สัญญารักจอมโหดแดนเถื่อน
"พี่สตรองไม่มีวันลืมน้องฟาง วันใดน้องฟางเดือดร้อนพี่สตรองจะมาหา" มันคือคำสัญญาก่อนจากลา
ของปรินทร์ที่มีให้ลษิดาเด็กสาวกำพร้าก่อนจากลาเมื่อสิบห้าปีก่อน
ของปรินทร์ที่มีให้ลษิดาเด็กสาวกำพร้าก่อนจากลาเมื่อสิบห้าปีก่อน
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 8
ตอนที่ 8
ด้านทานุหลังพบกับลษิดาและรู้ว่าเธอเป็นที่ต้องตาต้องใจของกฤตินักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลซึ่งจะช่วยเขา
เรื่องธุรกิจได้ แต่เธอกลับบอกว่าเป็นภรรยาของปรินทร์และไปด้วยกันอีก แม้ลษิดาจะอ้างแบบนั้นแต่เขาไม่เชื่อเท่า
ไร เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่อย่างน้อยเธอน่าจะไว้หน้าเขาบ้างในฐานะพี่ชาย ไม่ใช่ตามปรินทร์ไปต่อ
หน้าต่อตาเขาโดยไม่เกรงใจสักนิด อย่างไรเสียเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เขาไม่อยู่บ้านและคนที่จะ
ตอบเขาได้คงหนีไม่พ้นวรดาภรรยาของเขากับปิยะดาผู้เป็นอา ดังนั้นเขาจึงกลับบ้านแทนการไปพบลูกค้าราย
ใหม่และพามาพักที่บ้านเพื่อชมโรงงานเจียรไนเพชรพลอยของเขา เพราะหากกฤติยอมซื้อและทำธุรกิจร่วมกับเขา
มันย่อมดีกว่าและช่วยเขาขยายตลาดได้ดีกว่าเนื่องจากกฤติเป็นคนกว้างขวาง
“อ้าว นุไหนว่าจะกลับอาทิตย์หน้า ทำไมกลับเร็วนักล่ะ” วรดาเห็นสามีกลับก่อนกำหนดก็ให้แปลกใจนัก
“จริงสินุ ทำไมเก็บเร็วกว่ากำหนด” ไม่เพียงแต่วรดาที่สงสัยปิยะดาก็สงสัยเช่นกัน
“บังเอิญเสร็จเร็ว ทุกอย่างลงตัว แล้วไม่ดีใจหรือที่ผมกลับมา” ทานุย้อนถามกลับพลางมองหน้าภรรยากับ
ผู้เป็นอาอย่างสงสัย
“ปะ เปล่า นุคิดมากไปได้ ใครจะไม่ดีใจ ดาด้าคิดถึงนุทุกวันเลยรู้มั้ย” วรดาพยายามกลับเกลื่อนและปั้น
หน้าดีใจที่เห็นสามีกลับมา
“งั้นเหรอ แล้วอาดาล่ะ” ทานุทำตัวเป็นผู้พิพากษาชอบกล ไล่ถามทีละคน
“ก็อามัวแต่ตื่นเต้นที่นุกลับมา นี่ก็ใกล้เย็นแล้ว อาจะรีบไปสั่งแม่ครัวให้ทำของโปรดให้นุทานนะ” ปิยะดา
หาทางชิ่งก่อน กลัวทานุซักเรื่องลษิดาจึงสร้างความไม่พอใจให้กับวรดายิ่งนัก
‘อีแก่นี่ รู้จักเอาตัวรอดดีนักนะ ไม่อยู่ช่วยรับหน้าเลย’ วรดาด่าว่าปิยะดาในใจ
“เอาล่ะ ดาด้าอาดาขอตัวไปจัดการเรื่องอาหารแล้วคุณล่ะ อยากอยู่กับผมหรือมีธุระอื่น” คำถามนั้นทำ
เอาวรดาถึงกับไปไม่ถูกเอาเลยแต่พอตั้งตัวได้ก็ยิ้มหวานและเข้าไปเกาะแขนสามีอย่างประจบ
“แหมนุก็ เห็นนุกลับมา ดาด้าก็ต้องอยู่กับนุสิคะ”
“ดีแล้ว ผมมีเรื่องจะถาม น้องฟางไปไหน ห้ามโกหก ผมต้องการความจริง” ทานุคาดคั้นเต็มที่ วรดาไม่เคย
เห็นอาการจริงจังน่ากลัวแบบนี้ของสามีมาก่อน ยิ่งกับลษิดายิ่งไม่ได้อยู่ในความสนใจของสามีเท่าไรนักแต่ทำไม
กลับจากนอกครั้งนี้ทานุถึงถามหาลษิดาต้องมีอะไรแน่ หรือว่ามีใครแอบไปบอกเขา เป็นไปไม่ได้ ก็เธอกับปิยะดา
คาดโทษทุกคนแล้วไว้แล้วนี่ถ้าใครปริปากเรื่องลษิดาจะถูกไล่ออกให้จดจำแค่ลษิดาหนีตามผู้ชายไป แล้วเขารู้ได้
อย่างไร ใครกันที่บอก
“ไม่ต้องทำหน้างงหรอกดาด้า ผมเป็นผัวคุณ ย่อมต้องรู้จักคุณดี บอกมาน้องฟางไปไหน” ทานุเห็นภรรยา
ยังไม่ตอบจึงต้องย้ำอีกครั้ง
“ก็หนีตามผู้ชายไป ตั้งแต่คุณไปต่างประเทศนั่นแหละ ฉันจะไปรู้เรอะว่ามันจะใฝ่ต่ำ พยายามทัดทาน
พูดเตือนสติ แต่มันใจแตกเลยมองไม่เห็นความหวังดีของฉัน หนีตามกันไปแถมทำร้ายฉันอีกพอฉันจับได้ว่ากำลัง
จะหนีตามกันไป ไม่เชื่อไปถามอาดาดูหรือคนในบ้านก็ได้” วรดาแกล้งทำเป็นโกรธแล้วพูดจาให้ร้ายลษิดา
“แล้วคุณยอมหรือ คนในบ้านออกเยอะแยะ ทำไมไม่เรียกให้ช่วย” ทานุไม่เชื่อยังคงคาดคั้นต่อ
“เอ๊ะนุนี่ กลับมาแทนที่จะแสดงความคิดถึงเมียกลับเอาแต่หาเรื่อง เห็นนังน้องนอกไส้ดีกว่าดาด้า เรา
เลิกกันเลยดีมั้ย” เมื่อถูกคาดคั้นหนักเข้าวรดาก็ทำเป็นโกรธแทน เธอรู้ถึงอย่างไรทานุก็ไม่กล้าบอกเลิกกับเธอ
หรอกเพราะเขายังต้องอาศัยญาติฝ่ายเธอเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจและหลงเธอพอควร
“ดาด้าแกล้งอารมณ์เสียใส่ผม ไม่ได้ผลหรอก ถึงคุณไม่บอกผมก็รู้ว่าเป็นฝีมือคุณและอาดาอาจมีส่วน
ร่วมด้วย ที่ผมรู้เพราะบังเอิญไปพบน้องฟางระหว่างทาง คิดพากลับมาด้วยกันกลับ แต่นั่นไม่สำคัญเท่าไร
ที่ผมโกรธคือ คุณทำให้ทุกอย่างพังหมด” เป็นครั้งแรกที่ทานุต่อว่าภรรยาอย่างแรง
“ก็นังนั่นมันใฝ่ต่ำอยากหนีตามผู้ชายไปเอง ที่โกรธเพราะเสียดายใช่ไหม ได้ถ้าเสียดายนักทำไมไม่ลงประ
กาศคนหายล่ะ อาจช่วยได้แต่อย่าหวังว่าดาด้าจะยอมให้มาเหยียบบ้านนี้อีกตราบใดที่ดาด้ายังเป็นเมียนุอยู่” วรดา
เมื่อถูกสามีต่อว่าจึงสวนกลับอย่างแรงอย่างไม่กลัวเกรง เธอมีนิสัยเอาแต่ใจมาตั้งแต่เล็กไม่เคยยอมลงให้ใครเพราะ
เป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านถูกพ่อแม่ตามใจจนเสียคน
“เลอะเทอะไปใหญ่แล้ว ผมไม่เคยมองน้องฟางในแง่ชู้สาว นอกจากน้องสาวบุญธรรม ถ้าคุณดีกับน้องฟาง
บ้าง อะไรๆก็จะง่ายขึ้นแต่นี่คุณทำเสียหมด” ทานุบอกแล้วเดินหนีจะขึ้นห้องแต่วรดายังไม่ยอมให้เขาทำอย่างนั้นจึง
เดินไปขวางหน้าไว้
“อย่าเพิ่งไป เราต้องพูดให้รู้เรื่อง นุว่าดาด้าทำเสียอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนังนั่นด้วย” วรดาคาดคั้นเขา
อย่างเอาเรื่อง
“ฟังให้ดีนะ ดาด้า คู่ค้ารายใหญ่ของผมเห็นน้องฟางแล้วเกิดชอบขึ้นมา ถ้าไม่มีน้องฟางไปร่วมเจรจาธุรกิจ
ด้วย เขาจะไม่สั่งซื้อสินค้าเราอีกและไม่ช่วยด้วย อีกอย่างพินัยกรรมของคุณแม่จะยังไม่เปิดตราบใดที่น้องฟางไม่
อยู่ร่วมฟังด้วย ทีนี้เข้าใจหรือยัง” ทานุพยายามกลั้นอารมณ์อย่างสุดฤทธิ์ละพูดกับภรรยาอย่างใจเย็นเพื่อตัดปัญหา
ผัวเมียทะเลาะกันให้คนในบ้านเห็นซึ่งมันไม่ดีและเขาก็ห่วงภาพพจน์ด้วย
“นุก็น่าจะบอกดาด้าก่อน แล้วนี่จะไปตามตัวได้ที่ไหน ผู้ชายที่มาช่วยมันไปก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร” วรดาเผลอจน
ได้เลยทำให้ทานุสงสัยและพอจะคาดเดาได้ ทำไมลษิดาถึงไม่กลับมากลับเขา
“ดาด้าบอกผมมา คุณทำอะไรน้องฟาง อย่าปิดบังอีกเล่ามาให้หมด ผมให้สัญญาจะไม่เอาเรื่องคุณเพราะ
รู้ว่าคุณเกลียดน้องฟางแค่ไหน มันไม่ผิดหรอกที่คิดทำร้ายคนที่เราเกลียด แต่ถ้าไม่บอกผมว่าเราห่างกันสักพักก็น่า
