พระจันทร์ซ่อนรัก
เธอแอบใช้มือเล็กๆบังไม่ให้เขาเห็นแล้วเขียนข้อความนั้นลงไป “ขอให้ผู้ชายคนนั้น เป็นคุณ...พัตต์”
รุ้งพรายลงท้าย ประโยคด้วยตัวอักษรโต ๆ ซึ่งไม่ต่างจากหัวใจที่ตอนนี้มันพองฟูคับอกแล้ว!

............

เล่ห์ร้ายหรือมนตราใดๆ ก็ไม่อาจซ่อนใจเขาและเธอ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๓

บทที่ ๓


บ้านจันทร์เจ้าขาที่รุ้งพรายฝันถึงเป็นความจริงในอีกสองวันถัดมา ก้องภพทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ทว่าการเดินทางครั้งนี้ เธอไม่ทันสังหรณ์ใจสักนิดว่าจะได้ค้นพบความรักในความลับอันยิ่งใหญ่ ซึ่งพ่อกับแม่ร่วมกันถ่ายทอดจินตนาการอันงดงามจนเป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นความฝันในคืนฝนดาวตกเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว ซึ่งเธอเกือบจะลืมเลือนไปได้ย้อนกลับมาให้หญิงสาวได้พบกับ...องค์รักษ์อีกครั้ง!


รุ้งพรายซึ่งสวมรอยเป็นปาปารัชซี่สาวครึ้มใจเป็นพิเศษ ดวงตาดำขลับสำรวจย่ามซึ่งมีของใช้จำเป็นครบครันทั้งกล้อง สมุดบันทึกเล่ม และหนังสือสุดรักโรงสีมหัศจรรย์ หญิงสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ วาดภาพในหัวถึงนักเขียนในดวงใจ มันน่าตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อวาดภาพว่าเขาจะมีรูปร่างหนาตาอย่างไร ยิ่งคิดก็ยิ่งกระตุ้นความอยากรู้จนรุ้งพรายนั่งแทบไม่ติดเบาะ


พอรู้สึกว่าตนช่างเพ้อฝันเกินเหตุ หญิงสาวจึงบิดขี้เกียจแก้เขิน ก่อนจะส่งเสียงยั่วแหย่ก้องภพที่นั่งหลังตรงรับหน้าที่สารถี เมื่อรู้ว่าถูกจ้องจากน้องสาว ก้องภพก็มองกลับจากกระจกส่องหลัง เขาสั่นศีรษะแสดงอาการเหนื่อยใจ ด้วยการแต่งเนื้อแต่งตัวของเธอ ชวนให้พี่ชายต้องกุมขมับ!


เช้านี้รุ้งพรายแต่งตัวเลียนแบบทอมบอย เธอสวมเสื้อเชิ้ตลายทางสีเขียวตุ่นตัวโคร่ง ด้านล่างเป็นกางเกงผ้าลายพรางมีกระเป๋ารอบตัว แถมด้วยหมวกแก๊ปสีเข้ม และแว่นตากันแดดรูปทรงสปอร์ตกรอบใหญ่ หากมองเผิน ๆ ดวงหน้าผุดผาดไร้เครื่องสำอางแต่งแต้ม ช่างคล้ายกับชายหนุ่มหน้าสวยดูอ้อนแอ้นน่าหยิก
เดี๋ยวพอเข้าไปถึงบ้านหลังนั้นเสียก่อนเถอะ รุ้งพรายจะเก็บทุกรายละเอียด เพื่อสร้างสรรค์ผลงานชิ้นโบแดง ผลงานที่จะสร้างชื่อให้โด่งดังไม่แพ้ปูชิกา บางทีอาจจะเทียบชั้นแม่ก็ได้ รุ้งพรายหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวจนคนที่นั่งหน้าทั้งสองคน หันมามองด้วยความประหลาดใจ!


