ลบเหลี่ยมรัก / ( เหลี่ยมร้าย บำเรอรัก )
เพราะเกมแมวยักษ์(เสือ)วิ่งไล่จับหนูนา มีคนเล่นตุกติกผิดกติกา แม่หนูเลยถูกพ่อเสือลากเข้าป่า...และตกล่องปล่องชิ้นกลายเป็นเมียเสือไม่รู้ตัว!!!

............

“ ฮักน้องบ่อ้าย” ดวงหน้างามพลันแดงระเรื่อ หัวใจกระตุกไหว พอหลุดปากออกไปก็อยากจะตะปบคำพูดนั้นกลับคืน เฮ้อ...เสียเหลี่ยมเขาแล้วไหมละลูกจันทร์ !
ชายหนุ่มยิ้มนัยน์ตาพราวระยับ ท่าทางเจ้าเล่ห์ยียวน แต่ก็หล่อเหลากระชากใจ ก่อนจะตอบหล่อนเสียงดังว่า “ สุด ๆ ” ทองภูมิเชยคางหญิงสาวด้วยสัมผัสแห่งรัก เขาจุมพิตริมฝีปากอวบอิ่ม เนิ่นนานและอ้อยอิ่งด้วยความรักซึ่งอัดแน่นล้นใจ...

........

ห้าปีก่อน ทองภูมิ หรือ ’ทิกเกอร์’ ถูกพิพากษาให้เป็น ไอ้บ้ากาม จากข้อกล่าวหาของ ลินจันทร์ ซึ่งอ้างว่า เขาแอบถ้ำมองดูหล่อนอาบน้ำ เรื่องนี้ได้กลายเป็นรอยแค้นแรกพบฝังใจทิกเกอร์ตลอดมา และไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์เล็ก ๆ ครั้งนั้นส่งผลให้ลูกครึ่งหนุ่มเลือดร้อนผู้หมอนหมิ่นถูกคลุมถุงชนแต่งงานกับ อรอินทร์ สาวสวยประจำหมู่บ้านซึ่งกำลังตั้งท้องกับ หรรษพล เพื่อนรักซึ่งกำลังมีอนาคตไกล และการช่วยเพื่อนทำให้ทองภูมิต้องตัดใจจากหนึ่งฤทัย ครูสาวซึ่งน้องหรรษพลด้วย



ทว่าหลังจากคลอดลูกชาย น้องขนุน ไม่ทันข้ามปี อรอินทร์ก็ย้อนกลับไปคบกับ หรรษพล การผิดคำสัญญาที่ให้ไว้ระหว่างเพื่อนจึงขาดสะบั้นลง ทั้งที่ทองภูมิยอมเสียเกรียติรับผิดชอบเป็นพ่อในท้องให้อรอินทร์แต่สุดท้าย หรรษพลเองก็กลืนคำพูดตนเอง พาอรอินทร์หนีตามกันไป ....







Tags: http://writer.dek-d.com/o-iambear/story/view.php?id=715808

ตอน: บทที่ ๔ เกลียดอะไร เจออย่างนั้น

บทที่ ๔ เกลียดอะไรเจออย่างนั้น


ภายในขบวนรถไฟชั้น ๑ นอนปรับอากาศปลายทาง จังหวัดหนองคาย


ลินจันทร์ลูบผมซึ่งถูกตัดเป็นบ๊อบเทด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อยระคนผิดหวัง ทั้งนี้เพราะความอ่อนแอซึ่งเอ่อล้นใจ หล่อนจึงยอมแปลงโฉม ละทิ้งการความเป็นผู้หญิงช่างฝัน มองโลกในแง่ดี กลายเป็นสาวมั่นเปรี้ยวจี๊ดตั้งแต่หัวจรดเท้า พ่วงท้ายด้วยเสน่ห์ ยั่วสวาท ทั้งเสือ ทั้งจระเข้


ที่หล่อนยอมเปลี่ยนตัวเองถึงเพียงนี้ เพราะอยากเติมสีสันให้ชีวิตหลังจากเจอมรสุมจนหวิดเอาตัวไม่รอดหญิงสาวเชื่อว่าหากประตูบานหนึ่งถูกปิดลง ย่อมมีประตูอีกบานเปิดรอให้ก้าวออกไป ขอเพียงมีศรัทธา และกล้าเผชิญปัญหาด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง ย่อมไม่มีวันติดอยู่ในห้องที่ปิดตาย



ลินจันทร์หยิบกระจกบานเล็กเพ่งพิศดูเงาตนเอง เงานั้นสะท้อนดวงหน้างดงามชวนหลงใหล หากแปลกไม่น้อย ด้วยคนซึ่งอยู่ในนั้น แตกต่างจากคนที่หญิงสาวเคยรู้จักตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา



เป็นไปได้ไหม...ผู้หญิงซึ่งชื่อลินจันทร์ได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว จากไปพร้อมกับความซื่อสัตย์ของผู้ชายที่หล่อนเคยรัก!


หญิงสาวสัมผัสผมซึ่งตัดสั้น แล้วดัดเป็นลอนทำสีโทนสว่างสวยเฉี่ยวด้วยใจเลื่อนลอย จริงอยู่มันช่วยเสริมภาพลักษณ์สะดุดตาสะดุดใจแก่ผู้พบเห็น หากช่างขัดกับตัวตนที่แท้จริงหล่อนเหลือเกิน ลินจันทร์รู้ดีว่าที่ทำไปทั้งหมด เพราะหวังให้ความโง่เง่า ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมผู้ชายตายไปพร้อมอดีตอันข่มขื่น


ในขณะซึ่งลินจันทร์จมจ่อมกับความทุกข์ เสียงวี้ดวิ้วก็ดังแทรกบรรยากาศเหงาระทมเป็นระยะ ๆ และมันมาพร้อมสายตาหลายคู่ซึ่งจ้องหญิงสาวด้วยความซุกซน ทั้งที่อยากอยู่ในมุมสงบ ทว่าความหงุดหงิดก็เริ่มกดดันให้ลินจันทร์เกิดอารมณ์กรุ่น ๆ มิน้อย


หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น ค้อนควักให้หนุ่ม ๆ ทว่าพวกเขากลับฮาครืน กระดี๊กระด๊าตีปีกพั่บ ๆ ยั่วแหย่อย่างคึกคะนอง พอเจอไม้แข็งลินจันทร์ก็ใจฝ่อ ด้วยเป็นผู้หญิงคนเดียว ให้แก่นแก้วเพียงใดก็ใช่ที่จะไปตอแยผู้ชายกลุ่มใหญ่ทั้งโขยง


พอประเมินสถานการณ์ว่าอาจเกิดภัย ลินจันทร์จึงข่มกลั้นอารมณ์เดือดปุด ๆ สุดกลั้น


กระทั่งสงบนิ่งเกือบอึดใจ หล่อนเริ่มมีอาการปั่นป่วนในช่องท้องขั้นรุนแรง ศีรษะหมุนคว้างแทบวูบหมดสติ ลินจันทร์รู้ตัวดี ยามมีความคับแค้นสุ่มทรวง ร่างกายจะเกิดอาการต่อต้าน นี่แหละสาเหตุที่ทำให้หล่อนมีร่างอวตารเป็นคุณนายจอมเหวี่ยง ในยามเจอเรื่องไม่พอใจ เพราะขืนเก็บเอาไว้ รังแต่ทำร้ายตน ประหนึ่งจุดไฟเผาร่างกายให้มอดไหม้


ลินจันทร์กุมขมับใช้ความพยายามสุดฤทธิ์ อดทนต่อความเจ็บปวดทางกาย กระทั่งหางตาเหลือบเห็นร่างซึ่งทยอยก้าวเข้ามานั่งในโบกี้รถไฟ หล่อนยิ่งรู้สึกถึงการถูกคุมคาม เพราะร่างสูงใหญ่ซึ่งก้าวเข้ามาประจำที่นั่งล้วนเป็นผู้ชายวัยกลัดมัน !


ให้ตายเถอะนี่มันฝันร้ายสุด ๆ ลินจันทร์กอดตัวเองแน่น ชะเง้อชะแง้มองผู้คนในโบกี้รถไฟอย่างหวาดหวั่น หล่อนหายใจติดขัด ในโบกี้รถไฟมีที่ว่างหลายที่ รวมถึงฝั่งตรงข้ามหล่อน ดูแล้วมันโหวงเหวงพิกล กระทั่งกวาดตาไปยังท้ายขบวน จุดนั้นมีครอบครัวชาวต่างชาติกำลังวุ่นวายกับเจ้าตัวน้อยที่ผุดลุกผุดนั่งอยู่ หากหล่อนหาได้ใจชื้นขึ้นสักกะผีก เพราะคนต่างชาติต่างภาษา ใยจะเข้าใจผู้หญิงตาดำ ๆ ที่หอบความเจ็บช้ำ หวังพึ่งบ้านนอกคอกนารักษาแผลใจเล่า


เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ ลินจันทร์มิทราบ หล่อนเอาแต่นั่งก้มหน้าย้ำคิดกับข้อความในสมุดบันทึก ซึ่งระบายความเจ็บช้ำมากมาย ทุกความเคลื่อนไหวรอบกายจึงไม่อาจดึงดูดความสนใจหญิงสาว
วาบหนึ่งหญิงสาวคิดเล่น ๆ หากสวยแต่โง่ ลินจันทร์คงไม่ต้องมาเสียน้ำตาเช่นนี้


ผู้ชายกับความเจ้าชู้เป็นของคู่กัน ไม่เห็นแปลก ประสบการณ์ชีวิตมีให้เห็น ทั้งพ่อ พี่เขย หากเหมารวมรหัทอีกคน หล่อนจะแคร์ทำไม ผู้ชายก็เหมือนงูมันย่อมมีพิษทุกตัว!


ทว่าอย่างที่รู้กันลินจันทร์เป็นสาวงามทั้งเรือนกาย และ มันสมอง! มันจึงเหมือนดาบสอบคม ทำให้มิอาจก้าวผ่านความทุกข์ไปได้ง่าย ๆ หล่อนจำต้องติดอยู่กับความรู้สึกเดิม ๆ ภาพคุ้นเคยซึ่งเคยมีรหัทย้อนกลับไปกลับมา พลอยให้ดวงตาพร่างพรมด้วยหยาดน้ำตาอุ่นใส ร่างแบบบางถอนสะอื้นเบา ๆ จวบจนสัมผัสหนึ่งแตะตรงไหล่แบบถึงเนื้อถึงตัว!


บ้าจริง ! ใคร ? ช่างกล้าแต๊ะอั๋งนางสิงห์ เดี๋ยวได้เหอะเจอชุดใหญ่แน่


“มีอะไรให้ผมช่วยไหม” ผู้ชายเสียงเข้มดวงหน้าคมเอ่ยทักหล่อน เขามีผิวสีแทนแบบหนุ่มที่ชอบออกกำลังกายกลางแจ้ง ดูเป็นสุภาพบุรุษเต็มร้อย หน็อยแน่ะ ไหนว่าแขยงผู้ชาย เกลียดนัก เกลียดหนา แล้วทำไมหัวใจถึงกระตุกไหวเยี่ยงนี้


ลินจันทร์สมเพชตัวเอง พอเจอหนุ่มหล่อพูดดีด้วยก็คล้อยตาม หล่อนช่างแสนซื่อเสียกะไร
จากนั้นหญิงสาวก็สูดลมหายใจลึก ช้อนสายตามมองเขา นี่ลินจันทร์จะรู้หรือไม่ว่ากำลังเล่นกับไฟอยู่!
หญิงสาวหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ ใช่หล่อนชอบมองผู้ชายหน้าตาดี ไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไป แต่แค่มอง
ไม่ได้บ้ากรี๊ดและเก็บไปฝันหวาน หล่อนแค่อยากรู้ ภายใต้เรือนร่างกำยำ รวมถึงดวงหน้าหล่อเหลา เสือร้ายพวกนี้ซุกเขี้ยวเล็บไว้ตรงไหน


