นเมียพี่จริงหรือเปล่า”
คุณหมอคนสวยรีบคลุมผ้าห่มจนมิดศีรษะเพราะไม่อยากคุยกับเขา คุยแล้วมีแต่เรื่องเข้าตัว
“พี่ป่ากลับได้แล้ว เคียวจะนอน”
หญิงสาวไล่ชายหนุ่มทั้งที่อยู่ในผ้าห่มคลุมโปงเอาไว้
“พี่จะอยู่เฝ้าเคียว จะนอนก็นอนไป นอนดี ๆ พี่ไม่แกล้งแล้ว เอาผ้าห่มลงมา”
นายหัวแห่งป่าหนาวลุงขึ้นดึงผ้าห่มลงมาจนถึงหน้าอก ก่อนจะมองหน้าแดง ๆ นั้นอีกทีแล้วอาศัยจังหวะที่คุณหมอคนสวยเผลอจูบปากบางนุ่มหนึ่งทีอย่างแรก
“เฮ้อ...ค่อยเหมือนได้ชีวิตกลับมาหน่อย”
คุณหมอคนสวยมองหน้าคมเข้มของชายหนุ่มอย่างซึ้งใจกับคำพูดของเขาเมื่อสักครู่
“ถ้ายังไม่เลิกมองแบบนั้นก็ไม่ต้องนอนกันแล้ว ถ้าเราทำแบบนั้นกันในโรงพยาบาลมันคงตื่นเต้นพิลึกเคียวว่ามั้ย”
“บ้า ทำไมพี่ป่าเป็นคนแบบนี้ ลามก”
ว่าเขาเสร็จแล้วก็รีบหันหลังให้ทันทีก่อนจะหลับตาและตอนนั้นเองที่เธอไม่ทราบเลยว่าหลับไปตอนไหน อาจเป็นเราะความอ่อนเพลียที่ยังคงเหลืออยู่ และอาจเป็นเพราะยาของคุณหมอที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ชายหนุ่มมองหน้าของคนที่หลับไปแล้ว นิ้วเรียวยาวค่อย ๆ ลูบไปตามใบหน้าสวยหวานนั้นอย่างเบามือ ต่อไปนี้เขาสัญญากับตัวเองไว้แล้ว เขาจะไม่ปล่ยอให้อันตรายเข้ามาทำร้ายขวัญพรรษอีก ใครก็แล้วแต่ที่มันกำลังคิด หรือกำลังทำร้าย ทั้งเขา และขวัญพรรษ มันจะต้องได้บทเรียนเสียบ้างหลังจากปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านมานานหลายปีตามระยะเวลาที่ปรายฟ้าเสียชีวิตไป ต่อไปนี้เขาจะปกป้องดวงใจของเข้าให้ได้จะไม่ยอมเสียเธอให้ใครอีกแล้ว นายหัวก้มลงจุมพิตหน้าผากโหนกนูนได้รูปสวยอย่างรักใคร่ ก่อนจะมานอนข้างโซฟาที่มีไว้สำหรับให้ญาติคนไข้นอนนั่นเอง
รุ่งอรุณของวันใหม่ทำให้คนป่วยสดชื่นขึ้นบ้างหลังจากต้องทนเป็นคนป่วยให้นายหัวดูแลแทบจะไม่ได้ลุกไปไหน ข่าวคราวการเจ็บป่วยครั้งนี้ถูกปิดบังจากผู้เป็นบิดา มารดาและทุกคนที่ใกล้ชิด เพราะได้รับความร่วมมือดีจากวินนี่เพื่อนสนิทของเธอนั่นเอง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลต้องขมวดคิ้วเรียวอย่างแปลกใจ ใครกันที่โทรมาเช้าขนาดนี้ มือเรียวบางหยิบโทรศัพท์ที่ส่งเสียงให้เธอเริ่มรำคาญแล้ว พอมองที่หน้าจอโทรศัพท์ชื่อที่ปรากฎทำให้หญิงสาวถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“ฮัลโหล พ่อจ๋าคิดถึงจังเลย”
