บ่วงรักฝังแค้น
เมื่อความรักกลายเป็นความอาฆาตแค้น และตามจองเวรเขาและเธอไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่ว่าภพชาติไหนจะขอตามจองล้างจองผลาญไม่ให้เหลือสิ้น ความรักและความแค้น
จากอดีตชาติติดตามเป็นเงาตามตัว เขาและเธอจะทำเช่นไรเพื่อหยุดความแค้นนี้ลงได้
ไม่ว่าภพชาติไหนจะขอตามจองล้างจองผลาญไม่ให้เหลือสิ้น ความรักและความแค้น
จากอดีตชาติติดตามเป็นเงาตามตัว เขาและเธอจะทำเช่นไรเพื่อหยุดความแค้นนี้ลงได้
Tags: บ่วง,รัก,ฝัง,แค้น
ตอน: ตอนที่ 3 สูญเสีย
ตอนที่ 3 สูญเสีย
แบงค์ออฟอเมริกาทาวเวอร์ ตึกระฟ้าที่ตั้งอยู่ใจกลางเขตแมนฮัตตัน ของมหานครนิวยอร์ก ที่ทำการของกลุ่มบริษัทในเครือตระกูลแอนเดอร์สัน ซึ่งอยู่ภายในอาคารนี้ทั้งหมด ผู้บริหารระดับสูงต่างค่อยๆ ทยอยออกมาจากห้องประชุมใหญ่ในการประชุมวิสามัญ วาระเร่งด่วน ตามคำสั่งของประธานกรรมการบริหาร อลัน แอนเดอร์สัน
ร่างสูงของท่านประธานหนุ่ม ก้าวเดินออกมาจากห้องประชุมด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด ใบหน้าที่เรียบเฉยและเย็นชาของเขาในยามนี้ยิ่งเย็นยะเยือกเพิ่มขึ้นไปอีกยามอยู่ใกล้ เห็นแล้วขนหัวลุกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แต่ใครจะล่วงรู้ได้ว่าท่าทีอันน่ากลัวของท่านประธานหนุ่มเป็นเพราะเหตุการณ์หลายอย่างทางเมืองไทยที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันราวกับว่าได้มีการตระเตรียมแผนการเอาไว้ล่วงหน้า น้องชายของเขาจู่ๆก็หายสาบสูญหาตัวยังไม่เจอ
ใบหน้าเรียบเฉย เย็นชาราวน้ำแข็ง กำลังทอดสายตามองผ่านกระจกบานใหญ่ของตัวตึก เบื้องหน้าคือท้องฟ้าและตึกสูงระฟ้ามากมาย ในยามนี้ใครจะรู้บ้างว่าเขารู้สึกอย่างไรบ้าง ความเหงา ว้าเหว่และเดียวดายวิ่งแล่นเข้าเกาะกุมหัวใจของเขาอย่างหนัก เขาคาดหวังที่จะได้พบน้องชายฝาแฝด และพบพ่อแท้ๆ ของเขา คำว่า”ครอบครัว” สำคัญสำหรับเขาที่สุดในชีวิต ซึ่งเขาก็ล่วงรู้ว่าบิดาของเขาก็ทุ่มเทสืบหาตัวเขาจนพบและล่วงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขาเช่นกัน ความหวังที่จะได้พบน้องชายในสายเลือดและพ่อแท้ๆ ของเขา อยู่ทุกลมหายใจเข้าออกเลยทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ มีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาทางเมืองไทยกันแน่
“พรึ่บ!พรึ่บ!”
ดวงตาสีน้ำตาลภายใต้ขนตางอนเป็นแพราวอิสตรี กระพริบตาติดๆกัน พร้อมสะบัดศีรษะไปมา เมื่อจู่ๆ มีภาพบางอย่างเกิดขึ้นแวบขึ้นมาในหัวของเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ภาพที่จู่ๆ ผุดขึ้นมานั้นเป็นภาพผู้ชายที่เหมือนเขาราวพิมพ์เดียวกัน
“เร็วๆ หน่อยสิวะ ลากมันไปที่ท่าน้ำ แล้วมัดมันติดกับเสาปูนตรงท่าจอดเรือนั่นแหละ ให้มันเป็นผีเฝ้าทะเลสาบอยู่ตรงนั้นมันจะได้ไม่ลอยไปโผล่ที่ไหนให้ตำรวจตามดมกลิ่นฉันกับแกได้ ขืนชักช้าได้โดนซิวไปนอนในคุกกันทั้งคู่หรอก เร็วเข้าสิวะ!”
“ต้องถึงกับฆ่ากันเลยหรือจอห์น แล้วทำไมแกไม่ลงมือให้ข้าลงมือทำไมวะ ข้าไม่ทำ ข้ากลัว ข้ากลัวมันมาตามหลอกหลอนข้า ข้ากลัวติดคุก”
“ปั้ดโธ่โว๊ย!ไอ้ปอดแหก ใครจะไปสาวตัวแกกับข้าได้วะ ในเมื่อจัดฉากให้มันเมาเหล้าแล้วอยากดำน้ำ โดนเชือกที่ผูกกับเรือพันตัวจนขึ้นมาจากน้ำไม่ได้ มันถึงได้ตายไงเล่า ขืนชักช้ามันก็ฟื้นจากยาสลบพอดี เอาหน้ากากอ๊อกซิเจนมาช่วยกันเอาเหล้าราดตัวมันให้ทั่ว เร็วๆ ไอ้.....”
“พรึ่บ!”ภาพเหตุการณ์วูบดับลงไปทันที
“ตู้ด ตู้ด ตู้ด “เสียงโทรศัพท์มือถือลากประธานหนุ่มออกจากเหตุการณ์ประหลาดนั้น
“เฮือก!” อลันสะดุ้งจนสุดตัว
แผ่นอกแน่นตึงที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ กระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงเพราะแรงหายใจของเขาที่ได้สัมผัสกับเหตุการณ์ประหลาดเมื่อครู่ที่ผ่านมา ใบหน้าคมเข้ม เต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายขึ้นเต็มไปหน้า มือหนายกขึ้นลูบไล้ใบหน้าอย่างช้าๆ พร้อมกระพริบตาติดๆกัน
“นี่เราเห็นอะไรกัน เรากำลังถูกฆ่าอย่างนั้นเหรอ”ชายหนุ่มรำพึงออกมาเบาๆ ด้วยความฉงนกับสิ่งที่เขาเห็น มือหนาค่อยๆ ล้วงเสื้อสูทเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือพร้อมกดรับสายปลายทาง ทันทีที่ชายหนุ่มกดรับโทรศัพท์
“ท่านครับ พวกเราได้รายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับบ้านตากอากาศที่ออนแทรีโอแล้วครับ และพวกเราพบกระเป๋าเดินทางของคุณเจตน์ฝังอยู่ใต้ต้นไม้ พร้อมกับขวดเหล้าเต็มไปหมดเลยครับ”
“หา!”อลัน อุทานออกมาทันทีเมื่อได้ยินการายงานข่าวเช่นนั้น ภาพเหตุการณ์ที่ผุดขึ้นให้เขาเห็นเมื่อครู่ที่ผ่านมาบังเกิดขึ้นในความทรงจำของเขาทันที ลางสังหรณ์บอกว่าภาพที่เขาเห็นเกิดขึ้นกับน้องชายฝาแฝดของเขา ชายหนุ่มรีบกรอกเสียงสั่งการทันใด
“พวกคุณลงไปค้นหาที่ใต้น้ำ ที่ท่าจอดเรือของบ้านพักหลังนั้น ค้นหาให้ทั่วว่าใต้น้ำภายในบริเวณนั้นมีอะไรผิดสังเกตและมีอะไรติดอยู่กับเสาปูนบ้าง ให้นักประดาน้ำลงค้นหาให้ทั่วบริเวณเตรียมรถพยาบาลมาด้วย ฉันกำลังจะไป”ชายหนุ่มปิดโทรศัพท์มือถือ แต่มือหนาของเขากำโทรศัพท์มือถือของเขาจนแน่น ตัวเครื่องแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆดวงตาวาวโรจน์ เมื่อสิ่งที่เขาเห็นบังเกิดขึ้นและกำลังนำทางเขาค้นหาน้องชายฝาแฝดของเขา
“ถ้าสิ่งที่เราเห็นมันบังเกิดขึ้นจริง แสดงว่าเรากับเจตน์ต้องสื่อถึงกันได้แน่ๆ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปไอ้น้องชาย แกต้องเข็มแข็ง แกต้องรอด พี่กำลังจะไปช่วยแก ”สิ้นคำกล่าว ร่างสูงใหญ่รีบวิ่งไปลานจอดเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของเขาชั้นดาดฟ้าของตัวอาคาร ท่ามกลางสายตาของเหล่าพนักงานว่ามีเหตุอันใดหนอ ทำให้ประธานบริหารของพวกเขามีท่าทีรีบร้อนแบบนั้น ทั้งๆที่ไม่เคยเป็น
บ้านพักตากอากาศทะเลสาบแอนแทรีโอ
รถฉุกเฉินของโรงพยาบาล และรถตำรวจในพื้นที่กำลังเลี้ยวเข้ามาจอดภายในบริเวณพื้นที่กว้างติดกับท่าจอดเรือของบ้านพัก ภายในทะเลสาบ กลุ่มนักประดาน้ำและบอดี้การ์ดของอลัน กำลังดำน้ำเพื่อค้นหาร่างของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายตามคำสั่งของชายหนุ่ม ในขณะที่ร่างสูงของประธานหนุ่มยืนอยู่ตรงท่าจอดเรือสายตาจดจ่ออยู่กับการค้นหาอย่างไม่คลาดสายตา และแล้วทันใดนั้นเอง
