คืนฝนพรำ
สองหนุ่มสาวเจอกันบังเอิญในคืนฝนพรำ

หล่อนจำเขาได้เสมอ แต่เขาดันจำหล่อนสลับกับเพื่อนสนิทของหล่อนเอง

เรื่องวุ่นๆ เริ่มขึ้น เมื่อหล่อนคิดว่าเขาคือ เนื้อคู่ แต่เพื่อนของหล่อนเอง ก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน

ทุกอย่างวุ่นวายเข้าไปอีก เมื่อหล่อนไปสร้างความวุ่นวายให้กับเขา เขาเลยไม่ชอบหล่อนนัก

หล่อนคงต้องเลือกระหว่างเพื่อน และคนที่แอบชอบ

แต่จะจบลงอย่างไร เมื่อหล่อนกับเขาต้องถูกจับแตงงานกัน เพราะคำสัญญาของพ่อแม่






Tags: romantic comedy, หวานแหวว, หมอ, ทหารอากาศ

ตอน: ตอนที่ 6 โอเคไหม

ตอนที่ 6

ฉันนั่งอยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลประจำจังหวัดในเวลาหัวค่ำคนไข้จึงยังไม่เยอะมากนัก ฉันเลยสลับกับเพื่อนที่ออกตรวจร่วมกันอีกคนหนึ่งให้ไปซื้อข้าวกล่องมาทาน ส่วนระหว่างที่ฉันนั่งว่างรอคนไข้อยู่นั้น ฉันได้แต่นั่งจ้องมือถือ มองดูข้อความที่คุณอัศวินส่งมา แต่ฉันยังไม่ได้เปิดอ่านตั้งแต่เมื่อคืนจนเย็นย่ำของวันนี้ ฉันจะทำอย่างไรดีล่ะ ถ้าฉันเปิดอ่านไป มันก็จะขึ้นทางหน้าจอของเขาว่าฉันได้อ่านแล้ว แต่ไม่ตอบ เพราะฉันไม่รู้จะตอบอะไรดีน่ะสิ จะให้ฉันตอบว่าอะไรล่ะ เอ...หรือฉันควรคิดก่อน..

'หมูกระทะอะไรเหรอคะ' แกล้งโง่ต่อไปดีไหม โอ๊ยไม่ได้ๆ แบบนี้แปลว่าเขารู้แน่แท้แล้วว่าฉันเป็นใคร จะทำให้ตัวเองดูงี่เง่าต่อไปอีกทำไม

หรือว่าจะ 'อ้าวคุณก็ไปทานเหรอคะ ไม่เห็นเลย' ทำเนียนว่ารู้แล้วว่าเขาเป็นใครไปเลยเป็นไง เออน่าสนใจนะ...

หรือจะ...

“หมอคะ มีคนไข้ arrest (หัวใจหยุดเต้น) ค่ะ" พี่พยาบาลเรียกฉันดังลั่นขณะเข็นคนไข้ที่หมดสตินอนอยู่บนเปลเข้ามา แล้วถูกส่งเข้าไปในให้ช่วยชีวิต (ห้องแดง) อย่างรวดเร็ว ฉันเลยดีดตัวขึ้นสุดแรงจากเก้าอี้ พักเรื่องหัวใจของตัวเองไว้ก่อน แล้ววิ่งเข้าไปช่วยชีวิตคนไข้แบบแทบลืมหายใจ

ฉันเพิ่งจบมาได้เกือบหกเดือน เจอเคสคนไข้หัวใจหยุดเต้นไม่มากนัก อาจจะเพราะดวงเวรฉันไม่เยินด้วย แต่เห็นเพื่อนคนอื่นบ่นว่าเจอบ่อย ฉันจึงเลยค่อนข้างประหม่า แต่ก็พยายามรวบรวมสตินึกถึงตอนสอบภาคปฏิบัติครั้งล่าสุดว่าตัวเองพูด และทำอะไรไปบ้าง ตอนนั้นการสอบจบลงอย่างราบรื่น และฉันมาทราบผลภายหลังว่าตัวเองได้คะแนน 100 เต็มในข้อนี้

