เมียบำเรอเจ้าพ่อ
ไม่มีสักครั้งที่ ‘คังเจียลี่’ เจ้าพ่อวงการธุรกิจก่อสร้างแห่งเกาะฮ่องกง

จะยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับบรรดาคู่ขาให้ขึ้นมาอยู่ในฐานะคนรัก 

หากเมื่อได้พบกับ ‘พิมพ์ชนก’ น้องสาวภรรยาของเพื่อนสนิท คนที่เขาเคยหมายตาไว้เข้าอีกครั้ง 

เจ้าพ่อหนุ่มก็ไม่รีรอที่จะกระชากเอาตัวหญิงสาวสุดเฮี้ยวมาไว้ใกล้ๆในฐานะเลขานุการส่วนตัว

แล้วเอ่ยปากขอแกมบังคับให้เธอยอมรับตำแหน่งคนรักเจ้าพ่อโดยไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง

แต่ถึงจะรู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายอย่างคังเจียลี่คือแบดบอยตัวร้ายที่ผู้หญิงทุกคนไม่ควรอยู่ใกล้ชิด... 

มิหนำซ้ำรอบตัวเขายังมีแต่ปมปริศนาฆาตกรรมที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและอันตราย

หากพิมพ์ชนกก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเขาเป็นผู้ชายที่น่าหวั่นไหวที่สุดในโลก 

และการได้อยู่ใกล้ชิดกับชายหนุ่มก็ทำให้หัวใจของสาวน้อยสั่นสะเทือน ไร้แรงต้านทาน 

ทว่าความลับสุดยอดที่พิมพ์ชนกได้ล่วงรู้เป็นสาเหตุให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกิดความคลางแคลง 

และเมื่อมีเหตุการณ์ชวนให้หัวหมุนเข้ามาแทรก ‘เมียบำเรอเจ้าพ่อ’ อย่างเธอจึงเลือกที่จะหนีไปให้ไกล

และการจะหนีจากเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลอย่างเขาให้รอดพ้นได้นั้น 

ก็ต้องไปในยามที่เขาบาดเจ็บดังเช่นตอนนี้ และต้องไปเดี๋ยวนี้!
Tags: คังเจียลี่ - พิมพ์ชนก

ตอน: ตอนที่ 9 100%

หลี่กังกำลังขับรถพลางปรึกษากับหวังเหม่ยฉีที่ได้ยินเจสสิก้าพูดเรื่องการตายของคังหย่งหนานและน้องสาวของตัวเองขึ้นมา

“เรื่องที่เจสซี่พูดเมื่อคืนนี้ เธอว่าไอ้เดร็กมันจะตามสืบจริงรึเปล่า?” หวังเหม่ยฉีถามขึ้นขณะเดินทางออกจากบ้านมาที่ทำงาน

“ยังไม่แน่ใจ ผมยังสงสัยว่าทำไมไอ้เดร็กมันถึงได้ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้ แต่ก็ให้คนไปสืบแล้วไม่นานน่าจะรู้เรื่อง”

“รีบๆ หน่อยแล้วกัน ฉันว่ามันต้องเป็นเรื่องจริงแน่ๆ เจสซี่คงได้ยินมาจากไอ้ตำรวจนั่น หมู่นี้ทำไมมีแต่เรื่องวุ่นวายกันนะ ยังจัดการเรื่องไอ้เดร็กไม่จบ เจสซี่ยังมารู้เรื่องของเราอีก” หวังเหม่ยฉีบ่นออกมา

“เราจ้างมือปืนมืออาชีพมากำจัดมันเลยดีไหมจะได้จบๆ เรื่อง ถ้ามันตายไปก็ไม่มีใครทำอะไรเราได้” หลี่กังเสนอขึ้น

“คิดโง่ๆ ถ้าไอ้เดร็กมันไม่ตายเรานะที่ต้องตายซะเอง หรือถ้ามันตายไปก็ยังเหลือไอ้หย่งเหออีกคน ทำตามแผนที่ฉันวางไว้นี่แหละดีที่สุดแล้ว”

“ถ้าเจสซี่คบหาอยู่กับสารวัตรเฉินจริง ทำไมคุณไม่ลองคุยกับเจสซี่ดีๆ ลองนัดมันมากินข้าวที่บ้านสักมื้อเผื่อจะรู้อะไรดีๆ ขึ้นมาบ้าง” หลี่กังบอก

“ฉันกลับไม่คิดอย่างนั้น ถึงฉันจะไม่เคยได้เห็นหน้าหรือคุยกับเขาแต่ชื่อเสียงความเป็นคนตรง เป็นตำรวจที่ดีนั้นมันทำให้ฉันไม่อยากให้คนในตระกูลหวังเข้าไปพัวพันด้วย ฉันรู้สึกว่ามันจะนำความยุ่งยากเดือดร้อนมาให้เรา หัวเด็ดตีนขาดฉันก็ไม่ยอมให้เจสซี่คบกับตำรวจคนนี้แน่นอน” หวังเหม่ยฉีสบตาของหลี่กังผ่านกระจก “บางครั้งฉันอาจจะต้องบอกความจริงให้กับเจสซี่รู้ก็ได้”

“ไม่ได้นะ!!!” หลี่กังบอกน้ำเสียงตกใจและแววตาหวาดกลัว

หวังเหม่ยฉีเอื้อมมือไปบีบใหญ่หลี่กังหนักๆ “เรื่องบางเรื่องเมื่อถึงเวลามันก็ต้องเผยตัวของมันขึ้นมานะอากัง ฉันรู้ว่าเธอกลัวอะไรอยู่ แต่ขอให้เชื่อฉันเถอะ ความจริงเท่านั้นที่จะหยุดเจสซี่ได้”

“แล้วเจสซี่จะไม่บอกให้แดนนี่รู้เหรอ??”

“ไม่หรอก ถึงเจสซี่จะมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง แต่เขาเปลี่ยนไปมากเมื่อคบกับสารวัตรเฉิน จุดนี้ต่างหากที่ฉันจะใช้ให้เป็นประโยชน์” หวังเหม่ยฉีคิดวิธีที่จะจัดการเรื่องที่เจสสิก้าใช้ความสัมพันธ์ของเธอและหลี่กังขึ้นมาขู่ทั้งคืน “ฉันจะไม่ยอมปวดหัวหรือเสีย

ประสาทกับเรื่องความสัมพันธ์ของเราที่เจสซี่ใช้มาขู่ฉันอีกแล้ว!!”

หลี่กังฟังผู้หญิงที่เขาเชื่อถือ หลงใหลมาตลอดชีวิต ท่าทางของเธอแน่วแน่มากจนไม่กล้าเอ่ยปากขัดเธอขึ้นมาอีก หลี่กังยังกลัวความจริงที่ตนเองเก็บไว้มานาน เขาไม่รู้ว่าหากมีเจสสิก้ารู้ความจริงแล้วเธอจะมีปฏิกิริยาต่อเขาอย่างไร?? ขนาดว่าเธอรู้เรื่องที่เขาแอบมีสัมพันธ์กับแม่ของเธอ ผู้หญิงที่เคยยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรยังเปลี่ยนเป็นเกลียดชังขยะแขยงในชั่วพริบตา


ก๊อก... ก๊อก...

เจฟเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงเจ้านายอนุญาติ “คุณเดร็กครับ คนของเราส่งข่าวมาว่ารู้ที่อยู่ที่แน่ชัดของอาเล่อแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไรคงจะได้พบท่านพรุ่งนี้ครับ”

“อืม! ดีมาก ให้เขามาอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ทันที บอกว่าฉันต้องการคุยด้วยเท่านั้น” คังเจียลี่สั่งสั้นๆ “แล้วรู้รึยังว่าเป็นพวกไหนที่ควานหาตัวเขาอยู่เหมือนกับเรา?”

“ยังไม่ทราบครับ แต่ได้ความคืบหน้ามาว่า มีเพิ่มอีกกลุ่มที่มาตามหาตัวเขาเหมือนกัน” เจฟรายงานเจ้านาย

คังเจียลี่ละสายตาจากเอกสารตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมองลูกน้องมือขวา พร้อมยิ้มที่มุมปาก “มันเริ่มจะสนุกขึ้นทุกทีแล้วนี่เจฟ ยิ่งสืบลึกลงเท่าไหร่ยิ่งมีคนอยากร่วมวงมากขึ้นเท่านั้น”

เจฟยิ้มก้มหน้ารับคำเจ้านาย “เลขาของคุณคริสตัลแจ้งมาว่าอีกสามวันจะจัดงานเปิดตัวประธานคนใหม่ของซุนฮ่องกงแบงค์นะครับท่าน งานเริ่มตอนทุ่มตรงครับ” เจฟรายงานแล้วเดินถอยหลังออกจากห้องไปพอดีกับแมรี่ก็เดินสวนเข้ามา

“คุณเดร็กคะ ตอนบ่ายสองโมงครึ่งท่านมีประชุมสรุปความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างสองแห่งที่ห้องประชุมเล็กค่ะ” เลขาสาวใหญ่เดินเข้ามารายงานภาระกิจของเจ้านายตามปกติเหมือนทุกวัน “แล้วจะให้ดิฉันเรียกช่างมาวัดตัวคุณพิมพ์ชนกตัดชุดไปงานของคุณคริสตัลเลยรึเปล่าคะ?”

“อื้ม! เรียกมาเลยอีกแค่ไม่กี่วันย้ำด้วยนะว่าต้องเสร็จให้ทัน ของฉันด้วยเหมือนกัน”

“ค่ะท่าน!!” แมรี่รับคำแล้วเดินออกไปจากห้อง พิมพ์ชนกจึงลฃุกขึ้นเดินมาหยุดที่ข้างเก้าอี้นั่งตัวใหญ่ของแฟนหนุ่มทันที

“แพมขอไปด้วยคนนะคะ” อ้อนเสียงหวานฉ่ำ

คังเจียลี่เงยหน้าขึ้นยิ้มกริ่ม “ต้องไปด้วยกันสิ ก็ผมสั่งให้ช่างมาวัดตัวตัดชุดให้แพมแล้วนี่”

“ไม่ใช่ค่ะ แพมหมายถึงถ้าคุณไปคุยกับอาเล่อที่เซฟเฮ้าส์น่ะแพมขอไปด้วยนะ” พิมพ์ชนกไม่พูดเปล่าแต่สองมือเรียวเกาะเข้าที่ต้นแขนแกร่ง “นะ... นะคะ เจียลี่...”

คังเจียลี่ชอบเหลือเกินที่เธอเรียกชื่อตัวเองแล้วยังลากหางเสียงยาว... จนทำให้เขาขนลุกเกรียวกราวได้ เกือบหลุดปากรับคำเธอไปแล้วเชียว “ไปทำไมล่ะ แพมอยู่บ้านสบายๆ ไม่ดีกว่าเหรอจ๊ะ”

“ไม่เอาอ่ะ!! แพมอยากไปด้วยจริงๆ อยากรู้ว่าเขาจะรู้เรื่องอะไรบ้าง นะ... นะคะ เจียลี่”

เอาอีกแล้ว! รู้สึกว่าแม่ตัวดีชักจะใช้ลูกออดอ้อนกับเขาบ่อยเหลือเกินเวลาอยากให้เขายอมอะไรง่ายๆ เหมือนโดนเธอผูกแล้วลากจูงให้เดินตาม “แล้วแพมจะไปงานเลี้ยงกับผมไหม??”

“อื้อ... ถ้าคุณให้ไปเซฟเฮ้าส์ด้วย” พิมพ์ชนกต่อรองได้รวดเร็ว

คังเจียลี่หันมาคว้าหมับเข้าที่เอวคอดกิ่ว แล้วมองหน้าคนขี้สงสัยอย่างไม่ไว้ใจ “รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะขาดทุน แต่คงจะดีถ้าแพมจะเพิ่มอะไรนิดๆ หน่อยๆ ให้ผมรู้สึกดีขึ้นกว่านี้สักหน่อย ผมอาจจะตกลงก็ได้”

“ไม่ทั้งนั้น ถ้าคุณไม่ยอมให้แพมไปเซฟเฮ้าส์ด้วยแพมก็จะไม่ไปงานเลี้ยงกับคุณด้วยเหมือนกัน” พิมพ์ชนกบอกแต่แขนเรียวเสลากลับยกขึ้นวางไว้ที่บ่าหนาทั้งสองข้างของคนที่กอดเอวตัวเองอยู่ “เป็นนักธุรกิจต้องหากำไรจากทุกคนรอบข้าง แต่กับแฟนของตัวเองคงไม่ต้องหรอกค่ะ ยอมขาดทุนกับแพมหน่อยจะเป็นไรไป นะ...”

ไม่พูดเปล่าแต่แม่ตัวดียังไล้นิ้วนุ่มๆ ของตัวเองลงที่แนวสันกรามของเขาเล่นอีกต่างหาก “แพมรู้ตัวไหมว่าตัวเองกำลังทำให้ผมหมดความอดทน ผมจะตายแล้วนะสวีตฮาร์ท” คังเจียลี่ซบหน้าตัวเองลงที่หน้าอกนุ่มของเธอทันที ปากบึกบึนจูบหนักๆ ลงที่หน้าอกหยุ่นทั้งสองข้างปะป่ายไปทั่วทั้งที่มีเสื้อขวางกั้นอยู่

ฉันก็จะตายเหมือนกัน! คุณรู้ไหมว่ามันยากเหลือเกินที่จะข่มใจไม่ให้เผลอไผลไปกับคุณ กลัวใจตัวเองน่ะเข้าใจไหม!?? ถ้าคุณยังรุกฉันบ่อยอยู่แบบนี้ล่ะก็ หญิงสาวคิดในใจและกลัวว่าจะเสียเรื่อง มือบางเลื่อนขึ้นมาดึงใบหน้าหล่อเหลาขึ้นจากหน้าอกของตัวเอง ให้หันมามองหน้ากัน “คุณหากำไรจากแพมไปแล้ว ไม่รู้ล่ะยังไงแพมก็จะไปด้วย แล้วก็เตรียมตัวไปเข้าประชุมได้แล้ว นี่มันบ่ายสองแล้ว แพมเองก็ต้องแปลเอกสารนั่นให้เสร็จภายในวันนี้ให้ได้”

เจ้าพ่อหนุ่มยังกอดร่างอ้อนแอ่นอยู่สักพักจึงยอมปล่อยมือจากเธอแต่โดยดี มองแฟนสาวเดินกลับไปนั่งทำงานของเธอต่อ ส่วนตัวเองก็ก้มลงเซ็นเอกสารต่อจนเจฟเข้ามาตามอีกครั้งจึงออกไปประชุม