“พบแล้วครับ!”เสียงของนักประดาน้ำดังก้องขึ้นกลางทะเลสาบ
“หาพบแล้วเหรอ”ชายหนุ่มดีใจเป็นที่สุดเมื่อได้ยินเสียงตะโกนบอกเช่นนั้น แต่แล้วก็ต้องหน้าเสียเมื่อนักประดาน้ำร้องตะโกนบอก
“หน่วยปฐมพยาบาล เตรียมอุปกรณ์ด้วย ผู้เคราะห์ร้ายหยุดหายใจ! ช่วยกันรับขึ้นฝั่งไปที”
ร่างสูงของอลัน ก้าวเท้ายาวๆ เพียงอึดใจเดียวก็ถึงตัวของน้องชาย ชายหนุ่มคว้าร่างของน้องชายเขาจากนักประดาน้ำเข้ามาสวมกอด พร้อมยกขึ้นอุ้มพาดบ่ารีบเดินออกจากท่าเรืออันคับแคบ ก่อนจะวางร่างของน้องชายฝาแฝดลงบนพื้นหญ้า เพื่อให้หน่วยกู้ภัยช่วยชีวิต
“ท่านประธานครับ นักประดาน้ำบอกว่าคุณเจตน์มีหน้ากากออกซิเจนสวมอยู่ด้วยครับตอนที่ดำน้ำลงไปเจอ แต่รู้สึกว่าอากาศจะหมดแล้ว ”บอดี้การ์ด พูดพร้อมยื่นหน้ากากออกซิเจนให้เจ้านายของเขาพิจารณา
“หน้ากากออกซิเจนเหรอ! หมายความว่าไง” อลัน เอ่ยถามด้วยความสงสัย ก่อนจะได้ยินเสียงตำรวจเอ่ยขึ้น
“จากพฤติการณ์แล้ว ท่าทางผู้ชายคนนี้คงจะดื่มหนักไปหน่อย พอเมาแล้วคงจะอยากดำน้ำก็เลยลงไปดำน้ำในทะเลสาป ไม่งั้นจะใส่หน้ากากออกซิเจนทำไม อากาศที่อยู่ในถังออกซิเจนใช้ได้ไม่เกิน 45 นาที แต่คงเมามากก็เลยขึ้นมาจากน้ำไม่ไหวเป็นแน่ คงจะไม่รอดเพราะขาดอากาศหายใจนาน มันก็ไม่ใช่คดีที่น่าหนักใจอะ....”
“หุบปากเสียทีเหอะ! สรุปคดีง่ายๆ โดยไม่สืบหาพฤติกรรมแวดล้อมกันเลยอย่างนั้นเหรอคุณตำรวจ ถ้าพวกคุณสืบสวนและสรุปคดีกันแบบนี้ พลเมืองชาวอเมริกันจะปลอดภัยจากพวกอาชญากรกันไหม ผมจะให้คนติดต่อคุณอิริคผู้บังคับบัญชาของพวกคุณให้มาดูแลคดีนี้เอง และผู้ชายคนนี้เป็นน้องชายฝาแฝดของผม น้องชายผมถูกจัดฉากทำให้ตาย! เขาเป็นน้องชายฝาแฝดของอลัน แอนเดอร์สัน เข้าใจไหม! ”
ตำรวจ 2 นาย มีอาการเหวอขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินชายหนุ่มร่างงามดูคล้ายชาวเอเชียก็ไม่ใช่ ดูคล้ายชาวอเมริกันเหมือนพวกเขาก็ไม่เชิง ตัวโตเหมือนยักษ์ขนาดนี้ก็คงจะลูกผสมไม่ผิดแน่ แต่ที่แน่ๆ เจอตอให้แล้วเพราะเจ้าทุกข์เป็นระดับมหาเศรษฐีแห่งชาติก็ว่าได้ ขืนสรุปคดีแบบสุกเอาเผากินคงไม่แคล้วต้องได้มีเรื่องร้องเรียนชัวร์
อลัน ยืนมองตาขวางจนเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ต้องหลบสายตาก่อนจะปลีกตัวไปบ้านพักตากอากาศเพื่อไปเก็บข้อมูลแวดล้อมเพื่อสรุปสำนวนคดี ชายหนุ่มมองตามหลังตำรวจทั้ง 2 นายจนลับสายตา อารมณ์ร้อนคุกรุ่นจนเขาต้องผ่อนหายใจยาวๆ เพื่อระงับสติให้นิ่ง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งมองดูร่างน้องชายฝาแฝดของเขา
ดวงตาสีสนิมเหล็ก กวาดสายตาสำรวจน้องชายฝาแฝดที่เขาเพิ่งพบหน้าเป็นครั้งแรก ใบหน้าทุกส่วนเขากับน้องชายเหมือนกันชนิดที่แยกไม่ออก ส่วนสูงก็ไล่เลี่ยกัน แตกต่างกันตรงที่ความหนาของกล้ามเนื้อในร่างกายที่บ่งบอกถึงความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด และที่แตกต่างอีกก็คือ น้องชายของเขามีแผลเป็นที่ท้องแขนด้านขวา ส่วนเขาไม่มี และน้องชายของเขาไม่มีขนหน้าอก แต่สำหรับเขามีเพียบ!
“ไอ้น้องชายพี่มาช่วยแล้ว อย่าเพิ่งเป็นอะไรไป แกต้องเข้มแข็ง แกจะต้องรอด!แกจะต้องรอด!”ชายหนุ่ม พูดเบาๆกับน้องชายฝาแฝด พร้อมก้มใบหน้าใช้หน้าผากของเขากดลงไปที่หน้าผากของน้องชายเบาๆ
“ท่านครับ”เสียงของนายแพทย์เอ่ยบอกเมื่อตรวจอาการของผู้เคราะห์ร้ายเรียบร้อยแล้ว
“ว่าไงหมอ น้องชายผมอาการเป็นอย่างไงบ้าง”ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“ผู้เคราะห์ร้ายจมอยู่ใต้น้ำและขาดอากาศหายใจไปเป็นเวลานาน หัวใจหยุดทำงานไปแล้ว สิ้นใจก่อนที่เราจะมาถึงประมาณ 30 นาทีแล้วครับ ไม่สามารถช่วยอะไรได้ น้องชายของท่านเสียชีวิตแล้วครับ”
สิ้นเสียงบอก ชายหนุ่มนั่งนิ่งงันไปทันที เป็นความจริงอย่างนั้นเหรอที่เขาเสียน้องชายฝาแฝดของเขาไปจริงๆ เขาเพิ่งจะมีโอกาสได้พบกับน้องแท้ๆ เป็นครั้งแรก แต่การพบกันครั้งแรกกลับกลายเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พบหน้า โดยที่น้องชายของเขายังไม่มีโอกาสได้พบหน้าเขาเลย โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับเขาอยู่
ชายหนุ่มค่อยๆ หันกลับไปมองใบหน้าที่ขาวซีด ไร้สิ้นสีเลือดเจือจาง ใบหน้าหล่อเหลาที่เหมือนกับเขาเป็นพิมพ์เดียวกัน บัดนี้ไร้สิ้นการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น พี่ชายค่อยๆ ก้มลงพร้อมคว้าร่างน้องชายฝาแฝดขึ้นมากอดไว้แนบอก น้ำตาของคนที่เป็นพี่ชายคลอหน่วยด้วยความเสียใจ เขาไม่สามารถช่วยเหลือน้องชายของเขาได้เลยแม้กระทั่งชีวิต
“หลับให้สบายน้องพี่ ชาติหน้าขอให้เราได้เกิดมาเป็นพี่น้องกันอีก ใครที่มันสั่งฆ่าแก มันจะต้องตามแกไปในไม่ช้า พี่ให้สัญญา” พี่ชายให้สัญญากับร่างอันไร้วิญญาณที่อยู่ภายใต้อ้อมกอดของเขา สองแขนรัดร่างอันไร้วิญญาณไว้ในอ้อมกอดด้วยความเสียใจยากที่จะพรรณา
ชายหนุ่มผู้มีท่วงท่าที่องอาจ เคร่งขรึมและเย็นชา ประธานบริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้มีทุกๆ สิ่งไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่ได้และไม่เคยขาด แต่สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือครอบครัว ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นแม้จะขาดแม่ไปแล้วก็ตาม แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในขณะนี้มันตรงกันข้าม เขาเพิ่งสูญเสียน้องชายฝาแฝดอย่างไม่มีวันกลับ ที่เหลืออยู่คือพ่อแท้ๆ ของเขาที่กำลังตกอยู่ในห้วงภาวะอันตรายเช่นเดียวกัน ความเงียบเหงา ความโดดเดี่ยวและเดียวดายวิ่งแล่นจับขั้วหัวใจของเขาแทบสิ้นไร้เรี่ยวแรง
ในขณะเดียวกันที่เมืองไทย
ภายในห้อง ICU
ร่างชายชรานอนนิ่งอยู่บนเตียง อุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อยื้อให้พ้นจากมัจจุราช ระโยงระยางเต็มไปหมด เครื่องช่วยหายใจพร้อมหน้าจอ บ่งบอกค่าวัดระดับการหายใจของคนไข้ ดูแล้วอยู่ในภาวะวิกฤต สามารถจากไปได้ทุกเมื่อเสียงฝีเท้าหนักๆ ของผู้ชายและเสียงฝีเท้าผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูง กำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ เตียงคนไข้ และหยุดลงข้างๆเตียง
