บ้านต้นรักษ์ (จบแล้วจ้า) รีไรท์
ก้อ...กอมารุน...ราชาแห่งท้องทะเลทราย

ปะทะกับ

นีล...นัจมุน...ราชินีแห่งท้องทุ่ง


เมื่อดวงจันทร์กับดวงดาวบนฟ้าต่างแข่งกันประจันแสง...
โดยมีต้นไม้ สายน้ำ และท้องทุ่ง เป็นตัวประกัน...

หมู่บ้านอันแสนสงบร่มเย็นอย่าง 'บ้านต้นรักษ์'
กำลังจะลุกเป็นไฟ

เมื่อสิ่งที่นักลงทุนอย่างเขาต้องการ
คือสิ่งเดียวกันกับที่หญิงสาวหวงแหนยิ่งชีพ
ทั้งๆที่เธอไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาหวงแหนในสิ่งที่ไม่ใช่
กรรมสิทธิ์ของตน!

การเชือดเฉือนจึงก่อกำเนิดในยุคแห่งวัตถุนิยม
ที่นายทุนเป็นใหญ่

ท่ามกลางสงครามอันร้อนระอุ

ระหว่าง

ราชาแห่งท้องทะเลทราย กับ ราชินีแห่งท้องทุ่ง

ที่อยู่ห่างกันราวคนละโลก ในชีวิตกันคนละแบบ
คิดอ่านกันคนละอย่าง...

เสียงเพรียกจากวันวาน จะกลับมาขับขาน
สะพานไม้หมากที่พาดข้ามฟากเชื่อมสองฝั่งคลอง
กำลังสั่นสะเทือน...เมื่อสะพานคอนกรีตจะเข้ามาแทนที่

สายสัมพันธ์ระหว่างคนกับต้นไม้กำลังจะพัดหวนคืน

...น้ำในลำธารใสสะอาดกับน้ำมันสีดำไม่อาจเข้ากันได้ฉันใด
เธอกับเขาก็ไม่อาจเข้ากันได้ฉันนั้น...

ไม่มีใครรู้ว่าระหว่าง ดวงจันทร์ดวงใหญ่แค่ดวงเดียวที่ลอยเด่น
อยู่บนฟ้ากับดวงดาวจำนวนมากมายนับล้าน
มีความเป็นมาอย่างไร...
เว้นแต่ต้นไม้ที่ผ่านกาลเวลาโดยไม่เคยหนีหายไปไหนเท่านั้น
ที่จะไขปริศนานี้...

ต้นไม้ที่ยืนผงาดอย่างอดทนผ่านร้อนหนาว
ผ่านฤดูกาลมาครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่มีใครเคยได้ยินเสียงบ่น
ต้นไม้ที่เหมือนจะไม่รับรู้สิ่งใด...

หากทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นและเป็นไปกลับกลายเป็นส่วนหนึ่ง
ความรักความประทับใจและความผูกพันธ์ถูกบันทึกไว้ใต้ต้นไม้
หยั่งรากลึกลงในดิน หยั่งลึกลงในจิตใจ...
มีค่า มีความหมาย...นานเท่านาน...


Tags: ดราม่า รัก ต้นไม้ กอมารุน นัจมุน ก้อ นีล เชือดเฉือน แนวอนุรักษ์

ตอน: ต้นที่ 4 ใช่เธอหรือเปล่า



ในวันงาน นัจมุนกับมาลาตีอยู่ในชุดเสื้อคลุมยาวสีดำที่เรียกว่า อบายะห์ (Abaya)
ที่มุสลิมทางแถบตะวันออกกลางนิยมสวมใส่กันและคลุมฮิญาบ

ซึ่งความหมายทางศาสนานั้น ‘ฮิญาบ’ คือ การปิดกั้นและการอ่อนน้อมถ่อมตน
โดยมุสลิมท้ังหญิงและชายถูกสั่งให้คลุมฮิญาบ
อันหมายถึงการปกคลุมปิดกั้นตนเองด้วยกิริยามารยาทในความอ่อนน้อมถ่อมตน
เนื่องด้วยความยำเกรงต่อพระเจ้า

แต่โดยความหมายทางกายภาพนั้น ฮิญาบหมายถึงผ้าคลุมศีรษะของมุสลิมหญิง…

ซึ่งการแต่งกายของมุสลิมตามหลักการศาสนานั้นจะมีวัตถุประสงค์สำคัญ
เพื่อการปกปิดสิ่งพึงละอายของร่างกาย โดยเฉพาะเรือนกายของสตรีเพศนั้น
จะถูกเน้นหนัก ทั้งนี้เพื่อมิให้ส่วนหนึ่งส่วนใดของเรือนกายสตรีเพศ
ดึงดูดความสนใจจากบุรุษเพศอันจะก่อให้เกิด ‘ฟิตนะห์’ หรือ
ความเสียหาย ความวุ่นวาย ความไม่ดีไม่งามต่อสังคม

ศาสนาอิสลามจึงได้วางรากฐานเรื่องการแต่งกายเอาไว้เพื่อป้องกันฟิตนะห์เป็นสำคัญ

เสื้อผ้าของมุสลิมทั้งชายและหญิงจึงต้องสะอาด เรียบร้อย ประณีต
แลดูเหมาะสมกับบุคลิก คงไว้ซึ่งความสมถะและเคร่งครัดในหลักการของศาสนา

โดยมุสลิมชายนั้นถูกห้ามสำหรับอาภรณ์ที่ทำจากผ้าไหม
และสิ่งทอที่ทำขึ้นจากทองคำแท้หรือการใช้เครื่องประดับด้วยทองคำแท้

“ทุกอย่างดูเรียบร้อย…เห็นมั้ยว่าไม่ได้มีอะไรน่าประหม่าสักนิด…”

นัจมุนเอ่ยกับเพื่อนสาวที่ดูจะกระวนกระวาย…ขนาดอาหารมื้อเที่ยงยังกินไม่ลง

“ก็ฉันตื่นเต้นนี่นีล…”

“สามีแกไม่เห็นจะเป็น…” ว่าพลางหันไปทางสามีของเพื่อนที่คอยดูแลความเรียบร้อย
ภายในห้องโถงที่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง
ที่จะมาถึงในช่วงเวลาเย็นของวันนี้…

“เขามันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้นี่…”

“งั้นก็โชคดีของแกแล้วที่ได้สามีแบบนี้…” นัจมุนกุมมือเพื่อน สำรวจเครื่องแต่งกาย
ของเพื่อนว่าเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง

“สำรวจฉัน แล้วดูตัวเองสิ ผ้าคลุมจะหลุดอยู่แล้ว…” มาลาตีเอ่ยยิ้มๆ
พร้อมกับเอื้อมมือไปจัดการกับผ้าคลุมของนัจมุน

“ฉันต้องปิดหน้าด้วยนิกอบรึเนี่ย…แค่ตอรฺฮะฮฺก็น่าจะพอแล้วนะแก…”

‘ตอรฺฮะฮฺ’ (Tarha) คือการใช้ผ้าคลุมศีรษะโดยเปิดเผยใบหน้า
อย่างที่นัจมุนสวมใส่ในชีวิตประจำวัน

ส่วน ‘นิกอบ’ (Niqab) คือการใช้ผ้าคลุมศีรษะรวมทั้งปิดบังใบหน้า
แต่เปิดเผยเฉพาะดวงตา

“ตอนแรกแม่ฉันอยากให้เราใส่บุรฺเกาะด้วยซ้ำ…” นัจมุนถึงกับสะดุ้ง

“บุรฺเกาะเลยหรือ” 'บุรฺเกาะ' (Burqa) คือการคลุมทั่วทุกส่วน
รวมทั้งการปิดคลุมใบหน้าทั้งหมดด้วย

เนื่องจากการคลุมฮิญาบของมุสลิมหญิงมีเกณฑ์ตาม ‘เอาเราะห์’
หรือ 'สิ่งพึงปกปิด' โดยพิจารณาจากหลายหลักเกณฑ์ เช่น เอาเราะห์ระหว่าง
ชายหญิงทั่วไป เอาเราะห์ระหว่างบุคคลในครอบครัวหรือในหมู่ญาติพี่น้อง
หญิงและชาย หรือเอาเราะห์ระหว่างสามีภรรยา เอาเราะห์ของเด็ก

ซึ่งทุกอย่างมีหลักเกณฑ์วางไว้ในรายละเอียดที่แตกต่างกันไป

โดยเอาเราะห์ระหว่างชายหญิงตามปกติทั่วไปนั้นคือ สตรีมุสลิม
ต้องปกปิดเรือนกายทั้งหมดยกเว้นเพียงใบหน้าและฝ่ามือด้วยความเรียบร้อยเหมาะสม
คลุมศีรษะเพื่อปกปิดเส้นผมทุกเส้นจนถึงหน้าอก ไม่เปิดเผยลำคอ
หรือเผยให้เห็นทรวดทรง ส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนกาย…