พิมพ์ชนกชะงักมือที่พิมพ์แป้นคอมพิวเตอร์ทันที งานแปลเอกสารหลายสิบหน้านั่นเธอทำจบไปตั้งแต่ก่อนพักเที่ยงด้วยซ้ำไป แต่วันนั้นต้องของเป็นคนขี้โกงอู้งานหน่อยเพราะมีเรื่องสำคัญจริงๆ


พิมพ์ชนกใช้วิธีเดินลงบันไดเป็นการออกกำลังกายไปในตัวเพราะห้องทำงานของคังหย่งเหออยู่ชั้นล่างถัดจากเธอไปแค่ชั้นเดียวเท่านั้น หญิงสาวเดินไปยังหน้าห้องท่านรองประธานของบริษัท พนักงานหลายคนยืนขึ้นแล้วยิ้มให้อย่างนอบน้อมเมื่อเห็นผู้หญิงที่ต่างรู้กันดีว่าเธอคือว่าที่มาดามคังนั่นเอง

“ท่านรองอยู่รึเปล่าคะ” พิมพ์ชนกหยุดถามกับเลขาหน้าห้องของคังหย่งเหอ

“อยู่ครับ คุณพิมพ์ชนกต้องการพบท่านเหรอครับ?” ไทเกอร์หนุ่มจีนร่างสูงลุกขึ้นถาม

“ค่ะ เรียนท่านให้ด้วยค่ะว่าดิฉันมาขอพบ” หญิงสาวบอกพร้อมมองไทเกอร์เดินอ้อมออกมาจากโต๊ะทำงานของตัวเองเพื่อรายงานเจ้านายที่นั่งอยู่ด้านใน ไม่นานนักไทเกอร์ก็เปิดประตูออกกว้างและผายมือเชิญให้เธอเข้าไปข้างในได้ พิมพ์ชนกยกมือไหว้สวัสดีเมื่อเห็นคังหย่งเหอนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่อย่างภูมิฐาน

“หนูแพมคงมาหาอา เพราะอยากรู้เรื่องผลตรวจใช่ไหม??” คังหย่งเหอถาม

“ค่ะ คุณอาไปรับมารึยังคะ??”

คังหย่งเหอเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วดึงซองเอกสารสีน้ำตาลยื่นให้พิมพ์ชนก “อาไปรับมาตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว หนูแพมลงมาหาอาแบบนี้แล้วบอกเจียลี่ว่ายังไง?” ถามพร้อมมองหญิงสาวกำลังไล่กวาดสายตาตามตัวหนังสือในกระดาษอยู่

“เจียลี่เขามีประชุมน่ะค่ะ แพมเลยแว๊บลงมาได้” พิมพ์ชนกขยับปากตอบอัตโนมัติแต่สมองและสติกำลังจดจ่ออยู่ที่ผลการตรวจดีเอ็นเอ “นี่แปลว่าคุณอาเป็นพ่อของเจียลี่จริงๆ เหรอคะ??”

คังหย่งเหอพยักหน้าพลางลุกขึ้นเดินไปยืนมองนอกกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นวิวมุมสูงของเกาะฮ่องกง ด้านล่างยังเป็นภาพที่ผู้คนเดินกันตามถนนอย่างแออัดเหมือนฝูงมด “หมอยืนยันว่าอย่างนั้น! เจียลี่มีดีเอ็นเอตรงกับอาหมดทุกตำแหน่ง”

พิมพ์ชนกมองผู้ชายตรงหน้าที่ยืนเหม่ออย่างสงสารจับหัวใจ คนหนึ่งจมอยู่กับความรักที่ลืมไม่ลงจนต้องอยู่คนเดียวจนทุกวันนี้ อีกคนก็ไม่ได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวแต่กลับต้องซ่อนความรู้สึกโดดเดี่ยวไว้จนลึกสุดหัวใจ

“แล้วคุณอาจะทำยังไงต่อไปคะ??” พิมพ์ชนกถามเมื่อได้ยินเสียงคังหย่งเหอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“อาตอบหนูแพมตรงๆ ว่าอาไม่กล้าที่จะบอกเรื่องนี้กับเจียลี่จริงๆ ตลอดชีวิตของอา อาต้องพลัดพรากจากคนที่รักแล้วก็ไม่เคยรักใครได้อีกนอกจากเหม่ยเฟิ่ง อาเหลือเพียงเจียลี่คนเดียวที่เข้าใจมาตลอดว่าเขาคือหลาน คือญาติคนเดียวที่อามีอยู่ เจียลี่เองก็เข้าใจอย่างนั้น ถึงแม้อาจะดูออกว่าเขาไม่ได้ไว้ใจอาเต็มร้อยก็ตาม แต่มันก็ยังดีที่เขาเชื่อในอารองลงมาจากคนสกุลโจว เรื่องระหว่างอากับพี่ใหญ่และเหม่ยเฟิ่งเกิดขึ้นโดยที่เจียลี่ไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ เขาไม่ผิดสักนิด แต่เขากลับเป็นคนที่ได้รับผลกระทบกับเรื่องนี้มากที่สุด อาเองก็แก่แล้วไม่มีแรงที่จะไปตามอธิบายเรื่องที่ผ่านมาให้ใครเข้าใจอีกหรอก” คังหย่งเหอพูดแบ่งรับแบ่งสู้ท้อๆ

“แพมเข้าใจคุณอานะคะ แต่ความไม่ไว้ใจนั่น!! มันเกิดขึ้นเพราะเจียลี่ยังไม่รู้ว่าคุณอาเป็นพ่อแท้ๆ ของเขา แต่ถ้าเขาได้รู้ความจริงความรู้สึกหวาดระแวงต่อคุณอาก็จะหมดไปเพราะในโลกนี้ไม่มีพ่อคนไหนที่จะคิดร้ายกับลูกตัวเองแน่ค่ะ” พิมพ์ชนกก้าวเข้ามาใกล้ร่างที่มองข้างนอกอย่างเหม่อลอยอยู่

“หนูแพมยังไม่เข้าใจ เรื่องในครอบครัวของเรามันมีอะไรมากกว่านั้นอีก สักวันเจียลี่เขาคงเล่าให้หนูฟังเอง”

“ถ้าคุณอาหมายถึงเรื่องที่เจียลี่เขายังข้องใจการตายของคุณลุงหย่งหนานกับคุณป้าเหม่ยเฟิ่งแล้วล่ะก็ หนูทราบแล้วค่ะ เขาเล่าให้ฟังแล้ว” พิมพ์ชนกบอกและก้าวมานั่งลงตรงโซฟาตัวใหญ่เมื่อคังหย่งเหอทรุดตัวนั่งลงก่อน

คังหย่งเหอยิ้มเอ็นดูสาวน้อย “เจียลี่คงเจอผู้หญิงที่จะมาเป็นมาดามคังแล้วจริงๆ” พูดพร้อมกับมองแก้มใสที่แดงขึ้นมาทันที “ปกติเจียลี่เขาไม่เอ่ยปากพูดเรื่องนี้กับใครง่ายๆ หรอก ขนาดอาเองเขายังไม่เคยปรึกษาเลย จะทำอะไรก็เป็นความลับไปหมด”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ เป็นเพราะแพมสอดรู้เองมากกว่า” พิมพ์ชนกว่าให้ตัวเองเชิงปลอบเมื่อจับได้ถึงกระแสเสียงแห่งความน้อยใจ “ความจริงเจียลี่เขาก็สงสัยมาตลอด แต่เพิ่งจะมาเริ่มสืบจริงจังตอนที่เอารองเท้าของคุณลุงหย่งหนานไปตรวจแล็บแล้วพบว่ามันเป็นรอยลากต่างหากล่ะคะ”

คังหย่งเหอขมวดคิ้ว “รองเท้าเหรอ?”

