บ้านต้นรักษ์ (จบแล้วจ้า) รีไรท์
ก้อ...กอมารุน...ราชาแห่งท้องทะเลทราย

ปะทะกับ

นีล...นัจมุน...ราชินีแห่งท้องทุ่ง


เมื่อดวงจันทร์กับดวงดาวบนฟ้าต่างแข่งกันประจันแสง...
โดยมีต้นไม้ สายน้ำ และท้องทุ่ง เป็นตัวประกัน...

หมู่บ้านอันแสนสงบร่มเย็นอย่าง 'บ้านต้นรักษ์'
กำลังจะลุกเป็นไฟ

เมื่อสิ่งที่นักลงทุนอย่างเขาต้องการ
คือสิ่งเดียวกันกับที่หญิงสาวหวงแหนยิ่งชีพ
ทั้งๆที่เธอไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาหวงแหนในสิ่งที่ไม่ใช่
กรรมสิทธิ์ของตน!

การเชือดเฉือนจึงก่อกำเนิดในยุคแห่งวัตถุนิยม
ที่นายทุนเป็นใหญ่

ท่ามกลางสงครามอันร้อนระอุ

ระหว่าง

ราชาแห่งท้องทะเลทราย กับ ราชินีแห่งท้องทุ่ง

ที่อยู่ห่างกันราวคนละโลก ในชีวิตกันคนละแบบ
คิดอ่านกันคนละอย่าง...

เสียงเพรียกจากวันวาน จะกลับมาขับขาน
สะพานไม้หมากที่พาดข้ามฟากเชื่อมสองฝั่งคลอง
กำลังสั่นสะเทือน...เมื่อสะพานคอนกรีตจะเข้ามาแทนที่

สายสัมพันธ์ระหว่างคนกับต้นไม้กำลังจะพัดหวนคืน

...น้ำในลำธารใสสะอาดกับน้ำมันสีดำไม่อาจเข้ากันได้ฉันใด
เธอกับเขาก็ไม่อาจเข้ากันได้ฉันนั้น...

ไม่มีใครรู้ว่าระหว่าง ดวงจันทร์ดวงใหญ่แค่ดวงเดียวที่ลอยเด่น
อยู่บนฟ้ากับดวงดาวจำนวนมากมายนับล้าน
มีความเป็นมาอย่างไร...
เว้นแต่ต้นไม้ที่ผ่านกาลเวลาโดยไม่เคยหนีหายไปไหนเท่านั้น
ที่จะไขปริศนานี้...

ต้นไม้ที่ยืนผงาดอย่างอดทนผ่านร้อนหนาว
ผ่านฤดูกาลมาครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่มีใครเคยได้ยินเสียงบ่น
ต้นไม้ที่เหมือนจะไม่รับรู้สิ่งใด...

หากทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นและเป็นไปกลับกลายเป็นส่วนหนึ่ง
ความรักความประทับใจและความผูกพันธ์ถูกบันทึกไว้ใต้ต้นไม้
หยั่งรากลึกลงในดิน หยั่งลึกลงในจิตใจ...
มีค่า มีความหมาย...นานเท่านาน...


Tags: ดราม่า รัก ต้นไม้ กอมารุน นัจมุน ก้อ นีล เชือดเฉือน แนวอนุรักษ์

ตอน: ต้นที่ 2 ตัวปัญหากับตัวช่วย



“ข้างบ้านเขามีคอนเสิดดดด…เขาว่ามีเบิร์ดกับพรศักดิ์ปะทะกานนนน…
บ้านเราไม่มีเงินไปดู…ได้แต่เงี่ยหู…นึกเสียว่าอยู่ในน้านนนน…
ฟังไปเกิดน้อยใจขึ้นมา...จึงเปิดคอนเสิดกลางนา…
ใช้ชื่อว่าาาาาา…คอนเสิดดดดด…คนจน”

เสียงแหลมๆเหมือนเสียงควายออกลูกที่แหกปากร้องเพลงดังมาจาก
ต้นจิกกลางหนองขาประจำทำให้คนที่กำลังปักคันเบ็ดลงไปตามท้องร่องน้ำ
ถึงกับสะบัดหัว

แล้วสภาพต้นจิกกิ่งนั้นที่กำลังโยกไหวไปมา เดาได้ว่ายัยตัวปัญหากำลังเต้นขย่ม
ต้นจิกต้นนั้นอย่างเมามันทีเดียว เสียงยังแว่วมากับลมไม่ขาดสาย…

ไม่ช่วยกันทำมาหากินแล้วยังก่อกวนแก้วหูของเขาได้ตลอดเวลา
ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยบ้างหรือไง แหกปากได้ทั้งวันแบบนั้น เสียงยังใสได้ตลอด
สุดยอดจริงๆ 'ยัยนกสาลิกาดำ'

...มาด้วยทีไรก็ทำได้แค่นี้...ไม่รู้จะมาด้วยทำไมให้เกะกะ…

“โอ๊…เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย…โอ๊เยโอ๊เย…โอ๊โอ๊เย
โอ๊เย โอ๊เย…”

ร่างแน่งน้อยโยกเอวส่ายสะโพกไปมาพร้อมทำท่าทางประกอบเพลงไปด้วย
อย่างเมามันในอารมณ์ซึ่งได้ยินมาจากวิทยุและคนอื่นๆร้องกันประจำ
จนจำได้ขึ้นใจ…ซึ่งเป็นเพลงคอนเสิร์ตคนจน ของวงนกแลที่ใครๆต่างชื่นชอบ

“ต้นข้าวมาเป็นคนดู…มีปูมาสางเกดกานนนนน…ลำโพงเขาคือต้นตาล
ลำโพงก็คือต้นตาล…เสียงหวานนนนเหลืออออเกินนนน…
คันนานั้นคือเวที…เวทีก็คือคันนา…ก้านกล้วยมาเป็นกีตาร์ ก้านกล้วยมาเป็นกีตาร์…
เอาไม้ฟืนมาเป็นมายโคโฟนนนนนน…”

เด็กชายยืนมองคนที่ใช้กล้วยเป็นไมโครโฟนร้องเพลงแล้วได้แต่สะบัดหัว
เขาเชื่อว่าไม่ช้าไม่นานนักร้องที่พวงตำแหน่งหางเครื่อง
ได้หาเรื่องยัดไมโครโฟนอันนั้นเข้าไปเคี้ยวเล่นในปากแน่ๆ…

“โอ๊…เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย…โอ๊เยโอ๊เย…โอ๊โอ๊เย
โอ๊เย โอ๊เย…

บางคนก็เป็นหางเครื่อง…หางเครื่องทะยอยกันมา
บางคนก็เคาะกะลา…บางคนก็เคาะกะลา…มีดอกชบาเป็นพวงมาลัย…
สมชายเป็นคนตีกลอง…สมปองเป็นน้องสมชาย…
นักร้องก็มีมากมาย…โฆษกก็มีมากมาย…สบ๊ายสบาย…สนุกจริงๆ…”

“โอ๊…เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย…โอ๊เยโอ๊เย…โอ๊โอ๊เย
โอ๊เย โอ๊เย…

เอ้าเร่เข้ามาาาา…มางานมีเพงงงง…ร้องกานเอง
บรรเลง บรรเลง ไม่เสียสตางค์…อ้าว...เสื้อสีชมพูมาดู มาฟัง
เต๋อเล่นแตร เต๋อเล่นแตร…อ่ะ เต๋อเล่นเตร...