แต่ชีวิตจริง กับเรื่องในตำรามันไม่เหมือนกันจริงๆ

ฉันสั่งการให้พี่พยาบาลขึ้นไปกดอกนวดหัวใจผู้ป่วย เจาะเส้นเลือดดำเพื่อให้สารน้ำ และนำเครื่องตรวจหัวใจมาติดตั้งที่หน้าอกผู้ป่วย ส่วนฉันก็ไปประจำการที่ศีรษะของคนไข้เพื่อเตรียมใส่ท่อช่วยหายใจ เนื่องจากคนไข้เป็นผู้ชายวัยสูงอายุ และตัวใหญ่ แรงฉันจึงไม่พอที่จะง้างเปิดช่องคอคนไข้และใส่ท่อได้ง่ายนัก ฉันพยายามอีกสอง สามทีกว่าจะใส่ท่อช่วยหายใจได้ ตอนนั้นเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบ 10 นาที

“ไม่มีสัญญาณการเต้นของหัวใจเลยค่ะหมอ" พี่พยาบาลบอก ฉันหันไปดูที่หน้าจอมอนิเตอร์ ก็พบว่าสัญญาณการเต้นของหัวใจยังคงราบเรียบ มีกระตุกขึ้นตามการนวดอกเป็นบางครั้ง

“ขออดรินาลิน แอมพ์นึงค่ะ คนไข้มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง" แล้วพี่พยาบาลชายคนหนึ่งก็ยื่นแฟ้มประวัติผู้ป่วยมาให้ฉันอย่างรวดเร็ว โอยยย ลุงมีโรคหัวใจขาดเลือดเดิมอยู่แล้ว แถมเป็นเบาหวาน ความดัน ไขมันที่คุมไม่ได้อีกด้วย

“เดี๋ยวครบสองนาที เปลี่ยนคนกดหน้าอกนะคะ เตรียม อดรินาลิน อีกแอมพ์รอไว้เลย แล้วโทรเรียกหมอโรคหัวใจมาดูด่วนเลยค่ะ หมออกไปคุยกับญาติก่อน" โชคดีนะที่ ฉันยังอยู่ รพ.ประจำจังหวัด ที่นี่มีแพทย์เฉพาะทางให้ฉันปรึกษาได้

ฉันรีบเปิดประตูห้องช่วยชีวิตออกมา ก่อนจะตะโกนถามว่าใครเป็นญาติ แล้วฉันก็ได้เห็นว่าสาวน้อยผมสีทองรีบยกมือจากฝูงชนที่ยืนออกันเต็มหน้าห้องฉุกเฉินเดินมาด้วยน้ำตานองหน้า ฉันรู้สึกว่าคุ้นหน้าเธอมากเลย แต่ก็ปล่อยความคิดนั้นไปก่อน ฉันพูดคุยกับเธอไม่นานนัก พอทราบว่าเป็นลูกสาวและคนไข้ซึ่งเป็นพ่อนั้นมีอาการเหนื่อง่ายมาหลายวันแต่เริ่มเจ็บหน้าอกวันนี้ ฉันบอกลูกสาวผมทองไปว่าอาการของพ่อนั้นร้ายแรงมาก และมีสิทธิ์ที่จะเสียชีวิตได้ อยากให้เธอทำใจไว้บ้าง แต่ดูเธอจะทำใจได้ลำบาก เธอร้องไห้หนักขึ้นราวกับคนเสียสติ ฉันเลยรีบผละจากเธอไปก่อน แล้วเข้าไปในห้องช่วยชีวิตอีกครั้ง

เวลาผ่านไปเกือบ 20นาที...ยังคงไม่มีสัญญาณการเต้นของหัวใจผู้ป่วย ยากระตุ้นหัวใจอดรินาลิน ถูกใช้ไปแล้วหลายแอมพ์

ฉันมองภาพวุ่นวายตรงหน้า...