“ค่ะ รองเท้าที่คนสวนเก็บได้”

“อาเล่อ คนสวนที่เคยทำงานอยู่น่ะเหรอ ความจริงอาก็ตามหาเขาเหมือนกันนะ แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาเก็บรองเท้าของพี่ใหญ่ได้” คังหย่งเหอบอกพร้อมลำดับความคิดถึงชายที่เขาส่งคนออกตามหาแทบพลิกแผ่นดิน!!

“อ้าว!! เป็นคนของคุณอาเองหรอกเหรอคะ คุณอาก็ตามสืบเรื่องนี้อยู่เหมือนกันเหรอคะ??” พิมพ์ชนกถามในใจคิดว่าที่แท้ก็เป็นคนของคังหย่งเหอนี่เองที่แฟนหนุ่มของเธอให้ย้อนรอยสืบ

“จ๊ะ อาตามหาตัวเขามาตั้งนานแล้ว เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ทำงานในบ้านสกุลคังที่ยังไม่ได้ถูกสอบสวน แต่ก็หาไม่เจอเพราะกว่าจะมาไล่สอบสวนเด็กในบ้านทีละคน ก็ต้องรอให้งานฝังพี่ใหญ่กับเหม่ยเฟิ่งจบเสียก่อน”

“คุณอาจะไปพบเขาด้วยกันไหมล่ะคะ?? เจฟเพิ่งเข้ามาบอกว่าเจอตัวอาเล่อแล้ว พรุ่งนี้เจียลี่จะไปคุยกับเขาที่เซฟเฮ้าส์” พิมพ์ชนกบอก

“เซฟเฮ้าส์แถวไหนกัน เจียลี่มีเซฟเฮ้าส์มากมายจนนับไม่ถ้วน??”

“ไม่ทราบค่ะ แพมได้ยินเจียลี่สั่งเท่านี้ แล้วคุณอาจะไปด้วยรึเปล่าคะ” พิมพ์ชนกย้ำถาม

“ไม่ดีกว่า ถ้าเจียลี่เขาอยากบอกอาให้รู้เขาก็คงเดินเข้ามาหาอาเอง อีกอย่างถ้าเจียลี่ได้ตัวอาเล่อไว้แล้วอาก็จะได้ให้คนหยุดตามสักที อาเชื่อว่าเจียลี่ต้องได้รู้ในเรื่องที่เขาอยากรู้แน่ ที่สำคัญอายังไม่อยากให้เจียลี่รู้เรื่องในซองนั่น หนูแพมอย่าลืมสัญญาที่ให่ไว้กับอานะ ถ้าได้ความยังไงก็อย่าลืมเล่าให้อาฟังบ้าง” คังหย่งเหอบอกพร้อมยังย้ำคำสัญญาที่สาวน้อยมีให้

“ค่ะ ตามใจคุณอาแล้วกันค่ะ แพมต้องไปแล้วนะคะ หายมาชั่วโมงกว่าแล้ว” พิมพ์ชนกบอกพร้อมเดินออกจากห้องไป

ไทเกอร์เดินสวนพิมพ์ชนกเข้ามาในห้องทำงานของเจ้านาย เขาปิดประตูแล้วเดินเข้ามาใกล้เจ้านาย “ท่านครับ คนของคุณเดร็กได้ตัวอาเล่อไปแล้วนะครับ” ไทเกอร์รายงานเมื่อเพิ่งได้รับข่าวมาสดๆ ร้อนๆ

คังหย่งเหอพยักหน้ารับ “อืม!! ฉันรู้แล้ว เอาเป็นว่าให้คนของเราออกมาจากที่นั่นให้เร็วที่สุด และทำตัวนิ่งเงียบที่สุด”
ไทเกอร์รับคำเจ้านายแล้วเดินออกจากห้องไป

คังหย่งเหอคิดในใจว่า ถ้าลูกชายแท้ๆ ของเขารู้เรื่องแล้วทุกอย่างแล้ว เขาจะเป็นอย่างไร? จะตัดสินใจแก้ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างไร และที่สำคัญ!! มือหนามีริ้วรอยความย่นของผิวหนังตามอายุหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลขึ้นมา “เจียลี่จะทำยังไงกับพ่อ!??”


พิมพ์ชนกเดินกลับเข้ามาในห้องทำงานที่เป็นของทั้งตัวเองและแฟนหนุ่มในอีกสิบนาทีถัดมา ร่างสมส่วนสะดุ้งเมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มของเธอนั่งหน้าตึงอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอเอง

“อ้าว! ทำไมประชุมเสร็จเร็วนักล่ะคะ แพมคิดว่าจะนานกว่านี้ซะอีก?” พิมพ์ชนกถามพร้อมค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ๆ

“แพมไปไหนมา?” คังเจียลี่ถาม เขาเข้ามาในห้องเกือบยี่สิบนาทีแล้วและแมรี่บอกว่าเธอออกไป หลังเขาเดินเข้าห้องประชุมแป๊บเดียวเท่านั้น

“เอ่อ... แพมเดินลงไปหากาแฟทาน ไม่รู้ว่าคุณจะประชุมเสร็จเร็วไม่งั้นคงจะถือมาให้คุณสักแก้ว”

คังเจียลี่พยักหน้ารับแต่ไม่รู้ว่าทำไมถ้าผู้หญิงคนนี้โกหกเขาจะจับได้ทันทีเพราะเธอดูหลุกหลิก ไม่มั่นใจเหมือนปกติ แต่ก็ไม่อยากจะซักไซร้เธอมากเพราะเวลาแค่ไม่นานเธอคงไปไหนไม่ได้นอกจากอยู่แถวๆ นี้ เขาแค่อยากรู้ว่าทำไมเธอไม่บอกเขาตรงๆ ระหว่างเธอกับเขาแล้วมันยังต้องมีความลับอยู่ด้วยหรืออย่างไร!!?

พิมพ์ชนกมองคนที่นิ่งเงียบไปพักใหญ่ สายตาเขาเต็มไปด้วยความสงสัยจนหญิงสาวนึกหวั่น “ทำไมมองแพมแบบนั้นล่ะคะ??!”
“ไม่รู้สิ หมู่นี้แพมทำตัวแปลกๆ” คังเจียลี่มองคนทำตัวแปลกเดินเข้ามาอยู่ข้างๆ ตัวเองแล้วมือบางก็วางลงบนไหล่ทั้งสองข้างนวดคลึงให้อย่างเอาใจ นั่นไง!! แปลกเข้าไปใหญ่อีก

“แพมก็เหมือนเดิมนั่นล่ะค่ะ คุณเครียดมากไปรึเปล่า” เสียงหวานไม่พูดเปล่ายังเลื่อนขึ้นมาคลึงขมับทั้งสองข้างให้ งัดเอาวิชาที่ใช้อ้อนบิดาและมารดามาใช้ให้เป็นประโยชน์ ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลเพราะแฟนหนุ่มของเธอแหงนหน้าพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลงอยู่พักใหญ่ สักพักก็ดึงตัวเธอมานั่งซ้อนอยู่ที่ตักแล้วซบหน้าลงที่หัวไหล่ของตนเองแบบที่เขาชอบทำบ่อยๆ

“เราเป็นแฟนกันใช่ไหมที่รัก??” เสียงห้าวนุ่มถามขึ้น

“ใช่สิคะ”

“แพมมีเรื่องอะไรก็บอกผมได้ทุกเรื่อง ผมแคร์คุณนะสวีตฮาร์ท คนรอบข้างผมชอบใส่หน้ากากเข้าหาผมกันทุกคน ผมมีคุณแค่คนเดียวที่พูดคุยได้ทุกเรื่องและจริงใจกับผม อย่าโกหกผม!”