เสียงหวาน ๆ ทำให้คนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องถึงกับยิ้มด้วยความเอ็นดู ปนอิจฉานิด ๆ นี่ยังมีคนที่หญิงสาวคนนี้อ้อนได้มากกว่าเขาอีกหรือ
“ว่าไง ไอ้เคียว เดี๋ยวนี้ลืมพ่อลืมเชื้อไม่โทรหากันเลยนะ”
คนเป็นพ่อจ๋าทำเสียงดุใส่ลูกสาวเพียงคนเดียว แต่มีหรือคนเป็นลูกอย่างขวัญพรรษจะกลัว เพราะรู้อยู่แล้วว่าคนเป็นพ่อจ๋าทำเป็นดุไปอย่างนั้นเอง
“โห...เคียวคิดถึงออก ไม่ได้โทรหาแค่สองวันเอง น้อยใจไปได้ ไม่ใช่หนุ่ม ๆ แล้วนะพ่อจ๋า”
พัฒน์ยิ้มทันทีที่ได้ยินเสียงหยอกเย้าของลูกสาว สองวันมานี่เขารู้สึกว่าชีวิตของเขามันหดหู่เพราะไม่ได้ยินเสียงหวาน ๆ ของลูกสาวสุดที่รักนี่เอง ถึงแม้จะมีเสียงหวาน ๆ ของขวัญข้าวกระซิบข้างหูอยู่ทุกคืนก็เถอะ
“ใช่สิ พ่อมันแก่แล้ว นี่ถ้าแกสวยหวานเหมือนคนอื่นเขานะ พ่อคงคิดว่าแกมีแฟนแล้วเห็นแฟนดีกว่าพ่อแน่ ๆ”
เสียงของพัฒน์ที่ดังกลับมาทำให้ใบหน้าหวาน ๆ ที่ยิ้มสวยอยู่เมื่อครู่ หุบยิ้มทันที เมื่อได้ยินประโยคที่ทำให้ระเคืองใจของคนเป็นบิดา แล้วก็ยิ้มอย่างเต็มที่เมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามาใกล้ ๆ กับเธอพร้อมกับก้มลงหอมแก้มนวลนั้นเบา ๆ
“โห...พ่อว่าลูกสาวคนเดียวได้ไง เคียวออกจะสวย หวาน จนคนแถวนี้ติดใจ ไม่เชื่อลองถามมั้ย”
ประโยคสุดท้ายทำให้ร่างสูงที่เดินไปหากำไรกับคุณหมอคนสวยเมื่อสักครู่เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเห็นหญิงสาวเอ่ยพาดพิงถึงเขา แล้วพยักหน้าเมื่อคิดว่าหญิงสาวจะยื่นโทรศัพท์มือถือให้ตัวเอง
“ไอ้เคียวเอ๊ย...หน้าตาแค่พอใช้ได้อย่างแก ขายออกนะ พ่อจ๋าจะยกโรงสีให้เลย”
แก้มนวล ๆ ของคุณหมอคนสวยป่องขึ้นทันที จนนายหัวหนุ่มที่มองหญิงสาวยิ้มออกมานิด ๆ คงมีใครทำให้โกรธอีกหล่ะสิถึงได้แก้มป่องแบบนี้
“สักวันเถอะนะ พ่อจ๋าจะช็อค เคียวจะเอาลูกเขยไปหาถึงที่เลย”
คำพูดของลูกสาวคนสวยทำเอาคนเป็นพ่อเริ่มเหงื่อแตก หรือว่าจะจริง ถ้าจริงแล้วเขาจะทำอย่างไร
“เออ...ไว้พ่อจ๋าจะรอดูแล้วกัน แต่อย่าให้พ่อจ๋าแก่กว่านี้นะ เพราะสายตาตอนนั้นมันอาจไม่ดี เดี๋ยวดูลูกเขยไม่ชัด”
“พ่อจ๋าจำไว้เลย ไม่คุยกับพ่อจ๋าแล่ว...ฝากบอกแม่จ๋าด้วยว่าเคียวคิดถึง คิดถึงคนเดียวด้วย แค่นี้นะคะ รักแม่จ๋าคนเดียว”
น้ำเสียงงอน ๆ ของลูกสาวทำให้คนเป็นพ่อ และคนเป็นแฟนถึงกับอมยิ้มด้วยความเอ็นดู ถ้ามีใครมาขโมยความน่ารัก ความสดใสนี้ไปจากเขา เขาคงไม่ยอม นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนคิดเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะยังไม่เคยเจอหน้าซึ่งกันและกันก็เถอะ