ส่วนดนัยที่นั่งข้างก้องภพ เขาสวมชุดสีสันสดใสเสื้อสายเดี่ยว ทับด้วยผ้าพันคอผืนงามคลุมไหล่เนียนไว้อย่างเก๋ ๆ ด้านล่างสวมกางเกงยีนเอวต่ำฟิตจนน่าอึดอัดแทน ทำให้การเดินทางครั้งนี้เรียกได้ว่าหญิงแต่งเป็นชายและชายแต่งเป็นหญิง ก้องภพซึ่งรับหน้าที่คนขับรถพลอยต้องปวดหัว ทั้งรำคาญใจตลอดการเดินทาง



ตั้งแต่ขับรถออกมาจากชานเมืองแถวพระรามสอง จนถึงจังหวัดสระบุรีซึ่งใช้เวลาสามชั่วโมงเศษ รุ้งพรายนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เลียนเสียงเป็นทอมบอยล้อเล่นกับดนัยสนุกสนาน ก้องภพต้องตีหน้ายักษ์ปรามทั้งคู่ ยิ่งกว่านั้นดนัยที่นั่งข้างเขายังคอยส่งเสียงเจื้อยแจ้วเล่นบทหมาหยอกไก่ วิศวกรหนุ่มเลยโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยากทิ้งรถหนีทั้งคู่ให้รู้แล้วรู้รอด “รุ้งพี่ไม่ไหวแล้วนะ ขอทีเถอะเอาแม่คนนี้ไปทิ้งที รำคาญเต็มทน” ก้องภพหันมาทำหน้าถมึงทึงใส่คนข้าง ๆ ด้วยดนัยกระแซะเข้ามาใกล้จนเหมือนว่าจะนั่งบนอยู่ตักเต็มที



“แหม ๆ เฮีย ตะกี้ผมเห็นพี่อมยิ้มอยู่เหม็บ ๆ ชอบใจล่ะซิ อย่าพูดแก้เขินเลย เฮียรู้ไหมมีดาด้าเป็นตุ๊กตาหน้ารถดีออก ได้ทั้งแม่ย่านางแถมเครื่องรางไล่ผีไปในตัว”



รุ้งพรายยังไม่หยุดเล่น ทำเสียงพูดทุ้มต่ำเย้าก้องภพ ยิ่งเห็นเขาทำท่าขนลุกในยามที่ดนัยเล่นปูไต่กับเขา เธอก็หัวเราะชอบใจ อย่างมีความสุข แอบคาดคิดลึก ๆ หากได้ดนัยเป็นพี่สะใภ้ตน ฟ้าจะผ่าไหมหนอ!


“มีตุ๊กตาหน้ารถอย่างนี้ก็ไม่ไหว เอางี้ดีไหม พี่จอดรถให้พวกเธอขับกันไปเองแล้วกัน รำคาญเหลือเกินที่ต้องนั่งข้างแม่หน้าผีคนนี้” ก้องภพครางฮึ่ม ๆ จนดนัยต้องทำตัวลีบหยุดแสดงอาการหยอกเย้า ส่วนรุ้งพรายที่เห็นอารมณ์ขุ่นมัวของก้องภพอบอวลทั่วห้องโดยสาร จึงหาทางออกด้วยการพูดจ๊ะจ๋า อ้อนให้ใจเย็น ๆ เพราะอีกประเดี๋ยวก็จะถึงบ้านจันทร์เจ้าขา จุดหมายที่เธอดั้งด้นมาพบนักเขียนในดวงใจ


“โอ๊ะโอ๋แต่ช้าแต่ ทำเป็นเด็กขี้ใจน้อยนะฮะหัวก็ไม่ล้าน เฮียตุ่นสุดหล่ออย่าเม้งซี อย่าทิ้งพวกผมกลางป่ากลางเขาได้ยังไง มันไม่ดีน้า...พ่อยอดขมองอิ่ม”


“รุ้งหยุดพูดเสียทีเถอะ คันรูหูยังไงไม่รู้ ชอบทำตัวประหลาด อย่างนี้สิผู้ชายถึงเผ่นกันหมด”


“เฮียตุ่นแรงนะฮะ” รุ้งพรายขมวดคิ้วยุ่ง ดวงตาดำขลับ เบิกกว้าง ริมฝีปากสีชมพู ขมุบขมิบส่งเสียงอู้อี้

“ยังจะล้อเลียนอีกเหลือเกินจริง ๆ ” ก้องภพคำรามในลำคอ เพื่อให้รู้ว่าดุจริง


“เอางี้ผมมีขอเสนอดี ๆ ให้เฮีย”


“อะไรอีกล่ะยายบ๊อง หาเรื่องปั่นหัวพี่ละสิ”


