ฤดูกาลรักที่กลางใจ ตอน พรรษกับวันวิสาข์
เพราะเจ็บปวดจากความรัก...เขาจึงลืม
เพราะเป็นรักแรกและรักเดียว...เธอจึงจำ
เพราะเป็นรักแรกและรักเดียว...เธอจึงจำ
Tags: พรรษ วันวิสาข์ เจ้าขา ความทรงจำที่ถูกลืม
ตอน: ตอนที่ 23
บทที่ 23
แม้ท้ายที่สุดพรรษไม่ได้คำตอบเรื่องวันวิสาข์ แต่อย่างน้อยเขาก็เบาใจว่าชลธีไม่ได้คิดทำตัวเป็นคู่แข่ง ชายหนุ่มเชื่อว่ายังไงชลธีต้องติดต่อกับวันวิสาข์อีกแน่ดังนั้นเขาจึงคอยเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย แต่เหมือนชลธีรู้ตัวหรือคาดไว้อยู่ก่อนแล้วเพราะแม้เวลาผ่านไปร่วมสองอาทิตย์แต่ลูกชายหมอชาญก็ไม่มีวี่แววจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เสียที ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีข่าวคราวของวันวิสาข์พรรษก็ทั้งหงุดหงิดและร้อนใจ
เพราะพรรษไม่รู้ว่าชลธีคาดไว้อยู่แล้วว่าเขาอาจถูกจับตามอง ดังนั้นชายหนุ่มจึงตกลงกับวันวิสาข์ว่าเขาจะพยายามไม่ไปหาเธอแต่ใช้วิธีการติดต่อทางโทรศัพท์แทนเพราะไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นเบาะแสที่ตามไปถึงตัวหญิงสาว ถึงแม้โล่งใจเมื่อรู้ว่าคุณจันทราโกรธจัดจนถึงกับประกาศตัดขาดกับหลานสาว เพราะนั่นหมายถึงว่าต่อจากนี้วันวิสาข์จะหลุดพ้นจากกรงเล็บของยายแท้ ๆ แต่ก็ยังเหลืออีกคนที่ชายหนุ่มยังไม่วางใจ
พรรษ
ชลธีไม่ไว้ใจอีกฝ่าย ถึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นวันวิสาข์จึงตัดสินใจหนีจากมา แต่เขาเชื่อว่าพรรษต้องเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจครั้งนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจ
ในเมื่อวันวิสาข์ไม่อยากเจอ เขาก็จะไม่ทำให้เธอผิดหวัง
ความอดทนของพรรษมาถึงจุดสิ้นสุดเมื่อเวลาล่วงเข้าอาทิตย์ที่แปด
เกือบสองเดือนแล้วนะที่เขายังไม่ได้ข่าวของเจ้าขา
พรรษฮึ่มฮั่มในใจอย่างหงุดหงิด นึกโมโหนักสืบมืออาชีพที่เขาว่าจ้างด้วยจำนวนเงินไม่น้อยแต่จนป่านนี้ก็ยังหาเบาะแสของวันวิสาข์ไม่ได้ ก่อนนึกพาลไปถึงเพื่อนสนิทที่แนะนำนักสืบคนที่ว่ามาให้จนคิดว่าเอาไว้สักวันจะไปตอบแทนเพื่อนตัวดีที่บ้านสักที
เย็นวันนั้นเมื่อชลธีกลับจากมหาวิทยาลัยเขาก็ได้รับรายงานจากแม่บ้านว่าพรรษรอพบอยู่ ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อนึกความพยายามที่ผ่านมาของอีกฝ่ายถึงแม้พบกับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่ากับคำตอบที่เขาให้ไป
น่าแปลกที่แม้ถูกพรรษตามราวีไม่เลิกแต่ชลธีกลับไม่รู้สึกรำคาญ ตรงกันข้ามเขาค่อนข้างชื่นชมความมุ่งมั่นของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แต่ติดตรงที่เขาก็ไม่อยากทำให้วันวิสาข์ผิดหวังที่ไว้ใจคนผิด
ที่ผ่านมาวันวิสาข์ถูกคนใกล้ชิดทำร้ายมามากแล้ว เขาไม่อยากเป็นอีกคนที่มีส่วนทำให้เธอผิดหวังและเจ็บปวด
พรรษลอบเก็บความหงุดหงิดไว้ในใจจากการอดทนรอคอยชลธีเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง ชายหนุ่มฝืนยิ้มให้เมื่อฝ่ายเจ้าบ้านยิ้มให้ก่อนอย่างมีไมตรี จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ
“ขอโทษนะครับที่มารบกวนอีกแล้ว แต่ผมอยากรู้ว่าเจ้าขาติดต่อมาหรือยัง”
ชลธียิ้มทั้งที่เริ่มนึกเห็นใจ เกือบสองเดือนแล้วที่บ้านของเขาได้รับการมาเยือนของผู้ชายคนนี้แทบทุกวันกระทั่งเริ่มคุ้นเคยกับบิดาของเขารวมถึงคนในบ้านหลังนี้จนทำให้พรรษได้รับอภิสิทธิ์สามารถเข้ามานั่งรอในบ้านได้