“มันยังไม่ตายอีกเหรอ ทำไมไม่จัดการให้มันจบๆ ไปจะได้ไม่ต้องอยู่ขวางพวกเรา”เสียงหญิงสาวเอ่ยถามอย่างเหี้ยมเกรียม
“อย่าใจร้อนสิที่รัก ตอนนี้ไอ้แก่มันไม่รู้สึกตัว นอนเป็นเจ้าชายนิทราสภาพแบบนี้มันจะมีปัญญาลุกขึ้นมาทำอะไรได้ขืนเราใจร้อนรีบฆ่ามัน ทำไปทำมาเราจะต้องเข้าไปอยู่ในคุกแทนที่จะเสวยสุขกับสมบัติของมัน ไอ้แก่ก็มีสภาพไม่ต่างอะไรกับคนตาย ไม่ต้องกังวลให้มากหรอกที่รัก”เสียงชายหนุ่มเอ่ยบอกด้วยความลำพองใจ
“ขอให้เป็นอย่างที่คุณบอกเถอะ ฉันจะได้สบายใจ ว่าแต่ลูกชายของมันมีอะไรรีบร้อนถึงรีบจับเที่ยวบินไปอเมริกา แล้วเข็มชาติคนสนิทของไอ้แก่ก็ไปด้วย มันไปทำอะไรกัน”เสียงหญิงสาวเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ไม่ต้องไปถามมันหรอก มัน 2 คน ป่านนี้ไปอยู่เมืองผีเรียบร้อยแล้ว ฉันส่งคนไปจัดการมันทั้งคู่ไม่ให้มันได้กลับมาอีกตลอดชาติ ไอ้เจตน์ถูกกำจัดออกไปกลายเป็นผีไม่มีญาติอยู่ส่วนไหนก็ไม่รู้ของอเมริกา ไอ้แก่ก็มีสภาพไม่แตกต่างกับคนตาย ส่วนไอ้เข็มชาติ มันก็จะหายสาบสูญไม่มีใครรู้ว่ามันไปไหน กลายเป็นคนสาบสูญ หาเท่าไรก็หาไม่เจอ ฮ่าๆๆๆๆ”
เสียงหัวเราะชอบใจประกอบกับคำบอกเล่าของคนตรงหน้า ทำให้ใบหน้าสวย แสยะยิ้มออกมาด้วยความสะใจเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าหล่อนคาดหวังไว้ ใกล้จะเป็นความจริง แต่พอนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เจ้าหล่อนรีบเอ่ยซักถามทันควัน
“แล้วที่ไอ้เจตน์มันรีบร้อนไปอเมริกา มันไปหาใคร มันมีญาติติโกโหติกาทางนั้นด้วยเหรอ หรือมันไปขอความช่วยเหลือใครให้มาช่วยเหลือพวกมัน”
“มันก็คงจะไปหาใครสักคนที่จะสามารถช่วยเหลือพวกมันได้ ฉันถึงตัดไฟตั้งแต่ต้นลมฆ่ามันทิ้งก่อนที่มันจะได้รับความช่วยเหลือจากใคร ไม่ว่าคนที่มันไปขอความช่วยเหลือจะเป็นใครก็ตาม มันก็จะไม่มีวันได้แม้แต่เผยอปากขอความช่วยเหลือได้อย่างแน่นอน เพียงแค่นี้พวกมันก็สิ้นท่าแล้ว สมบัติมหาศาลของพวกมันทุกชิ้นรวมไปถึงธุรกิจของมันทุกอย่างจะตกเป็นของเราสองคนอย่างแน่นอน เธอเองก็เถอะเล่นละครให้สมบทบาทหน่อยก็แล้วกัน”ฝ่ายชายเอ่ยสั่งกำชับคนตรงหน้า
“เชอะ! กะอีแค่เล่นละครให้สมบทบาทงานถนัดของฉันอยู่แล้วไม่ต้องห่วง ตีบทแตกกระจุย ฮิๆๆๆ”หญิงสาวตรงหน้ากรีดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ เสียงของเจ้าหล่อนฟังดูแล้วช่างราวกับแม่มดสิ้นดี
“ถ้างั้นเรากลับกันเถอะ ไปฉลองความสำเร็จของเราสองคน ที่หุบสมบัติของพวกมันได้เป็นผลสำเร็จ ฉลองให้สมใจ ใช้เงินของพวกมันให้ฉ่ำปอด อยากได้อะไรก็เอามาเป็นของเราให้หมด ตอนนี้ไม่มีใครกล้ามาหืออือกับเราทั้งสองคนได้อย่างแน่นอนที่รัก อย่าเสียเวลามาดูไอ้แก่ใกล้ตายอีกต่อไปเลย เห็นมันทีไรพาลจะกินอะไรไม่ลง”ชายตรงหน้าพูดพร้อมใช้แขนของเขาคว้าเอวบางของเจ้าหล่อนตรงหน้าพร้อมกับพากันเยื้องย่างออกจากห้อง ICU ด้วยความลำพองใจ แต่ก่อนจะออกไปก็ไม่วายจะเอ่ยคำกล่าวทิ้งท้ายไว้
“นอนรอความตายต่อไปนะไอ้แก่ เป็นบุญเท่าไรแล้วที่ฉันไม่ฆ่าแกเหมือนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของแก ที่เพิ่งส่งมันไปลงนรก อย่าคิดว่าจะมีใครมาช่วยพวกแกได้ ทุกสิ่งทุกอย่างของแกมันกำลังจะเป็นของฉันในอีกไม่ช้า ส่วนแกเมื่อถึงเวลาที่ฉันอยากจะให้แกตาย แกก็จะได้ตามไปอยู่กับลูกชายของแกทันที ฮ่าๆๆๆๆ”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสมหวัง ร่างชายชราที่นอนนิ่งไม่ไหวติงเมื่อครู่ กลับมีน้ำตาไหลออกมาจากเบ้าตาอย่างช้าๆ แน่นอนชายชราแม้จะเคลื่อนไหวไม่ได้ และต้องนอนนิ่งแบบนี้ แต่ความรู้สึกของเขายังสามารถรับรู้และได้ยินการพูดคุยของชายหญิงคู่นั้นได้ดี ชายหญิงที่เขาล่วงรู้ดีว่าทั้งสองเป็นใคร ทว่าชายชราจะมีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาบอกให้ใครได้รับรู้เรื่องราวที่แฝงเร้นเล่ห์กลมากมายและความโหดเหี้ยมของชายหญิงคู่นั้นได้หรือไม่เล่า
แมนฮัตตัน
ดวงตาสีสนิมเหล็ก ทอดสายตาร่างอันไร้วิญญาณของน้องชายฝาแฝด ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ชายหนุ่มนำร่างของน้องชายมาเก็บรักษาไว้ที่ชั้นบนสุดของโรงพยาบาลแมนฮัตตัน โดยการเก็บร่างน้องชายฝาแฝดของเขาในครั้งนี้ถือเป็นความลับสุดยอดที่ไม่ให้ใครล่วงรู้ได้ และโรงพยาบาลแมนฮัตตัน ก็เป็นโรงพยาบาลที่ตระกูลแอนเดอร์สัน พ่อบุญธรรมของเขาเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณให้กับโรงพยาบาลมาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน จึงไม่เป็นการยากเมื่อเขาต้องการจะเก็บร่างน้องชายของเขาไว้ที่นี้ มีเพียงผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโรงพยาบาลรับทราบเรื่องนี้เท่านั้น
“ผมต้องขอบคุณศาสตราจารย์มาก ที่เก็บเรื่องน้องชายฝาแฝดของผมไว้เป็นความลับสุดยอดและรักษาร่างของน้องชายผมให้สมบูรณ์อยู่ตลอดเวลาจนกว่าผมจะสืบรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังการตายน้องชายของผม เมื่อเสร็จเรื่องทุกอย่าง ผมจะพาน้องกลับเมืองไทย เพื่อนำน้องผมไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป”ชายหนุ่มเอ่ยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลด้วยความซาบซึ้งใจ พร้อมก้มลงมองกระเป๋าเดินทางและเอกสารส่วนตัวของเจตน์ที่อยู่ในมือของเขาด้วยความหดหู่ใจ
“เป็นเรื่องเล็กน้อยมากครับคุณแอนเดอร์สัน ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย ตอนนี้เรามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถเก็บรักษาสภาพศพผู้เสียชีวิตไปแล้วได้เป็นเวลานานตามความต้องการ พร้อมที่จะนำไปประกอบพิธีเมื่อไรก็สามารถนำไปได้ตลอดเวลา โดยสภาพศพยังสมบูรณ์ และยังสามารถตบแต่งให้ดีได้ยิ่งไปกว่าเดิมด้วยครับ”
ดวงตาสีสนิมเหล็กวาวโรจน์ขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินคำบอกกล่าวของผู้สูงวัยตรงหน้า ความคิดบางอย่างกำลังแล่นขึ้นมา ดวงตาสีน้ำตาลก้มลงมองเอกสารส่วนตัวของน้องชายฝาแฝด เขาและน้องเหมือนกันทุกอย่างแตกต่างตรงที่รอยแผลเป็นที่ระบุไว้ในหนังสือเดินทาง
“ถ้าผมต้องการทำให้ตัวเองเกิดรอยแผลเป็นได้หรือไม่ครับศาสตราจารย์ แต่เป็นรอยแผลที่เหมือนกับน้องชายฝาแฝดของผม”ชายหนุ่มพูดพร้อมเอื้อมมือลูบแขนขวาของน้องชายพร้อมพลิกท้องแขนเพื่อให้ศาสตราจารย์พิจารณารอยแผลเป็นของน้องชาย
