บ่วงรักฝังแค้น
เมื่อความรักกลายเป็นความอาฆาตแค้น และตามจองเวรเขาและเธอไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่ว่าภพชาติไหนจะขอตามจองล้างจองผลาญไม่ให้เหลือสิ้น ความรักและความแค้น
จากอดีตชาติติดตามเป็นเงาตามตัว เขาและเธอจะทำเช่นไรเพื่อหยุดความแค้นนี้ลงได้
Tags: บ่วง,รัก,ฝัง,แค้น

ตอน: ตอนที่ 4 ภาพถ่ายโบราณ

ตอนที่ 4 ภาพถ่ายโบราณ
2 สัปดาห์ ผ่านไป
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มเชื้อสายเอเชีย ภายใต้ชุดสูทลำลองสบายๆ ใบหน้าคมอยู่ภายใต้แว่นกันแดดยี่ห้อดัง แม้เรือนร่างจะปกปิดด้วยเสื้อผ้าลำลองที่แลดูสบายๆ แต่ก็ไม่สามารถปิดบังความสง่างาม ผึ่งผาย ผู้เป็นเจ้าของร่างนี้ได้ ทุกย่างก้าวที่เขาก้าวเดิน ไม่มีใครที่ไม่หันมาเหลียวมองเขา และทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่น่าสวมแว่นกันแดดเล้ย ถ้าได้เห็นใบหน้าเต็มๆ จะดีกว่านี้หลายเท่า

อลัน แอนเดอร์สัน มหาเศรษฐีหนุ่มบินข้ามทวีปจากสหรัฐอเมริกา มาเพียงลำพังโดยไม่มีบอดี้การ์ดตามอารักขาเขามาด้วย เพื่อให้แผนแนบเนียนและไม่เป็นที่สังเกตของใครต่อใคร ชายหนุ่มเดินทางมาโดยไร้ผู้ติดตามเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่เบื้องหน้าของเขา หน่วยคุ้มกันและสิ่งอำนวยความสะดวกจัดเตรียมไว้ให้กับเขาล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว เพราะในการมาเมืองไทยของเขาในครั้งนี้ เขามาในฐานะ เจตน์ เดชวโรดม ไม่ใช่มหาเศรษฐีหนุ่ม อลัน แอนเดอร์สัน เขาตั้งใจกลับมาเพื่อทำในสิ่งที่เขาได้ให้สัญญาไว้กับน้องชายฝาแฝดที่ล่วงลับไปแล้ว รวมไปถึงกลับมาเพื่อช่วยเหลือบิดาแท้ๆ ของเขา

ดวงตาสีนิลคมกล้า มองทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา นี่คือเมืองไทย แผ่นดินอันเป็นบ้านเกิดของเขาและมารดาของเขา เป็นครั้งแรกที่เขาบินมาเมืองไทยเป็นครั้งแรกในชีวิต ทันทีที่ได้เหยียบผืนแผ่นดินอันเป็นบ้านเกิด โชคชะตาที่ถูกฟ้าลิขิตเอาไว้ ก็พลันบังเกิดขึ้น

“แกร๊บบบบ” สิ่งของบางอย่างอยู่ใต้รองเท้าของเขากำลังถูกเหยียบเต็มแรงจากน้ำหนักเท้าของเขา ทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดก้าวเดิน พร้อมถอนเท้าออกจากสิ่งที่เขากำลังเหยียบอยู่ในขณะนี้ และทันทีที่เขาเห็นสิ่งที่เขาเหยียบ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที

“ก้อนอะไร!”ชายหนุ่มรำพึงเบาๆ พร้อมก้มตัวลงหยิบก้อนกระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนกลมๆ ขึ้นมาพิจารณา

“คนสมัยนี้นึกจะทิ้งขยะ ก็ทิ้งกันเกลื่อนกลาดแบบนี้กันเลยเหรอ วัฒนธรรมดีๆ หายไปไหนกันหมด แล้วถ่ายรูปทิ้งไว้ไม่พอใจก็น่าจะไปทิ้งที่อื่นๆ ไม่ใช่ขยำทิ้งแบบไม่ดูสถานที่กันเลยคนเรา”อลัน บ่นพึมพำพร้อมค่อยๆ คลี่กระดาษถ่ายรูปที่เป็นภาพถ่ายถูกขยำไว้เป็นก้อนกลมๆ ขึ้นมาพินิจพิเคราะห์ และทันทีที่เขาเห็นภาพถ่ายตรงหน้า

“ผู้หญิง!”ชายหนุ่มรำพึงเบาๆ ได้เพียงแค่นั้น เสียงของเขาก็หายไปเฉยๆ เมื่อภาพถ่ายของผู้หญิงตรงหน้าสะกดเขาให้ยืนอยู่กับที่

ภาพถ่ายดังกล่าวเป็นภาพถ่ายขาวดำ ภาพที่สะกดมหาเศรษฐีหนุ่มตรงหน้า เป็นภาพถ่ายของหญิงสาวแสนสวย ในชุดไทยโบราณ ห่มสไบ ดวงหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต ริมฝีปากหยักได้รูปสวย ผมดำยาวจนถึงเอว รูปร่างสูงโปร่ง บางอรชร เธองดงามดั่งเช่นนางในวรรณคดี และเขาก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนมีลักษณะแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต

“สวย! สวยมาก!”ชายหนุ่มรำพึงเบาๆ ด้วยความตกตะลึงในความงามผู้เป็นเจ้าของภาพถ่ายนั้น

“สวยเหมือนนางฟ้าแบบนี้ ไม่มีปรากฏบนโลกแน่นอนพี่ชาย”เสียงเย็นๆ เอ่ยข้างๆหูของชายหนุ่ม ทำให้อลัน ตื่นจากภวังค์ทันที

“เฮ้ย!”อลันส่งเสียงออกมาค่อนข้างดังด้วยอารามตกใจผสมความดีใจคละเคล้ากัน พร้อมเอ่ยสำทับขึ้นอีกครั้งเมื่อมองเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขา

“เจตน์! นี่แกได้กลับมาพร้อมกับพี่แล้วจริงๆ ด้วย ฮ่าๆๆๆ ดีใจนะเนี่ย ว่าแต่แกมากระซิบข้างหูพี่ทำไม มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงแบบนี่ รู้ไหมว่าฉันตกใจมากแค่ไหน” ชายหนุ่ม เอ็ดเสียงเขียวขึ้นมาทันที พร้อมหมุนวนรอบตัวเองประหนึ่งกำลังหาใครอยู่ ว่าแต่เขากำลังดุใครอย่างนั้นเหรอ

ทันทีที่อลัน เอ่ยออกมาเช่นนั้น ร่างโปร่งแสงของชายหนุ่มร่างหนึ่งพลันปรากฏกายขึ้นตรงหน้าเขาทันที และร่างนั้นก็เหมือนเขาราวกับพิมพ์เดียวกัน