จะดี” คำพูดนิ่มๆแต่กลับขู่ได้น่ากลัว สิ่งที่วรดากลัวที่สุดคือต้องกลับไปอยู่กับพ่อแม่และถูกเพื่อนๆนินทาว่าสามีดีๆ
อย่างทานุ นักธุรกิจอนาคตไกล ที่สาวๆในจังหวัดต่างหมายปองคงทนเธอไม่ได้หรือเธอไม่ดีพอจึงถูกขับออกจากบ้าน
กว่าเธอจะหลอกล่อเขาให้มาติดกับหลงเสน่ห์เธอจนยอมแต่งด้วยมันไม่ง่ายเรื่องอะไรจะยอม
“นุดาด้าขอโทษนะ ที่ดาด้าทำอะไรตามอารมณ์ แต่ต้องโทษตนัยเพื่อนนุ ที่ถือโอกาสตอนนุไม่อยู่มาขอให้
ดาด้าช่วยให้ความรักสมหวังเพราะรักจริงหวังแต่ง ดาด้าเลยเปิดโอกาสให้ แต่นึกไม่ถึงนังนั่นจะแอบนัดแนะผู้ชาย
ที่ไหนไม่รู้มาในบ้านด้วยเลยทำร้ายตนัยแล้วพากันหนีไป” วรดาฉลาดพอที่จะไม่ดื้อเพ่งและหาเพื่อนร่วมรับผิดแต่
ไม่วายโยนความคิดให้ลษิดาอยู่ดี
“คุณไม่รู้แต่ผมรู้ ผมเห็นน้องฟางอยู่กับปรินทร์ ลูกชายเพื่อนรักคุณแม่เคยมาอยู่บ้านเราเกือบสองปี
สนิทกับน้องฟางมาก แต่ผมไม่รู้ว่าเวลานี้นายคนนั้นอยู่ที่ไหน ถ้ารู้จะง่ายขึ้น” ทานุมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด
เพราะหากหาตัวลษิดาไม่เจอ ของค้างสต็อกมูลค่ามหาศาลก็จะขายไม่ออกแล้วทำให้เขาขาดทุนได้ นักธุรกิจที่
เล็งเห็นแต่กำไรอย่างเขาไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด ที่จริงมันแค่ขายไม่ได้ในช่วงนี้และไม่ถึงขั้นทำให้เขาล่มจม
เพราะสินทรัพย์เขามีมากแต่เขางกเกินกว่าที่จะปล่อยให้มันเป็นของค้างสต็อกเปลืองเงินทุนเขาเล่นไปนานๆ ใน
แง่ธุรกิจถือว่าเสียหายมากจึงต้องพยายามหาทางกำจัดออกไปให้ได้ มูลค่าเครื่องประดับทั้งหมดเกือบยี่สิบล้าน
ใครจะยอมปล่อยให้มันอยู่เฉยๆ
“ดาด้าจะให้คุณลุงช่วย ท่านเป็นคนกว้างขวางคงพอช่วยได้ บอกชื่อนามสกุลนายคนนั้นมาก็พอ”
ประโยชน์ของวรดามีไม่น้อยคือเธอมีลุงซึ่งเป็นคนกว้างขวางของระดับจังหวัดและรู้จักคนใหญ่คนโตในสังคม
มากมายพอควรจึงไม่ยากถ้าจะตามหาใครสักคน
“ผมคิดไม่ผิดที่แต่งกับคุณ ฟังให้ดีนะ นายคนนั้นชื่อ ปรินทร์ เกียรติดำรง ปัจจัยทำงานอะไรใหญ่โตมีชื่อ
เสียงแค่ไหนผมไม่รู้” ทานุเองก็รู้จักเอาใจภรรยาด้วยคำหวาน ที่จริงเขาไม่ได้รักชอบอะไรวรดามากนักที่แต่งกับเธอ
ก็เพราะเล็งเห็นผลประโยชน์ที่จะได้จากเธอเรื่องธุรกิจ ชีวิตเขาหายใจเข้าออกเป็นเรื่องธุรกิจมากกว่าอย่างอื่นเรื่อง
อื่นจึงกลายเป็นรอง
“นุพูดแบบนี้ดาด้าช่วยเต็มที่เลย แต่ดาด้าว่านุกลับมาเหนื่อยๆ ไปพักก่อนดีกว่า ดาด้าคิดถึงนุจะแย่แล้ว
จากไปหลายวัน แล้วนุล่ะคิดถึงดาด้าหรือเปล่า” วรดาออดอ้อนสามีพร้อมส่งสายตาเชิญชวนโดยไม่ปิดบัง ทานุ
ยิ้มเล็กน้อยแล้วช้อนอุ้มร่างอวบอิ่มเย้ายวนของภรรยาขึ้นห้องโดยไม่มีคำตอบ อย่างน้อยเธอก็ให้ความสุขเขาได้
เต็มที่โดยที่เขาไม่ต้องลงมือแถมไม่จืดชืดเหมือนผู้หญิงบางคนที่เขาเคยสัมผัสมา แม้นิสัยบางอย่างจะเกินเลยไป
บ้างจนเขารำคาญในบางครั้งก็ตามที่สำคัญก็เพื่อเหตุผลทางธุรกิจนั่นเอง
=========================
ด้านน้องสาวนอกไส้ของทานุที่เขาอยากได้ตัวกลับไปนั้นก็หลับเป็นตายด้วยความเพลียจากการเดินทาง
แถมต้องมาเจอกับเรื่องชวนสยองตั้งแต่คืนแรกที่ผาตะวันและต้องรบรากับปรินทร์ที่จ้องจะกินตับเด็กอย่างเธอกว่า
จะเข้าใจกันได้และหลับอย่างสบายใจก็ดึกเอาการ และหากไม่มีเสียงเคาะประตูดังๆเธอคงยังไม่ตื่นแน่
“คุณฟางคะ ตื่นหรือยังคะ สายมากแล้วนะคะ คุณป้านายให้มาตามไปทานข้าวเที่ยงค่ะ” เสียงตะโกน
ดังๆนอกประตูหลังจากเคาะแล้วของเดือนประดับนั้นช่วยปลุกคนที่หลับเป็นตายให้ลืมตาตื่นได้แล้วมองไป
รอบๆห้องแต่ทั้งห้องยังคงมืดสนิทเพราะผ้าม่านบังแสงนั่นเอง จะมีเพียงแสงลอดเล็กน้อยจากพื้นห้องที่เข้ามให้
เห็น จึงหันไปดูนาฬิกาที่โต๊ะข้างหัวเตียงพลางทำหน้าตกใจเมื่อเห็นเข็มชี้บอกเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาห้าสิบนาที
จึงรีบลุกจากเตียงและเดินไปเปิดประตู
“คุณเดือน ฟางขอโทษนะคะที่ตื่นสายไปหน่อย หลับไม่รู้เรื่องเลยค่ะ” ลษิดาสารภาพตรงและรู้สึกอาย
เดือนประดับซึ่งมองเธอเหมือนขำในที
“ที่จริงเดือนว่าจะมาชวนคุณฟางไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาชมตะวันหน่อยแต่เห็นคุณป้านายบอกว่าคุณ
ฟางเพิ่งมาอยู่วันแรก คงเพลียจากการเดินทางให้พักให้เต็มที่ ถ้ายังไม่ตื่นค่อยปลุกตอนใกล้เที่ยงก็ได้” เดือนประ
ดับพูดอย่างคนมีน้ำใจแต่กลับทำให้ลษิดารู้สึกผิดชอบกล เหมือนเธอเป็นหญิงไม่ดีขาดความเป็นกุลสตรี นอนกิน
บ้านกินเมืองชอบกล
“ฟางนอนเพลินไปหน่อยค่ะ เกรงใจจริงๆ รบกวนคุณเดือนช่วยบอกคุณน้าด้วย ขอเวลาสักสิบห้านาที
ฟางจะไปพบค่ะ” ลษิดาบอกอย่างเกรงใจ
“ตามสบายค่ะ ไม่มีใครว่าหรอกค่ะ คนที่นี่ใจดีทั้งนั้น เพียงแต่ติดนิสัยนอนแต่หัวค่ำตื่นแต่เช้าค่ะ คุณฟาง
เพิ่งมาอยู่ใหม่เลยไม่รู้ ไว้เดือนจะค่อยๆเล่าให้ฟังเกี่ยวกับวัฒนธรรมของคนที่นี่ให้ฟังค่ะ” เดือนประดับพูดให้อีกฝ่าย
สบายใจทว่าลษิดากลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกว่าชอบกล
‘ไม่น่าระแวงเกินไปแล้วเรา คุณเดือนเป็นคนมีน้ำใจ’ ลษิดาตำหนิตัวเองในใจแล้วพูดว่า “เห็นทีฟางต้อง
รีบเรียนรู้แล้วค่ะ ไม่อย่างนั้นเดือดร้อนแน่”
“ไม่ต้องรีบค่ะ เดือนกลัวนายสตรองหาว่าทำให้คุณฟางเครียด ไม่เอาแล้วค่ะ เดือนพูดมากไปหน่อย
เจอกันที่ห้องอาหารดีกว่าค่ะ” เดือนประดับพูดทิ้งค้างให้ลษิดาหวาดระแวงแล้วตัดบทเดินจากไป
‘แปลกทำไมคุณเดือนต้องทำท่าเหมือนเกรงกลัวพี่สตรองด้วย ไว้จะลองถามดูทีหลัง ตอนนี้ต้องรีบไปจัด
การตัวเองดีกว่าถ้าไม่อยากถูกว่ามากกว่านี้ นอกจากตื่นสายแล้วยังกรีดกรายแต่งตัวช้าอีก’
============
เดือนประดับหลังบอกลษิดาแล้วก็คิดจะไปบอกพีรชาที่รออยู่ที่ห้องโถงแต่ยังไม่ทันถึง เธอก็เห็นร่างสูงใหญ่
ของปรินทร์เดินตรงมาพอดี
“นายสตรองจะไปไหนคะ” เดือนประดับทักขึ้น
“เดือนน้องฟางตื่นหรือยัง” ปรินทร์ถามหาลษิดาทันที เดือนประดับเกือบชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจทว่า
ยังดีที่ระงับทันจึงยิ้มบางๆที่มุมปากแทนพร้อมรายงานให้ทราบ
“เพิ่งตื่นค่ะ คุณแม่นายให้มาตามไปทานอาหารเที่ยงค่ะ”
“ดี..ไปบอกแม่ด้วยไม่ต้องรอ ฉันจะพาน้องฟางไปทานที่รีสอร์ต”
“จะดีเหรอคะ เดือนกลัวแม่นายไม่พอใจ”
“ทำตามที่บอกก็พอ แล้วฉันจะบอกแม่เองถ้าท่านสงสัย” สั่งเสร็จร่างสูงใหญ่ก็เดินตรงไปยังห้องของ
ลษิดา