“ไม่ครับ”
พรรษกัดฟันข่มความหงุดหงิด รู้ทั้งรู้ว่าชลธีโกหกแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเบาะแสเดียวที่พอจะหาได้มีเพียงผู้ชายที่กำลังอยู่ต่อหน้า ยิ่งนึกถึงช่วงแรกที่เขาเคยขอเบอร์โทรศัพท์ของวันวิสาข์แต่ชลธีบอกว่าหญิงสาวน่าจะยกเลิกไปแล้วเพราะเขาเองก็ติดต่อไม่ได้ พรรษก็ยิ่งรู้สึกมืดมนกับหนทางที่จะตามหาเธอ
เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่มี ถามชลธีทีไรก็ได้รับแต่คำปฏิเสธ นักสืบที่ว่าจ้างก็ทำงานไม่ได้เรื่อง ครั้นลองไปตามหาเองกรุงเทพมหานครก็กว้างใหญ่เกินกว่ากำลังของคนเพียงคนเดียวอย่างเขา
เพราะมุ่งมั่นจะตามหาวันวิสาข์ทำให้เขาจำต้องละทิ้งทุกอย่างแม้กระทั่งงานที่บริษัท ทำให้หลายครั้งหลายหนถูกคิมหันต์โทร.มาต่อว่าเรื่องที่ทิ้งงานไปเพราะเรื่องส่วนตัว และเขาก็โต้แย้งไม่ได้เพราะสิ่งที่พี่ชายคนโตพูดเป็นเรื่องจริง
ในเมื่อไม่มีหัวใจ แล้วเขาจะเอาใจที่ไหนไปทำงานได้อีก
สองเดือนมาแล้วที่พรรษต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานเพราะความคิดถึงและโหยหา อีกทั้งความรู้สึกผิดจากการทำร้ายจิตใจวันวิสาข์เพราะความหลงผิดของตัวเขาเองก็ไม่ต่างจากบ่วงรัดบีบหัวใจให้ยิ่งเจ็บปวด ดังนั้นแม้ลึก ๆ เสียหน้าเมื่อต้องแบกหน้ามาหาคนที่เขาเคยเห็นเป็นอริของหัวใจ แต่พรรษก็ไม่มีทางเลือกอื่น
ถึงต้องเสียหน้าหรือต้องเสียอะไรไปมากกว่านี้ หากแลกกับการได้เจอวันวิสาข์อีกสักครั้ง...เขาก็ยอม
เขาคิดถึงเธอเหลือเกิน
ชลธีลอบถอนหายใจเมื่อเห็นสีหน้าหม่นซึมของพรรษ เขาพอดูออกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนค่อนข้างใจร้อนและเอาแต่ใจตัวเองตามประสาลูกคนรวยที่เคยชินต่อการได้ทุกอย่างดังใจ ดังนั้นเรื่องของวันวิสาข์คงทำให้อีกฝ่ายรู้สึกจนหนทางพอสมควรแต่ขณะเดียวกันก็น่าชื่นชมที่พรรษยังไม่ยอมถอดใจไปง่าย ๆ
แต่เขาก็รับปากวันวิสาข์ไว้แล้วว่าจะไม่บอกใคร
ดังนั้นแม้เห็นว่าพรรษลากลับไปด้วยท่าทีผิดหวังจนชวนสงสาร แต่ชลธีก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตั้งความหวัง
หวังว่าพรรษจะไม่ท้อกระทั่งถอดใจไปเสียก่อนจนกว่าเขาจะตามหาวันวิสาข์เจอ...ได้ด้วยตัวของเขาเอง
ดูเหมือนความหวังของชลธีจะสัมฤทธิ์ผล เพราะแม้ต้องเจอกับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่พรรษยังคงเฝ้าสืบข่าวของวันวิสาข์ไม่เลิกรา อาจด้วยความมุ่งมั่นของเขาทำให้นายแพทย์ชาญยังนึกเห็นใจจนตัดสินใจเอ่ยกับลูกชายในวันหนึ่งหลังจากพรรษขอตัวลากลับไปแล้ว
“พ่อว่า ชลบอกคุณพรรษไปเถอะว่าหนูเจ้าขาอยู่ที่ไหน”
ชลธีอึ้งไปกำลังคิดจะปฏิเสธบิดาก็ชิงพูดขึ้นต่อ
“พ่อรู้นะว่าเช้าวันนั้นชลเป็นคนพาหนูเจ้าขาไปกรุงเทพฯ”
“พ่อ...”
ลูกชายพูดได้แค่นั้นแล้วก็พูดไม่ออกเมื่อเห็นคนเป็นพ่อมองมาด้วยแววตาเห็นใจ
“พ่อเข้าใจว่าชลรักและสงสารหนูเจ้าขา แต่ตอนนี้หนูเจ้าขาแต่งงานแล้ว ต่อให้มีปัญหาอะไรก็ควรเป็นเรื่องของพวกเขาสองคนที่ต้องแก้ไขกันเอง ไม่ใช่เรื่องของคนนอกอย่างพวกเรา”
คนนอก
ชลธีครางลึกอยู่ในอกเมื่อคำว่า คนนอก ให้ความรู้สึกยอกแสลงในหัวใจ ทำไมเขาจะไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงคนนอกระหว่างพรรษกับวันวิสาข์ เพียงแต่...