“หมอหัวใจยังไม่มาเหรอคะ..." ฉันถามออกไปเสียงแหบห้าว พี่พยาบาลมองฉันอย่างสิ้นหวังแล้วสั่นศีรษะ

“ติดเคสอื่นที่หอผู้ป่วยอยู่ค่ะ แต่บอกว่าจะรีบมาให้เราปั๊มไปก่อน"

ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้ววิ่งขึ้นไปเหยียบบนแท่นที่ต่อขึ้นเพื่อเอาไว้ยืนกดอกผู้ป่วย "เดี๋ยวหมอกดเองค่ะ"

พี่พยาบาลผู้ชายร่างใหญ่ ยังไม่ยอมยกพื้นที่ให้ฉัน "หมอตัวเล็ก กดไม่ไหวหรอกครับ ไปสั่งการเถอะ"

“ ไม่ค่ะ หมอกดเอง พี่ไปจับเวลาเถอะ ที่นี่ไม่มีเครื่องเจาะ blood gas ใช่ไหมคะ (ดูค่ากรด-ด่างในเลือด)”

พี่พยาบาลมองฉันแบบไม่พอใจ แต่ก็ยอมถอนตัวออกไปโดยดี ฉันเลยยืนประจำที่ สองมือวางบนอกระหว่งหัวนมผู้ป่วย พยายามกดให้ลึกและคลายให้สุดตามที่เรียน พร้อมกับควบคุมจังหวะไม่ให้เร็วไป ฉันเข้าใจละ ของจริง มันเหนื่อยกว่าสอบเป็นสิบเท่า

“ไม่มีหรอกหมอ ไม่งั้นต้องส่งไปห้องแลบ รอผลอีกนาน"

ฉันก็ว่าอย่างนั้นล่ะ รพ.ข้างนอกมันไม่ได้พร้อมเหมือน รร.แพทย์ เป็นไงเป็นกันละทีนี้ ลุงอย่าเพิ่งตายเลยนะคะ "งั้นขอไบคาร์บ โดสนึงค่ะ แล้วครบ 3 นาที ยังคะ เตรียมอดรินาลินต่อได้เลย" ฉันสั่งเสียงดัง พลางกดหน้าอกไปด้วย ฉันกดไปเกือบครบสามสิบครั้ง รู้สึกว่าแรงเริ่มหมด และจังหวะกับความลึกของการกดก็เบาลงเรื่องๆ

ฉันหอบหนักขึ้น ก่อนจะกดหน้าอกครบ 30 ครั้ง

“หมอคะ เราช่วยชีวิตมาครบ 30 นาทีแล้ว ไม่มีสัญญาณการเต้นของหัวใจเลย" พี่พยาบาลหัวหน้าทีมครั้งนี้เอ่ยกับฉันอย่างเคร่งเครียด

ตอนนี้ฉันผลัดกับพี่ พยาบาลอีกคนมากดอกแทน

ฉันพูดไปหอบไป "กดอกและให้ยาต่อก่อนค่ะ หมอขอออกไปคุยกับคนไข้ก่อน" แล้วฉันก็ออกไป ในใจพลางนึกประโยคว่าจะพูดกับลูกสาวคนไข้ว่าอย่างไรดี การสูญเสียพ่อ ไม่ใช่เรื่องที่จะรับกันได้ในวินาทีนี้หรอก

แต่พอฉันเปิดออกไป ฉันก็ได้พบว่าพี่หมออาวุโสที่เชี่ยวชาญโรคหัวใจมาพอดี เขาพยักหน้าอย่างเคร่งเคียดให้ฉันแล้วเดินสวนเข้าไปในห้องช่วยชีวิต ฉันโล่งใจไปเปราะหนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าสาวน้อยผมแดงเพลิงนั่งร้องไห้ซบอกญาติคนอื่นอยู่ ฉันก็นึกคำพูดไม่ออก

“น้องคะ...” ฉันเรียกเธอแผ่วเบา ค่อยๆ ยื่นมือไปสัมผัสไหล่บอบบางที่สั่นสะท้านจากการร้องไห้

เธอหันมาด้วยใบหน้ายู่ยี่และคราบน้ำตา พร้อมชายหนุ่มที่โอบกอดเธอไว้

....มันวันอะไรเนี่ย....คุณอัศวิน....คุณมาทำไม....กรี๊ด!