‘ยายหน้าจืดนั่นมีอะไรดี ทำไมนายสตรองถึงได้หลงมันนัก ห่างกันไม่ได้เลย อยู่ด้วยกันทั้งคืนแล้วยัง
ไม่พออีก ยังคิดจะพาไปอี๋อ้อกันที่รีสอร์ตอีก ไม่ได้ต้องขวาง’ คิดแล้วรีบเดินตรงไปยังห้องโถงหาพีรชา
==============
ก๊อกๆ! เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทำให้ลษิดาในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำที่เจ้าของบ้านได้จัดเตรียมไว้ให้ราว
กับเธอมาพักโรงแรมหรูต้องรีบเดินไปเปิดประตูด้วยเข้าใจว่าเป็นเดือนประดับแต่กลับพบร่างสูงใหญ่ของคนที่
ถืออภิสิทธิ์ยึดเธอเป็นหมอนข้างนอนกอดมาทั้งคืนและลุกหนีหายไปตอนไหนก็ไม่รู้มายืนหน้าประตูแทน
“ทำไมหน้าพี่เหมือนปีศาจร้ายเหรอไง ถึงได้ทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผี” ปรินทร์แกล้งถามเสียงจริงจัง
เมื่อเห็นใบหน้าสวยใสน่ารักจ้องมองเขานิ่งราวกับโดนคำสาบ
“คงงั้นมั้ง”
“งั้นเหรอ ถ้างั้นปีศาจขอเข้าสิงร่างคนปากดีบ้าง จะได้รู้ถูกปีศาจกินตับเป็นอย่างไร” ร่างสูงก็เดินเข้าใน
ห้องแล้วใช้เท้าถีบปิดประตูให้ปิดลง เจ้าของห้องปากดีเห็นท่าไม่ดีรีบถอยกรูดไปชิดขอบเตียงและทำท่าจะหงาย
หลังล้มลงไปบนเตียงดีที่มือแข็งแรงรีบเหนี่ยวตัวไว้แล้วดึงตัวมากอดไว้แนบอกพลางก้มหน้าลงมามองคนหน้าซีด
สวยน่ารักชนิดหนึ่งไม่มีสอง
“เกือบหลังหักแล้วมั้ยล่ะ ถ้าพี่ไม่รีบดึงตัวไว้ พิการตั้งแต่ยังสาว แล้วใครจะเลี้ยงล่ะ” เสียงเข้มดุว่าเล็ก
น้อยแต่ทว่าใบหน้ากลับยิ้มเลยทำให้คนสวยหน้าซีดใจชื้นยิ้มหวานได้ ยามใดที่อยู่กับพี่สตรองเธอก็ไม่ต้องกลัว
อันตรายใดๆเลยมีแรงเถียงได้
“ก็พี่สตรองไงคะ ทำให้น้องฟางตกใจจนเกือบหงายหลัง”
“เออ พี่ผิด ไหนๆก็ผิดแล้วขอผิดอีกสักเรื่องจะเป็นไรไป” ว่าแล้วแก้มเนียนใสก็ต้องรับศึกหนักจากริมฝีปาก
อุ่นหนาสวนได้รูปรับกับใบหน้าแต่เจ้าของแก้มกลับรับรู้ถึงความสากระคายผิวจากรอยหนวดเคราที่เพิ่งโกนไปใหม่ๆ
ก็ผิวผู้ชายไม่ได้เรียบเนียนเหมือนผู้หญิงและดูเหมือนปรินทร์จะติดใจแก้มเนียนใสจนไม่อยากผละจากแถมมือไม้
ก็เริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเพราะร่างบางอรชรนั้นเนียนนุ่มอวบอิ่มจนน่าสัมผัสไปทั่วจึงรู้ว่าภายใต้เสื้อคลุมอาบน้ำนั้นลษิดา
ไม่ได้สวมใส่อะไรไว้เลยจนแทบจะยั้งอารมณ์ไม่ไหวแต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวเองเลยจึงยอมให้เขาหอมแก้มไปทั่ว
และที่สุดก็ต้องเป็นฝ่ายหยุดยั้งเองและก่อนหยุดขอสัมผัสริมฝีปากอิ่มบางสวยสีสดหน่อยอยากรู้จะหอมหวาน
เหมือนแก้มหรือไม่และก่อนที่เขาจะได้ทำตามใจปรารถนามือเรียวสวยก็ยกขึ้นปิดปากตัวเองทันที
“อย่านะ แค่แก้มก็ช้ำพอแล้ว ห้ามรังแกปากน้องฟางนะ” เสียงหวานโวยทั้งที่หน้าแดงก่ำ
“แหมคิดว่ากำลังเคลิ้มเสียอีก ที่แท้ก็รู้ตัว เด็กร้ายกาจ ก็ได้ไม่แตะก็ได้” น่าแปลกเขายอมง่ายๆ
“ใครจะเคลิ้มได้ล่ะ แก้มแสบไปหมดแล้ว..คน...อุ้ย” เจ้าของแก้มบ่นเบาๆและพอรู้ตัวก็รีบยั้งคำพูดกลัวเขา
ได้ยินแต่เขากลับหูดีได้ยินจนได้จึงยิ้มพลางส่ายหน้าขำคนขี้อายแต่กล้าบ่นว่าได้
“จริงสิ ผิวผู้หญิงกับผู้ชายไม่เหมือนกัน น้องฟางเลยไม่ชิน เห็นทีต้องทำให้ชิน” ปรินทร์พูดเหมือนเป็น
เรื่องธรรมดาแต่คนฟังกลับรู้สึกไม่ธรรมดาจึงมีโวย
“ไม่ต้องมาทำให้น้องฟางชินนะ ยังไงก็ไม่ชินหรอก”
“เลิกโวยได้แล้ว รีบไปหาเสื้อผ้ามาใส่ได้แล้ว ยืนโวยวายยั่วพี่อยู่อย่างนี้เดี๋ยวได้เรื่องหรอก” ลษิดากำลังจะ
สวนกลับไปว่ายั่วอะไรก็ถูกมือใหญ่แข็งแรงจับจูงไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วสั่งเสียงเข้ม “รีบหาเลือกชุดมาใส่เสีย เอาที่มัน
เป็นกางเกงนะ จะได้คล่องตัวหน่อย แล้วเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ถ้าไม่อยากถูกพี่จับกินตับทั้งตัว”
ชัดเลยว่าเขาคิดอะไร ลษิดารีบก้มมองตัวเองแล้วร้อง “อุ๊ย” พลางรีบกระชับสาบเสื้อคลุมให้เข้าที่ขณะที่
ใบหน้าแดงก่ำถึงลำคอ ก็เธออายเขินนี่เมื่อเห็นสภาพตัวเอง สาบเสื้อคลุมอาบน้ำ เปิดออกจนเกือบเผยให้อกอิ่ม
งดงามเกือบครึ่งแถมโคนขาอ่อนเรียวสวยก็โชว์ให้เห็นอีกก็เธอแค่ผูกปมเสื้อไว้หลวมๆ นึกเจ็บใจตัวเองที่รีบไป
เปิดประตูจนลืมความรอบคอบที่เคยมีมา
“อายอะไรนักหนา ถ้าพี่อยากเห็นจริงก็เห็นตั้งแต่นอนกอดเมื่อคืนแล้ว รีบๆเลือกชุดเสีย พี่เสียเวลากับ
น้องฟางมามากแล้วนะ” เห็นเธอเขินอายจนทำอะไรไม่ถูกปรินทร์เอ่ยอย่างรำคาญติดจะหงุดหงิดจนลษิดางง
และรีบเลือกชุดแล้วเดินเข้าห้องน้ำอย่างเร่งรีบเลยไม่เห็นร่างสูงใหญ่เป่าลมออกจากปากอย่างโล่งอก
ที่เขาต้องทำเช่นนี้เพราะขืนให้คนรูปร่างสวยบอบบางอรชรแต่อวบอิ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อมายืนโชว์สัด
ส่วนให้เห็นเป็นบุญตาอีกสักพักสงสัยได้กินตับเด็กทั้งตัวจริงๆ
ลษิดาโตขึ้นแล้วน่ากลัวกว่าที่คิดเยอะ มีอะไรสวยๆงามๆชวนให้หลงใหลไม่ยาก อยู่ใกล้ๆใจชักจะเขวพา
เสียคนทุกที กลัวทำอะไรตามอารมณ์จนเธอกลัว กับหญิงอื่นเขาไม่เคยสนว่าจะคิดจะรู้สึกอย่างไรแต่กับ
ลษิดาเขาอยากให้ค่อยๆซึมซับอารมณ์ความรู้สึกของเขามากกว่านี้ดังนั้นจึงต้องอดทนอดกลั้นอารมณ์ทางกายที่
พลุ่นพล่านขึ้นยามอยู่ใกล้เธอเพราะเธอคือหญิงสาวเพียงคนเดียวที่อยู่ในใจเขามาตลอดตั้งแต่จากมากว่าสิบปี
จึงอยากให้เธอรู้
==============
พีรชารีบเดินมาหาลษิดาที่ห้องหลังรับทราบจากเดือนประดับว่าปรินทร์จะพาหญิงสาวไปที่รีสอร์ตแทนการ
ทานกลางวันกันที่บ้าน กลัวหนุ่มสาวอยู่กันตามลำพังแล้วจะเกิดเรื่องให้คนอื่นนินทาได้ บุตรชายตัวดีขนาดอยู่ต่อ
หน้าต่อตาเธอกับคนในบ้านยังกล้าหอมแก้มลษิดาโดยไม่แคร์หากปล่อยให้อยู่ตามลำพังมีหวังบุตรสาวเพื่อนรัก
ได้ถูกรังแกมากกว่านี้แน่ฉะนั้นเธอต้องขวางก่อนเพราะไม่ไว้ใจบุตรชาย จะรักจะหวงลษิดายังไงก็ต้องรู้จักยับยั้ง
ชั่งใจบ้างรอให้ถึงเวลาก่อน
“สตรองจะพาน้องไปไหน” พีรชาถามเสียงเข้มทันทีที่เห็นปรินทร์จูงมือลษิดามาพอดี
“พาไปลงโทษ ตัดลิ้น ข้อหากล้าขัดคำสั่งนายสตรองแห่งผาตะวัน” ปรินทร์พูดหน้าตายน้ำเสียงจริงจังจน
ทุกคนตกใจและพากันมึนงงไปตามๆกัน แต่คนที่ตกใจสับสนจนกลัวกลับเป็นน้องที่ถูกจับจูงอยู่ข้างกาย
“สตรองแม่ได้เล่นด้วยนะ แม่ไม่ยอมให้พาหนูฟางไปไหนทั้งนั้น วันนี้น้องต้องอยู่กับแม่” พีรชาขวางนาย