หล่อนมองเขาเพียงแวบเดียว แล้วจึงเลี่ยงหลบ ด้วยจู่ ๆ สมองพลันจับต้นชนปลายได้ เออนะ คนดี ๆ ที่ไหนจะเดินเข้ามาทักทาย แสดงความเป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้ รู้จักกันก็เปล่า ลินจันทร์เองก็ไม่ใช่ ผู้หญิงใจง่าย ทอดสะพานให้ใครก่อน ถึงเขาดูสมาร์ตน่าค้นหาจนอยากจะโผเข้าใส่ก็เถอะ


. “ว่าไงครับ มีอะไรไม่สบายใจครับ ผมขอนั่งด้วยคนนะ“เอ่ยจบร่างสูงใหญ่ก็ถือวิสาสะนั่งม้านั่งฝั่งตรงข้ามหล่อน ด้วยคำพูดและท่าทางสุภาพของเขา พลอยให้หัวใจไหววูบ ผิดแต่หล่อนไม่ได้อยู่ในอารมณ์อยากเสวนากับใคร โดยเฉพาะผู้ชายซึ่งดูเข้าอกเข้าใจ หญิงสาวแปลกหน้าที่กำลังโศกเศร้าอย่างหล่อน


ลินจันทร์ก้มหน้าต่ำ น้ำตาไหลชุ่มดวงหน้า มือซึ่งกุมกันไว้หลวม ๆ ต้องรีบคว้าเสื้อกันหนาวขึ้นเช็ด ชายหนุ่มเพ่งพิศอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกจากม้านั่งฝั่งตรงข้าม เข้ามานึ่งฝั่งเดียวกันกับลินจันทร์ ยามนี้ร่างชิดร่างจนหล่อนสัมผัสถึงลมหายใจเขาได้ ผะผ่าวร้อนจนหล่อนสะดุ้งเฮือก!


“เอ๊ะ...คุณร้องไห้!”


“ไม่คะ ฉันไม่ได้ร้อง!” ปากบอกว่าไม่ หากสีหน้าหล่อนดูได้ที่ไหน


เขานิ่งราวอึดใจ แล้วรุกต่อด้วยการยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หล่อน การแสดงออกนั้นทำให้หญิงสาวนึกสงสารตัวเอง ผู้ชายที่อยากให้ซับน้ำตา ควรเป็นรหัทไม่ใช่เขาคนนี้


กระนั้นลินจันทร์ก็ไม่อาจบอกปัดความปรารถนาดีเขา ครั้นเงยหน้าแล้วสบตาเขา ความประหม่า และขัดเขินก็เล่นงานหล่อนจะหน้าแดงระเรื่อ


“ผ้าเช็ดหน้าผมรับรองสะอาดไร้เชื้อโรค...คุณแม่ผมติดกระเป๋าให้ผมเสมอ ๆ หอมด้วยนะ พิสูจน์กลิ่นก่อนก็ได้ถ้าไม่ไว้ใจ ฮ่ะ ๆ ” เขาเอ่ยพลางยิ้มเห็นแก้มบุ๋ม


นอกจากไม่เกรงใจเจ้าของ หล่อนยังตบท้ายด้วยการสั่งน้ำมูกเสียงดัง ยามเศร้าเสียใจ มาดซึ่งเคยรักษาไว้ก็หายหมด ลินจันทร์เผยตัวตนให้ผู้ชายคนนี้เห็น เขาก็ไม่ได้เห็นหล่อนเป็นผู้หญิงขี้แย กลับยิ้มปลอบขวัญจนหัวใจหญิงสาวอ่อนยวบ!


“อุ้ย! เปื้อนหมดเลย เดี๋ยวฉันซักให้แล้วกัน ” หล่อนขวยอายที่ทำผ้าเช็ดหน้าเขาเปื้อน แต่หากให้คืนเขาก็กระไรอยู่ จึงได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ให้เขา


“รับไว้เถอะ เอาไว้ดูต่างหน้าก็ได้ ไม่แน่พรหมลิขิตอาจทำให้เราได้เจอกันอีก” สายตาเขาไม่ได้กรุ้มกริ่ม หรือแฝงความเจ้าชู้ใด ๆ ลินจันทร์เลยคลายความอึดอัดลงมาก บางทีคนแปลกหน้าก็ไม่ได้น่ากลัวไปเสียหมด อย่างที่โบราณกล่าวไว้ ‘รู้หน้าไม่รู้ใจ’ คนที่คิดว่ารู้จักกันมาหลายปีดีดัก กลับทำลายความเชื่อมั่นให้สูญสลายชั่วข้ามคืน


ชายแปลกหน้า ยิ้มกว้างอวดฟันสวย พลอยให้หัวใจสาวซึ่งหงอยเหงาชื่นบาน จากนั้นเขาก็รุกฆาต!


“เรียกผม พี่ยักษ์ก็ได้...แล้วคุณ...” เขาส่งสายตาแฝงความนัยลึกซึ้ง พร้อมรอยยิ้มกระชากใจสาวผู้หงอยเหงา


ความไม่ชอบมาพากลเริ่มก็ตรงนี้ แค่ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียว หล่อนต้องผูกมิตรถึงขั้นนี้เลยหรือ
ลินจันทร์ไมใช่เด็กสาววัยไร้เดียงสา อ่อนต่อโลก ไม่ทันมุกตื้น ๆ หรอกนะ


พอหญิงสาวนิ่งงัน ทำเป็นอุบอิบไม่บอกชื่อ เขาก็ไม่ยอมเสียโอกาสง่าย ๆ ชายหนุ่มอาศัยช่วงเวลาที่ลินจันทร์ตกใจยื่นมือให้หล่อนจับ อ๊ะ...ยินดีที่จะไม่รู้จักดีกว่ามังคะ หล่อนพึมพำในใจ


ลินจันทร์ไม่ได้รังเกียจหรือไม่รู้จักธรรมเนียมตามสมัยนิยม หากกระดายอายมากกว่าให้มาจับมือจับไม้กับผู้ชายที่พึ่งรู้จักกัน มันไม่เร็วไปหน่อยรึ พ่อเสือ!