ฉันเบิกตาโพลงมองทั้งสองคน และคำพูดที่เตรียมไว้ยิ่งหายเข้าไปในกลีบเมฆกันไปใหญ่

คุณอัศวินก็มองฉันด้วยแววตาประหลาดใจเช่นกัน ฉันรีบละสายตาแล้วหันมาตั้งสติพูดกับหญิงสาวตรงหน้า

“คือ...หมอช่วยปั๊มหัวใจมาครบ 30 นาที แล้ว แต่ไม่มีสัญญาณการเต้นของหัวใจเลย...ส่วนมาก ถ้านานกว่านี้ การรอดชีวิตถือว่าน้อยมากเลยค่ะ...คือ...” ฉันยังพูดไม่จบประโยคดี หญิงสาวคนนี้ก็ร้องไห้หนักเข้าไปอีก และครวญครางสุดจะบรรยาย ฉันยิ่งตกใจตะลึงเข้าไปใหญ่ ทำอะไรไม่ถูก

ฉันสบตากับคุณอัศวินแว่บหนึ่ง เขาพยักหน้าให้ฉัน พร้อมรวบศีรษะของสาวคนั้นมาซบไว้กับอก เธอร้องไห้อย่างหนักบนอกแกร่งของเขา...ฉันรู้สึกว่าเขาเข้าใจฉันนะ แววตาของเขามันบอกอย่างนั้น

ประตูห้องแดงถูกเปิดออก หมอโรคหัวใจเดินมายืนเคียงข้างฉัน ฉันบอกเขาเบาๆว่าผู้หญิงตรงหน้าคือลูกสาว เขาพยักหน้าเข้าใจ แล้วแจ้งกับลูกสาวผู้ป่วยว่าพ่อของเธอเสียชีวิตแล้ว เขาคงพูดอะไรอธิบายอีกยืดยาวล่ะ แต่ฉันก็ไม่รู้จะยืนอยู่ตรงนั้นทำไม ฉันไม่สามารถช่วยชีวิตพ่อของเขาได้...ชีวิตจริง...หมอไม่ใช่ฮีโร่ทุกครั้งหรอก...

ฉันผละออกมาแล้วเข้าไปเขียนบันทึกการรักษาในห้องแดงอย่างเงียบๆ มีเสียงพี่พยาบาลคุยกันเบาๆ สองสามคน แล้วพี่หัวหน้าพยาบาลก็มาตบบ่าฉันเบาๆ

“อย่าคิดมากนะคะ หมอทำดีที่สุดแล้ว"

ฉันยิ้มให้พี่เขาทีหนึ่ง มองร่างไร้วิญญาณของคุณลุง แล้วก็พอดีที่ประตูห้องแดงถูกเปิดออก เสียงโหยหวนราวกับจะขาดใจ ค่อยๆดังขึ้น แล้วลูกสาวของผู้เสียชีวิต ก็วิ่งเข้ามากอดร่างสงบนิ่งของพ่อเธอ ฉันลุกขึ้น ยืนนิ่งมองภาพน่าสลดใจตรงหน้า หล่อนโอบกอดตัวพ่อ เขย่าร่างนั้นอย่างแรง ก่อนจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น มีคุณอัศวินคอยโอบกอดและกระซิบข้างหูปลอบ

ฉันควรจะเดินออกไปใช่ไหม...