ใหญ่แห่งผาตะวันเต็มที่อย่างไม่กลัวเกรงก็เธอเป็นแม่นี่ย่อมต้องใหญ่กว่า
“ไว้ผมลงโทษเสร็จแล้วจะพากลับมาส่ง รับรองน้องฟางไม่ตายหรอก ผมจะลงโทษสถานเบาก็แล้วกัน”
คำว่าสถานเบาของปรินทร์ก็ทำให้ใครต่อใครกลัวได้ ปกติสถานเบาของนายใหญ่แห่งผาตะวันหมายถึงต้องส่ง
ให้หมอทำแผลตลอด แล้วหญิงสาวร่างบอบบางอรชรน่าถนอมจะทนไหวไหม ทว่าก็ไม่มีใครขวางได้แม่แต่แม่นาย
ใหญ่ก็ตาม ดังนั้นลษิดาจึงต้องเดินตามร่างสูงใหญ่ไปจากบ้านทั้งที่กำลังสับสนและหวาดกลัวกับการลงโทษและ
ไม่เข้าใจว่าตัวเองไปขัดคำสั่งคนบ้าอำนาจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“คุณป้านายคะ ไม่ตามไปช่วยคุณฟางเหรอคะ เดือนกลัวว่าเธอจะรับไม่ไหว ทำไมนายสตรองต้องใจร้าย
กับเธอด้วย เธอเพิ่งมาอยู่ยังไม่รู้อะไรเลยนะคะ” เดือนประดับเป็นห่วงลษิดาอย่างเห็นได้ชัดทว่าใจนั้นกลับมีข้อ
สงสัยว่าจริงหรือที่ปรินทร์จะลงโทษลษิดาอย่างปากว่า หรือเพียงแค่หาข้ออ้างพาลษิดาไปอยู่ตามลำพังดังนั้นเธอ
จึงต้องยุพีรชาให้ตามไปขวาง
“ช่างเถอะหนูเดือน ฉันคงไปขวางอะไรไม่ได้ หากนายสตรองจะลงโทษคน อีกอย่างหนูฟางก็ถือว่าเข้ามา
อยู่ในผาตะวันแล้วก็ต้องอยู่ภายใต้กฏของที่นี่อย่างไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน” พีรชาพูดเหมือนปลงสร้างความผิดหวัง
ให้เดือนประดับมาก
“แต่เธอเพิ่งมาอยู่น่าจะมีข้อยกเว้นบ้างนะคะคุณป้านาย” เดือนประดับดูห่วงลษิดาจนน่าแปลกใจ
“ขอบใจที่ห่วงหลานสาวฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันรบกวนหนูเดือนตามไปดูที ถ้ามันรุนแรงเกินหนูฟางจะรับได้
ก็ให้รีบกลับมาบอกฉัน” คำสั่งของพีรชรนั้นสร้างความพึงพอใจให้เดือนประดับอย่างมาก
“ค่ะคุณป้านาย” หญิงสาวรีบตามปรินทร์ไปทันที
‘สตรองอย่าว่าแม่นะ ที่ไปขวางความสุขของลูก แม่จำต้องปกป้องชื่อเสียงหนูฟางก่อน เป็นผู้หญิงอย่าง
ไรก็เสียหาย หากอยู่กับผู้ชายตามลำพังตลอดเวลา’ คนเป็นแม่ถ้าไม่รู้ทันลูกก็แย่เต็มที ที่ปรินทร์ทำเป็นขึงขังจะ
จับลษิดาไปลงโทษก็เพื่อกันไม่ให้มารดารั้งตัวไว้แต่ที่พีรชาไม่รู้คือยังมีคนรู้ทันอีกคนที่แสร้งทำเป็นหลงกลสองแม่ลูก
=============
ปรินทร์พาลษิดาไปที่รีสอร์ตและทันทีที่ถึงก็ทำให้พนักงานทุกคนพากันมองเพราะไม่เคยเห็นนายใหญ่แห่ง
ผาตะวันจับจูงมือหญิงสาวคนไหน แต่วันนี้กลับได้เห็นแถมหน้าตาหญิงสาวก็สวยน่ารักเอามากๆจนใครๆพากัน
มองด้วยความอิจฉาในความงามทั้งรูปร่างผิวพรรณดั่งสวรรค์จงใจปั้นแต่งขึ้นมาก็ไม่ปาน ทว่านายใหญ่แห่งผา
ตะวันกลับเดินจูงมือสาวสวยเดินตรงเข้ามาหาเจ้าหน้าฝ่ายต้อนรับที่ล็อบบี้แล้วถามว่า “อาหารที่ให้เตรียมไว้ใน
ห้องเรียบร้อยใช่ไหม”
“เรียบร้อยค่ะนายสตรอง” พนักงานสาวสวยผู้เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับตอบ
“อย่าให้ใครรบกวนจนกว่าฉันจะสั่ง” ปรินทร์บอกแล้วจูงมือสาวสวยเข้าห้องทำงานโดยไม่สนใจสายตา
ของใครต่อใครที่พากันมองอย่างสนใจ
“ว้าอกหักเลยเรา นายสตรองมีแฟนแล้วก็ไม่บอก” พอเห็นนายใหญ่แห่งผาตะวันเดินเข้าห้องพร้อมสาว
สวยพนักงานสาวสวยอีกคนก็หันไปบ่นกับเพื่อน
“นั่นสิ เห็นเงียบๆเฉยๆ ทำแต่งานจนใครๆกลัว แล้วแอบไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่” อีกคนตั้งข้อสงสัย
“แฟนใคร อะไรกัน” เสียงเข้มถามแทรกขึ้นจากผู้จัดหนุ่มใหญ่ที่ผ่านมาได้ยินเข้า ทำให้สาวๆพากันเงียบไป
พักหนึ่งก่อนจะมีใครตอบให้ได้ยิน
“นายสตรองค่ะ พาสาวสวยน่ารักมากๆมา”
“คุณสตรองพาสาวสวยมา เป็นไปไม่ได้มั้ง” วิวัฒน์ไม่เชื่อเท่าไรนัก คนชาเย็นอย่างปรินทร์มีหรือจะสนใจ
สาวๆและแล้วเขาก็ได้คำตอบเมื่อเห็นเดือนประดับเดินตรงมาหาและถามว่า
“สวัสดีค่ะ คุณวัฒน์เห็นนายสตรองพาสาวคนหนึ่งมาที่รีสอร์ตมั้ยคะ”
“เห็นค่ะคุณเดือน พาเข้าไปในห้องแล้ว” พนักงานต้อนรับประจำรีสอร์ตเป็นคนตอบแทน พนักงานที่รีสอร์ต
ส่วนใหญ่จะให้เกียรติเดือนประดับแม่บ้านใหญ่แห่งผาตะวันที่บางครั้งก็ช่วยมาดูแลงานที่รีสอร์ตด้วย
“คุณเดือนครับ ผมสงสัยอยู่ดีๆคุณสตรองก็พาสาวมา เป็นใครครับ” วิวัฒน์คิดว่าเดือนประดับต้องรู้แน่
“หลานสาวคุณป้านายค่ะ ชื่อลษิดา ชื่อเล่นว่า ฟาง คุณป้านายให้นายสตรองไปรับมาอยู่ด้ว ยังไม่รู้ว่า
หลานสายไหน แต่คุณป้านายให้นายสตรองดูแลเป็นพิเศษ อีกอย่างเธอก็น่ารักขี้อ้อน ใครเห็นก็หลงทั้งนั้น”
เดือนประดับชื่นชมลษิดาแปลกๆ
“แล้วคุณเดือนล่ะครับ หลงด้วยหรือเปล่า” วิวัฒน์ถามพลางจ้องมองเดือนประดับอย่างมีความหมาย
“อันนี้ตอบไม่ได้ค่ะคุณวัฒน์ ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสมากนัก แต่ที่เห็นเธออ้อนคุณป้านายกับนายสตรอง
เก่ง เห็นว่าสนิทกันมาแต่เล็ก เลยไม่แปลก ท่าทางจะเป็นเด็กไม่ยอมโตมากกว่า อุ๊ย..เดือนเผลอนินทานายให้ฟัง
ไม่ดี เดี๋ยวนายมาได้ยินเข้าแย่แน่ คุณป้านายสั่งให้มาคอยดูแลหลานสาวท่าน” เดือนประดับเอามือทาบอกทำที
เป็นเผลอแล้วทำท่าจะเดินไปเคาะห้องทำงานของปรินทร์หากไม่มีเสียงท้วงของวิวัฒน์ดังขึ้นก่อน
“เดี๋ยวกับคุณเดือน ผมว่าอย่าเพิ่งไปกวนคุณสตรองดีกว่า คุณก็น่าจะรู้นายสตรองไม่ชอบให้ใครกวนถ้า
ไม่ใช่เรื่องงานนอกจากจะเรียกหาเอง”
‘ไอ้บ้าแส่ไม่เข้าเรื่อง’ เดือนประดับหงุดหงิดนักที่ถูกขวางทว่าสีหน้ากลับเป็นกังวล
“จริงสิเดือนลืมไป แล้วจะทำอย่างไรดี คุณป้านายสั่งเดือนมาด้วย” เดือนประดับเก็บความขุ่นมัวไว้ในใจ
ที่ถูกวิวัฒน์ขวางแล้วทำสีหน้ากังวลแทน
“ผมเห็นใจครับ แต่คุณก็รู้คุณสตรองไม่ชอบให้ใครฝืนคำสั่ง” ผู้จัดการรีสอร์ตเตือนด้วยหวังดี
“ถ้างั้นเดือนก็ต้องรอสินะ ยอมให้คุณป้านายตำหนิยังดีกว่าขัดคำสั่งนายสตรอง” เดือนประดับยอมจำนน
และทำท่าจะรอจนกว่าคนในห้องจะออกมาหากไม่บังเอิญเห็นร่างสูงหนาใหญ่ของฟาลเดินเข้ามาก่อน พอเห็นหนุ่ม
ใหญ่ร่างยักษ์ก็ยิ้มเหมือนคิดอะไรออก
---------------------------------------
ขขขขขขขขขลงให้ต่อค่ะสำหรับเรื่องนี้หลังจากมีปัญหาเรื่องตาไปนาน ตอนนี้เริ่มรู้สาเหตุว่าเพราะอะไร
และพยายามหลีกเลี่ยวงสิ่งที่แพ้ จะพยายามต่อให้จบ หวังว่าคงจำเรื่องนี้ได้ ค่ะ ถ้ารักชอบเรื่องนี้ก็ส่งเสียง
ทวนความจำหน่อยค่ะ ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘
ด้านทานุหลังพบกับลษิดาและรู้ว่าเธอเป็นที่ต้องตาต้องใจของกฤตินักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลซึ่งจะช่วยเขา
เรื่องธุรกิจได้ แต่เธอกลับบอกว่าเป็นภรรยาของปรินทร์และไปด้วยกันอีก แม้ลษิดาจะอ้างแบบนั้นแต่เขาไม่เชื่อเท่า
ไร เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่อย่างน้อยเธอน่าจะไว้หน้าเขาบ้างในฐานะพี่ชาย ไม่ใช่ตามปรินทร์ไปต่อ
หน้าต่อตาเขาโดยไม่เกรงใจสักนิด อย่างไรเสียเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เขาไม่อยู่บ้านและคนที่จะ
ตอบเขาได้คงหนีไม่พ้นวรดาภรรยาของเขากับปิยะดาผู้เป็นอา ดังนั้นเขาจึงกลับบ้านแทนการไปพบลูกค้าราย
ใหม่และพามาพักที่บ้านเพื่อชมโรงงานเจียรไนเพชรพลอยของเขา เพราะหากกฤติยอมซื้อและทำธุรกิจร่วมกับเขา
มันย่อมดีกว่าและช่วยเขาขยายตลาดได้ดีกว่าเนื่องจากกฤติเป็นคนกว้างขวาง
“อ้าว นุไหนว่าจะกลับอาทิตย์หน้า ทำไมกลับเร็วนักล่ะ” วรดาเห็นสามีกลับก่อนกำหนดก็ให้แปลกใจนัก
“จริงสินุ ทำไมเก็บเร็วกว่ากำหนด” ไม่เพียงแต่วรดาที่สงสัยปิยะดาก็สงสัยเช่นกัน
“บังเอิญเสร็จเร็ว ทุกอย่างลงตัว แล้วไม่ดีใจหรือที่ผมกลับมา” ทานุย้อนถามกลับพลางมองหน้าภรรยากับ
ผู้เป็นอาอย่างสงสัย
“ปะ เปล่า นุคิดมากไปได้ ใครจะไม่ดีใจ ดาด้าคิดถึงนุทุกวันเลยรู้มั้ย” วรดาพยายามกลับเกลื่อนและปั้น
หน้าดีใจที่เห็นสามีกลับมา
“งั้นเหรอ แล้วอาดาล่ะ” ทานุทำตัวเป็นผู้พิพากษาชอบกล ไล่ถามทีละคน
“ก็อามัวแต่ตื่นเต้นที่นุกลับมา นี่ก็ใกล้เย็นแล้ว อาจะรีบไปสั่งแม่ครัวให้ทำของโปรดให้นุทานนะ” ปิยะดา
หาทางชิ่งก่อน กลัวทานุซักเรื่องลษิดาจึงสร้างความไม่พอใจให้กับวรดายิ่งนัก
‘อีแก่นี่ รู้จักเอาตัวรอดดีนักนะ ไม่อยู่ช่วยรับหน้าเลย’ วรดาด่าว่าปิยะดาในใจ
“เอาล่ะ ดาด้าอาดาขอตัวไปจัดการเรื่องอาหารแล้วคุณล่ะ อยากอยู่กับผมหรือมีธุระอื่น” คำถามนั้นทำ
เอาวรดาถึงกับไปไม่ถูกเอาเลยแต่พอตั้งตัวได้ก็ยิ้มหวานและเข้าไปเกาะแขนสามีอย่างประจบ
“แหมนุก็ เห็นนุกลับมา ดาด้าก็ต้องอยู่กับนุสิคะ”
“ดีแล้ว ผมมีเรื่องจะถาม น้องฟางไปไหน ห้ามโกหก ผมต้องการความจริง” ทานุคาดคั้นเต็มที่ วรดาไม่เคย
เห็นอาการจริงจังน่ากลัวแบบนี้ของสามีมาก่อน ยิ่งกับลษิดายิ่งไม่ได้อยู่ในความสนใจของสามีเท่าไรนักแต่ทำไม
กลับจากนอกครั้งนี้ทานุถึงถามหาลษิดาต้องมีอะไรแน่ หรือว่ามีใครแอบไปบอกเขา เป็นไปไม่ได้ ก็เธอกับปิยะดา
คาดโทษทุกคนแล้วไว้แล้วนี่ถ้าใครปริปากเรื่องลษิดาจะถูกไล่ออกให้จดจำแค่ลษิดาหนีตามผู้ชายไป แล้วเขารู้ได้
อย่างไร ใครกันที่บอก
“ไม่ต้องทำหน้างงหรอกดาด้า ผมเป็นผัวคุณ ย่อมต้องรู้จักคุณดี บอกมาน้องฟางไปไหน” ทานุเห็นภรรยา
ยังไม่ตอบจึงต้องย้ำอีกครั้ง
“ก็หนีตามผู้ชายไป ตั้งแต่คุณไปต่างประเทศนั่นแหละ ฉันจะไปรู้เรอะว่ามันจะใฝ่ต่ำ พยายามทัดทาน
พูดเตือนสติ แต่มันใจแตกเลยมองไม่เห็นความหวังดีของฉัน หนีตามกันไปแถมทำร้ายฉันอีกพอฉันจับได้ว่ากำลัง
จะหนีตามกันไป ไม่เชื่อไปถามอาดาดูหรือคนในบ้านก็ได้” วรดาแกล้งทำเป็นโกรธแล้วพูดจาให้ร้ายลษิดา
“แล้วคุณยอมหรือ คนในบ้านออกเยอะแยะ ทำไมไม่เรียกให้ช่วย” ทานุไม่เชื่อยังคงคาดคั้นต่อ
“เอ๊ะนุนี่ กลับมาแทนที่จะแสดงความคิดถึงเมียกลับเอาแต่หาเรื่อง เห็นนังน้องนอกไส้ดีกว่าดาด้า เรา
เลิกกันเลยดีมั้ย” เมื่อถูกคาดคั้นหนักเข้าวรดาก็ทำเป็นโกรธแทน เธอรู้ถึงอย่างไรทานุก็ไม่กล้าบอกเลิกกับเธอ
หรอกเพราะเขายังต้องอาศัยญาติฝ่ายเธอเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจและหลงเธอพอควร
“ดาด้าแกล้งอารมณ์เสียใส่ผม ไม่ได้ผลหรอก ถึงคุณไม่บอกผมก็รู้ว่าเป็นฝีมือคุณและอาดาอาจมีส่วน
ร่วมด้วย ที่ผมรู้เพราะบังเอิญไปพบน้องฟางระหว่างทาง คิดพากลับมาด้วยกันกลับ แต่นั่นไม่สำคัญเท่าไร
ที่ผมโกรธคือ คุณทำให้ทุกอย่างพังหมด” เป็นครั้งแรกที่ทานุต่อว่าภรรยาอย่างแรง
“ก็นังนั่นมันใฝ่ต่ำอยากหนีตามผู้ชายไปเอง ที่โกรธเพราะเสียดายใช่ไหม ได้ถ้าเสียดายนักทำไมไม่ลงประ
กาศคนหายล่ะ อาจช่วยได้แต่อย่าหวังว่าดาด้าจะยอมให้มาเหยียบบ้านนี้อีกตราบใดที่ดาด้ายังเป็นเมียนุอยู่” วรดา
เมื่อถูกสามีต่อว่าจึงสวนกลับอย่างแรงอย่างไม่กลัวเกรง เธอมีนิสัยเอาแต่ใจมาตั้งแต่เล็กไม่เคยยอมลงให้ใครเพราะ
เป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านถูกพ่อแม่ตามใจจนเสียคน
“เลอะเทอะไปใหญ่แล้ว ผมไม่เคยมองน้องฟางในแง่ชู้สาว นอกจากน้องสาวบุญธรรม ถ้าคุณดีกับน้องฟาง
บ้าง อะไรๆก็จะง่ายขึ้นแต่นี่คุณทำเสียหมด” ทานุบอกแล้วเดินหนีจะขึ้นห้องแต่วรดายังไม่ยอมให้เขาทำอย่างนั้นจึง
เดินไปขวางหน้าไว้
“อย่าเพิ่งไป เราต้องพูดให้รู้เรื่อง นุว่าดาด้าทำเสียอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนังนั่นด้วย” วรดาคาดคั้นเขา
อย่างเอาเรื่อง
“ฟังให้ดีนะ ดาด้า คู่ค้ารายใหญ่ของผมเห็นน้องฟางแล้วเกิดชอบขึ้นมา ถ้าไม่มีน้องฟางไปร่วมเจรจาธุรกิจ
ด้วย เขาจะไม่สั่งซื้อสินค้าเราอีกและไม่ช่วยด้วย อีกอย่างพินัยกรรมของคุณแม่จะยังไม่เปิดตราบใดที่น้องฟางไม่
อยู่ร่วมฟังด้วย ทีนี้เข้าใจหรือยัง” ทานุพยายามกลั้นอารมณ์อย่างสุดฤทธิ์ละพูดกับภรรยาอย่างใจเย็นเพื่อตัดปัญหา
ผัวเมียทะเลาะกันให้คนในบ้านเห็นซึ่งมันไม่ดีและเขาก็ห่วงภาพพจน์ด้วย
“นุก็น่าจะบอกดาด้าก่อน แล้วนี่จะไปตามตัวได้ที่ไหน ผู้ชายที่มาช่วยมันไปก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร” วรดาเผลอจน
ได้เลยทำให้ทานุสงสัยและพอจะคาดเดาได้ ทำไมลษิดาถึงไม่กลับมากลับเขา
“ดาด้าบอกผมมา คุณทำอะไรน้องฟาง อย่าปิดบังอีกเล่ามาให้หมด ผมให้สัญญาจะไม่เอาเรื่องคุณเพราะ
รู้ว่าคุณเกลียดน้องฟางแค่ไหน มันไม่ผิดหรอกที่คิดทำร้ายคนที่เราเกลียด แต่ถ้าไม่บอกผมว่าเราห่างกันสักพักก็น่า
จะดี” คำพูดนิ่มๆแต่กลับขู่ได้น่ากลัว สิ่งที่วรดากลัวที่สุดคือต้องกลับไปอยู่กับพ่อแม่และถูกเพื่อนๆนินทาว่าสามีดีๆ
อย่างทานุ นักธุรกิจอนาคตไกล ที่สาวๆในจังหวัดต่างหมายปองคงทนเธอไม่ได้หรือเธอไม่ดีพอจึงถูกขับออกจากบ้าน
กว่าเธอจะหลอกล่อเขาให้มาติดกับหลงเสน่ห์เธอจนยอมแต่งด้วยมันไม่ง่ายเรื่องอะไรจะยอม
“นุดาด้าขอโทษนะ ที่ดาด้าทำอะไรตามอารมณ์ แต่ต้องโทษตนัยเพื่อนนุ ที่ถือโอกาสตอนนุไม่อยู่มาขอให้
