ฤดูกาลรักที่กลางใจ ตอน พรรษกับวันวิสาข์
เพราะเจ็บปวดจากความรัก...เขาจึงลืม

เพราะเป็นรักแรกและรักเดียว...เธอจึงจำ

Tags: พรรษ วันวิสาข์ เจ้าขา ความทรงจำที่ถูกลืม

ตอน: ตอนที่ 21

บทที่ 21


บ้านสองชั้นที่มีเนื้อที่ราวสามสิบตารางวาคือสถานที่ที่วันวิสาข์ตามชลธีลงมาดู หลังจากก้าวลงมาจากรถยนต์ที่มีชายหนุ่มเป็นคนขับรถนับตั้งแต่เดินทางออกมาจากอยุธยา

ชลธีมองหญิงสาวที่เขามีใจให้มานานนับปีด้วยแววตาอ่อนโยนและสะท้อนความในใจก่อนตั้งคำถาม

“คิดว่าพอจะอยู่ได้ไหม”

วันวิสาข์ละสายตามาจากตัวบ้านที่ก่อนหน้านี้ชลธีเล่าให้ฟังว่าเป็นบ้านที่เขาเคยเช่ากับคนรู้จักมักคุ้นสมัยที่มาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ นับว่าโชคดีที่เจ้าของบ้านซึ่งตอนนี้ย้ายไปอยู่ต่างประเทศพร้อมกับครอบครัวรักบ้านหลังนี้จนตัดสินใจเก็บเอาไว้แต่ก็ยังยอมปล่อยให้คนที่สนิทสนมกันดีเช่าอาศัยเป็นครั้งคราวแทน ดังนั้นเมื่อชลธีแจ้งความประสงค์ว่าเขาจะขอเช่าบ้านหลังนี้อีกครั้งโดยจะให้ลูกพี่ลูกน้องมาพักแทน จึงได้รับการยินยอมแต่โดยดีเพราะก่อนหน้านั้นบ้านหลังนี้ก็ปล่อยทิ้งเอาไว้เฉย ๆ นอกจากนาน ๆ ครั้งเมื่อเจ้าของบ้านเดินทางกลับมาจึงจะให้บริษัทรับจ้างทำความสะอาดมาจัดการให้ก่อน โดยมีเขามาคอยช่วยเป็นหูเป็นตาให้เท่าที่จะทำได้เพราะเป็นหนึ่งในคนที่เก็บรักษากุญแจบ้านหลังนี้เอาไว้

“อยู่ได้สบายเลยค่ะพี่ชล”

“งั้นเข้าไปดูข้างในกันเถอะ เมื่อเดือนที่แล้วพี่เพิ่งโทร.แจ้งให้บริษัทมาทำความสะอาด ถึงตอนนี้ก็คงไม่ถึงกับสกปรกมากนัก ถ้าเช็ด ๆ ถู ๆ อีกหน่อยก็คงพอพักได้”

ชลธีบอกราวกับกำลังพูดเรื่องง่าย ๆ ธรรมดา ๆ ทั้งที่ความเป็นจริงเขารู้สึกว่าไม่ง่ายเลยที่จะทำตัวเฉย ๆ ปล่อยทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องธรรมดานับตั้งแต่ถูกวันวิสาข์ขอร้องให้ช่วยพาหนี

ชายหนุ่มหวนนึกถึงเมื่อคืนวานตอนไปร่วมแสดงความยินดีในพิธีแต่งงาน ตอนที่วันวิสาข์คว้ามือของเขาเข้าไปกุม เขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่เธอสอดเข้ามา ครั้นเดินห่างออกมาแล้วจึงพบว่าอะไรบางอย่างที่ว่าก็คือกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่มีข้อความว่าให้ช่วยรอรับโทรศัพท์จากเธอด้วย ยอมรับว่าตั้งแต่นั้นมาเขาก็นอนไม่หลับเพราะความร้อนใจและกระวนกระวายถึงที่มาที่ทำให้วันวิสาข์ทำแบบนี้ ดังนี้เพียงเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นครั้งแรก ชลธีก็รีบรับอย่างรวดเร็ว