สาวสมัยใหม่อาจเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่เสียหายอะไร หากสำหรับลินจันทร์ไม่ใช่ หล่อนหวงเนื้อหวงตัวชนิดเรียกได้ว่า หากต้องตายไปพร้อมพรหมจรรย์ หล่อนคงตายตาหลับมากกว่าจะถูกผู้ชายหลอกแต๊ะอั๋ง หรือ ข่มเหงน้ำใจ


“ขอบคุณสำหรับ ผ้าเช็ดหน้าค่ะ พี่...ยักษ์ ” หล่อนออมคำ รักษาระยะห่างด้วยการขยับชิดขอบเบาะ จนไปติดอยู่กับบานหน้าต่าง


จากนั้นหล่อนเอาแต่สงบปากสงบคำ ไร้การเคลื่อนไหว แม้แต่เสียงหายใจก็ขับออกมาเบา ๆ คราวนี้ความเงียบจึงครอบคลุมบรรยากาศ ชายหนุ่มชักหัวเสีย เกาศีรษะแกรก ๆ แต่ยังฝืนบังคับเสียงให้ทุ้มน่าฟัง


“ไปเที่ยวไหนครับ ไปถึงลาวหรือเปล่า ผมจะไปที่นั่นพอดี” เขาถามและตอบในประโยคเดียวกัน


“ปละ เปล่า” ปฏิเสธแข็งขัน ตัดโอกาสไม่ให้เขาซักต่อ แต่ผู้ชายคนนี้ดูจะเป็นคนช่างสังเกต ให้ความสนใจแม้แต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ กระทั่งหนังสือท่องเที่ยวที่ลินจันทร์วางไว้ข้างตัว


“อ๋อไปอุดรฯ นี่เอง เออ...ขากลับ ผมว่าจะแวะไปหาเพื่อนเหมือนกัน ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว...” แวบหนึ่งหากลินจันทร์ไม่ได้ตาฝาด หล่อนเห็นดวงตาสีเข้มกระตูกวูบ หากเขาก็รีบปรับให้เข้าที่อย่างเร็ว


จากนั้นเขาก็เริ่มทำตัวราวกับหล่อนเป็นไกด์นำทางเกรดเอ ชวนคุยตั้งแต่เรื่องส่วนตัวก่อน หากจนแล้วจนรอด ก็วกมาถึงสถานะของหล่อน โสด หรือว่า มีเจ้าเข้าเจ้าของจับจองหัวใจแล้ว


เฮ้อ...ลินจันทร์ได้แต่ส่ายหน้าพรืด ด้วยความโศกเศร้าโดยแท้ ถึงต้องมานั่งคุยกับชายแปลกหน้า แล้วนี่หล่อนชะล่าใจเกินไปไหม เดินทางด้วยรถไฟเพียงลำพังยังกลับทำใจดีสู้เสือ คุยกับเขาไปทั่ว


เที่ยวไปรู้จักมักจี่ไปทั่ว ดีไม่ดี ผ้าเช็ดหน้าที่เขายื่นให้ตะกี้อาจมียาสลบหรือ ยากระตุ้นสัมผัสพิเศษอย่างที่อ่านและเห็นในหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ก็ได้ คราวนี้คงงามหน้า ถูกทำมิดีมิร้าย พรหมจรรย์ซึ่งหวงแหนเท่าชีวิตคงถูกเขาปล้นสวาท ด้วยความอ่อนต่อโลกอย่างที่พี่สาวหล่อนพูดกรอกหู


สด ๆ ร้อน ๆ ที่ผ่านมา เมื่อวันก่อนก็เกือบเสียท่าให้รหัทหนหนึ่งแล้ว หล่อนยังไม่รู้จักจำ!



คราวนี้ หญิงสาวเลยหวั่นหวาด มือเท้าเย็นจัด เสื้อซึ่งโชว์หน้าอกหน้าใจอันอวบอิ่มถูกกระชับให้เข้าที่ จนชายหนุ่มต้องขบกรามตึง กิริยาหล่อนบ่งบอกให้รู้ว่ากลัวเขานักหนา ลินจันทร์มองหาความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่บนรถไฟ หากเห็นแต่หลังเขาไว ๆ ตรงหัวขบวน


ลินจันทร์ประหวั่นใจ คิดถึงเรื่องไม่เป็นเรื่องมากมาย คิดเลยเถิดจนถึงขั้น คนซึ่งนั่งข้างตัวเป็น ผู้ชายบ้ากาม ภาพในหัวมันก็ลอยไปไกล ระลึกถึงเหตุการณ์ฝังใจที่ผู้ชายคนนั้น ที่เคยแอบดูเนื้อสาวหล่อนเมื่อหลายปีก่อน


และพอหล่อนตั้งท่าเตรียมลูกหนี เขาจึงเลิกคิ้วสูง ทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่สบอารมณ์ หญิงสาวยิ่งกระส่ายกระสับภาวนาให้เจ้าหน้าที่เข้ามาเร็วตรวจความเรียบร้อยโดยเร็ว หากเวลาหมุนผ่านไปอย่างเนิบช้ากระทั่งเขาสัมผัสอาการจิตหลอนของหล่อนได้ สีหน้ายิ้มแย้มของเขาก็ขรึมเข้ม ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเตรียมผละจากหล่อน
ก่อนจากไปเขาโค้งให้หญิงสาวน้อย ๆ กระทั่งเขาหมุนตัวกลับนั่นแหละ แจ็กพอตโป๊ะเชะเลย