“ผมรักเจ้าขา”
หมอชาญถอนหายใจออกมา ใช่จะไม่รู้ความรู้สึกของลูกชายแต่ท่านไม่เห็นด้วยเลยกับวิธีการของชลธีถึงแม้เชื่อว่าเขาเพียงแต่ต้องการปกป้องวันวิสาข์เท่านั้น
“เพราะอย่างนั้นชลก็เลยเลือกที่จะปกป้องหนูเจ้าขาด้วยการกันเธอออกจากปัญหาชีวิตของตัวเองอย่างนั้นเหรอ แล้วคุณพรรษล่ะ ชลจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ หรือยังไง หรือใจจริงชลหวังว่าสักวันคุณพรรษจะยอมถอดใจ แล้ววันนั้นเจ้าขาก็จะได้เป็นของชลอย่างที่ชลต้องการ”
“ไม่นะครับ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น”
“ถ้าชลไม่ได้คิดแบบนั้นจริง ๆ ก็พิสูจน์สิ ปล่อยให้สองคนนั้นได้เจอกัน ได้พูดคุยปรับความเข้าใจ หรือหากพวกเขาไม่สามารถทำความเข้าใจกันได้และตัดสินใจจะไปคนละทางกันจริง ๆ นั่นก็ควรมาจากการตัดสินใจของสองคนนั้น ไม่ใช่ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราเข้าไปมีส่วน”
เพราะรู้ว่าชลธีกำลังครุ่นคิดตามคำพูดของท่าน นายแพทย์ชาญจึงเอ่ยต่อเหมือนต้องการจะเตือนสติ
“พ่อเชื่อ คุณพรรษเองก็รู้ดีว่าชลเป็นคนพาเจ้าขาหนีไป แต่การที่เขายังคงมาหาพวกเราแทบทุกวันเฝ้าเพียรถามชลถึงเรื่องของหนูเจ้าขาโดยไม่เคยแสดงท่าทีคุกคาม นั่นก็น่าจะแสดงให้เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าเขามีความมุ่งมั่นมากแค่ไหน และพ่อเชื่อ...ผู้ชายคนนั้นไม่มีวันถอดใจจนกว่าเขาจะตามหาหนูเจ้าขาเจอ”
“ปล่อยให้เป็นเรื่องของสองคนนั้นเถอะ คนนอกอย่างพวกเราทำได้แค่เอาใจช่วย ไม่ใช่ช่วยแยกเขาออกจากกันแบบนี้”
นั่นคือคำพูดทิ้งท้ายที่หมอชาญบอกกับลูกชาย ก่อนปล่อยชลธีเอาไว้กับทางเลือกที่อยู่ในมือของชายหนุ่มเอง
ในขณะที่ชลธียังตัดสินใจไม่ได้กับทางเลือกของตัวเอง สองวันต่อมาซึ่งตรงกับวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดที่เขาไม่ต้องไปสอนที่มหาวิทยาลัย ชายหนุ่มก็ต้องร้อนใจจนทนอยู่บ้านอีกต่อไปไม่ได้หลังจากโทรศัพท์คุยกับวันวิสาข์แล้วรู้ว่าหญิงสาวไม่สบายมาสองวันแล้ว ความเป็นห่วงผลักดันให้ชลธีตัดสินใจขับรถเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยไม่ได้ระแวดระวังรอบข้างเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“เดี๋ยวพี่จะพาเจ้าขาไปหาหมอ”
นั่นคือประโยคแรกที่ชลธีบอกกับวันวิสาข์เมื่อมาถึงบ้านเช่า ชายหนุ่มใจหายไม่น้อยเมื่อพบว่าหญิงสาวดูผ่ายผอมลงไปกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกัน
“เจ้าขาไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ”
ฟังแล้ว ชลธีก็ต้องส่ายหน้าให้กับความหัวดื้อของอีกฝ่าย ก่อนทำใจแข็งบอก
“ไม่ได้ พี่ไม่มีวันเชื่อเจ้าขาจนกว่าจะได้ยินจากปากหมอเอง”
หลังจากเงียบไปนิดชายหนุ่มจึงเอ่ยต่อราวกับจะข่มขู่อยู่ในที
“จริง ๆ แล้วพี่ว่าพี่โทรศัพท์ไปขอให้พ่อมาตรวจเจ้าขาที่นี่น่าจะดีกว่านะ”
“ไม่นะคะ พี่ชลบอกเจ้าขาแล้วไงว่าจะไม่บอกใครแม้แต่ลุงหมอ”
ชลธีเงียบไปเมื่อวินาทีนั้นคำพูดของบิดาที่บอกกับเขาเมื่อวันก่อนพลันผุดขึ้นมาและทำให้เขาต้องคิดทบทวน
ดีแน่เหรอแบบนี้ การทิ้งเธอไว้เพียงลำพังที่นี่โดยไม่มีใครคอยดูแลและยิ่งมาได้เห็นว่าวันวิสาข์ผอมลงไปกว่าเดิมก็ราวกับจะยืนยันกับเขาว่าหญิงสาวดูแลตัวเองได้ไม่ดีนัก
คงถึงเวลาที่เธอต้องมีใครสักคนมาคอยดูแลเอาใจใส่