“พี่ชลช่วยขับรถมารับเจ้าขาตอนนี้ได้ไหมคะ”

แม้ตอนนั้นไม่รู้ถึงเหตุผลของคำขอแต่เขาก็ไม่ปฏิเสธเมื่อตัดสินใจขับรถออกไปก่อนจะจอดห่างจากตัวโรงแรมและเดินลัดเลาะไปยังจุดที่นัดหมายเอาไว้แล้วจึงพบว่าวันวิสาข์ยืนรอเขาอยู่ ชายหนุ่มใจหายอย่างไม่มีสาเหตุเมื่อพบว่าหญิงสาวอยู่ในชุดของพนักงานโรงแรมและบางอย่างที่สะท้อนอยู่ในแววตาของเธอก็ชวนให้คิดว่าวันวิสาข์น่าจะร้องไห้มาแล้วอย่างหนัก

อะไรที่ทำให้คนเข้มแข็งอย่างวันวิสาข์ต้องเสียน้ำตามากมายขนาดนั้น

หากนั่นยังไม่ทำให้ตกใจเท่ากับตอนที่ได้ยินคำพูดของเธอ

“พี่ชลพาเจ้าขาหนีไปได้ไหมคะ ไปไหนก็ได้ ขอแค่ไปจากที่นี่ก็พอ”

วินาทีนั้นชลธีปวดไปทั้งใจพร้อมกับคำถามในหัวใจว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้วันวิสาข์ยอมตัดสินใจหนีจากอุ้งมือของคุณจันทราในตอนนี้ ทั้งที่ที่ผ่านมาเขารู้ว่าเธออยากทำเช่นนั้นแต่ติดตรงคำขอครั้งสุดท้ายของมารดาที่ทำให้วันวิสาข์จำต้องฝืนทนตลอดมา

แล้วอะไรที่ทำให้เธอหมดความอดทนในที่สุด

แวบหนึ่งชายหนุ่มนึกสงสัยว่ามันจะเกี่ยวข้องกับงานแต่งงานครั้งนี้หรือเปล่ารวมถึงผู้ชายคนนั้น...พรรษ สุวรรณอังกูร

“ขอให้เรื่องนี้รู้กันแค่เราสองคนนะคะ”

ชลธีจำต้องยุติความนึกคิดทั้งปวงเมื่อวันวิสาข์ละสายตาจากการมองไปรอบ ๆ บ้านแล้วหันมาบอกกับเขา

“ได้ พี่จะไม่บอกใครแม้แต่พ่อ”

คำรับปากของคนที่เป็นทั้งพี่และเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวทำให้วันวิสาข์ทั้งเศร้าและสะเทือนใจ ยอมรับว่าเธอไม่พร้อมเลยสำหรับการออกมาใช้ชีวิตตามลำพังทั้งที่เคยเป็นความปรารถนาสูงสุดมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน แต่เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวเธอมีเงินอยู่ไม่มากนักดังนั้นหากต้องจ่ายค่าเช่าบ้านและอะไรต่อมิอะไรอีกโดยที่ยังไม่ได้งานทำภายในสามเดือนนี้ ก็เห็นทีว่าชีวิตต่อจากนี้ของเธอคงจะอยู่อย่างลำบากมากเลยทีเดียว

“ไว้เจ้าขาได้งานทำแล้วจะทยอยใช้เงินคืนพี่ชลนะคะ”

คำบอกนั้นทำให้ชลธีตื้อไปทั้งอก ทำไมจะไม่รู้ว่าที่ผ่านมาวันวิสาข์มีชีวิตที่ลำบากขนาดไหน ถึงไม่บอกเขาก็พอเดาได้ว่าเธอคงไม่มีเงินมากนักเพราะเท่าที่รู้คุณจันทราปฏิบัติกับหลานสาวไม่ต่างไปจากพนักงานของรีสอร์ท