โอ๊…เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย…โอ๊เยโอ๊เย…
โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊…โอ๊ยยยยยยยย…”

เสียง ‘โอ๊ย’ ยาวๆในตอนท้ายนั้นฟังดูแปร่งหูอยู่มิใช่น้อย
หากคนที่กำลังทำมาหากินอยู่หาได้ใส่ใจจะหันไปมองไม่

ทั้งๆที่ตอนนี้นักร้องที่พ่วงตำแหน่งหางเครื่องเข้าไปด้วย
กำลังโดนท่านผู้ชมแห่กันมารุมล้อมจากทั่วสารทิศ ทั้งเนื้อทั้งตัวเลยโดนแฟนเพลง
ลวนลามกันอย่างทั่วถึงราวกับรักนักร้องบ้านนาผู้มีความสามารถทั้งร้องทั้งเต้น
ได้แสนสะเทือนรังของมันจนไม่อาจนิ่งเฉยได้ ต้องออกมาชื่นชมผลงาน
พร้อมกับเรียกสมัครพรรคพวกทั้งหมดเข้าผสมโรงด้วยเป็นการตอบแทน…

“โอ๊ยยยยย…พี่ก้ออออออ…พี่ก้อออออออ...โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ยยยยยย”

เสียงร้องเรียกหาตัวช่วยดังลั่นต้นจิก แม้แต่ปลาในหนองที่เฝ้าฟังเสียงนักร้อง
อย่างไม่อาจจะว่ายหลบหนีไปไหนมาได้สักพักแล้วยังตกใจกระโดดผุดขึ้นเหนือผืนน้ำ
กันจ้าละหวั่นกับเสียงแผดร้องลั่นทุ่งของนักร้องและนักเต้นเท้าไฟ…

มือที่กำลังกำคันเบ็ดชะงักแล้วหันไปมองยังต้นจิกต้นนั้น เพ่งมองก็แลเห็นคนตัวเล็ก
กำลังเต้นเร่าๆโดยไม่มีเสียงร้องเพลงประกอบท่าแต่เป็นเสียงร้องโหยหวยแทน

เด็กชายส่ายหัวด้วยสีหน้าระอาเหลือแสนพร้อมวิ่งไปหาทันที…
เมื่อรู้ว่ายัยนกสาลิกาดำกำลังโดนดีเข้าให้อีกแล้ว...

ให้มันได้อย่างนี้สิน่า ชีวิตเขาจะมีสักวันไหมที่จะพบกับความสงบสุข...ไม่มีเลยจริงๆ...

ทำไมมี 'กอมารุน' แล้วต้องมี 'นัจมุน' ด้วย
แล้วทำไมชื่อเด็กคนนี้ต้องมาพ้องกับชื่อที่พ่อแม่ที่แท้จริงอุตส่าห์ตั้งให้เขาด้วยเล่า...

“กระโดดลงไปในน้ำเลย…กระโดดลงไป…”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายโดนมดแดงรุมแถมยังล้อมโจมตีทุกทางจากทุกทิศ
จนหาทางกลับมาบนบกไม่ได้แบบนั้น เลยสั่งให้กระโดดลงน้ำ

“ไม่…น้ำลึก…นีลกลัวจม…”

“ฉันจะลงไปเก็บเอง…เร็ว…บอกให้กระโดดไง…”

นักร้องเสียงใสที่โดนมดแดงรุมรักจึงตัดสินใจกระโดดพุ่งลงไปในหนองน้ำทันที
แล้วก็พบว่าเท้าตัวเองไม่สามารถแตะหรือยืนบนพื้นอะไรได้เลย
น้ำลึกเกินความสูงของเธอ เด็กสาวเลยใช้มือตะกุยตะกายไม่ให้จมด้วยสัญชาตญาณ…


ใจนึงเฝ้าคร่ำครวญว่าไม่น่าเชื่อเขาจนต้องกระโดดมาพบกับอะไรแบบนี้เลย
แต่อีกใจนึงเชื่อว่า ตัวเองจะรอด...เขาไม่ปล่อยให้เธอจมน้ำแน่ๆ...

คนที่ว่ายน้ำเป็นเลยกระโดดตามไปลากคอ ‘ตัวปัญหา’ ในชีวิตเขาขึ้นบก
มาอย่างทุลักทุเล เมื่อลากมานอนแผ่บนผืนหญ้าริมหนองได้แล้ว
ตัวช่วยอย่่างเขาก็เริ่มสำรวจคนที่นอนหายใจหอบถี่ ก่อนจะรีบถอดเสื้อที่ยังมีมดแดง
เกาะติดเต็มไปหมดออกจากตัวของเด็กสาว

ทั้งเนื้อทั้งตัวของตัวปัญหาแดงไปหมด โดยเฉพาะที่ลำคอซึ่งน่าจะโดนมดแดง
โจมตีได้ง่ายที่สุดและมากที่สุด

“แสบ…นีลแสบไปหมดทั้งตัวเลยพี่ก้อ…ไอ้มดแดงพวกนั้นมันทำกับนีลได้…
ทั้งๆที่นีลไม่เคยทำไรมันเลย…ไม่เคยคิดร้ายกับมัน...นิดเดียวก็ไม่เคย”

เด็กสาวลุกขึ้นนั่งแล้วลูบไปตามเนื้อตัวที่มีรอยแดงๆเต็มไปหมด

“มันเข้าหูรึเปล่า…ไหนดูซิ” ไม่พูดเปล่า ตัวช่วยคนสำคัญปัดผมยุ่งๆนั้นออกแล้ว
มองหามดแดงที่ติดเส้นผมนั้นก่อนจะหยิบออกให้จนหมด…
แล้วหันไปจัดการกับมดที่ยังกัดเนื้อบางจนไม่เหลือสักตัวนั่นล่ะจึงเอ่ยออกมาว่า