“พี่แวะมาหาเคียวก่อน เดี๋ยวพี่จะไปบ้านแม่สักหน่อย อีกอย่างจะให้คนงานจัดห้องให้เคียวด้วย พอออกจากโรงพยาบาลเคียวก็ไปอยู่บ้านแม่พี่สักพักนึงก่อน พอให้อะไร ๆ มันดีขึ้นค่อยกลับไปป่าหนาว แล้วพอหายดีแล้วสิ่งแรกที่พี่จะทำคือฝึกให้เคียวว่ายน้ำ”
นายหัวหนุ่มเดินมานั่งบนเตียงคนไข้ที่คุณหมอคนสวยนอนยิ้มให้เขาอยู่
“ไปหาคุณภารตีก่อนก็ได้ ไม่เห็นต้องมาหาเคียวก่อนเลย”
คุณหมอคนสวยบอกนายหัวหนุ่มอย่างเกรงใจที่เขาต้องไปทางโน้นทีทางนี้ที
“เรียกแม่พี่ว่าอะไรนะ เรียกแบบนั้นได้ไง ไหนเรียกใหม่ เรียกแม่ได้ยินมั้ย เรียกแม่เหมือนที่เคียวเรียกแม่จ๋าของเคียวนั่นแหล่ะ”
มือหนาประคองหน้าหวาน ๆ ไว้อย่างรักใคร่พร้อมกับย้ำประโยคหลังให้อีกฝ่ายได้ยินชัด ๆ
“ไม่เอา ไม่ใช่แม่จ๋าของเคียวสักหน่อย”
น้ำเสียงขึ้นจมูกพร้อมกับปากบางที่ยื่นน้อย ๆ เมื่อเอ่ยประโยคเมื่อสักครู่
“แน่ใจนะว่าไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นพี่จะได้ย้ำกันอีกครั้ง บนเตียงนี่แหล่ะ ว่าไงเอามั้ย”
คำขู่ของนายหัวหนุ่ม ทำให้คุณหมอคนสวยถอยหนีไปอีกนิด แล้วเหลือบไปมองตรงประตูเข้าห้องเพราะกลัวว่าจะมีใครโผล่เข้ามาตอนนี้
“พี่ป่าอย่าบ้านะ นี่มันโรงพยาบาลนะ”
คุณหมอคนสวยรีบบอกอีกฝ่ายเสียงหลงเพราะคิดว่าชายหนุ่มจะทำอย่างที่เขาขู่ไว้จริง ๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้ามาจนหน้าแทบจะติดกันอยู่แล้ว มือบางของหญิงสาวรีบยันอกกว้าง ๆ นั้นออกสุดฤทธิ์ แต่มันก็เหมือนกับการยันกำแพงหนา ๆ เอาไว้เพราะไม่มีท่าทางกำแพงชีวิตคนนี้จะขยับเขยื้อนไปไหนได้เลย แถมยังก้มลงหอมแก้มป่อง ๆ ของหญิงสาวอีกสองสามทีอย่างหากำไร
“พี่ป่า เคียวร้องจริง ๆ นะ ถ้าพี่ป่าทำบ้า ๆ แบบนั้น”
“ร้องสิ พยาบาลเอย หมอเอย ผู้ช่วยพยาบาลเอย เขาจะได้รู้กันเสียที พี่จะได้ไม่ต้องประกาศว่าเคียวเป็นเมียพี่ เป็นผู้หญิงที่พี่รัก”
ประโยคสุดท้ายฟังดูอ่อนหวานยิ่งนักจนคุณหมอคนสวยต้องมองสบตาหวาน ๆ ของนายหัวหนุ่ม แล้วชะโงกหน้าไปจูบปากเรียวได้รูปของนายหัวหนุ่มเร็ว ๆ หนึ่งทีเพื่อให้รางวัล เมื่อเห็นดวงตาที่บ่งบอกถึงความรัก ความห่วงใย ในดวงตาวาวหวานคู่นั้นของนายหัวหนุ่มแห่งป่าหนาว
“ให้มันจริงก็แล้วกัน ไม่งั้นเคียวเอาตาย”
คำขู่ของหญิงสาวทำเอานายหัวแห่งป่าหนาวถึงกับหัวเราะเพราะฟังกี่รอบน้ำเสียงนั้นไม่ได้น่ากลัวเลย