“แว๊บบบ”ดวงวิญญาณของเจตน์ ปรากฏกายขึ้นทันที ดวงวิญญาณของชายหนุ่มมาในชุดกางเกงยีนส์ เสื้อเชิ้ตสุดเท่ อย่าบอกใครเชียว หล่อเหมือนพี่ชายไม่มีผิด แตกต่างตรงกันที่ตัวเล็กกว่าและบางกว่าเท่านั้นเอง

“แหม!ผมดีใจที่พี่อลัน มาถึงเมืองไทยและพาผมมาด้วย ไม่ปล่อยผมทิ้งไว้ที่อเมริกา เราเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน ไปไหนก็ต้องไปด้วยกันใช่ไหมล่ะครับพี่ชาย”เสียงวิญญาณของน้องชายฝาแฝดตอบหน้าทะเล้นกลับไป

“ถ้าแกหน้าไม่เหมือนฉัน และเป็นน้องชายฝาแฝดของฉัน และเป็นเพราะฉันไม่กลัวผี ฉันก็คงไม่เชื่อหรอกว่าผี หรือวิญญาณมีอยู่จริง และฉันให้สัญญากับตัวเองแล้วว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไงฉันต้องพาแกกลับเมืองไทยให้ได้ แต่เราก็ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่า แกจะปรากฏกายควรจะให้สุ่มให้เสียงหรือบอกกันล่วงหน้ากันบ้าง จู่ๆ แกออกมาแบบนี้ ใครเขาเห็นเขาจะพากันคิดว่าฉันเหมือนคนบ้าพูดอยู่คนเดียว แกรู้บ้างหรือเปล่า”พี่ชายบ่นพึมพำ คำกล่าวของเขาทำให้น้องชายฝาแฝดถึงกับหัวเราะออกมาทันที

“ไม่ทันแล้วล่ะพี่ชาย ตอนนี้รอบๆ ตัวพี่ เขาคิดว่าพี่กำลังยืนพูดอยู่คนเดียวแล้วล่ะ ลองหันกลับไปสำรวจรอบตัวสิแล้วจะรู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไง”

สิ้นเสียงกล่าวของน้องชายฝาแฝด อลันหันกลับไปมองรอบๆตัวของเขาทันที และเขาก็พบว่าตอนนี้เขาเป็นจุดสนใจของผู้คนที่กำลังเดินขวักไขว่ไปมาภายในท่าอากาศยาน เพราะหนุ่มหล่อ มาดเท่ หน้าตาดี้ ดี กำลังยืนพูดบ่นอยู่คนเดียวเป็นนานสองนาน ทำให้อลัน ต้องแก้สถานการณ์โดยด่วน

“แหะ..แหะ! ไม่มีอะไรครับ คือผมกำลังซ้อมบทละครเวทีนะครับ กำลังอิน กลัวลืม มีบทต้องยืนพูดคนเดียวในสนามบินด้วย ก็เลยขอซ้อมสักหน่อยกันเหนียวครับ กันเหนียว”ชายหนุ่ม พูดพลางรีบก้าวเดินออกไปจากจุดที่ยืนอยู่ในขณะนั้นทันที เพื่อให้พ้นจากสายตาของใครต่อใครภายในท่าอากาศยาน และไม่วายเรียกน้องชายฝาแฝดของเขาไปด้วย

“ไปกันได้แล้วเจตน์!”

“ครับ...พี่ชายยยย”เสียงเย็นยะเยือก ลอยตามร่างของอลันไปติดๆ

คฤหาสน์หรูใจกลางเมือง

ร่างสูงใหญ่ของอลัน กำลังยืนสำรวจคฤหาสน์หรูที่เขาสั่งให้พ่อบ้านประจำตระกูลแอนเดอร์สัน และเจนิเฟอร์ เลขาคนสนิทของเขาเป็นธุระจัดหาที่พักและเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน แต่จะว่าไปแล้วนี่ไม่ใช่ที่พักชั่วคราวธรรมดาเสียแล้วกระมัง เพราะราคาของคฤหาสน์หลังงามนี้ปาเข้าไป 500 กว่าล้านบาทเลยทีเดียว ไม่นับรวมกับรถยนต์คันหรูราคาแพงลิบซึ่งมีถึง 10 คัน จอดอยู่ภายในคฤหาสน์หลังงามเพื่อรับใช้เจ้านาย และคนรับใช้ กว่า 15 ชีวิต ที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดีและจัดส่งมาที่คฤหาสน์หลังงามด้วยฝีมือการเลือกสรร จากพ่อบ้านประจำตระกูลแอนเดอร์สัน เพื่อคอยรับใช้คุณหนูอลัน ซึ่งเป็นเจ้านายของเขา

ชายหนุ่มเดินสำรวจคฤหาสน์หรูด้วยความพึงพอใจ จนกระทั่งถึงห้องนอนใหญ่ ซึ่งเป็นห้องนอนสำหรับเขา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือกดหมายเลขปลายทางคือ อเมริกาต่อสายตรงเพื่อพูดคุยกับสายปลายทางทันที แล้วทำไมหนอชายหนุ่มต้องลงทุนซื้อคฤหาสน์หลังงามมูลค่าหลายร้อยล้าน รวมไปถึงอื่นๆ อีกมากมายขนาดนี้กันเล่า

“อืมม!โอเค ใช้ได้ ฉันพอใจมากลุงพอล แล้วเอกสารเกี่ยวการซื้อหุ้นทั้งหมดในประเทศไทย เร่งจัดการให้เสร็จเรียบร้อยก่อนจะถึงวันประชุมล่วงหน้าสัก 2-3 วันก็จะดี ฉันจะได้มีเวลาตรวจสอบเอกสารสำคัญๆ ให้ครบก่อนจะเข้าประชุม ทางโน้นลุงอยู่ดูแลแทนฉันให้ดีด้วยนะ”ชายหนุ่มสั่งการข้ามทวีปผ่านโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะกดปิดตัดสายสนทนา

มือหนายกขึ้นกอดอก ยืนมองลอดหน้าต่างจากห้องนอนใหญ่ของเขา มองเห็นสนามหญ้าเขียวขจี ตัดแต่งสวนเป็นอย่างดี เนื้อที่สวนภายในบ้านออกแบบได้อย่างร่มรื่นและน่าอยู่ เขามีความสุขมากที่ได้กลับมาเมืองไทย แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้เขาจะมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าจะมีบ้านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แต่เพื่อน้องชายและพ่อแท้ๆของเขา เขาต้องเข้ามากอบกู้สถานการณ์อันเลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นกับครอบครัวทางเมืองไทยของเขาให้ได้ แต่จะว่าไปแล้วตอนนี้เขาไม่เหลือใครอีกเลย นอกจากพ่อแท้ๆของเขาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล

“เหงาเหรอพี่ชาย”เสียงเย็นยะเยือกๆ เอ่ยถามอยู่ด้านหลังของเขาเบาๆ

“เฮ้ย!”ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวทันที เมื่อจู่ๆ เสียงวิญญาณของน้องชายฝาแฝดก็ดังขึ้นมา