“ก็...ไม่มีอะไร เพียงแต่อยากจะบอกว่า พอทำธุระที่นี่เสร็จ ผมจะจัดปาร์ตี้เลี้ยงต้อนรับเฮียที่บ้านแม่บุปผาดีไหม เดี๋ยวจะคัดเฉพาะเพื่อนสาว ๆ ขาว หมวย สวย เอ็กซ์ มาให้เต็มบ้าน แต่ตอนนี้เฮียต้องทำหน้าที่คนขับรถที่ดีส่งให้พวกผมถึงจุดหมายก่อน ไม่งั้นทุกอย่างที่ผมพูดมานี้ เป็นอันว่าอด” รุ้งพรายยื่นข้อเสนอ พอได้ฟังก้องภพก็ใจชื่นขึ้นมาหน่อย แต่ยังเก๊กท่าวางมาดนิ่งเก็บความรู้สึกกระดี๋กระด๋าไว้
“อืม...แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง ห้ามดาด้าไปด้วย” เขาหันไปมองรุ้งพรายพยักเพยิดเป็นเชิงบอกให้รู้ว่า ต้องการความเป็นส่วนตัวโดยไม่มีดนัยมายุ่มย่าม


“ว้าย...จะมาทิ้งกันได้ไง เค้าไม่ยอมนะ” ดนัยตีที่ต้นขาก้องภพเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบลูกอมรสมะนาวแกะเพื่อส่งให้เขา “อ้ำซิคะคนดี ปากจะได้ไม่ว่าง พูดเรื่องไม่ดีให้เค้าเสียใจอีก”
“ ปล่อยให้พี่ปากว่าง ๆ ดีกว่ากลัวกินของเธอแล้วจะถูกคุณไสยเสกเข้าท้อง”
“งั้นดีเลย พี่ตุ่นบอกเองนะ คราวนี้จะได้เสกรักปักใจ ให้หลงดาด้าแบบไม่ลืมหูลืมตา” ดนัยจีบปากจีบคอไม่ยอมหยุดยื่นลูกอมให้ชายหนุ่ม ทั้งที่เขาเบะปากทำท่าแขยงใส่
“ลองดูซิ แล้วจะรู้ว่าพี่น่ะเป็นเสือร้ายแค่ไหน” ก้องภพหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ก่อนจะเหยียบคันเร่งแรง จนดนัยที่นั่งอยู่ข้างกันร้องเสียงหลง เพราะหน้าผากชนกับคอนโซลรถอย่างจัง




จากถนนสายหลักซึ่งเป็นคอนกรีต เปลี่ยนเป็นถนนลาดยางทอดยาวไปอีกหลายสิบกิโลเมตร กว่าจะถึง เส้นทางที่มุ่งตรงไปยังอาณาเขตบ้านจันทร์เจ้าขา เส้นทางเริ่มคดเคี้ยวขึ้น ครึ้มด้วยต้นไม้ที่โอบล้อมถนนสายนั้น รถไต่ระดับความสูงไปเรื่อย ๆ กระทั้งมองเห็นภูเขาซึ่งตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ที่เด่นสุดบนนั้นคืออาคารทรงสี่เหลี่ยมสีสันสดใส ปลูกเรียงเป็นแถวยาวสลับกับแนวต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียว


“โน้นไงบ้านจันทร์เจ้าขา สวยสุด ๆ เลย ไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้มาที่นี่อย่างกับฝันแน่ะ แต่แค่มานี่ยังไม่บรรลุข้อตกลงนะ รุ้งต้องได้เจอกับคุณพิรุณพัตต์ แบบตัวต่อตัวด้วยเข้าใจไหมฮะ”


“เรานี่เรื่องมาก แค่เขาอนุญาตให้เข้าไปในบ้านก็บุญเท่าไหร่แล้ว ยังจะหาเรื่องให้พี่ปวดหัวไปถึงไหน”
“สัญญาต้องเป็นสัญญา” รุ้งพรายฮัมทำนองเพลงด้วยคีย์แปลกแปร่ง หญิงสาวหัวเราะชอบใจเมื่อรู้ว่า ทำให้ก้องภพใจฟ่อขึ้นมา


“เอาไว้พี่ก้าวเข้าไปในบ้านจันทร์เจ้าขาแล้วเขาไม่ไล่ตะเพิดออกมาเสียก่อนค่อยมาพูดถึงข้อตกลงดีไหม แล้วตามที่บอกห้ามจุ้นจ้านวุ่นวาย จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากพี่” ก้องภพเสียงเครียด พลอยให้รุ้งพรายต้องเลิกตอแย