“ทำไมหมอช่วยพ่อหนูไม่ได้ ฮืออออออ" สาวน้อยผมสีทองหันมาตะโกนใส่ฉันเสียงดัง คุณอัศวินรั้งตัวเธอเป็นเชิงห้าม ส่วนฉันก็ขาแข็งเสียอย่างนั้น ก้าวไม่ออกเลยทีเดียว

“ทำไม!!!!” เธอตะโกนดังลั่นห้องฉุกเฉินแทบแตก เสียงคนไข้ข้างนอกเริ่มดังขึ้นและเดินมามุงหน้าห้องแดง ฉันรู้สึกหัวโล่งพิกล คิดอะไรไม่ออก ขาอ่อนไปหมด รู้สึกว่าหน้าตัวเองต้องซีดมากแน่ๆ

“ไม่เอาน่าออม พ่อไปสบายแล้วนะ ไม่ต้องทนกับโรคแล้ว" คุณอัศวินยังคงโอบกอดหล่อนไว้ แล้วพูดอธิบาย พร้อมกับพยายามส่งสายตามาให้ฉัน แล้วทำทีสะบัดหน้าไปทางประตู

ฉันยังยืนมองเขางงๆ ก่อนจะเข้าใจว่าเขาคงบอกให้ฉันออกไปก่อน นั่นล่ะฉันเลยได้สติ แล้วรีบสาวเท้าเดินฝ่าไทยมุงออกไป


เที่ยงคืนแล้ว ฉันกับเพื่อนที่ออกตรวจร่วมกัน เตรียมตัวเก็บกระเป๋า และส่งเวรให้เพื่อนหมอที่มารับเวรช่วงดึกต่อไป

“เวร ER ทีไร เหนื่อยแทบใจขาดทุกที ไม่ชอบเลยอะ" วุฒ หรือ สุรวุฒิ เพื่อนหมอที่ออกตรวจด้วยกัน บ่นและถอนหายใจยาว

ฉันรวบผมยุ่งๆของตัวเองขึ้น แล้วจับมัดรวบใหม่ให้เรียบตึงไม่ให้ปอยผมเกะกะ "เราเจอเคส arrest เพลียเลย สงสารลูกคนไข้"

“เอาน่า เดี๋ยวก็ชิน นี่เดี๋ยวเราไปก่อนนะ เดินกลับหอเองได้ใช่มั้ย กลัวผีเปล่า" เพื่อนหนุ่มถามอย่างห่วงใย

ฉันมองทางเดินกลับบ้านพักที่มีแสงไฟสลัวๆอย่างไม่มั่นใจ วุฒิอยู่หอนอก รพ. เราเลยต้องเดินแยกทางกัน

“กลับได้ ขอบใจมาเธอ ไว้เจอกันน บายจ้า" เราสองคนโบกมือร่ำลากัน แล้ววุฒิก็เดินไปขึ้นรถยนต์ป้ายแดงของตัวเอง

ฉันเลยเดินอย่างเหนื่อยๆ เบื่อ เซ็งๆ อย่างวิกาลกลับบ้านพักคนเดียว ดีที่มีพี่พยาบาลเปลี่ยนเวรบางคน เดินสวนประปราย แต่พอยิ่งเดินมาไกลจาก รพ. ใกล้ถึงบริเวณบ้านพักแพทย์ ก็ยิ่งเงียบสงัดมากขึ้น ฉันมองซ้ายขวา ดูว่าปลอดภัยดี แล้วรีบเดินจ้ำอ้าว ก่อนจะกรีดร้องแทบหมดสติ เมื่อมีเงาตะคุ่มเดินออกมาจากเสาไฟฟ้า แล้วมาดักทางฉันไว้

“กร๊ดดดดดดดด" ฉันร้องลั่น ก่อนที่มือหนาๆจะปิดปากฉัน และโอบรอบเอว ฉันยิ่งพยายามดิ้น และเปล่งเสียงออกมาให้มากที่สุด กลัวแทบจะขาดใจ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ!!

“ผมเอง อัศวิน" เสียงทุ้มแต่แอบดุ พูดกระซิบอยู่ข้างหูฉัน ฉันที่หลับตาปี๋อยู่ ก็ค่อยๆตั้งสติ...อะไรนะ...อัศวิน??...