“โธ่!เอาสักทีดีไหมวะ...บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ ตกใจหมด”ชายหนุ่มเอ่ยต่อว่าวิญญาณของน้องชาย ก่อนจะเห็นร่างโปร่งแสงของน้องชายปรากฏกายขึ้น

“แหะๆ เห็นพี่ชายดูเหงาๆ ก็เลยอยากปลอบใจ อย่าโกรธผมเลยพี่ชาย อย่าโกรธน้องชายคนนี้เลยนะ”น้องชายฝาแฝดเอ่ยด้วยน้ำเสียงเว้าวอน ฟังแล้วช่างสงสารเสียนี่กระไร เล่นเอาพี่ชายสงสารน้องชายฝาแฝดจนจับขั้วหัวใจ พร้อมก้าวเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ ตรงหน้า

“ฉันไม่เคยโกรธแกเลยไอ้น้องชาย ตรงกันข้ามฉันรักแกมากและสงสารแกมาก ทำไมเราสองคนพี่น้องจะต้องพบกันในสภาพแบบนี้ แกต้องมาตายก่อนที่จะได้พบกับพี่ แถมแกก็ไม่รู้เรื่องอีกว่าใครกันแน่เป็นคนฆ่าแก และก็ไม่เชื่อเลยว่าพอแกตายไป พี่กับแกกลับต้องมาเจอหน้ากันโดยที่พี่เป็นคน แต่แกกลับต้องเป็นผีแบบนี้”

อลัน กล่าวกับน้องชายด้วยความหดหู่ใจ เมื่อย้อนนึกถึงวันที่เขาพบกับวิญญาณของน้องชายฝาแฝดเป็นครั้งแรก และทำให้เขาเชื่อแล้วว่าผีหรือวิญญาณมีอยู่จริงไม่ใช่เรื่องตลกร้ายกาจดั่งที่เขาเคยคิด

ย้อนกลับไปวันที่เจตน์ตาย
บริเวณห้องโถงชั้นปฏิบัติการพิเศษ

“เฮ้ย!...”อลัน อุทานออกมาทันทีเขาถึงกับผงะเมื่อสายตาของเขามองเห็นร่างสูงของผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาด้วยความตกใจ
“พี่ชายยยยยย”เสียงเย็นยะเยือก กล่าวกับมหาเศรษฐีหนุ่มที่กำลังนั่งจ้องมองใบหน้าขาวซีด ด้วยอาการตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ร่างสูงโปร่งตรงหน้า หน้าตาถอดพิมพ์เดียวกับมหาเศรษฐีหนุ่ม ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองอลันด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์ ดวงตาที่กำลังจ้องมองช่างแสนเศร้า ทั่วทั้งร่างเปียกปอนไปหมด

“เจตน์! เจตน์ยังไม่ตาย แกยังไม่ตาย”อลัน เอ่ยขึ้นด้วยความดีใจพร้อมลุกขึ้นตรงเข้าสวมกอดน้องชายฝาแฝดของเขาทันที

“หวืดดดดด”กอดแล้วหวืดไปเลย มีแต่ความว่างเปล่า ร่างหนาไม่ทันระวังตัวโถมเข้ากอดร่างโปร่งแสงตรงหน้า เล่นเอาร่างสูงของชายหนุ่มหัวคะหม่ำลงไปกับเก้าอี้รับแขกฝั่งตรงกันข้ามทันที เล่นเอาพี่ชายฝาแฝดถึงกับนั่งงงไปชั่วขณะจิต

“อะไรกันเนี่ย!”อลันเอ่ยออกมาด้วยความแปลกใจ

“พี่ชายยยย...ในที่สุดผมก็ได้พบกับพี่จนได้”เสียงน้องชายฝาแฝดเอ่ยบอก

อลัน นั่งนิ่งงันไม่ขยับกายแม้แต่น้อย ร่างที่อยู่ตรงหน้าของเขาในขณะนี้แท้จริงแล้วเป็นผีหรือเป็นคนกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ร่างตรงหน้าคือน้องชายฝาแฝดของเขาแน่นอน ในขณะที่เขากำลังนั่งงงงันกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น นางพยาบาลที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกำลังเดินตรงเข้ามาถามไถ่อาการ

“คุณแอนเดอร์สัน มีอะไรให้ช่วยไหมค่ะ มีอาการผิดปกติเกิดขึ้นหรือคะ” นางพยาบาลสาวเอ่ยถามไถ่อาการมหาเศรษฐีหนุ่มตรงหน้า

ทันทีที่เขาถูกนางพยาบาลถามไถ่อาการ อลันรีบลุกขึ้นยืนพร้อมสูดอากาศหายใจเข้าปอด และยิงคำถามที่เขาต้องการอยากรู้ให้แน่ชัดทันที

“เอ่อ..คุณพยาบาล ผมอยากถามอะไรคุณสักหน่อย คือ..คือ...คุณเห็นผู้ชายที่หน้าตาเหมือนกับผมยืนอยู่ตรงข้ามผมตอนนี้ไหม คือคุณเห็นฝาแฝดของผมหรือเปล่าเอาง่ายๆ คุณเห็นหรือเปล่า ผมอยากรู้แค่นี้ช่วยตอบคำถามผมด้วยเพื่อความแน่ใจบางอย่างของผม

“เห็นค่ะ ก็คุณแอนเดอร์สันกำลังยืนอยู่ตรงนี้อย่างไงล่ะค่ะ ส่วนน้องชายฝาแฝดของคุณนั่นไงค่ะ เจ้าหน้าที่กำลังเข็ญออกมาจากห้องปฏิบัติการพิเศษ กำลังจะเอาร่างไปเก็บไว้ที่ห้องปฏิบัติการทางเคมีค่ะ โน้นค่ะเข็ญออกมาแล้ว”นางพยาบาลพูดพร้อมชี้ไปทางรถเข็ญที่กำลังเข็ญออกมาจากห้องปฏิบัติการพิเศษ

ร่างไร้วิญญาณของน้องชายฝาแฝด คลุมด้วยผ้าสีขาวตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงหน้าอกด้านบน เผยให้เห็นส่วนบนตั้งแต่หน้าอกท่อนบนขึ้นไป ใบหน้ายังคงขาวซีดไร้สิ้นสีเลือดเจือจางอยู่เช่นเดิม

“เอื้อก”

อลัน ยืนกลืนน้ำลายลงคอ สายตาค่อยๆเหลือบไปมองร่างโปร่งแสงตรงหน้าเขาที่ยังคงยืนอยู่เช่นนั้นไม่ยอมไปไหน สิ่งที่เขากำลังเห็นอยู่ตรงหน้าคือวิญญาณของน้องชายฝาแฝดของเขาอย่างนั้นเหรอ ชายหนุ่มยืนนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อนเป็นอีกคำรบสอง พร้อมกับเสียงของนางพยาบาลเอ่ยขึ้น

“ถ้าคุณแอนเดอร์สันไม่ได้เป็นอะไร ดิฉันจะไปเตรียมห้องผ่าตัดให้ค่ะ”