พิมพ์ชนกมองแววตาที่เคยขี้เล่นอยู่เสมอเปลี่ยนเป็นจริงจังทั้งยังซ่อนความกังวลไว้อยู่ลึกๆ ในระดับสายตาของตัวเอง “แพมหวังดีและปราถนาดีให้คุณเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดคนหนึ่ง ทุกอย่างที่แพมทำอยากจะบอกให้คุณรู้ไว้ว่าแพมไม่มีวันทรยศคุณเหมือนคนรอบข้างที่คุณเจอมาแน่ค่ะ เจียลี่” ฉันไม่ได้โกหกคุณหรอกค่ะเพียงแค่ยังเล่าให้คุณฟังตอนนี้ไม่ได้เท่านั้นเอง หญิงสาวต่อในใจ

ริมฝีปากของทั้งคู่พบกันในเวลาต่อมา คังเจียลี่ครางอย่างพอใจเมื่อการจูบครั้งนี้คนที่ตัวเองแคร์ตอบสนองด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง เธอโอบรอบคอหนาของเขาไว้ จงใจเบียดตัวเองเข้าหาจนแทบไม่เหลือช่องว่างระหว่างกันโดยไม่เขินอาย ตวัดลิ้นเล็กๆ เลียนแบบลิ้นหนาที่เขาทำทุกอย่างได้น่ารักเป็นที่สุด ราวกับจะย้ำให้เขามั่นใจว่าเธอจะไม่มีวันทรยศเขาเป็นอันขาด เพียงเท่านี้หัวใจของผู้ชายที่ซ่อนความเจ็บปวดทั้งมวลไว้ลึกสุดของหัวใจ ก็เอิบอิ่มไปด้วยความสุขล้ำที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่มอบให้ได้

กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง...

นอร์แมนเฉินยกโทรศัพท์ที่กรีดดังขึ้นมาดู พร้อมกรอกเสียงลงไปเมื่อชื่อของแฟนสาวปรากฏอยู่หน้าจอ “ครับ”

“อยู่ไหนคะ? กินข้าวรึยัง ฉันจะซื้อพิซซ่าไปรอคุณที่ห้องนะ” เจสสิก้าบอก

“วันนี้เห็นจะไม่ได้นะเจสซี่ ผมมีเรื่องด่วนเข้ามาน่ะ แล้วคุณเลิกงานแล้วเหรอ??” สารวัตรหนุ่มถาม

“อีกสักพักก็จะออกไปแล้วล่ะ ว่าแต่งานด่วนของคุณมันคืออะไรคะ? บอกได้ไหม??”

“ยังไม่รู้เลย ผู้กำกับเรียกประชุมด่วน! ขอโทษด้วยนะจ๊ะ” นอร์แมนเฉินไม่อยากบอกว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของเธอเอง ด้วยเหตุผลที่ว่าเรื่องมันยังเป็นความลับอยู่และหมู่นี่เธอไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่จึงไม่อยากเพิ่มเรื่องให้เธอคิดมากขึ้นไปอีก

“แปลว่าฉันต้องกินข้าวคนเดียวอีกตามเคย” เจสสิก้าบอกเหงาๆ แต่ก็สลัดความคิดนั้นอีกไปในทันทีเพราะไม่อยากให้นอร์แมนเป็นห่วง “ไม่เป็นไรค่ะ แค่วันเดียวเอง ถึงบ้านแล้วอย่าลืมโทรหาฉันนะคะ เทคแคร์ค่ะ” เจสสิก้ากดวางสายก่อนพลางยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าถือ หญิงสาวเดินออกจากห้องทำงานยืนรอลิฟต์ที่หน้าทางเดิน พอลิฟต์เปิดออกก็ต้องชะงักเพราะคังหย่งเหอยืนอยู่ด้านใน

“จะไปด้วยรึเปล่า?” คังหย่งเหอถามเมื่อลิฟต์เปิดออกแล้วเจสสิก้ายังยืนนิ่งอยู่

“อะ... เอ่อ ค่ะ” เจสสิก้าก้าวเข้าไปด้านในลิฟต์พร้อมยิ้มให้อย่างเกรงใจ

“เรื่องโฆษณาตัวใหม่ของบริษัทที่ออกมาได้รับคำชมมากเลยนะ ทำให้ยอดขายพุ่งขึ้นเกือบสิบเปอร์เซนต์ในเวลาแค่ไม่ถึงสัปดาห์ เอาไว้ในจะพูดเรื่องนี้ในที่ประชุมก็แล้วกัน” คังหย่งเหอเอ่ยชมเจสสิก้า ในตระกูลหวังก็คงจะมีเธอคนเดียวนี่แหละที่พอจะทำงานสมกับเงินเดือนบ้าง!!

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวพูดออกไปแค่นั้นจริงๆ เพราะยังอึ้งไม่อยากเชื่อหูที่ได้ยินคำชมจากปากผู้ชายที่ตั้งป้อมเป็นศัตรูกับแม่ของเธออย่างโจ่งแจ้ง และเหมือนเขาจะรู้ทันความคิดของเธอ

“ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองไปให้ดี อย่าไปสนใจแม่กับน้องของเธอนัก ถ้าเธอยังเชื่อมั่นและศรัทธาสิ่งใดก็ตาม ฉันเองก็เชื่อว่าเสมอว่าใครทำอะไรไว้ก็จะได้รับผลกรรมในการกระทำของตัวเองเสมอ ฉันก็พูดกับเธอได้เท่านี้ล่ะนะ”

เจสสิก้าก้าวตามคังหย่งเหอออกจากลิฟต์อย่างเงียบๆ เธอรู้ดีว่าคังหย่งเหอหมายถึงอะไร!!? และเขาบอกเธอเพื่อที่จะให้สารณ์นี่ส่งถึงแม่ของเธอเอง!!! หญิงสาวขับรถออกจากบริษัทพลางคิดในใจว่าเธอจะบอกเรื่องที่คังหย่งเหอให้แม่รู้ดีไหม ถ้าแม่รู้แล้วเชื่อเธอก็คงดี แต่ถ้ารู้แล้วคิดไปอีกแง่ว่ามีคนรู้ว่าตัวเองเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทุกอย่างอาจจะคิดทำอะไรที่รุนแรงมากขึ้นก็ได้


กลับมาถึงบ้านเจสสิก้าตัดสินใจที่จะคุยเรื่องทั้งหมดกับแม่ของตัวเองให้รู้เรื่องในวันนี้ หญิงสาวถือวิสาสะเปิดประตูห้องทำงานของแม่ตัวเองโดยไม่เคาะประตู แต่ก็ต้องกรอกตาขึ้นฟ้าอย่างละอายใจแทน!! แม่หลี่กังชู้รักกำลังนวดคลึงต้นขาให้แม่ของตัวเองอยู่