“พี่ก็ยอมตาย ถ้าเป็นเคียว”
เสียงห้าว ๆ ตอบคุณหมอคนสวยพร้อมกับก้มหน้าลงไปหลังจากเล็งไว้ที่ปากบางได้รูปนั้นมาหลายวินาทีแล้ว แล้วมันก็คงจะเป็นจริงถ้าไม่ติดนิ้วเรียว ๆ ที่ขวางทางเขาอยู่ขณะนี้
“ไม่ค่ะ รีบไปได้แล้ว วันนี้วินนี่จะมาเยี่ยมเคียวด้วย เคียวอยากคุยกับเพื่อนค่ะ”
ประโยคท้ายทำให้นายหัวแห่งป่าหนาวถึงกับถอยออกมานั่งหันหลังให้คุณหมอคนสวยอย่างรวดเร็ว
“ได้เพื่อนแล้วลืมผัวเลยนะ”
“อ๊าย...พี่ป่าพูดแบบนี้ได้ไง คนอื่นได้ยินแล้วจะคิดว่าเคียวเป็นคนอย่างไร”
มือบางตีที่หลังกว้างของชายหนุ่มเบา ๆ หนึ่งทีเมื่อได้ยินประโยคที่ทำให้ระคายหู
“หรือไม่จริง ไม่คิดว่าพี่จะน้อยใจบ้างหรือ ไล่พี่ไปไกล ๆ แบบนี้”
คำบอกของนายหัวแห่งป่าหนาวเริ่มทำให้หญิงสาวเอะใจขึ้นมานิดนึงก่อนจะชะโงกหน้ามองชายหนุ่มว่าโกรธหรือน้อยใจจริงหรือเปล่า แต่พอเห็นใบหน้าเฉยชาของนายหัว ใจดวงน้อย ๆ ของเธอก็เริ่มเต้นแรงขึ้นด้วยความกลัว กลัวว่าชายหนุ่มจะโกรธเธอจริง ๆ ลำแขนเรียวยาวเข้ากอดเอวหนาของนายหัวแห่งป่าหนาวจากด้านหลังของชายหนุ่มพร้อมกับแนบแก้มนุ่ม ๆ กับแผ่นหลังที่อบอุ่นและกว้างหนานั้นอย่างเอาใจอีกฝ่าย
“คนสำคัญในชีวิตเคียวมีไม่กี่คน แต่หนึ่งในคน ๆนั้นก็มีพี่ป่ารวมอยู่ด้วย พี่ป่าสำคัญสำหรับเคียวเสมอ สำคัญมากด้วย อย่าโกรธเคียวนะคะ เคียวแค่อยากคุยกันแบบเพื่อน ๆ กับวินนี่แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดว่าวินนี่สำคัญมากไปกว่าพี่ป่าเลย อะไรกันเป็นถึงนายหัวคุมคนงานตั้งหลายร้อยคนทำไมถึงใจน้อยด้วยเรื่องแค่นี้ ไหน เคียวขอดูหัวใจหน่อยสิว่ามันเล็กขนาดไหนกัน”
คุณหมอคนสวยถือโอกาสยกร่างบางของตัวเองไปนั่งบนตักกว้างของนายหัวแห่งป่าหนาว แล้วโอบรอบแขนเรียวไว้รอบคอแข็งแรงของเขา
“เอ...ยังไม่หายโกรธอีกหรือคะ ทำไงดีนะ เคียวนึกไม่ออกเลย”
น้ำเสียงหยอกเย้า เอาใจทำให้ชายหนุ่มพยายามเก็กหน้าให้ขรึมเอาไว้ ความจริงเขาไม่ได้โกรธอะไรเลย เพียงแต่แค่อยากแหย่สาวน้อยคนนี้เล่นเท่านั้นเอง
“เอ๊ะ..เอ๊ะ...ไม่บอก งั้นทำแบบนี้แล้วกัน”