ชายหนุ่มเก็บงำความคิดของตัวเองไว้ขณะเอ่ยออกไป
“งั้นเจ้าขาก็ต้องให้พี่พาไปหาหมอ”
วันวิสาข์ยังไม่ทันขยับปากจะค้านอีกครั้งอย่างที่ใจคิด น้ำเสียงเรียบ ๆ ของใครคนหนึ่งที่กำลังก้าวเข้ามาก็ทำให้คนทั้งสองต่างพากันชะงักงัน
“เรื่องนั้น ให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะครับ”
--------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ มาแปะตอนใหม่เพิ่มอีกตอน
ตอนนี้ยังคงไม่มีอะไรเหมือนเดิม ไว้รอดูตอนหน้ากันค่ะว่าจะมีอะไรหรือเปล่า ^^
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันเสมอมาค่ะ
Zephyr : โง่มาก่อนฉลาด คงเหมาะสมกับนายพรรษมากที่สุดค่ะ...ขอบคุณสำหรับของฝากที่เผื่อแผ่ไปถึงอีกสองหนุ่มค่ะ ทั้งกระโดดกัดกับสกายคิกทำเอาทั้งนายไอซ์กะนายซัน จุกตาม ๆ กันไป โฮะ ๆๆๆ คงต้องรอดูหลังจากนี้ค่ะว่าระหว่างหลังมือกะฟันศอก แบบไหนถึงจะเหมาะกับนายพรรษมากที่สุด ฮ่า ๆๆๆ
konhin : เพราะคิดว่าความผูกพันธ์ทางร่างกายอาจมีผลให้เจ้าขาใจอ่อนได้ใช่มั้ยคะ ไว้รอดูกันค่ะว่าเรื่องนั้นจะมีผลกับผู้หญิงคนนี้มากน้อยแค่ไหน
นักอ่านเหนียวหนึบ : อ๊ายยยยยยย..อะไรกั๊นนนนนน หมายความว่ายังไงคะที่บอกให้กำจัดยัยแม่มดออกไป ระวังเหอะ...เจอกับคำสาปของยัยแม่มดแล้วจะหนาว โฮะๆๆๆ (อันนี้ไม่ได้ขู่ใครเลยนะ จริง..จริ๊งงงงง เค้าแค่เตือนนายพรรษเท่านั้นเอง ^^)
ปิ่นนลิน : เน๊อะ..คนดีนี่ไม่รู้เป็นไงมักอกหักอยู่เรื่อย
ผักหวาน : ตอนนี้คุณพรรษก็ยังสู้ ๆ อยู่ค่ะ ^^
หมูบูลิน : ขอบคุณค่ะ..หวังว่าคงไม่ทำให้ปวดตากับการไล่อ่านนะคะ ^^ ส่วนเรื่องตัวเล็กเนี่ย..ต้องรอดูกันค่ะ
แม้ท้ายที่สุดพรรษไม่ได้คำตอบเรื่องวันวิสาข์ แต่อย่างน้อยเขาก็เบาใจว่าชลธีไม่ได้คิดทำตัวเป็นคู่แข่ง ชายหนุ่มเชื่อว่ายังไงชลธีต้องติดต่อกับวันวิสาข์อีกแน่ดังนั้นเขาจึงคอยเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย แต่เหมือนชลธีรู้ตัวหรือคาดไว้อยู่ก่อนแล้วเพราะแม้เวลาผ่านไปร่วมสองอาทิตย์แต่ลูกชายหมอชาญก็ไม่มีวี่แววจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เสียที ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีข่าวคราวของวันวิสาข์พรรษก็ทั้งหงุดหงิดและร้อนใจ
เพราะพรรษไม่รู้ว่าชลธีคาดไว้อยู่แล้วว่าเขาอาจถูกจับตามอง ดังนั้นชายหนุ่มจึงตกลงกับวันวิสาข์ว่าเขาจะพยายามไม่ไปหาเธอแต่ใช้วิธีการติดต่อทางโทรศัพท์แทนเพราะไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นเบาะแสที่ตามไปถึงตัวหญิงสาว ถึงแม้โล่งใจเมื่อรู้ว่าคุณจันทราโกรธจัดจนถึงกับประกาศตัดขาดกับหลานสาว เพราะนั่นหมายถึงว่าต่อจากนี้วันวิสาข์จะหลุดพ้นจากกรงเล็บของยายแท้ ๆ แต่ก็ยังเหลืออีกคนที่ชายหนุ่มยังไม่วางใจ
พรรษ
ชลธีไม่ไว้ใจอีกฝ่าย ถึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นวันวิสาข์จึงตัดสินใจหนีจากมา แต่เขาเชื่อว่าพรรษต้องเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจครั้งนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจ
ในเมื่อวันวิสาข์ไม่อยากเจอ เขาก็จะไม่ทำให้เธอผิดหวัง
ความอดทนของพรรษมาถึงจุดสิ้นสุดเมื่อเวลาล่วงเข้าอาทิตย์ที่แปด
เกือบสองเดือนแล้วนะที่เขายังไม่ได้ข่าวของเจ้าขา