ซึ่งในวันนี้…สองสาวเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องพบปะกับบุรุษต่างเพศซึ่งเป็นคนทั่วไป
หาได้เป็นสามีหรือบุคคลในครอบครัว การแต่งกายจึงต้องรัดกุมและเข้มงวด
มากขึ้นตามลำดับ

และในส่วนเอาเราะห์ของผู้ชายโดยทั่วไปนั้นคือ การปกปิดตั้งแต่
บริเวณสะดือถึงหัวเข่่า

“อย่างนี้สิดี…จะได้ไม่มีหนุ่มๆมาเหล่แก…เพราะฉันจะยุให้แก
แต่งงานกับพี่บากี้ของฉันต่อ…เพราะพี่บากี้ของฉันเพิ่งถอนหมั้นกับแม่คู่หมั้นไปหมาดๆ…
ชีแอบมีกิ๊ก…ไม่อยากนินทาหรอก แต่ขอนิดนึง…คือฉันไม่ค่อยถูกชะตากับชี
แบบเรื่อยๆมาเรียงๆน่ะนะ…บอกตามตรง…เลิกกันซะได้ก็ดี…ฉันจะได้ยุแกต่อ…”

นัจมุนส่ายหน้าให้กับความเจ้ากี้เจ้าการของเพื่อนสนิทที่อยากได้เธอ
ไปเป็นพี่สะใภ้เสียเหลือเกิน…

พี่ชายของเพื่อนรักไม่ได้มีอะไรบกพร่องแต่อย่างใด ซ้ำยังเป็นคนดี
และเคร่งครัดในหลักการศาสนา รูปร่างหน้าตาก็ดูดีทุกอย่าง
ฐานะและชาติตระกูลก็ไร้ที่ติ หากเพียงแค่เธอจะรู้สึกอะไรๆด้วยสักนิด…
เธอก็คงตกลงปลงใจแต่งงานไปกับพี่ชายของเพื่อนไปนานแล้ว…
เพราะต่างก็รู้จักกันมาพอๆกับที่เธอเองได้รู้จักกับเพื่อน…

ครอบครัวใหม่ของเธอกับเพื่อนนั้นต่างคบหารู้จักกันมาด้วยดีตลอด
ซ้ำยังมีหุ้นส่วนในโรงแรมของตระกูลเพื่อนสนิทอยู่ไม่น้อย...

“พี่แกน่าจะหาได้ดีกว่าฉัน…แกไม่ควรตัดโอกาสงามๆของพี่แก…”

นัจมุนปฏิเสธตามแบบฉบับของนักหลบเลี่ยงจนเพื่อนสาวเริ่มระอากับการ
หวงแหนคานทองของเพื่อน…ไม่รู้จะหวงไปให้ใคร…

“หน้างามๆอย่างแกเหมาะกับหน้าหล่อๆของพี่ฉันสุดๆ ฟันเฟิร์ม!”

มาลาตีผู้ไม่ยอมแพ้ยิ้มส่งให้เพื่อน ก่อนจะรีบจัดการเอาผ้ามาปิดส่วนของใบหน้า
จนเหลือเพียงดวงตาเมื่อได้รับสัญญาณว่าแขกอาหรับจากทะเลทรายอันไกลโพ้น
ใกล้จะเดินทางมาถึงแล้ว และไม่ลืมจัดแจงให้เพื่อนไปด้วย

“เหลือแค่ลูกกะตาแบบนี้…ทำให้แกหมดแรงดึงดูดไปเลย…”

“แกกำลังบอกว่าตาฉันไม่สวยเลยใช่ม้ัย…” นัจมุนแหวใส่เพื่อน

“น่า…อย่างน้อยปากกับคางของแกก็มีเสน่ห์ชวนหลงใหลไม่เบา…”

“ปากหรือ?”

“ฉันหมายถึงริมฝีปาก…ไม่ได้หมายถึงฝีปากของแก…เหอๆ”

ไม่อยากบอกเลยว่าฝีปากนัจมุนนั้นทรงพลังยิ่ง ถ้าไม่พูดคำใดออกมา
จะมีเสน่ห์มากกว่านี้หลายเท่่านัก…

และเหมือนแม่เพื่อนตัวดีจะรู้จุดดับเสน่ห์ของตัวเอง ก็เลยฟาดฝีปากใส่ผู้ชาย
ที่เข้ามาจีบ เข้ามาทำจีกออย่างไม่ละเว้นสักราย

คงได้ดับอนาถคาคานทองฝังเพชรแน่ๆ ถ้าไม่มีเพื่อนผู้แสนดีอย่างเธอ
คอยช่วยฉุดกระชาก นี่ขนาดว่าทั้งลากทั้งฉุดแล้วก็ไม่นำพา…

“อย่างกับว่าฝีปากแกมีเสน่ห์มากกว่าฉันนักนี่…” คนเป็นเพื่อนยิ้ม
นัยน์ตาเป็นประกาย

“แต่ฉันก็หาที่ลงได้แล้วนะแก…โน่นไงที่ลงของฉัน…”

พูดพลางบุ้ยใบพร้อมหันหน้าไปทางคุณสามีแสนดีและเพอร์เฟคของแม่คุณ
นัจมุนเลยอดหมั่นไส้ไม่ได้…

“ย่ะ!ขอไว้อาลัยแด่ชายผู้น่าสงสารคนนั้น...”

“แหมๆๆ...อิจฉาก็หาทางลงให้ได้สิยะ…วันนี้มีเชคหลายท่าน
แกก็ลองส่งสายตาดู แต่เสน่ห์ของแกมันไม่ได้อยู่ที่ดวงตานี่สิ…
ฉันว่าแกอย่าพยายามเลยจะดีกว่า…เดี๋ยวจะเจอสายตาพิฆาตฟาดกลับมาซะเปล่าๆ…”

และเหมือนเพื่อนจะรู้อนาคตเสียนี่กระไร…

เพราะทันทีที่เหล่าบรรดาเชคทั้งหลายพร้อมด้วยคณะผู้ติดตามมาถึง…
คนแรกที่ก้าวเข้ามาคือชายกลางวัย ตามด้วยเหล่าขุนพลอีกหลายท่าน…
แต่ไม่เห็นว่าจะมีใครที่จะเข้าเค้า สูง ขาว ตาสีเทาอมฟ้าอย่างเพื่อนว่าสักคน

จริงๆก็ไม่ได้พยายามจะกวาดตาสำรวจใบหน้าบุรุษเพศแต่อย่างใด
หากเพื่อให้รู้จักหน้าตาไว้ นัจมุนจึงต้องคอยลอบชำเลืองมอง
ไม่ให้ดูประเจิดประเจ้อและน่าเกลียดนัก

เป็นสตรีที่ดีต้องสำรวมทั้งกาย วาจา ใจ

แม้แม่จะไม่ได้อยู่สอนสั่งเธอแล้ว หากชีวิตเธอก็ยังมีมารดาของเพื่อน
คอยแนะนำแนวทางในการดำเนินชีวิตไปพร้อมๆกับเพื่อนสาวตลอดมา…


หลังจากที่ลอบจดจำใบหน้าผู้คนที่มาในวันนี้ นัจมุนก็ต้องสะดุ้ง
หัวใจกระตุกเอากับบุคคลสุดท้ายของขบวน…

ชายหนุ่มผู้นั้นอยู่ในชุดอาหรับหรือชุดมุสลิมชาย ซึ่งเป็นชุดโต๊ป (Thobe)
ยาวคลุมข้อเท้า เสื้อแขนยาวสีขาว ปกคอตั้ง ปลายแขนแบบปล่อย
โดยสวมเสื้อคลุมมิชลาฮฺ (Mishlah) เนื้อบางสีดำเดินขอบด้วยแถบสีทอง
ทับชุดสีขาวด้านในเอาไว้ สวมหมวกทรงกลมใบเล็กทับด้วย
ผ้าคลุมศีรษะ (Ghutra) สีขาวล้วนมีเชือกถัก (Ogal) สีดำครอบ
กันผ้าคลุมศีรษะไม่ให้เลื่อนหลุด

ภายใต้อาภรณ์และดวงหน้าที่ดูเคร่งขรึม นิ่งสงบ ท่วงท่าก้าวเดินอย่างมั่นคง
และหนักแน่น หากแลดูอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ในทีนั้น
ส่งให้บุคคลสุดท้ายในคณะดูสง่างามและดูดีกว่าใครทั้งหมดที่มาในงานนี้