ผู้สูงวัยขยับแว่นเพื่อพิจารณารอยแผลเป็นจากศพ ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้ามองมหาเศรษฐีหนุ่มตรงหน้า พร้อมกล่าวในสิ่งที่คนผ่านโลกมานานรู้เท่าทัน
“หากคุณแอนเดอร์สัน ต้องการรอยแผลเป็นที่เหมือนกับน้องชายฝาแฝดของคุณ ไม่ยากหรอกครับ เหมือนจนเป็นคนเดียวกันแน่นอนและไม่มีใครสามารถแยกออกได้ด้วย ผมพอจะรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าคุณแอนเดอร์สันพร้อมก็สามารถผ่าตัดทำศัลยกรรมแผลเป็นได้ทันทีครับ”
มหาเศรษฐีหนุ่ม ส่งยิ้มเย็นๆ ให้กับศาสตราจารย์เมื่อคนตรงหน้าล่วงรู้เท่าทันความคิดก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ยืดยาวอีกต่อไป
“ผมพร้อมแล้วศาสตราจารย์ เชิญเตรียมห้องผ่าตัดได้เลย”ชายหนุ่มกล่าวสั้นๆ ตอบกลับไป
“เชิญคุณแอนเดอร์สัน นั่งรอสักครู่ ทางเราจะเตรียมห้องผ่าตัดที่ชั้นพิเศษใช้เวลาผ่าตัดศัลยกรรมทำให้เกิดรอยแผลเป็นไม่เกิน 2 ชั่วโมง แผลเป็นที่ออกมาจะเหมือนกันทุกอย่างกับรอยแผลเป็นที่ปรากฏอยู่บนร่างของน้องชายฝาแฝด”ศาสตราจารย์ กล่าวอธิบายก่อนจะปลีกตัวไปสั่งการเพื่อเตรียมห้องผ่าตัดเป็นกรณีพิเศษ
ชายหนุ่มยืนมองดูศพของน้องชายฝาแฝดที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ มือหนายกขึ้นลูบศีรษะน้องชายเบาๆ ก้มลงกระซิบข้างหูน้องชายพร้อมกล่าวบอกลา
“หลับอยู่ที่นี่นะเจตน์ แล้วพี่จะมารับกลับไปเมืองไทย เมื่อพี่สะสางทุกอย่างแทนแกเรียบร้อยหมดแล้ว ชาติหน้าขอให้พี่กับแกเกิดมาเป็นพี่น้องกันอีก พี่จะไม่ทิ้งแกไปไหนและจะไม่ให้ใครมาทำร้ายแกได้อีกต่อไป พี่ขอสัญญา”ชายหนุ่มพูดพร้อมหอมศีรษะน้องชายเป็นการสั่งลา พร้อมพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏิบัติการ นำศพน้องชายฝาแฝดของเขานำศพไปเก็บรักษาไว้ด้วยวิวัฒนาการอันทันสมัยของทางการแพทย์
ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่ม เดินออกมาอย่างช้าๆ จากห้องปฏิบัติการพิเศษ โดยมีบอดี้การ์ดใกล้ชิดสองนายคอยติดตามดูแลเจ้านายอยู่ใกล้ๆ ร่างสูงค่อยๆทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้รับแขกที่ดีไซน์อย่างทันสมัย กระเป๋าเดินทางของน้องชายและเอกสารสำคัญๆ อยู่กับเขาทั้งหมด มือหนาค่อยๆ เปิดกระเป๋าเอกสารหนังขนาดกะทัดรัด ภายในกระเป๋าหนังมีหนังสือเดินทางหลายประเทศรวมไปถึง บัตรเครดิตจำนวนหลายใบด้วยกัน โทรศัพท์มือถือ บัตรประชาชน ใบขับขี่และไดอารี่ ภายในนั้นมีรูปถ่ายของบุคคลที่เขาไมรู้จัก ซึ่งไดอารี่ของน้องชายได้จดบันทึกและบอกเล่ารายละเอียดสำคัญๆไว้หลายอย่างทีเดียว ชายหนุ่มค่อยๆ เปิดไอดารี่อ่านอย่างช้าๆ และพอจะเข้าใจอะไรคร่าวๆ ก่อนจะรำพึงออกมาเบาๆ
“ขอบใจมากไอ้น้องชาย ที่ทำให้พี่ไม่ต้องเสียเวลาสืบอะไรมาก”ชายหนุ่มพูดพร้อม ยื่นภาพถ่ายทั้งหมดที่อยู่ในไดอารี่ส่งให้บอดี้การ์ดของเขาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“พวกคุณเอาภาพถ่ายของคนทั้งหมดนี้ให้คนของเรา สืบประวัติและตามรอยพฤติกรรมทั้งหมดเอาแบบละเอียด ย้ำนะต้องแบบละเอียด เรื่องเล็กน้อยก็ไม่ต้องมองข้าม ฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดเอาแบบด่วนที่สุด”
“ครับท่าน”บอดี้การ์ดขานรับอย่างแข็งขัน
มหาเศรษฐีหนุ่ม นั่งมองหนังสือเดินทางพร้อมเอกสารต่างๆ ของน้องชายฝาแฝด มือหนายกโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังรุ่นยอดนิยม ก่อนจะกดปุ่มเปิดเครื่อง
“ติ้ด”โทรศัพท์มือถือยังใช้การได้
“ตั้งรหัสปลดล็อคไว้ด้วย จะรู้ไหมวะเนี่ยว่าใช้รหัสอะไร”ชายหนุ่มบ่นพึมพำ พร้อมส่ายหน้าไปมาด้วยความขัดใจ
“รหัส 02041984”มีเสียงกระซิบบอกเขาข้างหูเบาๆ
“อืม...ขอบใจที่บอก ปลดล็อคได้แล้วจริงๆ ด้วย ว่าแต่ใครบอกรหัสวะ”ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินเสียงกระซิบของผู้ชาย บอกรหัสปลดล็อคตัวเครื่องโทรศัพท์ให้เขารู้
อลัน ค่อยๆ หันไปสำรวจรอบๆ ตัวของเขา บริเวณที่เขากำลังนั่งอยู่ในขณะนี้ไม่มีใครเลย ไกลจากที่เขานั่งออกไปเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลกำลังง่วนกับการทำงานวิจัยและงานอื่นๆ อย่างขะมักขะเม้น แล้วเสียงบอกรหัสปลดล็อคโทรศัพท์มาจากไหนกันล่ะเนี่ย
สายตากวาดหาเสียงปริศนาอยู่ครู่ใหญ่ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติแม้แต่น้อย ทำเอามหาเศรษฐีหนุ่มรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นพอสมควร
“สงสัยหูจะเพี้ยน ได้ยินเสียงอะไรไปทั่ว แถมเป็นเสียงบอกรหัสปลดล็อคโทรศัพท์ซะงั้น เข้าท่าเหมือนกันแฮะสงสัยเราจะหูทิพย์ซะแล้วกระมัง หรือไม่.....”ชายหนุ่มรำพึงรำพันแล้วก็ต้องหยุดลง เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆเขา แต่ร่างนั้นเปียกน้ำไปทั้งตัว
“เฮ้ย!...”อลัน อุทานออกมาทันทีเขาถึงกับผงะเมื่อสายตาของเขามองเห็นร่างสูงของผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาด้วยความตกใจ
“พี่ชายยยยยย”เสียงเย็นยะเยือก กล่าวกับมหาเศรษฐีหนุ่มที่กำลังนั่งจ้องมองใบหน้าขาวซีด ด้วยอาการตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เหตุการณ์แปลกประหลาดที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าของอลัน แอนเดอร์สัน มหาเศรษฐีหนุ่มของอเมริกา จะมีใครได้พานพบเจอเหตุการณ์นี้เหมือนกับเขาบ้าง แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นโชคชะตาและถูกลิขิตไว้ที่จะต้องอุบัติขึ้นในอนาคตเพราะผู้ชายร่างสูงที่ปรากฏกายอยู่ตรงหน้าเขาในขณะนี้
แบงค์ออฟอเมริกาทาวเวอร์ ตึกระฟ้าที่ตั้งอยู่ใจกลางเขตแมนฮัตตัน ของมหานครนิวยอร์ก ที่ทำการของกลุ่มบริษัทในเครือตระกูลแอนเดอร์สัน ซึ่งอยู่ภายในอาคารนี้ทั้งหมด ผู้บริหารระดับสูงต่างค่อยๆ ทยอยออกมาจากห้องประชุมใหญ่ในการประชุมวิสามัญ วาระเร่งด่วน ตามคำสั่งของประธานกรรมการบริหาร อลัน แอนเดอร์สัน
ร่างสูงของท่านประธานหนุ่ม ก้าวเดินออกมาจากห้องประชุมด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด ใบหน้าที่เรียบเฉยและเย็นชาของเขาในยามนี้ยิ่งเย็นยะเยือกเพิ่มขึ้นไปอีกยามอยู่ใกล้ เห็นแล้วขนหัวลุกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แต่ใครจะล่วงรู้ได้ว่าท่าทีอันน่ากลัวของท่านประธานหนุ่มเป็นเพราะเหตุการณ์หลายอย่างทางเมืองไทยที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันราวกับว่าได้มีการตระเตรียมแผนการเอาไว้ล่วงหน้า น้องชายของเขาจู่ๆก็หายสาบสูญหาตัวยังไม่เจอ