ฉันค่อยๆลืมตา และได้เห็นว่านายอัศวินขมวดคิ้วจ้องฉันอยู่ เราสบตากันชั่วครู่หนึ่ง แล้วเขาก็ค่อยๆ ปล่อยตัวฉัน แล้วเราสองคนก็ผละไปยืนกันคนละด้าน เผชิญหน้ากันอย่างงุนงง

เขายิ้มจางๆ ดูเหนื่อยๆ มาให้ฉัน แต่แววตาเขายิ้มและส่องสวางกว่าไฟโกโรโสของ รพ. เป็นกอง เขามาทำอะไรตรงนี้ และตอนนี้เนี่ย

ฉันทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเอามือไม้ไปไว้ที่ไหน "คุ...คุณ...มาทำอะไรตรงนี้คะ ฉันตกใจแทบตาย"

เขายิ้มกว้างขึ้น "ผมรู้แล้วว่าคุณตกใจ กรี๊ดลั่นเลย นี่ดีถ้ามีคนอื่นมาเห็น คงคิดว่าผมจะทำไม่ดีไม่ร้าย"

ฉันเลิกคิ้ว "นี่คุณมาดักรอฉันเหรอคะ" ตายแล้ว ฉันถามอะไรออกไปเนี่ย

คุณอัศวิน ที่วันนี้อยู่ในเสื้อยืดลายทหาร และกางเกงยีนสีเทา ก็เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงสองข้าง ก่อนจะก้าวช้าๆมาใกล้ฉัน

“ใช่แล้ว...คุณโอเคไหม เรื่อง...ตอนหัวค่ำ...ผมต้องขอโทษแทนเพื่อนด้วย เขาคงเสียใจมาก"

อ้อ เขาจะมาพูดเรื่องนั้นเอง

ฉันยิ้มเศร้าๆ แล้วกลั้นใจมองหน้าเขา "ฉันไม่โกรธหรอกค่ะ เข้าใจ เป็นฉันก็รับไม่ได้ นี่เป็นเคสแรกของฉันเลยค่ะ ที่ฉันช่วยอะไรไม่ได้ แล้วตายไปต่อหน้าต่อตา"

“แล้วตอนนี้เธอเป็นไงบ้างคะ" อีกอย่างที่ฉันอยากรู้คือ หล่อนเป็นอะไรกับคุณคะ คุณดูห่วงใยจังเลย

เขาพูดด้วยโทนเสียงเรื่อยๆ แต่ฉันรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาอบอุ่นจังเลย นี่เขามาดักรอเพราะเป็นห่วงความรู้สึกฉันอย่างนั้นหรือ

“ก็ยังรับไม่ได้หรอกครับ แต่ผมพาเธอไปนอนพักที่บ้านแล้ว ออมเป็นลูกสาวคนเดียว แม่ก็เสียตั้งแต่เด็ก มีแต่พ่อที่อยู่ด้วยกันมาตลอด...”

“ค่ะ ช่วงนี้คุณก็ดูแลเธอใกล้ชิดหน่อยแล้วกันค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอกลับไปพักก่อนนะคะ"

“เดี๋ยวๆครับ ผมอยากรู้ว่าคุณไม่ได้คิดมากใช่ไหมกับคำพูดของ 'เพื่อน' ผม"

ห๊ะ ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม สระเอ พอพาน สระอือ ไม้เอก ออ อ่าง นอหนู 'เพื่อน' ใช่ไหมมมมมม

ฉันยิ้ม เขามารอคุยกับฉันเรื่องนี้เหรอเนี่ย เขาแคร์ความรู้สึกฉันเหรอออออ

“อ้อ ไม่หรอกค่ะ ขอบคุณนะคะที่ห่วง"

เขาส่งยิ้มพิมพ์ใจ ที่เห็นลักยิ้มสองข้างมาให้ ฉันนี่แทบจะล้มกองกับพื้น "ยินดีครับ จริงๆแล้ว ออมเขาฝากผมมาขอโทษคุณหมอด้วย เขาไม่ได้ตั้งใจ เขาเสียใจมาก...”