และเพียงเขาเดินใกล้เข้ามา ราวกับมีคลื่่นพลังงานบางอย่างเข้ามากระทบ
การทำงานของหัวใจนัจมุน ทำให้เลือดลมสูบฉีดจนหัวใจเต้นแรง
และยิ่งกระหน่ำจนมันแทบหลุดออกมาเต้นนอกอกเม่ือเขาผู้นั้นเดินผ่านหน้าเธอไป…
ทำให้มองเห็นใบหน้าเขาในระยะใกล้ได้ชัดเจน…

นัจมุนรู้สึกวูบๆคล้ายจะเป็นลมเสียให้ได้

หากเมื่อเขาผ่านหน้าเธอไปได้แค่ไม่กี่ก้าว เขากลับหันมาตวัดสายตา
ที่มีสีประหลาดๆและคมกล้าใส่เธอ…

คนที่ไม่รู้ตัวว่าได้เสียมารยาทจ้องมองบุรุษผู้นั้นจนเกินงามรู้สึกกระดากอายขึ้นมา
เมื่อพบกับสายตาของเขาที่แฝงแววตำหนิเอาไว้อย่างชัดเจน
จนไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่นไปได้…

แม้จะแค่เสี้ยววินาทีที่เขาหันมาสบตาเพื่อต่อว่าและกล่าวหาเธอด้วยสายตาคู่นั้น…
หากมันส่งผลให้หัวใจที่เคยแน่นหนักต่อความหวั่นไหว คงมั่นจนไม่มีชายใด
สามารถสั่นคลอนได้ถึงกับสั่นไหวระคนรุมร้อนคละเคล้าซับซ้อนซ่อนปลาย
หาเหตุผลแห่งที่มาที่ไปไม่ได้…

หญิงสาวจึงรีบก้มหน้าหลุบตาต่ำทันทีด้วยความอายชนิดที่ไม่เคยมีใคร
ทำให้เธอได้อายมากขนาดนี้มาก่อน…

ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเมื่อเขาก้าวเดินต่อไปยังตำแหน่งที่ถูกเตรียมไว้สำหรับเขา

“แกเป็นไรรึเปล่านีล…” เสียงของเพื่อนปลุกให้นัจมุนตื่นจากบางอย่าง
ที่ทำให้เธอหลุดลอยไป

“เอ่อ…เปล่านี่…”

“แกเล่นจ้องเขาขนาดนั้นเนี่ยนะที่บอกว่าเปล่า…ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยพอใจแกนะ…
จนขนาดหันมาทำตาดุใส่…โหย ผู้ชายอะไรหล่อลากไส้ แต่ตาดุชะมัด…”

เสียงนั้นกระซิบข้างๆหูนัจมุน หญิงสาวที่เหมือนยังงงๆและมึนไม่หาย
ถึงกับกะพริบตาปริบๆ เรียกสติของตน

ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเธอถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตากับผู้ชายคนนั้นนัก…
อีกทั้งยังรู้สึกแปลกๆในหัวใจ…

“เราเข้าไปต้อนรับบรรดาสตรีกันเถอะ…ได้เวลาของเราแล้ว…”

มาลาตีไม่มีเวลามาเทศนาเพื่อนรักที่อยู่ๆก็ดันมาทอดสายตา
พร้อมสะพานไปให้แขกบ้านแขกเมืองขึ้นมามากนัก…คงต้องปล่อยไปก่อน
แล้วค่อยชำระความในภายหลัง…



ภายในห้องโถงดังกล่าวถูกจัดแบ่งเป็นสองโซน นั่นคือ แบ่งแยกชายหญิงออกจากกัน
ไม่ให้มีการปะปน

สองสาวได้ทำหน้าท่ีต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองอย่างแข็งขันและด้วยความจริงใจ…
นัจมุนมีพื้นภาษาอาหรับเพราะได้มีโอกาสไปศึกษาปริญญาตรีใบแรกที่ประเทศอียิปต์
ส่วนใบที่สองคือที่ประเทศตุรกี…ทำให้หญิงสาวพูดภาษาอาหรับได้คล่องแคล้ว
รวมทั้งยังสามารถสื่อสารด้วยภาษาตุรกีได้ด้วย

“ฉันคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกแก…เพราะมีชาวตุรกีติดตามมาด้วย…”

คนที่พูดได้เฉพาะภาษาอังกฤษกับอาหรับเอ่ยปากชมเพื่อนสนิททันที
เมื่อมายืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำหญิง

“ก็แค่งูๆปลาๆแหล่ะ…สำเนียงฉันไม่ได้เรื่องเลย…ฉันรู้ตัว”

เรื่องภาษานั้นพอจะสื่อสารกันได้ แต่ไอ้เรื่องสำเนียงนั้นนัจมุนยอมรับ
ว่าตัวเองปรับลิ้นของตัวเองได้ไม่เก่ง เลยทำให้พูดภาษาอื่นให้ชัดเจน
เหมือนเจ้าของภาษาได้ลำบาก

“แค่นี้ก็สุดจะบรรยายแล้ว…เอาไว้ฉันจะไปโฆษณาแกกับพี่บากี้
เพ่ือที่แกจะได้คะแนนภาษาเพิ่ม…แต่คะแนนมารยาทกุลสตรีก่อนหน้านี้แกสอบตก…
เพราะดวงตาของแกมันไม่สำรวมเลยจริงๆ…จ้องมองแบบนั้น ผู้ชายเขาจะคิดว่า
แกทอดสะพานให้เขาได้นะยะ…” ไม่วายจิกกัดเพื่อน

“ฉันไม่ได้มองเขาสักหน่อย…” นัจมุนปฏิเสธเสียงอ่อย

เธอไม่ได้จะพิศวาสอะไรเขาเลย…แล้วจะไปทอดสะพานให้เขาได้ยังไง…

“ใช่…แกไม่ได้มอง แต่แกจ้องเขา ทอดสายตาให้เขา แล้วยังเหลียวมองเขา
ชนิดที่ไม่ยอมให้คลาดสายตา…จะหลุบตาต่ำไม่มี๊ไม่มีเลยสักนิดเพื่อนฉัน…
นี่ถ้าแม่ฉันรู้...รับรองแกต้องโดนควักลูกกะตาแน่ๆ”

นัจมุนถึงกับสยอง มารดาของเพื่อนนั้นเคร่งจัด ถ้าเฉียดใกล้คราวใด
เธอจะต้องโดนดีไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง…อย่างน้อยก็เรื่องปากที่ท่านมักทักว่า
ปากเธอไม่ค่อยจะสำรวม…

และไม่ใช่แค่เธอหรอกที่โดน แม่เพื่อนตัวดีก็โดนเทศนาเรื่องปากไม่สำรวม
มาเหมือนๆกันนั่นแหล่ะ ดูจะหนักกว่าเธอซะอีก…

แล้วนี่มาเรื่องตา…ไม่อยากจะคิดหรอกว่า จะโดนเทศนาไปกี่ยก…
เอาเป็นว่าจะพยายามไม่ไปเฉียดใกล้ท่านให้งานเข้า…

โชคดีเหลือเกินที่วันนี้ท่านไม่ได้มาร่วมงานด้วย…เฮ้อ…

“เชคกอมารุนหล่อ ออร่าฟรุ้งฟริ้งและน่าจ้องมองขนาดไหนน่ะ
ฉันพอจะเข้าใจอยู่หรอก…แต่มันผิดธรรมชาติของแกนะนีล แกเพี้ยนไปรึเปล่า
ทำไมอยู่ๆถึงได้นึกสนใจผู้ชายขึ้นมา…นี่น่ะเข้าข่ายเป็นชู้ทางตาเลยนะแก…”

นัจมุนที่ยืนจัดผ้าคลุมให้เข้ารูปเข้ารอยถึงกับชะงักมือเพียงนิด
ก่อนจะรีบอธิบายกับเพื่อนว่า

“ฉันไม่ได้มีเจตนาจะจ้องเขาอย่างแกว่านะ…ไม่ได้มองเพราะจิตพิศวาส
ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม…แค่รู้สึกคุ้นๆหน้าเขา…ว่าแต่…”

หญิงสาวเหมือนจะฉุกใจขึ้นมาเมื่อนึกถึงประโยคก่อนหน้านี้ของเพื่อน

“เมื่อกี้แกบอกว่า…เขาคือเชคกอมารุนหรือมาลาตี…”

“ก็ใช่น่ะสิ…ที่รักของฉันกระซิบบอกมาว่าคนที่เดินเข้ามาเป็นคนสุดท้าย
คนนั้นนั่นแหล่ะ เชคกอมารุน บินอัสมา อัลฟารุก ทายาทลำดับที่สี่
แห่งราชวงศ์อัลฟารุก…คนที่ได้รับสัมปทาน…”