ริมฝีปากเรียวได้รูปสีชมพูระเรื่อนั้นประกบแนบกับปากหนาได้รูปของนายหัวแห่งป่าหนาวอย่างแนบชิด พร้อมกับส่งปลายลิ้นไล้เรียวปากอย่างเรียกร้องให้ชายหนุ่มตอบสนองเธอ พนาพรรษถึงกับใจเต้นแรงเมื่อเจอปฏิกิริยาโต้ตอบของอีกฝ่าย มือหนาแข็งแรงดันร่างบางเข้าชิดอกกว้างพร้อมกับเผยอปากจูบตอบอีกฝ่ายอย่างเรียกร้องเหมือนกันจนหญิงสาวถึงกับสั่นไปทั้งตัวขณะนั่งบนตักกว้างของนายหัวแห่งป่าหนาว มือหนาแข็งแรงลูบไล้จากแผ่นหลังแล้วเลยมาถึงด้านหน้า สัมผัสกับอกนุ่มเย้ายวนมือของเขาเบา ๆ จนคุณหมอคนสวยต้องยกมือขึ้นมาจับมือหนานั้นไว้ก่อนที่มันจะเลยเถิดไปกว่านี้ พร้อมกับถอนริมฝีปากออกจากปากเข้มของชายหนุ่ม เธอยังไม่อยากอายพยาบาลหรือคุณหมอที่อาจจะเข้ามาได้
“ซนใหญ่แล้ว หายโกรธแล้วใช่มั้ยคะ เอ...หรือว่าไม่ได้โกรธ”
หญิงสาวตาโตเมื่อนึกได้ว่าเธออาจจะถูกหลอกจากใบหน้าเฉย ๆ ของนายหัวหนุ่มคนนี้
“พี่ยังไม่ได้บอกเลยว่าโกรธ แค่อยากดูว่าใครบางคนแคร์ความรู้สึกของพี่หรือเปล่า”
ชายหนุ่มประคองหน้าหวาน ๆ ของคุณหมอคนสวยไว้เต็มทั้งสองมือพร้อมกับส่งสายตาแวววาว กรุ่มกริ่มใส่หญิงสาวกัดริมฝีปากด้านล่างของตัวเองเล่นอย่างขัดใจเมื่อรู้ว่าโดนอีกฝ่ายต้มเสียจนเปื่อย
“แล้วแคร์มั้ยล่ะคะ เคียวทั้งแคร์ ทั้งห่วง ทั้งหวงพี่ป่าจะตายไป ไปได้แล้วค่ะ เดี๋ยวคะ..คุณแม่จะรอนาน”
ประโยคท้ายนั้นทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างพอใจ เมื่อได้ยินคนในอ้อมกอดเรียกชื่อมารดาของเขาถึงแม้จะยังขัดเขินบ้างก็ยังน่ารักในความรู้สึกของเขา ชายหนุ่มตัดใจยกร่างบางไปวางไว้บนเตียงของโรงพยาบาล ก่อนจะก้มจูบปากหวาน ๆ ของหญิงสาวอีกครั้งแล้วเดินออกไปจากห้องพักคนป่วยอย่างตัดใจ ถ้าเขาไม่ต้องรีบไปบอกเรื่องของขวัญพรรษกับคนเป็นแม่ เขาก็อยากอยู่หวานกับหญิงสาวคนนี้ต่อ แต่เรื่องที่กำลังจะไปบอกมารดาก็สำคัญกับเขามาก เขาต้องจัดการเรื่องนี้ให้มันถูกต้อง ถึงจะไม่ใช่ในเวลานี้ก็เถอะ แต่เขาก็อยากได้สิทธิ์ดูแลหญิงสาวในห้องอย่างเร็วที่สุด เพราะว่าตอนนี้เขาเป็นห่วงคุณหมอคนสวยเหลือเกิน
นายหัวแห่งป่าหนาวขับรถออกไปจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว จนลืมสังเกตว่ามีรถของฟาร์มมุกป่าหนาวขับเลี้ยวเข้ามาจอดในเวลาใกล้ ๆ กันกับที่เขาขับออกไป บุษราลัลน์ก้มหน้าลงเล็กน้อยเมื่อคิดว่านายหัวหนุ่มจะหันมามองแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอจึงขับรถเข้าไปจอดตรงที่ว่างที่ว่างอยู่ขณะนั้น
เธอแค่อยากดูว่าคุณหมอคนสวยคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมทุกอย่างถึงเข้าข้างมันได้ แผนของเธอพังไม่เป็นท่า ถ้าเพียงพนาพรรษไม่เป็นเห็นมันเสียก่อนเธอคิดว่าศพต่อไปต้องเป็นนังหมอคนสวยนี่แน่นอน