“โอเค!คุณไปเถอะผมไม่ได้เป็นอะไร ผมคงจะตาฝาดเพราะคิดถึงน้องชายของผมมากไป”อลันเอ่ยบอกเบาๆ แต่สายตาของเขาจ้องมองร่างโปร่งแสงตรงหน้าแทบจะไม่กะพริบตา

ถ้าเช่นนั้นสิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ก็คือวิญญาณน้องชายฝาแฝดของเขาแน่นอน อาการตกใจและอาการงุนงงค่อยๆ เลือนหายไป แต่ความดีใจเข้ามาแทนที่เมื่อสิ่งที่เขาเห็นอยู่ในขณะนี้คือดวงวิญญาณของน้องชายฝาแฝด และเพราะเขาไม่ได้เป็นคนที่กลัวผี ความกลัวจึงไม่มีแต่ความตกใจ ความแปลกใจ และความงุนงงมีมากกว่า

“เจตน์! นี่คือวิญญาณของแกใช่ไหม”ชายหนุ่มเอ่ยถามน้องชายฝาแฝด

ดวงวิญญาณ พยักหน้ารับติดๆ กัน ด้วยความเศร้าสร้อย ดวงวิญญาณค่อยๆ ก้าวมาหาพี่ชายฝาแฝดช้าๆ พร้อมเอ่ยระบายความในใจ

“พี่ชายอย่ากลัวผมเลย ผมเดินทางมาหาพี่เพื่อให้พี่ช่วยเหลือ แต่ก็มาโดนใครก็ไม่รู้ฆ่าตายก่อนจะได้พบกับพี่ ผมมาตายไกลบ้าน วิญญาณก็เลยไม่ได้ไปไหน จิตสุดท้ายก่อนตายคือร้องขอความช่วยเหลือให้พี่ชายมาช่วยผม อยากไปหาพี่ชายแต่ก็ไม่สามารถไปพบได้อีก แต่ผมดีใจที่พี่มองเห็นวิญญาณของผมและสื่อสารกับผมได้”น้องชายฝาแฝดเอ่ยบอกพี่ชาย ทำให้คนเป็นพี่สงสารน้องชายฝาแฝดเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ

“นั่งคุยกันเจตน์ เราเป็นพี่น้องกัน พี่ไม่เคยกลัวเรื่องพวกนี้ พี่ไม่กลัวแกหรอกแค่ตกใจเฉยๆ นึกว่าแกฟื้นมาจากความตายได้ ถ้าแกฟื้นขึ้นมาได้ก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก แต่ถึงแม้แกจะไม่ฟื้นขึ้นมาแค่พี่ได้เห็นแกและได้พูดคุยพี่ดีใจมากที่สุด ว่าแต่ทำไมวิญญาณแกถึงเปียกน้ำตลอดเวลาแบบนี้”อลันเอ่ยถามวิญญาณน้องชายฝาแฝดด้วยความสงสัย

“ก็ผมตายในน้ำ สภาพตอนตายเป็นอย่างไงวิญญาณก็เลยเป็นแบบนี้ ”วิญญาณน้องชายฝาแฝดเอ่ยตอบกลับไป

“อ๋อ..แล้วพี่จะทำอย่างไงถึงจะให้แกมาสภาพปกติไม่ต้องเปียกแบบนี้ และมาในสภาพที่ใกล้เคียงกับคนที่สุด บอกตรงๆ มาแบบนี้ไม่ค่อยเจริญหูเจริญตาเลยวะไอ้น้องชาย มันทำให้พี่หดหู่บอกไม่ถูก”อลัน เอ่ยบอกตามความรู้สึกของเขา ซึ่งทำให้วิญญาณของน้องชายฝาแฝด ยิ้มเยือนออกมาได้

“เออ...ยิ้มแล้วค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อย เมื่อกี้บอกตรงๆ ทั้งเศร้าทั้งหดหู่”อลัน พูดพร้อมจ้องมองวิญญาณน้องชายฝาแฝดด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ ยิ่งมองยิ่งสะเทือนใจ เหมือนมองตัวเองไม่ผิดก่อนจะได้ยินเสียงเย็นๆ ของดวงวิญญาณน้องชายเอ่ยตอบกลับมา

“พี่ชายทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ผม จัดหาเสื้อผ้า ชุดใหม่และผ้าเช็ดตัวให้ผมหน่อย ผมจะได้เช็ดตัวและมีเสื้อผ้าใหม่เปลี่ยนได้ สิ่งที่พี่คิดว่าจำเป็นพี่ก็สามารถทำบุญไปให้ผมได้ ผมเพิ่งตายปกติทางเมืองไทยจะมี มีพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่ส่งวิญญาณให้ไปภพภูมิที่ดี คือตอนที่คนตายวันแรกให้ญาติซื้อสังฆทานทั้งหมด 9 ชุด พร้อมด้วยแผ่นเหรียญทองคือแผ่นทองคำเปลว 9 ชุด ไปถวายให้กับพระสงฆ์เพื่อสวดส่งวิญญาณให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี และให้ซื้อสังฆทานอีก1 ชุดพร้อมเหรียญทองหรือแผ่นทองคำเปลว 1 ชุด อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรของผม แล้วผมจะกลับมาหาพี่ในอีกแบบที่พี่คาดไม่ถึง”ดวงวิญญาณน้องชายฝาแฝดเอ่ยบอกเสียยืดยาว จนทำให้พี่ชายฝาแฝดออกอาการมึนกับสิ่งที่ต้องกระทำต่อจากนี้

“ดูเหมือนแกจะเข้าใจพิธีกรรมทางพุทธศาสนามากเลยนะไอ้น้องชาย”อลัน เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

“ก็เป็นธรรมดาเราเป็นชาวพุทธ อีกอย่างผมบวชตอบแทนพระคุณของคุณพ่อและคุณแม่แล้วครับพี่ชาย ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยเห็นหน้าคุณแม่ท่านก็ตาม แต่ผมทราบจากคุณพ่อแล้วว่าท่านจากโลกนี้ไปนานแล้วตั้งแต่ผมกับพี่ชายอายุได้เพียง 2 ขวบ ผมก็เลยพอจะรู้ขั้นตอนพิธีกรรมของชาวพุทธ”ดวงวิญญาณน้องชายฝาแฝดเอ่ยบอกพี่ชายกลับไป

คำกล่าวของดวงวิญญาณน้องชายฝาแฝดทำให้ อลัน ซึ่งเขาก็คือคนไทยเหมือนกันฉุกคิดได้ว่า เขายังไม่เคยบวชเป็นเพราะอยู่ต่างประเทศ เติบโตอยู่ในประเทศมหาอำนาจและเป็นเพราะเติบใหญ่ในต่างแดน แต่ถึงกระนั้นเขาก็นับถือศาสนาพุทธตามคุณแม่ของเขา ไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ตามบิดาบุญธรรมของเขาแต่อย่างใด ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมเอ่ยตอบกลับไป