“ก็เล่นไปเต้นโหยงๆ มดมันรำคาญมันก็เลยเล่นงานเอา…สม”
คนโดนดุแบะปากทำท่าจะแหกปากร้องไห้

“อย่านะ อย่ามาร้องไห้นะ…ทำตัวเองทั้งนั้น…”

“ก็พี่ก้อมาว่านีลทำไม…นีลไม่รู้นี่ว่าไอ้มดแดงมันจะไม่ชอบ
เสียงเพลงเพาะๆของนีล…”

“เพราะตายแหล่ะ…ร้องออกมาได้อย่างกับควายออกลูก…
คราวหลังต้องระวังอย่าไปสร้างความรำคาญให้มันอีก…เข้าใจมั้ย…”

“มันน่ารำคาญมากเลยเหรอ…”

“สุดๆ…” เด็กสาวมองหน้าคนไม่มีอารมณ์สุนทรีย์เอาซะเลยแล้วแย้งกลับไปว่า

"ไม่จริง...นกบินผ่านมายังส่งเสียงร้องรับเลย..."

"งั้นไปถามปลาในหนองสิว่ามันอยากว่ายน้ำหนีเธอรึเปล่า แต่ก็อย่างว่าละนะ
มันจะว่ายหนีไปไหนได้...ก็คงต้องว่ายวนอยู่แต่ในหนองนั่นแหล่ะ...
บางทีมันอาจจะเหม็นขี้หน้าและรำคาญเสียงเธอเหมือนฉันแล้วก็ได้..."
ขาใหญ่ประจำต้นจิกกลางหนองแบะปาก หน้าย่น จมูกยู่

"แล้วทำไมพี่ก้อไม่ไปตกปลาในหนองนั่นให้เกลี้ยงซะเลย...ไปตกทำไมในนา..."

พูดเหมือนจะแค้นใจปลาในหนองขึ้นมา...ก็ถ้ามันมีความคิดเหมือนคนตรงหน้า
ก็ให้น่าเคืองไม่น้อย เรารึอุตส่าห์ร้องเพลงให้ฟังแท้ๆ ไม่มีสำนึกถึงบุญคุณกันบ้างเลย

"ง่ายเกินไป...มันไม่ท้าทาย...ตกในนานี่แหล่ะสนุก ได้ลุ้นตลอด" เด็กชายว่า

"ไม่เห็นจะสนุกตรงไหน..."

"ก็เธอมันสนุกแต่เรื่องกินกับแหกปากไร้สาระไปวันๆ...แค่นั้น..."

“งั้นเรากลับบ้านกันเถอะ…” เด็กสาวเริ่มสู้ไม่ไหวจึงรีบชวนกลับบ้านเสียดื้อๆ
เพราะปะทะกันทีไรเขาคว้าชัยไปได้ทุกที

“ไม่…”

“ทำไมล่ะ…”

“ยังไม่ได้ปลาสักตัวจะกลับได้ไง…”

“ก็ไม่เห็นเป็นไร…วันนี้เราก็กินไข่เจียวเอาก็ได้น่ี…ที่บ้านมีทั้งไข่เป็ดไข่ไก่
ไข่เค็มที่เราทำไว้ก็น่าจะกินได้แล้วด้วย…เราค่อยเอาไข่เค็มมาทอด
หรือต้มก็ได้...แล้วให้แม่ยำไข่เค็มให้..."

คนพูดพูดแล้วก็นึกถึงภาพของยำไข่เค็มลอยขึ้นมาในตาจนปรากฎเป็นรอยยิ้มสดใส
บนใบหน้า ลืมสภาพตัวเองและสถานที่ในตอนนี้ไปชั่วคราว

"เรากลับกันเถอะนะพี่ก้อ...นีลหิวแล้ว…”

คนฟังส่ายหน้าระอาตัวปัญหาที่ไม่ช่วยอะไรแล้ว
ยังจะสร้างปัญหาให้ไม่เลิก…ร้องจะกินอีกแล้ว…

“แล้วไหนล่ะกล้วย…กล้วยที่เอามาตั้งหวีนึงน่ะ…” คนตัวเล็กหัวเราะแหะๆ
เมื่อโดนถามถึงกล้วยน้ำว้าหวีนั้น

“นีลกินหมดแล้ว…ลูกสุดท้ายที่นีลตั้งใจเก็บไว้ให้พี่ก้อ…นีลเก๊าะ
ทำตกในหนองตอนโดนมดแดงรุมไปซะแล้วน่ะจ่ะ”

อ้อ…ไอ้ลูกที่เอามาทำเป็นไมโครโฟนนั่นสินะ…

“งั้นนั่งรอตรงนี้นะ ห้ามไปไหน…” สั่งเสร็จก็วิ่งหายไปตรงเกาะกลางนา
ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับผลฝรั่งที่สุกแล้วหลายผลพร้อมกับส่งให้คนตัวเล็ก

“อ่ะ…กินซะ…แล้วก็ไม่ต้องกวนอีกนะ…ได้เวลากลับเมื่อไหร่จะพากลับเอง…
เข้าใจมั้ย…” คนตัวเล็กรับผลฝรั่งไปไว้บนหน้าตักพร้อมกับพยักหน้าหงึกๆ…

“ไปนั่งตรงโน้น…ตรงใต้ต้นตำเสานั่น…ตรงนี้แดดร้อนเห็นมั้ย
หรืออยากดำไปมากกว่านี้…แล้วไอ้ผมยุ่งๆนั่นก็ผูกให้มันดีๆด้วย”

บอกพร้อมชี้ไปยังที่ที่จะใช้ให้ตัวปัญหาอพยพเป็นการเร่งด่วน…
คนตัวเล็กเลยลุกขึ้นพร้อมประคองผลฝรั่งในมือไปนั่งตรงใต้ต้นตำเสาอย่างว่าง่าย…

คนตัวโตกว่าเลยโยนเสื้อที่เขาถอดไปเมื่อครู่คืนเจ้าของ

“ว่างๆก็ปลดมดแดงออกจากเสื้อซะด้วย…จะได้ใส่ตอนเดินกลับบ้าน”

“มันยังแสบไม่หายเลยนะพี่ก้อ…” ไม่วายบ่นปอดแปด มือก็คอยแต่จะ
ลูบไปตามคอที่แสบกว่าที่ใดทั้งหมด…ก่อนจะปัดผมออกจากหน้าไปอย่างลวกๆ