ดาด้าช่วยให้ความรักสมหวังเพราะรักจริงหวังแต่ง ดาด้าเลยเปิดโอกาสให้ แต่นึกไม่ถึงนังนั่นจะแอบนัดแนะผู้ชาย
ที่ไหนไม่รู้มาในบ้านด้วยเลยทำร้ายตนัยแล้วพากันหนีไป” วรดาฉลาดพอที่จะไม่ดื้อเพ่งและหาเพื่อนร่วมรับผิดแต่
ไม่วายโยนความคิดให้ลษิดาอยู่ดี
“คุณไม่รู้แต่ผมรู้ ผมเห็นน้องฟางอยู่กับปรินทร์ ลูกชายเพื่อนรักคุณแม่เคยมาอยู่บ้านเราเกือบสองปี
สนิทกับน้องฟางมาก แต่ผมไม่รู้ว่าเวลานี้นายคนนั้นอยู่ที่ไหน ถ้ารู้จะง่ายขึ้น” ทานุมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด
เพราะหากหาตัวลษิดาไม่เจอ ของค้างสต็อกมูลค่ามหาศาลก็จะขายไม่ออกแล้วทำให้เขาขาดทุนได้ นักธุรกิจที่
เล็งเห็นแต่กำไรอย่างเขาไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด ที่จริงมันแค่ขายไม่ได้ในช่วงนี้และไม่ถึงขั้นทำให้เขาล่มจม
เพราะสินทรัพย์เขามีมากแต่เขางกเกินกว่าที่จะปล่อยให้มันเป็นของค้างสต็อกเปลืองเงินทุนเขาเล่นไปนานๆ ใน
แง่ธุรกิจถือว่าเสียหายมากจึงต้องพยายามหาทางกำจัดออกไปให้ได้ มูลค่าเครื่องประดับทั้งหมดเกือบยี่สิบล้าน
ใครจะยอมปล่อยให้มันอยู่เฉยๆ
“ดาด้าจะให้คุณลุงช่วย ท่านเป็นคนกว้างขวางคงพอช่วยได้ บอกชื่อนามสกุลนายคนนั้นมาก็พอ”
ประโยชน์ของวรดามีไม่น้อยคือเธอมีลุงซึ่งเป็นคนกว้างขวางของระดับจังหวัดและรู้จักคนใหญ่คนโตในสังคม
มากมายพอควรจึงไม่ยากถ้าจะตามหาใครสักคน
“ผมคิดไม่ผิดที่แต่งกับคุณ ฟังให้ดีนะ นายคนนั้นชื่อ ปรินทร์ เกียรติดำรง ปัจจัยทำงานอะไรใหญ่โตมีชื่อ
เสียงแค่ไหนผมไม่รู้” ทานุเองก็รู้จักเอาใจภรรยาด้วยคำหวาน ที่จริงเขาไม่ได้รักชอบอะไรวรดามากนักที่แต่งกับเธอ
ก็เพราะเล็งเห็นผลประโยชน์ที่จะได้จากเธอเรื่องธุรกิจ ชีวิตเขาหายใจเข้าออกเป็นเรื่องธุรกิจมากกว่าอย่างอื่นเรื่อง
อื่นจึงกลายเป็นรอง
“นุพูดแบบนี้ดาด้าช่วยเต็มที่เลย แต่ดาด้าว่านุกลับมาเหนื่อยๆ ไปพักก่อนดีกว่า ดาด้าคิดถึงนุจะแย่แล้ว
จากไปหลายวัน แล้วนุล่ะคิดถึงดาด้าหรือเปล่า” วรดาออดอ้อนสามีพร้อมส่งสายตาเชิญชวนโดยไม่ปิดบัง ทานุ
ยิ้มเล็กน้อยแล้วช้อนอุ้มร่างอวบอิ่มเย้ายวนของภรรยาขึ้นห้องโดยไม่มีคำตอบ อย่างน้อยเธอก็ให้ความสุขเขาได้
เต็มที่โดยที่เขาไม่ต้องลงมือแถมไม่จืดชืดเหมือนผู้หญิงบางคนที่เขาเคยสัมผัสมา แม้นิสัยบางอย่างจะเกินเลยไป
บ้างจนเขารำคาญในบางครั้งก็ตามที่สำคัญก็เพื่อเหตุผลทางธุรกิจนั่นเอง
=========================
ด้านน้องสาวนอกไส้ของทานุที่เขาอยากได้ตัวกลับไปนั้นก็หลับเป็นตายด้วยความเพลียจากการเดินทาง
แถมต้องมาเจอกับเรื่องชวนสยองตั้งแต่คืนแรกที่ผาตะวันและต้องรบรากับปรินทร์ที่จ้องจะกินตับเด็กอย่างเธอกว่า
จะเข้าใจกันได้และหลับอย่างสบายใจก็ดึกเอาการ และหากไม่มีเสียงเคาะประตูดังๆเธอคงยังไม่ตื่นแน่
“คุณฟางคะ ตื่นหรือยังคะ สายมากแล้วนะคะ คุณป้านายให้มาตามไปทานข้าวเที่ยงค่ะ” เสียงตะโกน
ดังๆนอกประตูหลังจากเคาะแล้วของเดือนประดับนั้นช่วยปลุกคนที่หลับเป็นตายให้ลืมตาตื่นได้แล้วมองไป
รอบๆห้องแต่ทั้งห้องยังคงมืดสนิทเพราะผ้าม่านบังแสงนั่นเอง จะมีเพียงแสงลอดเล็กน้อยจากพื้นห้องที่เข้ามให้
เห็น จึงหันไปดูนาฬิกาที่โต๊ะข้างหัวเตียงพลางทำหน้าตกใจเมื่อเห็นเข็มชี้บอกเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาห้าสิบนาที
จึงรีบลุกจากเตียงและเดินไปเปิดประตู
“คุณเดือน ฟางขอโทษนะคะที่ตื่นสายไปหน่อย หลับไม่รู้เรื่องเลยค่ะ” ลษิดาสารภาพตรงและรู้สึกอาย
เดือนประดับซึ่งมองเธอเหมือนขำในที
“ที่จริงเดือนว่าจะมาชวนคุณฟางไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาชมตะวันหน่อยแต่เห็นคุณป้านายบอกว่าคุณ
ฟางเพิ่งมาอยู่วันแรก คงเพลียจากการเดินทางให้พักให้เต็มที่ ถ้ายังไม่ตื่นค่อยปลุกตอนใกล้เที่ยงก็ได้” เดือนประ
ดับพูดอย่างคนมีน้ำใจแต่กลับทำให้ลษิดารู้สึกผิดชอบกล เหมือนเธอเป็นหญิงไม่ดีขาดความเป็นกุลสตรี นอนกิน
บ้านกินเมืองชอบกล
“ฟางนอนเพลินไปหน่อยค่ะ เกรงใจจริงๆ รบกวนคุณเดือนช่วยบอกคุณน้าด้วย ขอเวลาสักสิบห้านาที
ฟางจะไปพบค่ะ” ลษิดาบอกอย่างเกรงใจ
“ตามสบายค่ะ ไม่มีใครว่าหรอกค่ะ คนที่นี่ใจดีทั้งนั้น เพียงแต่ติดนิสัยนอนแต่หัวค่ำตื่นแต่เช้าค่ะ คุณฟาง
เพิ่งมาอยู่ใหม่เลยไม่รู้ ไว้เดือนจะค่อยๆเล่าให้ฟังเกี่ยวกับวัฒนธรรมของคนที่นี่ให้ฟังค่ะ” เดือนประดับพูดให้อีกฝ่าย
สบายใจทว่าลษิดากลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกว่าชอบกล
‘ไม่น่าระแวงเกินไปแล้วเรา คุณเดือนเป็นคนมีน้ำใจ’ ลษิดาตำหนิตัวเองในใจแล้วพูดว่า “เห็นทีฟางต้อง
รีบเรียนรู้แล้วค่ะ ไม่อย่างนั้นเดือดร้อนแน่”
“ไม่ต้องรีบค่ะ เดือนกลัวนายสตรองหาว่าทำให้คุณฟางเครียด ไม่เอาแล้วค่ะ เดือนพูดมากไปหน่อย
เจอกันที่ห้องอาหารดีกว่าค่ะ” เดือนประดับพูดทิ้งค้างให้ลษิดาหวาดระแวงแล้วตัดบทเดินจากไป
‘แปลกทำไมคุณเดือนต้องทำท่าเหมือนเกรงกลัวพี่สตรองด้วย ไว้จะลองถามดูทีหลัง ตอนนี้ต้องรีบไปจัด
การตัวเองดีกว่าถ้าไม่อยากถูกว่ามากกว่านี้ นอกจากตื่นสายแล้วยังกรีดกรายแต่งตัวช้าอีก’
============
เดือนประดับหลังบอกลษิดาแล้วก็คิดจะไปบอกพีรชาที่รออยู่ที่ห้องโถงแต่ยังไม่ทันถึง เธอก็เห็นร่างสูงใหญ่
ของปรินทร์เดินตรงมาพอดี
“นายสตรองจะไปไหนคะ” เดือนประดับทักขึ้น
“เดือนน้องฟางตื่นหรือยัง” ปรินทร์ถามหาลษิดาทันที เดือนประดับเกือบชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจทว่า
ยังดีที่ระงับทันจึงยิ้มบางๆที่มุมปากแทนพร้อมรายงานให้ทราบ
“เพิ่งตื่นค่ะ คุณแม่นายให้มาตามไปทานอาหารเที่ยงค่ะ”
“ดี..ไปบอกแม่ด้วยไม่ต้องรอ ฉันจะพาน้องฟางไปทานที่รีสอร์ต”
“จะดีเหรอคะ เดือนกลัวแม่นายไม่พอใจ”
“ทำตามที่บอกก็พอ แล้วฉันจะบอกแม่เองถ้าท่านสงสัย” สั่งเสร็จร่างสูงใหญ่ก็เดินตรงไปยังห้องของ
ลษิดา
‘ยายหน้าจืดนั่นมีอะไรดี ทำไมนายสตรองถึงได้หลงมันนัก ห่างกันไม่ได้เลย อยู่ด้วยกันทั้งคืนแล้วยัง
ไม่พออีก ยังคิดจะพาไปอี๋อ้อกันที่รีสอร์ตอีก ไม่ได้ต้องขวาง’ คิดแล้วรีบเดินตรงไปยังห้องโถงหาพีรชา
==============
ก๊อกๆ! เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทำให้ลษิดาในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำที่เจ้าของบ้านได้จัดเตรียมไว้ให้ราว