“ไม่ต้องหรอก...” ชายหนุ่มเงียบไปครู่เพื่อข่มก้อนแข็ง ๆ กลางลำคอจากความรู้สึกขมขื่นแทนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ตรงหน้า ขนาดเขาเป็นคนอื่นแท้ ๆ ยังสงสารวันวิสาข์ใจแทบขาดแล้วทำไมยายแท้ ๆ อย่างคุณจันทราถึงไม่มีน้ำใจให้เลยสักนิด “คิดซะว่า...พี่...เป็นพี่ชายคนหนึ่งและที่ทำทั้งหมด...ก็ทำให้กับน้องสาวที่น่ารักก็พอแล้ว”

ไม่มีใครรู้ว่าชลธีต้องฝืนข่มความเจ็บปวดไว้แค่ไหนกับการที่จำต้องยอมรับว่าตัวเองคงเป็นได้เพียงแค่พี่ชาย ไม่ว่าวันวิสาข์จะมีปัญหาอะไรแต่ตอนนี้เธอก็แต่งงานแล้วและเขา...ก็ควรตัดใจเสียที

“พี่ชล...”

วันวิสาข์แทบน้ำตาร่วงกับความอาทรอย่างจริงใจของชลธี ถึงแม้เธอไม่ได้รับความรักจากผู้เป็นยาย ไม่เคยรู้ว่าหน้าตาของพ่อเป็นยังไง แต่อย่างน้อยโลกใบนี้ก็ไม่โหดร้ายกับเธอจนเกินไปเมื่อส่งผู้ชายคนนี้เข้ามาเป็นแสงสว่างให้กับชีวิต

ชลธีฝืนยิ้มเมื่อพอเดาได้ถึงความรู้สึกของวันวิสาข์ ก่อนบอกเสียงกลั้วหัวเราะราวกับเกรงว่าหากไม่พูดอะไรออกมาบ้านหลังนี้อาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมจากการร้องไห้ของเขาและเธอ

“อย่ามัวทำซึ้งอยู่เลย ขึ้นไปดูข้างบนเถอะว่ายังต้องซื้ออะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า เดี๋ยวจะได้ออกไปซื้อด้วยกัน”

วันวิสาข์ยิ้มกับคำบอกนั้นที่เธอรู้ว่าตัวเองต้องติดหนี้ชายหนุ่มเพิ่มขึ้นอีกแน่ หลังจากเปิดยิ้มสดใสที่ราวกับจะเป็นสัญญาณที่ดีกับการใช้ชีวิตอิสระต่อจากนี้ หญิงสาวก็หันหลังแล้วเดินขึ้นบันไดที่ทอดสู่ชั้นบนโดยมีชลธีปักหลักเฝ้ามองอยู่กับที่โดยไม่ได้ขยับตัวก้าวตามขึ้นไป พร้อมกับความคิดคำนึงที่ชวนเศร้าใจ

สิ่งที่เขาสามารถทำให้เธอได้มากสุดคงมีเพียงการเฝ้ามองอย่างห่วง...ห่วง แบบห่าง...ห่าง เท่านั้นเอง


ค่ำคืนนั้น แม้อ่อนเพลียจากการไปตระเวนซื้อของใช้ในบ้านกับชลธีไปครึ่งวันและยังกลับมาจัดบ้านเพื่อให้พร้อมสำหรับพักอาศัยอีกหลายชั่วโมง แต่วันวิสาข์ก็ยังไม่อาจข่มตาให้หลับตาลงซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะแปลกที่หรือตื่นใจกับการออกมาใช้ชีวิตตามลำพังเป็นครั้งแรก หรือเป็นเพราะว่า...เธอยังไม่อาจปล่อยวางจากบางเรื่องและบางคนได้

คนแรกที่วันวิสาข์นึกถึงคืออดีตพี่เลี้ยงที่ยังดีกับเธอมากกว่ายายแท้ ๆ เสียอีก

ป้าเพ็ญคงเป็นห่วงเธอมากที่จู่ ๆ เธอก็หนีมาแบบนี้ แต่เธอก็ไม่มีเวลาหรือสามารถไว้ใจให้ใครไปแจ้งข่าวได้จริง ๆ