“ให้ตายเถอะแม่!! ถ้าแม่อดกลั้นไม่ได้นักแม่ก็ย้ายออกไปเช่าโรงแรมอยู่ถาวรกับมันเลยดีไหม? เคยคิดบ้างรึเปล่าว่านี่เป็นบ้านของเรา เป็นบ้านของพ่อที่สร้างขึ้นมา แล้วถ้าคนที่เปิดประตูห้องเข้ามาเป็นแดนนี่ไม่ใช่หนูแม่จะทำยังไง??” เจสสิก้าขึ้นเสียงแว๊ดๆ อย่างอดไม่ได้

หวังเหม่ยฉีถอนหายใจค่อยๆ หย่อนขาทั้งสองข้างลงจากโซฟาตัวยาวขึ้นนั่งตัวตรง ส่วนหลี่กังลุกขึ้นไปยืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่ที่หญิงสาวเปิดห้องเข้ามาแล้ว “หึ!! บ้านของพ่อแกงั้นเหรอ!? ใครๆ ก็บอกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลหวังโชคดีเหลือเกินที่ได้แต่งงานกับหนุ่มใหญ่ไป๋มู่เหวิน ผู้ชายที่เอาการเอางานไม่มีเรื่องชู้สาวให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ร่ำรวยแต่ใช้ชีวิตสมถะ ฮ่าๆๆๆ” หวังเหม่ยฉีหัวเราะเย้ยหยันออกมาดังๆ ราวกับประชดชีวิตตัวเอง

“แม่พูดอะไรของแม่!??” เจสสิก้ามองปฏิกิริยาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอรู้เรื่องราวของผู้เป็นพ่อน้อยนักเพราะท่านจากไปตั้งแต่แดนนี่เกิดได้เพียงแค่ห้าเดือน

“พูดความจริงในสิ่งที่แกต้องรู้ แล้วก็ต้องรับมันให้ได้ ทำไมฉันถึงไม่ให้แกกับแดนนี่ใช้แซ่ไป๋เหมือนพ่อของแกล่ะเจสซี่??”

“อย่านะเหม่ยฉี ผมขอร้องล่ะ!!” หลี่กังขัดขึ้น

“ฉันบอกแล้วนี่อากังทุกอย่างมันถึงเวลาของมันแล้ว” หวังเหม่ยฉีหันมามองหน้าลูกสาวอย่างค้นหา “เพราะเขาไม่ใช่พ่อของแกไงล่ะเจสซี่”

“มะ...ไม่!! ไม่จริง!!!” เจสสิก้าครางออกมาอย่างไม่เชื่อสองเข่าอ่อนล้าจนทรุดลงบนโฟซาที่วางอยู่ด้านหลัง

“จริง! พ่อของพวกแกสองคนคือหลี่กังคนที่แกบอกว่าเขาเป็นชู้รักของฉันนี่แหละ ฉันจะปล่อยให้ไอ้คนมีแต่เปลือก เป็นไอ้โรคจิตวิตถารมาเป็นพ่อของลูกได้ยังไง!!” หวังเหม่ยฉีพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ชัดเจนทุกถ้อยคำ “ถ้าฉันไม่หุบเอาเค แลนด์เอนด์เฮาส์ไว้คนเดียวแล้วบีบให้หย่งหนานกับเหม่ยเฟิ่งออกไป พวกแกสองคนพี่น้องจะได้ใช้ชีวิตสุขสบายเหมือนที่เป็นอยู่แบบทุกวันนี้ไหม ฉันต้องทุกข์ทนทรมาน รองรับอารมณ์ของไอ้โรคจิตที่แกเรียกมันเต็มปากว่าพ่ออยู่นานถึงสามปี!! สามปีเชียวนะเจสซี่! สามปีที่แม่ต้องเหมือนตกนรกทั้งเป็น”

เจสสิก้ามองมือที่เคลือบเล็บสีแดงแปร็ดกระชากเสื้อของตัวเองออกมาเผยให้เห็นรอยแผลเป็นที่เนินอก เป็นรอยคล้ำลึกลงไปบ้าง นูนออกมาบ้างหลายแห่งบนร่างกายของแม่ตัวเอง จนทำให้ถึงกับพูดไม่ออก!!

“ไอ้ชาติชั่วนั่นมันเห็นฉันเป็นเครื่องจักรทางเพศที่เอาไว้ใช้ระบายอารมณ์ของมัน ที่เห็นนี่มันเป็นแค่แผลเล็กน้อยเท่านั้นเอง แต่จะอยากรู้ไหมว่ามันทำยังไง มันเอาเทียนไขเล่มใหญ่กว่าแขนแกซะอีกจุดไฟแล้วก็หยดน้ำตาเทียนลงบนตัวฉัน พอฟังเสียงฉันกรีดร้องสมใจแล้ว มันก็บี้เทียนเล่มนั้นลงตรงนี้!!” หวังเหม่ยฉีถลกกระโปรงของตัวเองขึ้นพร้อมกางขาออกโชว์รอยแผลเป็นใหญ่ที่ต้นขาอ่อนด้านใน

เจสสิก้ามองน้ำตาของแม่ตัวเองที่ไหลนองออกมาเต็มสองแก้ม “แม่!! ทำไมเป็นแบบนี้!??”

หวังเหม่ยฉีหัวเราะทั้งน้ำตาให้กับอดีตของตัวเอง “ไม่มีใครรู้หรอกว่าแม่ต้องทนทุกข์อยู่กับผู้ชายที่ต่อหน้าคนอื่นเป็นคนแสนประเสริฐ แต่เวลาเขามีความต้องการขึ้นมาจะเป็นเหมือนปีศาจ เขาเป็นพวกวิปริตที่ก่อนมีเพศสัมพันธ์จะต้องทำให้คนอื่นเจ็บปวดเจียนตายเสียก่อน มีแต่หลี่กังคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าไป๋มู่เหวินเป็นยังไง? หลี่กังเป็นคนที่คอยหายามาให้แม่หลังจากที่รอดออกมาจากขุมนรกนั่นทุกวัน นานวันเข้ามันเกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจกัน แม่กับหลี่กังก็แอบมีความสัมพันธ์กันโดยที่มันไม่รู้”

“การแต่งงานของแม่กับมัน ผู้ใหญ่ก็หวังที่จะได้เห็นลูกหลานไว้สืบสกุล แม่เลยต้องปล่อยให้แกเกิดขึ้นมาเพราะหวังว่าถ้าแม่ท้อง ไอ้ชั่วไป๋มู่เหวินมันจะไม่ทำระยำกับแม่บ้าง แต่เปล่าเลย!! มันยิ่งฮึกเหิมลำพองใจว่าตัวเองสามารถมีลูกไว้สืบสกุลแล้ว มันถึงกับขึงผืดแม่ทั้งที่กำลังท้องลูกตอนห้าเดือน”

“พอเถอะค่ะแม่ พอเถอะ หือๆๆ หนูไม่อยากฟังแล้ว หือๆๆ” เจสสิก้าร้องไห้โฮ สองมือทึ้งผมของตัวเอง สะบัดศีรษะไปมา ไม่สามารถจะทนฟังต่อไปได้อีกแล้ว

“ต้องฟัง!! ฟังเอาไว้แล้วกลับไปคิดดูว่าแกจะพูดเรื่องนี้กับแดนนี่เองหรือจะให้แม่เป็นคนบอก หรือจะเก็บไว้เป็นความลับเหมือนอย่างที่ฉันกับหลี่กังทำมาตลอด” หวังเหม่ยฉีป้ายน้ำตาออกจากหน้าแล้วเริ่มพูดต่อไป “พอคลอดแกออกมาเป็นผู้หญิง มันไม่พอใจเอามากๆ เพราะมันต้องการให้ลูกคนแรกที่เกิดมาเป็นผู้ชาย มันทุบตีแม่สารพัดจนต้องกลับเข้าไปนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน!!”