“ รับทราบฮะ เฮียตุ่นว่าไงว่ากัน แต่ห้ามเบี้ยวตามข้อตกลง” หญิงสาวไม่ได้ต้องการกดดัน เพียงแต่บอกให้เขารับรู้ว่า เธอรอได้เสมอหากมันจะไม่นานจนเกินไป


จากนั้นก้องภพก็บังคับรถให้เข้าสู่ถนนสายเล็ก ๆ มุ่งตรงสู่อาณาเขตบ้านจันทร์เจ้าขา และเขาก็ปิดปากเงียบไม่สนใจสิ่งใดอีกเลย


“ถามหน่อยเถอะ จะก่อเรื่องให้พี่ตุ่นปวดหัวทำไม ก็แค่นักเขียนคนหนึ่งเลิศเลอแค่ไหนเชียว หล่อนเองก็มีแม่เป็นนักเขียนดังเหมือนกันนี่นา ส่วนตัวหล่อนยังเป็นนักเขียนกิ๊กก๊อกอีก อยากรู้จริ้ง ไม่เบื่อรึไงกับคำว่านักเขียน”


ดนัยหันหลังไปเอ็ดรุ้งพราย เพราะเห็นใจก้องภพที่ต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ ต้นเหตุก็มาจากรุ้งพรายชอบคิดเรื่องสนุกเอาแต่ใจตน จนคนรอบข้างต้องเจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝันอยู่เสมอ


“แต่แม่กับคุณพิรุณพัตต์ไม่เหมือนกัน ขอบอกตามตรงฉันไม่ปลื้มนิยายที่แม่เขียนสักเท่าไหร่ ส่วนคุณพิรุณพัตต์นั้น ฉันติดตามงานเขามาตั้งแต่เด็ก ๆ เขาเป็นแรงบันดาลใจ ทำให้ฉันอยากเขียนนิยายมาจนวันนี้”


“เหรอ...ฝันอย่างกับพวกเด็กสาว ๆ นี่ถ้าเขาเป็นนักเขียนหนุ่ม ๆ ก็ว่าไปอย่าง ฉันว่านะนักเขียนในดวงใจหล่อน คงเป็นเอเลี่ยนแก่ ๆ หัวล้านพุงพลุ้ย ดูสิเขียนแต่ล่ะเรื่องไอ้นี่ก็มหัศจรรย์ ไอ้นั้นก็ลอยได้” ดนัยเบ้ปากเพราะภาพที่เขาคิดคือ นักเขียนซึ่งอยู่วงการมายี่สิบกว่าปี คงมีอายุพอสมควร แถมยังทำตัวลึกลับชวนให้คิดว่า อาจจะมีปมด้อยบางอย่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่ปกปิดเรื่องราวตนขนาดนี้


“บ้า ถึงจะแก่ก็เถอะเขาอาจจะหล่อก็ได้ ที่สำคัญยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาเนี่ย มีใครเคยเห็นเขาบ้างไหม ทำตัวเป็นบุรุษปริศนาจะตาย อุ้ย! พูดแล้วก็ขนลุก ดูที่แขนฉันสิ”หญิงสาวอวดแขนตน ที่ขนลุกจริง ๆ


“ทำตัวลึกลับซับซ้อนเกิ้น เดี๋ยวเถอะได้อึ้งตาค้างกันแน่”


“พูดมากเกินไปแล้วนะ...เฮียจอดรถด่วนเลยมีคนอยากลง”รุ้งพรายทำทีจะยื่นมือออกไปแตะไหล่ก้องภพ แต่พอชะโงกหน้าเข้าใกล้ พอเห็นสีหน้าขึงเครียด เธอก็ต้องเปลี่ยนใจ หันไปค้อนขวับใส่ดนัยแทน


“ตาย...กลัวมากค่ะ ก็ได้ตั้งแต่นี้ไปฉันจะรูดซิปปากปิดให้สนิทเลยแล้วกัน” ดนัยทำปากขึงตาตอบโต้รุ้งพราย ไม่กี่นาทีจากนั้นรถจึงเข้าไปจอดหน้าบ้านจันทร์เจ้าขา เขาก็เตรียมเปิดประตูรถก้าวลงไป แต่สายตาจากก้องภพที่มองมา ทำให้เขาหน้าซีดเผือด จำยอมนั่งนิ่ง ๆ ต่อไป