กับเธอมาพักโรงแรมหรูต้องรีบเดินไปเปิดประตูด้วยเข้าใจว่าเป็นเดือนประดับแต่กลับพบร่างสูงใหญ่ของคนที่
ถืออภิสิทธิ์ยึดเธอเป็นหมอนข้างนอนกอดมาทั้งคืนและลุกหนีหายไปตอนไหนก็ไม่รู้มายืนหน้าประตูแทน
“ทำไมหน้าพี่เหมือนปีศาจร้ายเหรอไง ถึงได้ทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผี” ปรินทร์แกล้งถามเสียงจริงจัง
เมื่อเห็นใบหน้าสวยใสน่ารักจ้องมองเขานิ่งราวกับโดนคำสาบ
“คงงั้นมั้ง”
“งั้นเหรอ ถ้างั้นปีศาจขอเข้าสิงร่างคนปากดีบ้าง จะได้รู้ถูกปีศาจกินตับเป็นอย่างไร” ร่างสูงก็เดินเข้าใน
ห้องแล้วใช้เท้าถีบปิดประตูให้ปิดลง เจ้าของห้องปากดีเห็นท่าไม่ดีรีบถอยกรูดไปชิดขอบเตียงและทำท่าจะหงาย
หลังล้มลงไปบนเตียงดีที่มือแข็งแรงรีบเหนี่ยวตัวไว้แล้วดึงตัวมากอดไว้แนบอกพลางก้มหน้าลงมามองคนหน้าซีด
สวยน่ารักชนิดหนึ่งไม่มีสอง
“เกือบหลังหักแล้วมั้ยล่ะ ถ้าพี่ไม่รีบดึงตัวไว้ พิการตั้งแต่ยังสาว แล้วใครจะเลี้ยงล่ะ” เสียงเข้มดุว่าเล็ก
น้อยแต่ทว่าใบหน้ากลับยิ้มเลยทำให้คนสวยหน้าซีดใจชื้นยิ้มหวานได้ ยามใดที่อยู่กับพี่สตรองเธอก็ไม่ต้องกลัว
อันตรายใดๆเลยมีแรงเถียงได้
“ก็พี่สตรองไงคะ ทำให้น้องฟางตกใจจนเกือบหงายหลัง”
“เออ พี่ผิด ไหนๆก็ผิดแล้วขอผิดอีกสักเรื่องจะเป็นไรไป” ว่าแล้วแก้มเนียนใสก็ต้องรับศึกหนักจากริมฝีปาก
อุ่นหนาสวนได้รูปรับกับใบหน้าแต่เจ้าของแก้มกลับรับรู้ถึงความสากระคายผิวจากรอยหนวดเคราที่เพิ่งโกนไปใหม่ๆ
ก็ผิวผู้ชายไม่ได้เรียบเนียนเหมือนผู้หญิงและดูเหมือนปรินทร์จะติดใจแก้มเนียนใสจนไม่อยากผละจากแถมมือไม้
ก็เริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเพราะร่างบางอรชรนั้นเนียนนุ่มอวบอิ่มจนน่าสัมผัสไปทั่วจึงรู้ว่าภายใต้เสื้อคลุมอาบน้ำนั้นลษิดา
ไม่ได้สวมใส่อะไรไว้เลยจนแทบจะยั้งอารมณ์ไม่ไหวแต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวเองเลยจึงยอมให้เขาหอมแก้มไปทั่ว
และที่สุดก็ต้องเป็นฝ่ายหยุดยั้งเองและก่อนหยุดขอสัมผัสริมฝีปากอิ่มบางสวยสีสดหน่อยอยากรู้จะหอมหวาน
เหมือนแก้มหรือไม่และก่อนที่เขาจะได้ทำตามใจปรารถนามือเรียวสวยก็ยกขึ้นปิดปากตัวเองทันที
“อย่านะ แค่แก้มก็ช้ำพอแล้ว ห้ามรังแกปากน้องฟางนะ” เสียงหวานโวยทั้งที่หน้าแดงก่ำ
“แหมคิดว่ากำลังเคลิ้มเสียอีก ที่แท้ก็รู้ตัว เด็กร้ายกาจ ก็ได้ไม่แตะก็ได้” น่าแปลกเขายอมง่ายๆ
“ใครจะเคลิ้มได้ล่ะ แก้มแสบไปหมดแล้ว..คน...อุ้ย” เจ้าของแก้มบ่นเบาๆและพอรู้ตัวก็รีบยั้งคำพูดกลัวเขา
ได้ยินแต่เขากลับหูดีได้ยินจนได้จึงยิ้มพลางส่ายหน้าขำคนขี้อายแต่กล้าบ่นว่าได้
“จริงสิ ผิวผู้หญิงกับผู้ชายไม่เหมือนกัน น้องฟางเลยไม่ชิน เห็นทีต้องทำให้ชิน” ปรินทร์พูดเหมือนเป็น
เรื่องธรรมดาแต่คนฟังกลับรู้สึกไม่ธรรมดาจึงมีโวย
“ไม่ต้องมาทำให้น้องฟางชินนะ ยังไงก็ไม่ชินหรอก”
“เลิกโวยได้แล้ว รีบไปหาเสื้อผ้ามาใส่ได้แล้ว ยืนโวยวายยั่วพี่อยู่อย่างนี้เดี๋ยวได้เรื่องหรอก” ลษิดากำลังจะ
สวนกลับไปว่ายั่วอะไรก็ถูกมือใหญ่แข็งแรงจับจูงไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วสั่งเสียงเข้ม “รีบหาเลือกชุดมาใส่เสีย เอาที่มัน
เป็นกางเกงนะ จะได้คล่องตัวหน่อย แล้วเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ถ้าไม่อยากถูกพี่จับกินตับทั้งตัว”
ชัดเลยว่าเขาคิดอะไร ลษิดารีบก้มมองตัวเองแล้วร้อง “อุ๊ย” พลางรีบกระชับสาบเสื้อคลุมให้เข้าที่ขณะที่
ใบหน้าแดงก่ำถึงลำคอ ก็เธออายเขินนี่เมื่อเห็นสภาพตัวเอง สาบเสื้อคลุมอาบน้ำ เปิดออกจนเกือบเผยให้อกอิ่ม
งดงามเกือบครึ่งแถมโคนขาอ่อนเรียวสวยก็โชว์ให้เห็นอีกก็เธอแค่ผูกปมเสื้อไว้หลวมๆ นึกเจ็บใจตัวเองที่รีบไป
เปิดประตูจนลืมความรอบคอบที่เคยมีมา
“อายอะไรนักหนา ถ้าพี่อยากเห็นจริงก็เห็นตั้งแต่นอนกอดเมื่อคืนแล้ว รีบๆเลือกชุดเสีย พี่เสียเวลากับ
น้องฟางมามากแล้วนะ” เห็นเธอเขินอายจนทำอะไรไม่ถูกปรินทร์เอ่ยอย่างรำคาญติดจะหงุดหงิดจนลษิดางง
และรีบเลือกชุดแล้วเดินเข้าห้องน้ำอย่างเร่งรีบเลยไม่เห็นร่างสูงใหญ่เป่าลมออกจากปากอย่างโล่งอก
ที่เขาต้องทำเช่นนี้เพราะขืนให้คนรูปร่างสวยบอบบางอรชรแต่อวบอิ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อมายืนโชว์สัด
ส่วนให้เห็นเป็นบุญตาอีกสักพักสงสัยได้กินตับเด็กทั้งตัวจริงๆ
ลษิดาโตขึ้นแล้วน่ากลัวกว่าที่คิดเยอะ มีอะไรสวยๆงามๆชวนให้หลงใหลไม่ยาก อยู่ใกล้ๆใจชักจะเขวพา
เสียคนทุกที กลัวทำอะไรตามอารมณ์จนเธอกลัว กับหญิงอื่นเขาไม่เคยสนว่าจะคิดจะรู้สึกอย่างไรแต่กับ
ลษิดาเขาอยากให้ค่อยๆซึมซับอารมณ์ความรู้สึกของเขามากกว่านี้ดังนั้นจึงต้องอดทนอดกลั้นอารมณ์ทางกายที่
พลุ่นพล่านขึ้นยามอยู่ใกล้เธอเพราะเธอคือหญิงสาวเพียงคนเดียวที่อยู่ในใจเขามาตลอดตั้งแต่จากมากว่าสิบปี
จึงอยากให้เธอรู้
==============
พีรชารีบเดินมาหาลษิดาที่ห้องหลังรับทราบจากเดือนประดับว่าปรินทร์จะพาหญิงสาวไปที่รีสอร์ตแทนการ
ทานกลางวันกันที่บ้าน กลัวหนุ่มสาวอยู่กันตามลำพังแล้วจะเกิดเรื่องให้คนอื่นนินทาได้ บุตรชายตัวดีขนาดอยู่ต่อ
หน้าต่อตาเธอกับคนในบ้านยังกล้าหอมแก้มลษิดาโดยไม่แคร์หากปล่อยให้อยู่ตามลำพังมีหวังบุตรสาวเพื่อนรัก
ได้ถูกรังแกมากกว่านี้แน่ฉะนั้นเธอต้องขวางก่อนเพราะไม่ไว้ใจบุตรชาย จะรักจะหวงลษิดายังไงก็ต้องรู้จักยับยั้ง
ชั่งใจบ้างรอให้ถึงเวลาก่อน
“สตรองจะพาน้องไปไหน” พีรชาถามเสียงเข้มทันทีที่เห็นปรินทร์จูงมือลษิดามาพอดี
“พาไปลงโทษ ตัดลิ้น ข้อหากล้าขัดคำสั่งนายสตรองแห่งผาตะวัน” ปรินทร์พูดหน้าตายน้ำเสียงจริงจังจน
ทุกคนตกใจและพากันมึนงงไปตามๆกัน แต่คนที่ตกใจสับสนจนกลัวกลับเป็นน้องที่ถูกจับจูงอยู่ข้างกาย
“สตรองแม่ได้เล่นด้วยนะ แม่ไม่ยอมให้พาหนูฟางไปไหนทั้งนั้น วันนี้น้องต้องอยู่กับแม่” พีรชาขวางนาย
ใหญ่แห่งผาตะวันเต็มที่อย่างไม่กลัวเกรงก็เธอเป็นแม่นี่ย่อมต้องใหญ่กว่า
“ไว้ผมลงโทษเสร็จแล้วจะพากลับมาส่ง รับรองน้องฟางไม่ตายหรอก ผมจะลงโทษสถานเบาก็แล้วกัน”
คำว่าสถานเบาของปรินทร์ก็ทำให้ใครต่อใครกลัวได้ ปกติสถานเบาของนายใหญ่แห่งผาตะวันหมายถึงต้องส่ง
ให้หมอทำแผลตลอด แล้วหญิงสาวร่างบอบบางอรชรน่าถนอมจะทนไหวไหม ทว่าก็ไม่มีใครขวางได้แม่แต่แม่นาย