หญิงสาวถอนหายใจเมื่อคิดว่าเห็นทีคงไม่พ้นต้องขอให้ชลธีช่วยส่งข่าวกับป้าเพ็ญ เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเธอและตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตกับลูกและหลานอย่างที่ควรจะทำมานานแล้ว

ส่วนยายแท้ ๆ ของเธอ

วันวิสาข์ยิ้มอย่างเศร้าใจเมื่อบอกกับตัวเองว่าสุดท้ายเธอก็ไม่ต่างจากมารดานักถึงไม่ได้หนีมากับผู้ชายที่เธอรักแต่การให้ชลธีพาหลบหนีมาก็คงไม่ได้ต่างกัน

การแต่งงานนั่นเธอถือว่าเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่เธอจะทำให้กับยายแท้ ๆ แม้รู้ดีว่าทำให้คุณจันทราโกรธจัดจนอาจสั่งคนให้ออกตามล่าติดตามตัวเธอ หรือไม่อาจตัดเป็นตัดตายไม่ดูดำดูดีอีกเลย แต่เธอก็ยังหวัง...หวังว่าความพยายามอดทนทำทุกอย่างตามความต้องการของคุณจันทรามาโดยตลอดอาจทำให้ท่านยอมยกโทษให้กับมารดาของเธอบ้าง...แม้สักนิดก็ยังดี

แม่ขา เจ้าขาขอโทษ แต่เจ้าขาเหนื่อยเหลือเกิน เจ้าขาทนไม่ไหวอีกแล้วจริง ๆ

หญิงสาวแหงนมองดวงดาวบนฟากฟ้าราวกับหวังว่าหากมารดามองลงมาจากเบื้องบนก็คงรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดและท้อแท้ของเธอ

“ฉัน...จะเป็นของคุณ...เป็นของคุณคนเดียว”

ภาพเหตุการณ์เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาผุดขึ้นจากความทรงจำ ท่ามกลางหัวใจที่เปราะบางและอ่อนไหววันวิสาข์ร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ เมื่อนึกว่าในที่สุดเธอก็ตกเป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจ ไม่เหลืออะไรที่เป็นของเธออย่างแท้จริง

“ผมแต่งงานแล้ว”

บางทีชีวิตของเธออาจแย่กว่ามารดาด้วยซ้ำ อย่างน้อยท่านก็ยังได้ใช้ชีวิตกับคนที่ท่านรักถึงแม้เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เธอก็เชื่อว่าแม่ของเธอยังมีช่วงเวลาแห่งความสุข...ตรงกันข้ามกับเธอ

นอกจากพรรษไม่ได้รักเธอ เขายังทำกับเธออย่างคนเห็นแก่ตัว ทั้งที่แต่งงานแล้วมีคนที่รักและต้องดูแลคอยอยู่ที่บ้านแต่เขายังทำให้เธอต้องได้ชื่อว่าแย่งผู้ชายที่มีเจ้าของถึงแม้ไม่ได้ตั้งใจเลยก็ตาม

ตอนแรกคิดว่าหลังจบงานแต่งเธอจะหาโอกาสหลบไปขอให้ชลธีช่วยพาหนี แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกพรรษทำลายความตั้งใจแล้วทำให้เธอตกเป็นของเขาโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว

ถึงตอนนี้น้ำตาวันวิสาข์ก็ร่วงลงมาไม่หยุด ทั้งเจ็บปวดและชอกช้ำกับการทำตัวราวกับผู้หญิงใจง่ายของตน ยิ่งคิดว่าในเมื่อพรรษได้สมใจทุกอย่างเขาก็คงไม่คิดจะออกตามหาเธอให้เสียเวลา เพราะการที่หนีเขามาแบบนี้คงทำให้เขาเสียหน้าอยู่ไม่น้อย