“พี่จะทำตามที่แกบอกกับพี่ให้ครบทุกอย่างไม่ต้องห่วง แต่สัญญาพี่อย่างหนึ่งว่าเวลาจะมาปรากฏกาย ให้สัญญาณเตือนกันล่วงหน้ากันหน่อย หรือบอกกันก่อน จู่ๆ ก็ออกมา ขอใช้เวลาสักพักจะได้คุ้นคุ้นเคยกับการมาของแกก่อน พี่จะได้ดูไม่เหมือนกับคนบ้าเพราะพูดอยู่คนเดียว เข้าใจตรงกันนะไอ้น้องชาย”

“ครับพี่ชาย”ดวงวิญญาณของเจตน์ ขานรับน้ำเสียงเย็นยะเยือก

ใบหน้าที่แสนเศร้าปรากฏรอยยิ้มด้วยความดีใจ จนอลันสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นเหรอที่เห็นดวงวิญญาณน้องชายฝาแฝด ในขณะที่คนอื่นๆ ไม่เห็นเพราะอะไรกันเล่า

วันรุ่งขึ้น
ภายในวัดไทย

สังฆทานชุดใหญ่ทั้ง 9 ชุด และชุดใหญ่อีก 1 ชุด กำลังถูกลำเลียงมาไว้บนศาลาอเนกประสงค์ ของทางวัดไทย อลัน สั่งให้พ่อบ้านประจำตระกูลไปเลือกซื้อหามาเพื่อทำบุญ แต่เนื่องจากชุดสังฆทานหายากตามแบบฉบับชาวพุทธ ชายหนุ่มจึงปรึกษากับทางเจ้าอาวาสทางวัดไทย เพื่อขอคำชี้แนะ และจึงได้สังฆทาน ที่เรียกว่าสังฆทานสดที่เราเลือกหาซื้อเอง มาจัดเป็นชุดๆ ให้ได้ครบตามจำนวน หากจะทำบุญให้กับคนตายเพิ่มเติมเป็นอย่างอื่นๆ ก็สามารถเลือกหาได้เช่นกัน แต่ที่หาซื้อไม่ได้คือเหรียญทองคำเปลวหรือแผ่นทองคำเปลว ที่ต่างแดนจะหาซื้อยาก แต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิดในเมื่อวัดไทยทางอเมริกา มีให้กับญาติโยมบูชาเช่นเดียวกัน

สังฆทานชุดใหญ่ จัดไว้ครบตามจำนวนพร้อมเหรียญทองคำเปลว นอกเหนือจากนั้นยังมีอาหารแห้งทุกชนิด รวมไปถึงข้าวสารที่ชายหนุ่มสั่งจากห้างสรรพสินค้าในอเมริกา นำมาส่งเพื่อถวายทานและอุทิศผลบุญให้กับน้องชายฝาแฝดของเขาที่เพิ่งเสียชีวิต และคุณแม่ของเขาที่สิ้นบุญไปนานแล้วพร้อมกัน ข้าวสารเต็มคันรถบรรทุกใหญ่ น้ำดื่มที่บรรจุขวดเป็นแพ็คอีก 1 คันรถบรรทุกใหญ่ อาหารแห้งทุกชนิดอีก 1 คันรถบรรทุกใหญ่ อาหารที่ทำเสร็จใหม่ๆ ซึ่งชายหนุ่มสั่งจากร้านอาหารไทยในอเมริกา ยกครัวลงมาจัดทำเพื่อถวายให้กับพระสงฆ์ได้รับประเคนฉันเช้า และรับประเคนฉันเพล พร้อมด้วยเสื้อผ้าอย่างดี รวมไปถึงรองเท้าอีกหลายสิบคู่

สืบเนื่องมาจากเขาได้รับฟังจากท่านเจ้าอาวาสของวัดไทยได้บอกว่า ทำบุญอุทิศให้กับคนตาย หากเราทำอะไรไปให้ คนตายก็จะได้รับอย่างนั้นเช่นกัน ชายหนุ่มจึงทำบุญให้น้องชายฝาแฝดของเขาอย่างเต็มที่ โดยมีความหวังว่าวิญญาณของน้องชายฝาแฝดจะมีภพภูมิที่ดีขึ้น และกลับมาหาเขาอีกครั้งในสภาพที่ดีกว่าเดิม

ร่างสูงใหญ่ ในชุดสูทสีขาวราคาแพงลิบ กำลังเดินออกมาจากอาคารหอฉันท์ของทางวัดไทย ในมือของเขาถือภาชนะสำหรับกรวดน้ำอุทิศบุญกุศล ก่อนจะเลือกต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกอยู่ภายในบริเวณวัด พร้อมเลือกใบของต้นไม้เป็นที่รองรับน้ำที่เขาตั้งใจทำบุญนี้ไปให้น้องชายฝาแฝด

“ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำในวันนี้ ได้โปรดส่งผลบุญไปให้น้องชายฝาแฝดของข้าพเจ้า นายเจตน์ เดชวโรดม ให้ได้รับผลบุญกุศลจากข้าพเจ้าที่ตั้งใจกระทำในวันนี้ ขอให้นายเจตน์ เดชวโรดม น้องชายของข้าพเจ้ามารับอนุโมทนาบุญกุศลนี้ด้วยเทอญ”สิ้นคำกล่าวอุทิศบุญกุศล สิ่งที่อลันคาดหวังไว้ก็ปรากกฎขึ้นมาทันที

“ขอบคุณครับพี่ชายยย”เสียงของน้องชายฝาแฝดล่องลอยมากับสายลม ทำให้อลันหันกลับไปมองรอบๆ ตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ แหงนหน้ามองขึ้นบนท้องฟ้า เมื่อมีแสงบางอย่างกระทบใบหน้าของเขา

ร่างโปร่งแสงของเจตน์ อยู่ในชุดลำลองที่เขาเพิ่งทำบุญไปให้ ทั่วทั้งร่างอิ่มเอิบและไม่ได้เปียกปอนเหมือนตอนที่พบกันครั้งแรก ใบหน้าที่แสนเศร้าบัดนี้อิ่มเอมด้วยแรงบุญกุศลที่พี่ชายของเขาตั้งใจอุทิศผลบุญไปให้เขา

“เจตน์”อลัน เอ่ยชื่อน้องชายฝาแฝดออกมาเบาๆ เขารู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นน้องชายในสภาพที่ดีกว่าที่เขาคิดไว้มาก
“ผมขอบคุณพี่ชายมากครับ สิ่งที่พี่ชายทำบุญอุทิศให้กับผม ผมได้รับทั้งหมดแล้ว มากมายเสียเหลือเกิน แต่ตอนนี้ผมต้องตามท่านไปก่อน หลังจากนั้นผมจะกลับมาหาพี่ชายอีกครั้ง”น้องชายฝาแฝดเอ่ยบอก พี่ชายของเขา

“แกจะไปไหนเจตน์ แกจะจากพี่ไปแล้วเหรอ”ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความรู้สึกใจหายเมื่อได้ยินน้องชายฝาแฝดเอ่ยคล้ายการสั่งลา