เสียงเคาะประตูห้องทำให้ขวัญพรรษเหลียวไปมองและยิ้มรับเพราะคิดว่าเป็นวินนี่เพื่อนรักของเธอ แต่คนที่เข้ามาทำให้รอยยิ้มนั้นจากหายไปนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้หายไปจากใบหน้าหวาน ๆของหญิงสาวเลย
“สวัสดีค่ะคุณบุษ”
คุณหมอเอ่ยทักก่อนเป็นคนแรกเมื่อเจอสายตาเย็นชามองมาที่เธออย่างแน่วแน่
“เก่งนี่ รอดมาได้”
“หมายความว่าอย่างไรคะ”
ขวัญพรรษรีบถามออกไปทันที เธอได้ยินไม่ผิดแน่นอน คำพูดนั้น สายตาแบบนี้ เย็นชา มองราวกับว่าไม่มีเธออยู่ตรงนี้เลย
“เปล่าค่ะ ฉันแค่บอกว่าเธอเก่ง หายป่วยแล้ว”
ดูเหมือนบุษราลัลน์จะเริ่มรู้สึกตัว จึงยิ้มให้คุณหมอคนสวยแล้วเดินเข้าไปใกล้คุณหมอคนสวยอีกนิด แล้วคิ้วเรียวก็ต้องขมวดเข้าหากันถึงแม้มันจะได้กลิ่นอ่อน ๆ ก็เถอะ แต่เธอว่ากลิ่นมันคุ้น ๆ หรือจะให้บอกมันก็กลิ่นเดียวกับที่เธอได้กลิ่นอยู่ขณะนี้ เป็นไปได้หรือที่บุษราลัลน์จะถอดเสื้อไว้ในถ้ำ แล้วถอดไว้ทำไม หรือว่าจะทิ้งมัน ทิ้งหรือ....หรือว่าไม่อยากให้ใครเห็น แล้วทำไมถึงไม่อยากให้ใครเห็น เพราะมันเป็นความลับหรือ บุษราลัลน์มีความลับอะไรถึงต้องปกปิดขนาดนี้
“ไม่ได้เก่งหรอกค่ะ ตอนแรกคิดว่ตัวเองต้องตายเสียอีก ดีที่เห็นถ้ำที่อยู่ด้านหลังโกฏของคุณฟ้า แต่แปลกนะคะ ในถ้ำนั่นมีชุดดำของใครก็ไม่รู้ทิ้งไว้ ฉันก็เลยเอาห่ม และที่แปลกสุด ๆ นะคะ มันมีกลิ่นน้ำหอม เหมือนกับฉันเคยได้กลิ่นที่ไหน แถวนี้หรือเปล่าน้า”
คุณหมอยื่นหน้าเข้าไปดมใกล้ ๆ บุษราลัลน์แล้วเหลือบสายตาขึ้นมองดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แต่ทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บุษราลัลน์ขยับออกไปนิดนึงแล้วมองขวัญพรรษด้วยรอยยิ้มนิด ๆ
“แหม คุณเคียวคะ น้ำหอมใครฉีดก็ฉีดได้ทั้งนั้นแหล่ะค่ะ”
บุษราลัลน์พยายามถอยตัวเองออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายไม่สงสัย เธอไม่ระวังตัวเลยวันนี้ เพราะไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะรู้เรื่องเสื้อพวกนั้น เห็นทีเธอต้องรีบกำจัดมันออกไปให้เร็ว ๆ เสียแล้ว
“แต่เคียวว่ากลิ่นมันเหมือนของคุณบุษเลยนะ”
ขวัญพรรษปล่อยระเบิดลูกแรกออกไปพร้อมกับแอบมองสังเกตอาการของหญิงสาวที่ยืนที่หน้าเธอขณะนี้
“ก็บุษบอกแล้ว น้ำหอมใครใช้ก็ได้ หรือว่าคุณเคียวไม่เคยได้กลิ่นนี้จากคนอื่น”
ก็จริงของบุษราลัลน์เธอได้กลิ่นน้ำหอมแบบนี้บ่อย ๆ ไป