“พอ…” นัจมุนยกฝ่ามือแปะไปที่ปากของเพื่อน เมื่อรู้ว่าเพื่อนกำลังจะสาธยาย
ประวัติอันยาวเหยียดที่เคยบอกเธอเป็นรอบที่ร้อยออกมาอีกแล้ว

“ฉันฟังแกเล่าประวัติเขาจนจำได้ขึ้นใจแล้ว…”

“ไม่อยากฟังอีกสักรอบหรือนีล…ขอฉายอีกสักรอบเถอะ…”

“อย่าๆ…ขอร้องเลย…”

นัจมุนรู้สึกหัวใจกระตุกเมื่อรู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือ เชคกอมารุน…

เพราะแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน อะไรจะลบเลือนไปตามกาลเวลา
หากสิ่งเดียวที่เธอรู้ว่าไม่เคยเปลี่ยน...นั่นคือใจเธอ…

ใจเธอจำพี่ก้อได้ดี…พี่ก้อยังชัดเจนเสมอในความทรงจำของเธอ…

เธอไม่อยากจะคิดหรอกว่า เชคกอมารุนกับพี่ก้อของเธอจะเป็นคนๆเดียวกันได้…
แต่มันก็อาจเป็นไปได้พอๆกัน…เพราะคนที่มาพรากพี่ก้อไปจากชีวิตเธอ
คือคนที่แต่งกายแบบเขาเมื่อครู่…

“ฉันสงสัย…ว่า…เชคกอมารุนของแก อาจเป็นพี่ก้อของฉัน…”

นัจมุนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจนัก แววตานั้นดูสับสนระคนหวาดหวั่น
ทำเอาคนที่หันไปซับหน้ามันของตัวเองอยู่หันมามองเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ
อย่างไม่คิดจะเชื่อ

“แกกำลังเมาน้ำลายรึเปล่านีล…” นัจมุนหันไปค้อนให้เพื่อนที่หาว่าเธอเมาน้ำลาย

“หน้าตาเขาคล้ายพี่ก้อ…แม้จะไม่เหมือนทั้งหมด แต่องค์ประกอบโดยรวม
ฉันว่ามันคล้ายมาก โดยเฉพาะดวงตาของเขา…”

“โธ่…นีล…นี่แกเพ้อหาพี่ก้อของแกขนาดคิดไปว่าเชคกอมารุนผู้ยิ่งใหญ่
คือพี่ก้อของแกไปแล้วหรือนี่…” ไม่วายหันมามองหน้าเพื่อน
ยกหลังมืออังหน้าผากนั่นก่อนจะส่ายหน้า

“มันจะเป็นไปได้ยังไง…อย่าลืมสิว่า…แกกับพี่ก้อของแกน่ะไม่ได้
เจอหน้ากันเลยเป็นเวลายี่สิบกว่าปีเชียวนะ…แกอาจจำผิดคนก็ได้…”

นัจมุนลอบถอนใจก่อนจะพยักหน้าหงึกๆเหมือนจะยอมรับ

เพราะมันดูจะเป็นไปได้ยากที่พี่ก้อของเธอจะเป็นท่านเชคผู้นี้ได้
ก็อาจจะแค่คนที่มีหน้าตาคล้ายกัน…คนเราหน้าตาคล้ายๆกันออกเยอะแยะไป…

“คงงั้นแหล่ะ…ก็อาจจะแค่คล้ายๆกันแต่คงไม่ใช่อย่างแกว่า…”

“งั้นเราออกไปดูแลเทคแคร์แขกต่อเถอะ…ได้เวลาละหมาดแล้วด้วย
ซึ่ง…ราตรีนี้ยังอีกยาวไกลนัก” สองสาวจึงเดินออกจากห้องน้ำไปทันที


นัจมุนแอบหลบผู้คนเมื่อได้จังหวะหลังจากละหมาดรวมเสร็จ
หญิงสาวเดินลัดเลาะมายังพื้นที่ในส่วนของสวนขนาดกว้างขวางของโรงแรมแห่งนี้
ที่ไร้แขกเหรื่อมานั่งกินลมชมบรรยากาศดั่งปกติ

เนื่องจาก…ทางเจ้าของปิดโรงแรมเพื่อต้อนรับแขกและคู่ขาทางธุรกิจคนสำคัญ…

ทำให้เสียงน้ำตก เสียงนกร้อง เสียงลมพัดเข้ามากระทบกับหญิงสาว
นัจมุนยกมือเอาส่วนของผ้าปิดหน้าออกแล้วสูดลมเข้าปอด

แม้จะรู้ว่าอากาศกลางกรุงนั้นมีมลพิษปนเปื้อนแต่ร่างกายคนเราก็ยังต้องการ
สูดเอาอากาศเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกายอยู่ดี

ร่างในชุดอบายะห์สีดำเดินไปยังน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ที่มีแผ่นหินวางอยู่รอบๆน้ำตก
เพื่อให้แขกเหรื่อผู้เข้าพักสามารถนั่งเอาเท้าเล่นน้ำที่ไหลมาจากน้ำตก
ลงสู่แอ่งน้ำน้อยใหญ่ยังด้านล่าง…

ทุกอย่างเหมือนน้ำตกธรรมชาติ มีต้นไม้น้อยใหญ่ถูกจัดวางอยู่โดยรอบ
เป็นต้นไม้ในกระถางที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีเสียส่วนใหญ่

ทำให้ท่ีตรงนี้กลายเป็นมุมพักผ่อนของแขกที่เข้าพัก

นัจมุนเดินไปยังต้นไผ่ ยกมือสัมผัสมันเบาๆ

“ยังนอบน้อมเหมือนเดิมนะลุงไผ่…” ลุงไผ่ตรงหน้าไม่ตอบคำใด
นอกจากจะยืนนิ่งงันรับละอองน้ำจากน้ำตก นัจมุนยิ้มให้ก่อนจะผละไปทักทาย
ต้นไม้ที่เธอรักอีกต้น

“ว่าไงจ๊ะน้องว่านเสน่ห์จันทร์ขาวของพี่นีล…กินดีมีความสุขใช่มั้ย
แหม…ดูสวยวันสวยคืนแบบนี้ แสดงว่ากำลังมีความรักอยู่ล่ะสิ…”

ว่าพลางนั่งลงสัมผัสเจ้าน้องว่านดังกล่าวด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข

ที่ใดมีต้นไม้...ที่นั่นคือที่ที่ทำให้เธอสดชื่นได้เสมอ…

“พวกๆลุงสนแกไม่ได้รังแกน้องว่านของพี่ใช่มั้ย…”

พวกๆลุงสนที่ว่าคือ 'ต้นสนดำญี่ปุ่น' (Kuromatsu) เป็นประเภทสนห้าใบ
ซึ่งปกติจะมีความสูงถึง 30 เมตร และเพราะมันทนทานต่อมลพิษ
และความเค็มของดินเลยเป็นพืชชนิดแรกๆที่ถูกนำมาทำเป็นบอนไซ

จึงนิยมนำไปปลูกประดับภายในสวน ตัวลำต้นจะทอดเลื้อย กิ่งแขนงแลดูอ่อนช้อย

“แย่หน่อยนะลุงสนดำ…”

พูดชื่อที่ออกดำๆข้างหลังทีไรแล้วให้นึกถึงคนๆนั้นทุกทีสิน่า…

“หวังว่าลุงสนดำจะแข็งแรงพอที่จะเอาชนะเจ้าหนอนไม้สนและเจ้าเห็ดราสีฟ้า
ที่คอยเบียดเบียนและแย่งอาหารลุงสนดำอยู่บ่อยๆน้า…

เอาไว้นีลจะบอกให้ลุงคนดูแลสวนเขาคอยสอดส่องลุงสนดำเป็นพิเศษ…
ไม่อยากให้ลุงสูญพันธุ์ ยิ่งมีน้อยๆอยู่ด้วย…”

ว่าพลางเดินไปหาลุงสนดำที่ว่าแล้วจับใบของมันเล่น…

“ต่อไปนีลคงไม่ค่อยได้มาทักทายพวกลุงป้าน้าอาที่นี่สักเท่าไหร่แล้ว…
นีลจะกลับบ้านนอกของนีล ที่นั่นมีต้นไม้ราคาไม่แพงแต่ถ้าลุงๆป้าๆ
และสาวน้อยสาวใหญ่ที่นี่ได้เห็นล่ะก็…เป็นต้องอิจฉาแน่ๆ…”

หญิงสาวย้ิมปรายให้ลุงสนดำของเธอ

"เพราะพวกเขามีอากาศบริสุทธิ์ให้สูดดม ไม่ต้องมานั่งทนกับมลพิษอยู่อย่างนี้"

ก่อนจะหันไปทางลุงสนมังกรที่ถูกทำเป็นบอนไซไม่แคล้วกัน…

นี่ถ้าได้ไปยืนต้นแถวๆบ้านต้นรักษ์ ลุงสนมังกรของเธอคงทอดตัวยาว
ได้ถึง 20 เมตรเลยทีเดียว

“ช่างน่าเห็นใจแท้ โดนทำให้ต่ำเตี้ยหมดเลย…แต่ก็ดูน่ารักนะคะ
ลุงสนมังกรอย่าเพิ่งงอนนีลซะล่ะ…ดูอย่างพี่สนมังกรจีนสิ…ร่างบางอรชรอ้อนแอ้นเชียว…

นีลน่ะไม่รังเกียจต้นไม้แคระหรอกจ่ะ เพราะนีลก็ตัวไม่สูง แม่บอกว่า
เพราะนีลไม่ชอบดื่มนม...จริงๆถึงดื่มนมก็คงไม่โตอยู่ดีแหล่ะ...เรามันพันธุ์
เดียวกันเนอะลุงสนมังกรเนอะ...”