“ผมยังไปไหนไม่ได้หรอกพี่ชาย ผมตายก่อนอายุขัยจริงของผม ยังคงต้องวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ยังไปไหนไม่ได้จนกว่าจะถึงอายุขัยของผมที่แท้จริง ถึงจะไปภพภูมิอื่น แต่ที่ผมต้องไปตอนนี้เพราะโลกของวิญญาณมีกฎ แต่ผมจะกลับมาหาพี่อีกครั้งเมื่อตอนที่พี่กลับเมืองไทย เพราะที่นี่ไม่ใช่เขตดินแดนโลกวิญญาณของเรา”

“แล้วแกจะกลับมาหาพี่ได้อย่างไงเจตน์”อลัน ละล่ำละลักถามดวงวิญญาณของน้องชายทันที

“ก่อนที่พี่จะกลับเมืองไทย ให้พี่เอาพระสงฆ์ไปสถานที่ที่ผมตายแล้วให้พระท่านถอนดวงวิญญาณของผมออกจากสถานที่แห่งนั้นเพื่อให้ดวงวิญญาณของผมหลุดพ้นจากสถานที่ตาย วันที่พี่จะกลับเมืองไทยให้จุดธูป 1 ดอก เรียกชื่อผมให้ตามพี่กลับไปเมืองไทยด้วยกัน ดวงวิญญาณของผมก็จะสามารถออกจากแผ่นดินต่างแดนนี้ได้ และวิญญาณของผมจะถึงแผ่นดินไทยเพราะได้ตามพี่ไป เวลาพี่ซื้อตั๋วเครื่องบิน ให้พี่ซื้อที่นั่งเปล่าให้ผมด้วย ส่วนผมจะออกมาพบพี่ได้ตอนไหน ถึงเมืองไทยเราก็คงได้รู้ด้วยกันทั้งคู่”ดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยบอกพี่ชาย เล่นเอาคนเป็นพี่พลอยงงไปเลย

“อ้าว..แล้วพี่จะรู้ได้อย่างไงว่าแกมากับพี่ด้วย”ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“วิธีนี้เป็นวิธีที่เชิญดวงวิญญาณให้หลุดพ้นจากสถานที่ตาย ดวงวิญญาณจะไม่ต้องอยู่วนเวียนติดอยู่กับสถานที่แห่งนั้น และถ้าได้เชิญดวงวิญญาณกลับบ้านผมก็จะสามารถกลับมาได้ด้วยเช่นกัน พี่ชายอย่าลืมทำตามที่ผมบอก พาผมกลับเมืองไทยด้วยนะพี่ชายยย”ดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยบอกพี่ชายฝาแฝด พร้อมค่อยๆเลือนหายไป

“เดี๋ยว...เดี๋ยว..เจตน์...”อลัน ตะโกนเรียกชื่อน้องชายฝาแฝดแต่ก็ไม่เป็นผล ดวงวิญญาณของน้องชายเลือนหายไปแล้วท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน

“แกไม่ต้องห่วงเจตน์ พี่จะต้องพาดวงวิญญาณของแกกลับเมืองไทยให้ได้ พี่ให้สัญญา”อลัน รำพึงออกมาเบาๆ และเหมือนดวงวิญญาณของน้องชายฝาแฝดจะรับรู้ได้ถึงคำสัญญาของเขา สายลมพัดผ่านหมุนวนรอบตัวเขาอยู่เพียงครู่ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปในที่สุด

ย้อนกลับไปภายในคฤหาสน์หรูกลางใจเมือง
ภายในห้องนอนใหญ่ของอลัน

ภายในห้องนอนใหญ่ของมหาเศรษฐีหนุ่มในขณะนี้ ร่างชายหนุ่มฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกับถอดแบบพิมพ์กันมาทุกกระเบียดนิ้ว ร่างหนึ่งคือคนและอีกร่างหนึ่งคล้ายคนแต่ไม่ใช่เพราะโปร่งแสงคล้ายดวงวิญญาณ ทั้งคู่กำลังยืนสนทนากันอยู่ในขณะนี้ และเสียงของดวงวิญญาณกำลังเอ่ยปรับทุกข์ขึ้นมา

“เป็นกรรมของผมเองพี่ชาย แต่ก็โชคดีตรงที่พี่ชายมองเห็นวิญญาณผมและสื่อสารกับผมได้ ไม่อย่างนั้นผมคงแย่ เคว้งคว้างน่าดู ไปตายถึงอเมริกาผมถึงไปไหนไม่ได้ จิตสุดท้ายก่อนตายคิดถึงแต่พี่ชาย แต่ในที่สุดพี่ก็พาผมกลับมาถึงเมืองไทยจนได้”

“เออ...ก็เพราะแกเป็นน้องชายฉัน ฉันจะต้องทำทุกอย่างเพื่อแกเจ้าเจตน์ แต่ตอนนี้สิ่งที่เราจะต้องรีบทำกันต่อไปคือ ต้องรีบพาคุณพ่อออกจากโรงพยาบาลที่คุณพ่อรักษาตัวอยู่ตอนนี้ให้ได้”ชายหนุ่มเอ่ยบอกดวงวิญญาณของน้องชาย

“พี่ชายจะเอาคุณพ่อออกมาอย่างไง คนบงการที่ฆ่าผมมันคงคอยเฝ้าคุณพ่ออยู่และมันคงจะเป็นคนใกล้ตัวเราไม่อย่างนั้นมันจะล่วงรู้ความเป็นไปทุกอย่างของเดชวโรดมได้อย่างไง และถ้าพี่ออกไปตอนนี้พี่จะเป็นอันตรายมากนะพี่อลัน”ดวงวิญญาณของน้องชายเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“แล้วใครบอกว่าพี่จะเป็นคนพาคุณพ่อออกจากโรงพยาบาลนั้น พี่ให้ทีมบอดี้การ์ดของพี่จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยและแนบเนียนล่วงหน้าแล้วไอ้น้องชาย อีกไม่นานคุณพ่อจะถูกนำตัวมาที่บ้านหลังนี้และจะมีแพทย์และพยาบาลที่พี่จ้างมาคอยดูแลเป็นพิเศษ อย่าลืมสิว่าพี่เป็นใคร”ชายหนุ่มเอ่ยบอกดวงวิญญาณของน้องชาย

และคำตอบของอลัน ทำให้ดวงวิญญาณน้องชายฝาแฝดถึงกับโล่งอกเมื่อล่วงรู้ว่า พี่ชายฝาแฝดไม่ต้องเสี่ยงชีวิตไปที่โรงพยาบาลจะทำให้พวกที่บงการอยู่เบื้องหลังไหวตัวทัน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“ต่อไปพี่ชายจะจัดการอย่างไงกับพวกที่อยู่เบื้องหลังการตายของผม และทำร้ายคุณพ่อ รวมไปถึงอยู่เบื้องหลังการทำลายชื่อเสียงและควบกิจการของครอบครัวเรา”

“แกเป็นผีไม่เห็นอะไรล่วงหน้าเหรอวะเจตน์ หรืออ่านความคิด ความในใจของพี่ได้”คำตอบของพี่ชายเล่นเอาดวงวิญญาณของเจตน์ ถึงกับอึ้งไปเลย