“รอพี่อยู่บนรถแป๊บเดียว ขอไปดูงานในห้องหนังสือก่อน แล้วจะรีบออกมารับ” ก้องภพไม่ทันหันมามองหน้าคนในรถเขาก็ก้าวลงไป จากนั้นรุ้งพรายก็เริ่มเปิดศึกปั้นหน้าหงิกใส่ดนัย ที่กำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์บูด
เวลาผ่านไปสักพักรุ้งพรายเริ่มเบื่อ เธอจึงเปิดประตูและก้าวออกไปยืนคลายอาการเมื่อยล้าด้านนอก หญิงสาวหมุนตัวไปมาได้ประเดี๋ยว สายตาพลันมองเห็นซุ้มเรือนไม้สีขาว ท่ามกลางแปลงกุหลาบที่ห่างออกไปลิบตา ด้วยสีสวย ๆ ของดอกไม้ ที่ปลูกอยู่รอบทุ่งหญ้าสีเขียว เชื้อเชิญให้เข้าไปสัมผัสธรรมชาติ รุ้งพรายจึงไม่รอช้าสืบเท้าไปยังซุ้มเรือนไม้ ปล่อยให้ดนัยนั่งหน้าง้ำในรถเพียงลำพัง


เธอใช้เวลาเดินอยู่หลายนาทีก็ถึงซุ้ม เธอสะพานย่ามมาด้วย และในนั้นมีหนังสือโรงสีมหัศจรรย์เล่มจบมาด้วย รุ้งพรายอ่านจบไปหลายรอบแล้ว แต่เพราะสงสัยตอนจบ จึงอยากถามนักเขียนในดวงใจว่า เหตุใดจึงปิดฉากนิยายซึ่งเขียนมายาวนานด้วยความโศกเศร้า....พัดพราก


รุ้งพรายเข้าไปในซุ้ม เธอนั่งลงที่ม้านั่งสายตาจับไปที่พุ่มดอกกุหลาบงามละลานตาสักพักเธอก็แวบความคิดขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศรอบตัว ช่างคล้ายจินตนาการที่เธอสร้างขึ้นในการอ่านหนังสือชุดโรงสีมหัศจรรย์ เมื่อมองไปยังอาคารรูปทรงโบราณ กล่องสี่เหลี่ยมสีส้มสุกตัดกับกรอบหน้าต่างสีฟ้าเข้ม และเถาไม้เลื้อยที่พันขึ้นตามแนวอาคาร ยิ่งทำให้เธอมองเห็นภาพในจินตนาการแจ่มชัด


วินาทีนั้นหญิงสาวสัมผัสถึงฉากต่าง ๆ ที่ผ่านตาในหน้ากระดาษปรากฏต่อหน้าเธอแล้ว สถานที่แห่งนี้คงจะเป็นแรงบันดาลใจ ในการสร้างผลงานเขียนชิ้นเยี่ยมของพิรุณพัตต์ หญิงสาวไม่รอช้าเร็วทันใจคิด ก้าวออกจากซุ้มตรงแน่วไปที่แนวหินที่ปูเป็นทางเดินเล็ก ๆ โดยไม่ทันเฉลียวใจว่า กำลังบุกรุกอาณาเขตต้องห้าม


หลังต้นดอกแก้วพุ่มเตี้ย ๆ ที่ตบแต่งเป็นรั้วยาว ไปจรดแนวอาคารทรงสี่เหลี่ยม ถัดไปนั้นมีต้นไม้ใหญ่สูงสล้าง สิ่งที่เห็นอยู่ไกลลิบตาคือสะพานไม้ รุ้งพรายยืดตัวสูงพยายามมองให้ไกลที่สุด และด้วยความอยากรู้อยากเห็น สมองจึงสั่งให้ก้าวเดินต่อไป


เธอล้วงกล้องในย่ามที่สะพายมาด้วยออกมา ไม่รอช้าบันทึกภาพต่าง ๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ภูเขาเขียว ต้นไม้ใหญ่สูง ทิวทัศน์งดงาม ร่มรื่นเสียจริง แต่ไม่ทันไรเสียงเข้มของใครบางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง


“นี่เธอเข้ามาที่นี่ได้ยังไง”ร่างบอบบางสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมามองต้นเสียง เธอเห็นร่างสูงใหญ่ที่สะท้อนกับแสงแดดเป็นเงาวูบไหวไปมา รุ้งพรายใช้มือบังแสงแดดจ้าแล้วฝืนมองไปที่ร่างนั้น ทว่ายิ่งทำให้ศีรษะหมุนติ้วประหนึ่งว่าจะเป็นลมล้มพับ


“ฉัน...เอ้ย ผมมากับคุณก้องภพฮะ” รุ้งพรายยังคงเลียนเสียงทอมบอย ทั้งที่มันฟังแล้วทะแม่ง ๆ พิกล


คนร่างสูงนั้น ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ เขาเงียบ เหมือนจะครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ ทั้งเธอและเขาอ้ำอึ้งเกือบอึดใจ กระทั้งหญิงสาวรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวพิกล เรือนร่างใต้แสงแดดวูบไหวนั้นทำให้รู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึก ๆ


“มากับคุณก้องภพ แล้วทำไมมาอยู่ตรงนี้ ยังไงเชิญไปรอที่ห้องรับรองดีไหม”


“เดี๋ยวสิ ผมอยากเดินไปดูที่สะพานนั่นไม่ได้เหรอฮะ นิดเดียวเอง” รุ้งพรายตีหน้าซื่อ อยากรู้เหลือเกินว่า ถัดจากสะพานไม้ไปมีอะไรซ่อนอยู่ ด้วยทุ่งหญ้ากว้าง แนวเขาสูงต่ำนั้นเย้ายวนใจเหลือเกิน
“ไม่ได้ โปรดรักษามารยาท ที่นี่ไม่ชอบความวุ่นวาย พื้นที่ทั้งหมดนี้เป็นเขตส่วนบุคคล อีกอย่างกรุณาอย่าถ่ายภาพมั่ว ๆ แล้วที่ถ่ายไปก็ช่วยลบออกด้วย ไม่งั้นฉันจะเป็นคนลบมันเอง ” เขาขึงขังเกินจริง แค่รูปถ่ายแต่ทำเสียงเป็นเดือดเป็นร้อน ยังกับเธอเข้ามาขโมยของ


“อะไรกัน ถ่ายแค่นี้ก็ไม่ได้!” รุ้งพรายไม่พอใจ เกลียดนักคนที่ชอบคำสั่ง บังคับ โดยเฉพาะน้ำเสียงตาคนนี้ทั้งเย็นชาที่สุด! ถึงจะทำอวดเก่งท้าทายเขา แต่ใจก็หวาดกลัวไม่น้อย เธอจึงแกล้งทำมือทำไม้ลบภาพจากกล้อง


“ลบเสร็จ ก็ตามฉันมา” เขาผายมือบอกให้ก้าวตาม ช่วงขณะนั้นรุ้งพรายประเมินคนตรงหน้าจากเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ กางเกงยีนตัวเก่า เสื้อยืด และแจ็กแก็ตตัวโคร่ง ดูท่าแล้วหมอนี้เขาคงเป็นคนงานของบ้านจันทร์เจ้าขาอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ภาพลักษณ์นั้นผิดกับบุคลิกสิ้นเชิง ทั้งมาดขรึมเข้ม การถือเนื้อถือตัว พลอยให้คิดว่าคงเก๊กหล่ออวดเธอนั่นเอง


ในขณะเดินตามเขาไปนั้นสายลมซึ่งพัดผ่านมา กลิ่นหอมจากเรือนกายเข้าก็พัดมาถึงเธอ ทั้งที่รักษาระยะห่างกันมากโข แต่เธอก็ต้องสะเทิ้นอายทีเดียว ผู้ชายอะไรสำอาง เสียจริง เห็นล่ำ ๆ อย่างนี้ แต่แอบหวานคงเป็นแชมพูที่ใช้สระผมยาวสลวยนั่นละสิ ที่ส่งกลิ่นแตะจมูกขนาดนี้ ! “นี่นาย เป็นคนสวนที่บ้านหลังนี้ใช่ไหม แปลกนะบ้านใหญ่โต แต่ไม่รู้จักอบรมคนงาน ปล่อยให้มาพูดจาไล่แขกอยู่ได้” รุ้งพรายบ่นไล่หลังเขา ไม่วายขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่แผ่นหลังกว้าง ที่ยักไหล่น้อย ๆ ชวนให้หมั่นไส้เป็นที่สุด
“ฮ่ะ ๆ ทำไมถึงคิดว่าฉันเป็นคนสวน” กระแสเสียงคล้ายจะยั่วล้อ