ชายหนุ่มหันไปโบกไม้โบกมือให้เพื่อนกลุ่มใหญ่ ซึ่งหล่อนไม่ทันได้สังเกตแต่แรก วินาทีนั้นดวงหน้านวลซีดเผือด! ตายละ พี่ยักษ์เข้มมาดแมน คงไม่ได้เล่นเกม เอาตัวหล่อนเป็นเดิมพันหรอกนะ เอ...หรือว่าจะใช่ละเนี่ย


คิดได้อย่างนั้น ลินจันทร์ก็ตาโต หูทั้งสองข้างเปิดรับเสียงซึ่งดังขึ้นด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ


หญิงสาวเกร็งจัด ในขณะที่เสียงวีดวิ้วขานรับเป็นทอด ๆ แล้วพอพี่ยักษ์หุ่นสมาร์ตสืบเท้าเข้าไปรวมกลุ่มเพื่อน ๆ หญิงสาวถึงกับหน้าเหวอ ช็อคสุดขีด ผู้ชายพวกนั้นจ้องหล่อนตาเป็นมัน แถมบางคนทำท่าเลียริมฝีปากแผล็บ ๆ



.....


ยายสมหวังวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาทองภูมิ ร้อนใจก็จริงหากความกริ่งเกรงเจ้าของ เฮือน ฮอม ฮัก มากกว่า เมื่อคืนนางใจอ่อนเกินไป คล้อยตามปากขนุนจนได้เรื่อง ป้อนเด็กชายทั้งลูกชุบ ทั้งช็อกโกแลตแท่งใหญ่ ซึ่งแอบซื้อกันมาหลายสิบชิ้น พอรุ่งสางเป็นได้เรื่อง เด็กชายมีอาการไข้ขึ้นสูง และที่น่าสงสารจับใจพลอยให้คนสูงวัยน้ำตาซึมไปด้วย ก็คืออาการเพ้อหา “แม่!”


ยายสมหวังร้อนใจเหลือหลาย ร่างผอมยืนไม่ติด ให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อคนที่เด็กชายร้องหาครั้งหนึ่งเคยทำให้เรือนหลังนี้ลุกเป็นไฟ !


หญิงสูงวัยก้าวชิดก้าวมาหยุดใกล้ ๆ ร่างสูงใหญ่ แล้วรวบรวมความกล้า เอ่ยเสียงสั่นต่อเจ้าของบ้าน


“พ่อทิก พ่อทูนหัว...ยายอยากให้ไปเบิ่งลูกขนุนหน่อย สงสัยเป็นไข้ ตัวจี๋ร้องไห้อยู่ในเฮือนโน่นแน่ะ” นางเสียงแผ่ว เลี่ยงหลบตา กลัวพ่อเสือหนุ่มตวาดใส่เหลือเกิน



ครั้นเห็นสีหน้าสีตาแม่นมลูกชาย ทองภูมิได้แต่ถอนใจ เขาไม่ได้มีท่าทางเปี่ยมด้วยอารมณ์โมโหร้ายอย่างที่ยายสมหวังนึกหวั่นแต่แรก ยามนี้ทองภูมิเหนื่อยใจมากกว่า เขารู้ว่าขนุนมักแสร้งทำเป็นปวดหัว ตัวร้อน พอเจอเรื่องกระทบจิตใจเข้าหน่อยลูกชายมักมีอาการสารพัดโรค เรียกว่าแสร้งป่วยการเมืองก็คงไม่ผิดไปจากนี้


แต่จะให้คอยโอ๋กันโดยอยู่บ่อย ๆ รังแต่ทำให้เด็กน้อยได้ใจ เขาจำต้องใช้ไม้แข็งดัดไม้อ่อน ก่อนที่ต้นไม้เล็ก ๆ นี้จะเสียรูป เกินดัดให้ลำต้นสวยงาม เพราะรักและหวังอยากให้ลูกเป็นเด็กดี ทองภูมิจึงลงไม้ลงมือหวดก้นไปหลายครั้ง หากไม่ทันฉุกคิดว่าขนุนนั้นยังเยาว์วัย ไม่อาจทนรับความเจ็บปวดได้


คิดแล้วก็ผิดต่อลูกชาย เขาเป็นพ่อประสาอะไร เลี้ยงลูกไม่เป็น เอาแต่เข้มงวด จนลูกชายต่อต้านเขาอยู่ลึก ๆ จนเกิดคำว่า ‘ขนุนไม่รักพ่อ’ คำนั้นเคยออกจากปากเด็กชาย และสร้างความเจ็บปวดเขามาหลายครั้งหลายครา กระนั้นทองภูมิก็ทะนุถนอมเด็กชายปานแก้วตาดวงใจตลอดมา


ครั้นเดินมาถึงประตูห้องนอนลูกชาย ทองภูมิก็คำรามในลำคอสองสามครั้ง ตั้งใจส่งเสียงปลุกขนุน และดุเขาในที แต่พอผลักบานประตูเข้าไปแวบแรกนั้น เขาต้องรู้สึกผิด เสียงเล็ก ๆ ร้องโยเย ไม่หยุด เด็กชายนอน ดิ้นไปมาบนเตียง ยิ่งพอเหลือบเห็นพ่อก้าวเข้ามาในห้อง อาการใจเสียบวกกับหวาดกลัวยิ่งทำให้ส่งกรี๊ดพลางขยับไปอยู่ตรงขอบเตียง ไม่ยอมให้พ่อเข้าใกล้


เมื่อเห็นภาพลูกชายขวัญเสีย หัวใจคนเป็นพ่อพลันอ่อนยวบ สงสารลูกน้อยพอ ๆ กับสมเพชตนเอง
ที่ทำให้ลูกกลัวได้เพียงนี้


“แม่อร! แม่อร ขนุนย่านๆ พ่อทิก ตีหนู พ่อทิกใจร้าย ฮื่อ ๆ ” เด็กชายกระถดกระถอยหนีร่างสูงใหญ่สุดชีวิต อีกทั้งคำเพรียกหาผู้หญิงคนนั้น ส่งผลให้ชายหนุ่มหน้าแดงก่ำ หัวใจบีบรัด เข่าสองข้างแทบทรุดลงไปกองบนพื้น


‘แม่อย่างนั้นหรือ...’ เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม ลูกชายซึ่งเลี้ยงมากับมือ กำลังร้องหานางกากี!