“เดี๋ยวก็หาย…แล้วนั่งเฉยๆนะ ห้ามขยับไปไหนอีก…ถ้าไม่เชื่อกันล่ะน่าดูแน่”

บอกพร้อมสั่งกำชับเสร็จสรรพ เด็กสาวพยักหน้าหงึกๆอย่างว่าง่าย
นั่งพับเพียบเรียบร้อยหยิบผลฝรั่งขี้นกมากัดกิน

พอมีอะไรให้เคี้ยว คนพูดมากก็เหมือนจะเงียบลงได้อย่างน่าอัศจรรย์
ทำเอามุมปากคนยิ้มยากยกสูงขึ้นเพียงนิด นิดเดียวจริงๆ…

"ขอให้อยู่ในความสงบด้วย...ได้ยินมั้ย..." คนที่ถูกบอกกรายๆว่าให้หุบปาก
ไปเลยแล้วไม่ต้องพูดอะไรออกมาอีกได้แต่นั่งแบะปากอย่างไม่ชอบใจ

ก็เธอไม่ชอบให้บรรยากาศวังเวงเกินไปนี่นา...เห็นเขาไม่มีเพื่อนสักคน
ก็อยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุยด้วยเผื่อเขาจะเหงาหู...แต่เขากลับมาบอกว่ารำคาญ
คนหวังดีแท้ๆ ไม่มีเห็นคุณค่่ากันบ้างเลย...



พอบ่ายคล้อย ลมพัดอ่อนแผ่ปกคลุมไล่ความร้อนอบอ้าวออกไป
สองพี่น้องต่างสายเลือดมานอนเรียงหน้ากระดานกันใต้ร่มต้นตำเสาใกล้หนองน้ำ
ที่มีเสียงปลาผุดให้ได้ยิน เสียงลมพัดต้องต้นข้าวจนก่อเกิดเป็นเกลียวคลื่นสลับไปมา
สวยงามดูแล้วเพลินตาเพลินใจ ต้นไม้ต่างสลัดใบที่เคยพลิ้วไหวใต้แสงตะวันจากต้น...
สายลมที่พัดผ่านมาเข้าโอบอุ้มใบไม้ให้ลอยละลิ่วพัดใบไม้ไปไกลจากต้น
จนในที่สุดใบไม้ก็ได้เวลาแนบกายลงกับผืนดิน...

แม้ไม่มีปีกอย่างนก หากครั้งหนึ่ง ใบไม้ก็มีโอกาสได้บินไปอย่างอิสระ
ยังแดนดินถิ่นไกลห่างจากต้นเดิม...

“พี่ก้อว่า…นกตัวนั้นมันแปลกกว่านกตัวอื่นมั้ย…นีลว่าหน้าตามันดูประหลาดๆอยู่นะ…
เวลามันบินผ่านก็จะมีหางสีขาวตามหลังไปด้วย เหมือนขี้เมฆเลย…
หรือว่าจริงๆแล้วมันปล่อยอึออกมาเป็นขี้เมฆ…ไม่เช่ือก็ดูสิ”

เด็กหญิงวัยหกขวบกว่าๆที่เฝ้ามองแผ่นฟ้าและสังเกตการเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆ
บนนั้นมานานแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดนกตัวนัั้นจึงถ่ายอุจจาระบนท้องฟ้า
ได้ยาวเหยียดเหมือนก้อนเมฆ ลักษณะก็ดูแตกต่างจากนกทั้งหลาย
ที่เธอเคยพบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จึงชี้นิ้วให้อีกคนที่นอนอยู่ข้างๆดู

“นั่นเขาไม่เรียกว่านก…” น้ำเสียงนั้นติดจะรำคาญนิดๆ
เพราะกำลังเคลิ้มได้ที่ ใกล้จะหลับแล้วด้วยซ้ำ…แต่ไอ้เสียงข้างๆหูนี่สิ
ดันปลุกเขาให้ตื่นจนได้…แล้วก็ต้องมานอนมองไอ้นกที่ว่านั่น

“อ้าว…มีอะไรที่บินได้อย่างนกอีกหรือพี่ก้อ…”

“เขาเรียกว่าเครื่องบิน…”

“เครื่องบิน?” เสียงแหลมๆเปล่งออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“มันเหมือนเครื่องแกงมั้ยพี่ก้อ…” คนโดนถามพลิกตะแคงหน้า
ไปทางคนถามทันทีด้วยสีหน้าที่ดูไม่จืดสักนิด

“ทำไมล่ะ…นีลก็แค่สงสัย…เห็นได้ยินพี่ก้อว่าเครื่องๆ…นีลก็รู้จักแค่เครื่องแกงนี่นา…
นีลพูดอะไรผิดหูพี่ก้ออีกแล้วใช่มั้ย…”

คนที่มักจะด้อมๆมองๆมารดาทำอาหารอยู่บ่อยๆอดจะถามไม่ได้
เพราะมีหลายครั้งที่มีโอกาสได้ช่วยมารดาตำเครื่องแกง

“เครื่องแกงบ้าอะไรจะไปบินบนนั้นได้…เธอนี่มีสมองไว้ทำอะไรกัน
หรือมีเอาไว้กั้นหูสองข้างไม่ให้มันพบเจอกันเท่านั้น…สงสัยจะใช่...
ถึงได้ถามอะไรโง่ๆออกมาแบบนี้…”

...โดนด่าอีกแล้ว ไม่เคยเล้ยที่จะไม่โดนด่า…

“ทำไมพี่ก้อชอบว่ากันจัง…ว่าแรงๆแบบนี้ทู้กที…” คนที่เหมือนจะน้อยใจ
หันหลังไปอีกทางทันที

“ก็ชอบทำตัวน่ารำคาญ ก่อนถามอะไรใครก็ควรใช้สมองคิดก่อนถาม
ไม่ใช่อยากจะถามก็ถาม…คิดก่อนพูด คิดก่อนถามหน่อย เขาจะได้
ไม่มองว่าพูดโง่ๆถามโง่ๆ…” คนที่โดนสอนมาแบบนี้เสมอเริ่มสั่งสอนอีกคนทันที
ทำเอาคนที่หันหลังให้หันกลับมาหาโดยด่วนด้วยความสงสัยติดหมัด

“พี่ก้อเอามาจากไหน…ใครสอนพี่ก้อเหรอ…ครูที่โรงเรียนหรือ”

เด็กสาวเริ่มสนใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเลยถามออกไปทันทีทันใด

“พ่อ…” เขาตอบสั้นๆและห้วนๆ

“พ่อหรอกเหรอ…แล้วทำไมพ่อไม่เห็นสอนนีลบ้างเลยล่ะ…”