พรรษฮึ่มฮั่มในใจอย่างหงุดหงิด นึกโมโหนักสืบมืออาชีพที่เขาว่าจ้างด้วยจำนวนเงินไม่น้อยแต่จนป่านนี้ก็ยังหาเบาะแสของวันวิสาข์ไม่ได้ ก่อนนึกพาลไปถึงเพื่อนสนิทที่แนะนำนักสืบคนที่ว่ามาให้จนคิดว่าเอาไว้สักวันจะไปตอบแทนเพื่อนตัวดีที่บ้านสักที
เย็นวันนั้นเมื่อชลธีกลับจากมหาวิทยาลัยเขาก็ได้รับรายงานจากแม่บ้านว่าพรรษรอพบอยู่ ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อนึกความพยายามที่ผ่านมาของอีกฝ่ายถึงแม้พบกับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่ากับคำตอบที่เขาให้ไป
น่าแปลกที่แม้ถูกพรรษตามราวีไม่เลิกแต่ชลธีกลับไม่รู้สึกรำคาญ ตรงกันข้ามเขาค่อนข้างชื่นชมความมุ่งมั่นของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แต่ติดตรงที่เขาก็ไม่อยากทำให้วันวิสาข์ผิดหวังที่ไว้ใจคนผิด
ที่ผ่านมาวันวิสาข์ถูกคนใกล้ชิดทำร้ายมามากแล้ว เขาไม่อยากเป็นอีกคนที่มีส่วนทำให้เธอผิดหวังและเจ็บปวด
พรรษลอบเก็บความหงุดหงิดไว้ในใจจากการอดทนรอคอยชลธีเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง ชายหนุ่มฝืนยิ้มให้เมื่อฝ่ายเจ้าบ้านยิ้มให้ก่อนอย่างมีไมตรี จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ
“ขอโทษนะครับที่มารบกวนอีกแล้ว แต่ผมอยากรู้ว่าเจ้าขาติดต่อมาหรือยัง”
ชลธียิ้มทั้งที่เริ่มนึกเห็นใจ เกือบสองเดือนแล้วที่บ้านของเขาได้รับการมาเยือนของผู้ชายคนนี้แทบทุกวันกระทั่งเริ่มคุ้นเคยกับบิดาของเขารวมถึงคนในบ้านหลังนี้จนทำให้พรรษได้รับอภิสิทธิ์สามารถเข้ามานั่งรอในบ้านได้
“ไม่ครับ”
พรรษกัดฟันข่มความหงุดหงิด รู้ทั้งรู้ว่าชลธีโกหกแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเบาะแสเดียวที่พอจะหาได้มีเพียงผู้ชายที่กำลังอยู่ต่อหน้า ยิ่งนึกถึงช่วงแรกที่เขาเคยขอเบอร์โทรศัพท์ของวันวิสาข์แต่ชลธีบอกว่าหญิงสาวน่าจะยกเลิกไปแล้วเพราะเขาเองก็ติดต่อไม่ได้ พรรษก็ยิ่งรู้สึกมืดมนกับหนทางที่จะตามหาเธอ
เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่มี ถามชลธีทีไรก็ได้รับแต่คำปฏิเสธ นักสืบที่ว่าจ้างก็ทำงานไม่ได้เรื่อง ครั้นลองไปตามหาเองกรุงเทพมหานครก็กว้างใหญ่เกินกว่ากำลังของคนเพียงคนเดียวอย่างเขา
เพราะมุ่งมั่นจะตามหาวันวิสาข์ทำให้เขาจำต้องละทิ้งทุกอย่างแม้กระทั่งงานที่บริษัท ทำให้หลายครั้งหลายหนถูกคิมหันต์โทร.มาต่อว่าเรื่องที่ทิ้งงานไปเพราะเรื่องส่วนตัว และเขาก็โต้แย้งไม่ได้เพราะสิ่งที่พี่ชายคนโตพูดเป็นเรื่องจริง
ในเมื่อไม่มีหัวใจ แล้วเขาจะเอาใจที่ไหนไปทำงานได้อีก
สองเดือนมาแล้วที่พรรษต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานเพราะความคิดถึงและโหยหา อีกทั้งความรู้สึกผิดจากการทำร้ายจิตใจวันวิสาข์เพราะความหลงผิดของตัวเขาเองก็ไม่ต่างจากบ่วงรัดบีบหัวใจให้ยิ่งเจ็บปวด ดังนั้นแม้ลึก ๆ เสียหน้าเมื่อต้องแบกหน้ามาหาคนที่เขาเคยเห็นเป็นอริของหัวใจ แต่พรรษก็ไม่มีทางเลือกอื่น
ถึงต้องเสียหน้าหรือต้องเสียอะไรไปมากกว่านี้ หากแลกกับการได้เจอวันวิสาข์อีกสักครั้ง...เขาก็ยอม
เขาคิดถึงเธอเหลือเกิน
ชลธีลอบถอนหายใจเมื่อเห็นสีหน้าหม่นซึมของพรรษ เขาพอดูออกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนค่อนข้างใจร้อนและเอาแต่ใจตัวเองตามประสาลูกคนรวยที่เคยชินต่อการได้ทุกอย่างดังใจ ดังนั้นเรื่องของวันวิสาข์คงทำให้อีกฝ่ายรู้สึกจนหนทางพอสมควรแต่ขณะเดียวกันก็น่าชื่นชมที่พรรษยังไม่ยอมถอดใจไปง่าย ๆ