นัจมุนหันไปทาง 'ต้นสนมังกรจีน' ที่ทรงต้นแคบ มีกิ่งย่อยน้อยและใบสีเขียวเข้มมาก
เป็นกระจุกแน่นสั้น แถมยังมีกลิ่น จนต้องเดินไปดมกลิ่นมันให้ชื่นใจ…

ก่อนจะหันไปมองบรรดาพี่สนเลื้อยที่เลื้อยอยู่บนโขดหินตรงน้ำตก

รวมทั้งป้าสนเลื้อยด่างเหลืองและป้าสนเลื้อยด่างขาวที่สวยสดงดงามน่าพิสมัย

และที่จะลืมไม่ได้เลยคือ สาวน้อยแสนสวยแบบบางผู้มียอดอ่อนงอนขึ้น
ใบสีเขียวปนน้ำเงินอย่าง 'น้องสนบลูฟิทเชอร์'

ในสวนขนาดใหญ่แห่งนี้ นอกจากสนจากหลายสกุล จากหลายถิ่นมารวมกันแล้ว
ยังมีพันธุ์ไม้อีกมากมาย ทั้งไม้ดอกไม้ประดับ

ระหว่างพักอยู่ท่ีนี่เพื่อดูแลรับรองแขกเหรื่อ เธอคงต้องมาสั่งลาลุงป้าน้าอาเหล่านี้
ซึ่งกว่าจะครบถ้วนกระบวนความคงใช้เวลาหลายวัน…

แต่เพราะความผูกพันที่คอยเฝ้าแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนต้นไม้เหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง
ยามอ่อนล้ากับชีวิตหรือยามที่ชีวิตอับจนหนทาง ก็ได้สถานที่แห่งนี้แหล่ะ
ที่คอยบำบัดจิตใจให้เธอ ทำให้เธอทุเลาความคิดถึง 'บ้านต้นรักษ์'
กับคนที่ได้จากเธอไป...และคนที่เธอได้จากมา...


“เอาน่า…พี่สนไรน์โกลด์สุดหล่ออย่าได้ตัดพ้อนีลนะ…ที่นีลคงจะมาคอยช่วยดูแล
ตัดแต่งกิ่งให้ไม่ได้บ่อยๆเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว…”

ว่าพลางหันไปนั่งลงข้างๆหินที่มีต้นสนพันธุ์ดังกล่าวถูกปลูกไว้ในกระถางอย่างดี
มันโดนทำบอนไซเช่นกัน…เลยเตี้ยกว่าพันธุกรรมที่ปกติจะสูงถึง 3 เมตร

ใบมันสวยงามเพราะเป็นรูปเข็มเวียนสลับรอบกิ่ง ภายในพุ่มใบสีเขียวอ่อน
ส่วนปลายกิ่งด้านนอกพุ่มใบสีเหลืองทอง

“พี่สนไรน์โกลด์สุดหล่อของนีลมีทองอยู่กับตัว อย่าได้เสียทองให้ใครง่ายๆนะ…
เอาไว้นีลจะนำไปเลี้ยงบนคานทองของนีล…แต่ลุงดิดจะยอมให้เอาพี่สุดหล่อ
ไปได้รึเปล่านี่สิ…”

“ใครจะยอม…” เสียงนั้นดังขัดขึ้น นัจมุนจำเสียงนั้นได้ดี เลยหันไปมอง
ก่อนจะตาโตเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงจูงมือใครมาด้วย

“หมอก…มาได้ไงเนี่ย” หญิงสาวร้องทักเด็กชายในวัยสิบขวบก่อนจะโผเข้าไปหา
ร่างเล็กเลยโผเข้ากอดพี่สาวทันทีด้วยความคิดถึง

“พี่นีลยังพูดกับต้นไม้เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน…”

คนเป็นน้องต่างมารดายิ้มให้พี่สาวของตนที่ไม่ได้เจอกันหลายเดือน
เพราะว่าพี่สาวคนดีโหมงานหนัก ไม่ยอมกลับไปหาที่บ้าน

จริงๆนัจมุนมีเหตุผลอื่นที่ลึกลงไปมากกว่านั้น

“ก็มันฟังพี่รู้เรื่องนะ…”

“รู้ได้ไงว่าฟังรู้เรื่อง…”

“พี่รู้ของพี่ก็แล้วกัน…” คนเป็นพี่ดึงปลายจมูกน้องชายอย่างมันเขี้ยว

“วันนี้แต่งตัวหล่อนะเนี่ย…” คนเป็นพี่สำรวจน้องชายที่แต่งกายในแบบฉบับ
หนุ่มอาหรับมาเต็มคราบ ชุดสีครีมขับใบหน้าขาวๆให้แลดูกระจ่างตา
ผ้าคลุมศีรษะสีขาวเหมือนของท่านเชคกอมารุนเด๊ะๆ

“ก็ต้องหล่อสิ…วันนี้มีสาวๆมากันเพียบ…”

“แล้วมากับใคร…” อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองคนที่จูงเจ้าตัวยุ่งมา

“มากับพ่อกับแม่สิพี่นีล…ไม่เหมือนพี่นีล ชอบทิ้งพวกเราอยู่เรื่อย…”

“ใครว่าพี่ทิ้ง…พี่มีภารกิจลับต้องทำ…”

“เกี่ยวกับพวกต้นไม้อีกล่ะสิ…” คนเป็นน้องเหมือนจะรู้ทัน

“อ่ะแน่นอน…แล้วนี่พ่อกับแม่ของเราไปไหนซะล่ะ…ถึงได้มากับคนหน้าแปลกได้…”

‘คนหน้าแปลก’ ยิ้มบางเมื่อโดนฝีปากนัจมุนฟาดเข้าให้อีกแล้ว…

“พ่อกับแม่อยู่ในงาน...แต่หมอกว่าพี่บากี้ออกจะหล่อ…ไม่เห็นจะหน้าแปลกตรงไหน…”
คนเป็นน้องแก้ต่างให้ชายหนุ่มรูปงามนามเพราะที่แสนจะใจดีกับเขา

“พี่ก็ไม่ได้ว่าไม่หล่อนี่นา…ไม่มากับคนแปลกหน้าน่ะดีแล้ว…รู้มั้ย”

พูดยิ้มๆก่อนจะลุกขึ้นยืนประจันความสูงกับอีกคนที่สูงกว่าเธอเกือบศอก

“แล้วมากับคนหน้าแปลกนี่ดีแล้วหรือ…” คนเป็นน้องที่เมื่อครู่ยังเข้าข้าง
คนพามากลับย้ายฝั่งทันทีเมื่อพี่สาวจูงมือตนไปยังแผ่นหิน

“พอกันเลยสองพี่น้องคู่นี้…” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

“ว่าแต่รู้ได้ไงว่าพี่มาหลบมาอยู่ที่นี่…” คนเป็นพี่ถามน้องชาย

“โธ่…อย่างกับพี่นีลมีที่ให้หลบเยอะนักนี่…ใช่มั้ยครับพี่บากี้…”

“ถูกต้อง…” เสียงนั้นย้ำหนักอย่างคนรู้ใจอีกฝ่ายไม่ต่างกัน

“พี่บากี้บอกว่า พี่นีลน่าจะมาหลบอยู่ที่นี่…เลยขอให้หมอกตามมา
เป็นมะห์รอมให้หน่อย…พี่เขาจะจีบพี่นีล…แต่เกรงว่าจะไม่เหมาะสม
เลยต้องมีกระผมตามมานั่งขัดคอด้วย…”

เด็กชายได้ทีขายชายหนุ่มที่บัดนี้ยืนหน้าแดงไปถึงหูทีเดียว

เพราะ 'มะห์รอม' คือ ผู้ชายที่ฝ่ายหญิงไม่สามารถแต่งงานด้วยได้
เช่น ปู ตา บิดา พี่ชาย น้องชาย น้าชาย ลุง

ซึ่งเวลาชายหญิงพบปะกันควรมีมะห์รอมอยู่ด้วย

“อยากจีบก็จีบได้เลยนะครับ…ผมอนุญาต…”

เด็กชายตัวน้อยบอกชายหนุ่มด้วยแววตายิ้มได้ ทำเอาพี่สาวถึงกับหยิกข้างแก้มไปสองที

“โอ้ย!”