“พ่อฉัน…ไม่ใช่พ่อเธอ…”

“พ่อพี่ก้อเหรอ…แล้วพ่อพี่ก้อเป็นใครจ๊ะ…แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน…”

คนโดนถามเงียบไป…ทำเอาคนถามใจเสีย เพราะนึกขึ้นได้ว่า
บิดามารดาเคยบอกว่าไม่ให้เธอถามซอกแซกเรื่องพ่อแม่ของพี่ก้อต่อหน้าพี่ก้อ
เพราะมันจะทำให้พี่ก้อเสียใจและไม่เล่นด้วย

เด็กสาวจึงยันกายลุกขึ้น ขย่มตัวคนที่นอนนิ่งๆ

“พี่ก้ออย่าโกรธนีลนะ นีลไม่ได้ตั้งใจจะถามพี่ก้อเรื่องนี้…นีลขอโทษ”

พูดจบก็แนบหน้าลงบนอกของคนที่เหมือนจะนิ่งไปเสียเฉยๆ
กลัวก็กลัวว่าเขาจะไม่ยอมเล่นตัวต่อจากนี้...

ไม่มีพี่ก้อเล่นด้วย เธอก็ไม่รู้จะเล่นกับใคร

“ลืมสระผมอีกแล้วใช่มั้ย…เอาหัวเหม็นๆออกไปไกลๆจมูกฉันเลยนะ”
เจ้าของหัวเหม็นๆยกหัวขึ้นแล้วยิ้มแหยๆให้คนที่นอนอยู่

“นีลหัวเหม็นมากเลยเหรอ…เพิ่งสระไปเมื่อสองวันก่อนเองนะ…”

“หัวเหม็นอย่างเธอควรจะสระทุกวัน จำไว้…”

ว่าพลางยกมือขยี้ผมยุ่งๆของเด็กสาวก่อนจะผลักศีรษะนั้นจนเจ้าของศีรษะ
หน้าหงายทีเดียว เด็กสาวจึงยกมือขึ้นหมายจะตีอีกฝ่าย หากกลับโดนชี้หน้าคาดโทษ

“อย่านะ…ไม่งั้นเจ็บตัวแน่…”

“ก็พี่ก้อมารังแกนีลก่อนทำไม…ทีตัวเองทำคนอื่นได้ พอคนอื่นจะเอาคืน
กลับไม่ยอมให้เอาคืน…ขี้โกงนี่…”

เด็กหญิงแบะปากทำจมูกยื่นใส่ เลยโดนผลักจนล้มลงไปนอนหงายที่เดิม

“ฉันง่วง…อย่ามากวน…ถ้าไม่หลับก็หุบปากซะ…”

“งั้นนีลขอถามพี่ก้อเรื่องไอ้เครื่องอะไรบนนั้นได้มั้ยว่ามันคืออะไร…”
เด็กสาวไม่ลืมในสิ่งที่ยังค้างคาใจตนอยู่

“ก็เครื่องบินไง…เอาไว้บรรทุกคนไปดินแดนอื่น…ที่ไกลๆ ไกลมากๆ”
เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงที่แปลกไปจากทุกที

“มีคนอยู่บนนั้นด้วยหรือพี่ก้อ…”

“อืม…มีเป็นร้อย…”

“โห…งั้นมันก็ต้องตัวใหญ่มากๆแน่ๆเลย…”

“ใช่…มันใหญ่มาก แล้วเวลาอยู่บนนั้นก็จะสามารถมองเห็นก้อนเมฆสวยๆ
เห็นแผ่นดินข้างล่างได้ด้วย…เห็นท้องทะเลสีคราม
เวลามันบิน มันก็จะบินผ่านก้อนเมฆ…”

“โห…แล้วมันไม่ชนก้อนเมฆเหรอพี่ก้อ…”

“ก็ต้องชนสิ…แต่มันไม่เห็นจะเป็นไร…ก้อนเมฆไม่ได้แข็งสักหน่อย
เหมือนนุ่นในหมอนนั่นแหล่ะ…”

“น่าสนุกจัง…”

“สนุกสิ…ยิ่งเวลามันบินลงมาแตะพื้นดิน มันจะค่อยๆร่อนลงมาผ่านก้อนเมฆ
สนุกที่สุด…”

“พี่ก้อพูดเหมือนพี่ก้อเคยขึ้นไปอยู่บนนั้นมาแล้วแน่ะ…”

“ก็ใครว่าฉันไม่เคยขึ้นไปล่ะ…เคยขึ้นไปตั้งกะหลายที”

คนฟังตาโตทีเดียวก่อนจะรู้สึกตื่นเต้น หันมาเซ้าซี้ถามโน่นนี่กับผู้มีประสบการณ์ทันที

“พี่ก้อพูดจริงหรือจ๊ะ…แล้ว…แล้วมันไม่น่ากลัวเหรอ…”

“ทำไมต้องน่ากลัว…ข้างในมีที่นั่งสบายๆ มีของกินเพียบ…มีคนสวยๆ
เดินไปมาส่งยิ้มให้เราด้วย…ถามว่าอยากกินอะไรมั้ย…
สาวๆพวกนั้นเคยหอมแก้มฉันด้วย…”

“สุดยอดไปเลย…แล้ว…แล้วมันมีที่ให้นอนมั้ย…”

“มีสิ…ทำไมจะไม่มี…มีทีวีให้ดูด้วย…”

“ว้าววววว…มีทีวีด้วยหรือจ๊ะ…” น้ำเสียงน้ันฟังดูตื่นเต้นจนออกนอกหน้า

“แล้วเวลาปวดฉี่ล่ะพี่ก้อ…”

“ก็มีห้องน้ำให้ฉี่ไง…เธอคิดว่าจะฉี่รดฟ้าลงมาล่ะสิ…เฮอะ”

เหมือนจะรู้ทันความคิดอีกฝ่ายได้ดี เลยดักทางซะ
ทำเอาคนโดนรู้ทันถึงกับหน้าม่อย

“ใครจะไปรู้…ก็นีลไม่เคยขึ้นไปนี่นา…แล้วถ้านีลอยากขึ้นไปบนนั้นบ้าง
นีลต้องทำยังไง…”

“ไม่รู้เหมือนกัน…เพราะคนที่พาฉันขึ้นไป เขาไม่อยู่แล้ว…”

“อ้าว…แล้วเขาไปไหนซะล่ะจ๊ะ…”

“ไปในที่ไกลๆ…และคงไม่กลับมาหาฉันอีกแล้ว…”