“แล้วทำไมแม่ไม่บอกคนอื่นให้ช่วย บอกน้าเหม่ยเฟิ่งก็ได้นี่คะ??” เจสสิก้าถาม

“เหม่ยเฟิ่งได้แต่งงานมีความสุขไปกับผู้ชายที่ฉันหลงรักตั้งแต่เห็นหน้า ก่อนที่สองคนนั่นจะแต่งงานฉันชี้หน้ามัน บอกให้เหม่ยเฟิ่งรอดูว่าฉันต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ดีกว่ารวยกว่าคังหย่งหนานด้วยซ้ำ แล้วแกจะให้ฉันไปขอความช่วยเหลือจากนังมารหัวใจที่มันแย่งทุกอย่างไปจากฉันอย่างนั้นเหรอ!??” หวังเหม่ยฉียังมีสายตาเคียดแค้นชิงชังน้องสาวที่คลานตามกันออกมาเพราะคิดว่าหวังเหม่ยเฟิ่งเป็นคนที่แย่งทุกอย่างไปจากเธอนับจากความรักจนถึงฐานะในสังคม เป็นคนผลักไสให้เธอต้องไปแต่งงานกับไป๋มู่เหวิน เธอจึงต้องไปเผชิญกับชะตากรรมอันเลวร้ายอยู่ถึงสามปี!!!

“แล้วคุณน้าหย่งหนานรู้รึเปล่าว่าแม่รักเขา??” เจสสิก้าเริ่มถาม เมื่อเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นกับคนรุ่นก่อนมันเป็นเรื่องซับซ้อนกันจนหายต้นสายปลายเหตุไม่ถูก

“รู้สิ!! วันที่แม่บ้านเข้ามาบอกว่าคุณชายใหญ่ตระกูลคังจะมาดูตัว ฉันดีใจมากเพราะได้ยินคำล่ำลือเกี่ยวกับความเป็นสุภาพบุรุษของเขามาตลอด ฉันแต่งตัวสวยที่สุดในชีวิต รอคอยการมาเยือนของเขาแต่เมื่อเจอหน้าเขากลับเพียงแค่ยิ้มให้ฉันที่มุมปากและหันไปมองนังน้องร่านที่วิ่งเข้ามาประจบพ่อว่ามันเรียนจบแล้ว!! ภายในเย็นวันนั้นพ่อบ้านตระกูลคังก็บอกว่าจะมาสู่ขอคุณหนูเล็กสกุลหวัง แกคิดว่าฉันควรทำยังไง ฉันต้องอับอายขายหน้าแค่ไหนที่น้องสาวจะแต่งงานก่อนพี่!!?”

การที่น้องสาวได้รับการทาบทามตัว และกำลังจะได้แต่งงานก่อนตัวเองนั้น ทำให้หวังเหม่ยฉีรู้สึกอับอายและริษยาน้องสาวของตัวเองเป็นอย่างมาก

“ฉันรับปากตกลงแต่งงานกับไป๋มู่เหวิน ผู้ชายอายุสี่สิบห้าที่เป็นพ่อค้าขายเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ ด้วยข้อแม้ที่ว่าเขาต้องมีพิธีแต่งงานให้ฉันใหญ่กว่าเหม่ยเฟิ่งและต้องจัดขึ้นก่อนงานแต่งของมันด้วย! ใครๆ ก็บอกว่าฉันเป็นคนโชคดี ได้แต่งงานกับเศรษฐีที่มีนิสัยมัธยัส แต่ความจริงแล้วมันกำลังจะล้มละลายแล้วต่างหาก ฉันต้องบากหน้ามาขอยืมเงินพ่อที่กำลังป่วยหนัก ฉันเล่าเรื่องเกี่ยวกับการเงินของไป๋มู่เหวินให้พ่อฟัง แต่พ่อกลับบอกว่าขอปรึกษาเรื่องนี้กับเหม่ยเฟิ่งเสียก่อน เพราะท่านเอาที่ดินที่มีอยู่ไปลงทุนเปิดบริษัทกับคังหย่งหนานแล้ว” หวังเหม่ยฉีมองหน้าของลูกสาวที่กำลังฟังอย่างตั้งใจ

“วันนั้นคุณตาของแก หย่งหนานแล้วก็เหม่ยเฟิ่งบอกให้ฉันปิดกิจการของไป๋มู่เหวินซะ พวกเขาจะให้ข่าวออกไปว่าไป๋มู่เหวินสุขภาพไม่ค่อยดีแล้วก็ทำมาจนถึงจุดอิ่มตัว แล้วให้ฉันมาทำงานในฐานะพนักงานคนหนึ่งของเค แลนด์แอนเฮาส์เท่านั้น!! ถ้าแกมาเป็นแม่ แกจะแค้นไหม?? เจสซี่...” หวังเหม่ยฉีร่ำไห้ออกมาปริ่มว่าจะขาดใจ

“พอเถอะเหม่ยฉี คุณเหนื่อยมากเกินไปแล้ว” หลี่กังเดินเข้ามาลูบไหล่ปลอบทั้งยื่นผ้าเช็ดหน้าให้

“แล้วทำไมพวกเขาไม่ยอมช่วยแม่?” เจสสิก้าถามขึ้น

หวังเหม่ยฉียกมือขึ้นใช้ผ้าซับน้ำตาของตัวเอง พลางว่าด้วยเสียงสะอื้น “เพราะพวกมันบอกว่าต้องใช้เงินอีกมากเพื่อจะชดใช้หนี้สินที่เกิดขึ้น มันเป็นการดีกว่าที่ทำอย่างที่พวกมันแนะนำ ตอนแรกแม่ไม่ยอม ไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร แต่พอต้องมารองรับความใคร่วิตถารของมันแล้วยิ่งทำให้แม่แค้นใจ หลังจากคลอดแกแล้วแข็งแรงขึ้นสักหน่อยแม่เลยตัดสินใจออกมาทำงานที่เค แลนด์แอนด์เฮาส์ เพื่อจะได้ไม่ต้องอยู่ใกล้ไอ้โรคจิตทั้งวัน แม่เริ่มทำทุกวิถีทางเพื่อยึดเอาเค แลนด์แอนด์เฮาส์มาเป็นของตัวเอง ก่อเรื่องใส่ความเหม่ยเฟิ่งทุกอย่างให้มันทนไม่ได้ ขณะเดียวกันก็วางแผนกับหลี่กังกำจัดไป๋มู่เหวิน โดยค่อยๆ ใส่สารหนู3ในอาหารทีละน้อย ทีละน้อยจนไม่มีใครรู้และไม่เกิดอาการแต่อย่างใด ตอนนั้นแม่ท้องแดนนี่อยู่มันยังมีแรงลุกขึ้นมาทำร้ายแม่อยู่เลย แต่มันไม่รู้หรอกว่าสารพิษกำลังสะสมในตัวมันวันละนิด แม่ยังสั่งให้คนทำอาหารมันๆ ให้มันกินทุกวัน พอคลอดแดนนี่มันดีใจมากที่ได้ลูกชาย ถึงสัญญากับแม่ว่าต่อไปจะไม่ทรมานแม่อีก แต่ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว แม่เกลียดมันจนไม่สามารถที่จะหายใจเอาอากาศเข้าปอดร่วมกับมันได้ด้วยซ้ำ วันที่มันตายมันก็กระอักเลือดออกมาเหมือนคนป่วยเรื้อรัง แดนนี่อายุได้ขวบกว่าๆ มันก็ต้องตาย มันทรมานไม่ได้ถึงครึ่งที่มันทำกับแม่ไว้ด้วยซ้ำ!!”