อย่างที่เขาว่า สายเลือดย่อมตัดไม่ขาด โดยเฉพาะเลือดชั่ว ๆ ที่เด็กชายได้มาจากแม่!



ทองภูมิทำใจ ข่มสติ ลบภาพผู้หญิงซึ่งสร้างแผลลึกให้เขาแทบเสียผู้เสียคนออกจากหัว ผิดจากจิตใจอันบริสุทธิ์ของลูกชาย ซึ่งยังโหยหาความรัก ที่เขาไม่มีวันได้รับจากผู้หญิงแพศยา...อรอินทร์!


เขายอมรับเคยหลอกตนเอง หากวันใดที่แม่ของเด็กชายหวนคืน ชายหนุ่มพร้อมให้อภัย ด้วยอยากสร้างครอบครัวเล็ก ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง


ทว่าเวลายิ่งผ่าน หลายสิ่งก็เปลี่ยน รวมถึงหัวใจของเขาซึ่งด้านชาต่อความรัก !


จากนั้นผู้เป็นพ่อตัดสินใจอุ้มลูกชายขึ้นตัวร้อนเขาดั่งไฟ ขนุนขืนตัวไม่ยอมให้พ่ออุ้มง่าย ๆ ยิ่งพอ
ลืมตาเห็นหน้าพ่ออยู่ใกล้ก็กรี๊ดลั่นจนทุกคนตกใจใหญ่



“ไม่! อิพ่อผีบ้า บ่ ๆ ขนุนย่าน อิพ่อ! ปล่อย! ” ขนุนกลัวทองภูมิจับใจ ดวงหน้าอาบน้ำตา มืออวบอูมทั้งหยิกทั้งข่วน


“เงียบเดี๋ยวนี้นะขนุน หนูจะงอแงทำไม เป็นผู้ชายต้องเข้มแข็งรู้ไหม” คนเป็นพ่อหน้าเคร่ง ไม่มีความผ่อนปรนในน้ำเสียง เด็กชายซึ่งกำลังอยู่ในอาการผวา จากการตื่นนอน ยิ่งร้องไห้ประท้วงความใจร้ายของเขา


“บ่ ๆ แม่อร! แม่อรอยู่ไส ? ” เขาแผดเสียงลั่น น้ำตาไหลอาบแก้มใน ครั้นดิ้นหลุดจากพันธนาการ ขนุนก็ฉวยเอาสิ่งของใกล้มือโยนใส่พ่อไม่ยั้ง


เด็กชายงอแง ไม่สบายใจ ภาพยามที่พ่อตีเขาทำให้ใจดวงน้อยหวั่นหวาด จึงมีอาการต่อต้านชัดแจ้ง


"โอ้ มาหาพ่อนะไอ้หนู พ่อจะพาไปหาหมอ พ่อไม่ตีหนูแล้ว” เขาขยับเข้าใกล้ลูกชาย หากเจ้าขนุนยังไม่ยอมอยู่นิ่ง ร่างอ้วนเจ้าเนื้อวิ่งหลบหน้าหลบหลัง หลุดออกไปจากห้องนอน


“พ่อผีบ้า ขนุนไม่ไป ขนุนจะหาแม่คนเดียว” คำประกาศนั้น ทำให้คนเป็นพ่อเดือดจัด


“บ้านนี้ไม่มีแม่ เข้าใจไหมขนุน บ้านนี้มีแต่พ่อ กับ หนูเท่านั้น! ”


ทองภูมิคุมสติตนไม่อยู่ โมโหร้ายแผดเสียงลั่น ภาพของผู้หญิงคนนั้นตามมาหลอกหลอนเขาไม่รู้จบ


“ขนุนมาหาพ่อเดี๋ยวนี้! อย่าดื้อ มานี่ ” ทองภูมิขวางเด็กชายไม่ให้วิ่งลงบันไดบ้านสำเร็จ


พอหมดหนทางหนี เขาก็ตีบทเจ้าน้ำตาร้องกรี๊ด ๆ ปานจะขาดใจ ทองภูมิไม่ฟังเสียงใด ๆ อุ้มลูกชายไปขึ้นมาทั้ง ๆ ที่เด็กชายดิ้นฮึดสุดฤทธิ์ พอเห็น ขืนเนื้อ ขืนตัว และดวงตาของลูกชายที่ลุกวาวประหนึ่งสายตาคนรักเก่าสะท้อนอยู่ในนั้น ทองภูมิมีสีหน้าบิดเบี้ยว เนื้อเต้นไปทั้งร่างด้วยความโกรธ


สุดท้ายก็เผลอลงมือตีที่ต้นขาขนุนไปหนึ่งที


เผียะ! แรงมือของเขาสร้างความเจ็บปวดทางร่างกายแก่เด็กน้อยมากก็จริง แต่เทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บของคนเป็นพ่อ เพราะทองภูมิกำลังตายทั้งเป็น!