ใหญ่ก็ตาม ดังนั้นลษิดาจึงต้องเดินตามร่างสูงใหญ่ไปจากบ้านทั้งที่กำลังสับสนและหวาดกลัวกับการลงโทษและ
ไม่เข้าใจว่าตัวเองไปขัดคำสั่งคนบ้าอำนาจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“คุณป้านายคะ ไม่ตามไปช่วยคุณฟางเหรอคะ เดือนกลัวว่าเธอจะรับไม่ไหว ทำไมนายสตรองต้องใจร้าย
กับเธอด้วย เธอเพิ่งมาอยู่ยังไม่รู้อะไรเลยนะคะ” เดือนประดับเป็นห่วงลษิดาอย่างเห็นได้ชัดทว่าใจนั้นกลับมีข้อ
สงสัยว่าจริงหรือที่ปรินทร์จะลงโทษลษิดาอย่างปากว่า หรือเพียงแค่หาข้ออ้างพาลษิดาไปอยู่ตามลำพังดังนั้นเธอ
จึงต้องยุพีรชาให้ตามไปขวาง
“ช่างเถอะหนูเดือน ฉันคงไปขวางอะไรไม่ได้ หากนายสตรองจะลงโทษคน อีกอย่างหนูฟางก็ถือว่าเข้ามา
อยู่ในผาตะวันแล้วก็ต้องอยู่ภายใต้กฏของที่นี่อย่างไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน” พีรชาพูดเหมือนปลงสร้างความผิดหวัง
ให้เดือนประดับมาก
“แต่เธอเพิ่งมาอยู่น่าจะมีข้อยกเว้นบ้างนะคะคุณป้านาย” เดือนประดับดูห่วงลษิดาจนน่าแปลกใจ
“ขอบใจที่ห่วงหลานสาวฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันรบกวนหนูเดือนตามไปดูที ถ้ามันรุนแรงเกินหนูฟางจะรับได้
ก็ให้รีบกลับมาบอกฉัน” คำสั่งของพีรชรนั้นสร้างความพึงพอใจให้เดือนประดับอย่างมาก
“ค่ะคุณป้านาย” หญิงสาวรีบตามปรินทร์ไปทันที
‘สตรองอย่าว่าแม่นะ ที่ไปขวางความสุขของลูก แม่จำต้องปกป้องชื่อเสียงหนูฟางก่อน เป็นผู้หญิงอย่าง
ไรก็เสียหาย หากอยู่กับผู้ชายตามลำพังตลอดเวลา’ คนเป็นแม่ถ้าไม่รู้ทันลูกก็แย่เต็มที ที่ปรินทร์ทำเป็นขึงขังจะ
จับลษิดาไปลงโทษก็เพื่อกันไม่ให้มารดารั้งตัวไว้แต่ที่พีรชาไม่รู้คือยังมีคนรู้ทันอีกคนที่แสร้งทำเป็นหลงกลสองแม่ลูก
=============
ปรินทร์พาลษิดาไปที่รีสอร์ตและทันทีที่ถึงก็ทำให้พนักงานทุกคนพากันมองเพราะไม่เคยเห็นนายใหญ่แห่ง
ผาตะวันจับจูงมือหญิงสาวคนไหน แต่วันนี้กลับได้เห็นแถมหน้าตาหญิงสาวก็สวยน่ารักเอามากๆจนใครๆพากัน
มองด้วยความอิจฉาในความงามทั้งรูปร่างผิวพรรณดั่งสวรรค์จงใจปั้นแต่งขึ้นมาก็ไม่ปาน ทว่านายใหญ่แห่งผา
ตะวันกลับเดินจูงมือสาวสวยเดินตรงเข้ามาหาเจ้าหน้าฝ่ายต้อนรับที่ล็อบบี้แล้วถามว่า “อาหารที่ให้เตรียมไว้ใน
ห้องเรียบร้อยใช่ไหม”
“เรียบร้อยค่ะนายสตรอง” พนักงานสาวสวยผู้เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับตอบ
“อย่าให้ใครรบกวนจนกว่าฉันจะสั่ง” ปรินทร์บอกแล้วจูงมือสาวสวยเข้าห้องทำงานโดยไม่สนใจสายตา
ของใครต่อใครที่พากันมองอย่างสนใจ
“ว้าอกหักเลยเรา นายสตรองมีแฟนแล้วก็ไม่บอก” พอเห็นนายใหญ่แห่งผาตะวันเดินเข้าห้องพร้อมสาว
สวยพนักงานสาวสวยอีกคนก็หันไปบ่นกับเพื่อน
“นั่นสิ เห็นเงียบๆเฉยๆ ทำแต่งานจนใครๆกลัว แล้วแอบไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่” อีกคนตั้งข้อสงสัย
“แฟนใคร อะไรกัน” เสียงเข้มถามแทรกขึ้นจากผู้จัดหนุ่มใหญ่ที่ผ่านมาได้ยินเข้า ทำให้สาวๆพากันเงียบไป
พักหนึ่งก่อนจะมีใครตอบให้ได้ยิน
“นายสตรองค่ะ พาสาวสวยน่ารักมากๆมา”
“คุณสตรองพาสาวสวยมา เป็นไปไม่ได้มั้ง” วิวัฒน์ไม่เชื่อเท่าไรนัก คนชาเย็นอย่างปรินทร์มีหรือจะสนใจ
สาวๆและแล้วเขาก็ได้คำตอบเมื่อเห็นเดือนประดับเดินตรงมาหาและถามว่า
“สวัสดีค่ะ คุณวัฒน์เห็นนายสตรองพาสาวคนหนึ่งมาที่รีสอร์ตมั้ยคะ”
“เห็นค่ะคุณเดือน พาเข้าไปในห้องแล้ว” พนักงานต้อนรับประจำรีสอร์ตเป็นคนตอบแทน พนักงานที่รีสอร์ต
ส่วนใหญ่จะให้เกียรติเดือนประดับแม่บ้านใหญ่แห่งผาตะวันที่บางครั้งก็ช่วยมาดูแลงานที่รีสอร์ตด้วย
“คุณเดือนครับ ผมสงสัยอยู่ดีๆคุณสตรองก็พาสาวมา เป็นใครครับ” วิวัฒน์คิดว่าเดือนประดับต้องรู้แน่
“หลานสาวคุณป้านายค่ะ ชื่อลษิดา ชื่อเล่นว่า ฟาง คุณป้านายให้นายสตรองไปรับมาอยู่ด้ว ยังไม่รู้ว่า
หลานสายไหน แต่คุณป้านายให้นายสตรองดูแลเป็นพิเศษ อีกอย่างเธอก็น่ารักขี้อ้อน ใครเห็นก็หลงทั้งนั้น”
เดือนประดับชื่นชมลษิดาแปลกๆ
“แล้วคุณเดือนล่ะครับ หลงด้วยหรือเปล่า” วิวัฒน์ถามพลางจ้องมองเดือนประดับอย่างมีความหมาย
“อันนี้ตอบไม่ได้ค่ะคุณวัฒน์ ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสมากนัก แต่ที่เห็นเธออ้อนคุณป้านายกับนายสตรอง
เก่ง เห็นว่าสนิทกันมาแต่เล็ก เลยไม่แปลก ท่าทางจะเป็นเด็กไม่ยอมโตมากกว่า อุ๊ย..เดือนเผลอนินทานายให้ฟัง
ไม่ดี เดี๋ยวนายมาได้ยินเข้าแย่แน่ คุณป้านายสั่งให้มาคอยดูแลหลานสาวท่าน” เดือนประดับเอามือทาบอกทำที
เป็นเผลอแล้วทำท่าจะเดินไปเคาะห้องทำงานของปรินทร์หากไม่มีเสียงท้วงของวิวัฒน์ดังขึ้นก่อน
“เดี๋ยวกับคุณเดือน ผมว่าอย่าเพิ่งไปกวนคุณสตรองดีกว่า คุณก็น่าจะรู้นายสตรองไม่ชอบให้ใครกวนถ้า
ไม่ใช่เรื่องงานนอกจากจะเรียกหาเอง”
‘ไอ้บ้าแส่ไม่เข้าเรื่อง’ เดือนประดับหงุดหงิดนักที่ถูกขวางทว่าสีหน้ากลับเป็นกังวล
“จริงสิเดือนลืมไป แล้วจะทำอย่างไรดี คุณป้านายสั่งเดือนมาด้วย” เดือนประดับเก็บความขุ่นมัวไว้ในใจ
ที่ถูกวิวัฒน์ขวางแล้วทำสีหน้ากังวลแทน
“ผมเห็นใจครับ แต่คุณก็รู้คุณสตรองไม่ชอบให้ใครฝืนคำสั่ง” ผู้จัดการรีสอร์ตเตือนด้วยหวังดี
“ถ้างั้นเดือนก็ต้องรอสินะ ยอมให้คุณป้านายตำหนิยังดีกว่าขัดคำสั่งนายสตรอง” เดือนประดับยอมจำนน
และทำท่าจะรอจนกว่าคนในห้องจะออกมาหากไม่บังเอิญเห็นร่างสูงหนาใหญ่ของฟาลเดินเข้ามาก่อน พอเห็นหนุ่ม
ใหญ่ร่างยักษ์ก็ยิ้มเหมือนคิดอะไรออก
---------------------------------------
ขขขขขขขขขลงให้ต่อค่ะสำหรับเรื่องนี้หลังจากมีปัญหาเรื่องตาไปนาน ตอนนี้เริ่มรู้สาเหตุว่าเพราะอะไร
และพยายามหลีกเลี่ยวงสิ่งที่แพ้ จะพยายามต่อให้จบ หวังว่าคงจำเรื่องนี้ได้ ค่ะ ถ้ารักชอบเรื่องนี้ก็ส่งเสียง
ทวนความจำหน่อยค่ะ ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘
เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ค. 2558, 21:00:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2558, 21:00:36 น.
จำนวนการเข้าชม : 1420
<< ตอนที่ 7 | ตอนที่ 9 >> |
Pat 5 พ.ค. 2558, 05:22:35 น.
เกือบลืมไปแล้วค่ะ
เกือบลืมไปแล้วค่ะ
ยัยตัวนุ่มนิ่ม 8 พ.ค. 2558, 01:39:39 น.
น้องฟางมาแล้ววววว รอค่ะ
น้องฟางมาแล้ววววว รอค่ะ