ใบหน้าเรียบเฉย เย็นชาราวน้ำแข็ง กำลังทอดสายตามองผ่านกระจกบานใหญ่ของตัวตึก เบื้องหน้าคือท้องฟ้าและตึกสูงระฟ้ามากมาย ในยามนี้ใครจะรู้บ้างว่าเขารู้สึกอย่างไรบ้าง ความเหงา ว้าเหว่และเดียวดายวิ่งแล่นเข้าเกาะกุมหัวใจของเขาอย่างหนัก เขาคาดหวังที่จะได้พบน้องชายฝาแฝด และพบพ่อแท้ๆ ของเขา คำว่า”ครอบครัว” สำคัญสำหรับเขาที่สุดในชีวิต ซึ่งเขาก็ล่วงรู้ว่าบิดาของเขาก็ทุ่มเทสืบหาตัวเขาจนพบและล่วงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขาเช่นกัน ความหวังที่จะได้พบน้องชายในสายเลือดและพ่อแท้ๆ ของเขา อยู่ทุกลมหายใจเข้าออกเลยทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ มีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาทางเมืองไทยกันแน่
“พรึ่บ!พรึ่บ!”
ดวงตาสีน้ำตาลภายใต้ขนตางอนเป็นแพราวอิสตรี กระพริบตาติดๆกัน พร้อมสะบัดศีรษะไปมา เมื่อจู่ๆ มีภาพบางอย่างเกิดขึ้นแวบขึ้นมาในหัวของเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ภาพที่จู่ๆ ผุดขึ้นมานั้นเป็นภาพผู้ชายที่เหมือนเขาราวพิมพ์เดียวกัน
“เร็วๆ หน่อยสิวะ ลากมันไปที่ท่าน้ำ แล้วมัดมันติดกับเสาปูนตรงท่าจอดเรือนั่นแหละ ให้มันเป็นผีเฝ้าทะเลสาบอยู่ตรงนั้นมันจะได้ไม่ลอยไปโผล่ที่ไหนให้ตำรวจตามดมกลิ่นฉันกับแกได้ ขืนชักช้าได้โดนซิวไปนอนในคุกกันทั้งคู่หรอก เร็วเข้าสิวะ!”
“ต้องถึงกับฆ่ากันเลยหรือจอห์น แล้วทำไมแกไม่ลงมือให้ข้าลงมือทำไมวะ ข้าไม่ทำ ข้ากลัว ข้ากลัวมันมาตามหลอกหลอนข้า ข้ากลัวติดคุก”
“ปั้ดโธ่โว๊ย!ไอ้ปอดแหก ใครจะไปสาวตัวแกกับข้าได้วะ ในเมื่อจัดฉากให้มันเมาเหล้าแล้วอยากดำน้ำ โดนเชือกที่ผูกกับเรือพันตัวจนขึ้นมาจากน้ำไม่ได้ มันถึงได้ตายไงเล่า ขืนชักช้ามันก็ฟื้นจากยาสลบพอดี เอาหน้ากากอ๊อกซิเจนมาช่วยกันเอาเหล้าราดตัวมันให้ทั่ว เร็วๆ ไอ้.....”
“พรึ่บ!”ภาพเหตุการณ์วูบดับลงไปทันที
“ตู้ด ตู้ด ตู้ด “เสียงโทรศัพท์มือถือลากประธานหนุ่มออกจากเหตุการณ์ประหลาดนั้น
“เฮือก!” อลันสะดุ้งจนสุดตัว
แผ่นอกแน่นตึงที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ กระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงเพราะแรงหายใจของเขาที่ได้สัมผัสกับเหตุการณ์ประหลาดเมื่อครู่ที่ผ่านมา ใบหน้าคมเข้ม เต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายขึ้นเต็มไปหน้า มือหนายกขึ้นลูบไล้ใบหน้าอย่างช้าๆ พร้อมกระพริบตาติดๆกัน
“นี่เราเห็นอะไรกัน เรากำลังถูกฆ่าอย่างนั้นเหรอ”ชายหนุ่มรำพึงออกมาเบาๆ ด้วยความฉงนกับสิ่งที่เขาเห็น มือหนาค่อยๆ ล้วงเสื้อสูทเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือพร้อมกดรับสายปลายทาง ทันทีที่ชายหนุ่มกดรับโทรศัพท์
“ท่านครับ พวกเราได้รายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับบ้านตากอากาศที่ออนแทรีโอแล้วครับ และพวกเราพบกระเป๋าเดินทางของคุณเจตน์ฝังอยู่ใต้ต้นไม้ พร้อมกับขวดเหล้าเต็มไปหมดเลยครับ”
“หา!”อลัน อุทานออกมาทันทีเมื่อได้ยินการายงานข่าวเช่นนั้น ภาพเหตุการณ์ที่ผุดขึ้นให้เขาเห็นเมื่อครู่ที่ผ่านมาบังเกิดขึ้นในความทรงจำของเขาทันที ลางสังหรณ์บอกว่าภาพที่เขาเห็นเกิดขึ้นกับน้องชายฝาแฝดของเขา ชายหนุ่มรีบกรอกเสียงสั่งการทันใด
“พวกคุณลงไปค้นหาที่ใต้น้ำ ที่ท่าจอดเรือของบ้านพักหลังนั้น ค้นหาให้ทั่วว่าใต้น้ำภายในบริเวณนั้นมีอะไรผิดสังเกตและมีอะไรติดอยู่กับเสาปูนบ้าง ให้นักประดาน้ำลงค้นหาให้ทั่วบริเวณเตรียมรถพยาบาลมาด้วย ฉันกำลังจะไป”ชายหนุ่มปิดโทรศัพท์มือถือ แต่มือหนาของเขากำโทรศัพท์มือถือของเขาจนแน่น ตัวเครื่องแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆดวงตาวาวโรจน์ เมื่อสิ่งที่เขาเห็นบังเกิดขึ้นและกำลังนำทางเขาค้นหาน้องชายฝาแฝดของเขา
“ถ้าสิ่งที่เราเห็นมันบังเกิดขึ้นจริง แสดงว่าเรากับเจตน์ต้องสื่อถึงกันได้แน่ๆ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปไอ้น้องชาย แกต้องเข็มแข็ง แกต้องรอด พี่กำลังจะไปช่วยแก ”สิ้นคำกล่าว ร่างสูงใหญ่รีบวิ่งไปลานจอดเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของเขาชั้นดาดฟ้าของตัวอาคาร ท่ามกลางสายตาของเหล่าพนักงานว่ามีเหตุอันใดหนอ ทำให้ประธานบริหารของพวกเขามีท่าทีรีบร้อนแบบนั้น ทั้งๆที่ไม่เคยเป็น
บ้านพักตากอากาศทะเลสาบแอนแทรีโอ
รถฉุกเฉินของโรงพยาบาล และรถตำรวจในพื้นที่กำลังเลี้ยวเข้ามาจอดภายในบริเวณพื้นที่กว้างติดกับท่าจอดเรือของบ้านพัก ภายในทะเลสาบ กลุ่มนักประดาน้ำและบอดี้การ์ดของอลัน กำลังดำน้ำเพื่อค้นหาร่างของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายตามคำสั่งของชายหนุ่ม ในขณะที่ร่างสูงของประธานหนุ่มยืนอยู่ตรงท่าจอดเรือสายตาจดจ่ออยู่กับการค้นหาอย่างไม่คลาดสายตา และแล้วทันใดนั้นเอง
“พบแล้วครับ!”เสียงของนักประดาน้ำดังก้องขึ้นกลางทะเลสาบ
“หาพบแล้วเหรอ”ชายหนุ่มดีใจเป็นที่สุดเมื่อได้ยินเสียงตะโกนบอกเช่นนั้น แต่แล้วก็ต้องหน้าเสียเมื่อนักประดาน้ำร้องตะโกนบอก
“หน่วยปฐมพยาบาล เตรียมอุปกรณ์ด้วย ผู้เคราะห์ร้ายหยุดหายใจ! ช่วยกันรับขึ้นฝั่งไปที”
ร่างสูงของอลัน ก้าวเท้ายาวๆ เพียงอึดใจเดียวก็ถึงตัวของน้องชาย ชายหนุ่มคว้าร่างของน้องชายเขาจากนักประดาน้ำเข้ามาสวมกอด พร้อมยกขึ้นอุ้มพาดบ่ารีบเดินออกจากท่าเรืออันคับแคบ ก่อนจะวางร่างของน้องชายฝาแฝดลงบนพื้นหญ้า เพื่อให้หน่วยกู้ภัยช่วยชีวิต
“ท่านประธานครับ นักประดาน้ำบอกว่าคุณเจตน์มีหน้ากากออกซิเจนสวมอยู่ด้วยครับตอนที่ดำน้ำลงไปเจอ แต่รู้สึกว่าอากาศจะหมดแล้ว ”บอดี้การ์ด พูดพร้อมยื่นหน้ากากออกซิเจนให้เจ้านายของเขาพิจารณา
“หน้ากากออกซิเจนเหรอ! หมายความว่าไง” อลัน เอ่ยถามด้วยความสงสัย ก่อนจะได้ยินเสียงตำรวจเอ่ยขึ้น
“จากพฤติการณ์แล้ว ท่าทางผู้ชายคนนี้คงจะดื่มหนักไปหน่อย พอเมาแล้วคงจะอยากดำน้ำก็เลยลงไปดำน้ำในทะเลสาป ไม่งั้นจะใส่หน้ากากออกซิเจนทำไม อากาศที่อยู่ในถังออกซิเจนใช้ได้ไม่เกิน 45 นาที แต่คงเมามากก็เลยขึ้นมาจากน้ำไม่ไหวเป็นแน่ คงจะไม่รอดเพราะขาดอากาศหายใจนาน มันก็ไม่ใช่คดีที่น่าหนักใจอะ....”