เจสสิก้าแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่า แม่จะเป็นคนวางแผนคนที่เธอคิดว่าเป็นพ่อมาตลอดชีวิตเสียเอง

“พอมันตายแม่ก็ได้เงินประกันชีวิตที่ทำไว้อยู่มากเลยทีเดียว มากจนสามารถซื้อหุ้นเค แลนด์แอนด์เฮาส์ได้ถึงสิบเปอร์เซ็นต์บวกกับที่ได้ส่วนแบ่งมาอีกสิบห้าเปอร์เซ็นต์ มันก็ทำให้แม่เริ่มมีเสียงขึ้นในบริษัทแล้ว แม่ตัดสินใจเล่าเรื่องของตัวเองให้เหม่ยเฟิ่งฟังว่าทนทุกข์ทรมานแค่ไหนที่แต่งงานกับไป๋มู่เหวินและขอร้องให้เหม่ยเฟิ่งกับสามียกบริษัทให้แม่บริหารเอง แต่กว่ามันจะยอมถอยออกไปก็ใช้เวลาเกือบสิบปี เหม่ยเฟิ่งแสนสวย จิตใจดี มันก็เป็นคนโง่วันยังค่ำมันยกเค แลนด์แอนด์เฮาส์ให้แม่ แล้วตัวเองก็ถือหุ้นไว้แค่สิบห้าเปอร์เซ็นต์”

หวังเหม่ยฉีเดินเข้าไปดึงตัวของเจสสิก้าขึ้นมาเผชิญหน้ากับตัวเอง “นี่ล่ะคือความจริงทั้งหมดที่แม่เก็บไว้มาตลอดหลายปี แม่ไม่ได้เป็นคนดีขาวสะอาดอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ได้อยากทำความเลวความชั่วเหมือนกัน แม่ผิดด้วยเหรอ? แม่ผิดอะไร? ถึงต้องมาเจอกับความโหดร้าย ป่าเถื่อนแบบนั้น!! รู้รึยังว่าเรื่องราวในครอบครัวของเรามันไม่ควรที่แกจะคบกับสารวัตรตรงฉินคนนั้น เพราะอะไรแกโตแล้วคงคิดเองได้ ทั้งหมดที่แม่กับหลี่กังทำไปก็เพื่อแก เพื่อแดนนี่ เพื่อเราทุกคน แกจะบอกเรื่องนี้กับแดนนี่รึเปล่าก็แล้วแต่แก แกจะทำอะไรต่อไปนี้แม่ก็จะไม่ห้าม ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่แกแล้ว เจสซี่”

เจสสิก้าทรุดลงโซฟาอีกครั้งเหมือนร่างไร้กระดูก เมื่อแม่ของตัวเองปล่อยมือ

“เธอกลับไปเถอะอากัง ฉันจะขึ้นข้างบนแล้วเหมือนกัน” หวังเหม่ยฉีบอกพร้อมเดินออกจากห้องทำงานปล่อยให้เจสสิก้านั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองตามลำพัง


“คุณคิดว่าเจสซี่จะทำยังไง??” หลี่กังถามขึ้นหลังจากที่เดินตามหวังเหม่ยฉีออกมาด้านนอก

“เขาจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังหรอก เชื่อฉัน” หวังเหม่ยฉีพูดเพียงเท่านั้นก็เดินขึ้นบันไดมา เธอรู้จักนิสัยของลูกสาวคนนี้ดี เจสสิก้าอาจจะเอาแต่ใจตัวเองบ้าง แต่นั่นก็เป็นเพราะถูกเลี้ยงดูมาแบบลูกคุณหนู ความที่ไม่สนใจใครมองตัวเองสูงกว่าคนอื่น เจสสิก้าจะไม่มีวันยอมให้เรื่องน่าอายนี่เปิดเผยให้ใครรู้เด็ดขาด!

หลี่กังที่เพิ่งได้เปิดเผยความลับที่เก็บเอาไว้มาตลอดสามสิบปี เขาเป็นพ่อแท้ๆ ของเจสสิก้าและแดนนี่ ลูกสาวและลูกชายที่ช่วยกันเลี้ยงดูพวกเขาให้เติบโตขึ้นมาอย่างสุขสบาย ไม่ว่าหวังเหม่ยฉีจะให้เขาไปทำอะไร หลี่กังก็จะก้มหน้าก้มตาทำมันด้วยความซื่อสัตย์ เพราะอยากรู้เมียและลูกลับๆ ของตนเองได้สุขสบาย เขายอมปกปิดฐานะที่ทำให้ลูกและเมียอับอายจากคนในสังคม ยอมเป็นเพียงคนรับใช้ที่อยู้ข้างกายคุณนายหวัง!! ยอมให้ลูกชายเรียกและมองด้วยสายตาชนิดที่ไม่เคยให้เกียรติและความสำคัญเลย!! ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความรักยิ่งใหญ่ที่พ่อคนหนึ่งจะทำเพื่อลูกเท่านั้น

เมื่อความจริงเปิดเผย ลูกสาวของเขาไม่มองแม้แต่หน้าของพ่อตัวเองด้วยซ้ำไป ความหวังที่เคยคิดว่าจะได้กอดลูกของตัวเองสักครั้งในชีวิตเลือนหายไปกับท่าทีอันสับสน เจ็บปวดกับการได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตัวเอง หลี่กังเดินออกมาทรุดนั่งลงที่พื้นบันไดหน้าบ้านสกุลหวังอย่างหมดแรง และเสียใจที่สุดในชีวิต!!!

สวัสดีค่า นักอ่านที่รัก เหลืออีก 2 ตอนจะครบ50% จะครบ50๔ ของเนื้อแล้วนะคะ

นักอ่านที่รักสามารถพาคลายปมปัญหาทุกอย่างได้โดยการหิ้วเจียลี่-น้องพาย ไปเก็บไว้ได้ที่ร้านซีเอ็ดบุ๊ก ร้านนายอินทร์ ร้านบีทูเอส เว็บสำนักพิมพ์อินเลิฟ เว็บบุ๊กสไมล์ และสามารถพูดคุยกับศิริพาราได้ตามช่องทางดังนี้

1. e-mail siripara2writer@gmail.com

2. fanpage https://www.facebook.com/siripara.raya

3.facebook https://www.facebook.com/siripara.looktan

ติชมหรือแสดงความคิดเห็นได้ตามสบายค่า เม้ามอยหอยขมกันได้ไม่เฉพาะเรื่องนิยาย ศิริพารายังมีเกมกติกาแสนง่ายดาย แจกของรางวัลเล็กน้อยเพื่อตอบแทนนักอ่านที่รัก อย่าลืมกดlikefanpage ศิริพารา รายาฤดีนะคะ

จบเรื่องนี้แล้ว ศิริพาราจะเอานิยายทั้งหมดมาอัพให้นักอ่านที่รักได้อ่านกันทุกเรื่อง ขอบคุณที่ติดตามและแสดงความคิดเห็นค่ะ

จุ๊บๆๆ
ศิริพารา



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ค. 2558, 21:24:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ค. 2558, 21:24:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 961





<< ตอนที่ 8 100%   ตอนที่ 10 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account