“สมควร…ปากไม่มีหูรูด…คอยดูพี่จะหาซิปมาเย็บปากสักวัน…”

“สำหรับพี่นีลหนึ่งชุดด้วยนะ…”

“เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อย…” คนเป็นพี่ข่มขู่เจ้าน้องชายที่มีอายุห่างกันกับเธอถึงยี่สิบปี
นับว่าเป็นลูกหลงก็ว่าได้

“พี่บากี้อย่าไปถือสาปากเด็กจรจัดเลยนะคะ…”

“พี่ไม่อยากถือสาปากสองพี่น้องจอมแสบหรอกครับ…”

เจ้าของคำพูดยิ้มบางก่อนจะนั่งลงตรงแผ่นหินใกล้ๆกับที่นัจมุนกับน้องชายนั่ง
หญิงสาวถอดรองเท้าและถุงเท้าออกแล้วยกชายกระโปรงชุดขึ้นเพื่อไกวเท้าในน้ำ

…ทำอย่างนี้ทีไรแล้วให้นึกถึงต้นจิกทุกที...

ไวเท่าความคิด นัจมุนเอ่ยปากออกความเห็นกับลูกเจ้าของโรงแรมทันที

“น่าจะมีต้นจิกสักต้นนะคะพี่บากี้…”

“มันจะเอามาปลูกได้จริงหรือนีล…พี่ว่ายากนะ…”

“นีลก็ว่าไม่ง่าย…” หญิงสาวยอมรับด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว…

“แต่ก็ดีแล้วค่ะ ต้นจิกไม่เหมาะกับมลพิษในเมืองกรุงหรอก…
ไม่อยากเอามันมาทรมาทรกรรมสักเท่าไหร่…”

“เหมือนมีคนโดนกระทบ...ซ้ำยังโดนกระแทกนะพี่ว่า…” นัจมุนยิ้มกว้างทีเดียว

“ก็พี่นั่นแหล่ะ ยังไม่รู้ตัวอีก…ชอบเอาต้นไม้มาทรมาน…”

“คนในเมืองจะได้ไม่ทรมานมากเกินไปไงครับ…” เสียงนั้นฟังดูอ่อนโยน

“เลยให้ต้นไม้ทรมานแทนคน…แบบว่าเฉลี่ยๆกันไป…”

“โอ้…ถ้ามาไม้นี้…พี่ยอมแพ้…ยกธงขาวให้น้องนีลชนะเลิศ…”

“เห็นมั้ย…ผมว่าแล้วว่าพี่บากี้น่ะไม่มีทางเอาชนะฝีปากพี่นีลได้หรอก
แล้วยังจะจูงผมมาให้พี่นีลสับอีก…” เสียงเด็กชายแทรกขึ้น
ทำเอาคนเป็นพี่หมั่นไส้เหลือขนาด เลยโดนหยิกแก้มไปอีกที

“แก้มช้ำขึ้นมาทำไง…”

“ก็ไม่ต้องทำไง ปล่อยให้แดงเหมือนก้นลิงแบบนี้แหล่ะน่ารักดี…”

“อย่างนี้ทู้กที…หมอกโดนพี่นีลทำย่ำยีมาทั้งชีวิต…พี่บากี้ช่วยเอาพี่นีล
ไปเลี้ยงเถอะครับ…หมอกสุดจะทนแล้ว…”

“ให้มันน้อยๆหน่อยไอ้น้องชาย…เดี๋ยวมีเจ็บ…” คนเป็นพี่ขู่เสียงฟ่อ
ก่อนจะหันไปยิ้มให้อีกคนที่โดนพาดพิงอย่างขอลุแก่โทษให้กับปากไม่มีหูรูด
ของน้องชายตัวแสบ

“พี่ไม่แน่ใจว่าพ่ีจะเลี้ยงไหวรึเปล่า…พี่นีลของเราเขาเอาใจยากจะตาย”
คนเอาใจยากแบะปากให้ชายหนุ่ม

“อย่ามาพูดดีเลยค่ะ…เพิ่งโดนถอนหมั้นมามิใช่หรือไง…”

จะว่าไปแล้วพี่น้องคู่นี้ปากไม่มีหูรูดเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน
มันเหมือนเป็นเชื้อสักชนิดที่ติดกันได้ทางสายเลือด

แต่คิดๆไป น้องสาวของเขาก็ติดเชื้อชนิดนี้มาเหมือนกัน
บางทีมันอาจจะไม่ได้ติดกันแค่เฉพาะทางสายเลือดอย่างเดียวเสียแล้ว…

ว่าแล้วก็ยิ้มให้ตัวแพร่เชื้อ

“พี่โดนหักหลัง…” คนโดนหักหลังทำเสียงอ่อยราวกับคนใกล้ตาย

“แต่ตัวยังตั้งตรงอยู่ได้แบบนี้ นีลว่าอีกนานกว่าจะล้มตายค่ะ…”

พูดเหมือนเขาเป็นต้นสนพวกนี้...

“ใกล้ตายแล้วละ…” จะไม่ให้ใกล้ตายได้ไง เจอแต่ละคำของคุณเธอ
เขาแทบแดดิ้น จากที่ตั้งใจมาจีบแทบอยากจะเผ่น

“หน่า…อกหักเรื่องเล็ก…แต่อก…”

เหวย…นัจมุนตะครุบปากตัวเองไว้ได้ทัน…นัยน์ตายิ้มปรายเมื่อเจอเข้ากับ
สายตาของคู่สนทนา

“แต่อกอะไรพี่นีล…”

“เราอย่ารู้เลย…มันเป็นศัพท์เฉพาะทาง…วิศวกรใหญ่ๆเท่านั้นถึงจะฟังกันรู้เรื่อง…”

“เอาไว้หมอกจะเป็นประธานาธิบดีให้ได้ จะได้ใหญ่กว่าวิศวกรใหญ่ๆ
อย่างพี่นีลอย่างพี่บากี้…เสียที…”

“ฝันไปเถอะ…จ้างให้ก็ไม่มีใครเขาเลือกปลาหมออย่างเราหรอกน่า…
ประเทศล่มจม ผู้คนยากจน ไม่มีไรกิน อดตายกันทั้งประเทศพอดี…”

“ทำไมต้องล่มจม…”

“ก็ปากอย่างนี้ไง…เขาเรียกว่าปากพาจน…”

“แล้วอย่างพี่นีลล่ะ…”

“เก๊าะไม่ได้ว่าจะอยากเป็นประธานาธิบดีเหมือนใครแถวนี้นี่นา…
พี่จนคนเดียวได้ไม่เป็นไร...”