“หุบปากเสียทีเหอะ! สรุปคดีง่ายๆ โดยไม่สืบหาพฤติกรรมแวดล้อมกันเลยอย่างนั้นเหรอคุณตำรวจ ถ้าพวกคุณสืบสวนและสรุปคดีกันแบบนี้ พลเมืองชาวอเมริกันจะปลอดภัยจากพวกอาชญากรกันไหม ผมจะให้คนติดต่อคุณอิริคผู้บังคับบัญชาของพวกคุณให้มาดูแลคดีนี้เอง และผู้ชายคนนี้เป็นน้องชายฝาแฝดของผม น้องชายผมถูกจัดฉากทำให้ตาย! เขาเป็นน้องชายฝาแฝดของอลัน แอนเดอร์สัน เข้าใจไหม! ”
ตำรวจ 2 นาย มีอาการเหวอขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินชายหนุ่มร่างงามดูคล้ายชาวเอเชียก็ไม่ใช่ ดูคล้ายชาวอเมริกันเหมือนพวกเขาก็ไม่เชิง ตัวโตเหมือนยักษ์ขนาดนี้ก็คงจะลูกผสมไม่ผิดแน่ แต่ที่แน่ๆ เจอตอให้แล้วเพราะเจ้าทุกข์เป็นระดับมหาเศรษฐีแห่งชาติก็ว่าได้ ขืนสรุปคดีแบบสุกเอาเผากินคงไม่แคล้วต้องได้มีเรื่องร้องเรียนชัวร์
อลัน ยืนมองตาขวางจนเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ต้องหลบสายตาก่อนจะปลีกตัวไปบ้านพักตากอากาศเพื่อไปเก็บข้อมูลแวดล้อมเพื่อสรุปสำนวนคดี ชายหนุ่มมองตามหลังตำรวจทั้ง 2 นายจนลับสายตา อารมณ์ร้อนคุกรุ่นจนเขาต้องผ่อนหายใจยาวๆ เพื่อระงับสติให้นิ่ง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งมองดูร่างน้องชายฝาแฝดของเขา
ดวงตาสีสนิมเหล็ก กวาดสายตาสำรวจน้องชายฝาแฝดที่เขาเพิ่งพบหน้าเป็นครั้งแรก ใบหน้าทุกส่วนเขากับน้องชายเหมือนกันชนิดที่แยกไม่ออก ส่วนสูงก็ไล่เลี่ยกัน แตกต่างกันตรงที่ความหนาของกล้ามเนื้อในร่างกายที่บ่งบอกถึงความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด และที่แตกต่างอีกก็คือ น้องชายของเขามีแผลเป็นที่ท้องแขนด้านขวา ส่วนเขาไม่มี และน้องชายของเขาไม่มีขนหน้าอก แต่สำหรับเขามีเพียบ!
“ไอ้น้องชายพี่มาช่วยแล้ว อย่าเพิ่งเป็นอะไรไป แกต้องเข้มแข็ง แกจะต้องรอด!แกจะต้องรอด!”ชายหนุ่ม พูดเบาๆกับน้องชายฝาแฝด พร้อมก้มใบหน้าใช้หน้าผากของเขากดลงไปที่หน้าผากของน้องชายเบาๆ
“ท่านครับ”เสียงของนายแพทย์เอ่ยบอกเมื่อตรวจอาการของผู้เคราะห์ร้ายเรียบร้อยแล้ว
“ว่าไงหมอ น้องชายผมอาการเป็นอย่างไงบ้าง”ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“ผู้เคราะห์ร้ายจมอยู่ใต้น้ำและขาดอากาศหายใจไปเป็นเวลานาน หัวใจหยุดทำงานไปแล้ว สิ้นใจก่อนที่เราจะมาถึงประมาณ 30 นาทีแล้วครับ ไม่สามารถช่วยอะไรได้ น้องชายของท่านเสียชีวิตแล้วครับ”
สิ้นเสียงบอก ชายหนุ่มนั่งนิ่งงันไปทันที เป็นความจริงอย่างนั้นเหรอที่เขาเสียน้องชายฝาแฝดของเขาไปจริงๆ เขาเพิ่งจะมีโอกาสได้พบกับน้องแท้ๆ เป็นครั้งแรก แต่การพบกันครั้งแรกกลับกลายเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พบหน้า โดยที่น้องชายของเขายังไม่มีโอกาสได้พบหน้าเขาเลย โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับเขาอยู่
ชายหนุ่มค่อยๆ หันกลับไปมองใบหน้าที่ขาวซีด ไร้สิ้นสีเลือดเจือจาง ใบหน้าหล่อเหลาที่เหมือนกับเขาเป็นพิมพ์เดียวกัน บัดนี้ไร้สิ้นการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น พี่ชายค่อยๆ ก้มลงพร้อมคว้าร่างน้องชายฝาแฝดขึ้นมากอดไว้แนบอก น้ำตาของคนที่เป็นพี่ชายคลอหน่วยด้วยความเสียใจ เขาไม่สามารถช่วยเหลือน้องชายของเขาได้เลยแม้กระทั่งชีวิต
“หลับให้สบายน้องพี่ ชาติหน้าขอให้เราได้เกิดมาเป็นพี่น้องกันอีก ใครที่มันสั่งฆ่าแก มันจะต้องตามแกไปในไม่ช้า พี่ให้สัญญา” พี่ชายให้สัญญากับร่างอันไร้วิญญาณที่อยู่ภายใต้อ้อมกอดของเขา สองแขนรัดร่างอันไร้วิญญาณไว้ในอ้อมกอดด้วยความเสียใจยากที่จะพรรณา
ชายหนุ่มผู้มีท่วงท่าที่องอาจ เคร่งขรึมและเย็นชา ประธานบริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้มีทุกๆ สิ่งไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่ได้และไม่เคยขาด แต่สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือครอบครัว ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นแม้จะขาดแม่ไปแล้วก็ตาม แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในขณะนี้มันตรงกันข้าม เขาเพิ่งสูญเสียน้องชายฝาแฝดอย่างไม่มีวันกลับ ที่เหลืออยู่คือพ่อแท้ๆ ของเขาที่กำลังตกอยู่ในห้วงภาวะอันตรายเช่นเดียวกัน ความเงียบเหงา ความโดดเดี่ยวและเดียวดายวิ่งแล่นจับขั้วหัวใจของเขาแทบสิ้นไร้เรี่ยวแรง
ในขณะเดียวกันที่เมืองไทย
ภายในห้อง ICU
ร่างชายชรานอนนิ่งอยู่บนเตียง อุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อยื้อให้พ้นจากมัจจุราช ระโยงระยางเต็มไปหมด เครื่องช่วยหายใจพร้อมหน้าจอ บ่งบอกค่าวัดระดับการหายใจของคนไข้ ดูแล้วอยู่ในภาวะวิกฤต สามารถจากไปได้ทุกเมื่อเสียงฝีเท้าหนักๆ ของผู้ชายและเสียงฝีเท้าผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูง กำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ เตียงคนไข้ และหยุดลงข้างๆเตียง
“มันยังไม่ตายอีกเหรอ ทำไมไม่จัดการให้มันจบๆ ไปจะได้ไม่ต้องอยู่ขวางพวกเรา”เสียงหญิงสาวเอ่ยถามอย่างเหี้ยมเกรียม
“อย่าใจร้อนสิที่รัก ตอนนี้ไอ้แก่มันไม่รู้สึกตัว นอนเป็นเจ้าชายนิทราสภาพแบบนี้มันจะมีปัญญาลุกขึ้นมาทำอะไรได้ขืนเราใจร้อนรีบฆ่ามัน ทำไปทำมาเราจะต้องเข้าไปอยู่ในคุกแทนที่จะเสวยสุขกับสมบัติของมัน ไอ้แก่ก็มีสภาพไม่ต่างอะไรกับคนตาย ไม่ต้องกังวลให้มากหรอกที่รัก”เสียงชายหนุ่มเอ่ยบอกด้วยความลำพองใจ
“ขอให้เป็นอย่างที่คุณบอกเถอะ ฉันจะได้สบายใจ ว่าแต่ลูกชายของมันมีอะไรรีบร้อนถึงรีบจับเที่ยวบินไปอเมริกา แล้วเข็มชาติคนสนิทของไอ้แก่ก็ไปด้วย มันไปทำอะไรกัน”เสียงหญิงสาวเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ไม่ต้องไปถามมันหรอก มัน 2 คน ป่านนี้ไปอยู่เมืองผีเรียบร้อยแล้ว ฉันส่งคนไปจัดการมันทั้งคู่ไม่ให้มันได้กลับมาอีกตลอดชาติ ไอ้เจตน์ถูกกำจัดออกไปกลายเป็นผีไม่มีญาติอยู่ส่วนไหนก็ไม่รู้ของอเมริกา ไอ้แก่ก็มีสภาพไม่แตกต่างกับคนตาย ส่วนไอ้เข็มชาติ มันก็จะหายสาบสูญไม่มีใครรู้ว่ามันไปไหน กลายเป็นคนสาบสูญ หาเท่าไรก็หาไม่เจอ ฮ่าๆๆๆๆ”