น้ำเสียงของคนพูดดูแปลกไปจนคนฟังมีสีหน้าสงสัยจึงลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้า
คนที่นอนอยู่ตาแป๋วทีเดียว

“พี่ก้อ…ร้องไห้…ไม่น่าเชื่อ…โอ๋ๆ อย่าร้องนะจ๊ะ…”

มือป้อมๆยกขึ้นส่ายไปมาเป็นการปลอบเมื่อเห็นอีกฝ่ายยกมือก่ายหน้าผากตัวเอง
แล้วพลิกตัวก้มหน้ามุดดินหนีหน้าเธอเสียอย่างนั้น…

เด็กสาวเห็นอย่างนั้นเลยเริ่มใจเสีย มือป้อมๆวางลงบนหลังของเด็กชาย
ที่เอาแต่นอนนิ่งๆ มือน้อยๆเลยลูบไปมาอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไง
เลยทำอย่างท่ีแม่มักทำเสมอเวลาเธอร้องไห้ ก่อนจะก้มลงแนบหน้ากับแผ่นหลังนั่น

“โอ๋ๆพี่ก้ออย่าเสียใจเลยนะจ๊ะ…พี่ก้อยังมีนีล มีพ่อมีแม่…เราจะไม่ทิ้งกัน
นีลรักพี่ก้อนะจ๊ะ พ่อกับแม่ก็บอกนีลว่ารักพี่ก้อเท่านีลเลย…”

“ไม่ต้องมายุ่งเลยนะ…” เสียงนั้นตวาดออกมาทั้งๆที่ยังคงมุดหน้ากับดิน

“ไม่ยุ่งไม่ได้…พี่ก้อเป็นพี่ชายของนีลนี่…”

“ไม่ใช่…ฉันไม่มีพี่ไม่มีน้อง ไม่มีใครทั้งนั้น…”

“มีสิ…พี่ก้อมีนีลเป็นน้อง…มีพ่อมีแม่…”

“ไม่ใช่…ยังไงก็ไม่ใช่…” เด็กชายที่มุดหน้าพูดเสียงแข็งทีเดียวก่อนจะลุกขึ้น
ทำเอาคนที่แนบหน้าบนแผ่นหลังเขาถึงกับเซหงายหลัง
หากกลับตั้งหลักไว้ได้ ยิ่งเห็นตาแดงของคนตรงหน้าคนที่ปกติขี้แยอยู่แล้ว
ก็เลยแหกปากร้องจ้า น้ำตาไหลพรากๆทันที

“จะแหกปากร้องหาอะไรของเธออีก…” เสียงนั้นตวาดแว้ดๆทีเดียว

“ก็พี่ก้อร้องทำไม…นีลก็เสียใจเหมือนกันนะ…”
นิ้วขาวๆจิ้มหน้าผากนั่นจนหน้าหงายทีเดียว

“สะเหร่อ…” คนโดนว่าหน้าม่อยทีเดียว ก่อนจะหุบปากหยุดร้องไห้ทันที
เมื่อโดนเขาชี้นิ้วส่งสายตาเรืองแสงมาให้

“เพราะเธอคนเดียว พูดเรื่องเคร่ืองบินนั่นทำไม…ปากเธอมันสุดๆ”

คนตัวเล็กมองคนที่โทษเธอตาแป๋วทีเดียว ทีอย่างนี้ล่ะโทษนัจมุนตลอด
แถมยังมาสั่งเสียงเข้มๆอีก

“คราวหลังหุบปากไม่ต้องพูดเลยนะ…แล้วก็ห้ามเอาเรื่องวันนี้ไปพูดล่ะ
ถ้าฉันรู้ว่าเธอพูดล่ะก็…เจ็บแน่…” มีการข่มขู่ตามมาด้วยอีกต่างหาก


หลังจากนั้นเขาก็เดินไปยังหนองน้ำ หยิบที่ใส่ปลาแล้วแบกขึ้นบ่า
ส่วนคันเบ็ดเขาแอบซ่อนเอาไว้ตรงโพรงไม้…
ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังเส้นทางกลับบ้านทันที…

เรื่องจะนอนกินลมคงไม่มีแล้ว ยัยสาลิกาดำนั่นทำเสียอารมณ์ไปหมดแล้ว…

เด็กหญิงนัจมุนจึงได้แต่เดินตามต้อยๆ พอมาถึงถนนเข้าสู่หมู่บ้าน
ก็ดันเจออันธพาลที่ซุ่มโจมตีเข้าให้…

ไอ้หัวโจกรุ่นพี่ป.หกสามคนพร้อมด้วยใครอีกไม่รู้ที่พวกมันขนกันมาอีกสี่ห้าคน
ตัวใหญ่ๆทั้งนั้น คิดแล้วให้นึกหวั่น เด็กสาวเลยเริ่มสั่นเกาะแขนพี่ชายกำมะลอแจ
เมื่อโดนล้อม

“ว่าไงไอ้ก้อ…ได้ข่าวว่าเก่งนักนะมึง…คราวนี้กูจะเอาเลือดหัวมึงออกมาล้างตีนกู…
ส่วนนี่พี่โก้พี่ชายกู…รู้เอาไว้ด้วย…”

เด็กชายก้อหาได้กลัวพวกหมาหมู่ที่ยกพวกมาเบ่งแต่อย่างใดไม่
หันมากระซิบบอกกับเด็กหญิงนัจมุนที่เกาะเขาแจว่า

“ถ้าได้โอกาสให้รีบหนีกลับบ้านไปเลยนะ…”

“ไม่…พี่ก้อจะโดนพวกมันอัดเละน่ะสิ…”

“ทำตามที่บอก อย่ามาดื้อ ไม่งั้นเจ็บ!” จนป่านนี้แล้วยังไม่วายข่มขู่เธออีก

“ช่วยกัน แม่เคยบอกว่า สองหัวดีกว่าหัวเดียว…” หากต้องหุบปากฉับเมื่อมี
เสียงนึงแทรกขึ้น

“หยุด ไม่ต้องพูดซุบซิบกัน…วันนี้กูจะต้องหอมแก้มน้องนีลคนสวยให้ได้…”

รุ่นพี่หัวโจกคนนั้นที่เอากระเป๋านักเรียนเธอไปซ่อนไว้เอ่ยขึ้น

“มึงมันหมาหมู่…” กอมารุนเอ่ยออกไปอย่างหยามเหยียดอีกฝ่าย

“ก็กูมีพวกเยอะไม่เหมือนมึงที่ไม่มีใครคบ…” คนมีเพื่อนคบเยอะคุยโอ่ทันที

“ถ้ามึงแน่จริง...ตัวต่อตัวมั้ยล่ะไอ้กุ้ง…”