ลินจันทร์นอนไม่หลับทั้งคืน เปล่า...หล่อนไม่ได้จมจ่อมอยู่ในห้วงพิษรักนั่นหรอก หญิงสาวเลิกร้องไห้ตาบวม เสียอกเสียใจไปหลายชั่วโมงแล้ว หากนึกหวั่นภัยแก๊งผู้ชายที่มีอยู่ค่อนขบวนมากกว่า จึงนอนไม่หลับเพราะต้องคอยสอดส่งออกนอกผ้าม่าน กลัวเหลือเกินว่าจะมีผีผ้าห่มเข้ามาทำมิดีมีร้าย



จวบจนเจ้าหน้าที่เริ่มปรับเบาะนอนให้เป็นที่นั่งเหมือนเดิม หล่อนก็ตัวสั่น เหงื่อแตกซิก หวั่นใจว่าพี่ยักษ์อะไรนั่นจะมาเกี้ยว มาทำตัวเป็นพ่อไก่แจ้กับตน ทว่าผิดคาดพอแสงสว่างจากดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า
ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป รวมทั้งภาพผู้ชายที่น่ากลัวทั้งขบวน ที่หล่อนหวาดหวั่นนักหนา


ยามนี้ หนุ่ม ๆ พวกนั้น เอาแต่นั่งสัปหงก บ้างก็ส่งเสียงกรนน่าเกลียดให้หล่อนยิ้มเหยาะ กระนั้นหญิง
สาวยังมิวายมองหาพี่ยักษ์อยู่ดี หากจนแล้วจนแล้วก็ไร้วี่แววพ่อหน้าหล่อ สงสัยเขาจะกลายเป็นจินนี่ ยักษ์ในตะเกียงวิเศษหายตัวไปแล้ว


กระทั่งหล่อนก้าวลงรถไฟปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น การเดินทางฉุกเฉินครั้งนี้ อะไร ๆ ก็ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ความหงุดหงิดใจจึงเปลี่ยนดวงหน้าสวยหวานให้งอหงิก



และเช้าวันนี้อากาศช่างหนาวเหน็บ ร่างแบบบางจึงยืดตัวสั่น แล้วยังต้องมาเจอความวุ่นวายที่ จากการยื้อแย่งกระเป๋าถือ ทั้งสัมภาระที่หล่อนหอบหิ้วพะรุงพะรัง


“ไม่ ! เอ๊ะ ฉันบอกว่าไม่ เดี๋ยวมีคนมารับ ไม่นะลุง !” หล่อนเสียงเขียวใส่เหล่าสามล้อเครื่องซึ่งรุมเข้ามาถามไถ่ หากได้รับคำยืนยันเดียวจากริมฝีปากสวยสดพอปฏิเสธหลายคนเข้า หญิงสาวจึงกราดเกรี้ยวแสดงออกทางสีหน้าแทน คราวนี้บรรดาสามล้อเครื่องจึงค่อย ๆ ถอยหายไปทีละคน หากมิวายหัวเราะครืนเมื่อเห็นอาการหญิงสาวไม่ต่างจากนางเสือ ( บ้าตัวหนึ่ง )


กระทั่งหล่อนเดินออกมาพักตรงม้านั่งไม้หลบสายตาผู้คน หากยังมีสายตาหลายคู่ต่างจับจ้องตามมาไม่หยุดหย่อน ความรู้สึกหวงเนื้อหวงตัวให้หญิงสายขยับเสื้อปกปิดสัดส่วนตน ชุดที่สวมนั้นก็ใช่ว่าตั้งใจจะยั่วใครหากเป็นเพราะส่วนเว้าส่วนโค้งรัญจวนใจ ทำให้หนุ่มแถวนั้นส่งสายตาแทะโลมไม่หยุด



ภายในสถานีแห่งนั้นมีเสียงเป่าปากวี้ดวิวรับกันทอด ๆ พอให้ลินจันทร์รำคาญจิต หล่อนเกลียดนักผู้ชายพันธุ์นก นี่คงเห็นลินจันทร์มาเดี่ยวเลยผสมโรงช่วยกันแซวแบบหมาหมู่


ชิร้อยวันพันปีคงไม่มีคนสวยโผล่มาให้เห็นกระมัง บุญตาเท่าไหร่แล้ว ที่ได้เห็นหล่อนตัวเป็น ๆ



หญิงสาวนั่งบ่นอะไรลำพังคนเดียวนานสองนาน จนเริ่มร้อนใจ หากก็ไร้วี่แววหนึ่งฤทัย


เฮ้อ...มันเป็นความผิดหล่อนเองนั้นแหละที่ไม่รู้จักสำรวจแบตเตอรี่โทรศัพท์ให้ดี พอการสื่อสารขาดหาย หล่อนก็ไม่รู้จะติดต่อหนึ่งฤทัยอย่างไร จึงได้แต่นั่งทอดถอนใจ รออย่างไร้จุดหมายท่ามกลางสายตาของ ผู้ชายที่มองหล่อนประหนึ่งเป็นของแปลก !


เวลาผ่านไปเนิ่นนาน จวบจนชานชาลาเล็ก ๆ เริ่มคึกคัก แม่ค้าออกมาขายของและผู้โดยสารขาออกรอบเช้าต่างทยอยมารอรถไฟที่กำลังจะเข้ามาเทียบสถานี


ลินจันทร์มองซ้ายแลขวาไม่เห็นเงาคนมารับสักที หญิงสาวทั้งกลัวทั้งเหว่ว้า นึก ๆ แล้วก็สมเพชตนเอง ที่หนีมาตายเอาดาบหน้าเพราะหัวใจปวดร้าวเกินกว่าจะทนเห็นหน้าคนรักที่หักหลังตน
และเพราะคำว่า “ความซื่อสัตย์” ซึ่งเหมือนตราไว้ในดวงใจ หล่อนจึงต้องละทิ้งทุกอย่าง...ถึงมันจะทำให้ส่วนหนึ่งของชีวิตขาดหายไป ก็ยอม


ลินจันทร์ก้มหน้า สุดท้ายหล่อนก็พ่ายแพ้ต่อความรู้สึกซึ่งอึดแน่นภายใน จากนั้นน้ำก็ตาไหลกบตา ดวงหน้างามผ่าวร้อน ทั้งที่ฝืนกลั้นความอ่อนไหว หากทำไม่ได้ จึงได้แต่ปล่อยให้ความรู้สึกมากมายไหลผ่าน ถึงจะมีสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาในสถานีรถไฟมองหล่อน หากลินจันทร์มิแคร์ ใครเข้าคิดยังไง หล่อนไม่รู้ รู้แต่ว่าหล่อนจะไม่ยอมหันหลัง กลับไปมีชีวิตแบบเดิมอีกแล้ว!