“ถ้านายไม่ใช่คนสวน ก็คงเป็นยามเฝ้าบ้าน ถึงได้มีหน้าที่ไล่คน!” รุ้งพรายทำเสียงล้อเลียนบ้าง
“ยาม!” คราวนี้ เขาสวนกลับดัง ๆ


“งั้นจะเอายังไง คนสวนก็ไม่ใช่ยามก็ไม่ใช่” รุ้งพรายโวยเท้าสะเอวอย่างเอาเรื่อง


“อยากรู้ ก็ลองทายดู”


“อยากรู้ตรงไหน บ้าไปแล้ว นายจะเป็นอะไรก็ช่าง นายยักษ์ปักหลั่น” หญิงสาวทำเสียงหยันในลำคอ


“ตะกี้ยังอยากรู้อยู่ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงเปลี่ยนใจเร็วนัก” ชายหนุ่มยั่วแหย่กลับ จนรุ้งพรายฮึดอยากเอาชนะเขา “ก็ได้ จะเล่นใช่ไหม...” รุ้งพรายเลิกแขนเสื้อสูง เธอกระโจนออกไปขวางทางไม่ให้เขาก้าวต่อ และพอยืนประจันหน้ากันในยามที่แสงแดดไม่ได้สะท้อนดวงตาแล้ว จึงเห็นตัวตนของเขากระจ่างชัด แวบแรกหญิงสาวสะท้านใจไม่อยากจะเชื่อว่า ดวงหน้านั้นชวนให้หลงใหลเป็นที่สุด ผิวเขาขาวจัดอมสีชมพูน้อย ๆ ผมก็ยาวหยักสลวย แถมมีกลิ่นหอมละมุนละไม ทุกสิ่งที่รวมเป็นเขางดงามเกินมนุษย์!


“นี่เธอจะโดดเป็นลิงเป็นค่างทำไม สำรวมหน่อยก็ดีนะเกือบชนฉันแล้วเห็นไหม” เขาขมวดคิ้วยุ่งมองเธออย่างกับเป็นเด็กแก่นแก้ว จอมซน ผู้ชายอะไรหวงเนื้อหวงตัวเป็นบ้า รุ้งพรายอดคิดแบบนั้นไม่ได้


หญิงสาวเขินหน้าแดง กลืนน้ำลายลงคอ เอ่ยไม่เต็มเสียง “ผมรู้นะจริง ๆ แล้วนายน่ะเป็นลูกชายคุณพิรุณพัตต์ใช่ไหม” เธอเอ่ยอ้อมแอ้ม และเหมือนจะเป็นเรื่องตลกสำหรับเขา ชายหนุ่มก็หัวเราะชอบใจ พลอยให้รุ้งพรายทำตัวไม่ถูก จึงหมุนหมวกแก๊ปที่สวมอยู่แก้เขิน “ใช่ที่ไหนล่ะ พิรุณพัตต์ยังโสดจะมีลูกได้ยังไง” ดวงหน้าเขาซ่อนรอยยิ้มละมุน มาดขรึมจอมเฮี้ยบ ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นชายหนุ่มที่อบอุ่นใจดี


‘งั้นก็ต้องเป็นคุณพิรุณพัตต์’ รุ้งพรายพูดในใจ แต่เสียงหนึ่งก็แย้งทันควัน คนตรงหน้าจะเป็นนักเขียนคนนั้นได้ยังไง ในเมื่อเขาดูจะอายุห่างก้องภพไม่เท่าไหร่ และจากจินตนาการเธอวาดภาพไว้ พิรุณพัตต์ คือ ชายวัยกลางคนท่าทางใจดี ซึ่งมันต่างจากเขา ที่เอาแต่วางมาดนิ่ง ๆ เก๊กหล่อ ทั้งน้ำเสียงแววตาก็เจือความเย็นชาน่าหมั่นไส้ ทว่าในทางกลับกัน หากเขาคือพิรุณพัตต์ตัวจริง นั่นก็คงเป็นเพราะเวทย์มนตร์บ้านจันทร์เจ้าขาเล่นงานรุ้งพรายเข้าแล้ว



เขมปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ค. 2554, 10:32:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ค. 2554, 17:34:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1537





<< บทที่ ๒    บทที่ ๔ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account