แต่เขาก็รับปากวันวิสาข์ไว้แล้วว่าจะไม่บอกใคร
ดังนั้นแม้เห็นว่าพรรษลากลับไปด้วยท่าทีผิดหวังจนชวนสงสาร แต่ชลธีก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตั้งความหวัง
หวังว่าพรรษจะไม่ท้อกระทั่งถอดใจไปเสียก่อนจนกว่าเขาจะตามหาวันวิสาข์เจอ...ได้ด้วยตัวของเขาเอง
ดูเหมือนความหวังของชลธีจะสัมฤทธิ์ผล เพราะแม้ต้องเจอกับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่พรรษยังคงเฝ้าสืบข่าวของวันวิสาข์ไม่เลิกรา อาจด้วยความมุ่งมั่นของเขาทำให้นายแพทย์ชาญยังนึกเห็นใจจนตัดสินใจเอ่ยกับลูกชายในวันหนึ่งหลังจากพรรษขอตัวลากลับไปแล้ว
“พ่อว่า ชลบอกคุณพรรษไปเถอะว่าหนูเจ้าขาอยู่ที่ไหน”
ชลธีอึ้งไปกำลังคิดจะปฏิเสธบิดาก็ชิงพูดขึ้นต่อ
“พ่อรู้นะว่าเช้าวันนั้นชลเป็นคนพาหนูเจ้าขาไปกรุงเทพฯ”
“พ่อ...”
ลูกชายพูดได้แค่นั้นแล้วก็พูดไม่ออกเมื่อเห็นคนเป็นพ่อมองมาด้วยแววตาเห็นใจ
“พ่อเข้าใจว่าชลรักและสงสารหนูเจ้าขา แต่ตอนนี้หนูเจ้าขาแต่งงานแล้ว ต่อให้มีปัญหาอะไรก็ควรเป็นเรื่องของพวกเขาสองคนที่ต้องแก้ไขกันเอง ไม่ใช่เรื่องของคนนอกอย่างพวกเรา”
คนนอก
ชลธีครางลึกอยู่ในอกเมื่อคำว่า คนนอก ให้ความรู้สึกยอกแสลงในหัวใจ ทำไมเขาจะไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงคนนอกระหว่างพรรษกับวันวิสาข์ เพียงแต่...
“ผมรักเจ้าขา”
หมอชาญถอนหายใจออกมา ใช่จะไม่รู้ความรู้สึกของลูกชายแต่ท่านไม่เห็นด้วยเลยกับวิธีการของชลธีถึงแม้เชื่อว่าเขาเพียงแต่ต้องการปกป้องวันวิสาข์เท่านั้น
“เพราะอย่างนั้นชลก็เลยเลือกที่จะปกป้องหนูเจ้าขาด้วยการกันเธอออกจากปัญหาชีวิตของตัวเองอย่างนั้นเหรอ แล้วคุณพรรษล่ะ ชลจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ หรือยังไง หรือใจจริงชลหวังว่าสักวันคุณพรรษจะยอมถอดใจ แล้ววันนั้นเจ้าขาก็จะได้เป็นของชลอย่างที่ชลต้องการ”
“ไม่นะครับ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น”
“ถ้าชลไม่ได้คิดแบบนั้นจริง ๆ ก็พิสูจน์สิ ปล่อยให้สองคนนั้นได้เจอกัน ได้พูดคุยปรับความเข้าใจ หรือหากพวกเขาไม่สามารถทำความเข้าใจกันได้และตัดสินใจจะไปคนละทางกันจริง ๆ นั่นก็ควรมาจากการตัดสินใจของสองคนนั้น ไม่ใช่ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราเข้าไปมีส่วน”
เพราะรู้ว่าชลธีกำลังครุ่นคิดตามคำพูดของท่าน นายแพทย์ชาญจึงเอ่ยต่อเหมือนต้องการจะเตือนสติ
“พ่อเชื่อ คุณพรรษเองก็รู้ดีว่าชลเป็นคนพาเจ้าขาหนีไป แต่การที่เขายังคงมาหาพวกเราแทบทุกวันเฝ้าเพียรถามชลถึงเรื่องของหนูเจ้าขาโดยไม่เคยแสดงท่าทีคุกคาม นั่นก็น่าจะแสดงให้เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าเขามีความมุ่งมั่นมากแค่ไหน และพ่อเชื่อ...ผู้ชายคนนั้นไม่มีวันถอดใจจนกว่าเขาจะตามหาหนูเจ้าขาเจอ”
“ปล่อยให้เป็นเรื่องของสองคนนั้นเถอะ คนนอกอย่างพวกเราทำได้แค่เอาใจช่วย ไม่ใช่ช่วยแยกเขาออกจากกันแบบนี้”
นั่นคือคำพูดทิ้งท้ายที่หมอชาญบอกกับลูกชาย ก่อนปล่อยชลธีเอาไว้กับทางเลือกที่อยู่ในมือของชายหนุ่มเอง