“ตัวต่อตัวกูไม่แน่ แต่ที่แน่ๆ วันนี้มึงโดนพวกกูรุมแน่ไอ้ก้อ…เตรียมโลงไว้ได้เลย…”

พูดจบพวกนั้นก็เข้าตะลุมบอน ใช้ทั้งเท้าทั้งมือเตะถีบ
แม้จะโดนสวนกลับไปจนลงไปนอนหมอบกับพื้นดินหลายต่อหลายครั้ง
หากพวกมันกลับลุกขึ้นมาพร้อมไม้หน้าสามในมือ…

ก่อนจะยกขึ้นหมายจะฟาดหัวของกามารุน หากเด็กชายหลบได้ทัน
ก่อนจะผลักร่างที่เกาะเขาแจไปอีกทางพร้อมกับตะโกนบอกให้วิ่งหนีไป

นัจมุนตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก หันไปเห็นไม้ข้างทางเลยโยนไปให้พี่ชายกำมะลอ
ซึ่งฝ่ายนั้นรับไว้ได้ทันท่วงที เลยมีการต่อสู้กันอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน

แต่ท้ายที่สุด...น้ำน้อยก็ย่อมพ่ายแพ้ให้แก่ไฟ…

เด็กชายก้อลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ศีรษะมีเลือดไหลออกมา
ส่วนนัจมุนที่กำลังจะวิ่งหนีเอาตัวรอดหันไปเห็นภาพนั้นเข้าจึงไม่อาจตัดใจ
ทิ้งพี่ชายกำมะลอเอาไว้ได้ เธอวิ่งกลับไปหาร่างที่นอนแน่นิ่ง
หากกลับถูกพวกนั้นจับตัวเอาไว้เสียก่อนที่จะถึงตัวพี่ชาย

“ว่าไงน้องนีลคนสวยของพี่กุ้ง…มาให้พี่กุ้งหอมแก้มให้ชื่นใจหน่อยสิจ๊ะ…”

ปากนั่นยื่นเข้ามาหาพวงแก้มของนัจมุน หากยังไม่ทันได้ชื่นใจ
ฟ้าที่มืดมัวมาได้สักพักแล้วก็ส่งสายฟ้าฟาดผ่าลงมา ทำเอากิ่งไม้ใกล้ๆกันนั้นหักล้ม
ส่งผลให้ทุกคนแตกกระเจิงด้วยความตกใจกลัว…วิ่งหนีกันอุตลุตไปคนละทิศคนละทาง

เด็กสาวที่ได้รับอิสระแล้วจึงรีบวิ่งไปดูพี่ชายกำมะลอของตน

“พี่ก้อ…พี่ก้อ…” มือป้อมๆเขย่าร่างนั้นไปมาขณะเรียกชื่อ

“นีล…” เสียงแผ่วเบาดังลอดออกมาจากคนที่นอนแน่นิ่งไปเมื่อครู่

“พวกมันไปแล้ว…พวกมันกลัวฟ้า…ฟ้าน่าจะผ่าพวกมัน ไม่น่าผ่าต้นไม้เลย
นีลสงสารต้นมะมุดต้นนั้นจัง...”

พูดไม่ทันจบฝนก็เทลงมาไม่ขาดสาย เด็กสาวพยายามพยุงร่างนั้นให้ลุกขึ้น
นานกว่าจะทำได้สำเร็จ เพราะเขาตัวใหญ่กว่าเธอหลายเท่า
แม้อายุจะห่างกันแค่ไม่กี่ปีก็ตาม…

“พี่ก้อเจ็บตรงไหน…เจ็บมากมั้ย…” เด็กชายส่ายหน้า

“ไม่จริง…มีเลือดออกด้วย…เลือดเต็มไปหมดเลย…” เด็กสาวยกมือแตะลงบน
รอยเลือดที่ไหลซึมออกมาตรงหน้าผากนั้น มือป้อมๆสั่นระริก
ก่อนจะเริ่มสะอื้นเมื่อมองไปรอบๆตัวก็ไม่พบใครผ่านเข้ามา

“ช่วยด้วย…ช่วยด้วย…” เสียงแหลมๆตะโกนแข่งกับเสียงฝน
หากกลับไม่พบใคร ความมืดเริ่มเข้าปกคลุมพื้นที่

“พ่อต้องมาตามเรา…พี่ก้ออดทนไว้นะจ๊ะ…เดี๋ยวพ่อก็มาแล้ว”
ร่างที่ต้องลมฝนที่ซัดกระหน่ำลงมาพูดไปคางก็สั่นไปด้วยความหนาวเย็น

“พี่ก้อหนาวมั้ย…” เด็กชายยังคงส่ายหน้า

“แต่นีลหนาวจัง…เราไปหลบตรงจอมปลวกนั้นก่อนนะจ๊ะ…พี่ก้อเดินไหวมั้ย…”

เห็นจอมปลวกที่อยู่ไม่ไกลนัก จึงคิดว่ามันน่าจะช่วยไม่ให้โดนฝน
เลยพยายามประคองร่างที่ใหญ่กว่าไปยังจอมปลวกนั่น…

กว่าจะไปถึงก็ทุลักทุเลไม่น้อย…เสื้อผ้าทั้งเปียกทั้งเปื้อนดินโคลน
สองร่างนั่งพิงจอมปลวกที่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมจนฝนสาดมาไม่ถึง
มีแค่ละอองฝนเท่านั้น…ร่างที่เริ่มสั่นเทากอดร่างใหญ่เอาไว้แน่นทีเดียว

“พี่ก้อ…อดทน…นา…นะ…จ๊ะ…เดี๋ยวพ่อ...กะ...ก็มา...ตามเรา...
กะ..กะ...กลับบ้านแล้ว”

เสียงสั่นๆพยายามบอกให้อีกฝ่ายอดทน เด็กชายพยักหน้าเบาๆ
ก่อนจะโน้มศีรษะวางบนหัวทุยๆนั่น ยกแขนทั้งสองขึ้นกอดร่างท่ีกำสั่นเทาเอาไว้
แล้วปิดเปลือกตาท่่ีหนักอึ้งลง…

นัจมุนกอดร่างนั้นเอาไว้แน่นไม่ยอมห่าง ปากก็ร้องตะโกนแข่งกับสายฝน
หวังให้ใครสักคนได้ยิน…






...........โปรดติดตามตอนต่อไป..............