อืม...สรุป เขามาบอกข้อความขอโทษของเพื่อนนั่นเอง ฉันมโนไปเองอีกแล้วสินะ

“ฝากบอกเพื่อนคุณด้วยค่ะ ว่าฉันโอเค เข้าใจดีค่่ะ ไม่โกรธเลย อาชีพฉันก็แบบนี้ล่ะค่ะ ฉันคงค่อยๆชินมากขึ้น ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ เหนื่อยมากเลย"

“นั่นสินะ คุณคงเหนื่อยมากจริงๆ งั้นก็พักผ่อนเสียนะครับคุณหมอ"

แล้วเราก็ยิ้มให้กันครั้งสุดท้าย ฉันฉีกยิ้มเหมือนขอไปทีให้เขา แต่เขากลับส่งยิ้มกว้างชวนฝันมาให้อีก เขาคงไม่รู้หรอกว่า ภายใตท่าทีนิ่งๆเฉยๆ และใบหน้าเย็นชาของฉัน ฉันกลับรู้สึกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้พูดคุยกับเขาในค่ำคืนนี้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้มาเพราะห่วงฉันก็ตาม

แล้วฉันก็เดินจากตรงนั้นมา ไม่กี่ก้าวก็ถึงบ้านพัก ฉันเลยหันไปมองตรงจุดที่เรายืนคุยกันเมื่อครู่ แล้วก็ได้เห็นว่าร่างสูงๆยังคงยืนอยู่ตรงนั้น หันมาทางบ้านพักของฉัน ก่อนจะก้มลงกดมือถือ แล้วก็...

ตึ๊งตึ่ง! เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าจากมือถือของฉันดังสนั่นในกระเป๋าเสื้อกาวน์ ฉันยืนนิ่ง ไม่กล้าแตะมือถือของตัวเอง แต่ยังคงจ้องมองคุณอัศวินกดมือถือต่อไป แล้วเขาก็เก็บมันใส่กระเป๋า ฉันมองไม่เห็นสีหน้าเขาจากระยะไกล เห็นเพียงท่าทางว่าเขายกมือข้างที่ถือโทรศัพท์ขึ้น แล้วโบกส่งมาให้ฉัน นั่นเองทำเอาฉันหน้าแดง แล้วเปิดประตูเข้าบ้านทันที

นาทีนั้นฉันรีบคว้ามือถือขึ้นมา แล้วสไลด์หน้าจอเข้าไปอ่านแบบลืมตัว

00.15น. Knight: ฝันดีครับคุณหมอ

ให้ตายสิ!!!!!





ฝันดีค่า ^^



ภาพพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ค. 2558, 23:18:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2558, 23:18:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1263





<< ตอนที่ 5 : หมูกระทะใช่ไหม   (7) เจอกัน >>
LOLIN 5 พ.ค. 2558, 07:20:21 น.
เห้อๆ นัลร๊าก มาอีกๆ


ปรางขวัญ 5 พ.ค. 2558, 10:27:54 น.
555 คุณอัศวินรู้แล้วจริงๆ กรี๊ดๆ อยากมีโมเม้นท์แบบนี้จังค่ะ


เดิมเดิม 5 พ.ค. 2558, 16:38:53 น.
คุณอัศวินจำหมอพริมได้ตั้งแต่แรกป่าวเนี่ย


wanida 6 พ.ค. 2558, 03:56:29 น.
น่าร้ากกกกกกอ่ะ


LOLIN 7 มิ.ย. 2558, 21:10:36 น.
ประกาศๆไรท์เตอร์หาย กลับมาได้แว้ว รีดเดอร์คิดถึง


ภาพพิมพ์ 4 ก.ค. 2558, 20:04:35 น.
ไรเต้อกลับไปเรียนนน เหนื่อยมากกก แต่จะกลับมาคะ รอหน่อยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account