คนอย่างพรรษ สุวรรณอังกูร คงไม่มีทางลดเกียรติตัวเองด้วยการตามหาเธอให้เสียเวลา

แม้บอกกับตัวเองแบบนั้นแต่วันวิสาข์ก็ห้ามความเจ็บปวดในหัวใจไม่ได้ ทั้งที่เฝ้าบอกเฝ้าย้ำว่าเขาไม่รักเธอ เขาก็เหมือนพ่อที่เธอไม่เคยเห็นหน้าเหมือนยายที่ไม่เคยเห็นเธอเป็นหลาน แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่หยุดรักเขาเสียที

ไม่ว่าเขาจะเป็น ‘สูญ’ หรือ ‘พรรษ’ เขาก็ยังคงเป็นคนที่เธอรักเสมอมา

แต่หลังจากนี้คงถึงเวลาที่เธอต้องเก็บความรักเอาไว้ในลิ้นชักแล้วล็อกปิดตายได้แล้ว เพราะการรักคนที่ไม่ได้รักเรา แล้วยังเป็นคนที่ไม่สมควรรักเพราะเขามีเจ้าของแล้ว มันเป็นเรื่องของคนโง่เขลาเท่านั้น

และเธอก็ไม่อยากเป็นคนโง่เขลาคนนั้น

วันวิสาข์ปาดน้ำตาทิ้งยามบอกกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น

นับจากนี้เธอจะเป็นวันวิสาข์คนใหม่ จะไม่มีใครหรืออะไรมาทำให้เธอต้องฝืนใจทำในสิ่งที่เธอไม่ต้องการอีกแล้ว!


---------------------------------------------------------------------------------------


สวัสดีค่ะ วันนี้พาเจ้าขามาส่งค่ะ ^^


ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ



กาซะลองพลัดถิ่น : ถึงเริ่มสำนึกได้ แต่ในตอนที่เจ้าขากำลังจะเริ่มถอดใจแบบนี้ ดูท่านายคนนี้จะเจอศึกหนักพอสมควร



หมูบูลิน : ขอบคุณค่ะ หวังว่าจะไล่อ่านจนทันแล้วนะคะ



ปิ่นนลิน : ยายของเจ้าขาสมควรกับการเกลียดจริง ๆ ล่ะ คนอาไร้ เห็นแก่ตัว ร้ายกาจมาก ๆ




พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ค. 2558, 17:37:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ค. 2558, 17:37:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1510





<< ตอนที่ 16   ตอนที่ 23 >>
ปิ่นนลิน 5 พ.ค. 2558, 19:07:18 น.
เจ้าขาน่าสงสาร
เริ่มชีวิตใหม่ที่ดีๆเสียนะคะ

ให้นายสูญ เอ้ย นายพรรษ ตามหาเสียให้เข็ด ฮึ่ยๆๆ


Zephyr 5 พ.ค. 2558, 23:09:28 น.
นายสูญเสีย สุวรรณอังกูร
ขอให้โชคดีกะการตามหาเมียนะ
นายจะได้พบเจอ เมีย เวอร์ชั่นใหม่
สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง โหดดดดดด กว่าเดิมแน่นอน
ที่สำคัญ ใจที่แข็งดุจหินผา
เตรียมตัวงานงอก นะ นายสูญเสีย!!!!
น่าถีบจริงๆ พี่เรนบ้าาาา


นักอ่านเหนียวหนึบ 5 พ.ค. 2558, 23:24:10 น.
พี่น้องตระกูลนี้ต้องตำสาปแน่ๆ จะมีรักทั้งทีต้องอกช้ำรำกำทรวง โห้ยยยยย ไม่รักด้วยแล้วววว เด๋วหนองกลัดอก


konhin 5 พ.ค. 2558, 23:41:17 น.
หนีจริงๆ เฮ้อ แต่น่าจะก่อนงานแต่งนะ


ผักหวาน 6 พ.ค. 2558, 15:41:17 น.
สู้ๆ นะ เพื่อความรัก


LAM 11 พ.ค. 2558, 12:50:00 น.
ในที่สุดพี่ชลของเราก็เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยหนูเจ้าขาจนได้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account