“สรุปว่า…พี่บากี้คงต้องหาสาวอื่นจีบแล้วล่ะครับ…ผมว่าพี่ปล่อยพี่นีล
ไว้บนคานต่อไปเถอะ…พี่นีลเขาชอบของเขาเราก็ควรปล่อยเขาไปตามทาง…

พี่นีลเขาเก็บคำพูดดีๆเอาไว้ให้ต้นไม้น่ะครับ…กับมนุษย์เนี่ย อย่าหวังว่าจะได้ยิน
อะไรหวานๆจากปากพี่นีล…”

พูดจบคนตัวเล็กก็รีบผุดลุกขึ้นทันทีด้วยรู้ตัวว่าพี่สาวจะลงทัณฑ์เขาด้วยวิธีไหน
ก่อนจะออกวิ่งไปรอบๆน้ำตก เพื่อหนีนิ้วพิฆาตของพี่สาว

“อย่าคิดนะว่า…รอบนี้พี่นีลจะได้จี้เอวหมอกง่ายๆ…”

คนเป็นน้องทั้งยั่วทั้งแหย่ ไม่ยอมให้พี่สาวที่วิ่งไล่ตามมาจับได้

“อย่าให้จับได้นะเจ้าตัวแสบ…พี่จะเอาให้หัวเราะทั้งน้ำตาเลย…”

“ไม่มีทาง”

ชายหนุ่มมองสองพี่น้องที่มักจะจับเล่นกันแบบนี้เป็นประจำ
นัจมุนเองเวลาอยู่กับน้องก็เหมือนจะลืมอายุทุกที

“อุ้ย…” เสียงนั้นดังมาจากคนเป็นพี่ที่วิ่งสะดุดชายกระโปรงล้มลง
ไปนั่งจุ้มปุกอยู่ตรงพื้นหญ้าสีเขียวข้างๆน้ำตกที่วิ่งไล่จับน้องชายมาหลายรอบแล้ว
แต่ก็จับไม่ได้สักที ไวเหมือนลิงลม

“อ้าวพี่นีล…เข่าอ่อนซะแล้ว…แก่แล้วก็งี้…บอกแล้วว่าให้ดื่มนมเยอะๆ
เอาไว้เสริมสร้างกระดูก…นมมีแคลเซี่ยมสูงนะคร้าบบบบ…”

คนไม่ชอบดื่มนมมาตั้งแต่เด็กๆ เวลาโรงเรียนแจกนมให้ดื่ม เธอแอบเอาไปซ่อน
ไม่ยอมดื่มออกบ่อยๆ บางทีก็แอบให้เพื่อนช่วยดื่มให้แล้วค่อยเอาหลักฐาน
การดื่มนมหมดแล้วไปให้คุณครูดู...โดนพี่ก้อดุและขู่ให้ดื่มออกบ่อย
เลยต้องดื่มแบบผะอืดผะอมไปทุกที เพราะถ้าไม่ดื่ม พี่ก้อบอกจะเลิกพาไปเที่ยว

แต่นับตั้งแต่ไม่มีเขา...เธอก็ไม่ต้องถูกบังคับให้ดื่มนมอีก ก็เลยไม่ต้องดื่มมัน

คนเป็นพี่เลยนั่งจ้องน้องชายที่ยืนห่างออกไปสองเมตรตาเป็นมัน
ก่อนจะพยายามชันกายให้ลุกขึ้นแต่ก็ลุกไม่ขึ้น

“นั่นไงๆ ผลของการไม่ดื่มนม กระดูกพรุนซะแล้ว…”

ชายหนุ่มที่นั่งมองดูการปะทะฝีปากระหว่างสองพี่น้องมานานถึงกับส่ายหน้า
ก่อนจะลุกขึ้นไปหานัจมุนที่ดูจะมีปัญหาเรื่องการล้มแล้วลุกไม่ขึ้น

“ตุ๊กตาล้มลุกของพี่ว่าไง…ไหนลุกให้ดูหน่อยซิ…” เสียงนั้นเย้าแหย่
ทำเอานัจมุนเงยหน้ามองพี่ชายของเพื่อนสนิทอย่างเคืองๆ

“อย่านะ อย่าให้นีลลุกได้นะ…” หญิงสาวคาดโทษทั้งน้องชายและอีกคน

ทำเอาสองหนุ่มต่างวัยหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะให้กัน
และเป็นหนุ่มที่ตัวโตกว่าที่ยื่นมือออกมาเพื่อฉุดร่างที่ยังลุกไม่ขึ้น

“ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังเลย…” ชายหนุ่มยิ้มบางก่อนจะนั่งยองๆ
ลงตรงหน้านัจมุน

“พี่ว่าลูบหลังอย่างเดียวคงไม่พอ คงต้องลูบหน้าด้วย…”

มือใหญ่ยื่นผ้าเช็ดหน้าส่งให้หญิงสาว นัจมุนย่นจมูกใส่ก่อนจะรับมาแต่โดยดี
เพราะรับรู้ว่าตอนนี้ใบหน้าและร่างกายมีเหงื่อโทรมเพราะวิ่งออกกำลังไล่จับลิงลม…

ก่อนจะเริ่มเช็ดใบหน้าตนเอง ทำเอาเครื่องสำอาง
ที่แต่งแต้มใบหน้าไว้อย่างดีหลุดลอกติดผ้าเช็ดหน้า

“หน้าลอกคราบแล้วดูไม่ได้เลยอ่ะพี่นีล…” คนเป็นน้องยังไม่วายแกล้งแหย่พี่สาว

“อย่าไปว่าพี่เขาสิหมอก พี่เขาออกจะสวยอย่างเป็นธรรมชาติ…
ไม่ต้องใส่อะยิโนะโมะโตะ...”

“ธรรมชาติอย่างนี้ก็ไม่ไหวนะครับ…”

ความจริงพี่สาวของเขานั้นสวยไม่แพ้หญิงใดในหล้า
แต่เพราะว่าไม่มีใครที่แหย่สนุกเท่าพี่สาวอีกแล้ว ก็เลยอดแหย่ไม่ได้

“แต่พี่คนนึงรับได้…รับได้ทุกอย่าง…” นัจมุนแบะปากใส่คนที่แกล้งหยอดคำหวาน

“งั้นรับไปเลยค่ะพี่บากี้…รับไปเลี้ยงให้ไกลๆด้วยนะ อย่าให้มาก่อกวนแถวนี้ได้”

เสียงใสๆแทรกข้ึน ทำเอาทั้งสามคนหันไปมองคนมาใหม่

“คิดไม่ผิดเลย เห็นหายกันมา ต้องมาหลบจีบกันที่นี่แน่ๆ…”
มาลาตีเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเพื่อนสาวกับพี่ชาย

“นี่เพราะแกซุ่มซ่ามหรือเพราะแกกำลังจะทอดสะพานให้พี่ชายฉันยะ”

คนเป็นเพื่อนกระหน่ำไม่มียั้งเมื่อเห็นเพื่อนยังนั่งจุ้มปุกอยู่บนพื้นหญ้า
โดยไม่ยอมลุก

“ฉันวิ่งไล่ลิงลมแล้วล้มลงน่ะ…ช่วยประคองฉันลุกหน่อยสิ…ขาฉันแพลง
ไม่ได้กระดูกพรุน...พวกผู้ชายแถวนี้ไม่ได้เรื่องสักคน…”

นัจมุนทำตาละห้อย สบตาเพื่อนวิ้งๆ

“ฉันว่าแล้วเชียว…” ว่าพลางหันไปทางผู้ชายแถวนี้…

โดยไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วไม่ได้มีแค่สองคน…หากสองคนที่รู้ตัว
ว่าเป็นผู้ชายแถวนี้หันมายิ้มให้กัน

“แขกขึ้นที่พักหมดแล้ว…แกน่ะเล่นหนีให้ฉันรับหน้าอยู่คนเดียว
ฉันควรจะช่วยแกดีมั้ยยัยนีล…” คนเป็นเพื่อนแหวใส่นัจมุน

“หน่า…เอาไว้ค่อยแก้ตัวพรุ่งนี้ก็ได้…”

“เท้าแพลงแบบนี้เนี่ยนะ…ฉันคงขายขี้หน้าเขาแย่ที่เอาคนไม่ปกติ
มาช่วยดูแลแขก…มานี่เลย…แกน่ะชอบทำเรื่องตลอด…”

“แกหาว่าฉันเป็นตัวปัญหาอีกแล้วใช่มั้ยมาลาตี…”

“แน่นอน…นัจมุน...รู้ตัวแล้วก็ทำตามเพื่อนผู้มีสมองอันเลิศเลอเสียที”

ว่าพลางฉุดร่างนัจมุนขึ้นแล้วประคองร่างของหญิงสาวไปยังห้องพัก
ปล่อยให้สองหนุ่มต่างวัยหันมายิ้มให้กัน

ชายหนุ่มนั้นอยากจะทำหน้าที่ประคองร่างบางนั่นใจจะขาด
แต่เพราะไม่เหมาะสมเลยต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของน้องสาวไป

ส่วนเจ้าน้องชายก็ตัวเล็กเกินจะประคองร่างพี่สาวให้รอดปลอดภัยได้ไปตลอดทางได้
เลยทำได้แค่เดินตามพี่สาวไปต้อยๆๆ


ในที่สุด…สวนกว้างสถานที่พักผ่อนจึงเหลือแค่ร่างของอีกคนที่นั่งสงบๆ
อยู่ตรงมุมภายในของสวนมาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว

เป็นมุมพักผ่อนที่เป็นจุดที่ยากแก่การมองเห็นจากภายนอก…
แต่กลับเป็นจุดที่สามารถเห็นการเคลื่อนไหวและความเป็นไปด้านนอกได้ดี

นั่นเพราะเขาคือผู้คิดค้นและออกแบบสวนแห่งนี้มาเองกับสมองและสองมือ…

และจุดที่เขาอยู่ก็ยากที่จะมีใครเข้าถึงได้

มันคือสถานที่พักผ่อนของเขา…ไม่ต่างจากเมืองบาดาลที่มีสายน้ำไหลผ่านลงมา
ได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเป็นที่ที่อยู่ตรงด้านใน
ของน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ดังกล่าว… ซ่อนตัวอยู่อย่างงดงามและมั่นคง…

จึงทำให้คนที่อยู่ด้านในได้ยินการสนทนาระหว่างคนกับต้นไม้
และระหว่างคนกับคนมาตลอด…

“ซุ่มซ่ามและปากดีไม่มีเปลี่ยน…ยัยตัวปัญหา…”






............โปรดติดตามตอนต่อไป.................