“คุณเคียวจะบอกว่าเสื้อพวกนั้นเป็นของบุษหรือคะ แหม..มันจะไม่เป็นการใส่ร้ายกันจนเกินไปหรือคะ แล้วอีกอย่างถ้าเสื้อพวกนั้นมันเป็นของฆาตกร บุษก็ต้องเป็นฆาตรกรด้วยงั้นหรือคะ”
คำถามราบเรียบของบุษราลัลน์ทำให้ขวัญพรรษมองหญิงสาวอย่างมีสติ เริ่มคิดตามที่หญิงสาวบอก เธอยังมีหลักฐานไม่พอจะเอาแค่เรื่องต่างหู กับน้ำหอมมาวัดว่าบุษราลัลน์เป็นฆาตรกรไม่ได้ แต่เป็นผู้ต้องสงสัยในเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน
“เคียวขอโทษค่ะ ถ้ามันเป็นการล่วงเกินคุณบุษ เพียงแต่เคียวนึกได้ว่ามันเหมือนกันมากกว่า แต่ก็อย่างที่คุณบุษว่ากลิ่นนี้มีคนใช้เกลื่อนไปหมดทั้งถูก แพง ก๊อบ ของแท้ ดมไม่ออกเลยค่ะว่ามั้ยคะ”
อิ..อิ.ขอกัดนิดนึงแล้วกันนะว่าใช้ของโหล หมั่นไส้จริง ๆ ยืนตัวแข็งคอเชิดอยู่ได้ บุษราลัลน์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อีกครั้งพยายามระงับอารมณ์โกรธเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายยั่วว่าเธอใช้ของโหลราคาถูกเหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไป ให้มันพูดไปก่อนเถอะ มันจะพูดได้อีกไม่นานหรอก แล้วนักวิทยาศาสตร์คนสวยก็เดินออกไปจากห้องพักของคนป่วยโดยไม่มีคำร่ำลาอะไรทั้งสิ้นจนคุณหมอคนสวยยังงง ๆ กับการไปการมาของนักวิทยาศาสตร์ร่างบางเมื่อสักครู่
..............................................................................................................
เอรินี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ค. 2554, 22:14:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ค. 2554, 22:14:13 น.
จำนวนการเข้าชม : 1855
<< บทที่ 11-12 | บทที่ 14-15 >> |
Auuuu 12 ก.ค. 2554, 23:37:50 น.
สู้ๆๆนะเคียว อย่ายอมแพ้
สู้ๆๆนะเคียว อย่ายอมแพ้
ปูสีน้ำเงิน 14 ก.ค. 2554, 01:32:00 น.
ใกล้จบแล้วใช่ไหม๊เนี่ย แต่เพิ่งจบภายในสองวันนี้นะเพราะสุดสัปดาห์นี้จนถึงวันพุธปูไม่อยู่บ้านไปตจว.แบบว่ากลัวไม่ได้อ่านตอนจบ ก็แหม..ปูตามอ่านมาตลอดไม่เคยพลาดสักตอนนี่นา
ใกล้จบแล้วใช่ไหม๊เนี่ย แต่เพิ่งจบภายในสองวันนี้นะเพราะสุดสัปดาห์นี้จนถึงวันพุธปูไม่อยู่บ้านไปตจว.แบบว่ากลัวไม่ได้อ่านตอนจบ ก็แหม..ปูตามอ่านมาตลอดไม่เคยพลาดสักตอนนี่นา
noojee 15 ก.ค. 2554, 08:42:55 น.
ติดตามค่า อยากให้คนรู้ซักทีว่าเจ๊แกร้ายจริง
ติดตามค่า อยากให้คนรู้ซักทีว่าเจ๊แกร้ายจริง