ในขณะที่ชลธียังตัดสินใจไม่ได้กับทางเลือกของตัวเอง สองวันต่อมาซึ่งตรงกับวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดที่เขาไม่ต้องไปสอนที่มหาวิทยาลัย ชายหนุ่มก็ต้องร้อนใจจนทนอยู่บ้านอีกต่อไปไม่ได้หลังจากโทรศัพท์คุยกับวันวิสาข์แล้วรู้ว่าหญิงสาวไม่สบายมาสองวันแล้ว ความเป็นห่วงผลักดันให้ชลธีตัดสินใจขับรถเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยไม่ได้ระแวดระวังรอบข้างเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“เดี๋ยวพี่จะพาเจ้าขาไปหาหมอ”
นั่นคือประโยคแรกที่ชลธีบอกกับวันวิสาข์เมื่อมาถึงบ้านเช่า ชายหนุ่มใจหายไม่น้อยเมื่อพบว่าหญิงสาวดูผ่ายผอมลงไปกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกัน
“เจ้าขาไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ”
ฟังแล้ว ชลธีก็ต้องส่ายหน้าให้กับความหัวดื้อของอีกฝ่าย ก่อนทำใจแข็งบอก
“ไม่ได้ พี่ไม่มีวันเชื่อเจ้าขาจนกว่าจะได้ยินจากปากหมอเอง”
หลังจากเงียบไปนิดชายหนุ่มจึงเอ่ยต่อราวกับจะข่มขู่อยู่ในที
“จริง ๆ แล้วพี่ว่าพี่โทรศัพท์ไปขอให้พ่อมาตรวจเจ้าขาที่นี่น่าจะดีกว่านะ”
“ไม่นะคะ พี่ชลบอกเจ้าขาแล้วไงว่าจะไม่บอกใครแม้แต่ลุงหมอ”
ชลธีเงียบไปเมื่อวินาทีนั้นคำพูดของบิดาที่บอกกับเขาเมื่อวันก่อนพลันผุดขึ้นมาและทำให้เขาต้องคิดทบทวน
ดีแน่เหรอแบบนี้ การทิ้งเธอไว้เพียงลำพังที่นี่โดยไม่มีใครคอยดูแลและยิ่งมาได้เห็นว่าวันวิสาข์ผอมลงไปกว่าเดิมก็ราวกับจะยืนยันกับเขาว่าหญิงสาวดูแลตัวเองได้ไม่ดีนัก
คงถึงเวลาที่เธอต้องมีใครสักคนมาคอยดูแลเอาใจใส่
ชายหนุ่มเก็บงำความคิดของตัวเองไว้ขณะเอ่ยออกไป
“งั้นเจ้าขาก็ต้องให้พี่พาไปหาหมอ”
วันวิสาข์ยังไม่ทันขยับปากจะค้านอีกครั้งอย่างที่ใจคิด น้ำเสียงเรียบ ๆ ของใครคนหนึ่งที่กำลังก้าวเข้ามาก็ทำให้คนทั้งสองต่างพากันชะงักงัน
“เรื่องนั้น ให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะครับ”
--------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ มาแปะตอนใหม่เพิ่มอีกตอน
ตอนนี้ยังคงไม่มีอะไรเหมือนเดิม ไว้รอดูตอนหน้ากันค่ะว่าจะมีอะไรหรือเปล่า ^^
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันเสมอมาค่ะ
Zephyr : โง่มาก่อนฉลาด คงเหมาะสมกับนายพรรษมากที่สุดค่ะ...ขอบคุณสำหรับของฝากที่เผื่อแผ่ไปถึงอีกสองหนุ่มค่ะ ทั้งกระโดดกัดกับสกายคิกทำเอาทั้งนายไอซ์กะนายซัน จุกตาม ๆ กันไป โฮะ ๆๆๆ คงต้องรอดูหลังจากนี้ค่ะว่าระหว่างหลังมือกะฟันศอก แบบไหนถึงจะเหมาะกับนายพรรษมากที่สุด ฮ่า ๆๆๆ
konhin : เพราะคิดว่าความผูกพันธ์ทางร่างกายอาจมีผลให้เจ้าขาใจอ่อนได้ใช่มั้ยคะ ไว้รอดูกันค่ะว่าเรื่องนั้นจะมีผลกับผู้หญิงคนนี้มากน้อยแค่ไหน
นักอ่านเหนียวหนึบ : อ๊ายยยยยยย..อะไรกั๊นนนนนน หมายความว่ายังไงคะที่บอกให้กำจัดยัยแม่มดออกไป ระวังเหอะ...เจอกับคำสาปของยัยแม่มดแล้วจะหนาว โฮะๆๆๆ (อันนี้ไม่ได้ขู่ใครเลยนะ จริง..จริ๊งงงงง เค้าแค่เตือนนายพรรษเท่านั้นเอง ^^)
ปิ่นนลิน : เน๊อะ..คนดีนี่ไม่รู้เป็นไงมักอกหักอยู่เรื่อย
ผักหวาน : ตอนนี้คุณพรรษก็ยังสู้ ๆ อยู่ค่ะ ^^
หมูบูลิน : ขอบคุณค่ะ..หวังว่าคงไม่ทำให้ปวดตากับการไล่อ่านนะคะ ^^ ส่วนเรื่องตัวเล็กเนี่ย..ต้องรอดูกันค่ะ
พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 พ.ค. 2558, 04:07:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 พ.ค. 2558, 04:07:48 น.