เอามาต่อให้กันค่ะ...อย่าเพิ่งทวงเงามารน้าาาา...
เต่ากำลังรอประมวลผลอยู่ค่ะ...มันยังประมวลไม่เสร็จ...อิอิ

เอาพี่ก้อกับน้องนีลมาให้ชิมลางไปพลางๆ ^o^

ใครที่ไม่ชอบอย่าลืมกดไลค์ให้ด้วยนะคะ...อิอิ
ส่วนใครที่ชอบก็อย่าลืมกดไลค์ให้ด้วย
ส่วนใครที่กดให้กันอยู่แล้ว กดไปเรื่อยๆนะคะ...อย่าเพิ่งหยุดกดน้าาาา
แล้วใครที่ยังไม่ได้สมัครสมาชิกเว็บเลิฟ อย่าลืมสมัครเข้ามากดไลค์ให้เต่าด้วยน้า

ขอบคุณค่ะท่ีเผลอกดเข้ามาอ่าน...
และหลวมตัวเข้ามาพูดคุยสนทนาด้วยกันมากๆนะจ๊ะ...:D


ใครติดใจสงสัยอะไรถามเต่าได้นะคะ...เต่าจะได้ไม่บอก...



.......ตอบเมนท์จ่ะ...........


1.คุณsunflower...โตซ้ากกกกที...อิอิ
ก้อเป็นท่านเชคค่ะ...นางเอกเต่าจะเอื้อมถึงมั้ยไม่รู้นะเนี่ย...เหอๆ
ส่วนมังกรหยกนั้น...ละครจ้าละคร...พระเอกสมัยก่อนหล่ออ่ะ...อิอิ
พอมาตอนสมัยนี้ ไมพระเอกหน้าเหมือนผู้หญิงก็ไม่รู้
หน้าหวานไป ไม่ใช่แนวของเต่า แบบว่าเต่าชอบพระเอกจีนมาดเข้มอ่ะ...
คนท่ีแสดงเป็นเอี้ยก้วยเมื่อยี่สิบปีก่อนโน้นน่ะใช่เลย...โดนใจฉันเลยยยยย...ฮ่าๆๆ
ว่าแต่คุณซันคงเกิดไม่ทันแน่ๆเลยชิมิ ^o^

2.คุณแว่นใส...แม่นแล้ว เป็นท่านเชค แล้วเฮียแกความจำเป็นเลิศมากกกก
อย่าได้ห่วงว่าเฮียแกจะจำมิได้ค่ะ...ฮ่าาาาาา
แต่จำได้ก็ใช่ว่าจะสนใจก็ได้น้าาาา...เพราะมันคนละเรื่องกานนนน...


3.คุณตุ๊งแช่...รอบนี้มาเมนท์ให้เช้าๆแบบนี้ มิใช่ว่าเพราะนกเขามันตีกันตรงหน้าต่างชิมิ
ของเต่านั้นนอนไม่ค่อยได้คุณภาพเลย...งัวเงียได้ทั้งวัน...พอเคลิ้มๆ
มีมนุษย์โทรศัพท์มาปรับทุกข์ได้เรื่อยๆ...ศันสนีย์ เย้ย ศิราณีเลยต้องฟัง...อิอิ
ว่าจะเปิดสำนักงานเหมือนสิ้นรักแล้วนะเนี่ย เหอๆ

ใครว่าผ่านทีเดียว 20 ปี...มิช่ายยดอกหนา...24 ปีนะเคอะ
(ไวยิ่งกว่าโกหกอีก) เหอๆ ส่วนนิยายรักขาดตอนของคู่รักจอมยุทธรุ่นจิ๋ว
เต่าขอกั๊กไว้ก่อนน้าาาา...อิอิ...

4.คุณปรางขวัญ...แม่นแล้ว พี่ก้อเลย...อิอิ
จำนั้นจำได้แน่ๆค่ะ เหอๆ แต่พี่ก้อของน้องนีลคาดว่านิสัยน่าจะแย่ยิ่งกว่าเดิมอ่ะสิ
(อันนี้หนูนีลอาจรับประทานไม่ลง) อิอิ

ปล.แสดงว่ายังไม่เจอคนที่ใช่แน่ๆเลย...ต้องรองูเข้้าฝันค่ะ อิอิ
ฝันเจอเสือเจอหมีเนี่ย...วิ่งหนีเหนื่อยฟรีค่ะ อิอิ
ถ้าฝันเจองูก็อย่าไปหักคอมันน้าาาา ต้องยอมให้มันรัดแต่โดยดี...
เพราะถ้าเราไปโหดกับมันนักอาจเป็นเราที่ต้องไปยืนอยู่บนไม้คาน เหอๆ



......ขอให้สุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์พูนสุขกันถ้วนหน้านะคะ....


"เต่าโย"




yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ค. 2558, 03:57:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 พ.ค. 2558, 18:29:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 2795





<< ต้นที่ 3 คู่รักจอมยุทธรุ่นจิ๋ว   ต้นที่ 5 บ้านผู้ดีเก่า >>
ตุ๊งแช่ 7 พ.ค. 2558, 08:48:49 น.
จับไก่ได้ ท่านชีค ละลายกลายเป็นโกโก้เชคคค...

เขาก็ว่าบวกตัวเลขแล้วแปลก 20+6 ทำไม นีล 30 ว่ะ......สมองไปซะแล้วเรา...


ไม่ช่ายยยยย นกเขา เจ้าโต้งมานนนคัมแบคตะหากกกก...มาขัน เรียกกลางบ้านเลยยยย...เลยต้องรีบเปิดหน้าต่าง บอก รอแปบ เดี๋ยวเอาข้าวให้ ....

มานฟาดข้าวไป2 ชาม...ไปโหยมาจากไหนไม่รู้ หายไปวันครึ่งงง....

คราวนี้มีเพิ่ม แม่กระรอก หอบลูกน้อย 3ตัวมาหลบฝน แล้วชีก็ออกไปลั้ลลา พอปลอดคน นางก็ดอดกลับมาให้นมลูก พอคนมานางก็ชิ่งออกไป...
.......ทำเพื่อ....??????

ทำไมไม่ไปทำรังบนต้นไม้ มิเข้าใจอย่างแรงงง........
งานงอกเข้าใจไหม .... ลูกกระรอกก็ร้องกระจองงองๆๆๆมากกกกก....
แค่นี้ยังยุ่งไม่พอรึ สี่ขา สองขา สองปีก ยังต้องมาดู เจ้า หนึ่งหาง สามตัวเนี่ยยยย...


แว่นใส 7 พ.ค. 2558, 09:01:14 น.
รู้ตัวตลอด แต่ไม่ยอมแสดงตัวนะพี่ก้อ


ปรางขวัญ 7 พ.ค. 2558, 10:03:10 น.
งั้นแลกกันค่ะ ส่งพี่บากี้มาให้คนอ่านดีกว่า แล้วจะขอสมัครเป็น fc ชูป้ายไฟให้คุณเต่าโยเลย อิอิ

ส่วนพี่ก้อยกให้นู๋นีลน่ะดีแล้ว คาดว่าฝีปากน่าจะสูสีกัน


coonX3 7 พ.ค. 2558, 12:27:07 น.
พี่ก้อยังทำตัวเข้าถึงยากเหมือนเดิม


sunflower 7 พ.ค. 2558, 12:59:18 น.
รอดูต่อไป ไม่รู้ทำไมซันไม่ค่อยชอบพระเอกคุณโยเท่าไหร่ ชอบพระรองมากกว่า อารมณ์เดียวกับตอนดู ซีรี่ย์เกาหลีเลย แฮะๆ #ทีมพี่บากี้ #ชูป้ายไฟรัวๆ


yapapaya 7 พ.ค. 2558, 20:22:24 น.
ผ่านไปไวเหมือนโกหก น้องนีลเกาะคานทองซะแน่นเชียวพี่ก้อจะแกะออกไหมหนอ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account