เสียงหัวเราะชอบใจประกอบกับคำบอกเล่าของคนตรงหน้า ทำให้ใบหน้าสวย แสยะยิ้มออกมาด้วยความสะใจเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าหล่อนคาดหวังไว้ ใกล้จะเป็นความจริง แต่พอนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เจ้าหล่อนรีบเอ่ยซักถามทันควัน
“แล้วที่ไอ้เจตน์มันรีบร้อนไปอเมริกา มันไปหาใคร มันมีญาติติโกโหติกาทางนั้นด้วยเหรอ หรือมันไปขอความช่วยเหลือใครให้มาช่วยเหลือพวกมัน”
“มันก็คงจะไปหาใครสักคนที่จะสามารถช่วยเหลือพวกมันได้ ฉันถึงตัดไฟตั้งแต่ต้นลมฆ่ามันทิ้งก่อนที่มันจะได้รับความช่วยเหลือจากใคร ไม่ว่าคนที่มันไปขอความช่วยเหลือจะเป็นใครก็ตาม มันก็จะไม่มีวันได้แม้แต่เผยอปากขอความช่วยเหลือได้อย่างแน่นอน เพียงแค่นี้พวกมันก็สิ้นท่าแล้ว สมบัติมหาศาลของพวกมันทุกชิ้นรวมไปถึงธุรกิจของมันทุกอย่างจะตกเป็นของเราสองคนอย่างแน่นอน เธอเองก็เถอะเล่นละครให้สมบทบาทหน่อยก็แล้วกัน”ฝ่ายชายเอ่ยสั่งกำชับคนตรงหน้า
“เชอะ! กะอีแค่เล่นละครให้สมบทบาทงานถนัดของฉันอยู่แล้วไม่ต้องห่วง ตีบทแตกกระจุย ฮิๆๆๆ”หญิงสาวตรงหน้ากรีดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ เสียงของเจ้าหล่อนฟังดูแล้วช่างราวกับแม่มดสิ้นดี
“ถ้างั้นเรากลับกันเถอะ ไปฉลองความสำเร็จของเราสองคน ที่หุบสมบัติของพวกมันได้เป็นผลสำเร็จ ฉลองให้สมใจ ใช้เงินของพวกมันให้ฉ่ำปอด อยากได้อะไรก็เอามาเป็นของเราให้หมด ตอนนี้ไม่มีใครกล้ามาหืออือกับเราทั้งสองคนได้อย่างแน่นอนที่รัก อย่าเสียเวลามาดูไอ้แก่ใกล้ตายอีกต่อไปเลย เห็นมันทีไรพาลจะกินอะไรไม่ลง”ชายตรงหน้าพูดพร้อมใช้แขนของเขาคว้าเอวบางของเจ้าหล่อนตรงหน้าพร้อมกับพากันเยื้องย่างออกจากห้อง ICU ด้วยความลำพองใจ แต่ก่อนจะออกไปก็ไม่วายจะเอ่ยคำกล่าวทิ้งท้ายไว้
“นอนรอความตายต่อไปนะไอ้แก่ เป็นบุญเท่าไรแล้วที่ฉันไม่ฆ่าแกเหมือนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของแก ที่เพิ่งส่งมันไปลงนรก อย่าคิดว่าจะมีใครมาช่วยพวกแกได้ ทุกสิ่งทุกอย่างของแกมันกำลังจะเป็นของฉันในอีกไม่ช้า ส่วนแกเมื่อถึงเวลาที่ฉันอยากจะให้แกตาย แกก็จะได้ตามไปอยู่กับลูกชายของแกทันที ฮ่าๆๆๆๆ”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสมหวัง ร่างชายชราที่นอนนิ่งไม่ไหวติงเมื่อครู่ กลับมีน้ำตาไหลออกมาจากเบ้าตาอย่างช้าๆ แน่นอนชายชราแม้จะเคลื่อนไหวไม่ได้ และต้องนอนนิ่งแบบนี้ แต่ความรู้สึกของเขายังสามารถรับรู้และได้ยินการพูดคุยของชายหญิงคู่นั้นได้ดี ชายหญิงที่เขาล่วงรู้ดีว่าทั้งสองเป็นใคร ทว่าชายชราจะมีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาบอกให้ใครได้รับรู้เรื่องราวที่แฝงเร้นเล่ห์กลมากมายและความโหดเหี้ยมของชายหญิงคู่นั้นได้หรือไม่เล่า
แมนฮัตตัน
ดวงตาสีสนิมเหล็ก ทอดสายตาร่างอันไร้วิญญาณของน้องชายฝาแฝด ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ชายหนุ่มนำร่างของน้องชายมาเก็บรักษาไว้ที่ชั้นบนสุดของโรงพยาบาลแมนฮัตตัน โดยการเก็บร่างน้องชายฝาแฝดของเขาในครั้งนี้ถือเป็นความลับสุดยอดที่ไม่ให้ใครล่วงรู้ได้ และโรงพยาบาลแมนฮัตตัน ก็เป็นโรงพยาบาลที่ตระกูลแอนเดอร์สัน พ่อบุญธรรมของเขาเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณให้กับโรงพยาบาลมาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน จึงไม่เป็นการยากเมื่อเขาต้องการจะเก็บร่างน้องชายของเขาไว้ที่นี้ มีเพียงผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโรงพยาบาลรับทราบเรื่องนี้เท่านั้น
“ผมต้องขอบคุณศาสตราจารย์มาก ที่เก็บเรื่องน้องชายฝาแฝดของผมไว้เป็นความลับสุดยอดและรักษาร่างของน้องชายผมให้สมบูรณ์อยู่ตลอดเวลาจนกว่าผมจะสืบรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังการตายน้องชายของผม เมื่อเสร็จเรื่องทุกอย่าง ผมจะพาน้องกลับเมืองไทย เพื่อนำน้องผมไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป”ชายหนุ่มเอ่ยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลด้วยความซาบซึ้งใจ พร้อมก้มลงมองกระเป๋าเดินทางและเอกสารส่วนตัวของเจตน์ที่อยู่ในมือของเขาด้วยความหดหู่ใจ
“เป็นเรื่องเล็กน้อยมากครับคุณแอนเดอร์สัน ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย ตอนนี้เรามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถเก็บรักษาสภาพศพผู้เสียชีวิตไปแล้วได้เป็นเวลานานตามความต้องการ พร้อมที่จะนำไปประกอบพิธีเมื่อไรก็สามารถนำไปได้ตลอดเวลา โดยสภาพศพยังสมบูรณ์ และยังสามารถตบแต่งให้ดีได้ยิ่งไปกว่าเดิมด้วยครับ”
ดวงตาสีสนิมเหล็กวาวโรจน์ขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินคำบอกกล่าวของผู้สูงวัยตรงหน้า ความคิดบางอย่างกำลังแล่นขึ้นมา ดวงตาสีน้ำตาลก้มลงมองเอกสารส่วนตัวของน้องชายฝาแฝด เขาและน้องเหมือนกันทุกอย่างแตกต่างตรงที่รอยแผลเป็นที่ระบุไว้ในหนังสือเดินทาง
“ถ้าผมต้องการทำให้ตัวเองเกิดรอยแผลเป็นได้หรือไม่ครับศาสตราจารย์ แต่เป็นรอยแผลที่เหมือนกับน้องชายฝาแฝดของผม”ชายหนุ่มพูดพร้อมเอื้อมมือลูบแขนขวาของน้องชายพร้อมพลิกท้องแขนเพื่อให้ศาสตราจารย์พิจารณารอยแผลเป็นของน้องชาย
ผู้สูงวัยขยับแว่นเพื่อพิจารณารอยแผลเป็นจากศพ ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้ามองมหาเศรษฐีหนุ่มตรงหน้า พร้อมกล่าวในสิ่งที่คนผ่านโลกมานานรู้เท่าทัน