“โธ่พี่ชายผมเพิ่งตายใหม่ๆ ไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์อะไรสักหน่อย พี่ดูหนังมากไปหรือเปล่า”น้องชายฝาแฝดเอ่ยตอบติดตลกกลับไป

“มะเหงก...ฉันไม่ค่อยได้ดูหนังอะไรอย่างที่แกคิดหรอก ถ้าจะดูหนักไปทางข่าวสารรอบโลก สภาพเศรษฐกิจ การเมือง การปกครองเสียมากกว่า”อลัน เอ่ยตอบน้องชายฝาแฝด พลางถอดเสื้อสูทลำลองออกจากร่างของเขา

“ตุบ” บางสิ่งร่วงหล่นตกลงสู่พื้นโดยที่เขาไม่ทันสังเกต

เจตน์ ค่อยๆ ก้มลงเก็บสิ่งที่ตกลงอยู่กับพื้นเพื่อนำมาให้พี่ชายแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถหยิบจับสิ่งนั้นขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย

“หวืด...หวืด...หวืด”จับแล้วผ่าน จับแล้วทะลุ วิญญาณเพิ่งตายใหม่ๆ กำลังและบารมียังมีไม่พอ

“เอา.เอา..เอา..นั่นแกกำลังจะทำอะไรเจตน์ แกอย่าบอกนะว่าแกไม่สามารถหยิบจับวัตถุอะไรได้เลย”อลัน เอ่ยถามน้องชายฝาแฝด เมื่อเขามองเห็นน้องชายพยายามหยิบกระดาษที่ตกอยู่กับพื้นขึ้นมา ก่อนจะก้มตัวเป็นคนหยิบขึ้นมาเอง พร้อมเสียงของน้องชายเอ่ยบอก

“สงสัยต้องฝึกทำสมาธิบ่อยๆ ดวงวิญญาณจะได้มีบารมีมากขึ้นกว่านี้ ว่าแต่อะไรเหรอพี่ชาย”เจตน์เอ่ยถามเมื่อเห็นพี่ชายพลิกรูปถ่ายตรงหน้าจากด้านหลังไปด้านหน้า

“เป็นภาพถ่ายดูจะเก่ามากเลย เก็บได้ที่สนามบินไม่รู้ว่าใครทำตกหล่นไว้”อลัน เอ่ยบอกน้องชายและเขาก็ต้องเงียบเสียงลง
มือหนาพลิกภาพถ่ายตรงหน้าจนเผยให้เห็นว่าสิ่งที่อยู่ในมือเขาคืออะไร มันคือรูปถ่ายขาวดำของหญิงสาว สวมใส่ชุดไทยสมัยโบราณ ภาพนี้เขาเห็นครั้งแรกที่ท่าอากาศยาน แต่ไม่คิดว่าจะติดมือเขากลับมาด้วย ใบหน้าสวย ดวงตาหวาน ริมฝีปากอิ่มเป็นหยักได้รูปสวย ผมสีดำขลับเป็นมันยาวสลวย เขาไม่เคยพบเจอหญิงสาวที่มีลักษณะงดงามและติดตราตรึงใจเช่นนี้มาก่อนเลยตลอด 31 ปี ของเขา

ผู้หญิงในภาพสะกดเขาไว้จนหมด ไม่สามารถละสายตาไปจากภาพถ่ายนั้นไปได้เลย ยิ่งมองเหมือนยิ่งมีชีวิต ยิ่งพินิจยิ่งทำให้เขาโหยหาหญิงสาวที่อยู่ในภาพจนบอกไม่ถูกเลยทีเดียว หรือมหาเศรษฐีหนุ่ม กำลังตกอยู่ในภวังค์ที่เรียกได้ว่ารักแรกพบ แต่รักแรกพบของเขาดันเกิดขึ้นกับภาพถ่าย แถมคนในภาพเป็นหญิงสาวสมัยโบราณเสียอีก โธ่โชคชะตาช่างกลั่นแกล้งเสียนี่กระไร

“พี่ชาย!พี่ชาย!พี่ชาย!”ดวงวิญญาณของเจตน์ เรียกพี่ชายฝาแฝดของเขาเบาๆ แต่ก็ไม่เป็นผล พี่ชายของเขายังคงยืนจ้องมองภาพถ่ายแบบนั้นไม่ขยับเขยื้อนเรือนกายไปแม้แต่น้อย

“ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!”เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นมาทันที และเสียงเคาะประตูดังกล่าวทำให้อลัน หลุดจากภวังค์ของภาพถ่ายหญิงสาวโบราณตรงหน้า

“เออ..เออ...เออ..”อลัน อ้ำๆอึ้งๆ ไม่รู้จะพูดอย่างไงดีเมื่อเขารู้สึกตัว พร้อมเสียงของบอดี้การ์ดเอ่ยอยู่นอกประตูห้องนอนของเขา

“ท่านครับ อาหารเย็นเรียบร้อยครับ”

“อีก 30 นาที ค่อยจัดขึ้นโต๊ะเดี๋ยวฉันขอทำธุระส่วนตัวหน่อย” อลันเอ่ยตอบกลับไป พร้อมหันกลับไปมองน้องชายฝาแฝดของเขาก่อนจะเอ่ยถาม

“แกมองอะไรพี่วะเจตน์ พี่ผิดปกติตรงไหน”

“ผิดปกติมากเลยเชียวล่ะ”น้องชายฝาแฝดเอ่ยตอบกลับไปตามความเป็นจริง วิญญาณโปร่งแสงค่อยๆเดินสำรวจรอบๆ ตัวพี่ชายของเขา พร้อมก้มลงพินิจภาพถ่ายของหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามกลับไป

“พี่ชายทำอย่างกับว่าตกหลุมรักผู้หญิงในภาพถ่าย อาการมันฟ้อง แต่ว่าพี่ชายท่าทางมันคงจะเป็นไปได้ยากนะ เพราะเท่าที่ดูมันจะกลายเป็นรักต่างภพและต่างวัยมากๆ เลย เพราะถ้าผู้หญิงในภาพยังมีชีวิตอยู่ อายุก็น่าจะร้อยกว่าปีแล้ว ดูจากเสื้อผ้าและภาพถ่ายเก่าๆ แบบนี้ น่าจะเป็นคนที่เกิดในสมัยยุคต้นๆ กรุง และท่าทางน่าจะเป็นคนชั้นสูงด้วยนะพี่ชาย โห...น้ำเน่าเกินไปไหม”น้องชายฝาแฝดเอ่ยบอกพลางส่ายหน้าไปมาทันที เล่นเอาคนฟังถึงกับอึ้งไปเลยเพราะความไม่รู้ของตน

“ทำไมแกรู้ไปหมดได้อย่างไง รู้ถึงขนาดว่าผู้หญิงคนนี้เกิดในสมัยไหนและมารู้ได้อย่างไงว่าพี่ตกหลุมรักผู้หญิงในภาพถ่ายนี้ แกเดาเอาใช่ไหม ในชีวิตของฉันไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนเลยนะและฉันก็ไม่ใช่คนที่รักใครง่ายๆ ด้วย”อลัน โต้เถียงข้างๆคูๆน้องชายฝาแฝดออกไปทันที โดยไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่น้องชายเขาพูดถูกต้องหมดทุกอย่าง