ยังไม่โตค่ะ ยังไม่ถึงเวลาโต...ต้นไม้ไม่ได้โตในวันเดียว...อิอิ
ช่วงนี้เลยต้องปูพื้นปูมหลังเอาไว้ให้แน่นๆ เพื่อให้นักอ่านได้สาวมาม่า
กันแบบสุดติ่งในภายภาคหน้า อิอิ

เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครความจำเสื่อม มีแต่เวลาทำให้คนจิตเสื่อม เหอๆ...

ที่เห็นนายก้อดูโหดๆ ใจร้ายนิดๆ มันก็แค่คืบในอนาคตหนา...หือๆ
ตัวละครตัวเอกตัวนี้ โยตั้งใจปั้นมากกกกกก...ฮ่าๆๆๆ

ปล.จะพยายามปั่นเงามารให้ทันหลังเที่ยงคืนของอีกวันนะคะ...



ขอบคุณนักอ่านที่เข้ามาติดตามผลงานชิ้นนี้นะคะ...
ขอบคุณไลค์ที่กดให้เต่า...
ขอบคุณกำลังใจที่พิมพ์มาให้เต่าได้อ่านจ่ะ ^o^



...........ตอบเมนท์จ่ะ...............


1.คุณsunflower...อีกไม่กี่ตอนก็โตแล้วค่ะ...โตเต็มวัยซะด้วย...
เอ๊ะ...เผลอๆ โตเกินวัย...อิอิ

2.คุณแว่นใส...มีคนออกมายอมรับแล้วว่าอยู่ G เดียวกับเต่า อิอิ

3.คุณปรางขวัญ...เป็นอีกคนที่ยอมเผยให้รู้ว่าเรานั้น รุ่นเดียวกัน
เวอร์ชั่นเดียวกัน...ฮ่าาาาาา

4.คุณตุ๊งแช่...นั่นแหล่ะๆ...ลูกอ้อนของนาง...อิอิ
ทั้งอ้อนไว้ ทั้งอ้อนวอน ทั้งอ้อนโน้นอ้อนนี่...เหอๆ
คนไร้อารมณ์สุนทรีย์อย่างนายก้อก็งี้แหล่ะค่ะ...ไม่สนใจลูกอ้อนเลย...
สารภาพเลยว่า โยแอบไปเขียนฉากในอนาคตของสองคนนี้ล่วงหน้าไปแล้วซะงั้น
แบบว่า...มันได้อารมณ์พอดี...โยมักเป็นเช่นนี้ เวลาอารมณ์ไหลลื่น
บางทีไปเขียนฉากอื่นก่อน แบบว่าเขียนๆไว้แล้วค่อยเอามาต่อรวมกันก็มี...เหอๆ
บางฉากที่ต้องบีบคั้นอารมณ์หน่อย ก็ต้องรออารมณ์ก็มี...บางครั้งเลยมาอัพ
แบบราบรื่น ติดๆกัน บางครั้งก็ทิ้งช่วง แล้วค่อยมาแบบติดๆอีก...อิอิ

5.คุณyapapaya...อ่าาาา...แสดงว่าน่าจะ G เดียวกับพี่สาวเต่า
พี่สาวเต่ามีชื่อพ้องกับเต่า เพราะเราสองคนย่าเป็นคนตั้งชื่อให้
แบบว่าอยากตั้งชื่อหลานสาวให้พ้องกัน แต่ปรากฏว่า คนต่อมาไม่ใช่หลานสาว
มีแต่หลานชายดาหน้ากันออกมาให้เชยชม
กว่าเต่าจะโผล่หัวออกมารับชื่อที่ย่าตั้งเอาไว้ล่วงหน้าก็สิบกว่าปีเลยอ่ะ...เหอๆ...
แต่ก็สมใจย่าก่อนท่านสิ้นใจ...กระซิกๆ คือย่าของเต่ามีแต่ลูกชาย
ไม่มีลูกสาว เลยชอบผู้หญิงเป็นพิเศษ...พ่อเต่าก็อยากได้ลูกสาว เหอๆ
ผิดกับบ้านอื่นที่เขาอยากได้ลูกชายกานนนน พอเต่าเกิดย่าก็เลยเอาไปเลี้ยงดูปูเสื่อ
แม่บอกว่าตอนย่าเลี้ยงนั้นเต่าอ้วนพีมาก แต่พอย่าเสีย เต่ากลับมาอยู่
ในความดูแลของแม่ที่มีน้องต้องคอยเอาใจใส่ด้วย เต่าก็เลยผอมลงไปอีกโข
ว่าแล้วก็คิดถึงย่านะเนี่ย...ก็เลยค่อนข้างรักคนแก่ด้วยประการละฉะนี้แล...
ไม่ใช่เพราะว่าเต่าได้รับตำแหน่งเป็นนางฮามแต่ประการใด...
แม้รูปร่างหน้าตาไม่ให้แต่ใจรัก...ฮ่าๆๆๆ



....ขอให้สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ไม่อ้วนพีนะคะ....

"เต่าโย"

^^






yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 พ.ค. 2558, 03:47:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 พ.ค. 2558, 03:47:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 2764





<< ต้นที่ 1 พี่ชายกำมะลอ   ต้นที่ 3 คู่รักจอมยุทธรุ่นจิ๋ว >>
ตุ๊งแช่ 3 พ.ค. 2558, 06:35:32 น.
มีเขียนข้ามด้วย
โดนสกรัม. ซะแล้วนายก้อ. กลับบ้านโดนอีกรอบไหมนี่


ปรางขวัญ 3 พ.ค. 2558, 06:45:45 น.
นู๋นีลกับพี่ก้อหนาวแย่เลย ขอให้มีคนมาช่วยไวๆนะจ้ะ



yapapaya 3 พ.ค. 2558, 12:14:54 น.
โดนรุมตั้งแต่เด็กเลยนะนายก้อ พื้นฐานครอบครัวนายก้อต้องมีอันจะกินแน่ ตอนเด็กเห็นอะไรก็ตื่นเต้นไปหมดไม่ต่างจากหนูนีลเลย G ไหนเราก็เป็นเพื่อนกันได้ เป็นกำลังใจให้คุณโยปั่นเงามารให้จบในเร็ววัน สู้ๆ


sunflower 3 พ.ค. 2558, 13:28:47 น.
โห ถ้าเป็นอย่างนี้ โตมาหนูนีลกับก้อต้องผูกพันกันมากแน่ๆ โดยเฉพาะหนูนีล


แว่นใส 3 พ.ค. 2558, 15:28:27 น.
พ่อมาเจอเร็ว ๆ นะ แต่อนาคตสองคนนี้จะเป็นไงนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account