“หากคุณแอนเดอร์สัน ต้องการรอยแผลเป็นที่เหมือนกับน้องชายฝาแฝดของคุณ ไม่ยากหรอกครับ เหมือนจนเป็นคนเดียวกันแน่นอนและไม่มีใครสามารถแยกออกได้ด้วย ผมพอจะรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าคุณแอนเดอร์สันพร้อมก็สามารถผ่าตัดทำศัลยกรรมแผลเป็นได้ทันทีครับ”
มหาเศรษฐีหนุ่ม ส่งยิ้มเย็นๆ ให้กับศาสตราจารย์เมื่อคนตรงหน้าล่วงรู้เท่าทันความคิดก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ยืดยาวอีกต่อไป
“ผมพร้อมแล้วศาสตราจารย์ เชิญเตรียมห้องผ่าตัดได้เลย”ชายหนุ่มกล่าวสั้นๆ ตอบกลับไป
“เชิญคุณแอนเดอร์สัน นั่งรอสักครู่ ทางเราจะเตรียมห้องผ่าตัดที่ชั้นพิเศษใช้เวลาผ่าตัดศัลยกรรมทำให้เกิดรอยแผลเป็นไม่เกิน 2 ชั่วโมง แผลเป็นที่ออกมาจะเหมือนกันทุกอย่างกับรอยแผลเป็นที่ปรากฏอยู่บนร่างของน้องชายฝาแฝด”ศาสตราจารย์ กล่าวอธิบายก่อนจะปลีกตัวไปสั่งการเพื่อเตรียมห้องผ่าตัดเป็นกรณีพิเศษ
ชายหนุ่มยืนมองดูศพของน้องชายฝาแฝดที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ มือหนายกขึ้นลูบศีรษะน้องชายเบาๆ ก้มลงกระซิบข้างหูน้องชายพร้อมกล่าวบอกลา
“หลับอยู่ที่นี่นะเจตน์ แล้วพี่จะมารับกลับไปเมืองไทย เมื่อพี่สะสางทุกอย่างแทนแกเรียบร้อยหมดแล้ว ชาติหน้าขอให้พี่กับแกเกิดมาเป็นพี่น้องกันอีก พี่จะไม่ทิ้งแกไปไหนและจะไม่ให้ใครมาทำร้ายแกได้อีกต่อไป พี่ขอสัญญา”ชายหนุ่มพูดพร้อมหอมศีรษะน้องชายเป็นการสั่งลา พร้อมพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏิบัติการ นำศพน้องชายฝาแฝดของเขานำศพไปเก็บรักษาไว้ด้วยวิวัฒนาการอันทันสมัยของทางการแพทย์
ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่ม เดินออกมาอย่างช้าๆ จากห้องปฏิบัติการพิเศษ โดยมีบอดี้การ์ดใกล้ชิดสองนายคอยติดตามดูแลเจ้านายอยู่ใกล้ๆ ร่างสูงค่อยๆทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้รับแขกที่ดีไซน์อย่างทันสมัย กระเป๋าเดินทางของน้องชายและเอกสารสำคัญๆ อยู่กับเขาทั้งหมด มือหนาค่อยๆ เปิดกระเป๋าเอกสารหนังขนาดกะทัดรัด ภายในกระเป๋าหนังมีหนังสือเดินทางหลายประเทศรวมไปถึง บัตรเครดิตจำนวนหลายใบด้วยกัน โทรศัพท์มือถือ บัตรประชาชน ใบขับขี่และไดอารี่ ภายในนั้นมีรูปถ่ายของบุคคลที่เขาไมรู้จัก ซึ่งไดอารี่ของน้องชายได้จดบันทึกและบอกเล่ารายละเอียดสำคัญๆไว้หลายอย่างทีเดียว ชายหนุ่มค่อยๆ เปิดไอดารี่อ่านอย่างช้าๆ และพอจะเข้าใจอะไรคร่าวๆ ก่อนจะรำพึงออกมาเบาๆ
“ขอบใจมากไอ้น้องชาย ที่ทำให้พี่ไม่ต้องเสียเวลาสืบอะไรมาก”ชายหนุ่มพูดพร้อม ยื่นภาพถ่ายทั้งหมดที่อยู่ในไดอารี่ส่งให้บอดี้การ์ดของเขาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“พวกคุณเอาภาพถ่ายของคนทั้งหมดนี้ให้คนของเรา สืบประวัติและตามรอยพฤติกรรมทั้งหมดเอาแบบละเอียด ย้ำนะต้องแบบละเอียด เรื่องเล็กน้อยก็ไม่ต้องมองข้าม ฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดเอาแบบด่วนที่สุด”
“ครับท่าน”บอดี้การ์ดขานรับอย่างแข็งขัน
มหาเศรษฐีหนุ่ม นั่งมองหนังสือเดินทางพร้อมเอกสารต่างๆ ของน้องชายฝาแฝด มือหนายกโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังรุ่นยอดนิยม ก่อนจะกดปุ่มเปิดเครื่อง
“ติ้ด”โทรศัพท์มือถือยังใช้การได้
“ตั้งรหัสปลดล็อคไว้ด้วย จะรู้ไหมวะเนี่ยว่าใช้รหัสอะไร”ชายหนุ่มบ่นพึมพำ พร้อมส่ายหน้าไปมาด้วยความขัดใจ
“รหัส 02041984”มีเสียงกระซิบบอกเขาข้างหูเบาๆ
“อืม...ขอบใจที่บอก ปลดล็อคได้แล้วจริงๆ ด้วย ว่าแต่ใครบอกรหัสวะ”ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินเสียงกระซิบของผู้ชาย บอกรหัสปลดล็อคตัวเครื่องโทรศัพท์ให้เขารู้
อลัน ค่อยๆ หันไปสำรวจรอบๆ ตัวของเขา บริเวณที่เขากำลังนั่งอยู่ในขณะนี้ไม่มีใครเลย ไกลจากที่เขานั่งออกไปเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลกำลังง่วนกับการทำงานวิจัยและงานอื่นๆ อย่างขะมักขะเม้น แล้วเสียงบอกรหัสปลดล็อคโทรศัพท์มาจากไหนกันล่ะเนี่ย
สายตากวาดหาเสียงปริศนาอยู่ครู่ใหญ่ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติแม้แต่น้อย ทำเอามหาเศรษฐีหนุ่มรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นพอสมควร
“สงสัยหูจะเพี้ยน ได้ยินเสียงอะไรไปทั่ว แถมเป็นเสียงบอกรหัสปลดล็อคโทรศัพท์ซะงั้น เข้าท่าเหมือนกันแฮะสงสัยเราจะหูทิพย์ซะแล้วกระมัง หรือไม่.....”ชายหนุ่มรำพึงรำพันแล้วก็ต้องหยุดลง เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆเขา แต่ร่างนั้นเปียกน้ำไปทั้งตัว
“เฮ้ย!...”อลัน อุทานออกมาทันทีเขาถึงกับผงะเมื่อสายตาของเขามองเห็นร่างสูงของผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาด้วยความตกใจ
“พี่ชายยยยยย”เสียงเย็นยะเยือก กล่าวกับมหาเศรษฐีหนุ่มที่กำลังนั่งจ้องมองใบหน้าขาวซีด ด้วยอาการตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เหตุการณ์แปลกประหลาดที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าของอลัน แอนเดอร์สัน มหาเศรษฐีหนุ่มของอเมริกา จะมีใครได้พานพบเจอเหตุการณ์นี้เหมือนกับเขาบ้าง แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นโชคชะตาและถูกลิขิตไว้ที่จะต้องอุบัติขึ้นในอนาคตเพราะผู้ชายร่างสูงที่ปรากฏกายอยู่ตรงหน้าเขาในขณะนี้
![](/images/icons/guest.jpg)
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 พ.ค. 2558, 19:18:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 พ.ค. 2558, 15:03:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 848
<< ตอนที่ 2 เทพบุตรจากแมนฮัตตัน | ตอนที่ 4 ภาพถ่ายโบราณ >> |