จำนวนการเข้าชม : 1615
<< ตอนที่ 21 | ตอนที่ 24 >> |
konhin 9 พ.ค. 2558, 05:10:58 น.
ขอได้มั้ย ไม่เอานางเอกท้องตอนนี้
เจ้าขาถูกแม่ขอร้องให้ทำตามยายทุกอย่าง ถูกกดดันถูกบังคับมาทั้งชีวิตแล้ว ไม่อยากให้การมีลูก เป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขที่ใครต่อใครจะนำมาใช้บีบนางอีกอ่ะ
แต่ถ้าวางพล๊อตไว้แล้ว เค้าก็จะอ่านต่อ เพราะคนเขียนวางเรื่องไว้แล้ว และในชีวิตจริงเราก็ขอไม่ได้ (ฮา)
ขอได้มั้ย ไม่เอานางเอกท้องตอนนี้
เจ้าขาถูกแม่ขอร้องให้ทำตามยายทุกอย่าง ถูกกดดันถูกบังคับมาทั้งชีวิตแล้ว ไม่อยากให้การมีลูก เป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขที่ใครต่อใครจะนำมาใช้บีบนางอีกอ่ะ
แต่ถ้าวางพล๊อตไว้แล้ว เค้าก็จะอ่านต่อ เพราะคนเขียนวางเรื่องไว้แล้ว และในชีวิตจริงเราก็ขอไม่ได้ (ฮา)
ปอยอะนะ 9 พ.ค. 2558, 09:20:43 น.
ปิ่นนลิน 9 พ.ค. 2558, 10:50:02 น.
เจอกันแล้วววว
เจอกันแล้วววว
Zephyr 9 พ.ค. 2558, 10:51:54 น.
ขอให้เจ้าขาแค่อาหารเป็นพิษ
อย่ามีลูกตอนนี้เลย ไม่อยากให้ลูกเป็นทางออก ทางแก้ปัญหา
ควรจะจัดการได้ด้วยคนสองคน
จริงๆชักอยากแจกของขวัญให้เจ้าขาและพี่ชล
โทษฐานแอบงี่เง่า และ อีกคนก็ทำตาม
ทำไมได้ว่า นางเอก ลูกชายบ้านนี้ว่า วี่เง่าง้องแง้ง ทุกคน
แต่นะ คนมีความรัก ส่วนใหญ่ก็เป็น ไม่เถียง 5555
เพี้ยง ถึง โรงบาล ให้หมอบอกว่าท้องเสีย อาเจียนจนเพลีย เถอะน่า เพี้ยงๆๆๆๆๆ
ขอให้เจ้าขาแค่อาหารเป็นพิษ
อย่ามีลูกตอนนี้เลย ไม่อยากให้ลูกเป็นทางออก ทางแก้ปัญหา
ควรจะจัดการได้ด้วยคนสองคน
จริงๆชักอยากแจกของขวัญให้เจ้าขาและพี่ชล
โทษฐานแอบงี่เง่า และ อีกคนก็ทำตาม
ทำไมได้ว่า นางเอก ลูกชายบ้านนี้ว่า วี่เง่าง้องแง้ง ทุกคน
แต่นะ คนมีความรัก ส่วนใหญ่ก็เป็น ไม่เถียง 5555
เพี้ยง ถึง โรงบาล ให้หมอบอกว่าท้องเสีย อาเจียนจนเพลีย เถอะน่า เพี้ยงๆๆๆๆๆ
นักอ่านเหนียวหนึบ 9 พ.ค. 2558, 18:09:56 น.
โถๆๆๆๆๆๆ เค้าก็แค่พร่ำเพ้อ เพ้อเจ้อไปตามคนปากไม่ดี แม่มดมีที่ไหน๊ มีแต่นางฟ้าาาาาาา ........ทันมั้ยยนะ
โถๆๆๆๆๆๆ เค้าก็แค่พร่ำเพ้อ เพ้อเจ้อไปตามคนปากไม่ดี แม่มดมีที่ไหน๊ มีแต่นางฟ้าาาาาาา ........ทันมั้ยยนะ
ผักหวาน 9 พ.ค. 2558, 19:06:35 น.
หว๊ายๆๆ คุณพรรษตาม(คุณชล) จนเจอหนูเจ้าขา หุหุ
หว๊ายๆๆ คุณพรรษตาม(คุณชล) จนเจอหนูเจ้าขา หุหุ
หมูบูลิน 10 พ.ค. 2558, 05:32:04 น.
มาแล้วๆๆ งานนี้คุณพรรษตามเจ้าขาเจอแนๆ
ว่าแต่ที่ป่วยนี้เพราะตัวเล็กป่ะค่ะ
มาแล้วๆๆ งานนี้คุณพรรษตามเจ้าขาเจอแนๆ
ว่าแต่ที่ป่วยนี้เพราะตัวเล็กป่ะค่ะ