ทองภูมิขับรถเข้ามาจอดชิดริมฟุตบาทด้วยความเร็วสูง หลังจากมีหนึ่งฤทัยนั่งปลอบขนุนมาตลอดทาง จนถึงคลินิกซึ่งเป็นญาติของหญิงสาว กระนั้นลูกชายตัวดียังออกฤทธิ์ไม่เลิก งานนี้ทองภูมิจึงต้องถือก้านมะยมขู่เป็นระยะ ๆ กระทั่งได้นอนพักบนเตียง เด็กชายจึงเบาเสียงลงหน่อย


พอโล่งใจได้สักพัก ครูสาวจึงเอ่ยปากขอร้องให้เขาออกมารับใครบางคนที่สถานีรถไฟ ?


‘น้องเขาจะมาช่วยงานแหม่มที่โรงเรียนแหม่มสักพักน่ะอ้ายทิก ช่วยไปรับแทนน้องหน่อยก็แล้วกัน ถ้าแหม่มทิ้งไป เดี๋ยวลูกขนุนก็ได้กรี๊ดลั่นคลินิกอีกละ ทางนี้แหม่มจะดูและให้เอง อ้ายไม่ต้องห่วง ’
ใจจริงหนึ่งฤทัยอยากไปรับเพื่อนเอง แต่เพราะขนุนใจไม่ค่อยดี หญิงสาวจึงอาสาอยู่เฝ้าไข้เด็กชาย


ทองภูมิไล่กดเบอร์ที่หนึ่งฤทัยให้มาเพื่อติดต่อคนที่เขามารับ หากจนแล้วจนรอดก็ติดต่อไม่ได้ กระทั่งเดินวนรอบบริเวณชานชาลารอบที่สอง กวาดตามองหาคนที่หนึ่งฤทัยบอกลักษณะไว้คร่าว ๆ ซึ่งเขาเองก็ยอมรับว่า รู้สึกเอะใจพิกล


‘เป็นผู้หญิง ผิวขาว ๆ อมชมพู ตัวไล่เลี่ย กับแหม่มนี่แหละ ชื่อว่า น้องลูกจันทร์ ‘ เธออ้อมแอ้มบอก และชื่อนั้นทำให้ชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วมุ่น


‘ลูกจันทร์ …‘ อย่างนั้นหรือ เขาคันหัวใจยิบ ๆ รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด


‘เอ...ตัวเท่าแหม่ม แล้วงามเท่าบ่ อ้ายอยากเห็นหลาย ๆ’ ชายหนุ่มครึ้มใจ หากหญิงสาวค้อนควักให้ แล้วตอบแบบทีเล่นทีจริงว่า


‘เดี๋ยวอ้ายทิกเห็น ก็รู้ว่านางฟ้ามีจริง ง้าม งามเชื่อแหม่มเถอะ อ้าย’ คำพูดหญิงสาวติดตลกอยู่บ้าง แต่เขาไม่ได้คิดใส่ใจ ผู้สาวเมืองหลวงสวยก็จริงหากเป็นได้แค่อาหารตา มองไม่ทันไรเบื่อ นี่ยังไม่รวม กิริยามารยาท ความเป็นกุลสตรี ไหนความเป็นแม่ศรีเรือนอีก ซึ่งเดาได้เลยว่าเจ้าหล่อนคงไม่ต่างจากผู้หญิงที่ล้อมหน้าล้อมหลังเขาอยู่นับสิบคน


ทองภูมิยิ้มย่อง พ่อเสือร้ายมั่นใจในเสน่ห์ของตนอย่างล้นเหลือ !


ครั้นพอเดินวนในสถานีรถไฟและกวาดตามองแล้วไม่เจอ พ่อเสือก็เดือดปุด ๆ แล้วตามด้วยการ สบถชุดใหญ่ “อะไรกัน นางฟ้าตกสวรรค์ มัวไปมุดหัวอยู่ไหน คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกหรือไงกัน ถึงเล่นตัวแบบนี้” ชายหนุ่มคำราม ไม่มีกะจิตจะใจตามหาใคร เขาเป็นห่วงลูกชาย พอต้องมาเสียเวลากับการรับคนแปลกหน้า ทองภูมิจึงไม่สบอารมณ์เป็นที่สุด
กระทั่งเดินมาถึงม้านั่งเกือบสุดชานชาลา เขาจึงระเบิดเสียงหัวเราะร้ายกาจ


‘หึ ๆ โธ่เอ๊ย แม่คุณเป็นนางอายหรือแก้วหน้าม้าละเนี่ย ขี้เหร่ขนาดต้องไปหลบอยู่ตรงนั้นเลยเหรอ’ เขานึกหยันหล่อน ทว่าในจังหวะซึ่งก้าวเข้าไปใกล้ร่างบอบบางนั่นแหละ ความรู้สึกแรกที่คิดพลันเปลี่ยนไป
ทองภูมิยอมรับว่าสะดุดตาร่างบอบบางนั้นเหลือเกิน ท่ามกลางผู้คนที่ขวักไขว่ หล่อนมีแรงดึงดูดมหาศาล ดวงหน้างามสวยสดใส สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น !


และเมื่อตาสบตา แค่นั้นใจก็สั่นไหว นานเท่าไหร่แล้วที่ชายหนุ่มไม่เคยเผลอไผลกับความงามมากด้วยจริตเช่นนี้...“ลูกจันทร์!”



เขมปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ค. 2554, 07:11:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ค. 2554, 08:14:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1793





<< บทที่ ๓ รักซ่อนร้าย   บทที่ ๕ ผู้ชายในฝัน( ฝันร้ายสุดๆ ) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account