“ผมไม่ได้เดานะพี่ชาย อาการของพี่ชายที่กำลังเกิดขึ้นแบบนี้ เขาเรียกว่ารักแรกพบ แต่บังเอิญว่าคนที่ถูกรักคือผู้หญิงในภาพเขาเกิดคนละสมัยกับเราต่างหาก คนที่ตายไปแล้วอย่างผมสัมผัสได้ ถ้าผมสามารถสัมผัสภาพถ่ายของพี่ชายได้ ผมก็จะสามารถบอกได้ว่าเธอไปเกิดหรือยัง หรือว่าเธอยังมีชีวิตอยู่”

“แกทำได้หรือเจตน์”อลัน เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจระคนสงสัย แต่จะว่าไปจะทำกันถึงขนาดนั้นทำไม เขาก็แค่รู้สึกชอบในความงดงามของผู้หญิงในภาพถ่าย แต่เธอก็งดงามและสวยมากจนเขาปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน

“แต่จะว่าไปไม่ต้องหรอกไอ้น้องชาย มันคงเป็นเพราะพี่ไม่เคยเห็นผู้หญิงไทยในสมัยโบราณมาก่อนก็เลย อดไม่ได้ที่จะชื่นชมแต่ถ้าบอกว่าเป็นรักแรกพบ มันไม่ใช่หรอก พี่ไม่มีทางหลงรักใครง่ายๆ เพียงแค่เห็นจากรูปถ่ายเพียงแค่นี้”อลันเอ่ยบอกน้องชายฝาแฝด ซึ่งมันขัดกับความรู้สึกลึกๆของเขาอย่างสิ้นเชิง

“อืมม...ปากแข็งซะด้วยพี่ชายเรา แล้วถ้าสมมุติว่าผู้หญิงคนนี้มีตัวตนขึ้นมาจริงๆ พี่ก็คงเฉยๆ กับเธอได้อย่างนั้นสิ ไม่มีทางหลงรัก ไม่มีทางอยากได้ เห็นแล้วก็แล้วไปไม่อยากไขว่คว้าได้เธอมาเป็นเจ้าของ ช่างเจ้าหล่อนเถอะ ใช่หรือเปล่าพี่ชาย”วิญญาณน้องชายเอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่ และลอบสังเกตสีหน้าของพี่ชาย ปรากฏว่าหน้าเปลี่ยนสีไปซะงั้น

“เอาเป็นว่าถ้าผู้หญิงในภาพเขามีชีวิตขึ้นมาจริงๆ หรือมีตัวตนจริงๆ เขาว่ากันดีกว่า แกจะมาถามพี่อะไรมากมายวะไอ้น้องชายขี้สงสัย ถามจริงๆ เถอะตอนแกยังไม่ตาย แกเจนโลกผ่านผู้หญิงมามากมายแค่ไหนกันเชียว”อลัน เอ่ยถามกลับไป พลางนำรูปถ่ายวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงของเขา ก่อนจะได้เสียงวิญญาณของน้องชายเอ่ยตอบกลับมา

“ไม่เลย...ผมไม่ชอบผู้หญิง ผมชอบ....”ดวงวิญญาณของเจตน์พูดได้เพียงแค่นั้นก็เงียบเสียงลงทันที ก่อนจะตัดบทเฉไฉไปเรื่องอื่นๆ

“เอาเป็นว่าถ้าผมมีบารมีมากขึ้น ผมจะลองดูว่าผมจะสามารถช่วยพี่ชายอะไรได้บ้างในทุกๆ เรื่องดีไหมพี่ชาย”ดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยบอกพี่ชายของเขา พร้อมส่งยิ้มทะเล้นให้กับพี่ชาย

“ชักทำหน้าทะเล้นบ่อยนะเรา แสดงว่ามีเรื่องปิดบังพี่อยู่ใช่ไหม ถึงทำหน้าแบบนี้ถ้ายังไม่พร้อมที่จะบอกก็ไม่ต้องเอาไว้พร้อมเมื่อไรค่อยบอกพี่ก็แล้วกัน”ชายหนุ่มพูดพลาง ถอดเสื้อเชิ้ตออกจากร่างของเขา เผยแผงอกกำยำล่ำสัน ขนหน้าอกขึ้นเรียงเต็มแผงอกได้รูปสวย ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่ากว้างเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย

ครั้นพี่ชายฝาแฝดเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เจตน์ค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปยังเตียงนอนของพี่ชาย พร้อมก้มลงมองพิจารณาภาพถ่ายของหญิงสาวในชุดไทยโบราณอีกครั้ง เพื่อหาจุดที่จะสามารถค้นหาเจ้าของภาพถ่ายนี้ได้ แต่ไม่ว่าจะหาอย่างไงก็ไม่สามารถหาจุดที่จะสามารถสาวเรื่องราวต่อไปได้เลย

“ผู้หญิงอะไร ทำไมทิ้งปริศนาให้พากันคิดไปต่างๆ นานาได้ถึงขนาดนี้ แต่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน มันคือโชคชะตาและพรหมลิขิตที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว มีอย่างที่ไหนสนามบินพื้นที่กว้างขวางขนาดนั้น ภาพถ่ายขาวดำผู้หญิงคนนี้มันจะมาตกในสนามบินได้อย่างไง ไม่มีใครสนใจที่จะเก็บขึ้นมาดูแต่ดันเป็นพี่อลันเหยียบโดนเข้าให้ เป็นใครก็ต้องคิด ขนาดผีอย่างเรายังคิดเลย”ดวงวิญญาณของเจตน์ รำพึงรำพันด้วยความสงสัยภาพถ่ายหญิงสาวสมัยโบราณที่อยู่ตรงหน้าเขา

สิ่งหนึ่งที่เจตน์เชื่อมั่นว่านี้คือโชคชะตาและพรหมลิขิตของพี่ชายฝาแฝด ที่ถูกกำหนดไว้แล้วล่วงหน้า ผู้หญิงโบราณคนนี้จะต้องเข้ามาเกี่ยวพันกับพี่ชายของเขาอย่างแน่นอน เขาอยู่ในโลกวิญญาณเขาสัมผัสได้กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและสิ่งหนึ่งที่เขารับรู้ก็คือ นับจากนี้ต่อไปพี่ชายฝาแฝดของเขาจะต้องพบเจอกับเหตุการณ์หลายอย่างที่เขาเองไม่สามารถคาดเดาและเล็งเห็นล่วงหน้าได้ รู้แต่เพียงว่าเรื่องดีและเรื่องไม่ดีจะเกิดขึ้นตามมาอย่างพร้อมเพรียงกัน



มณีภัสสร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 พ.ค. 2558, 19:26:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 พ.ค. 2558, 15:04:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 734





<< ตอนที่ 3 สูญเสีย   ตอนที่ 5 ในฝัน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account